สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข
.
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา
.
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้
.
“รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ
.
ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง”
.
“เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ
.
ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า”
.
คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว
.
สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย
.
ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย
.
โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau)
.
อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว
.
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX
.
อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย
.
ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก
.
ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687
..............
Sondhi X
สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข . ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา . อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้ . “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ . ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” . “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ . ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า” . คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว . สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย . ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย . โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau) . อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว . ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX . อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย . ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก . ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687 .............. Sondhi X
Haha
Like
3
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว