พวกอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) แต่เสียงโหวตที่แตกกัน ส่งให้พรรค Alternative for Germany (AfD) พรรคขวาจัด คว้าอันดับ 2 มีผลงานดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจทำให้ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประสบความยุ่งยากในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล
.
แมร์ซ ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งมาก่อน เตรียมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีของชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในภาวะเปราะบาง มีความแตกแยกในสังคมเกี่ยวกับปัญหาคนเข้ามืองและติดแหง็กอยู่ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียและจีน
.
ตามหลังการพังครืนของรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ซ ทาง แมร์ซ วัย 69 ปี รับปากกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงดังกึกก้อง ว่ารัฐบาลของเขามีความตั้งใจทำให้เยอรมนีมีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง เพื่อที่โลกจะสังเกตเห็นว่าเยอรมนีกำลังถูกปกครองด้วยความน่าเชื่อถืออีกครั้ง "คืนนี้เราจะเฉลิมฉลอง ทว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงาน โลกภายนอกรอเราไม่ได้"
.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพันธมิตรอย่าง อีลอน มัสก์ ส่งเสียงสนับสนุนพรรค AfD ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างศึกหาเสียง แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยมบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "แทบเหมือนกับในสหรัฐฯ ประชาชนเยอรมนีเบื่อหน่านกับวาระที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะพลังงานและคนเข้าเมือง ที่ถูกให้ความสำคัญมานานหลายปีเหลือเกิน"
.
ผลการเลือกตั้งพบว่ากลุ่มก้อนอนุรักษนิยมพรรค CDU/CSU คว้าคะแนนเสียงไปได้ 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ได้คะแนนเสียง 20.4% ตามการคาดการณ์ของสำนักข่าว ZDF
.
อย่างไรก็ตาม พรรคกระแสหลักทั้งหลายปฏิเสธทำงานร่วมกับ AfD ที่กวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากศึกเลือกตั้งคราวก่อน และมองผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น "มือของเรายังคงเปิดกว้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล" อลิซ ไวเดล ผู้นำพรรค AfD บอกกับผู้สนับสนุน พร้อมระบุ "ครั้งต่อไป เราจะมาเป็นอันดับ 1"
.
คาดหมายว่า แมร์ซ กำลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เชื่อว่าอาจเป็นการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากไม่ได้ถือครองความได้เปรียบในการเจรจาเท่าไหร่ โดยแม้กลุ่มก้อน CDU/CSU ของเขาจะคว้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือเป็นผลการเลือกตั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของพวกเขาในยุคหลังสงคราม
.
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แมร์ซ จะต้องการพรรคร่วมรัฐบาล 1 หรือ 2 พรรค สำหรับรวบรวมเสียงข้างมาก ในขณะที่ชะตากรรมของบรรดาพรรคขนาดเล็กก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน การจัดตั้งรัฐบาล 3 พรรคก็ยิ่งอาจทำให้อุ้ยอ้ายกว่าเดิม และอาจบั่นทอนศักยภาพของเยอรมนี ในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
.
พรรคโซเชียลเดโมแครตส์ (SPD) ของนายกรัฐมตรีโชลซ์ ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนโหวตเพียง 16.4% และโชลซ์ ยอมรับว่ามันเป็นผลการเลือกตั้งที่เจ็บปวด อ้างอิงการคาดการณ์ของ ZDF ขณะที่พรรคกรีนส์ได้คะแนนเสียง 12.2% ส่วนพรรคซ้ายจัดอย่าง Die Linke ได้คะแนนเสียงเพียง 8.9% แม้ได้รับแรงสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาว
.
อ้างอิงข้อมูลเอ็กซิตโพล พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงถึง 83% มากที่สุดตั้งแต่ก่อนรวมชาติเยอรมนีในปี 1990 ขณะเดียวกันพบว่าผู้ออกเสียงที่เป็นผู้ชายมีความโน้มเอียงไปทางฝ่ายขวา ส่วนผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพรรคฝ่ายซ้าย
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017982
..............
Sondhi X
พวกอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) แต่เสียงโหวตที่แตกกัน ส่งให้พรรค Alternative for Germany (AfD) พรรคขวาจัด คว้าอันดับ 2 มีผลงานดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจทำให้ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประสบความยุ่งยากในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล . แมร์ซ ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งมาก่อน เตรียมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีของชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในภาวะเปราะบาง มีความแตกแยกในสังคมเกี่ยวกับปัญหาคนเข้ามืองและติดแหง็กอยู่ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียและจีน . ตามหลังการพังครืนของรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ซ ทาง แมร์ซ วัย 69 ปี รับปากกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงดังกึกก้อง ว่ารัฐบาลของเขามีความตั้งใจทำให้เยอรมนีมีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง เพื่อที่โลกจะสังเกตเห็นว่าเยอรมนีกำลังถูกปกครองด้วยความน่าเชื่อถืออีกครั้ง "คืนนี้เราจะเฉลิมฉลอง ทว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงาน โลกภายนอกรอเราไม่ได้" . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพันธมิตรอย่าง อีลอน มัสก์ ส่งเสียงสนับสนุนพรรค AfD ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างศึกหาเสียง แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยมบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "แทบเหมือนกับในสหรัฐฯ ประชาชนเยอรมนีเบื่อหน่านกับวาระที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะพลังงานและคนเข้าเมือง ที่ถูกให้ความสำคัญมานานหลายปีเหลือเกิน" . ผลการเลือกตั้งพบว่ากลุ่มก้อนอนุรักษนิยมพรรค CDU/CSU คว้าคะแนนเสียงไปได้ 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ได้คะแนนเสียง 20.4% ตามการคาดการณ์ของสำนักข่าว ZDF . อย่างไรก็ตาม พรรคกระแสหลักทั้งหลายปฏิเสธทำงานร่วมกับ AfD ที่กวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากศึกเลือกตั้งคราวก่อน และมองผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น "มือของเรายังคงเปิดกว้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล" อลิซ ไวเดล ผู้นำพรรค AfD บอกกับผู้สนับสนุน พร้อมระบุ "ครั้งต่อไป เราจะมาเป็นอันดับ 1" . คาดหมายว่า แมร์ซ กำลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เชื่อว่าอาจเป็นการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากไม่ได้ถือครองความได้เปรียบในการเจรจาเท่าไหร่ โดยแม้กลุ่มก้อน CDU/CSU ของเขาจะคว้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือเป็นผลการเลือกตั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของพวกเขาในยุคหลังสงคราม . ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แมร์ซ จะต้องการพรรคร่วมรัฐบาล 1 หรือ 2 พรรค สำหรับรวบรวมเสียงข้างมาก ในขณะที่ชะตากรรมของบรรดาพรรคขนาดเล็กก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน การจัดตั้งรัฐบาล 3 พรรคก็ยิ่งอาจทำให้อุ้ยอ้ายกว่าเดิม และอาจบั่นทอนศักยภาพของเยอรมนี ในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ . พรรคโซเชียลเดโมแครตส์ (SPD) ของนายกรัฐมตรีโชลซ์ ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนโหวตเพียง 16.4% และโชลซ์ ยอมรับว่ามันเป็นผลการเลือกตั้งที่เจ็บปวด อ้างอิงการคาดการณ์ของ ZDF ขณะที่พรรคกรีนส์ได้คะแนนเสียง 12.2% ส่วนพรรคซ้ายจัดอย่าง Die Linke ได้คะแนนเสียงเพียง 8.9% แม้ได้รับแรงสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาว . อ้างอิงข้อมูลเอ็กซิตโพล พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงถึง 83% มากที่สุดตั้งแต่ก่อนรวมชาติเยอรมนีในปี 1990 ขณะเดียวกันพบว่าผู้ออกเสียงที่เป็นผู้ชายมีความโน้มเอียงไปทางฝ่ายขวา ส่วนผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพรรคฝ่ายซ้าย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017982 .............. Sondhi X
Like
1
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว