• 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ รายงานความคืบหน้าอาการเด็กหญิง 14 ปี เหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา ล่าสุด อาการทั่วไปดีขึ้น ฝึกการหายใจ ขยับเคลื่อนไหวข้อไหล่และแขน
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094669

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ รายงานความคืบหน้าอาการเด็กหญิง 14 ปี เหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา ล่าสุด อาการทั่วไปดีขึ้น ฝึกการหายใจ ขยับเคลื่อนไหวข้อไหล่และแขน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094669 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 1 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇱 ⚔️ 🇱🇧 ภาพความพ่ายแพ้ของ IDF ทางตอนใต้ของเลบานอน
    .
    💀 🇮🇱 #ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 8 ศพ ☠ เพียงแค่ 1 วัน ➡ ➡ หลังระบุในแถลงการณ์ว่า : ได้เริ่มการโจมตีกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ในปฏิบัติการภาคพื้นดิน "ในวงจำกัด"😁
    .
    #IDF กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล ประกาศเมื่อ 3 ต.ค. ว่า : ทหารอิสราเอล 8 นาย เสียชีวิตในเลบานอนตอนใต้
    .
    เบื้องต้น กองทัพอิสราเอลได้ระบุชื่อทหารที่เสียชีวิต 1 นาย คือ
    • ร้อยเอกอีตัน อิทซัค โอสเตอร์ อายุ 22 ปี

    ต่อมา กองทัพได้เผยแพร่รายชื่อทหารที่เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 7 นาย
    • ร้อยเอกฮาเรล เอทิงเกอร์ อายุ 23 ปี ผู้บัญชาการในหน่วยคอมมานโดเอโกซ Egoz
    • ร้อยเอกอิไต อาเรียล จิอาต อายุ 23 ปี จากหน่วยวิศวกรรมการรบยาฮาลอม Yahalom
    • จ่าสิบเอก โนอาม บาร์ซิเลย์ อายุ 22 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz
    • จ่าสิบเอกออร์มันซูร์ อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz
    • จ่าสิบเอก นาซาร์ อิทกิน อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz
    • จ่าสิบเอก อัลม์เคน เทเรเฟ อายุ 21 ปี จากหน่วยลาดตระเวนกองพลน้อยโกลานี Golani
    • จ่าสิบเอก อิโด บรอยเออร์ อายุ 21 ปี จากกองพลน้อยโกลานี
    .
    👿 👻 หน่วยคอมมานโด Egoz ทั้งหมด ถูกสังหารระหว่างการยิงปะทะกับกลุ่ม Hezbollah ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของเลบานอน
    • ทหารอีก 4 นาย และเจ้าหน้าที่อีก 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์เดียวกันนี้
    .
    ในเหตุการณ์ที่สาม
    • แพทย์ทหารจากกองพันที่ 51 ของกองพลน้อยโกลานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส
    .
    ตามรายงานของกองทัพ #IDF ทหารบางส่วนถูกสังหารด้วย ATGM ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงมา
    • ขณะที่บางนายถูกยิงด้วยปืนครก ระหว่างพยายามอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ
    .
    #Egoz : ชื่ออย่างเป็นทางการคือหน่วย 621 เป็นหน่วยรบพิเศษ คอมมานโดชั้นยอด ของกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF)
    #บทบาท : เชี่ยวชาญในการต่อต้านการรบแบบกองโจร, การลาดตระเวนพิเศษ และการปฏิบัติภารกิจโดยตรง
    • มีความเชี่ยวชาญด้านการสู้รบในภูมิประเทศที่ซับซ้อน ภาคสนาม การอำพรางตัว
    .
    🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
    💀 ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 716 นาย
    💀 รวมถึงทหาร 346 นาย ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา
    💀 ทหารที่เสียชีวิต 56 นาย จากอุบัติเหตุในการปฏิบัติการภายในฉนวนกาซา รวมถึงเหตุการณ์ยิงพวกเดียวกัน 33 ครั้ง
    💀 ทหาร ได้รับบาดเจ็บ 4,490 นาย

    https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/idf-announces-deaths-of-seven-soldiers-killed-during-fighting-in-southern-lebanon-today/

    https://www.haaretz.com/israel-news/2024-10-02/ty-article/israeli-soldier-killed-in-southern-lebanon-ground-offensive/00000192-4d76-d3f4-a3f3-fdfe60f90000
    .
    💥🚀 จากการโจมตี จากขีปนาวุธของอิหร่าน

    #ฐานทัพอากาศเนวาติม เป็นการยากที่จะประเมินความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่โรงเก็บเครื่องบินเสียหาย และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรงเก็บ F-35

    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇱 ⚔️ 🇱🇧 ภาพความพ่ายแพ้ของ IDF ทางตอนใต้ของเลบานอน . 💀 🇮🇱 #ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 8 ศพ ☠ เพียงแค่ 1 วัน ➡ ➡ หลังระบุในแถลงการณ์ว่า : ได้เริ่มการโจมตีกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ในปฏิบัติการภาคพื้นดิน "ในวงจำกัด"😁 . #IDF กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล ประกาศเมื่อ 3 ต.ค. ว่า : ทหารอิสราเอล 8 นาย เสียชีวิตในเลบานอนตอนใต้ . เบื้องต้น กองทัพอิสราเอลได้ระบุชื่อทหารที่เสียชีวิต 1 นาย คือ • ร้อยเอกอีตัน อิทซัค โอสเตอร์ อายุ 22 ปี ต่อมา กองทัพได้เผยแพร่รายชื่อทหารที่เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 7 นาย • ร้อยเอกฮาเรล เอทิงเกอร์ อายุ 23 ปี ผู้บัญชาการในหน่วยคอมมานโดเอโกซ Egoz • ร้อยเอกอิไต อาเรียล จิอาต อายุ 23 ปี จากหน่วยวิศวกรรมการรบยาฮาลอม Yahalom • จ่าสิบเอก โนอาม บาร์ซิเลย์ อายุ 22 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz • จ่าสิบเอกออร์มันซูร์ อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz • จ่าสิบเอก นาซาร์ อิทกิน อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz • จ่าสิบเอก อัลม์เคน เทเรเฟ อายุ 21 ปี จากหน่วยลาดตระเวนกองพลน้อยโกลานี Golani • จ่าสิบเอก อิโด บรอยเออร์ อายุ 21 ปี จากกองพลน้อยโกลานี . 👿 👻 หน่วยคอมมานโด Egoz ทั้งหมด ถูกสังหารระหว่างการยิงปะทะกับกลุ่ม Hezbollah ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของเลบานอน • ทหารอีก 4 นาย และเจ้าหน้าที่อีก 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์เดียวกันนี้ . ในเหตุการณ์ที่สาม • แพทย์ทหารจากกองพันที่ 51 ของกองพลน้อยโกลานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส . ตามรายงานของกองทัพ #IDF ทหารบางส่วนถูกสังหารด้วย ATGM ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงมา • ขณะที่บางนายถูกยิงด้วยปืนครก ระหว่างพยายามอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ . #Egoz : ชื่ออย่างเป็นทางการคือหน่วย 621 เป็นหน่วยรบพิเศษ คอมมานโดชั้นยอด ของกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) • #บทบาท : เชี่ยวชาญในการต่อต้านการรบแบบกองโจร, การลาดตระเวนพิเศษ และการปฏิบัติภารกิจโดยตรง • มีความเชี่ยวชาญด้านการสู้รบในภูมิประเทศที่ซับซ้อน ภาคสนาม การอำพรางตัว . 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 💀 ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 716 นาย 💀 รวมถึงทหาร 346 นาย ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา 💀 ทหารที่เสียชีวิต 56 นาย จากอุบัติเหตุในการปฏิบัติการภายในฉนวนกาซา รวมถึงเหตุการณ์ยิงพวกเดียวกัน 33 ครั้ง 💀 ทหาร ได้รับบาดเจ็บ 4,490 นาย https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/idf-announces-deaths-of-seven-soldiers-killed-during-fighting-in-southern-lebanon-today/ https://www.haaretz.com/israel-news/2024-10-02/ty-article/israeli-soldier-killed-in-southern-lebanon-ground-offensive/00000192-4d76-d3f4-a3f3-fdfe60f90000 . 💥🚀 จากการโจมตี จากขีปนาวุธของอิหร่าน #ฐานทัพอากาศเนวาติม เป็นการยากที่จะประเมินความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่โรงเก็บเครื่องบินเสียหาย และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรงเก็บ F-35 Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายชื่อ 111ตัวจริงคืนนึ้

    #LFC
    รายชื่อ 111ตัวจริงคืนนึ้ #LFC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ท็อป 5 ประเทศ ที่ธนาคารกลาง
    ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองสะสมมากที่สุด
    (ข้อมูล 8 เดือนแรก ปี 2567)

    🚩1. ตุรเคีย (ตุรกี) จำนวน 52 ตัน
    🚩2. อินเดีย จำนวน 45 ตัน
    🚩3. โปแลนด์ จำนวน 39 ตัน
    🚩4. จีน จำนวน 28 ตัน
    🚩5. สาธารณะรัฐเช็ก จำนวน 15 ตัน

    💥หมายเหตุ: ธนาคารกลางจีน ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรอง
    เป็นอันดับ 1 ในปี 2566 จำนวน 224.88 ตัน

    ที่มา : gold.org

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #Gold #thaitimes
    💥💥ท็อป 5 ประเทศ ที่ธนาคารกลาง ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองสะสมมากที่สุด (ข้อมูล 8 เดือนแรก ปี 2567) 🚩1. ตุรเคีย (ตุรกี) จำนวน 52 ตัน 🚩2. อินเดีย จำนวน 45 ตัน 🚩3. โปแลนด์ จำนวน 39 ตัน 🚩4. จีน จำนวน 28 ตัน 🚩5. สาธารณะรัฐเช็ก จำนวน 15 ตัน 💥หมายเหตุ: ธนาคารกลางจีน ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรอง เป็นอันดับ 1 ในปี 2566 จำนวน 224.88 ตัน ที่มา : gold.org #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #Gold #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Happened
    Happened
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ท็อป 5 ประเทศ ที่ธนาคารกลาง
    ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองสะสมมากที่สุด
    (ข้อมูล 8 เดือนแรก ปี 2567)

    🚩1. ตุรเคีย (ตุรกี) จำนวน 52 ตัน
    🚩2. อินเดีย จำนวน 45 ตัน
    🚩3. โปแลนด์ จำนวน 39 ตัน
    🚩4. จีน จำนวน 28 ตัน
    🚩5. สาธารณะรัฐเช็ก จำนวน 15 ตัน

    💥หมายเหตุ: ธนาคารกลางจีน ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรอง
    เป็นอันดับ 1 ในปี 2566 จำนวน 224.88 ตัน

    ที่มา : gold.org

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #Gold #thaitimes
    💥💥ท็อป 5 ประเทศ ที่ธนาคารกลาง ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองสะสมมากที่สุด (ข้อมูล 8 เดือนแรก ปี 2567) 🚩1. ตุรเคีย (ตุรกี) จำนวน 52 ตัน 🚩2. อินเดีย จำนวน 45 ตัน 🚩3. โปแลนด์ จำนวน 39 ตัน 🚩4. จีน จำนวน 28 ตัน 🚩5. สาธารณะรัฐเช็ก จำนวน 15 ตัน 💥หมายเหตุ: ธนาคารกลางจีน ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรอง เป็นอันดับ 1 ในปี 2566 จำนวน 224.88 ตัน ที่มา : gold.org #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #Gold #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 99 0 รีวิว
  • ทุกชีวิต มีค่า.....................
    ขอให้ทุกชีวิต ผ่านพ้นภัย
    ในครั้งนี้ไปได้ ปลอดภัยนะ
    ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️

    Taweelap Dae
    ทุกชีวิต มีค่า..................... ขอให้ทุกชีวิต ผ่านพ้นภัย ในครั้งนี้ไปได้ ปลอดภัยนะ ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️ Taweelap Dae
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันตราย...ติดหลัง?

    ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียในกรณีเพลิงไหม้รถทัศนศึกษา ด้วยความคาราวะอย่างสุดหัวใจ

    ตั้งใจเขียนเรื่องนี้เอาไว้เตือนตัวเอง และคนที่ผ่านมาอ่าน

    ในฐานะ อดีต Columnist นิตยสาร Gas for Cars นิตยสารเกี่ยวกับแก๊สรถยนต์มาหลายปี ผ่านละลอกคลื่นขึ้น-ลงของแก๊สรถยนต์มานาน มีโอกาสได้ศึกษา สัมภาษณ์ พูดคุยกับเจ้าของแบรนด์ Gas รถยนต์, เจ้าของอู่ติดตั้งแก๊สรถยนต์, วิศวกรแก๊สรถยนต์ เลยไปถึงช่างติดตั้งแก๊สรถยนต์, ผู้ตรวจสภาพแก๊สรถยนต์ ยาวถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวกับแก๊สรถยนต์ และในฐานะของ คนขับรถติดแก๊ส ขอฟันธงว่า

    "แก๊สอันตราย" ... ต่อเมื่อคนใช้แก๊ส ไม่เคารพความปลอดภัย

    จากรายละเอียดรถบัสที่ปรากฎตามสื่อ
    - รถมีการใช้งาน คัสซี มาตั้้งแต่ปี 2513 (หรือใช้โครงรถมาแล้ว 54 ปี)
    - มีการติดตั้้งถังแก๊ส CNG (NGV) สูงถึง 11 ถัง จากการขออนุญาตไว้เพียง 6 ถัง
    - เกิดเหตุ เพลาล้อรถหัก ครูดกับพื้นถนน
    - ท่อแก๊สหลุด ทำให้แก๊สกระจายตัวในห้องโดยสาร
    - เกิดประกายไฟ

    การจดทะเบียนรถ ในเอกสารทะเบียนรถจะระบุ "เลขตัวถัง" ที่เป็นเลขที่ตีประทับไว้บนแชสซีของรถ ไม่ว่ารถบัสจะถูกดัดแปลงไปกี่ครั้ง หากยังใช้เลขตัวถังเดิม นั่นก็แปลว่า โครงรถ ใช้มาแล้วกว่า 50 ปี

    แก๊ส CNG(NGV) เป็นแก๊สที่มีแรงดันสูงมากๆ ทำให้ถังแก๊สต้องทำด้วยเหล็กหนา เพื่อให้สามารถรับแรงดันแก๊สได้ นั่นแปลว่า ถัง CNG(NGV) แต่ละใบ "หนักมาก!"

    โดยถังเหล็กขนาดความจุประมาณ 70 ลิตร จะมีน้ำหนักประมาณ 63 กิโลกรัม เมื่อรวมกับน้ำหนักก๊าซ NGV ที่บรรจุเต็มถังอีกประมาณ 15 กิโลกรัม จะมีน้ำหนักรวมประมาณ 78-80 กิโลกรัม ซึ่งถัง 70 ลิตร คือถังสำหรับรถยนต์ทั่วไป ไม่ใช่กับรถโดยสาร ถังแก๊สสำหรับรถโดยสาร รวมแก๊สแล้ว แต่ละใบจะหนักประมาณ 120 กิโลกรัม

    ถังแก๊ส 11 ใบ น้ำหนักรวมจึงทำให้รถแบกน้ำหนัก 880 - 1,320 กิโลกรัม หรือรถต้องรับน้ำหนัก 1 ตันเป็น Default ยังไม่รวมน้ำหนักเครื่องยนต์ อุปกรณ์เสริมต่างๆ บนรถ และ "ยังไม่รวมน้ำหนักผู้โดยสาร" ทั้งๆ ที่หากทำตามที่จดทะเบียนไว้ รถจะแบกน้ำหนักเพียง 480-720 กิโลกรัมเท่านั้น (เติมแก๊สเต็มยังหนักไม่เท่า น้ำหนักรวมถังเปล่าๆ 11 ใบบนรถเลย)

    เมื่อแบกน้ำหนักมากๆ เพลาล้ออายุ 50 ปี วิ่งทุกวันๆ จะทนไหวหรือ??

    ไม่ว่าท่อแก๊สจะหลุดก่อนเพลาครูดถนน หรือรถครูดถนนก่อนท่อแก๊สหลุด ถังที่ไม่ได้ติดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย วาล์วเซฟตี้ของถังแก๊สจึงไม่ถูกต่ออย่างถูกต้อง ทำให้แก๊ส CNG(NGV) ซึ่งมีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ จึงลอยตัว เต็มเพดานรถ....และสะสมรวมตัวอยู่ที่หลังคารถ ภายในตัวรถ รวมกับผู้โดยสารในรถทุกๆ คน..ไม่มีทางระบายออก

    เมื่อเกิดประกายไฟ....

    หากเพียงเจ้าของรถทุกคันที่วิ่งอยู่บนท้องถนน ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย วันนี้เราคงไม่ต้องเสียน้ำตา ไม่ว่าใคร จะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ไม่มีใครสมควรเสียชีวิตด้วยเหตุอันเกิดจากความประมาณในความปลอดภัยทั้งสิ้น

    ผู้ร้ายตัวจริง จึงเป็นใครก็ตามที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของความปลอดภัย
    หาใช่.. การใช้แก๊ส
    หาใช่.. การทัศนศึกษา
    อันตราย...ติดหลัง? ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียในกรณีเพลิงไหม้รถทัศนศึกษา ด้วยความคาราวะอย่างสุดหัวใจ ตั้งใจเขียนเรื่องนี้เอาไว้เตือนตัวเอง และคนที่ผ่านมาอ่าน ในฐานะ อดีต Columnist นิตยสาร Gas for Cars นิตยสารเกี่ยวกับแก๊สรถยนต์มาหลายปี ผ่านละลอกคลื่นขึ้น-ลงของแก๊สรถยนต์มานาน มีโอกาสได้ศึกษา สัมภาษณ์ พูดคุยกับเจ้าของแบรนด์ Gas รถยนต์, เจ้าของอู่ติดตั้งแก๊สรถยนต์, วิศวกรแก๊สรถยนต์ เลยไปถึงช่างติดตั้งแก๊สรถยนต์, ผู้ตรวจสภาพแก๊สรถยนต์ ยาวถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวกับแก๊สรถยนต์ และในฐานะของ คนขับรถติดแก๊ส ขอฟันธงว่า "แก๊สอันตราย" ... ต่อเมื่อคนใช้แก๊ส ไม่เคารพความปลอดภัย จากรายละเอียดรถบัสที่ปรากฎตามสื่อ - รถมีการใช้งาน คัสซี มาตั้้งแต่ปี 2513 (หรือใช้โครงรถมาแล้ว 54 ปี) - มีการติดตั้้งถังแก๊ส CNG (NGV) สูงถึง 11 ถัง จากการขออนุญาตไว้เพียง 6 ถัง - เกิดเหตุ เพลาล้อรถหัก ครูดกับพื้นถนน - ท่อแก๊สหลุด ทำให้แก๊สกระจายตัวในห้องโดยสาร - เกิดประกายไฟ การจดทะเบียนรถ ในเอกสารทะเบียนรถจะระบุ "เลขตัวถัง" ที่เป็นเลขที่ตีประทับไว้บนแชสซีของรถ ไม่ว่ารถบัสจะถูกดัดแปลงไปกี่ครั้ง หากยังใช้เลขตัวถังเดิม นั่นก็แปลว่า โครงรถ ใช้มาแล้วกว่า 50 ปี แก๊ส CNG(NGV) เป็นแก๊สที่มีแรงดันสูงมากๆ ทำให้ถังแก๊สต้องทำด้วยเหล็กหนา เพื่อให้สามารถรับแรงดันแก๊สได้ นั่นแปลว่า ถัง CNG(NGV) แต่ละใบ "หนักมาก!" โดยถังเหล็กขนาดความจุประมาณ 70 ลิตร จะมีน้ำหนักประมาณ 63 กิโลกรัม เมื่อรวมกับน้ำหนักก๊าซ NGV ที่บรรจุเต็มถังอีกประมาณ 15 กิโลกรัม จะมีน้ำหนักรวมประมาณ 78-80 กิโลกรัม ซึ่งถัง 70 ลิตร คือถังสำหรับรถยนต์ทั่วไป ไม่ใช่กับรถโดยสาร ถังแก๊สสำหรับรถโดยสาร รวมแก๊สแล้ว แต่ละใบจะหนักประมาณ 120 กิโลกรัม ถังแก๊ส 11 ใบ น้ำหนักรวมจึงทำให้รถแบกน้ำหนัก 880 - 1,320 กิโลกรัม หรือรถต้องรับน้ำหนัก 1 ตันเป็น Default ยังไม่รวมน้ำหนักเครื่องยนต์ อุปกรณ์เสริมต่างๆ บนรถ และ "ยังไม่รวมน้ำหนักผู้โดยสาร" ทั้งๆ ที่หากทำตามที่จดทะเบียนไว้ รถจะแบกน้ำหนักเพียง 480-720 กิโลกรัมเท่านั้น (เติมแก๊สเต็มยังหนักไม่เท่า น้ำหนักรวมถังเปล่าๆ 11 ใบบนรถเลย) เมื่อแบกน้ำหนักมากๆ เพลาล้ออายุ 50 ปี วิ่งทุกวันๆ จะทนไหวหรือ?? ไม่ว่าท่อแก๊สจะหลุดก่อนเพลาครูดถนน หรือรถครูดถนนก่อนท่อแก๊สหลุด ถังที่ไม่ได้ติดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย วาล์วเซฟตี้ของถังแก๊สจึงไม่ถูกต่ออย่างถูกต้อง ทำให้แก๊ส CNG(NGV) ซึ่งมีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ จึงลอยตัว เต็มเพดานรถ....และสะสมรวมตัวอยู่ที่หลังคารถ ภายในตัวรถ รวมกับผู้โดยสารในรถทุกๆ คน..ไม่มีทางระบายออก เมื่อเกิดประกายไฟ.... หากเพียงเจ้าของรถทุกคันที่วิ่งอยู่บนท้องถนน ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย วันนี้เราคงไม่ต้องเสียน้ำตา ไม่ว่าใคร จะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ไม่มีใครสมควรเสียชีวิตด้วยเหตุอันเกิดจากความประมาณในความปลอดภัยทั้งสิ้น ผู้ร้ายตัวจริง จึงเป็นใครก็ตามที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของความปลอดภัย หาใช่.. การใช้แก๊ส หาใช่.. การทัศนศึกษา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะไปใหนกัน
    ขอยืมติดป้าย ถ่ายรูปแพล๊บ
    🍓🍊🍓🍊🍓🍊🍓🍊

    Taweelap Dae
    จะไปใหนกัน ขอยืมติดป้าย ถ่ายรูปแพล๊บ 🍓🍊🍓🍊🍓🍊🍓🍊 Taweelap Dae
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.79 : วอร์เกม 2002

    ในปี 2002 กองทัพสหรัฐเกิดความคิดขึ้นว่า อยากจะสมมติสถานการณ์การรบ หรือ ”วอร์เกม“ ว่าถ้าเกิดกองทัพสหรัฐต้องรบกับอิหร่านแบบเต็มรูปแบบแล้ว ผลการรบจะออกมาเป็นอย่างไร ใครจะสูญเสียเท่าไร

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐหรือ “เพนตากอน” จึงทุ่มงบประมาณไป 250 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเล่นวอร์เกมนี้ ซึ่งก็มีทั้งการใช้เรือรบและเครื่องบินรบ ทหารจริงกว่า 13,000 คนเข้าร่วม และผสมกับการใช้คอมพิวเตอร์จำลองการรบหรือซิมูเลเตอร์ด้วยครับ

    เป็นวอร์เกมที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเพนตากอน

    การฝึกนี้ชื่อว่า “มิลเลนเนียม ชาเล้นจ์ 2002“ ครับ เพนตากอนกำหนดไว้ว่าเขาจะเล่นวอร์เกมส์นี้กัน 14 วันถ้วน

    ในการฝึกนี้เขาแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายน้ำเงินซึ่งหมายถึงกองทัพสหรัฐ นำโดยกองทัพเรือ

    ส่วนฝ่ายแดง คือ ฝ่ายอิหร่าน เพนตากอนเขาได้ตั้งพลเรือโทพอล แวน ริพเพอร์ มาเป็นแม่ทัพฝ่ายแดง ซึ่งนายพลผู้นี้ท่านเป็นทหารนาวิกโยธินอเมริกันที่เกษียณอายุแล้วครับ

    เงื่อนไขในการรบก็คือ ”อยู่ดีๆก็เกิดสงครามขึ้นซะยังงั้นแหละ“ นั่นหมายความว่า ในท้องทะเลก็ยังมีเรือสินค้า เรือเดินสมุทรแล่นไปแล่นมาอยู่ ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว

    และไฮไลท์ซึ่งเป็นมูลเหตุของวอร์เกมนี้คือ ให้ฝ่ายแดง(อิหร่าน)ใช้อาวุธและยุทธวิธีโลว์เทคในการรบ

    เพราะเพนตากอนอยากรู้ว่า ถ้ากองทัพสหรัฐต้องมาเจอกองทัพศัตรูที่ใช้อาวุธแสวงเครื่องและยุทโธปกรณ์ที่โลว์เทค หรือ Asymmetric warfare แล้ว กองทัพสหรัฐจะเป็นอย่างไร

    โดยเพนตากอนบอกท่านนายพลริพเพอร์ หรือ แม่ทัพฝ่ายแดงว่า “เล่นได้เต็มที่แบบ Free play เลย”

    ผลที่ได้คือ…
    .
    .
    .
    เปิดฉากมาวันแรกปุ๊บ ฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐก็ส่งสาส์นมายังฝ่ายแดงตามธรรมเนียมว่า “พลานุภาพกำลังรบและรี้พลของฝ่ายข้าพเจ้านั้นเหนือกว่าท่านมากมายนัก ขอให้ท่านจงยอมแพ้แต่โดยดีเถิด หาไม่แล้วอาณาประชาราษฎร์จะได้ยาก”

    ท่านนายพลริพเพอร์ก็ไม่ได้ยอมแพ้ และเริ่มเล่นยุทธวิธีที่เตรียมไว้คือ ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการนำสาร ไม่มีการใช้วิทยุใดๆทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้กองทัพสหรัฐดักฟังหรือแจมระบบสื่อสารได้

    บรรดาฝูงรถมอเตอร์ไซค์พวกนี้นำคำสั่งของนายพลริพเพอร์วิ่งไปยังกองเรือเร็วขนาดเล็กที่บรรทุกมิสไซล์จอดเทียบอยู่ตามท่าเรือต่างๆ

    เมื่อรับคำสั่งปุ๊บบรรดาเรือสปีดโบ๊ทเหล่านี้ก็พร้อมใจกันแล่นมุ่งหน้าไปยังกองเรือสหรัฐที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งอิหร่าน

    ด้วยความที่วอร์เกมนี้ระบุว่า “อยู่ดีๆสงครามก็ปะทุ” ทำให้กองทัพเรือสหรัฐต้องแล่นเรือเข้ามาลอยลำใกล้ชายฝั่งอิหร่านมากกว่าปกติ เพราะต้องเว้นระยะห่างจากเส้นทางเรือสินค้าครับ

    เมื่อฝูงเรือสปีดโบ๊ทฝ่ายแดงแล่นเข้ามาได้ระยะยิงปุ๊บ ก็พร้อมใจกันระดมยิงขีปนาวุธห่าใหญ่ใส่กองเรือสหรัฐ จำนวนขีปนาวุธนี้มากมายท่วมท้นเสียจนระบบเรด้าร์และระบบป้องกันของเรือรบสหรัฐเอาไม่อยู่

    นอกจากนี้ยังมีเรือสปีดโบ๊ทบางลำใช้วิธีกามิกาเซ่ คือ บรรทุกระเบิดแล้วพุ่งเข้าชนเรือรบสหรัฐเพื่อให้ระเบิดไปด้วยกัน

    ผลที่ได้คือ เรือรบสหรัฐจมไป 16 ลำ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือยกพลขึ้นบก 5 ลำ และเรือลาดตระเวนอีก 10 ลำ

    จากนั้นท่านนายพลริพเพอร์ก็ใช้กระจกสะท้อนแสง เพื่อส่งสัญญาณให้เครื่องบินรบฝ่ายแดงขึ้นบิน ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองครับ

    คีย์สำคัญคือ ฝ่ายแดงไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลยไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือเรด้าร์ ทำให้ฝ่ายสหรัฐไม่สามารถแจมหรือสแกนหาที่ตั้งสถานีเรด้าร์ได้

    ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของวอร์เกม เรือของกองทัพเรือฝ่ายสหรัฐจมไป 16 ลำ ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์จริงๆแล้ว จะหมายถึงชีวิตของทหาร 20,000 คนเลยเชียว
    .
    .
    .
    เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ แม่ทัพน้ำเงินหรือฝ่ายสหรัฐก็เต้นผาง โวยกับแม่ทัพฝ่ายแดงว่า “ยูฆ่าไอตายตั้งแต่วันแรก แล้วเวลาที่เหลืออีก 13 วันไอจะทำอะไรล่ะ เอางี้ละกันเรามารีสตาร์ทเริ่มเล่นกันใหม่ก็แล้วกัน“

    แล้วก็มีการแก้บทในวอร์เกมใหม่ว่า ให้ฝ่ายแดงเปิดใช้สถานีเรด้าร์ เพื่อที่ฝ่ายสหรัฐจะได้สแกนหาเจอและส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มได้สะดวก ตามด้วยส่งทหารกองพลพลร่มที่ 82 กระโดดร่มลงไปยังที่หมาย

    ในระหว่างนี้ คนคุมวอร์เกมได้บอกแม่ทัพฝ่ายแดงว่าห้ามยิงเครื่องบินสหรัฐที่บินเข้ามา แม่ทัพฝ่ายแดงหรือนายพลริพเพอร์จึงไม่พอใจอย่างมากที่วอร์เกมนี้ไม่สมจริงและไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่ต้น

    เมื่อสคริปท์ได้เปลี่ยนไปเพื่อการันตีว่าฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐจะต้องเป็นฝ่ายชนะเท่านั้น นายพลริพเพอร์จึงประท้วงด้วยการขอถอนตัวออกจากวอร์เกมกลางคัน เพราะท่านบอกว่า “เปลืองเงิน”

    ตามมาด้วยวิวาทะของแม่ทัพทั้งสองฝ่ายในวอร์เกมนี้ ต่างฝ่ายต่างด่ากันคนละนิดละหน่อยพอหอมปากหอมคอ

    ส่วนเพนตากอนนั้นก็ออกมาแถลงว่า บทเรียนที่ได้จากวอร์เกมนี้จะถูกส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดเพื่อพัฒนาหลักนิยมในการรบต่อไปในอนาคต
    .
    .
    .
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะอยากจะเล่าว่า ในเวลานี้ก็เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกับในวอร์เกมดังกล่าวขึ้นจริงๆที่แถวเยเมนครับ

    อย่างที่เราทราบว่า เยเมนนั้นเป็นที่มั่นของพวกกองโจรฮูติ ซึ่งพวกฮูตินี้ได้ยึดครองชายฝั่งทะเลตรงปากทางเข้าทะเลแดง

    ทะเลแดงนี้เป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญของเรือสินค้าจำนวนมหาศาลครับ พวกฮูตินี้เริ่มมีอิทธิพลตรงปากทางเข้าทะเลแดงและยิงจรวดไปจมเรือสินค้าหลายๆลำตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา

    กองทัพเรือสหรัฐส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปคุ้มครองความปลอดภัยของเรือสินค้า ส่วนทางยุโรปก็ส่งกองทัพเรือผสมหลายๆชาติเข้าไปเช่นกัน

    แต่ฝ่ายฮูติก็ไม่ได้สนใจใยดี ยังคงยิงจรวดใส่เรือสินค้าเล่นไปอย่างนั้นมาได้ 6 เดือนแล้ว เกิดเหตุร้ายกับเรือสินค้านับได้ 100 กว่าเหตุการณ์

    แม้กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจะพร้อมรบเต็มที่ แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเปิดฉากถล่มฮูติเต็มเหนี่ยว เพราะมันจะดูเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน

    ด้วยเหตุว่าอาวุธของฮูตินั้นเป็นอาวุธราคาประหยัดแต่มีประสิทธิภาพ เช่น ขีปนาวุธที่ยิงได้เป็นระยะ 200-300 กิโลเมตรและโดรนติดอาวุธราคาไม่เกินลำละ 2,000 ดอลล่าร์ ทั้งหมดนี้ได้รับสปอนเซอร์จากอิหร่านซึ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งการก๊อปปี้และสร้างอาวุธราคาถูกได้ทีละมากๆ

    ส่วนอาวุธของฝ่ายสหรัฐนั้นราคาแพง เช่น ขีปนาวุธครูซลูกหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 1-4 ล้านดอลล่าร์

    เรือพิฆาตของสหรัฐลำหนึ่ง ราคา 2 พันล้านดอลล่าร์ และค่าใช้จ่ายในการที่จะทำให้มันแล่นเป็นเรือรบอยู่ได้ก็ตกเดือนละ 7 ล้านเหรียญ

    การรบระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองโจรฮูติ จึงไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง เพราะเผลอๆเรือรบแพงๆอาจโดนขีปนาวุธราคาถูกยิงจมเอาได้ง่ายๆ

    .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…..


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.79 : วอร์เกม 2002 ในปี 2002 กองทัพสหรัฐเกิดความคิดขึ้นว่า อยากจะสมมติสถานการณ์การรบ หรือ ”วอร์เกม“ ว่าถ้าเกิดกองทัพสหรัฐต้องรบกับอิหร่านแบบเต็มรูปแบบแล้ว ผลการรบจะออกมาเป็นอย่างไร ใครจะสูญเสียเท่าไร กระทรวงกลาโหมสหรัฐหรือ “เพนตากอน” จึงทุ่มงบประมาณไป 250 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเล่นวอร์เกมนี้ ซึ่งก็มีทั้งการใช้เรือรบและเครื่องบินรบ ทหารจริงกว่า 13,000 คนเข้าร่วม และผสมกับการใช้คอมพิวเตอร์จำลองการรบหรือซิมูเลเตอร์ด้วยครับ เป็นวอร์เกมที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเพนตากอน การฝึกนี้ชื่อว่า “มิลเลนเนียม ชาเล้นจ์ 2002“ ครับ เพนตากอนกำหนดไว้ว่าเขาจะเล่นวอร์เกมส์นี้กัน 14 วันถ้วน ในการฝึกนี้เขาแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายน้ำเงินซึ่งหมายถึงกองทัพสหรัฐ นำโดยกองทัพเรือ ส่วนฝ่ายแดง คือ ฝ่ายอิหร่าน เพนตากอนเขาได้ตั้งพลเรือโทพอล แวน ริพเพอร์ มาเป็นแม่ทัพฝ่ายแดง ซึ่งนายพลผู้นี้ท่านเป็นทหารนาวิกโยธินอเมริกันที่เกษียณอายุแล้วครับ เงื่อนไขในการรบก็คือ ”อยู่ดีๆก็เกิดสงครามขึ้นซะยังงั้นแหละ“ นั่นหมายความว่า ในท้องทะเลก็ยังมีเรือสินค้า เรือเดินสมุทรแล่นไปแล่นมาอยู่ ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว และไฮไลท์ซึ่งเป็นมูลเหตุของวอร์เกมนี้คือ ให้ฝ่ายแดง(อิหร่าน)ใช้อาวุธและยุทธวิธีโลว์เทคในการรบ เพราะเพนตากอนอยากรู้ว่า ถ้ากองทัพสหรัฐต้องมาเจอกองทัพศัตรูที่ใช้อาวุธแสวงเครื่องและยุทโธปกรณ์ที่โลว์เทค หรือ Asymmetric warfare แล้ว กองทัพสหรัฐจะเป็นอย่างไร โดยเพนตากอนบอกท่านนายพลริพเพอร์ หรือ แม่ทัพฝ่ายแดงว่า “เล่นได้เต็มที่แบบ Free play เลย” ผลที่ได้คือ… . . . เปิดฉากมาวันแรกปุ๊บ ฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐก็ส่งสาส์นมายังฝ่ายแดงตามธรรมเนียมว่า “พลานุภาพกำลังรบและรี้พลของฝ่ายข้าพเจ้านั้นเหนือกว่าท่านมากมายนัก ขอให้ท่านจงยอมแพ้แต่โดยดีเถิด หาไม่แล้วอาณาประชาราษฎร์จะได้ยาก” ท่านนายพลริพเพอร์ก็ไม่ได้ยอมแพ้ และเริ่มเล่นยุทธวิธีที่เตรียมไว้คือ ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการนำสาร ไม่มีการใช้วิทยุใดๆทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้กองทัพสหรัฐดักฟังหรือแจมระบบสื่อสารได้ บรรดาฝูงรถมอเตอร์ไซค์พวกนี้นำคำสั่งของนายพลริพเพอร์วิ่งไปยังกองเรือเร็วขนาดเล็กที่บรรทุกมิสไซล์จอดเทียบอยู่ตามท่าเรือต่างๆ เมื่อรับคำสั่งปุ๊บบรรดาเรือสปีดโบ๊ทเหล่านี้ก็พร้อมใจกันแล่นมุ่งหน้าไปยังกองเรือสหรัฐที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งอิหร่าน ด้วยความที่วอร์เกมนี้ระบุว่า “อยู่ดีๆสงครามก็ปะทุ” ทำให้กองทัพเรือสหรัฐต้องแล่นเรือเข้ามาลอยลำใกล้ชายฝั่งอิหร่านมากกว่าปกติ เพราะต้องเว้นระยะห่างจากเส้นทางเรือสินค้าครับ เมื่อฝูงเรือสปีดโบ๊ทฝ่ายแดงแล่นเข้ามาได้ระยะยิงปุ๊บ ก็พร้อมใจกันระดมยิงขีปนาวุธห่าใหญ่ใส่กองเรือสหรัฐ จำนวนขีปนาวุธนี้มากมายท่วมท้นเสียจนระบบเรด้าร์และระบบป้องกันของเรือรบสหรัฐเอาไม่อยู่ นอกจากนี้ยังมีเรือสปีดโบ๊ทบางลำใช้วิธีกามิกาเซ่ คือ บรรทุกระเบิดแล้วพุ่งเข้าชนเรือรบสหรัฐเพื่อให้ระเบิดไปด้วยกัน ผลที่ได้คือ เรือรบสหรัฐจมไป 16 ลำ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือยกพลขึ้นบก 5 ลำ และเรือลาดตระเวนอีก 10 ลำ จากนั้นท่านนายพลริพเพอร์ก็ใช้กระจกสะท้อนแสง เพื่อส่งสัญญาณให้เครื่องบินรบฝ่ายแดงขึ้นบิน ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองครับ คีย์สำคัญคือ ฝ่ายแดงไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลยไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือเรด้าร์ ทำให้ฝ่ายสหรัฐไม่สามารถแจมหรือสแกนหาที่ตั้งสถานีเรด้าร์ได้ ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของวอร์เกม เรือของกองทัพเรือฝ่ายสหรัฐจมไป 16 ลำ ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์จริงๆแล้ว จะหมายถึงชีวิตของทหาร 20,000 คนเลยเชียว . . . เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ แม่ทัพน้ำเงินหรือฝ่ายสหรัฐก็เต้นผาง โวยกับแม่ทัพฝ่ายแดงว่า “ยูฆ่าไอตายตั้งแต่วันแรก แล้วเวลาที่เหลืออีก 13 วันไอจะทำอะไรล่ะ เอางี้ละกันเรามารีสตาร์ทเริ่มเล่นกันใหม่ก็แล้วกัน“ แล้วก็มีการแก้บทในวอร์เกมใหม่ว่า ให้ฝ่ายแดงเปิดใช้สถานีเรด้าร์ เพื่อที่ฝ่ายสหรัฐจะได้สแกนหาเจอและส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มได้สะดวก ตามด้วยส่งทหารกองพลพลร่มที่ 82 กระโดดร่มลงไปยังที่หมาย ในระหว่างนี้ คนคุมวอร์เกมได้บอกแม่ทัพฝ่ายแดงว่าห้ามยิงเครื่องบินสหรัฐที่บินเข้ามา แม่ทัพฝ่ายแดงหรือนายพลริพเพอร์จึงไม่พอใจอย่างมากที่วอร์เกมนี้ไม่สมจริงและไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่ต้น เมื่อสคริปท์ได้เปลี่ยนไปเพื่อการันตีว่าฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐจะต้องเป็นฝ่ายชนะเท่านั้น นายพลริพเพอร์จึงประท้วงด้วยการขอถอนตัวออกจากวอร์เกมกลางคัน เพราะท่านบอกว่า “เปลืองเงิน” ตามมาด้วยวิวาทะของแม่ทัพทั้งสองฝ่ายในวอร์เกมนี้ ต่างฝ่ายต่างด่ากันคนละนิดละหน่อยพอหอมปากหอมคอ ส่วนเพนตากอนนั้นก็ออกมาแถลงว่า บทเรียนที่ได้จากวอร์เกมนี้จะถูกส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดเพื่อพัฒนาหลักนิยมในการรบต่อไปในอนาคต . . . ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะอยากจะเล่าว่า ในเวลานี้ก็เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกับในวอร์เกมดังกล่าวขึ้นจริงๆที่แถวเยเมนครับ อย่างที่เราทราบว่า เยเมนนั้นเป็นที่มั่นของพวกกองโจรฮูติ ซึ่งพวกฮูตินี้ได้ยึดครองชายฝั่งทะเลตรงปากทางเข้าทะเลแดง ทะเลแดงนี้เป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญของเรือสินค้าจำนวนมหาศาลครับ พวกฮูตินี้เริ่มมีอิทธิพลตรงปากทางเข้าทะเลแดงและยิงจรวดไปจมเรือสินค้าหลายๆลำตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปคุ้มครองความปลอดภัยของเรือสินค้า ส่วนทางยุโรปก็ส่งกองทัพเรือผสมหลายๆชาติเข้าไปเช่นกัน แต่ฝ่ายฮูติก็ไม่ได้สนใจใยดี ยังคงยิงจรวดใส่เรือสินค้าเล่นไปอย่างนั้นมาได้ 6 เดือนแล้ว เกิดเหตุร้ายกับเรือสินค้านับได้ 100 กว่าเหตุการณ์ แม้กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจะพร้อมรบเต็มที่ แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเปิดฉากถล่มฮูติเต็มเหนี่ยว เพราะมันจะดูเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน ด้วยเหตุว่าอาวุธของฮูตินั้นเป็นอาวุธราคาประหยัดแต่มีประสิทธิภาพ เช่น ขีปนาวุธที่ยิงได้เป็นระยะ 200-300 กิโลเมตรและโดรนติดอาวุธราคาไม่เกินลำละ 2,000 ดอลล่าร์ ทั้งหมดนี้ได้รับสปอนเซอร์จากอิหร่านซึ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งการก๊อปปี้และสร้างอาวุธราคาถูกได้ทีละมากๆ ส่วนอาวุธของฝ่ายสหรัฐนั้นราคาแพง เช่น ขีปนาวุธครูซลูกหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 1-4 ล้านดอลล่าร์ เรือพิฆาตของสหรัฐลำหนึ่ง ราคา 2 พันล้านดอลล่าร์ และค่าใช้จ่ายในการที่จะทำให้มันแล่นเป็นเรือรบอยู่ได้ก็ตกเดือนละ 7 ล้านเหรียญ การรบระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองโจรฮูติ จึงไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง เพราะเผลอๆเรือรบแพงๆอาจโดนขีปนาวุธราคาถูกยิงจมเอาได้ง่ายๆ .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….. นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/UKRTRVyD7kw?si=N_Wh3iok6dQfh0X4
    https://youtu.be/UKRTRVyD7kw?si=N_Wh3iok6dQfh0X4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1)

    หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ

    ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1]

    จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ

    แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ

    ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4]

    ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5]

    ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6]

    ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7]

    จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8]

    ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9]

    งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10]

    จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ

    แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ

    ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น

    แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11]

    โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12]

    แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก

    หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ

    นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14]

    อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15]

    หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น

    การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง

    งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี

    งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่

    ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ

    ---

    อ้างอิง

    [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40.

    [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199.

    [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5.

    [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149.

    [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14.

    [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220.

    [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8.

    [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10.

    [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    ---


    ต. ตุลยากร
    วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1) หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1] จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4] ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5] ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6] ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7] จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8] ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9] งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10] จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11] โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12] แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14] อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15] หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่ ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ --- อ้างอิง [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40. [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199. [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5. [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149. [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14. [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220. [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8. [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10. [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). --- ต. ตุลยากร
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • บีบหัวใจ! กลับไปดาวช้างนะลูก! 05/10/67 #แม่แตง #ศูนย์บริบาลช้าง #น้ำท่วมเชียงใหม่
    บีบหัวใจ! กลับไปดาวช้างนะลูก! 05/10/67 #แม่แตง #ศูนย์บริบาลช้าง #น้ำท่วมเชียงใหม่
    Sad
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 95 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/5sNCNnLJ408?si=mSj8g7q8smhIiuPp
    https://youtu.be/5sNCNnLJ408?si=mSj8g7q8smhIiuPp
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูวันเสาร์
    "เกาเหลาหมูตุ๋นผัดกะเพราไข่ระเบิด"
    คือเอาเมนู หมูขั้วตับ เอ็นแก้ว ตับ หมูนุ่ม และลูกชิ้น
    จากเมื่อวานทำก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นเลี้ยงพนักงาน
    เลยแบ่งเครื่องเก็บเอาไว้ เพื่อเอามาทำเมนูนี้
    ใช้ไข่ไก่สามใบ ทอดจนกรอบรองด้านล่าง
    แล้วราดเกาเหลาหมูผัดกะเพราลงไป
    แค่นี้ก็ได้กินเมนู สามอย่างรวมกันในเมนูเดียว

    #dedusuanplu6
    เมนูวันเสาร์ "เกาเหลาหมูตุ๋นผัดกะเพราไข่ระเบิด" คือเอาเมนู หมูขั้วตับ เอ็นแก้ว ตับ หมูนุ่ม และลูกชิ้น จากเมื่อวานทำก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นเลี้ยงพนักงาน เลยแบ่งเครื่องเก็บเอาไว้ เพื่อเอามาทำเมนูนี้ ใช้ไข่ไก่สามใบ ทอดจนกรอบรองด้านล่าง แล้วราดเกาเหลาหมูผัดกะเพราลงไป แค่นี้ก็ได้กินเมนู สามอย่างรวมกันในเมนูเดียว #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใบที่3เชื้อกำลังมา แม่2 เชื้อมาครบ3ใบ AG2
    ใบที่3เชื้อกำลังมา แม่2 เชื้อมาครบ3ใบ AG2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • โอฬาร เสนอขายที่ดินในซ.18ซ.รามอินทรา65_67 2โฉนด 102ตรว.4.5ล้าน 0891198622
    โอฬาร เสนอขายที่ดินในซ.18ซ.รามอินทรา65_67 2โฉนด 102ตรว.4.5ล้าน 0891198622
    โอฬาร เสนอขายที่ดินในซ.18ซ.รามอินทรา65_67 2โฉนด 102ตรว.4.5ล้าน 0891198622
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูวันนี้
    "ผัดกะเพราหมูราดมาม่าไข่ดาว"
    เมื่อวานอ่านบทความหนึ่งเค้าบอกว่าผลสำรวจ
    บะหมี่สำเร็จรูปที่อร่อยที่สุดในโลกคือยี่ห้อ Indomie
    เป็นบะหมี่โกเร็งแห้งของอินโดนิเซีย มียอดขายเยอะ
    วันนี้เลยอยากลองว่าจะสู้ของไทยได้หรือป่าว
    แต่เมนูอะไรดี ก็เลยมาลงตัวที่ผัดกะเพราของเรา
    ผลสรุปออกมา โดยรวมเมื่อทานกับผัดกะเพรา
    อร่อยดี ส่วนเส้นจะเล็กเหมือนของ Nissin
    ความเหนียวเหมือนยำยำ ส่วนรสชาติความแตกต่าง
    บอกตรงๆแทบแยกไม่ออก ส่วนตัวแล้ว
    มาม่าหมูสับอร่อยที่สุด เอามาปรุงเป็นเมนูอื่นก็อร่อย
    ลองหาทานกันดูราคาแพงก็ว่าของบ้านเรานิดหน่อย

    #dedusuanplu6
    เมนูวันนี้ "ผัดกะเพราหมูราดมาม่าไข่ดาว" เมื่อวานอ่านบทความหนึ่งเค้าบอกว่าผลสำรวจ บะหมี่สำเร็จรูปที่อร่อยที่สุดในโลกคือยี่ห้อ Indomie เป็นบะหมี่โกเร็งแห้งของอินโดนิเซีย มียอดขายเยอะ วันนี้เลยอยากลองว่าจะสู้ของไทยได้หรือป่าว แต่เมนูอะไรดี ก็เลยมาลงตัวที่ผัดกะเพราของเรา ผลสรุปออกมา โดยรวมเมื่อทานกับผัดกะเพรา อร่อยดี ส่วนเส้นจะเล็กเหมือนของ Nissin ความเหนียวเหมือนยำยำ ส่วนรสชาติความแตกต่าง บอกตรงๆแทบแยกไม่ออก ส่วนตัวแล้ว มาม่าหมูสับอร่อยที่สุด เอามาปรุงเป็นเมนูอื่นก็อร่อย ลองหาทานกันดูราคาแพงก็ว่าของบ้านเรานิดหน่อย #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูวันนี้ "ยำเห็ดโคน" จากอุทัยธานี
    ทำตามคำเรียกร้องของคุณนาย
    ช่วงนี้เห็ดโคนกำลังออก ที่ตลาดริมแม่น้ำสะแกกรัง
    ทั้งตลาดเช้าและเย็น มีแบบสดและแบบต้มแล้ว
    เอาสะดวกให้เลือกแบบต้มแล้วเพราะเก็บไว้
    ได้หลายวัน ส่วนแบบสดจะติดเศษดิน
    ต้องมาล้างและตัดส่วนที่ไม่มีดีออกก่อน
    ราคาช่วงนี้ สด 500 บาทต้มแล้ว 600 บาท
    วันนี้จะเอามายำโดยทำแบบยำไทยทั่วไป
    เอาเห็ดโคนมาต้มอีกที พักให้สะเด็ดน้ำ
    จากนั้นเอามาคลุกกับกุ้งลวกและหมูสับลวน
    ใส่หอมแขกซอย คื่นช่าย ผักชีฝรั่งซอยลงไป
    ราดด้วยน้ำยำที่ปรุงด้วย กระเทียม พริกขี้หนู
    น้ำปลา เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำต้มสุก
    เอามาปั่นให้เข้ากัน โรยด้วยผักชีซอยละเอียด
    นำมาคลุกกับเครื่องที่เตรียมไว้เป็นอันเสร็จ
    ช่วงนี้ถ้าหาเห็ดโคนได้ลองทำกันดูง่ายๆ

    #dedusuanplu6
    เมนูวันนี้ "ยำเห็ดโคน" จากอุทัยธานี ทำตามคำเรียกร้องของคุณนาย ช่วงนี้เห็ดโคนกำลังออก ที่ตลาดริมแม่น้ำสะแกกรัง ทั้งตลาดเช้าและเย็น มีแบบสดและแบบต้มแล้ว เอาสะดวกให้เลือกแบบต้มแล้วเพราะเก็บไว้ ได้หลายวัน ส่วนแบบสดจะติดเศษดิน ต้องมาล้างและตัดส่วนที่ไม่มีดีออกก่อน ราคาช่วงนี้ สด 500 บาทต้มแล้ว 600 บาท วันนี้จะเอามายำโดยทำแบบยำไทยทั่วไป เอาเห็ดโคนมาต้มอีกที พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นเอามาคลุกกับกุ้งลวกและหมูสับลวน ใส่หอมแขกซอย คื่นช่าย ผักชีฝรั่งซอยลงไป ราดด้วยน้ำยำที่ปรุงด้วย กระเทียม พริกขี้หนู น้ำปลา เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำต้มสุก เอามาปั่นให้เข้ากัน โรยด้วยผักชีซอยละเอียด นำมาคลุกกับเครื่องที่เตรียมไว้เป็นอันเสร็จ ช่วงนี้ถ้าหาเห็ดโคนได้ลองทำกันดูง่ายๆ #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดเช้าของที่นี่ ของกินเยอะ ผักสดๆใหม่ๆ
    แถมถูกมาก ได้มาตักบาตรอีกด้วย
    ตอนเด็กๆก็โตมาแบบนี้ แต่ช่วงโตอยู่ กทม.
    พออายุมากขึ้นกลับโหยหาบรรยากาศแบบนี้อีก
    ชาติที่แล้วเราคงเป็นคนที่นี่ รู้สึกผูกพันกับที่นี่
    มาทีไรเหมือนได้กลับมาเยี่ยมบ้านเดิม
    ทั้งๆที่เป็นคนนครสวรรค์ ก็ห่างจากที่นี่ไม่ไกล

    #อุทัยธานีเมืองน่าเที่ยว
    ตลาดเช้าของที่นี่ ของกินเยอะ ผักสดๆใหม่ๆ แถมถูกมาก ได้มาตักบาตรอีกด้วย ตอนเด็กๆก็โตมาแบบนี้ แต่ช่วงโตอยู่ กทม. พออายุมากขึ้นกลับโหยหาบรรยากาศแบบนี้อีก ชาติที่แล้วเราคงเป็นคนที่นี่ รู้สึกผูกพันกับที่นี่ มาทีไรเหมือนได้กลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ทั้งๆที่เป็นคนนครสวรรค์ ก็ห่างจากที่นี่ไม่ไกล #อุทัยธานีเมืองน่าเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูวันศุกร์ "ข้าวหน้าหมู Butadon"
    ใช้สันคอหมูสไลด์แทนหมูสามชั้นเพราะมันน้อย
    กว่า แต่ถ้าใช้ส่วนอื่นจะไม่มีมันแทรกจะไม่อร่อย
    เริ่มจากเอาหอมหัวใหญ่ซอย มาผัดกับเนย
    จนหอมใส่ซอส Butadon ลงไปพอท่วมหอมซอย
    เมื่อผัดหอมหัวใหญ่จนหอมแล้ว ใส่หมูลงไป
    ผัดจนหมูสุกและน้ำเริ่มงวด ถ้าชอบเผ็ดให้ใส่
    พริกญี่ปุ่นและน้ำมันพริกลงไปด้วยก็ได้
    ตักเสริฟโดยราดบนข้าวญี่ปุ่นโปะด้วยไข่ออนเซ็น
    โรยงาและหอมญี่ปุ่นซอย แค่นี้ก็ได้เมนูอร่อยๆแล้ว

    วิธีทำซอส
    ใช้ โชยุ ผงดาชิ ขิงกระเทียมบดละเอียด
    มิริน สาเก น้ำตาลทรายแดง และน้ำนิดหน่อย
    เคี่ยวรวมกัน รสชาติหวานนำเค็มตาม

    #dedusuanplu6
    เมนูวันศุกร์ "ข้าวหน้าหมู Butadon" ใช้สันคอหมูสไลด์แทนหมูสามชั้นเพราะมันน้อย กว่า แต่ถ้าใช้ส่วนอื่นจะไม่มีมันแทรกจะไม่อร่อย เริ่มจากเอาหอมหัวใหญ่ซอย มาผัดกับเนย จนหอมใส่ซอส Butadon ลงไปพอท่วมหอมซอย เมื่อผัดหอมหัวใหญ่จนหอมแล้ว ใส่หมูลงไป ผัดจนหมูสุกและน้ำเริ่มงวด ถ้าชอบเผ็ดให้ใส่ พริกญี่ปุ่นและน้ำมันพริกลงไปด้วยก็ได้ ตักเสริฟโดยราดบนข้าวญี่ปุ่นโปะด้วยไข่ออนเซ็น โรยงาและหอมญี่ปุ่นซอย แค่นี้ก็ได้เมนูอร่อยๆแล้ว วิธีทำซอส ใช้ โชยุ ผงดาชิ ขิงกระเทียมบดละเอียด มิริน สาเก น้ำตาลทรายแดง และน้ำนิดหน่อย เคี่ยวรวมกัน รสชาติหวานนำเค็มตาม #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/CnxMbmH3fSw?si=aTGSVvElR73L8DEp
    https://youtu.be/CnxMbmH3fSw?si=aTGSVvElR73L8DEp
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูวันนี้ "พริกหยวกยัดไส้เบอร์เกอร์หมูบาร์บีคิว"
    วันก่อนเห็นในในทีวีเค้าเอาพริกหนุ่มมายัดไส้
    หมูสับแล้วย่างขายเป็นลูกๆแล้วน่าทานดี
    วันนี้เลยลองทำ โดยใช้พริกหยวกผ่ากลาง
    แล้วเอาปลายช้อนเขี่ยเม็ดและไส้ในออก
    ให้เหลือจุกไว้ไม่งั้นพริกจะแตกทั้งลูกไม่น่าทาน
    ส่วนไส้ใช้หมูสับผสมกับหอมหัวใหญ่สับ เนยเค็ม
    ออริกาโน ใบไทม์ ซอสมะเขือเทศ เกลือนิดหน่อย
    คลุกให้เข้ากัน จากนั้นยัดลงในพริกหยวกจนแน่น
    จากนั้นเอามาย่างกับเตาอบลมร้อนไฟ 200
    ประมาณด้านละ 10 นาที ก่อนที่จะกลับด้าน
    ให้เอาซอสบาร์บีคิวทาแล้วย่างไปอีก 5 นาที
    จนเหลืองหอม หรือจะเอาชีสโรยด้านบนแล้ว
    ย่างอีกทีก็ได้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ โดยไม่ต้อง
    จิ้มกับอะไรก็อร่อย

    #dedusuanplu6
    เมนูวันนี้ "พริกหยวกยัดไส้เบอร์เกอร์หมูบาร์บีคิว" วันก่อนเห็นในในทีวีเค้าเอาพริกหนุ่มมายัดไส้ หมูสับแล้วย่างขายเป็นลูกๆแล้วน่าทานดี วันนี้เลยลองทำ โดยใช้พริกหยวกผ่ากลาง แล้วเอาปลายช้อนเขี่ยเม็ดและไส้ในออก ให้เหลือจุกไว้ไม่งั้นพริกจะแตกทั้งลูกไม่น่าทาน ส่วนไส้ใช้หมูสับผสมกับหอมหัวใหญ่สับ เนยเค็ม ออริกาโน ใบไทม์ ซอสมะเขือเทศ เกลือนิดหน่อย คลุกให้เข้ากัน จากนั้นยัดลงในพริกหยวกจนแน่น จากนั้นเอามาย่างกับเตาอบลมร้อนไฟ 200 ประมาณด้านละ 10 นาที ก่อนที่จะกลับด้าน ให้เอาซอสบาร์บีคิวทาแล้วย่างไปอีก 5 นาที จนเหลืองหอม หรือจะเอาชีสโรยด้านบนแล้ว ย่างอีกทีก็ได้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ โดยไม่ต้อง จิ้มกับอะไรก็อร่อย #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • รบกวนถามเพื่อนๆครับ อยากได้ ลิ้งค์เว็ปไซของ Timethai ใครมีช่วยส่งให้ผมด้วยจะได้เปิดดูจากคอมที่บ้านครับผม😄
    รบกวนถามเพื่อนๆครับ อยากได้ ลิ้งค์เว็ปไซของ Timethai ใครมีช่วยส่งให้ผมด้วยจะได้เปิดดูจากคอมที่บ้านครับผม😄
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.mtaleproducts.com/b/60
    https://www.mtaleproducts.com/b/60
    WWW.MTALEPRODUCTS.COM
    หากร่างกายขาดซิงค์จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายมีความผิดปกติ
    ในวัยทองซิงค์เป็นตัวช่วยสำคัญในการผลิตฮอร์โมนเพศ หากร่างกายได้รับซิงค์อย่างเพียงพอ ฮอร์โมนเพศดีก็สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีตามมาด้วย เนื่องจากฮอร์โมนเพศส่งผลกับหลายด้านในชีวิต ทั้งเรื่องของการนอนหลับ ปรับอารมณ์ให้อารมณ์ที่คงที่ ไม่เหวี่ยงวีน กล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูง่ายๆวันจันทร์ "กระเพราหมูสับXลูกชิ้นหมู"
    วันนี้ผัดแห้งๆ ใช้ซอสผัดกระเพราที่ทำเอง
    ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย แค่โรย
    ใบกระเพราใส่ก็เสร็จแล้ว แค่นี้อร่อยแล้ว
    ทานคู่กับไข่ดาวกรอบๆซักฟอง เด็ดแน่นอน

    #dedusuanplu6
    เมนูง่ายๆวันจันทร์ "กระเพราหมูสับXลูกชิ้นหมู" วันนี้ผัดแห้งๆ ใช้ซอสผัดกระเพราที่ทำเอง ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย แค่โรย ใบกระเพราใส่ก็เสร็จแล้ว แค่นี้อร่อยแล้ว ทานคู่กับไข่ดาวกรอบๆซักฟอง เด็ดแน่นอน #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเข้าใจชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราหันกลับมาสำรวจที่จิตของเราเอง ว่าจิตกำลัง "ยึด" หรือ "ไม่ยึด" สิ่งต่างๆ ปริศนาที่เคยยุ่งยากก็จะค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำตอบที่เรียบง่าย

    หลายครั้งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า สาเหตุไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะจิตของเราเหนื่อยล้าจากการยึดเกาะและตะกาย เมื่อได้มาแล้วจึงหมดแรงในการยึดถือ และความรู้สึกที่ว่างเปล่านั้นคือสัญญาณว่าจิตไม่ยึดสิ่งนั้นอีกต่อไป

    ในบางครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่นานก็รู้สึกเบื่อ สาเหตุมาจากจิตได้ถอนตัวจากสภาพยึด เมื่อหมดแรงในการยึดถือ จิตก็อยากถอยห่างจากสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งผลักไส

    ถ้าเราไม่สังเกตเห็นความเป็นไปของจิต เมื่อได้มาสิ่งสมใจมากๆ เราอาจเริ่มงงงันและเคว้งคว้าง ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการอะไรจากชีวิตจริงๆ?" คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงในชีวิต ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออะไร

    ลองเริ่มสังเกตง่ายๆ ว่า แม้แต่ลมหายใจที่เป็นของธรรมดาและไม่มีใครยึดถือ เรายังไม่สามารถทิ้งมันได้ ลมหายใจสอนเราว่า จิตที่ไม่ยึด แต่ก็ไม่ทิ้ง นั้นเป็นอย่างไร จิตที่สงบและสมดุลจะไม่ตะกายหรือยึดมั่นในสิ่งใดจนเหนื่อยล้า

    เมื่อเราเริ่มเห็นจิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย เราจะเกิดสติและเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุให้ยึด และอะไรเป็นเหตุให้ปล่อย เราจะไม่ยึดหรือปล่อยสิ่งใดแบบงงๆ อีกต่อไป จิตจะสว่างขึ้น เกิดปัญญาเห็นความจริงว่า ความอยากและความยึดถือเป็นสิ่งชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยวาง

    เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตจะเริ่มสงบ หิวน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจว่า ความสงบระงับนั้นแหละคือความอิ่มเต็มที่แท้จริงในชีวิต
    การเข้าใจชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราหันกลับมาสำรวจที่จิตของเราเอง ว่าจิตกำลัง "ยึด" หรือ "ไม่ยึด" สิ่งต่างๆ ปริศนาที่เคยยุ่งยากก็จะค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำตอบที่เรียบง่าย หลายครั้งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า สาเหตุไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะจิตของเราเหนื่อยล้าจากการยึดเกาะและตะกาย เมื่อได้มาแล้วจึงหมดแรงในการยึดถือ และความรู้สึกที่ว่างเปล่านั้นคือสัญญาณว่าจิตไม่ยึดสิ่งนั้นอีกต่อไป ในบางครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่นานก็รู้สึกเบื่อ สาเหตุมาจากจิตได้ถอนตัวจากสภาพยึด เมื่อหมดแรงในการยึดถือ จิตก็อยากถอยห่างจากสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งผลักไส ถ้าเราไม่สังเกตเห็นความเป็นไปของจิต เมื่อได้มาสิ่งสมใจมากๆ เราอาจเริ่มงงงันและเคว้งคว้าง ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการอะไรจากชีวิตจริงๆ?" คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงในชีวิต ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออะไร ลองเริ่มสังเกตง่ายๆ ว่า แม้แต่ลมหายใจที่เป็นของธรรมดาและไม่มีใครยึดถือ เรายังไม่สามารถทิ้งมันได้ ลมหายใจสอนเราว่า จิตที่ไม่ยึด แต่ก็ไม่ทิ้ง นั้นเป็นอย่างไร จิตที่สงบและสมดุลจะไม่ตะกายหรือยึดมั่นในสิ่งใดจนเหนื่อยล้า เมื่อเราเริ่มเห็นจิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย เราจะเกิดสติและเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุให้ยึด และอะไรเป็นเหตุให้ปล่อย เราจะไม่ยึดหรือปล่อยสิ่งใดแบบงงๆ อีกต่อไป จิตจะสว่างขึ้น เกิดปัญญาเห็นความจริงว่า ความอยากและความยึดถือเป็นสิ่งชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยวาง เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตจะเริ่มสงบ หิวน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจว่า ความสงบระงับนั้นแหละคือความอิ่มเต็มที่แท้จริงในชีวิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว