• Intel พัฒนาเทคโนโลยีกระจายความร้อนใหม่ รองรับชิปขนาดใหญ่ยุค Advanced Packaging

    Intel Foundry เผยงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการออกแบบ heat spreader แบบใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนสำหรับชิปขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี Advanced Packaging ซึ่งกำลังเป็นหัวใจสำคัญของยุค AI และ HPC

    ในโลกของชิปประมวลผลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชิปที่ใช้เทคโนโลยี Advanced Packaging เช่น multi-chiplet หรือ stacked die การจัดการความร้อนกลายเป็นเรื่องท้าทาย เพราะ heat spreader แบบเดิมไม่สามารถรองรับโครงสร้างที่ซับซ้อนได้

    Intel จึงเสนอแนวทางใหม่ที่เรียกว่า “disaggregated heat spreader” ซึ่งแบ่งชิ้นส่วนออกเป็นหลายส่วนที่ง่ายต่อการผลิตและประกอบ โดยใช้แผ่นโลหะแบบเรียบ (flat plate) ร่วมกับ stiffener ที่ช่วยสร้างโครงสร้างรองรับและช่องว่างที่เหมาะกับชิปแต่ละแบบ

    ข้อดีของแนวทางนี้คือ:
    ลดการบิดงอของแพ็กเกจได้ถึง 30%
    ลดช่องว่างในวัสดุเชื่อมต่อความร้อน (TIM voids) ได้ถึง 25%
    เพิ่มความเรียบของพื้นผิว (coplanarity) ได้ถึง 7%

    นอกจากนี้ยังสามารถใช้กระบวนการผลิตแบบ stamping ทั่วไป แทนการใช้เครื่องจักร CNC ที่มีต้นทุนสูงและใช้เวลานาน ทำให้สามารถผลิตชิปขนาดใหญ่เกิน 7000 mm² ได้ง่ายขึ้น

    Intel ยังวางแผนต่อยอดเทคโนโลยีนี้ไปสู่การใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling และวัสดุ composite ที่มีการนำความร้อนสูง เพื่อรองรับการใช้งานในระดับเซิร์ฟเวอร์และ AI ที่ต้องการพลังงานสูง

    Intel พัฒนา heat spreader แบบใหม่สำหรับชิป Advanced Packaging
    ใช้แนวทาง “disaggregated” แยกชิ้นส่วนเพื่อประกอบง่าย
    รองรับชิปขนาดใหญ่และซับซ้อน เช่น multi-chiplet และ stacked die

    ประโยชน์จากการออกแบบใหม่
    ลดการบิดงอของแพ็กเกจได้ 30%
    ลดช่องว่างในวัสดุ TIM ได้ 25%
    เพิ่มความเรียบของพื้นผิวได้ 7%

    ใช้กระบวนการผลิตที่ต้นทุนต่ำ
    ใช้ stamping แทน CNC machining
    ลดต้นทุนและเวลาในการผลิต

    รองรับการพัฒนาในอนาคต
    เตรียมใช้งานร่วมกับ liquid cooling และวัสดุ composite
    เหมาะสำหรับชิปที่ใช้ใน AI และ HPC

    https://wccftech.com/intel-researches-advanced-cost-effective-heat-spreader-solutions-for-extra-large-advanced-packaging-chips/
    🧊 Intel พัฒนาเทคโนโลยีกระจายความร้อนใหม่ รองรับชิปขนาดใหญ่ยุค Advanced Packaging 🔬💡 Intel Foundry เผยงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการออกแบบ heat spreader แบบใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนสำหรับชิปขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี Advanced Packaging ซึ่งกำลังเป็นหัวใจสำคัญของยุค AI และ HPC ในโลกของชิปประมวลผลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชิปที่ใช้เทคโนโลยี Advanced Packaging เช่น multi-chiplet หรือ stacked die การจัดการความร้อนกลายเป็นเรื่องท้าทาย เพราะ heat spreader แบบเดิมไม่สามารถรองรับโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ Intel จึงเสนอแนวทางใหม่ที่เรียกว่า “disaggregated heat spreader” ซึ่งแบ่งชิ้นส่วนออกเป็นหลายส่วนที่ง่ายต่อการผลิตและประกอบ โดยใช้แผ่นโลหะแบบเรียบ (flat plate) ร่วมกับ stiffener ที่ช่วยสร้างโครงสร้างรองรับและช่องว่างที่เหมาะกับชิปแต่ละแบบ 🏆 ข้อดีของแนวทางนี้คือ: 🎗️ ลดการบิดงอของแพ็กเกจได้ถึง 30% 🎗️ ลดช่องว่างในวัสดุเชื่อมต่อความร้อน (TIM voids) ได้ถึง 25% 🎗️ เพิ่มความเรียบของพื้นผิว (coplanarity) ได้ถึง 7% นอกจากนี้ยังสามารถใช้กระบวนการผลิตแบบ stamping ทั่วไป แทนการใช้เครื่องจักร CNC ที่มีต้นทุนสูงและใช้เวลานาน ทำให้สามารถผลิตชิปขนาดใหญ่เกิน 7000 mm² ได้ง่ายขึ้น Intel ยังวางแผนต่อยอดเทคโนโลยีนี้ไปสู่การใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling และวัสดุ composite ที่มีการนำความร้อนสูง เพื่อรองรับการใช้งานในระดับเซิร์ฟเวอร์และ AI ที่ต้องการพลังงานสูง ✅ Intel พัฒนา heat spreader แบบใหม่สำหรับชิป Advanced Packaging ➡️ ใช้แนวทาง “disaggregated” แยกชิ้นส่วนเพื่อประกอบง่าย ➡️ รองรับชิปขนาดใหญ่และซับซ้อน เช่น multi-chiplet และ stacked die ✅ ประโยชน์จากการออกแบบใหม่ ➡️ ลดการบิดงอของแพ็กเกจได้ 30% ➡️ ลดช่องว่างในวัสดุ TIM ได้ 25% ➡️ เพิ่มความเรียบของพื้นผิวได้ 7% ✅ ใช้กระบวนการผลิตที่ต้นทุนต่ำ ➡️ ใช้ stamping แทน CNC machining ➡️ ลดต้นทุนและเวลาในการผลิต ✅ รองรับการพัฒนาในอนาคต ➡️ เตรียมใช้งานร่วมกับ liquid cooling และวัสดุ composite ➡️ เหมาะสำหรับชิปที่ใช้ใน AI และ HPC https://wccftech.com/intel-researches-advanced-cost-effective-heat-spreader-solutions-for-extra-large-advanced-packaging-chips/
    WCCFTECH.COM
    Intel Researches Advanced & Cost-Effective Heat Spreader Solutions For "Extra-Large" Advanced Packaging Chips
    Intel researchers have found a way to simplify head spreaders, enabling cost-effective designs for "extra-large" advanced packaging chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดในยุคโบราณ

    ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา"
    อายุ:2,000 ปี
    ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย

    ```mermaid
    graph TB
    A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์]
    B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์]
    C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน]
    D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป

    · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้
    · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง
    · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์
    · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ
    · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    ระดับพลังแห่งวาจา

    ```python
    class VajaPowers:
    def __init__(self):
    self.truth_speech = {
    "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด",
    "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา",
    "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด",
    "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา"
    }

    self.blessing_curse = {
    "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด",
    "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี",
    "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม",
    "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้"
    }

    self.limitations = {
    "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้",
    "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล",
    "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด",
    "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้"
    }
    ```

    ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้

    อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว:

    · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง
    · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน
    · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง

    เรื่องราวการถูกสาป

    ชีวิตในยุคสุโขทัย

    ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue:

    · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง

    จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด

    ```mermaid
    graph LR
    A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร]
    B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์]
    C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง]
    D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร]
    ```

    คำสาปแห่งกาลเวลา

    เทวดาสาปให้เขา:

    · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ
    · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี
    · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก

    ชีวิตในความโดดเดี่ยว

    ที่อยู่อาศัย

    อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์:

    · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป
    · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ
    · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี

    กิจวัตรประจำวัน

    รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา
    เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ
    บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา
    ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต

    ความคิดและความรู้สึก

    อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ:
    "สองพันปีแห่งความเหงา...
    สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม
    แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย

    แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า?
    เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้"

    การพัฒนาพลังวาจา

    จากความโกรธสู่ความเข้าใจ

    ```python
    class PowerEvolution:
    def __init__(self):
    self.past = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ",
    "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ",
    "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย"
    }

    self.present = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ",
    "emotion": "ความเมตตา ความอดทน",
    "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา"
    }

    self.techniques_developed = [
    "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด",
    "การเลือกคำที่มีเมตตา",
    "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด",
    "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด"
    ]
    ```

    พลังใหม่แห่งการเยียวยา

    อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่:

    · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด
    · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์
    · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน

    การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต:
    "เป็นครั้งแรกในสองพันปี...
    ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว

    และเป็นครั้งแรก...
    ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'"

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ]
    B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด]
    C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน]
    D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น]
    ```

    บทเรียนที่ได้รับ

    อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า:

    · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว
    · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ
    · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ที่ปรึกษาด้านวาจา

    อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class NewResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา",
    "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ",
    "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ",
    "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย"
    }

    self.students = [
    "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์",
    "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์",
    "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด",
    "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญา

    "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง...
    เมื่อเธอพูดคำใดออกไป
    คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย

    เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง...
    เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก"

    บทเรียนชีวิต

    อสูรเฒ่าสอนว่า:

    · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา
    · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ
    · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    การให้อภัยตัวเอง

    อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ:
    "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต
    และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น"

    ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม
    · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต
    · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา
    · ได้รับความรัก จากชุมชน
    · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น

    ---

    คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า:
    "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า...
    พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก
    แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม

    ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ...
    แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน
    ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "True power lies not in dominating others,
    but in understanding them
    And the most sacred words are those
    that heal rather than harm"
    O.P.K. 🔮 เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา 👁️ ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดในยุคโบราณ ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา" อายุ:2,000 ปี ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย ```mermaid graph TB A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์] B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์] C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน] D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้ · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์ · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท 🔥 พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ 💫 ระดับพลังแห่งวาจา ```python class VajaPowers: def __init__(self): self.truth_speech = { "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด", "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา", "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด", "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา" } self.blessing_curse = { "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด", "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี", "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม", "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้" } self.limitations = { "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้", "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล", "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด", "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้" } ``` 📜 ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว: · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง 💔 เรื่องราวการถูกสาป 🏛️ ชีวิตในยุคสุโขทัย ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue: · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง ⚡ จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด ```mermaid graph LR A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร] B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์] C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง] D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร] ``` 🕰️ คำสาปแห่งกาลเวลา เทวดาสาปให้เขา: · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก 🌪️ ชีวิตในความโดดเดี่ยว 🏚️ ที่อยู่อาศัย อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์: · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี 📖 กิจวัตรประจำวัน รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต 💭 ความคิดและความรู้สึก อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ: "สองพันปีแห่งความเหงา... สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า? เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้" 🔮 การพัฒนาพลังวาจา 🌱 จากความโกรธสู่ความเข้าใจ ```python class PowerEvolution: def __init__(self): self.past = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ", "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ", "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย" } self.present = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ", "emotion": "ความเมตตา ความอดทน", "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา" } self.techniques_developed = [ "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด", "การเลือกคำที่มีเมตตา", "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด", "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด" ] ``` 💞 พลังใหม่แห่งการเยียวยา อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่: · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์ · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน 🌈 การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต: "เป็นครั้งแรกในสองพันปี... ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว และเป็นครั้งแรก... ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'" 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ] B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด] C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน] D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น] ``` 🌟 บทเรียนที่ได้รับ อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า: · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ที่ปรึกษาด้านวาจา อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น: · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง 📚 โครงการสำคัญ ```python class NewResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา", "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ", "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ", "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย" } self.students = [ "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์", "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์", "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด", "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญา "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง... เมื่อเธอพูดคำใดออกไป คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง... เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก" 🌟 บทเรียนชีวิต อสูรเฒ่าสอนว่า: · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร 🏁 บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 💝 การให้อภัยตัวเอง อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ: "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น" 🌈 ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง กลายเป็นผู้ที่... · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา · ได้รับความรัก จากชุมชน · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น --- คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า: "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า... พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ... แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "True power lies not in dominating others, but in understanding them And the most sacred words are those that heal rather than harm"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • รหัสผ่านยอดนิยมยังคงแย่! “123456” และ “password” ยังครองอันดับ — ถึงเวลาปรับพฤติกรรมดิจิทัลของมนุษยชาติ

    รายงานล่าสุดจาก Comparitech วิเคราะห์รหัสผ่านที่หลุดกว่า 2 พันล้านรายการ พบว่าผู้คนยังคงใช้รหัสผ่านง่ายๆ อย่าง “123456”, “admin” และ “password” เป็นหลัก แม้จะมีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยมานานหลายปี

    ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้รหัสผ่านที่จำง่ายแต่เสี่ยงสูง เช่น ตัวเลขเรียงลำดับ หรือการลากนิ้วบนแป้นพิมพ์ เช่น “qwerty” หรือ “1q2w3e4r” ซึ่งสามารถถูกเจาะได้ง่ายด้วยเครื่องมือ cracking อัตโนมัติที่มีอยู่ทั่วไป

    แม้จะมีการปรับปรุงรูปแบบ เช่น “Aa123456” หรือ “Aa@123456” ก็ยังถือว่าเป็นรูปแบบที่เดาง่าย เพราะเป็นการนำโครงสร้างเดิมมาเติมสัญลักษณ์หรือตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น

    นักวิจัยชี้ว่า “ความยาว” ของรหัสผ่านยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันการเจาะระบบ โดยรหัสผ่านที่ยาวและมีโครงสร้างไม่คาดคิดจะใช้เวลานานมากในการถอดรหัส

    นอกจากนี้ยังพบว่าองค์กรต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดคุณภาพรหัสผ่าน เพราะหากไม่มีการบังคับใช้กฎที่เข้มงวด พนักงานมักจะเลือกใช้รหัสผ่านที่ง่ายที่สุดเท่าที่ระบบอนุญาต

    สาระเพิ่มเติม
    รหัสผ่านที่ดีควรมีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร และประกอบด้วยตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์
    การใช้ passphrase เช่น “CoffeeIsBetterThanTea!” มีความปลอดภัยสูงและจำง่าย
    การใช้ password manager ช่วยสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องจำเอง

    รหัสผ่านยอดนิยมยังคงเป็นแบบเดาง่าย
    “123456”, “password”, “admin” ยังติดอันดับสูง
    รูปแบบลากนิ้วบนแป้นพิมพ์ก็ยังพบบ่อย

    ผู้ใช้มักปรับรูปแบบเดิมเล็กน้อย
    เช่น “Aa123456” หรือ “Aa@123456”
    ยังถือว่าไม่ปลอดภัยเพราะ predictable

    ความยาวของรหัสผ่านคือปัจจัยสำคัญ
    รหัสผ่านยาวและไม่คาดคิดจะปลอดภัยกว่า
    ลดโอกาสถูกเจาะด้วย brute-force

    องค์กรมีบทบาทในการกำหนดคุณภาพรหัสผ่าน
    หากไม่มีข้อบังคับ พนักงานจะใช้รหัสผ่านง่าย
    การตั้งกฎเรื่องความยาวและโครงสร้างช่วยเพิ่มความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/these-are-still-the-most-popular-passwords-around-and-surely-we-can-do-better-than-this-as-a-species
    🔐 รหัสผ่านยอดนิยมยังคงแย่! “123456” และ “password” ยังครองอันดับ — ถึงเวลาปรับพฤติกรรมดิจิทัลของมนุษยชาติ 🧠💻 รายงานล่าสุดจาก Comparitech วิเคราะห์รหัสผ่านที่หลุดกว่า 2 พันล้านรายการ พบว่าผู้คนยังคงใช้รหัสผ่านง่ายๆ อย่าง “123456”, “admin” และ “password” เป็นหลัก แม้จะมีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยมานานหลายปี ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้รหัสผ่านที่จำง่ายแต่เสี่ยงสูง เช่น ตัวเลขเรียงลำดับ หรือการลากนิ้วบนแป้นพิมพ์ เช่น “qwerty” หรือ “1q2w3e4r” ซึ่งสามารถถูกเจาะได้ง่ายด้วยเครื่องมือ cracking อัตโนมัติที่มีอยู่ทั่วไป แม้จะมีการปรับปรุงรูปแบบ เช่น “Aa123456” หรือ “Aa@123456” ก็ยังถือว่าเป็นรูปแบบที่เดาง่าย เพราะเป็นการนำโครงสร้างเดิมมาเติมสัญลักษณ์หรือตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น นักวิจัยชี้ว่า “ความยาว” ของรหัสผ่านยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันการเจาะระบบ โดยรหัสผ่านที่ยาวและมีโครงสร้างไม่คาดคิดจะใช้เวลานานมากในการถอดรหัส นอกจากนี้ยังพบว่าองค์กรต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดคุณภาพรหัสผ่าน เพราะหากไม่มีการบังคับใช้กฎที่เข้มงวด พนักงานมักจะเลือกใช้รหัสผ่านที่ง่ายที่สุดเท่าที่ระบบอนุญาต 📚 สาระเพิ่มเติม 🎗️ รหัสผ่านที่ดีควรมีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร และประกอบด้วยตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ 🎗️ การใช้ passphrase เช่น “CoffeeIsBetterThanTea!” มีความปลอดภัยสูงและจำง่าย 🎗️ การใช้ password manager ช่วยสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องจำเอง ✅ รหัสผ่านยอดนิยมยังคงเป็นแบบเดาง่าย ➡️ “123456”, “password”, “admin” ยังติดอันดับสูง ➡️ รูปแบบลากนิ้วบนแป้นพิมพ์ก็ยังพบบ่อย ✅ ผู้ใช้มักปรับรูปแบบเดิมเล็กน้อย ➡️ เช่น “Aa123456” หรือ “Aa@123456” ➡️ ยังถือว่าไม่ปลอดภัยเพราะ predictable ✅ ความยาวของรหัสผ่านคือปัจจัยสำคัญ ➡️ รหัสผ่านยาวและไม่คาดคิดจะปลอดภัยกว่า ➡️ ลดโอกาสถูกเจาะด้วย brute-force ✅ องค์กรมีบทบาทในการกำหนดคุณภาพรหัสผ่าน ➡️ หากไม่มีข้อบังคับ พนักงานจะใช้รหัสผ่านง่าย ➡️ การตั้งกฎเรื่องความยาวและโครงสร้างช่วยเพิ่มความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/these-are-still-the-most-popular-passwords-around-and-surely-we-can-do-better-than-this-as-a-species
    WWW.TECHRADAR.COM
    It's 2025, but people still surprisingly use these weak passwords
    Users often prioritize ease over safety when choosing passwords
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OnePlus 15” กับการตัดสินใจไม่ใส่แม่เหล็ก: เพราะแบตใหญ่สำคัญกว่า?

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังถือสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด แต่ต้องแลกกับการไม่มีแม่เหล็กในตัวเครื่องสำหรับการชาร์จแบบ MagSafe เหมือน Pixel หรือ iPhone… นี่คือแนวทางที่ OnePlus เลือกเดินในรุ่นล่าสุด “OnePlus 15”

    OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ พร้อมแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 7,300mAh ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า OnePlus 13 ถึง 22% และใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง Pixel 10 Pro XL ถึง 40% เลยทีเดียว

    แต่สิ่งที่หายไปคือ “แม่เหล็ก” ที่ใช้สำหรับการยึดติดกับแท่นชาร์จไร้สายแบบ MagSafe หรือ PixelSnap ซึ่ง Google และ Apple ใช้กันอย่างแพร่หลาย

    ทำไมถึงไม่ใส่แม่เหล็ก?
    Rudolf Xu ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ OnePlus อธิบายว่า “แม่เหล็กมันหนักเกินไป” และพื้นที่ภายในเครื่องถูกจัดสรรไว้ให้กับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และขดลวดชาร์จไร้สายแล้ว หากเพิ่มแม่เหล็กเข้าไปจะต้องลดขนาดแบตลง ซึ่งขัดกับเป้าหมายของ OnePlus ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านความอึดของแบต

    แล้วจะใช้งานกับอุปกรณ์แม่เหล็กได้ไหม?
    OnePlus มีทางออกคือ “เคสแม่เหล็ก” ที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จในรถยนต์หรือขาตั้งแบบแม่เหล็กได้ ซึ่งคล้ายกับแนวทางของ Samsung ที่ไม่ใส่ Qi2 ในตัวเครื่อง แต่ให้เคสรองรับแทน

    จุดเด่นของ OnePlus 15
    แบตเตอรี่ขนาด 7,300mAh ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเรือธง
    รองรับชาร์จไว 120W แบบสาย และ 50W แบบไร้สาย
    ไม่มีแม่เหล็กในตัวเครื่องเพื่อรักษาน้ำหนักและพื้นที่แบตเตอรี่
    ใช้เคสแม่เหล็กเป็นทางเลือกสำหรับการใช้งานกับแท่นชาร์จ

    เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ
    แม่เหล็กเพิ่มน้ำหนักและกินพื้นที่ภายใน
    การตัดแม่เหล็กออกช่วยให้ใส่แบตใหญ่ขึ้น
    แนวทางเดียวกับ Samsung ที่ใช้เคสรองรับ Qi2 แทน

    เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
    Pixel 10 Pro XL มีแบต 5,200mAh
    iPhone 17 Pro Max คาดว่ามีแบตประมาณ 5,088mAh
    OnePlus 15 เหนือกว่าด้านความจุแบตอย่างชัดเจน

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    ไม่มีแม่เหล็กในตัวเครื่อง อาจไม่สะดวกกับแท่นชาร์จแม่เหล็กทั่วไป
    ต้องซื้อเคสแม่เหล็กแยกต่างหาก หากต้องการใช้งานแบบ MagSafe
    น้ำหนักเครื่องอาจมากขึ้นจากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/magnets-are-too-heavy-oneplus-exec-explains-why-the-oneplus-15-doesnt-have-pixel-style-magnetic-charging
    📱 “OnePlus 15” กับการตัดสินใจไม่ใส่แม่เหล็ก: เพราะแบตใหญ่สำคัญกว่า? ลองจินตนาการว่าคุณกำลังถือสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด แต่ต้องแลกกับการไม่มีแม่เหล็กในตัวเครื่องสำหรับการชาร์จแบบ MagSafe เหมือน Pixel หรือ iPhone… นี่คือแนวทางที่ OnePlus เลือกเดินในรุ่นล่าสุด “OnePlus 15” OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ พร้อมแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 7,300mAh ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า OnePlus 13 ถึง 22% และใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง Pixel 10 Pro XL ถึง 40% เลยทีเดียว แต่สิ่งที่หายไปคือ “แม่เหล็ก” ที่ใช้สำหรับการยึดติดกับแท่นชาร์จไร้สายแบบ MagSafe หรือ PixelSnap ซึ่ง Google และ Apple ใช้กันอย่างแพร่หลาย 🧲 ทำไมถึงไม่ใส่แม่เหล็ก? Rudolf Xu ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ OnePlus อธิบายว่า “แม่เหล็กมันหนักเกินไป” และพื้นที่ภายในเครื่องถูกจัดสรรไว้ให้กับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และขดลวดชาร์จไร้สายแล้ว หากเพิ่มแม่เหล็กเข้าไปจะต้องลดขนาดแบตลง ซึ่งขัดกับเป้าหมายของ OnePlus ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านความอึดของแบต 🚗 แล้วจะใช้งานกับอุปกรณ์แม่เหล็กได้ไหม? OnePlus มีทางออกคือ “เคสแม่เหล็ก” ที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จในรถยนต์หรือขาตั้งแบบแม่เหล็กได้ ซึ่งคล้ายกับแนวทางของ Samsung ที่ไม่ใส่ Qi2 ในตัวเครื่อง แต่ให้เคสรองรับแทน ✅ จุดเด่นของ OnePlus 15 ➡️ แบตเตอรี่ขนาด 7,300mAh ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเรือธง ➡️ รองรับชาร์จไว 120W แบบสาย และ 50W แบบไร้สาย ➡️ ไม่มีแม่เหล็กในตัวเครื่องเพื่อรักษาน้ำหนักและพื้นที่แบตเตอรี่ ➡️ ใช้เคสแม่เหล็กเป็นทางเลือกสำหรับการใช้งานกับแท่นชาร์จ ✅ เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ ➡️ แม่เหล็กเพิ่มน้ำหนักและกินพื้นที่ภายใน ➡️ การตัดแม่เหล็กออกช่วยให้ใส่แบตใหญ่ขึ้น ➡️ แนวทางเดียวกับ Samsung ที่ใช้เคสรองรับ Qi2 แทน ✅ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ➡️ Pixel 10 Pro XL มีแบต 5,200mAh ➡️ iPhone 17 Pro Max คาดว่ามีแบตประมาณ 5,088mAh ➡️ OnePlus 15 เหนือกว่าด้านความจุแบตอย่างชัดเจน ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ ไม่มีแม่เหล็กในตัวเครื่อง อาจไม่สะดวกกับแท่นชาร์จแม่เหล็กทั่วไป ⛔ ต้องซื้อเคสแม่เหล็กแยกต่างหาก หากต้องการใช้งานแบบ MagSafe ⛔ น้ำหนักเครื่องอาจมากขึ้นจากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/magnets-are-too-heavy-oneplus-exec-explains-why-the-oneplus-15-doesnt-have-pixel-style-magnetic-charging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ่นยนต์ร่วมงานยุคใหม่! Microsoft เตรียมเปิดตัว “Agentic Users” ที่มีตัวตนในองค์กร

    Microsoft กำลังพลิกโฉมแนวคิดการทำงานร่วมกับ AI ด้วยการเปิดตัว “Agentic Users” — หุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่มีตัวตนในระบบองค์กรอย่างแท้จริง!

    ลองจินตนาการว่าในทีมของคุณมีสมาชิกใหม่ที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่สามารถเข้าร่วมประชุม, ส่งอีเมล, แก้ไขเอกสาร และทำงานร่วมกับคุณได้อย่างคล่องแคล่ว — นี่คือสิ่งที่ Microsoft กำลังจะเปิดตัวในชื่อ “Agentic Users” ภายในเดือนพฤศจิกายน 2025

    Agentic Users จะมี “ตัวตน” ในระบบองค์กร เช่น มีบัญชีอีเมลของตัวเอง, เข้าถึง Microsoft Teams และแอปอื่น ๆ ได้เหมือนพนักงานคนหนึ่ง โดยใช้ระบบ Entra ID หรือ Azure ID เพื่อระบุตัวตน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ พวกเขาจะสามารถทำงานได้อย่างอิสระ เช่น เข้าร่วมประชุมแทนคุณ, ตอบอีเมล, หรือแม้แต่แก้ไขเอกสารโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ทุกครั้ง — นี่คือการเปลี่ยนแปลงจาก “Copilot” ที่เป็นผู้ช่วย มาเป็น “Agent” ที่เป็นผู้ร่วมงาน

    แนวคิดนี้สอดคล้องกับเทรนด์ “AI as a teammate” ที่กำลังเติบโตในหลายองค์กร เช่น Salesforce ที่เชื่อว่า CEO ในอนาคตจะต้องบริหารทั้งมนุษย์และ AI ไปพร้อมกัน

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง “Agent Mode” ที่จะถูกฝังในแอป Office เช่น Word และ Excel เพื่อให้ AI เข้าใจบริบทของงานและทำงานได้อย่างมีอารมณ์ร่วม — หรือที่ Microsoft เรียกว่า “vibe working”

    Microsoft เตรียมเปิดตัว Agentic Users ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    เป็น AI ที่มีตัวตนในระบบองค์กร เช่น มีอีเมลและบัญชี Teams
    ใช้ Entra ID หรือ Azure ID เพื่อระบุตัวตน
    สามารถเข้าร่วมประชุม, แก้ไขเอกสาร, ส่งอีเมล และทำงานร่วมกับมนุษย์ได้
    มีการติดตามผ่าน Microsoft 365 Roadmap ภายใต้ชื่อ “Discovery and creation of Agentic Users”

    แนวคิดนี้สอดคล้องกับเทรนด์ AI ร่วมงานในองค์กร
    Salesforce เชื่อว่า CEO ในอนาคตจะบริหารทั้งคนและ AI
    Microsoft กำลังผลักดัน Agent Mode ในแอป Office เพื่อให้ AI ทำงานแบบมี “vibe”

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-working-on-a-new-class-of-ai-agents-that-could-change-everything-in-your-workforce
    🧠 หุ่นยนต์ร่วมงานยุคใหม่! Microsoft เตรียมเปิดตัว “Agentic Users” ที่มีตัวตนในองค์กร Microsoft กำลังพลิกโฉมแนวคิดการทำงานร่วมกับ AI ด้วยการเปิดตัว “Agentic Users” — หุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่มีตัวตนในระบบองค์กรอย่างแท้จริง! ลองจินตนาการว่าในทีมของคุณมีสมาชิกใหม่ที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่สามารถเข้าร่วมประชุม, ส่งอีเมล, แก้ไขเอกสาร และทำงานร่วมกับคุณได้อย่างคล่องแคล่ว — นี่คือสิ่งที่ Microsoft กำลังจะเปิดตัวในชื่อ “Agentic Users” ภายในเดือนพฤศจิกายน 2025 Agentic Users จะมี “ตัวตน” ในระบบองค์กร เช่น มีบัญชีอีเมลของตัวเอง, เข้าถึง Microsoft Teams และแอปอื่น ๆ ได้เหมือนพนักงานคนหนึ่ง โดยใช้ระบบ Entra ID หรือ Azure ID เพื่อระบุตัวตน สิ่งที่น่าสนใจคือ พวกเขาจะสามารถทำงานได้อย่างอิสระ เช่น เข้าร่วมประชุมแทนคุณ, ตอบอีเมล, หรือแม้แต่แก้ไขเอกสารโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ทุกครั้ง — นี่คือการเปลี่ยนแปลงจาก “Copilot” ที่เป็นผู้ช่วย มาเป็น “Agent” ที่เป็นผู้ร่วมงาน แนวคิดนี้สอดคล้องกับเทรนด์ “AI as a teammate” ที่กำลังเติบโตในหลายองค์กร เช่น Salesforce ที่เชื่อว่า CEO ในอนาคตจะต้องบริหารทั้งมนุษย์และ AI ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง “Agent Mode” ที่จะถูกฝังในแอป Office เช่น Word และ Excel เพื่อให้ AI เข้าใจบริบทของงานและทำงานได้อย่างมีอารมณ์ร่วม — หรือที่ Microsoft เรียกว่า “vibe working” ✅ Microsoft เตรียมเปิดตัว Agentic Users ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ เป็น AI ที่มีตัวตนในระบบองค์กร เช่น มีอีเมลและบัญชี Teams ➡️ ใช้ Entra ID หรือ Azure ID เพื่อระบุตัวตน ➡️ สามารถเข้าร่วมประชุม, แก้ไขเอกสาร, ส่งอีเมล และทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ ➡️ มีการติดตามผ่าน Microsoft 365 Roadmap ภายใต้ชื่อ “Discovery and creation of Agentic Users” ✅ แนวคิดนี้สอดคล้องกับเทรนด์ AI ร่วมงานในองค์กร ➡️ Salesforce เชื่อว่า CEO ในอนาคตจะบริหารทั้งคนและ AI ➡️ Microsoft กำลังผลักดัน Agent Mode ในแอป Office เพื่อให้ AI ทำงานแบบมี “vibe” https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-working-on-a-new-class-of-ai-agents-that-could-change-everything-in-your-workforce
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Gemini ฟันธง! Black Friday ปีนี้ SSD ลดไม่แรงอย่างที่คิด”

    ในยุคที่ผู้บริโภคคาดหวังดีลแรง ๆ จาก Black Friday โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าไอทีอย่าง SSD ปีนี้อาจต้องปรับความคาดหวังใหม่ เมื่อ Google Gemini วิเคราะห์แนวโน้มราคาของ SSD ยอดนิยมบน Amazon แล้วพบว่า “ส่วนใหญ่ลดน้อยกว่าที่คิด” ทั้งแบบพกพาและแบบติดตั้งภายใน

    Gemini ใช้ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2025 เพื่อคาดการณ์ราคาช่วง Black Friday ปีนี้ และพบว่าแม้บางรุ่นจะลดลงเล็กน้อย แต่หลายรุ่นยังคงราคาคงที่ หรือปรับลดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อราคาด้วย เช่น ต้นทุนการผลิต NAND ที่สูงขึ้น และสต็อกสินค้าที่ไม่ได้ล้นตลาดเหมือนปีก่อน ๆ ทำให้ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องลดราคาล้างสต็อกเหมือนเดิม

    แนวโน้มราคาของ SSD ใน Black Friday ปี 2025
    Gemini คาดการณ์ว่า SSD ส่วนใหญ่จะลดราคาเพียงเล็กน้อย
    รุ่นยอดนิยมอย่าง Samsung T7, SanDisk Extreme, WD Black SN850X ลดไม่เกิน 10–15%
    SSD แบบพกพาและแบบติดตั้งภายในมีแนวโน้มลดราคาใกล้เคียงกัน

    เหตุผลที่ราคาลดน้อย
    ต้นทุนการผลิต NAND และ DRAM สูงขึ้น
    สต็อกสินค้าไม่ล้นตลาดเหมือนปีก่อน
    ผู้ผลิตและร้านค้าเน้นรักษากำไร มากกว่าการลดราคาหนัก

    ตัวอย่างราคาที่คาดการณ์
    Samsung T7 Portable SSD 2TB: จาก £150 เหลือ £135
    WD Black SN850X 2TB: คงที่ที่ £125
    Crucial P310 PCIe Gen4 SSD: จาก £70 เหลือ £68

    https://www.techradar.com/pro/i-used-ai-to-predict-prices-of-amazons-20-most-popular-ssds-for-black-friday-and-it-doesnt-look-good-at-all
    🧊 “Gemini ฟันธง! Black Friday ปีนี้ SSD ลดไม่แรงอย่างที่คิด” ในยุคที่ผู้บริโภคคาดหวังดีลแรง ๆ จาก Black Friday โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าไอทีอย่าง SSD ปีนี้อาจต้องปรับความคาดหวังใหม่ เมื่อ Google Gemini วิเคราะห์แนวโน้มราคาของ SSD ยอดนิยมบน Amazon แล้วพบว่า “ส่วนใหญ่ลดน้อยกว่าที่คิด” ทั้งแบบพกพาและแบบติดตั้งภายใน Gemini ใช้ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2025 เพื่อคาดการณ์ราคาช่วง Black Friday ปีนี้ และพบว่าแม้บางรุ่นจะลดลงเล็กน้อย แต่หลายรุ่นยังคงราคาคงที่ หรือปรับลดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อราคาด้วย เช่น ต้นทุนการผลิต NAND ที่สูงขึ้น และสต็อกสินค้าที่ไม่ได้ล้นตลาดเหมือนปีก่อน ๆ ทำให้ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องลดราคาล้างสต็อกเหมือนเดิม ✅ แนวโน้มราคาของ SSD ใน Black Friday ปี 2025 ➡️ Gemini คาดการณ์ว่า SSD ส่วนใหญ่จะลดราคาเพียงเล็กน้อย ➡️ รุ่นยอดนิยมอย่าง Samsung T7, SanDisk Extreme, WD Black SN850X ลดไม่เกิน 10–15% ➡️ SSD แบบพกพาและแบบติดตั้งภายในมีแนวโน้มลดราคาใกล้เคียงกัน ✅ เหตุผลที่ราคาลดน้อย ➡️ ต้นทุนการผลิต NAND และ DRAM สูงขึ้น ➡️ สต็อกสินค้าไม่ล้นตลาดเหมือนปีก่อน ➡️ ผู้ผลิตและร้านค้าเน้นรักษากำไร มากกว่าการลดราคาหนัก ✅ ตัวอย่างราคาที่คาดการณ์ ➡️ Samsung T7 Portable SSD 2TB: จาก £150 เหลือ £135 ➡️ WD Black SN850X 2TB: คงที่ที่ £125 ➡️ Crucial P310 PCIe Gen4 SSD: จาก £70 เหลือ £68 https://www.techradar.com/pro/i-used-ai-to-predict-prices-of-amazons-20-most-popular-ssds-for-black-friday-and-it-doesnt-look-good-at-all
    WWW.TECHRADAR.COM
    AI predicts minor discounts on SSDs over Black Friday
    If Gemini's analysis is accurate, small discounts will be the order of the day
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับรู้ค่าจริงเบื้องต้นนั้นถูกแล้ว ก้าวแรกในการเดินขึ้นถนนหรือลงป่าเลยนะ,อย่าประมาทเพราะไฟอันน้อยนิด,หลักเมื่อถูกต้อง,ก็จะพลาดลำบาก,โลกแบน ก็จะขยายการรับรู้อีกแบบ,โลกกลมก็ขยายการรับรู้อีกแบบ กลมมีอวกาศกั้นกัน,แบนมีแบบกำแพงน้ำแข็งกัน ,มีโดมชั้นบรรยากาศมาเป็นสมมุติฐานอ้างธรรมชาติอีก,
    ..โค๊ชหรือกูรูเหล่านี้ สมควรร่วมกันฟันธงเลย ว่า แบนหรือกลมหรือกลวงหรือโดม,การเฉลยคำตอบมันดีเสมอ,เปิดสิ่งที่คว่ำให้หงาย,มืดให้สว่างรู้แจ้งชัดคำตอบในสิ่งนั้น.,เราสมควรทิ้งวาทะกรรมเดิมๆว่าจงไปศึกษาให้รับรู้เองหาคำตอบเองเถิดได้แล้ว,เฉลยเสร็จ เขาจะพิสูจน์คำตอบหรือเชื่อ ไม่เชื่อ มันค.ว.ย.เขาแล้ว แต่โค๊ชต่างๆพอมาช่วยกันขยายค่าจริงความจริงฟันธงในสิ่งที่เป็นจริงมันดีแน่นอน.
    ..ความจริงเปิดแล้ว,ส่วนอจิณไตยใครมันก็ว่าไป,อย่างน้อยโค๊ชกายมนุษย์หยาบๆเราก็เฉลยค่าจริงตามสมมุติหยาบๆเราไปก่อน,ไม่ข้าวสาร เก็บข้าวเปลือกก็เอา ไม่ได้ข้าวเปลือกเก็บแกลบเก็บรำเก็บข้าวปลายก็เอา,สันดานจริตพื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่เราสามารถวางพื้นฐานที่ชัดเจน ที่ถูกต้องพยายามบอกแจ้งเตือนให้คนเข้าใจผิดไม่หลงตามได้ ,ยิ่งแบนหรือกลม หากเอารูปถ่ายจริงๆนอกอวกาศ มาได้นะยิ่งดี,ตลอดรูปภาพโลกแบนก็ด้วย ลงรายละเอียดดีเกินจริงๆเช่นกัน,เสียดายไม่มีภาพคลิปของจริงนอกกำแพงน้ำแข็งหรือนอกโลกจากประชาชนคนโลกจริงๆ มีแต่นาซ่าอ้างอิงภาพถ่ายล่ะ,ส่วนโลกแบนยังมีน้ำหนักว่ามีคนหลุดออกไปพบเจอจริงหรือโลกกลวงก็ด้วย แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องเล่าอีก เราก็ดูผ่านสื่ออีลิทควบคุมเช่นกันด้วย.
    ..คิดเล่นๆนะ บางทีก็อยากให้ครูบาอาจารย์ตามวัดตามวาเราที่บรรลุธรรม ออกมายืนยันเรื่องนี้จริงๆ เราคนหนึ่งล่ะ อาจเชื่อว่าพระท่านไม่โกหกแน่นอน ท่านค้ำประกันชัดเจนด้วย,ผู้มีฤทธิ์ถอดจิตถอดใจท่องภพภูมิทั้งหยาบทั้งละเอียดได้,ด้านหยาบๆแบบเราๆเสือกสนใจทางหยาบว่าโลกมันกลมมันแบนมันกลวงมันโดมจริงมั้ย,ถ้าท่านบอกสิ่งใดมานะก็เป็นอันสามารถลงใจเชื่อตามได้สบายใจ ก็จะไม่หลงหยาบๆหักเหความสนใจอีก,ไม่ต้องรอบรรลุธรรมเองเห็นเองก็ว่า,สไตล์รับรู้ขั้นพื้นฐานในตัวเลย ว่าคนบนโลกนี้มีแขนสองข้างขาสองข้างตาสองดวงหูซ้ายขวาเป็นต้น,คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ รู้ว่ามีอาณาจักรอื่นนอกกำแพงน้ำแข็ง ติดๆโลกเรา นอกอวกาศคนละดวงดาว อนาคตสร้างยานบินไปมาหากันได้ก็ว่า ,ส่วนใครจะเข้าใจว่ารับรู้ไปก็เท่านั้นก็เรื่องของเขา,แต่โค๊ชๆเหล่านี้ร่วมกันหาค่าจริงมาเฉลยคนที่มีอวิชาย่อมเป็นสิ่งดีงามสร้างพลังบวกได้.,นี้คือมุมมองมโนส่วนตัว,เพราะคนเราโง่โดยมาก เราอยู่สำนักโง่ๆนานไป,มีคนมาบอกมาเตือนมาหยิกให้ตื่นมารู้บ้างก็ดี,ใครจะนอนหลับต่อก็เจตนาเขา.


    https://vm.tiktok.com/ZSHcEcRRqXHgH-2fCNQ/
    รับรู้ค่าจริงเบื้องต้นนั้นถูกแล้ว ก้าวแรกในการเดินขึ้นถนนหรือลงป่าเลยนะ,อย่าประมาทเพราะไฟอันน้อยนิด,หลักเมื่อถูกต้อง,ก็จะพลาดลำบาก,โลกแบน ก็จะขยายการรับรู้อีกแบบ,โลกกลมก็ขยายการรับรู้อีกแบบ กลมมีอวกาศกั้นกัน,แบนมีแบบกำแพงน้ำแข็งกัน ,มีโดมชั้นบรรยากาศมาเป็นสมมุติฐานอ้างธรรมชาติอีก, ..โค๊ชหรือกูรูเหล่านี้ สมควรร่วมกันฟันธงเลย ว่า แบนหรือกลมหรือกลวงหรือโดม,การเฉลยคำตอบมันดีเสมอ,เปิดสิ่งที่คว่ำให้หงาย,มืดให้สว่างรู้แจ้งชัดคำตอบในสิ่งนั้น.,เราสมควรทิ้งวาทะกรรมเดิมๆว่าจงไปศึกษาให้รับรู้เองหาคำตอบเองเถิดได้แล้ว,เฉลยเสร็จ เขาจะพิสูจน์คำตอบหรือเชื่อ ไม่เชื่อ มันค.ว.ย.เขาแล้ว แต่โค๊ชต่างๆพอมาช่วยกันขยายค่าจริงความจริงฟันธงในสิ่งที่เป็นจริงมันดีแน่นอน. ..ความจริงเปิดแล้ว,ส่วนอจิณไตยใครมันก็ว่าไป,อย่างน้อยโค๊ชกายมนุษย์หยาบๆเราก็เฉลยค่าจริงตามสมมุติหยาบๆเราไปก่อน,ไม่ข้าวสาร เก็บข้าวเปลือกก็เอา ไม่ได้ข้าวเปลือกเก็บแกลบเก็บรำเก็บข้าวปลายก็เอา,สันดานจริตพื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่เราสามารถวางพื้นฐานที่ชัดเจน ที่ถูกต้องพยายามบอกแจ้งเตือนให้คนเข้าใจผิดไม่หลงตามได้ ,ยิ่งแบนหรือกลม หากเอารูปถ่ายจริงๆนอกอวกาศ มาได้นะยิ่งดี,ตลอดรูปภาพโลกแบนก็ด้วย ลงรายละเอียดดีเกินจริงๆเช่นกัน,เสียดายไม่มีภาพคลิปของจริงนอกกำแพงน้ำแข็งหรือนอกโลกจากประชาชนคนโลกจริงๆ มีแต่นาซ่าอ้างอิงภาพถ่ายล่ะ,ส่วนโลกแบนยังมีน้ำหนักว่ามีคนหลุดออกไปพบเจอจริงหรือโลกกลวงก็ด้วย แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องเล่าอีก เราก็ดูผ่านสื่ออีลิทควบคุมเช่นกันด้วย. ..คิดเล่นๆนะ บางทีก็อยากให้ครูบาอาจารย์ตามวัดตามวาเราที่บรรลุธรรม ออกมายืนยันเรื่องนี้จริงๆ เราคนหนึ่งล่ะ อาจเชื่อว่าพระท่านไม่โกหกแน่นอน ท่านค้ำประกันชัดเจนด้วย,ผู้มีฤทธิ์ถอดจิตถอดใจท่องภพภูมิทั้งหยาบทั้งละเอียดได้,ด้านหยาบๆแบบเราๆเสือกสนใจทางหยาบว่าโลกมันกลมมันแบนมันกลวงมันโดมจริงมั้ย,ถ้าท่านบอกสิ่งใดมานะก็เป็นอันสามารถลงใจเชื่อตามได้สบายใจ ก็จะไม่หลงหยาบๆหักเหความสนใจอีก,ไม่ต้องรอบรรลุธรรมเองเห็นเองก็ว่า,สไตล์รับรู้ขั้นพื้นฐานในตัวเลย ว่าคนบนโลกนี้มีแขนสองข้างขาสองข้างตาสองดวงหูซ้ายขวาเป็นต้น,คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ รู้ว่ามีอาณาจักรอื่นนอกกำแพงน้ำแข็ง ติดๆโลกเรา นอกอวกาศคนละดวงดาว อนาคตสร้างยานบินไปมาหากันได้ก็ว่า ,ส่วนใครจะเข้าใจว่ารับรู้ไปก็เท่านั้นก็เรื่องของเขา,แต่โค๊ชๆเหล่านี้ร่วมกันหาค่าจริงมาเฉลยคนที่มีอวิชาย่อมเป็นสิ่งดีงามสร้างพลังบวกได้.,นี้คือมุมมองมโนส่วนตัว,เพราะคนเราโง่โดยมาก เราอยู่สำนักโง่ๆนานไป,มีคนมาบอกมาเตือนมาหยิกให้ตื่นมารู้บ้างก็ดี,ใครจะนอนหลับต่อก็เจตนาเขา. https://vm.tiktok.com/ZSHcEcRRqXHgH-2fCNQ/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีแห่งผัสสะ: เทพลูกผสมนาคาผู้สิ้นสุดความรู้สึก

    การปรากฏตัวของเทพนาคาผู้สูญเสีย

    เหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านริมน้ำ

    ที่หมู่บ้านริมแม่น้ำโขง เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อ นาคาริน เทพลูกผสมนาคาปรากฏตัวด้วยสภาพพิการทางผัสสะ

    ```mermaid
    graph TB
    A[นาคาริน<br>เทพลูกผสมนาคา] --> B[สูญเสีย<br>การรับรู้ทางผัสสะ]
    B --> C[พลังผัสสะ<br>รั่วไหลไม่เป็นระเบียบ]
    C --> D[ส่งผลกระทบ<br>ต่อหมู่บ้านโดยรอบ]
    D --> E[ร.ต.อ.สิงห์<br>และหนูดีออกสืบ]
    ```

    ลักษณะของนาคาริน

    · รูปร่าง: ชายหนุ่มร่างสูง มีเกล็ดนาคาแทรกตามผิว
    · ดวงตา: สีเขียวเรืองรองเหมือนหินงาม
    · พลัง: มีพลังควบคุมผัสสะทั้งห้าแต่กำลังรั่วไหล

    การสืบสวนเบื้องต้น

    ผลกระทบต่อหมู่บ้าน

    ร.ต.อ. สิงห์ พบว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบแปลกๆ:

    · สัมผัส: รู้สึกเย็นยะเยือกหรือร้อนระอุโดยไม่มีเหตุผล
    · รสชาติ: อาหารรสเปลี่ยนไปชั่วคราว
    · กลิ่น: ได้กลิ่นประหลาดโดยไม่อาจหาต้นตอ

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานพิเศษทันที:
    "พ่อคะ...นี้ไม่ใช่พลังงานร้าย
    แต่คือพลังผัสสะที่กำลังทุกข์ทรมาน
    เหมือนดนตรีที่ขาดการควบคุม"

    เบื้องหลังนาคาริน

    ต้นกำเนิดแห่งเทพลูกผสม

    นาคารินคือลูกผสมระหว่าง:

    · พ่อ: เทพนาคาแห่งแม่น้ำโขง
    · แม่: มนุษย์หญิงผู้มีความสามารถทางศิลปะ

    ```python
    class NakarinBackground:
    def __init__(self):
    self.heritage = {
    "naga_father": "เทพนาคาผู้รักษาพลังผัสสะ",
    "human_mother": "ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทสัมผัส",
    "hybrid_nature": "ได้รับพลังผัสสะเหนือมนุษย์แต่ควบคุมยาก"
    }

    self.abilities = {
    "touch_control": "ควบคุมการรับรู้ทางสัมผัส",
    "taste_manipulation": "เปลี่ยนแปลงรสชาติได้",
    "sight_enhancement": "การมองเห็นเหนือสามัญ",
    "hearing_sensitivity": "การได้ยินที่ละเอียดอ่อน",
    "smell_mastery": "การดมกลิ่นที่ทรงพลัง"
    }
    ```

    เหตุการณ์ที่ทำให้พลังรั่วไหล

    นาคารินประสบอุบัติเหตุทางอารมณ์:

    · ถูกปฏิเสธ จากทั้งเผ่านาคาและมนุษย์
    · รู้สึกโดดเดี่ยว กับพลังที่ไม่มีใครเข้าใจ
    · พยายามปิดกั้น ผัสสะของตัวเองจนพลังรั่ว

    ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ผลกระทบของพลังรั่วไหล

    พลังผัสสะของนาคารินส่งผลต่อสิ่งรอบข้าง:

    ```mermaid
    graph LR
    A[พลังสัมผัสรั่วไหล] --> B[วัตถุรู้สึก<br>เย็นหรือร้อนผิดปกติ]
    C[พลังรสชาตirรั่วไหล] --> D[อาหารมีรส<br>เปลี่ยนแปลง]
    E[พลังการได้ยินรั่วไหล] --> F[ได้ยินเสียง<br>ความถี่แปลกๆ]
    ```

    ความทุกข์ทรมานของนาคาริน

    นาคารินบันทึกความในใจ:
    "ทุกสัมผัสเหมือนมีดกรีดผิว...
    ทุกรสชาติเหมือนยาพิษ...
    ทุกกลิ่นเหมือนอากาศเป็นพิษ

    ฉันอยากหนีจากร่างกายของตัวเอง
    แต่จะหนีไปได้ที่ไหน?"

    กระบวนการช่วยเหลือ

    การเข้าถึงของหนูดี

    หนูดีใช้ความสามารถพิเศษสื่อสารกับนาคาริน:
    "เราเข้าใจว่าคุณเจ็บปวด...
    แต่การปิดกั้นผัสสะไม่ใช่คำตอบ
    การเรียนรู้ที่จะควบคุมต่างหากคือทางออก"

    เทคนิคการควบคุมพลัง

    ```python
    class SensoryControlTechniques:
    def __init__(self):
    self.meditation = [
    "การหายใจรับรู้ผัสสะอย่างมีสติ",
    "การแยกแยะผัสสะภายในและภายนอก",
    "การสร้างขอบเขตพลังงานผัสสะ",
    "การปล่อยผัสสะที่ไม่จำเป็น"
    ]

    self.practical = [
    "การใช้ศิลปะเป็นช่องทางปล่อยพลัง",
    "การสร้างวัตถุดูดซับพลังผัสสะส่วนเกิน",
    "การฝึกFocusผัสสะทีละอย่าง",
    "การเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์ผัสสะ"
    ]
    ```

    การบำบัดด้วยศิลปะ

    หนูดีแนะนำให้นาคารินใช้ศิลปะช่วยบำบัด:

    · ประติมากรรม: ใช้พลังสัมผัสสร้างงานศิลปะ
    · การทำอาหาร: ใช้พลังรสชาติสร้างอาหารบำบัด Oganic food
    · ดนตรี: ใช้พลังการได้ยินสร้างบทเพลง
    ดีด สีตีเป่าเขย่า เคาะ
    การฟื้นฟูสมดุล

    การพัฒนาความสามารถใหม่

    นาคารินเรียนรู้ที่จะใช้พลังอย่างสร้างสรรค์:

    · การวินิจฉัยโรค: ใช้พลังสัมผัสตรวจหาร่างกาย
    · การบำบัดรสชาติ: ช่วยผู้ที่มีปัญหาการรับรส
    · ศิลปะเพื่อการบำบัด: สร้างงานศิลปะที่เยียวยาผัสสะ

    การกลับสู่สังคม

    ```mermaid
    graph TB
    A[นาคาริน<br>เริ่มควบคุมพลังได้] --> B[พลังหยุด<br>รั่วไหล]
    B --> C[ชาวบ้าน<br>กลับมาใช้ชีวิตปกติ]
    C --> D[นาคาริน<br>ได้รับบทบาทใหม่]
    D --> E[เป็นผู้เชี่ยวชาญ<br>ด้านผัสสะบำบัด]
    ```

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด

    นาคารินได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ที่ปรึกษาด้านประสาทสัมผัส ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนศิลปะบำบัด สำหรับผู้มีพลังพิเศษ
    · ผู้พัฒนาวิธีการ ควบคุมพลังผัสสะ

    โครงการเพื่อสังคม

    ```python
    class SensoryProjects:
    def __init__(self):
    self.initiatives = {
    "sensory_therapy_center": "ศูนย์บำบัดด้วยผัสสะสำหรับผู้ไฮเปอร์เซนซิทีฟ",
    "art_for_sensory_balance": "ศิลปะเพื่อสร้างสมดุลทางการรับรู้",
    "sensory_education": "การศึกษาเกี่ยวกับผัสสะสำหรับเด็กพิเศษ",
    "cultural_preservation": "อนุรักษณ์ศิลปะการรับรู้แบบดั้งเดิม"
    }

    self.collaborations = [
    "หนูดี: พัฒนาการรับรู้พลังงานผ่านผัสสะ",
    "เณรพุทธ: ศิลปะการรับรู้ด้วยจิตวิญญาณ",
    "นิทรา: ศิลปะแห่งอารมณ์และผัสสะ",
    "อสูรเฒ่า: ภาษาบูรพากับการรับรู้"
    ]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับนาคาริน

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การเป็นลูกผสมหาใช่ข้อบกพร่อง
    แต่คือความสามารถพิเศษอีกแบบ

    และการมีผัสสะที่ละเอียดอ่อน...
    คือของขวัญที่ไม่ใช่คำสาป"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเข้าใจแล้วว่า...
    ทุกพลังมีทั้งด้านสร้างสรรค์และทำลาย
    ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้อย่างไร

    และการช่วยเหลือที่แท้จริง
    คือการช่วยให้เขาค้นพบวิธีใช้พลังของตัวเอง"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เห็น
    แต่คือสิ่งที่สัมผัส

    และความเข้าใจในความรู้สึก...
    สำคัญไม่น้อยกว่าความเข้าใจในเหตุผล"

    ผลกระทบเชิงบวก

    ความสำเร็จของนาคาริน

    หลังจากเหตุการณ์:

    · นาคาริน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด
    · หมู่บ้าน ได้รับการพัฒนาด้านศิลปะและการบำบัด
    · สถาบัน มีหลักสูตรเกี่ยวกับการควบคุมพลังผัสสะ

    การค้นพบตัวเอง

    นาคารินกล่าวในที่สุด:
    "ฉันเคยคิดว่าต้องเลือกระหว่างเป็นนาคาหรือมนุษย์...
    แต่ความจริงคือฉันสามารถเป็นทั้งสองอย่าง

    และพลังผัสสะที่เคยทำร้ายฉัน...
    ตอนนี้กลายเป็นเครื่องมือช่วยเหลือผู้คน

    บทสรุปแห่งการเข้าใจ

    คำคมจากนาคาริน

    "ผัสสะคือภาษาแรกของจิตวิญญาณ...
    ก่อนจะมีคำพูด ก่อนจะมีความคิด
    เรารู้สึกก่อนเสมอ

    และการเรียนรู้ภาษาของผัสสะ...
    คือการเรียนรู้ภาษาของตัวเอง"

    ความสัมพันธ์ใหม่

    นาคารินพบว่าสามารถ:

    · เชื่อมต่อ กับผู้อื่นผ่านผัสสะ
    · เข้าใจ ความรู้สึกที่ไม่มีคำพูด
    · ช่วยเหลือ ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากผัสสะเช่นเขา

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "เราทุกคนล้วนเป็นเทพลูกผสม...
    ผสมระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ
    ระหว่างผัสสะและความหมาย

    และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของผัสสะ...
    เราก็เรียนรู้ที่จะฟังเสียงของหัวใจ"

    การเดินทางของนาคารินสอนเราว่า...
    "The most profound truths are not seen or heard,
    but felt with the heart's own senses
    And in learning to master our senses,
    we learn to master ourselves"
    O.P.K. 🐍 คดีแห่งผัสสะ: เทพลูกผสมนาคาผู้สิ้นสุดความรู้สึก 🌊 การปรากฏตัวของเทพนาคาผู้สูญเสีย 🏮 เหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านริมน้ำ ที่หมู่บ้านริมแม่น้ำโขง เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อ นาคาริน เทพลูกผสมนาคาปรากฏตัวด้วยสภาพพิการทางผัสสะ ```mermaid graph TB A[นาคาริน<br>เทพลูกผสมนาคา] --> B[สูญเสีย<br>การรับรู้ทางผัสสะ] B --> C[พลังผัสสะ<br>รั่วไหลไม่เป็นระเบียบ] C --> D[ส่งผลกระทบ<br>ต่อหมู่บ้านโดยรอบ] D --> E[ร.ต.อ.สิงห์<br>และหนูดีออกสืบ] ``` 🎭 ลักษณะของนาคาริน · รูปร่าง: ชายหนุ่มร่างสูง มีเกล็ดนาคาแทรกตามผิว · ดวงตา: สีเขียวเรืองรองเหมือนหินงาม · พลัง: มีพลังควบคุมผัสสะทั้งห้าแต่กำลังรั่วไหล 🔍 การสืบสวนเบื้องต้น 🕵️ ผลกระทบต่อหมู่บ้าน ร.ต.อ. สิงห์ พบว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบแปลกๆ: · สัมผัส: รู้สึกเย็นยะเยือกหรือร้อนระอุโดยไม่มีเหตุผล · รสชาติ: อาหารรสเปลี่ยนไปชั่วคราว · กลิ่น: ได้กลิ่นประหลาดโดยไม่อาจหาต้นตอ 💫 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานพิเศษทันที: "พ่อคะ...นี้ไม่ใช่พลังงานร้าย แต่คือพลังผัสสะที่กำลังทุกข์ทรมาน เหมือนดนตรีที่ขาดการควบคุม" 🐉 เบื้องหลังนาคาริน 🌌 ต้นกำเนิดแห่งเทพลูกผสม นาคารินคือลูกผสมระหว่าง: · พ่อ: เทพนาคาแห่งแม่น้ำโขง · แม่: มนุษย์หญิงผู้มีความสามารถทางศิลปะ ```python class NakarinBackground: def __init__(self): self.heritage = { "naga_father": "เทพนาคาผู้รักษาพลังผัสสะ", "human_mother": "ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทสัมผัส", "hybrid_nature": "ได้รับพลังผัสสะเหนือมนุษย์แต่ควบคุมยาก" } self.abilities = { "touch_control": "ควบคุมการรับรู้ทางสัมผัส", "taste_manipulation": "เปลี่ยนแปลงรสชาติได้", "sight_enhancement": "การมองเห็นเหนือสามัญ", "hearing_sensitivity": "การได้ยินที่ละเอียดอ่อน", "smell_mastery": "การดมกลิ่นที่ทรงพลัง" } ``` 💔 เหตุการณ์ที่ทำให้พลังรั่วไหล นาคารินประสบอุบัติเหตุทางอารมณ์: · ถูกปฏิเสธ จากทั้งเผ่านาคาและมนุษย์ · รู้สึกโดดเดี่ยว กับพลังที่ไม่มีใครเข้าใจ · พยายามปิดกั้น ผัสสะของตัวเองจนพลังรั่ว 🌪️ ปัญหาที่เกิดขึ้น 🎯 ผลกระทบของพลังรั่วไหล พลังผัสสะของนาคารินส่งผลต่อสิ่งรอบข้าง: ```mermaid graph LR A[พลังสัมผัสรั่วไหล] --> B[วัตถุรู้สึก<br>เย็นหรือร้อนผิดปกติ] C[พลังรสชาตirรั่วไหล] --> D[อาหารมีรส<br>เปลี่ยนแปลง] E[พลังการได้ยินรั่วไหล] --> F[ได้ยินเสียง<br>ความถี่แปลกๆ] ``` 😵 ความทุกข์ทรมานของนาคาริน นาคารินบันทึกความในใจ: "ทุกสัมผัสเหมือนมีดกรีดผิว... ทุกรสชาติเหมือนยาพิษ... ทุกกลิ่นเหมือนอากาศเป็นพิษ ฉันอยากหนีจากร่างกายของตัวเอง แต่จะหนีไปได้ที่ไหน?" 💞 กระบวนการช่วยเหลือ 🕊️ การเข้าถึงของหนูดี หนูดีใช้ความสามารถพิเศษสื่อสารกับนาคาริน: "เราเข้าใจว่าคุณเจ็บปวด... แต่การปิดกั้นผัสสะไม่ใช่คำตอบ การเรียนรู้ที่จะควบคุมต่างหากคือทางออก" 🌈 เทคนิคการควบคุมพลัง ```python class SensoryControlTechniques: def __init__(self): self.meditation = [ "การหายใจรับรู้ผัสสะอย่างมีสติ", "การแยกแยะผัสสะภายในและภายนอก", "การสร้างขอบเขตพลังงานผัสสะ", "การปล่อยผัสสะที่ไม่จำเป็น" ] self.practical = [ "การใช้ศิลปะเป็นช่องทางปล่อยพลัง", "การสร้างวัตถุดูดซับพลังผัสสะส่วนเกิน", "การฝึกFocusผัสสะทีละอย่าง", "การเรียนรู้ที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์ผัสสะ" ] ``` 🎨 การบำบัดด้วยศิลปะ หนูดีแนะนำให้นาคารินใช้ศิลปะช่วยบำบัด: · ประติมากรรม: ใช้พลังสัมผัสสร้างงานศิลปะ · การทำอาหาร: ใช้พลังรสชาติสร้างอาหารบำบัด Oganic food · ดนตรี: ใช้พลังการได้ยินสร้างบทเพลง ดีด สีตีเป่าเขย่า เคาะ 🏥 การฟื้นฟูสมดุล 🌟 การพัฒนาความสามารถใหม่ นาคารินเรียนรู้ที่จะใช้พลังอย่างสร้างสรรค์: · การวินิจฉัยโรค: ใช้พลังสัมผัสตรวจหาร่างกาย · การบำบัดรสชาติ: ช่วยผู้ที่มีปัญหาการรับรส · ศิลปะเพื่อการบำบัด: สร้างงานศิลปะที่เยียวยาผัสสะ 💫 การกลับสู่สังคม ```mermaid graph TB A[นาคาริน<br>เริ่มควบคุมพลังได้] --> B[พลังหยุด<br>รั่วไหล] B --> C[ชาวบ้าน<br>กลับมาใช้ชีวิตปกติ] C --> D[นาคาริน<br>ได้รับบทบาทใหม่] D --> E[เป็นผู้เชี่ยวชาญ<br>ด้านผัสสะบำบัด] ``` 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด นาคารินได้รับตำแหน่งเป็น: · ที่ปรึกษาด้านประสาทสัมผัส ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนศิลปะบำบัด สำหรับผู้มีพลังพิเศษ · ผู้พัฒนาวิธีการ ควบคุมพลังผัสสะ 🌍 โครงการเพื่อสังคม ```python class SensoryProjects: def __init__(self): self.initiatives = { "sensory_therapy_center": "ศูนย์บำบัดด้วยผัสสะสำหรับผู้ไฮเปอร์เซนซิทีฟ", "art_for_sensory_balance": "ศิลปะเพื่อสร้างสมดุลทางการรับรู้", "sensory_education": "การศึกษาเกี่ยวกับผัสสะสำหรับเด็กพิเศษ", "cultural_preservation": "อนุรักษณ์ศิลปะการรับรู้แบบดั้งเดิม" } self.collaborations = [ "หนูดี: พัฒนาการรับรู้พลังงานผ่านผัสสะ", "เณรพุทธ: ศิลปะการรับรู้ด้วยจิตวิญญาณ", "นิทรา: ศิลปะแห่งอารมณ์และผัสสะ", "อสูรเฒ่า: ภาษาบูรพากับการรับรู้" ] ``` 📚 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับนาคาริน "ฉันเรียนรู้ว่า... การเป็นลูกผสมหาใช่ข้อบกพร่อง แต่คือความสามารถพิเศษอีกแบบ และการมีผัสสะที่ละเอียดอ่อน... คือของขวัญที่ไม่ใช่คำสาป" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเข้าใจแล้วว่า... ทุกพลังมีทั้งด้านสร้างสรรค์และทำลาย ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้อย่างไร และการช่วยเหลือที่แท้จริง คือการช่วยให้เขาค้นพบวิธีใช้พลังของตัวเอง" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เห็น แต่คือสิ่งที่สัมผัส และความเข้าใจในความรู้สึก... สำคัญไม่น้อยกว่าความเข้าใจในเหตุผล" 🌈 ผลกระทบเชิงบวก 🏆 ความสำเร็จของนาคาริน หลังจากเหตุการณ์: · นาคาริน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผัสสะบำบัด · หมู่บ้าน ได้รับการพัฒนาด้านศิลปะและการบำบัด · สถาบัน มีหลักสูตรเกี่ยวกับการควบคุมพลังผัสสะ 💝 การค้นพบตัวเอง นาคารินกล่าวในที่สุด: "ฉันเคยคิดว่าต้องเลือกระหว่างเป็นนาคาหรือมนุษย์... แต่ความจริงคือฉันสามารถเป็นทั้งสองอย่าง และพลังผัสสะที่เคยทำร้ายฉัน... ตอนนี้กลายเป็นเครื่องมือช่วยเหลือผู้คน 🎯 บทสรุปแห่งการเข้าใจ 🌟 คำคมจากนาคาริน "ผัสสะคือภาษาแรกของจิตวิญญาณ... ก่อนจะมีคำพูด ก่อนจะมีความคิด เรารู้สึกก่อนเสมอ และการเรียนรู้ภาษาของผัสสะ... คือการเรียนรู้ภาษาของตัวเอง" 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ นาคารินพบว่าสามารถ: · เชื่อมต่อ กับผู้อื่นผ่านผัสสะ · เข้าใจ ความรู้สึกที่ไม่มีคำพูด · ช่วยเหลือ ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากผัสสะเช่นเขา --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "เราทุกคนล้วนเป็นเทพลูกผสม... ผสมระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ ระหว่างผัสสะและความหมาย และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของผัสสะ... เราก็เรียนรู้ที่จะฟังเสียงของหัวใจ"🐍✨ การเดินทางของนาคารินสอนเราว่า... "The most profound truths are not seen or heard, but felt with the heart's own senses And in learning to master our senses, we learn to master ourselves"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว