Thaipublica’s Pick: Mastercard มีแผนยกเลิกใช้หมายเลขบัตรเครดิตภายในปี 2573
.
Mastercard ได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้หมายเลข 16 หลักบนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตภายในปี 2573 เพื่อขจัดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงจากการใช้บัตร
.
หมายเลขที่ใช้ระบุการ์ดในปัจจุบันจะถูกแทนที่รูปแบบดิจิทัล (Tokenisation) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (biometric authentication)
.
ในปี 2565 มาสเตอร์การ์ดได้เพิ่มทางไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้สามารถชำระเงินด้วยรอยยิ้มหรือโบกมือได้
.
รูปแบบใหม่จะมีการแปลงหมายเลขบัตร 16 หลักให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือโทเค็น แล้วจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่มีการแชร์ข้อมูลบัตรเมื่อแตะบัตรหรือโทรศัพท์ หรือชำระเงินออนไลน์
.
การยกเลิกหมายเลขบัตรเครดิตถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการลดการฉ้อโกง การเลิกใช้หมายเลขจะหยุดผู้ฉ้อโกงในการประมวลผลธุรกรรมที่ไม่แสดงบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
.
นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินของเหยื่อที่ถูกละเมิดข้อมูล หากองค์กรไม่สามารถจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินเหล่านี้ได้อีกต่อไป
.
การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่มีการโต้แย้ง ตัวอย่างเช่น การรุกล้ำข้อมูล Optus ในปี 2565 ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าที่เคยมีบัญชีกับบริษัทไว้ในปี 2561 ถูกเปิดเผย
.
การยกเลิกความสามารถขององค์กรในการจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินตั้งแต่แรก ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลนี้จะถูกเปิดเผยในการโจมตีในอนาคต
.
แม้ว่าจะพยายามลดการฉ้อโกง แต่แนวทางใหม่นี้ก็ทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา
.
Mastercard กล่าวว่า ลูกค้าจะใช้โทเค็นที่สร้างโดยแอปธนาคารของลูกค้าหรือไบโอเมตริกซ์แทนหมายเลขบัตร ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารบนมือถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคสูงวัยและผู้พิการจำนวนมากไม่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ก็จะถูกแบ่งแยกออกจากการคุ้มครองรูปแบบใหม่
.
การเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัตรเครดิต การยกเลิกหมายเลขออกจะย้ายช่องโหว่ไปยังโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคม
.
มิจฉาชีพเข้าถึงโทรศัพท์ของเหยื่ออยู่แล้วผ่านการย้ายค่ายมือถือและใช้เบอร์เดิม กับการหลอกลวงด้วยการแอบอ้างหรือปลอมแปลง การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเมื่อพบวิธีใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
.
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์อีกด้วย ซึ่งต่างจากรายละเอียดบัตรเครดิตที่สามารถเปลี่ยนได้เมื่อถูกเปิดเผยในการละเมิดข้อมูล แต่ไบโอเมตริกซ์นั้นตายตัว การมุ่งไปที่ไบโอเมตริกซ์จะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของข้อมูลนี้ และอาจทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องและแก้ไขไม่ได้
.
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การรุกล้ำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ก็เกิดขึ้นได้
.
ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มความปลอดภัยบนเว็บ BioStar 2 ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยลายนิ้วมือและรายละเอียดการจดจำใบหน้าของผู้คนมากกว่าล้านคน ในออสเตรเลียผู้ให้บริการด้านไอทีให้กับบริษัทบันเทิง Outabox ถูกกล่าวหาว่าได้เปิดเผยข้อมูลการจดจำใบหน้าของชาวออสเตรเลียมากกว่าล้านคน
.
เรายังต้องใช้บัตรกันอีกหรือไม่ในอนาคต?
.
แม้ว่าการยกเลิกใช้หมายเลขอาจลดการฉ้อโกงบัตรเครดิต แต่เทคโนโลยีค้าปลีกอัจฉริยะที่เกิดขึ้นใหม่อาจทำให้ความจำเป็นในการใช้บัตรโดยรวมหมดไป
.
การชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงอีกต่อไป GlobalData เผยการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินมือถือ(mobile wallet )ในออสเตรเลียในปี 2566 เติบโต 58% เป็น 146.9 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2567 การชำระเงิน 44% เป็นธุรกรรม ด้วยอุปกรณ์
.
เทคโนโลยี "Just-Walk-Out" ที่เป็นนวัตกรรมของ Amazon ได้ขจัดความจำเป็นที่ผู้บริโภคจะต้องพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้หมดไป
.
เทคโนโลยีนี้ได้ใช้แล้วในร้านค้าที่ Amazon เป็นเจ้าของมากกว่า 70 แห่ง และสถานประกอบการของบุคคลที่สามมากกว่า 85 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา สนามบิน ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ และภายในสถานศึกษา
.
เทคโนโลยีนี้ใช้กล้อง เซ็นเซอร์น้ำหนัก และการผสมผสานของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเพื่อให้ผู้ซื้อในร้านค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องรูดหรือแตะบัตรที่จุดชำระเงิน
.
ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีการนำเสนอโดยผู้จำหน่ายรายอื่นๆ มากมาย รวมถึง Trigo, Cognizant และ Grabango นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ค้าปลีกระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco และ ALDI
.
แม้ว่า Just-Walk-Out จะลดความจำเป็นในการพกพาบัตร แต่ในบางจุดผู้บริโภคยังคงจำเป็นต้องกรอกรายละเอียดบัตรของตนลงในแอป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บัตรและตัวเลขโดยสิ้นเชิง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการค้าปลีกอัจฉริยะจึงหันมาใช้ทางเลือกไบโอเมตริกซ์ เช่น การชำระเงินด้วยการจดจำใบหน้า
.
เมื่อประเมินถึงความเร็วที่เทคโนโลยีการค้าปลีกและการชำระเงินอัจฉริยะเข้าสู่ตลาด ก็มีแนวโน้มว่าบัตรเครดิตที่เป็นบัตร หรือไม่ว่าจะมีหมายเลขหรือไม่มีเลย จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในไม่ช้านี้ และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลือกการชำระเงินแบบไบโอเมตริก
.
เรื่อง: https://www.abc.net.au/news/2025-02-04/mastercard-credit-card-numbers-biometric/104895038
.
ภาพ: https://www.biometricupdate.com/202502/biometrics-tokenization-to-replace-credit-card-numbers-by-2030

ที่มา Thaipublica
https://www.facebook.com/share/p/12KbPkwhRqg/?mibextid=wwXIfr
Thaipublica’s Pick: Mastercard มีแผนยกเลิกใช้หมายเลขบัตรเครดิตภายในปี 2573 . Mastercard ได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้หมายเลข 16 หลักบนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตภายในปี 2573 เพื่อขจัดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงจากการใช้บัตร . หมายเลขที่ใช้ระบุการ์ดในปัจจุบันจะถูกแทนที่รูปแบบดิจิทัล (Tokenisation) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (biometric authentication) . ในปี 2565 มาสเตอร์การ์ดได้เพิ่มทางไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้สามารถชำระเงินด้วยรอยยิ้มหรือโบกมือได้ . รูปแบบใหม่จะมีการแปลงหมายเลขบัตร 16 หลักให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือโทเค็น แล้วจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่มีการแชร์ข้อมูลบัตรเมื่อแตะบัตรหรือโทรศัพท์ หรือชำระเงินออนไลน์ . การยกเลิกหมายเลขบัตรเครดิตถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการลดการฉ้อโกง การเลิกใช้หมายเลขจะหยุดผู้ฉ้อโกงในการประมวลผลธุรกรรมที่ไม่แสดงบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต . นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินของเหยื่อที่ถูกละเมิดข้อมูล หากองค์กรไม่สามารถจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินเหล่านี้ได้อีกต่อไป . การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่มีการโต้แย้ง ตัวอย่างเช่น การรุกล้ำข้อมูล Optus ในปี 2565 ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าที่เคยมีบัญชีกับบริษัทไว้ในปี 2561 ถูกเปิดเผย . การยกเลิกความสามารถขององค์กรในการจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินตั้งแต่แรก ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลนี้จะถูกเปิดเผยในการโจมตีในอนาคต . แม้ว่าจะพยายามลดการฉ้อโกง แต่แนวทางใหม่นี้ก็ทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา . Mastercard กล่าวว่า ลูกค้าจะใช้โทเค็นที่สร้างโดยแอปธนาคารของลูกค้าหรือไบโอเมตริกซ์แทนหมายเลขบัตร ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารบนมือถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคสูงวัยและผู้พิการจำนวนมากไม่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ก็จะถูกแบ่งแยกออกจากการคุ้มครองรูปแบบใหม่ . การเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัตรเครดิต การยกเลิกหมายเลขออกจะย้ายช่องโหว่ไปยังโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคม . มิจฉาชีพเข้าถึงโทรศัพท์ของเหยื่ออยู่แล้วผ่านการย้ายค่ายมือถือและใช้เบอร์เดิม กับการหลอกลวงด้วยการแอบอ้างหรือปลอมแปลง การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเมื่อพบวิธีใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น . นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์อีกด้วย ซึ่งต่างจากรายละเอียดบัตรเครดิตที่สามารถเปลี่ยนได้เมื่อถูกเปิดเผยในการละเมิดข้อมูล แต่ไบโอเมตริกซ์นั้นตายตัว การมุ่งไปที่ไบโอเมตริกซ์จะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของข้อมูลนี้ และอาจทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องและแก้ไขไม่ได้ . แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การรุกล้ำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ก็เกิดขึ้นได้ . ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มความปลอดภัยบนเว็บ BioStar 2 ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยลายนิ้วมือและรายละเอียดการจดจำใบหน้าของผู้คนมากกว่าล้านคน ในออสเตรเลียผู้ให้บริการด้านไอทีให้กับบริษัทบันเทิง Outabox ถูกกล่าวหาว่าได้เปิดเผยข้อมูลการจดจำใบหน้าของชาวออสเตรเลียมากกว่าล้านคน . เรายังต้องใช้บัตรกันอีกหรือไม่ในอนาคต? . แม้ว่าการยกเลิกใช้หมายเลขอาจลดการฉ้อโกงบัตรเครดิต แต่เทคโนโลยีค้าปลีกอัจฉริยะที่เกิดขึ้นใหม่อาจทำให้ความจำเป็นในการใช้บัตรโดยรวมหมดไป . การชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงอีกต่อไป GlobalData เผยการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินมือถือ(mobile wallet )ในออสเตรเลียในปี 2566 เติบโต 58% เป็น 146.9 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2567 การชำระเงิน 44% เป็นธุรกรรม ด้วยอุปกรณ์ . เทคโนโลยี "Just-Walk-Out" ที่เป็นนวัตกรรมของ Amazon ได้ขจัดความจำเป็นที่ผู้บริโภคจะต้องพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้หมดไป . เทคโนโลยีนี้ได้ใช้แล้วในร้านค้าที่ Amazon เป็นเจ้าของมากกว่า 70 แห่ง และสถานประกอบการของบุคคลที่สามมากกว่า 85 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา สนามบิน ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ และภายในสถานศึกษา . เทคโนโลยีนี้ใช้กล้อง เซ็นเซอร์น้ำหนัก และการผสมผสานของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเพื่อให้ผู้ซื้อในร้านค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องรูดหรือแตะบัตรที่จุดชำระเงิน . ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีการนำเสนอโดยผู้จำหน่ายรายอื่นๆ มากมาย รวมถึง Trigo, Cognizant และ Grabango นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ค้าปลีกระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco และ ALDI . แม้ว่า Just-Walk-Out จะลดความจำเป็นในการพกพาบัตร แต่ในบางจุดผู้บริโภคยังคงจำเป็นต้องกรอกรายละเอียดบัตรของตนลงในแอป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บัตรและตัวเลขโดยสิ้นเชิง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการค้าปลีกอัจฉริยะจึงหันมาใช้ทางเลือกไบโอเมตริกซ์ เช่น การชำระเงินด้วยการจดจำใบหน้า . เมื่อประเมินถึงความเร็วที่เทคโนโลยีการค้าปลีกและการชำระเงินอัจฉริยะเข้าสู่ตลาด ก็มีแนวโน้มว่าบัตรเครดิตที่เป็นบัตร หรือไม่ว่าจะมีหมายเลขหรือไม่มีเลย จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในไม่ช้านี้ และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลือกการชำระเงินแบบไบโอเมตริก . เรื่อง: https://www.abc.net.au/news/2025-02-04/mastercard-credit-card-numbers-biometric/104895038 . ภาพ: https://www.biometricupdate.com/202502/biometrics-tokenization-to-replace-credit-card-numbers-by-2030 ที่มา Thaipublica https://www.facebook.com/share/p/12KbPkwhRqg/?mibextid=wwXIfr
WWW.ABC.NET.AU
Mastercard is scrapping credit card numbers by 2030 as cards become obsolete
Physical credit cards, numberless or not, will soon become redundant, as biometric payment options become more popular.
Like
1
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว