เส้นทาง‘สุรเชชษฐ์’หลังศาลยกคำร้องอุทธรณ์
.
เผอิญมันก็มีข่าวกระฉ่อนเลย ทุกวงการ ว่ามีคนทำเงินตก 100 ล้านบ้าง 200 ล้านบ้าง 250 ล้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่มีผลทำให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดเรียกประชุมองค์คณะใหญ่ทันที และเอาเรื่องที่องค์คณะเล็กพิจารณาแล้ว เข้าเลย ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมีมติไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วมิหนำซ้ำ คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากตำรวจนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง ก็ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว รอเพียงการแถลงของเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง
.
วัตถุประสงค์ของสุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ต้องการกลับไป มีอยู่ข้อเดียว ต้องการไปใช้สิทธิ์ของตัวเองในฐานะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสอันดับหนึ่งที่เขาภูมิใจมาก เขาน่าจะรู้ดีว่าในช่วง 2 ปีจากนี้ไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั้น อย่างไรก็ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะโค่นล้มได้ เพราะถูกต้องตามกฎหมาย
.
จะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเกษียณอายุ แล้วต้องเสนอรายชื่อคนที่จะเข้าไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ซึ่งผมคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มองประเด็นนี้มากกว่า เพราะความเป็นคนช่างฟ้อง และภูมิใจมากกับการเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษษฐ์ เอง ก็ลืมนึกไปว่า ในพระราชบัญญัติตำรวจชุดใหม่นี้ เขาไม่ได้ห้ามให้คณะกรรมการสามารถคัดเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่อาวุโสอันดับหนึ่งได้ เปิดช่องเอาไว้
.
ในกรณีนี้ผมคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ชัดเจนว่า นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณเอาตำรวจซึ่งถูกคดีอาญา ถูกหมายจับจากศาล แล้วมีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ถึงแม้จะยังไม่มีการชี้มูลว่าผิดหรือไม่ผิด แต่มีการกล่าวหาไปแล้ว ส่งเข้าไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา แค่นี้ก็เป็นตำหนิที่สำคัญมากแล้ว คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ก็ต้องคำนึงถึง "ความเหมาะสม" ตรงนี้ด้วย
.
ณ วันนี้ สุรเชชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับเข้าตำรวจ และไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ตำรวจซึ่งเป็นลูกน้อง สุรเชชษฐ์ หักพาล รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนข้างสุรเชชษฐ์ มาตลอด ก็คือคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตีปี๊บขยับปีกดีอกดีใจจังว่านายกูจะกลับมาแล้ว แต่พวกนี้ลืมไปอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเขาจะต้องแช่แข็งเด็กสาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ลูกน้องคุณสุรเชชษฐ์ หักพาล และผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หน่วยงานที่จะต้องรื้อถึงรากถึงโคนเลยก็คือ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะนั่นเป็นฐานอำนาจของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
.
แล้วพอคนใหม่ขึ้นมาอีก หลังจากที่สุรเชชษฐ์ ฟ้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาลปกครองเมื่อดูข้อมูล ดู พ.ร.บ.แล้ว ดูคำว่า "เหมาะสม" ว่าอาวุโสอันดับหนึ่งไม่เหมาะสม เพราะโดนหมายจับ โดนคดีอาญา โดนร้องไปที่ ป.ป.ช. ตั้ง 3-4 คดี เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่เหมาะสม ให้ไปที่คนที่สอง ถ้าคนที่สองขึ้นมา เขาก็อยู่อีก 2 ปี ก็เช่นกัน สองปีนี้ตำรวจสายสุรเชชษฐ์ หักพาล ก็จะถูกแช่แข็งต่อไปอีก 2 ปี สรุปแล้วแช่แข็งไป 4 ปี นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี
เส้นทาง‘สุรเชชษฐ์’หลังศาลยกคำร้องอุทธรณ์ . เผอิญมันก็มีข่าวกระฉ่อนเลย ทุกวงการ ว่ามีคนทำเงินตก 100 ล้านบ้าง 200 ล้านบ้าง 250 ล้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่มีผลทำให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดเรียกประชุมองค์คณะใหญ่ทันที และเอาเรื่องที่องค์คณะเล็กพิจารณาแล้ว เข้าเลย ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมีมติไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วมิหนำซ้ำ คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากตำรวจนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง ก็ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว รอเพียงการแถลงของเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง . วัตถุประสงค์ของสุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ต้องการกลับไป มีอยู่ข้อเดียว ต้องการไปใช้สิทธิ์ของตัวเองในฐานะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสอันดับหนึ่งที่เขาภูมิใจมาก เขาน่าจะรู้ดีว่าในช่วง 2 ปีจากนี้ไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั้น อย่างไรก็ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะโค่นล้มได้ เพราะถูกต้องตามกฎหมาย . จะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเกษียณอายุ แล้วต้องเสนอรายชื่อคนที่จะเข้าไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ซึ่งผมคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มองประเด็นนี้มากกว่า เพราะความเป็นคนช่างฟ้อง และภูมิใจมากกับการเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษษฐ์ เอง ก็ลืมนึกไปว่า ในพระราชบัญญัติตำรวจชุดใหม่นี้ เขาไม่ได้ห้ามให้คณะกรรมการสามารถคัดเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่อาวุโสอันดับหนึ่งได้ เปิดช่องเอาไว้ . ในกรณีนี้ผมคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ชัดเจนว่า นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณเอาตำรวจซึ่งถูกคดีอาญา ถูกหมายจับจากศาล แล้วมีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ถึงแม้จะยังไม่มีการชี้มูลว่าผิดหรือไม่ผิด แต่มีการกล่าวหาไปแล้ว ส่งเข้าไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา แค่นี้ก็เป็นตำหนิที่สำคัญมากแล้ว คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ก็ต้องคำนึงถึง "ความเหมาะสม" ตรงนี้ด้วย . ณ วันนี้ สุรเชชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับเข้าตำรวจ และไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ตำรวจซึ่งเป็นลูกน้อง สุรเชชษฐ์ หักพาล รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนข้างสุรเชชษฐ์ มาตลอด ก็คือคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตีปี๊บขยับปีกดีอกดีใจจังว่านายกูจะกลับมาแล้ว แต่พวกนี้ลืมไปอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเขาจะต้องแช่แข็งเด็กสาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ลูกน้องคุณสุรเชชษฐ์ หักพาล และผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หน่วยงานที่จะต้องรื้อถึงรากถึงโคนเลยก็คือ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะนั่นเป็นฐานอำนาจของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล . แล้วพอคนใหม่ขึ้นมาอีก หลังจากที่สุรเชชษฐ์ ฟ้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาลปกครองเมื่อดูข้อมูล ดู พ.ร.บ.แล้ว ดูคำว่า "เหมาะสม" ว่าอาวุโสอันดับหนึ่งไม่เหมาะสม เพราะโดนหมายจับ โดนคดีอาญา โดนร้องไปที่ ป.ป.ช. ตั้ง 3-4 คดี เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่เหมาะสม ให้ไปที่คนที่สอง ถ้าคนที่สองขึ้นมา เขาก็อยู่อีก 2 ปี ก็เช่นกัน สองปีนี้ตำรวจสายสุรเชชษฐ์ หักพาล ก็จะถูกแช่แข็งต่อไปอีก 2 ปี สรุปแล้วแช่แข็งไป 4 ปี นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี
Like
2
0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews