0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
29 มุมมอง
0 รีวิว
รายการ
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
- ไอ่ลุงคลั่งโพสท้าพี่คิงส์ฯไปออกโหนกระแสกะมัน จะไปเกะกะพี่หนุ่มทำไม เค้าขุดเรื่องทองอยู่
กรรูรอดูอยู่ ไอ่ฉัด!!
#คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรองไอ่ลุงคลั่งโพสท้าพี่คิงส์ฯไปออกโหนกระแสกะมัน จะไปเกะกะพี่หนุ่มทำไม เค้าขุดเรื่องทองอยู่ กรรูรอดูอยู่ ไอ่ฉัด!! #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1159 มุมมอง 0 รีวิว
4
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
-
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
-
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
- Jo มีวุฒิแค่ม.ต้นแต่แสดงตนเหมือน ศ.ดร. แล้วทุยก็ศรัทธาซะด้วย เอ้าทุย กล่าวพร้อมกัน จ๋าาาตุ๊ 777
#คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรองJo มีวุฒิแค่ม.ต้นแต่แสดงตนเหมือน ศ.ดร. แล้วทุยก็ศรัทธาซะด้วย เอ้าทุย กล่าวพร้อมกัน จ๋าาาตุ๊ 777 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
3
- #โจรับไอ่ลุงเป็นศิษย์อาจารย์
เตี๊ยมกันเป็นชม. ถ่ายทอดวิชากันหนักมาก
แล้วผลการเรียนจากโจ ดร.ม.ต้น
ก็ออกมาประมาณนี้
1. ไอ่นุ เมิงสำคัญตัวอะไรขนาดนั้นที่พี่หนุ่มเค้าจะต้องสนใจเอาไปออก
2. คุณสมบัติเมิงคืออะไร คิด ไตร่ตรองดีๆ
- แก่
-คลั่งรักนักแสดงตต.เกาหลี รุ่นลูกรุ่นหลาน
-เล่นงานให้ร้ายแน๊กชาลี
-เป็นหนึ่งในหลายๆคนที่เล่นงานแน๊กแล้วได้ของขวัญชะโลมใจจากอิเหม็นเป็นสติ๊กเกอร์
-แปะรูปอิเหวิงหลังประตูห้องน้ำเหมือนไอ้เปร็ต แล้วสำเร็จโทษตัวเอง
ไอ่ลุง คุณสมบัติแค่นี้ไม่พอที่จะไปออกรายการเค้านะเว้ย
ถ้าเค้าจะเอาลุงไปออก ก็เอาทุยตัวไหนไปออกก็ได้
หรือจะใช้บารมี อิโจ ดร.มโน วุฒม.ต้น ว่าเป็นศิษย์อาจารย์กัน
เมิงก็ไปเอง กรรูไม่ไป กรรรูไม่ว่าง
คิดได้ไงยกไอ่โจเป็นอาจารย์
ตัวอาจารย์วุฒ.ม.ต้นยังเอาตัวเองไม่รอดอยู่เนี่ย ไม่แหกตากดูเลย
ไหนกรูต้องขุดอาจารย์เมิง ต้องขุดขบกเครือข่าย เอเจนซี่ และกลุ่มเงินดาร์ค พวกฟอก ข้ามชาติ กรรูไม่ได้มีเวลาว่างมากเหมือนเมิงนะวันๆไม่ทำห่านอะไร เอาแต่ให้ร้ายแน๊ก แล้วลิ้นห้อยรอคอยสติ๊กเกอร์ของขวัญจากอิเหวิงมาเป็นรางวัล
เฮ้อ..พวกเมิงนี่นะ..ฮานาก้าาาาาาาาา
#คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง#โจรับไอ่ลุงเป็นศิษย์อาจารย์ เตี๊ยมกันเป็นชม. ถ่ายทอดวิชากันหนักมาก แล้วผลการเรียนจากโจ ดร.ม.ต้น ก็ออกมาประมาณนี้ 1. ไอ่นุ เมิงสำคัญตัวอะไรขนาดนั้นที่พี่หนุ่มเค้าจะต้องสนใจเอาไปออก 2. คุณสมบัติเมิงคืออะไร คิด ไตร่ตรองดีๆ - แก่ -คลั่งรักนักแสดงตต.เกาหลี รุ่นลูกรุ่นหลาน -เล่นงานให้ร้ายแน๊กชาลี -เป็นหนึ่งในหลายๆคนที่เล่นงานแน๊กแล้วได้ของขวัญชะโลมใจจากอิเหม็นเป็นสติ๊กเกอร์ -แปะรูปอิเหวิงหลังประตูห้องน้ำเหมือนไอ้เปร็ต แล้วสำเร็จโทษตัวเอง ไอ่ลุง คุณสมบัติแค่นี้ไม่พอที่จะไปออกรายการเค้านะเว้ย ถ้าเค้าจะเอาลุงไปออก ก็เอาทุยตัวไหนไปออกก็ได้ หรือจะใช้บารมี อิโจ ดร.มโน วุฒม.ต้น ว่าเป็นศิษย์อาจารย์กัน เมิงก็ไปเอง กรรูไม่ไป กรรรูไม่ว่าง คิดได้ไงยกไอ่โจเป็นอาจารย์ ตัวอาจารย์วุฒ.ม.ต้นยังเอาตัวเองไม่รอดอยู่เนี่ย ไม่แหกตากดูเลย ไหนกรูต้องขุดอาจารย์เมิง ต้องขุดขบกเครือข่าย เอเจนซี่ และกลุ่มเงินดาร์ค พวกฟอก ข้ามชาติ กรรูไม่ได้มีเวลาว่างมากเหมือนเมิงนะวันๆไม่ทำห่านอะไร เอาแต่ให้ร้ายแน๊ก แล้วลิ้นห้อยรอคอยสติ๊กเกอร์ของขวัญจากอิเหวิงมาเป็นรางวัล เฮ้อ..พวกเมิงนี่นะ..ฮานาก้าาาาาาาาา #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1237 มุมมอง 0 รีวิว
5
- #ขอตัวโดดเรียน30ปีนะคะ
ต้องเชี่ยมจิตทุยทุกวัน
บรรยายให้ทุยฟังวันละฉามฉี่ชม.
ทุยจะได้เชื่อแล้วชังน้องแน๊ก
คนจะได้มาป้องน้องเหม็น ยายโกะ
แม่ดอกเดซี่ตัวน้อย
พวกทุยที่จบสูงๆ หนูโจยังต้มได้สนิท
นั่งฟังกันสลอน นึกว่าได้เจอผู้เชี่ยวชาญ
ที่ไหนได้ วุฒิสุดท้ายที่ได้คือ ม.3
กรรรูขรรรม
#คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง#ขอตัวโดดเรียน30ปีนะคะ ต้องเชี่ยมจิตทุยทุกวัน บรรยายให้ทุยฟังวันละฉามฉี่ชม. ทุยจะได้เชื่อแล้วชังน้องแน๊ก คนจะได้มาป้องน้องเหม็น ยายโกะ แม่ดอกเดซี่ตัวน้อย พวกทุยที่จบสูงๆ หนูโจยังต้มได้สนิท นั่งฟังกันสลอน นึกว่าได้เจอผู้เชี่ยวชาญ ที่ไหนได้ วุฒิสุดท้ายที่ได้คือ ม.3 กรรรูขรรรม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1160 มุมมอง 0 รีวิว
3
-
- #เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มขุดที่นี่ที่แรกที่เดียว
ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา
ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้
กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา
จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน
ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา
โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง
คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน
นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง
สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน
มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต
มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน
โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น
จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด
สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้
นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน
ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา
และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้
ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น
รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์
ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้
ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ
เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด
เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา
จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ
ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี
ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ
รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป
แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส
ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง
ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก
ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส
ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย
ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน
แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา
จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค
รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ
การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย
แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์
ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์
ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน
จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง
เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม
ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ
จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
#ปปง
#DSi
เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย
#คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง#เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มขุดที่นี่ที่แรกที่เดียว ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้ กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้ นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์ ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้ ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์ ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์ ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ปปง #DSi เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1807 มุมมอง 0 รีวิว4
-
-
- #หนักกว่าเคสน้องไนท์ก็คือโจมณทนี
#เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มที่นี่ที่แรกที่เดียว
หากเราเปรียบเทียบกับเคสน้องไนท์
ที่ถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วนั้น กรณีไนท์
แม่น้องอาศัยศรัทธา และความเป็นผู้วิเศษ
อุปโลกไนท์ เป็นพระพุทธเจ้าอนาคามี
แต่ไม่มีการเรียกเก็บลักษณะเป็นคอส
ยกเว้นกรณีมีการจัดอีเวนท์ที่ผู้จัดจะเป็นผู้รับเงิน
แต่โจมณฑนี เปิดเป็นโรงเรียนอย่างเอิกเริก
โดยมีรายละเอียดดังนี้
-------------------------------------------------
ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา
ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้
กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา
จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน
ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา
โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง
คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน
นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง
สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน
มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต
มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน
โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น
จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด
สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้
นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน
ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา
และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้
ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น
รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์
ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้
ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ
เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด
เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา
จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ
ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี
ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ
รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป
แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส
ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง
ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก
ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส
ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย
ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน
แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา
จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค
รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ
การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย
แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์
ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์
ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน
จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง
เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม
ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ
จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
#ปปง
#DSi
ต้องรวมพลังส่งข้อมูลให้กับหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักพุทธ ทนายอนันตชัย กระทรวงศึกษาธิการ ดีเอสไอ สนช และปปง
เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย
#คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง#หนักกว่าเคสน้องไนท์ก็คือโจมณทนี #เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มที่นี่ที่แรกที่เดียว หากเราเปรียบเทียบกับเคสน้องไนท์ ที่ถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วนั้น กรณีไนท์ แม่น้องอาศัยศรัทธา และความเป็นผู้วิเศษ อุปโลกไนท์ เป็นพระพุทธเจ้าอนาคามี แต่ไม่มีการเรียกเก็บลักษณะเป็นคอส ยกเว้นกรณีมีการจัดอีเวนท์ที่ผู้จัดจะเป็นผู้รับเงิน แต่โจมณฑนี เปิดเป็นโรงเรียนอย่างเอิกเริก โดยมีรายละเอียดดังนี้ ------------------------------------------------- ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้ กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้ นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์ ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้ ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์ ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์ ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ปปง #DSi ต้องรวมพลังส่งข้อมูลให้กับหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักพุทธ ทนายอนันตชัย กระทรวงศึกษาธิการ ดีเอสไอ สนช และปปง เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2007 มุมมอง 0 รีวิว
3
- #เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 01.
ในความประทับใจจดจำของทุกคน โดยทั่วไปแล้วคนอินเดียจะมีผิวคล้ำกว่า จริงๆ แล้วถ้าสังเกตให้ดีจะพบปรากฏการณ์น่าประหลาดใจ จะพบว่ามีคนผิวขาวจำนวนมากในอินเดีย และโดยทั่วไปแล้วคนผิวขาวเหล่านี้จะมีสถานะทางสังคมที่สูงกว่า
หลายคนมีความอยากรู้อยากเห็น ทำไมอินเดียถึงมีคนผิวขาว? คนผิวขาวเหล่านี้ในอินเดียมาจากไหน?
1. ชาวอารยันผู้พิชิต
ต้นกำเนิดของคนผิวขาวในอินเดียต้องเริ่มต้นจากประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของอินเดียก่อน
ประมาณ 1,500 ปีที่แล้ว ชนเผ่าอารยันโบราณและทรงพลังอาศัยอยู่ใกล้กับเทือกเขาอูราล (Ural)ทางตอนเหนือ
เนื่องจากชาวอารยันอาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นและมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่ค่อนข้างอ่อน พวกเขาทั้งหมดจึงสูงและผิวขาว
หลังจากผ่านหลังจากผ่านการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดอย่างยากลำบากหลายปี พวกเขาก็กลายเป็นผู้กล้าหาญและดุดันก้าวร้าว และก่อให้เกิดประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
เพื่อให้ได้สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ชาวอารยันอพยพไปตลอดทางโดยไม่เคยหยุดเพื่อหาที่ที่ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอด พวกเขายึดครองภูดินแดนหนึ่งแล้วดินแดนหนึ่งเล่าด้วยกำลัง และถึงกับสถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซียที่ทรงอำนาจอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ชาวอารยันไม่พอใจกับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิเปอร์เซีย และยังคงขยายอาณาเขตของตนต่อไป หลังจากการเดินทางบุกยึดครองอันยาวนาน พวกเขาก็มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์
ชาวอารยันอาศัยพลังการรบอันแข็งแกร่งของพวกเขา และการสู้รบขนาดใหญ่ที่โหดร้ายมากมาย ในที่สุดก็เอาชนะชาวดราวิเดียน (Dravidians) ที่ปกครองอินเดียในขณะนั้นได้ในที่สุด และกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของอินเดีย
ชาวอารยันที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีความรู้สึกเหนือกว่าทางเชื้อชาติอย่างมาก ชาวอารยันเชื่อว่าผิวที่ขาวกระจ่างใสของพวกเขาดูดีกว่า ชาวดราวิเดียน(Dravidians)ในอินเดียมีผิวสีน้ำตาลดูน่าเกลียด และในทางจิตวิทยาแล้ว พวกเขาคิดว่าคนผิวขาวมีเกียรติ
ผู้ปกครองชาวอารยันกังวลว่าชาวอารยันและชาวอินเดียอยู่ร่วมกันเป็นเวลานานจะสร้างความสับสนให้กับสายเลือดของตน หลังจากการวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ระบบเชื้อชาติที่เหมาะสมสำหรับการปกครองก็ถูกกำหนดขึ้นเพื่อดำเนินการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ
ชาวอารยันเกรงว่าเลือดของพวกเขาจะแปดเปื้อน จึงใช้คำสอนของพราหมณ์อธิบายความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ ลูกทั้งสี่ของพระเจ้าเป็นตัวแทนของสี่เผ่าพันธุ์ และมีระดับสูงและต่ำในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมด
บุตรที่เติบโตจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าเป็นผู้มีเกียรติที่สุด พวกพราหมณ์ซึ่งเป็นวรรณะแรกซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่เประกอบพิธีถวายครื่องบูชาชั้นสูง
เด็กๆ ที่เติบโตจากอ้อมแขนของเทพเจ้าคือ กษัตริย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของราชวงศ์และเจ้าหน้าที่ เด็กที่เติบโตจากขาของเทพเจ้าคือวรรณะที่สาม แพศย์ ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ทำงานด้านการเกษตรและหัตถกรรม เด็กที่เติบโตจากเท้าของเทพเจ้าคือ ศูทร วรรณะที่สี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาสและคนรับใช้
นอกจากนี้ยังมี "วรรณะที่ห้า" ที่ไม่สามารถเรียกว่า "มนุษย์" หรือเรียกรวมกันว่าวรรณะ "จัณฑาล" และหน้าที่หลักของพวกเขาคือการทำความสะอาดสิ่งสกปรก
ในแรกสุดของคำว่า วรรณะ หมายถึง สีผิว ชาวอารยันที่มีผิวขาวจะตรงกับวรรณะที่สูง และชาวอินเดียพื้นเมืองที่มีผิวสีเข้มจะหมายถึงวรรณะที่ต่ำ
ในความเป็นจริง ระบบวรรณะเป็นการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ แต่ในขณะนั้นอินเดียซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่มีความสามารถในการต่อต้านทำได้เพียงยอมรับการแบ่งแยกทางเชื้อชาตินี้เท่านั้น
ระบบวรรณะกำหนดอย่างเคร่งครัดว่าเฉพาะคนวรรณะเดียวกันเท่านั้นที่สามารถรวมตัวกันและรับประทานอาหารร่วมกันได้ และคนวรรณะล่างไม่สามารถปรากฏตัวได้เมื่อคนวรรณะสูงกว่าเดินทางผ่านไปในที่นั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างวรรณะที่แตกต่างกัน หากบุคคลในวรรณะที่สูงกว่าแต่งงานกับบุคคลในวรรณะที่ต่ำกว่า เขาจะถูกขับไล่ออกจากวรรณะบน และในกรณีที่ร้ายแรง เขาอาจถูกประหารชีวิต
2. การบูรณาการของเชื้อชาติอย่างต่อเนื่อง
ในการปกครองยุคแรกของชาวอารยันอำนาจทางการเมืองค่อนข้างเป็นเอกภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มแตกแยกออกเป็นชนเผ่าต่างๆ เพื่อที่จะทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ชนเผ่าบางเผ่าจะรวมตัวกับชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีศักภาพที่แข็งแกร่งทรงพลังเพื่อร่วมต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆ ที่เป็นศัตรู
ผู้นำชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีความดีความชอบในการรบเริ่มถูกจัดให้อยู่ในวรรณะสูง และเจ้าหน้าที่ของพวกเขาก็ถูกจัดเป็นวรรณะที่สองด้วย
ชาวอารยันที่พ่ายแพ้การรบบางส่วนเริ่มถูกถอดออกจากวรรณะบน และถูกบังคับให้กลายเป็นสามัญชนในวรรณะที่สาม
เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพันธมิตรระหว่างชนเผ่ามีความแข็งแกร่งน่าเชื่อถือขึ้น ชาวอารยันวรรณะสูงจึงเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียน(Dravidian)วรรณะสูง สายเลือดค่อยๆ สับสนปนเป และเด็กที่มีเชื้อชาติผิวสีแทนก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น
พลเรือนอารยันบางส่วนเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียนเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้มีเด็กผสมเชื้อชาติผิวสีแทนจำนวนมาก
ต่อมาอินเดียถูกยึดครองโดยชาวมาซิโดเนีย (Macedonians) เติร์ก (Turks) มองโกล (Mongols) ฯลฯ สีผิวของเชื้อชาติเหล่านี้อ่อนกว่าสีผิวของชนเผ่าดราวิเดียน(Dravidian)พื้นเมืองในอินเดีย ดังนั้น ผู้คนในวรรณะสูงในอินเดียจึงมีผิวขาวกว่าคนวรรณะต่ำ
ปัจจุบันนี้ ในบรรดาคนชั้นวรรณะที่ร่ำรวยในอินเดีย ก็มีคนผิวขาวจำนวนมาก สาเหตุที่ผิวไม่ขาวเหมือนคนยุโรปก็เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตของอินเดียแรงกว่า และสีผิวจะเข้มขึ้นหลังโดนแดดเผา
ด้วยการยกเลิกระบบเชื้อชาติในเวลาต่อมา สีผิวจึงไม่สอดคล้องกับวรรณะอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีวรรณะพราหมณ์ผู้สูงศักดิ์ที่มีผิวสีเข้ม และยังมีวรรณะศูทรวรรณะต่ำที่มีผิวขาวอีกด้วย
ปัจจุบันสีผิวของชาวอินเดียไม่เพียงแต่เป็นสีขาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีน้ำตาล สีดำ เป็นต้น โดยรวมแล้วดุแล้วมีความสลับซับซ้อน ผู้คนไม่ได้ตัดสินจากสีผิวเพียงอย่างเดียวในเรื่องวรรณะอีกต่อไป
โปรดติดตามบทความ#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 02ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า
กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 01.🤠 ในความประทับใจจดจำของทุกคน โดยทั่วไปแล้วคนอินเดียจะมีผิวคล้ำกว่า จริงๆ แล้วถ้าสังเกตให้ดีจะพบปรากฏการณ์น่าประหลาดใจ จะพบว่ามีคนผิวขาวจำนวนมากในอินเดีย และโดยทั่วไปแล้วคนผิวขาวเหล่านี้จะมีสถานะทางสังคมที่สูงกว่า หลายคนมีความอยากรู้อยากเห็น 😎ทำไมอินเดียถึงมีคนผิวขาว? คนผิวขาวเหล่านี้ในอินเดียมาจากไหน?😎 🤯1. ชาวอารยันผู้พิชิต🤯 ต้นกำเนิดของคนผิวขาวในอินเดียต้องเริ่มต้นจากประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของอินเดียก่อน ประมาณ 1,500 ปีที่แล้ว ชนเผ่าอารยันโบราณและทรงพลังอาศัยอยู่ใกล้กับเทือกเขาอูราล (Ural)ทางตอนเหนือ เนื่องจากชาวอารยันอาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นและมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่ค่อนข้างอ่อน พวกเขาทั้งหมดจึงสูงและผิวขาว หลังจากผ่านหลังจากผ่านการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดอย่างยากลำบากหลายปี พวกเขาก็กลายเป็นผู้กล้าหาญและดุดันก้าวร้าว และก่อให้เกิดประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ได้สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ชาวอารยันอพยพไปตลอดทางโดยไม่เคยหยุดเพื่อหาที่ที่ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอด พวกเขายึดครองภูดินแดนหนึ่งแล้วดินแดนหนึ่งเล่าด้วยกำลัง และถึงกับสถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซียที่ทรงอำนาจอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ชาวอารยันไม่พอใจกับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิเปอร์เซีย และยังคงขยายอาณาเขตของตนต่อไป หลังจากการเดินทางบุกยึดครองอันยาวนาน พวกเขาก็มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ชาวอารยันอาศัยพลังการรบอันแข็งแกร่งของพวกเขา และการสู้รบขนาดใหญ่ที่โหดร้ายมากมาย ในที่สุดก็เอาชนะชาวดราวิเดียน (Dravidians) ที่ปกครองอินเดียในขณะนั้นได้ในที่สุด และกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของอินเดีย ชาวอารยันที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีความรู้สึกเหนือกว่าทางเชื้อชาติอย่างมาก ชาวอารยันเชื่อว่าผิวที่ขาวกระจ่างใสของพวกเขาดูดีกว่า ชาวดราวิเดียน(Dravidians)ในอินเดียมีผิวสีน้ำตาลดูน่าเกลียด และในทางจิตวิทยาแล้ว พวกเขาคิดว่าคนผิวขาวมีเกียรติ ผู้ปกครองชาวอารยันกังวลว่าชาวอารยันและชาวอินเดียอยู่ร่วมกันเป็นเวลานานจะสร้างความสับสนให้กับสายเลือดของตน หลังจากการวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ระบบเชื้อชาติที่เหมาะสมสำหรับการปกครองก็ถูกกำหนดขึ้นเพื่อดำเนินการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ชาวอารยันเกรงว่าเลือดของพวกเขาจะแปดเปื้อน จึงใช้คำสอนของพราหมณ์อธิบายความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ ลูกทั้งสี่ของพระเจ้าเป็นตัวแทนของสี่เผ่าพันธุ์ และมีระดับสูงและต่ำในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมด บุตรที่เติบโตจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าเป็นผู้มีเกียรติที่สุด พวกพราหมณ์ซึ่งเป็นวรรณะแรกซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่เประกอบพิธีถวายครื่องบูชาชั้นสูง เด็กๆ ที่เติบโตจากอ้อมแขนของเทพเจ้าคือ กษัตริย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของราชวงศ์และเจ้าหน้าที่ เด็กที่เติบโตจากขาของเทพเจ้าคือวรรณะที่สาม แพศย์ ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ทำงานด้านการเกษตรและหัตถกรรม เด็กที่เติบโตจากเท้าของเทพเจ้าคือ ศูทร วรรณะที่สี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาสและคนรับใช้ นอกจากนี้ยังมี "วรรณะที่ห้า" ที่ไม่สามารถเรียกว่า "มนุษย์" หรือเรียกรวมกันว่าวรรณะ "จัณฑาล" และหน้าที่หลักของพวกเขาคือการทำความสะอาดสิ่งสกปรก ในแรกสุดของคำว่า วรรณะ หมายถึง สีผิว ชาวอารยันที่มีผิวขาวจะตรงกับวรรณะที่สูง และชาวอินเดียพื้นเมืองที่มีผิวสีเข้มจะหมายถึงวรรณะที่ต่ำ ในความเป็นจริง ระบบวรรณะเป็นการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ แต่ในขณะนั้นอินเดียซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่มีความสามารถในการต่อต้านทำได้เพียงยอมรับการแบ่งแยกทางเชื้อชาตินี้เท่านั้น ระบบวรรณะกำหนดอย่างเคร่งครัดว่าเฉพาะคนวรรณะเดียวกันเท่านั้นที่สามารถรวมตัวกันและรับประทานอาหารร่วมกันได้ และคนวรรณะล่างไม่สามารถปรากฏตัวได้เมื่อคนวรรณะสูงกว่าเดินทางผ่านไปในที่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างวรรณะที่แตกต่างกัน หากบุคคลในวรรณะที่สูงกว่าแต่งงานกับบุคคลในวรรณะที่ต่ำกว่า เขาจะถูกขับไล่ออกจากวรรณะบน และในกรณีที่ร้ายแรง เขาอาจถูกประหารชีวิต 🤯2. การบูรณาการของเชื้อชาติอย่างต่อเนื่อง🤯 ในการปกครองยุคแรกของชาวอารยันอำนาจทางการเมืองค่อนข้างเป็นเอกภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มแตกแยกออกเป็นชนเผ่าต่างๆ เพื่อที่จะทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ชนเผ่าบางเผ่าจะรวมตัวกับชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีศักภาพที่แข็งแกร่งทรงพลังเพื่อร่วมต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆ ที่เป็นศัตรู ผู้นำชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีความดีความชอบในการรบเริ่มถูกจัดให้อยู่ในวรรณะสูง และเจ้าหน้าที่ของพวกเขาก็ถูกจัดเป็นวรรณะที่สองด้วย ชาวอารยันที่พ่ายแพ้การรบบางส่วนเริ่มถูกถอดออกจากวรรณะบน และถูกบังคับให้กลายเป็นสามัญชนในวรรณะที่สาม เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพันธมิตรระหว่างชนเผ่ามีความแข็งแกร่งน่าเชื่อถือขึ้น ชาวอารยันวรรณะสูงจึงเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียน(Dravidian)วรรณะสูง สายเลือดค่อยๆ สับสนปนเป และเด็กที่มีเชื้อชาติผิวสีแทนก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น พลเรือนอารยันบางส่วนเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียนเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้มีเด็กผสมเชื้อชาติผิวสีแทนจำนวนมาก ต่อมาอินเดียถูกยึดครองโดยชาวมาซิโดเนีย (Macedonians) เติร์ก (Turks) มองโกล (Mongols) ฯลฯ สีผิวของเชื้อชาติเหล่านี้อ่อนกว่าสีผิวของชนเผ่าดราวิเดียน(Dravidian)พื้นเมืองในอินเดีย ดังนั้น ผู้คนในวรรณะสูงในอินเดียจึงมีผิวขาวกว่าคนวรรณะต่ำ ปัจจุบันนี้ ในบรรดาคนชั้นวรรณะที่ร่ำรวยในอินเดีย ก็มีคนผิวขาวจำนวนมาก สาเหตุที่ผิวไม่ขาวเหมือนคนยุโรปก็เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตของอินเดียแรงกว่า และสีผิวจะเข้มขึ้นหลังโดนแดดเผา ด้วยการยกเลิกระบบเชื้อชาติในเวลาต่อมา สีผิวจึงไม่สอดคล้องกับวรรณะอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีวรรณะพราหมณ์ผู้สูงศักดิ์ที่มีผิวสีเข้ม และยังมีวรรณะศูทรวรรณะต่ำที่มีผิวขาวอีกด้วย ปัจจุบันสีผิวของชาวอินเดียไม่เพียงแต่เป็นสีขาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีน้ำตาล สีดำ เป็นต้น โดยรวมแล้วดุแล้วมีความสลับซับซ้อน ผู้คนไม่ได้ตัดสินจากสีผิวเพียงอย่างเดียวในเรื่องวรรณะอีกต่อไป 🥸โปรดติดตามบทความ#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 02ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥸 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว