อิสราเอลประกาศโจมตีทางอากาศเล่นงานคลังอาวุธหนักในซีเรียต่อ รวมทั้งคงกำลังทหารภาคพื้นดินใน “จำนวนจำกัด” เข้าเขตปลอดทหารในซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสุญญากาศหลังรัฐบาลอัสซาดถูกโค่นล้ม ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งทำเนียบเครมลินยืนยันว่า ปูตินไฟเขียวอดีตผู้นำซีเรียลี้ภัยทางการเมืองในรัสเซีย
.
สำหรับบรรยากาศในกรุงดามัสกัสของซีเรียตอนเช้าวันจันทร์ (9 ธ.ค.) พวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าค่อนข้างเงียบสงบ หลังกลุ่มกบฏประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา โดยที่ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดและถนนว่างเปล่า มีเพียงสมาชิกกลุ่มกบฏและรถที่ติดป้ายทะเบียนเมืองอิดลิบ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและเป็นที่มั่นสำคัญของพวกกบฏที่นำโดยกลุ่ม ฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งเปิดฉากบุกสายฟ้าแลบเมื่อ 12 วันก่อน จากเมืองอะเลปโป ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย จนสามารถบุกเข้าสู่ดามัสกัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ และโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อวันอาทิตย์ (8)
.
ชัยชนะดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากการปกครองแบบเผด็จการรวบอำนาจของตระกูลอัสซาดที่ดำเนินต่อเนื่องมากว่าครึ่งศตวรรษ รวมทั้งสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนซึ่งสร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ คร่าชีวิตผู้คนนับแสน และนำไปสู่หนึ่งในวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยใหม่
.
อบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี ผู้นำของเอชทีเอส ประกาศต่อหน้าฝูงชนที่ออกมาร่วมเฉลิมฉลองการโค่นล้มระบอบปกครองอัสซาด ที่มัสยิดอุมัยยัด ในดามัสกัสเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะฟื้นฟูและสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้แก่ซีเรีย และทำให้ซีเรียเป็นแรงบันดาลใจสำหรับประเทศอิสลาม
.
อย่างไรก็ดี เอชทีเอสซึ่งเป็นแกนนำของแนวร่วมกลุ่มกบฏบุกเข้าตึดามัสกัสสำเร็จคราวนี้ เดิมทีมีชื่อว่าอัล นุสรา ฟรอนต์ ที่เป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์ และถึงแม้ กอลานีได้ประกาศสะบั้นสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังกลุ่มนี้ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ทว่าจนถึงเวลานี้ยังคงถูกยูเอ็นตลอดจนประเทศส่วนใหญ่ประทับตราว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ดังนั้นอนาคตของซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป ยังเป็นที่จับตามองกันด้วยความระแวดระวังทั้งจากชาติเพื่อนบ้านในตะวันออกกลาง และจากโลกตะวันตก
.
ขณะเดียวกัน อิสราเอลซึ่งมีชายแดนติดต่อกับซีเรีย รวมทั้งได้เข้ายึดครองที่ราบสูงโกลาน และต่อมาก็ประกาศผนวกดินแดนแห่งนี้เป็นของตน ถึงแม้ไม่เป็นที่รับรองของนานาชาติ ก็เฝ้ามองวิกฤตการณ์ในซีเรียด้วยความหวังระคนความกังวล สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างพลิกผันรวดเร็วครั้งนี้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดในตะวันออกกลางในรอบหลายปีที่ผ่านมา
.
ถึงแม้การที่ซีเรียหลุดจากอำนาจของอัสซาด ได้ช่วยทำลายป้อมปราการสำคัญแห่งหนึ่งที่อิหร่าน ศัตรูตัวกลั่นของอิสราเอล ใช้ในการขยายอิทธิพลในตะวันออกกลาง ทว่า ชัยชนะของกลุ่มกบฏที่แกนนำมีรากเหง้ามาจากกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ ซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงสำคัญ
.
รัฐมนตรีกลาโหม อิสราเอล แคตซ์ ของรัฐยิว เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า กองทัพอิสราเอลจะเข้าทำลายอาวุธหนักเชิงยุทธศาสตร์ในตลอดทั่วซีเรีย โดยรวมถึงพวกขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น ขีปนาวุธร่อน จรวดยุทธวิธีพิสัยไกล ขีปนาวุธที่ติดตั้งตามแนวชายฝั่ง และอาวุธเคมี
.
เจ้าหน้าที่อาวุโสอิสราเอลคนหนึ่งระบุว่า จะมีการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องอีกหลายวัน ขณะที่ กีเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่า อิสราเอลไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในของซีเรีย แต่ต้องการเพียงปกป้องประชาชนของตน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำลายอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ในซีเรียเพื่อไม่ให้ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มลัทธิสุดโต่ง แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่า อิสราเอลโจมตีที่ไหนและเมื่อใด
.
นอกจากนั้น มีรายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ (8) กองทัพอิสราเอลยังส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าสู่เขตปลอดทหารในซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่กันชนขนาด 400 ตารางกิโลเมตรที่ตั้งขึ้นตามข้อตกลงแบ่งแยกกองกำลังปี 1974 ที่มุ่งแบ่งแยกกำลังของอิสราเอลและซีเรียให้ห่างจากกัน แล้วให้กองกำลังสังเกตการณ์การยุติการสู้รบขัดแย้งของสหประชาชาติเป็นผู้เข้าไปควบคุมดูแล
.
ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า อนาคตของฐานทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องทำคือติดต่อกับผู้มีอำนาจด้านความมั่นคงในซีเรีย นอกจากนั้น กองทัพรัสเซียยังกำลังดำเนินมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็นทั้งหมด
.
รัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของอัสซาด มีฐานทัพอากาศฮไมมิม ตั้งอยู่ในจังหวัดลาตาเกีย รวมทั้งมีฐานทัพเรือที่จังหวัดทาร์ตัสของซีเรีย และมีโรงงานในทาร์ตัส ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและเติมเสบียงเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนั้นที่ผ่านมารัสเซียยังใช้ซีเรียเป็นจุดแวะพัก ในการขนส่งพวกผู้รับเหมาด้านกลาโหมเดินทางเข้าและออกจากแอฟริกา
.
เปสคอฟยังยืนยันว่า อัสซาดได้รับอนุญาตจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้ลี้ภัยในรัสเซีย ทว่าไม่ยอมตอบว่าตอนนี้อัสซาดอยู่ที่ไหน บอกเพียงว่า ยังไม่มีกำหนดการการพบกันระหว่างปูตินกับอัสซาดในขณะนี้
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118429
..............
Sondhi X
อิสราเอลประกาศโจมตีทางอากาศเล่นงานคลังอาวุธหนักในซีเรียต่อ รวมทั้งคงกำลังทหารภาคพื้นดินใน “จำนวนจำกัด” เข้าเขตปลอดทหารในซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสุญญากาศหลังรัฐบาลอัสซาดถูกโค่นล้ม ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งทำเนียบเครมลินยืนยันว่า ปูตินไฟเขียวอดีตผู้นำซีเรียลี้ภัยทางการเมืองในรัสเซีย . สำหรับบรรยากาศในกรุงดามัสกัสของซีเรียตอนเช้าวันจันทร์ (9 ธ.ค.) พวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าค่อนข้างเงียบสงบ หลังกลุ่มกบฏประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา โดยที่ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดและถนนว่างเปล่า มีเพียงสมาชิกกลุ่มกบฏและรถที่ติดป้ายทะเบียนเมืองอิดลิบ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและเป็นที่มั่นสำคัญของพวกกบฏที่นำโดยกลุ่ม ฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งเปิดฉากบุกสายฟ้าแลบเมื่อ 12 วันก่อน จากเมืองอะเลปโป ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย จนสามารถบุกเข้าสู่ดามัสกัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ และโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อวันอาทิตย์ (8) . ชัยชนะดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากการปกครองแบบเผด็จการรวบอำนาจของตระกูลอัสซาดที่ดำเนินต่อเนื่องมากว่าครึ่งศตวรรษ รวมทั้งสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนซึ่งสร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ คร่าชีวิตผู้คนนับแสน และนำไปสู่หนึ่งในวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยใหม่ . อบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี ผู้นำของเอชทีเอส ประกาศต่อหน้าฝูงชนที่ออกมาร่วมเฉลิมฉลองการโค่นล้มระบอบปกครองอัสซาด ที่มัสยิดอุมัยยัด ในดามัสกัสเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะฟื้นฟูและสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้แก่ซีเรีย และทำให้ซีเรียเป็นแรงบันดาลใจสำหรับประเทศอิสลาม . อย่างไรก็ดี เอชทีเอสซึ่งเป็นแกนนำของแนวร่วมกลุ่มกบฏบุกเข้าตึดามัสกัสสำเร็จคราวนี้ เดิมทีมีชื่อว่าอัล นุสรา ฟรอนต์ ที่เป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์ และถึงแม้ กอลานีได้ประกาศสะบั้นสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังกลุ่มนี้ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ทว่าจนถึงเวลานี้ยังคงถูกยูเอ็นตลอดจนประเทศส่วนใหญ่ประทับตราว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ดังนั้นอนาคตของซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป ยังเป็นที่จับตามองกันด้วยความระแวดระวังทั้งจากชาติเพื่อนบ้านในตะวันออกกลาง และจากโลกตะวันตก . ขณะเดียวกัน อิสราเอลซึ่งมีชายแดนติดต่อกับซีเรีย รวมทั้งได้เข้ายึดครองที่ราบสูงโกลาน และต่อมาก็ประกาศผนวกดินแดนแห่งนี้เป็นของตน ถึงแม้ไม่เป็นที่รับรองของนานาชาติ ก็เฝ้ามองวิกฤตการณ์ในซีเรียด้วยความหวังระคนความกังวล สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างพลิกผันรวดเร็วครั้งนี้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดในตะวันออกกลางในรอบหลายปีที่ผ่านมา . ถึงแม้การที่ซีเรียหลุดจากอำนาจของอัสซาด ได้ช่วยทำลายป้อมปราการสำคัญแห่งหนึ่งที่อิหร่าน ศัตรูตัวกลั่นของอิสราเอล ใช้ในการขยายอิทธิพลในตะวันออกกลาง ทว่า ชัยชนะของกลุ่มกบฏที่แกนนำมีรากเหง้ามาจากกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ ซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงสำคัญ . รัฐมนตรีกลาโหม อิสราเอล แคตซ์ ของรัฐยิว เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า กองทัพอิสราเอลจะเข้าทำลายอาวุธหนักเชิงยุทธศาสตร์ในตลอดทั่วซีเรีย โดยรวมถึงพวกขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น ขีปนาวุธร่อน จรวดยุทธวิธีพิสัยไกล ขีปนาวุธที่ติดตั้งตามแนวชายฝั่ง และอาวุธเคมี . เจ้าหน้าที่อาวุโสอิสราเอลคนหนึ่งระบุว่า จะมีการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องอีกหลายวัน ขณะที่ กีเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่า อิสราเอลไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในของซีเรีย แต่ต้องการเพียงปกป้องประชาชนของตน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำลายอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ในซีเรียเพื่อไม่ให้ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มลัทธิสุดโต่ง แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่า อิสราเอลโจมตีที่ไหนและเมื่อใด . นอกจากนั้น มีรายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ (8) กองทัพอิสราเอลยังส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าสู่เขตปลอดทหารในซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่กันชนขนาด 400 ตารางกิโลเมตรที่ตั้งขึ้นตามข้อตกลงแบ่งแยกกองกำลังปี 1974 ที่มุ่งแบ่งแยกกำลังของอิสราเอลและซีเรียให้ห่างจากกัน แล้วให้กองกำลังสังเกตการณ์การยุติการสู้รบขัดแย้งของสหประชาชาติเป็นผู้เข้าไปควบคุมดูแล . ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า อนาคตของฐานทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องทำคือติดต่อกับผู้มีอำนาจด้านความมั่นคงในซีเรีย นอกจากนั้น กองทัพรัสเซียยังกำลังดำเนินมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็นทั้งหมด . รัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของอัสซาด มีฐานทัพอากาศฮไมมิม ตั้งอยู่ในจังหวัดลาตาเกีย รวมทั้งมีฐานทัพเรือที่จังหวัดทาร์ตัสของซีเรีย และมีโรงงานในทาร์ตัส ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและเติมเสบียงเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนั้นที่ผ่านมารัสเซียยังใช้ซีเรียเป็นจุดแวะพัก ในการขนส่งพวกผู้รับเหมาด้านกลาโหมเดินทางเข้าและออกจากแอฟริกา . เปสคอฟยังยืนยันว่า อัสซาดได้รับอนุญาตจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้ลี้ภัยในรัสเซีย ทว่าไม่ยอมตอบว่าตอนนี้อัสซาดอยู่ที่ไหน บอกเพียงว่า ยังไม่มีกำหนดการการพบกันระหว่างปูตินกับอัสซาดในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118429 .............. Sondhi X
Like
Angry
3
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว