Intel บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนหลังจากการลาออกของ CEO Pat Gelsinger ในเดือนธันวาคม 2024 และปัจจุบันยังไม่มี CEO คนใหม่ จากรายงานของ Wall Street Journal พบว่า TSMC และ Broadcom กำลังพิจารณาที่จะแยกธุรกิจของ Intel ออกเป็นสองส่วน โดยที่ TSMC สนใจในการเข้าควบคุมโรงงานผลิตชิปของ Intel ในขณะที่ Broadcom กำลังสนใจด้านการออกแบบและการตลาดชิปของบริษัท
อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเจอกับอุปสรรคหลายประการ เช่น กฎระเบียบของรัฐบาล การปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงาน และการต่อต้านทางการเมือง ซึ่งทำให้การเจรจายังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้นและยังไม่แน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจคือ การแยกธุรกิจนี้อาจทำให้ Intel กลับมาอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการสิ้นสุดยุคของ Intel อย่างไรก็ตาม ตลาดเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia และ AMD
ปัจจุบัน Nvidia เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก รองจาก Apple โดยมีมูลค่าประมาณ 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ AMD อยู่ในอันดับที่ 80 โดยมีมูลค่า 183.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ Intel อยู่ในอันดับที่ 173 โดยมีมูลค่า 102.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย Chips Act 2022 ได้กำหนดเงื่อนไขในการรับเงินทุนสนับสนุน 53 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มการผลิตชิปในประเทศ โดย Intel ได้รับส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดถึง 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีข้อกำหนดว่าบริษัทต้องถือหุ้นส่วนใหญ่ในโรงงานของตนหากมีการแยกออกเป็นหน่วยงานย่อย
นอกจากนี้ การปรับปรุงโรงงานของ Intel ให้สามารถผลิตชิปขั้นสูงตามแบบของ TSMC จะเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การทำข้อตกลงนี้ยังต้องรอดูว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของ Intel และความท้าทายที่บริษัทจะต้องเผชิญในตลาดชิปที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบัน
สำหรับลุงแล้วอยากให้บริษัทในยุโรปเข้ามาเทคโอเวอร์ Intel มากกว่า จะได้ Balance อำนาจและราคากันมากขึ้น
https://www.techradar.com/pro/the-end-of-an-era-tsmc-broadcom-could-tear-apart-intels-legendary-business-after-57-years-by-separating-its-foundry-and-chip-design
อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเจอกับอุปสรรคหลายประการ เช่น กฎระเบียบของรัฐบาล การปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงาน และการต่อต้านทางการเมือง ซึ่งทำให้การเจรจายังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้นและยังไม่แน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจคือ การแยกธุรกิจนี้อาจทำให้ Intel กลับมาอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการสิ้นสุดยุคของ Intel อย่างไรก็ตาม ตลาดเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia และ AMD
ปัจจุบัน Nvidia เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก รองจาก Apple โดยมีมูลค่าประมาณ 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ AMD อยู่ในอันดับที่ 80 โดยมีมูลค่า 183.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ Intel อยู่ในอันดับที่ 173 โดยมีมูลค่า 102.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย Chips Act 2022 ได้กำหนดเงื่อนไขในการรับเงินทุนสนับสนุน 53 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มการผลิตชิปในประเทศ โดย Intel ได้รับส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดถึง 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีข้อกำหนดว่าบริษัทต้องถือหุ้นส่วนใหญ่ในโรงงานของตนหากมีการแยกออกเป็นหน่วยงานย่อย
นอกจากนี้ การปรับปรุงโรงงานของ Intel ให้สามารถผลิตชิปขั้นสูงตามแบบของ TSMC จะเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การทำข้อตกลงนี้ยังต้องรอดูว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของ Intel และความท้าทายที่บริษัทจะต้องเผชิญในตลาดชิปที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบัน
สำหรับลุงแล้วอยากให้บริษัทในยุโรปเข้ามาเทคโอเวอร์ Intel มากกว่า จะได้ Balance อำนาจและราคากันมากขึ้น
https://www.techradar.com/pro/the-end-of-an-era-tsmc-broadcom-could-tear-apart-intels-legendary-business-after-57-years-by-separating-its-foundry-and-chip-design
Intel บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนหลังจากการลาออกของ CEO Pat Gelsinger ในเดือนธันวาคม 2024 และปัจจุบันยังไม่มี CEO คนใหม่ จากรายงานของ Wall Street Journal พบว่า TSMC และ Broadcom กำลังพิจารณาที่จะแยกธุรกิจของ Intel ออกเป็นสองส่วน โดยที่ TSMC สนใจในการเข้าควบคุมโรงงานผลิตชิปของ Intel ในขณะที่ Broadcom กำลังสนใจด้านการออกแบบและการตลาดชิปของบริษัท
อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเจอกับอุปสรรคหลายประการ เช่น กฎระเบียบของรัฐบาล การปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงาน และการต่อต้านทางการเมือง ซึ่งทำให้การเจรจายังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้นและยังไม่แน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจคือ การแยกธุรกิจนี้อาจทำให้ Intel กลับมาอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการสิ้นสุดยุคของ Intel อย่างไรก็ตาม ตลาดเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia และ AMD
ปัจจุบัน Nvidia เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก รองจาก Apple โดยมีมูลค่าประมาณ 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ AMD อยู่ในอันดับที่ 80 โดยมีมูลค่า 183.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ Intel อยู่ในอันดับที่ 173 โดยมีมูลค่า 102.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย Chips Act 2022 ได้กำหนดเงื่อนไขในการรับเงินทุนสนับสนุน 53 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มการผลิตชิปในประเทศ โดย Intel ได้รับส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดถึง 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีข้อกำหนดว่าบริษัทต้องถือหุ้นส่วนใหญ่ในโรงงานของตนหากมีการแยกออกเป็นหน่วยงานย่อย
นอกจากนี้ การปรับปรุงโรงงานของ Intel ให้สามารถผลิตชิปขั้นสูงตามแบบของ TSMC จะเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การทำข้อตกลงนี้ยังต้องรอดูว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของ Intel และความท้าทายที่บริษัทจะต้องเผชิญในตลาดชิปที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบัน
สำหรับลุงแล้วอยากให้บริษัทในยุโรปเข้ามาเทคโอเวอร์ Intel มากกว่า จะได้ Balance อำนาจและราคากันมากขึ้น
https://www.techradar.com/pro/the-end-of-an-era-tsmc-broadcom-could-tear-apart-intels-legendary-business-after-57-years-by-separating-its-foundry-and-chip-design
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
54 มุมมอง
0 รีวิว