คำอธิบาย: จิตตั้งมั่นแต่ยังมีความขุ่นมัวคืออะไร?

การที่จิตตั้งมั่นอยู่แต่อีกส่วนหนึ่งยังมีความขุ่นมัวนั้น เป็น "การปรุงแต่งของจิต" ในปัจจุบันขณะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจิตตั้งมั่นจะต้องใสสะอาดหรือปราศจากความคิดหรืออารมณ์เสมอไป จิตยังคงสามารถมีความขุ่นมัวหรือความคิดแทรกเข้ามาได้ในเวลาเดียวกัน

---

หลักการมองจิตตั้งมั่นและความขุ่นมัว

1. จิตตั้งมั่น (ขณิกสมาธิ)

มีความนิ่งสงบในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่สมาธิที่ลึกจนไร้การปรุงแต่ง

ขณะที่จิตตั้งมั่น อาจมีความคิดหรืออารมณ์ผ่านเข้ามาเป็นสายๆ ซึ่งสามารถแยกออกได้ว่าเป็นสิ่งที่ "อยู่นอกจิต"

2. ความขุ่นมัว (การปรุงแต่ง)

เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งที่เข้ามากระทบจิต เช่น ความฟุ้งซ่าน ความกังวล หรือความหม่นหมอง

ความขุ่นมัวเป็นสิ่งนอกตัว ไม่ใช่ตัวเรา เพียงแค่รู้ว่ามันมีอยู่ ไม่ต้องตัดสินหรือพยายามขจัด

3. การจำแนกภายใน-ภายนอก

จิตที่ตั้งมั่นเป็น "อายตนะภายใน"

ความคิดหรือความขุ่นมัวเป็น "อายตนะภายนอก"

การเห็นสิ่งเหล่านี้แยกกันอย่างชัดเจน คือผลของสมาธิและสัมมาทิฏฐิ

---

วิธีปฏิบัติต่อความขุ่นมัว

1. รู้และยอมรับโดยไม่แทรกแซง

เมื่อความขุ่นมัวเกิดขึ้น ให้สังเกตอย่างเป็นกลาง รู้ว่ามันมีอยู่ ไม่ต้องตั้งคำถามหรือหาคำตอบ

“จิตตั้งมั่น แต่มีความขุ่นมัว” แค่รู้เท่านั้น และเฝ้าดูว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

2. เห็นความไม่เที่ยง

ความขุ่นมัวจะมาและไปตามธรรมชาติ เมื่อความหม่นหมองจางหายไป จิตจะกลับมาผ่องใสอีกครั้ง

กระบวนการนี้ช่วยให้เราเห็นความไม่เที่ยงของอารมณ์และสภาวธรรม

3. อย่าตั้งข้อสงสัยหรือพยายามแก้ไข

หากเราตั้งคำถามว่า "จะทำอย่างไรให้หาย?" ความฟุ้งซ่านจะเข้ามาปกคลุมจิตแทนความขุ่นมัว

เพียงแค่รู้ ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงใดๆ

---

ผลที่ได้จากการปฏิบัติ

การสังเกตโดยไม่แทรกแซงช่วยให้ สติและปัญญาเจริญขึ้น

จิตจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น มีความตั้งมั่นที่มั่นคงและผ่องใสมากขึ้น

เมื่อเผชิญกับความขุ่นมัวครั้งต่อไป เราจะสามารถรับมือได้ดีขึ้นและไม่ถูกมันครอบงำ

---

สรุป:
การที่จิตตั้งมั่นแต่อีกส่วนยังมีความขุ่นมัว เป็นธรรมชาติของการปรุงแต่งในปัจจุบันขณะ สิ่งสำคัญคือ ไม่ต้องขจัดหรือแก้ไข แต่ให้สังเกตและรู้ทันอย่างเป็นกลาง สุดท้ายความขุ่นมัวจะจางไปเอง และจิตที่ตั้งมั่นจะผ่องใสมากขึ้น พร้อมให้เราเห็นความไม่เที่ยงอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น!
คำอธิบาย: จิตตั้งมั่นแต่ยังมีความขุ่นมัวคืออะไร? การที่จิตตั้งมั่นอยู่แต่อีกส่วนหนึ่งยังมีความขุ่นมัวนั้น เป็น "การปรุงแต่งของจิต" ในปัจจุบันขณะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจิตตั้งมั่นจะต้องใสสะอาดหรือปราศจากความคิดหรืออารมณ์เสมอไป จิตยังคงสามารถมีความขุ่นมัวหรือความคิดแทรกเข้ามาได้ในเวลาเดียวกัน --- หลักการมองจิตตั้งมั่นและความขุ่นมัว 1. จิตตั้งมั่น (ขณิกสมาธิ) มีความนิ่งสงบในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่สมาธิที่ลึกจนไร้การปรุงแต่ง ขณะที่จิตตั้งมั่น อาจมีความคิดหรืออารมณ์ผ่านเข้ามาเป็นสายๆ ซึ่งสามารถแยกออกได้ว่าเป็นสิ่งที่ "อยู่นอกจิต" 2. ความขุ่นมัว (การปรุงแต่ง) เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งที่เข้ามากระทบจิต เช่น ความฟุ้งซ่าน ความกังวล หรือความหม่นหมอง ความขุ่นมัวเป็นสิ่งนอกตัว ไม่ใช่ตัวเรา เพียงแค่รู้ว่ามันมีอยู่ ไม่ต้องตัดสินหรือพยายามขจัด 3. การจำแนกภายใน-ภายนอก จิตที่ตั้งมั่นเป็น "อายตนะภายใน" ความคิดหรือความขุ่นมัวเป็น "อายตนะภายนอก" การเห็นสิ่งเหล่านี้แยกกันอย่างชัดเจน คือผลของสมาธิและสัมมาทิฏฐิ --- วิธีปฏิบัติต่อความขุ่นมัว 1. รู้และยอมรับโดยไม่แทรกแซง เมื่อความขุ่นมัวเกิดขึ้น ให้สังเกตอย่างเป็นกลาง รู้ว่ามันมีอยู่ ไม่ต้องตั้งคำถามหรือหาคำตอบ “จิตตั้งมั่น แต่มีความขุ่นมัว” แค่รู้เท่านั้น และเฝ้าดูว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร 2. เห็นความไม่เที่ยง ความขุ่นมัวจะมาและไปตามธรรมชาติ เมื่อความหม่นหมองจางหายไป จิตจะกลับมาผ่องใสอีกครั้ง กระบวนการนี้ช่วยให้เราเห็นความไม่เที่ยงของอารมณ์และสภาวธรรม 3. อย่าตั้งข้อสงสัยหรือพยายามแก้ไข หากเราตั้งคำถามว่า "จะทำอย่างไรให้หาย?" ความฟุ้งซ่านจะเข้ามาปกคลุมจิตแทนความขุ่นมัว เพียงแค่รู้ ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงใดๆ --- ผลที่ได้จากการปฏิบัติ การสังเกตโดยไม่แทรกแซงช่วยให้ สติและปัญญาเจริญขึ้น จิตจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น มีความตั้งมั่นที่มั่นคงและผ่องใสมากขึ้น เมื่อเผชิญกับความขุ่นมัวครั้งต่อไป เราจะสามารถรับมือได้ดีขึ้นและไม่ถูกมันครอบงำ --- สรุป: การที่จิตตั้งมั่นแต่อีกส่วนยังมีความขุ่นมัว เป็นธรรมชาติของการปรุงแต่งในปัจจุบันขณะ สิ่งสำคัญคือ ไม่ต้องขจัดหรือแก้ไข แต่ให้สังเกตและรู้ทันอย่างเป็นกลาง สุดท้ายความขุ่นมัวจะจางไปเอง และจิตที่ตั้งมั่นจะผ่องใสมากขึ้น พร้อมให้เราเห็นความไม่เที่ยงอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น!
0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews