สหรัฐฯจะปรับยุทธศาสตร์ป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเอง เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่างๆนานาจากรัสเซียและจีน อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอน
.
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(21พ.ย.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯะบุว่า "พวกศัตรูที่ทัดเทียมทางนิวเคลียร์หลายชาติ ท้าทายความมั่นคงของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู" พร้อมระบุประเทศเหล่านี้กำลังยกระดับคลังแสงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆและกำลังปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
.
ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม ชี้เป้าที่ไปรัสเซียและจีน พร้อมเน้นว่าบางทีสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องปรับแก้ Nuclear Posture Review ปี 2022 เพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปรามทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาเน้นว่าความพยายามปรับปรุงทางนิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น อาจจะไม่เพียงพอ
.
จอห์นสัน กล่าวถึงความกังวลเหล่านี้ โดยชี้ว่า "เพนตากอนได้ใช้ก้าวย่างต่างๆนานา ในการยกระดับความสามารถในภาคสนามในการเสริมการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางนิวเคลียร์" ซึ่งองค์ประกอบหลักของมาตรการนี้ก็คือ การประจำการระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 เพิ่มความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์และยกระดับแสนยานุภาพของกองเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ
.
ก่อนหน้านี้เพนตากอนแถลงประจำการระเบิด B61 รุ่นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และบอกว่ามันจะเข้ามาแทนที่เวอร์ชันเก่าบางรุ่น และมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่สหรัฐฯในการจัดการกับเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ขนาดใหญ่และยากลำบากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามวอชิงตันเน้นย้ำว่าการประจำการ B61-13 ไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ใดๆในปัจจุบัน และจะไม่เป็นการเพิ่มสต๊อกนิวเคลียร์ในภาพรวม
.
เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ คือองค์ประกอบหลักของ "สามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad)" ของสหรัฐฯ และออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับป้องปรามทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ สามารถติดขีปนาวุธไทรแดนท์ ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร
.
ความเห็นของ จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เอกสารที่มีการปรับแก้นั้นกำหนดให้ "การรุกรานเล่นงานสหพันธรัฐรัสเซียและ/หรือชาติพันธมิตร โดยรัฐหนึ่งที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจากประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกมองในฐานะเป็นการโจมตีร่วม"
.
ปูติน อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรตะวันตกหลายชาติของอเมริกา ไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้ โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย แม้มอสโกเคยเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และผลก็คือเป็นการลากนาโตเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง
.
ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน รัสเซียปฏิบัติการโจมตียูเครน ด้วยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางล่าสุด Oreshnik พร้อมระบุมันเป็นการตอบโต้การโจมตีข้ามชายแดนของเคียฟ ที่ใช้ระบบ ATACMS และ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่นเดียวกับขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113055
..............
Sondhi X
สหรัฐฯจะปรับยุทธศาสตร์ป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเอง เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่างๆนานาจากรัสเซียและจีน อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอน . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(21พ.ย.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯะบุว่า "พวกศัตรูที่ทัดเทียมทางนิวเคลียร์หลายชาติ ท้าทายความมั่นคงของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู" พร้อมระบุประเทศเหล่านี้กำลังยกระดับคลังแสงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆและกำลังปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น . ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม ชี้เป้าที่ไปรัสเซียและจีน พร้อมเน้นว่าบางทีสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องปรับแก้ Nuclear Posture Review ปี 2022 เพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปรามทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาเน้นว่าความพยายามปรับปรุงทางนิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น อาจจะไม่เพียงพอ . จอห์นสัน กล่าวถึงความกังวลเหล่านี้ โดยชี้ว่า "เพนตากอนได้ใช้ก้าวย่างต่างๆนานา ในการยกระดับความสามารถในภาคสนามในการเสริมการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางนิวเคลียร์" ซึ่งองค์ประกอบหลักของมาตรการนี้ก็คือ การประจำการระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 เพิ่มความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์และยกระดับแสนยานุภาพของกองเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ . ก่อนหน้านี้เพนตากอนแถลงประจำการระเบิด B61 รุ่นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และบอกว่ามันจะเข้ามาแทนที่เวอร์ชันเก่าบางรุ่น และมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่สหรัฐฯในการจัดการกับเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ขนาดใหญ่และยากลำบากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามวอชิงตันเน้นย้ำว่าการประจำการ B61-13 ไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ใดๆในปัจจุบัน และจะไม่เป็นการเพิ่มสต๊อกนิวเคลียร์ในภาพรวม . เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ คือองค์ประกอบหลักของ "สามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad)" ของสหรัฐฯ และออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับป้องปรามทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ สามารถติดขีปนาวุธไทรแดนท์ ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร . ความเห็นของ จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เอกสารที่มีการปรับแก้นั้นกำหนดให้ "การรุกรานเล่นงานสหพันธรัฐรัสเซียและ/หรือชาติพันธมิตร โดยรัฐหนึ่งที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจากประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกมองในฐานะเป็นการโจมตีร่วม" . ปูติน อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรตะวันตกหลายชาติของอเมริกา ไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้ โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย แม้มอสโกเคยเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และผลก็คือเป็นการลากนาโตเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง . ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน รัสเซียปฏิบัติการโจมตียูเครน ด้วยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางล่าสุด Oreshnik พร้อมระบุมันเป็นการตอบโต้การโจมตีข้ามชายแดนของเคียฟ ที่ใช้ระบบ ATACMS และ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่นเดียวกับขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113055 .............. Sondhi X
Like
Haha
3
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว