• 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 7 ทักษะการขาย
    7 ทักษะการขาย
    0 Comments 0 Shares 20 Views 14 0 Reviews
  • นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่าน facebook ส่วนตัวเป็นภาพข่าวพระขณะกำลังซ้อมยิงปืน พร้อมระบุข้อความว่า

    “ สิ้นคิด :

    ตามที่สื่อไทยรัฐออนไลน์เสนอข่าวคลิปพระภิกษุรูปหนึ่งใช้อาวุธปืนสั้นแสดงออกมาคล้ายซ้อมยิงปืน นั้น

    ถือว่าเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต เป็นการประพฤติตนเยี่ยงคฤหัสถ์ ไม่เหมาะสมและควรถูกตำหนิโดยประการทั้งปวง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาในหมู่ชาวพุทธเป็นอย่างมาก

    โดยในชั้นต้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ขอความร่วมมือผู้อำนวยการสำนักงานพระพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ประสานเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์เพื่อตรวจสอบพระภิกษุที่ปรากฎในคลิปดังกล่าว หากพบว่าเป็นพระภิกษุสังกัดวัดใด ให้รีบแจ้งเจ้าอาวาสเพื่อให้ท่านเจ้าอาวาสแนะนำและว่ากล่าวตักเตือนรวมถึงพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องอาวุธปืนและหรือความผิดทางโลก ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

    ที่มา : Ch Kitti Kittitharangkoon
    https://www.facebook.com/100000982132819/posts/27104679089148129/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v
    ภาพ : NBT Connext

    #Thaitimes
    นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่าน facebook ส่วนตัวเป็นภาพข่าวพระขณะกำลังซ้อมยิงปืน พร้อมระบุข้อความว่า “ สิ้นคิด : ตามที่สื่อไทยรัฐออนไลน์เสนอข่าวคลิปพระภิกษุรูปหนึ่งใช้อาวุธปืนสั้นแสดงออกมาคล้ายซ้อมยิงปืน นั้น ถือว่าเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต เป็นการประพฤติตนเยี่ยงคฤหัสถ์ ไม่เหมาะสมและควรถูกตำหนิโดยประการทั้งปวง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาในหมู่ชาวพุทธเป็นอย่างมาก โดยในชั้นต้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ขอความร่วมมือผู้อำนวยการสำนักงานพระพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ประสานเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์เพื่อตรวจสอบพระภิกษุที่ปรากฎในคลิปดังกล่าว หากพบว่าเป็นพระภิกษุสังกัดวัดใด ให้รีบแจ้งเจ้าอาวาสเพื่อให้ท่านเจ้าอาวาสแนะนำและว่ากล่าวตักเตือนรวมถึงพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องอาวุธปืนและหรือความผิดทางโลก ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ที่มา : Ch Kitti Kittitharangkoon https://www.facebook.com/100000982132819/posts/27104679089148129/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v ภาพ : NBT Connext #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • พระเทพฯ ทรงอุ้มตุ๊กตา “หมูเด้ง” 😄
    .
    วันนี้ (1 ต.ค.) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ ฯ ไปทรงเปิดงานเทศกาลศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ครั้งที่ 4 (BAB 2024) ทรงทอดพระเนตรงาน Sustainability Expo 2024 ณ ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
    .
    Sustainability Expo 2024 เป็นงานนิทรรศการด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางการจัดงานสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.78: ไซบีเรีย

    ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?”

    ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย

    ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้

    ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม.

    ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ
    .
    .
    .
    เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น

    ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ

    ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย

    แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก

    ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ

    อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล"

    อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“

    รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า

    โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881

    เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม

    ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา

    ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน

    ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง

    พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้”

    การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที
    .
    .
    .
    การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ

    แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา

    ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา

    ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน

    และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ

    รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย

    ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916

    ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน”

    วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร

    เรียกกันว่า “Amur Miracle"

    อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ
    .
    .
    .
    เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ

    ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด

    ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน

    และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.78: ไซบีเรีย ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?” ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้ ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม. ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ . . . เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล" อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“ รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881 เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้” การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที . . . การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916 ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน” วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร เรียกกันว่า “Amur Miracle" อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ . . . เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ… นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • 🖐🙏😊
    🖐🙏😊
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • Natural lip oil ลิปสติกจากน้ำมัน
    ธรรมชาติ ผลิตจากน้ำมันมะรุม
    น้ำมันมะพร้าว เชียร์บัตเตอร์ ไขผึ้ง
    เน้นการบำรุงริมฝีปาก ไม่ให้ดำคล้ำ สีสันสวยงาม ปลอดภัย ไร้สารเคมี
    #lipstick#lipoil#great nature
    Natural lip oil ลิปสติกจากน้ำมัน ธรรมชาติ ผลิตจากน้ำมันมะรุม น้ำมันมะพร้าว เชียร์บัตเตอร์ ไขผึ้ง เน้นการบำรุงริมฝีปาก ไม่ให้ดำคล้ำ สีสันสวยงาม ปลอดภัย ไร้สารเคมี #lipstick#lipoil#great nature
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 16 Views 35 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/9dmamzPsN-8?si=ajfIFjBFPtntKt9f
    https://youtu.be/9dmamzPsN-8?si=ajfIFjBFPtntKt9f
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • Like
    1
    0 Comments 0 Shares 17 Views 15 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ลองถามคุณ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม เรื่องกลิ่นตุๆ ที่ AOT ให้หน่อยว่าที่ “สนธิ” พูดจริงไหม

    ฟังเต็มๆ ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=DFZPtiMU66Y&t=327s&ab_channel=sondhitalk

    #Sondhi #Sondhitalk #จับประเด็น #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #thaitimes #Sondhiapp
    0 Comments 0 Shares 8 Views 1754 0 Reviews
  • Thaitimes แอปฯ "โซเชียลมีเดีย" ของคนไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว นี่คือทางออกของคนไทย ในยุคที่แพลตฟอร์มต่างชาติเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร
    ฟังเต็มๆได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=jBxOj_CT8Pc&t=63s&ab_channel=sondhitalk
    0 Comments 0 Shares 8 Views 1703 0 Reviews
  • ------------------
    2 เรื่องว่าด้วยการ"เลือก"
    ------------------

    1) เลือกส่วนแบ่ง จากพิซซ่าแผ่นเดียว

    ถ้ากินกัน 2 คน
    ให้คนที่1 ตัดแบ่งครึ่ง แล้วคนที่2เลือกก่อน
    ส่วนที่เหลือเป็นของคนที่1

    ถ้ากิน 3 คน
    ให้คนที่1 ตัดแบ่ง แล้วคนที่2 ตรวจสอบ ถ้าเห็นว่าไม่เท่ากันสามารถตัดแต่งเพิ่มเติมได้
    แล้วให้คนที่3 เลือกก่อน ตามด้วยคนที่1 และ 2

    ถ้ากิน 4 คน
    ให้คนที่1ตัดแบ่ง คนที่2 ตรวจสอบ
    คนที่3 เลือกให้คนที่2, คนที่4และคนที่1 เลือกให้ตัวเอง คนที่3 ได้ส่วนที่เหลือ

    เวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างมีความสุข
    ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ "ดี"
    และทุกคนได้เลือกสิ่งที่ตัวเองว่า"ดี"ให้กับตัวเอง
    ืุทุกคน ต่างคนต่างมีความสุข


    ============

    2) เลือกนักการเมือง

    หากเลือกกัน 2 หมู่
    ให้หมู่1 เอาไม่เขี่ยนักการเมืองออกมา 2 คน
    แล้วให้หมู่2 เลือก1คน เพื่อให้ไปดูแลหมู่1
    คนที่เหลือ ก็ให้ไปดูแลหมู่2

    หากเลือกกัน 3 หมู่
    ให้หมู่1 เอาไม้เขี่ยนักการเมืองออกมา 3 คน
    ให้หมู่2 คัดกรองหรือเปลี่ยนตัวเลือก
    แล้วให้หมู่3 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่1
    แล้วหมู่1 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่2
    คนที่เหลือไปดูแลหมู่3

    เวลาของแต่ละหมู่บ้าน จะผ่านไปพร้อมความชิบหาย
    เพราะแต่ละหมู่ต่างเลือกคนบัดซบให้ไปเป็นตัวแทนของหมู่บ้านอื่น
    โดยที่หมู่ของตนก็ถูกหมู่อื่นยัดเยียดนักการเมืองมาให้สร้างความวิบัติในหมู่บ้านของตัวเองเช่นกัน

    ============
    ทฤษฎีนี้ ซีเรียสนะเนี่ย
    ไม่ใช่เรื่องพร่ำเพ้อเพอร์เฟค 😁😃😆
    ------------------ 2 เรื่องว่าด้วยการ"เลือก" ------------------ 1) เลือกส่วนแบ่ง จากพิซซ่าแผ่นเดียว ถ้ากินกัน 2 คน ให้คนที่1 ตัดแบ่งครึ่ง แล้วคนที่2เลือกก่อน ส่วนที่เหลือเป็นของคนที่1 ถ้ากิน 3 คน ให้คนที่1 ตัดแบ่ง แล้วคนที่2 ตรวจสอบ ถ้าเห็นว่าไม่เท่ากันสามารถตัดแต่งเพิ่มเติมได้ แล้วให้คนที่3 เลือกก่อน ตามด้วยคนที่1 และ 2 ถ้ากิน 4 คน ให้คนที่1ตัดแบ่ง คนที่2 ตรวจสอบ คนที่3 เลือกให้คนที่2, คนที่4และคนที่1 เลือกให้ตัวเอง คนที่3 ได้ส่วนที่เหลือ เวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างมีความสุข ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ "ดี" และทุกคนได้เลือกสิ่งที่ตัวเองว่า"ดี"ให้กับตัวเอง ืุทุกคน ต่างคนต่างมีความสุข ============ 2) เลือกนักการเมือง หากเลือกกัน 2 หมู่ ให้หมู่1 เอาไม่เขี่ยนักการเมืองออกมา 2 คน แล้วให้หมู่2 เลือก1คน เพื่อให้ไปดูแลหมู่1 คนที่เหลือ ก็ให้ไปดูแลหมู่2 หากเลือกกัน 3 หมู่ ให้หมู่1 เอาไม้เขี่ยนักการเมืองออกมา 3 คน ให้หมู่2 คัดกรองหรือเปลี่ยนตัวเลือก แล้วให้หมู่3 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่1 แล้วหมู่1 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่2 คนที่เหลือไปดูแลหมู่3 เวลาของแต่ละหมู่บ้าน จะผ่านไปพร้อมความชิบหาย เพราะแต่ละหมู่ต่างเลือกคนบัดซบให้ไปเป็นตัวแทนของหมู่บ้านอื่น โดยที่หมู่ของตนก็ถูกหมู่อื่นยัดเยียดนักการเมืองมาให้สร้างความวิบัติในหมู่บ้านของตัวเองเช่นกัน ============ ทฤษฎีนี้ ซีเรียสนะเนี่ย ไม่ใช่เรื่องพร่ำเพ้อเพอร์เฟค 😁😃😆
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • 3 เงื่อนไขของ "สนธิ ลิ้มทองกุล"
    การเดินครั้งสุดท้ายของผม
    0 Comments 0 Shares 8 Views 5090 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • Tempeh lemon curd
    หอมอร่อยเปรี้ยวหวาน. สดชื่น โปรตีนสูง
    ใช้ทาหน้าขนมปังหรือใช้ตกแต่งหน้าขนมเค้กก็อร่อยค่ะเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้นาน
    วิธีทำ
    น้ำเลม่อน 100 กรัม
    น้ำตาลทราย 120 กรัม
    ผิวเลม่อนประมาณ 2ชช.
    เทมเป้หั้นละเอียด 100 กรัม
    ไข่ไก่ใหม่ๆ 1 ฟองและไข่แดงอีก 2 ฟอง
    เนยสด 65 กรัม
    เกลือเล็กน้อย
    นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
    แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา หรืออาจใช้เป็นเจลาตินก็ได้ค่ะ หรือจะไม่ใส่ก็ได้
    นำเปลือกเลม่อนผสมในน้ำตาลเพื่อให้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยติดลงที่น้ำตาลทราย ตีไข่ไก่
    ใส่น้ำเลม่อน ใส่เนยสดเกลือ นมข้นหวาน เทมเป้
    คนให้เข้ากันนำขึ้นตั้งไฟกวนจนข้น
    ขั้นตอนสุดท้ายใส่แป้งข้าวโพดผสมน้ำเล็กน้อย
    ลงไป จะทำให้เนื้อข้นขึ้น หรือจะไม่ใส่ก็ได้ค่ะ
    เก็บใส่ขวดแก้วที่ฆ่าเชื้อด้วยน้ำร้อนแล้ว
    ปิดฝาเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้นานค่ะ🥰
    ทำกินได้ ทำขายดี
    #lemoncurd #tempeh #เทมเป้ #เทมเป้กินกับอะไรก็อร่อย#เมนูอร่อยจากเทมเป้ #thaitimes
    Tempeh lemon curd หอมอร่อยเปรี้ยวหวาน. สดชื่น โปรตีนสูง ใช้ทาหน้าขนมปังหรือใช้ตกแต่งหน้าขนมเค้กก็อร่อยค่ะเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้นาน วิธีทำ น้ำเลม่อน 100 กรัม น้ำตาลทราย 120 กรัม ผิวเลม่อนประมาณ 2ชช. เทมเป้หั้นละเอียด 100 กรัม ไข่ไก่ใหม่ๆ 1 ฟองและไข่แดงอีก 2 ฟอง เนยสด 65 กรัม เกลือเล็กน้อย นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา หรืออาจใช้เป็นเจลาตินก็ได้ค่ะ หรือจะไม่ใส่ก็ได้ นำเปลือกเลม่อนผสมในน้ำตาลเพื่อให้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยติดลงที่น้ำตาลทราย ตีไข่ไก่ ใส่น้ำเลม่อน ใส่เนยสดเกลือ นมข้นหวาน เทมเป้ คนให้เข้ากันนำขึ้นตั้งไฟกวนจนข้น ขั้นตอนสุดท้ายใส่แป้งข้าวโพดผสมน้ำเล็กน้อย ลงไป จะทำให้เนื้อข้นขึ้น หรือจะไม่ใส่ก็ได้ค่ะ เก็บใส่ขวดแก้วที่ฆ่าเชื้อด้วยน้ำร้อนแล้ว ปิดฝาเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้นานค่ะ🥰 ทำกินได้ ทำขายดี #lemoncurd #tempeh #เทมเป้ #เทมเป้กินกับอะไรก็อร่อย#เมนูอร่อยจากเทมเป้ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • Kaelyn lip oil
    ลิปสติกจากน้ำมันธรรมชาติ ทำจากไขผึ้งและน้ำมันธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี
    เน้นการบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น สีสวยสดใส อย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย
    #สอนทำลิปสติกจากน้ำมันธรรมชาติ
    #lipstick
    #lipoil
    #thaitimes
    Kaelyn lip oil ลิปสติกจากน้ำมันธรรมชาติ ทำจากไขผึ้งและน้ำมันธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี เน้นการบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น สีสวยสดใส อย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย #สอนทำลิปสติกจากน้ำมันธรรมชาติ #lipstick #lipoil #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 33 Views 43 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • 📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔

    📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว

    meb
    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ
    รี้ดอะไรต์
    https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35
    เด็กดี
    https://dekd.co/w/n/2454391

    #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี
    📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔 📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว meb https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ รี้ดอะไรต์ https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35 เด็กดี https://dekd.co/w/n/2454391 #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี
    0 Comments 0 Shares 12 Views 8 0 Reviews
  • พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องกรรมไว้อย่างลึกซึ้งว่า เราทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว สิ่งที่เราทำในอดีตจะตามมาเป็นผลที่เราต้องเผชิญในอนาคต การพิจารณาให้เห็นความจริงข้อนี้จะช่วยให้เราละเว้นจากการกระทำที่เป็นทุจริต และหันมาเดินในทางที่ถูกต้อง

    ในสมัยพุทธกาล ภิกษุที่มีสมาธิและญาณทัศนะสูงสามารถมองเห็นกรรมของตนเองและผู้อื่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้พวกเขาเกิดความกลัวต่อกรรมที่ไม่ดีและพยายามละเลิกนิสัยเสียทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม สำหรับเราในยุคนี้ แม้เราอาจไม่สามารถเห็นกรรมหรือผลของกรรมได้อย่างแจ่มชัดเช่นเดียวกับภิกษุในสมัยนั้น แต่เราก็สามารถพิจารณาชีวิตของเราในปัจจุบันได้

    เมื่อเรามองย้อนกลับไปในชีวิต เราจะพบว่าความคิด การกระทำ และสิ่งที่เราเลือกทำในอดีต ยังคงส่งผลต่อชีวิตของเราในปัจจุบัน การที่ชีวิตคนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ ความคิด หรือพฤติกรรม แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต แต่สิ่งที่คงอยู่และตามมาคือผลกรรมจากการกระทำของเราในอดีต

    การตระหนักรู้ถึงกรรมและผลของกรรม จะทำให้เราเริ่มระวังตัวมากขึ้น ไม่ใช่เพราะความกลัวในแบบเด็กๆ แต่เป็นความเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำวันนี้จะส่งผลในอนาคต การพิจารณาว่าธรรมชาติมิได้บังเอิญสร้างสรรค์ความดีหรือความเลวให้กับใครบางคนโดยไม่มีเหตุผล แต่ทุกสิ่งล้วนเป็นผลมาจากกรรมที่เคยสร้างไว้

    การเจริญสติและพิจารณาชีวิตด้วยปัญญาจะทำให้เราเห็นว่า กายนี้ ใจนี้ และชีวิตนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเลือกเดินบนเส้นทางกรรมที่เราเคยสร้างและกำลังสร้างอยู่ สิ่งนี้ทำให้เราต้องระมัดระวังการกระทำของเราในทุกขณะ เพราะกรรมที่เราทำในวันนี้จะเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางชีวิตในอนาคตอย่างแน่นอน
    พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องกรรมไว้อย่างลึกซึ้งว่า เราทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว สิ่งที่เราทำในอดีตจะตามมาเป็นผลที่เราต้องเผชิญในอนาคต การพิจารณาให้เห็นความจริงข้อนี้จะช่วยให้เราละเว้นจากการกระทำที่เป็นทุจริต และหันมาเดินในทางที่ถูกต้อง ในสมัยพุทธกาล ภิกษุที่มีสมาธิและญาณทัศนะสูงสามารถมองเห็นกรรมของตนเองและผู้อื่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้พวกเขาเกิดความกลัวต่อกรรมที่ไม่ดีและพยายามละเลิกนิสัยเสียทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม สำหรับเราในยุคนี้ แม้เราอาจไม่สามารถเห็นกรรมหรือผลของกรรมได้อย่างแจ่มชัดเช่นเดียวกับภิกษุในสมัยนั้น แต่เราก็สามารถพิจารณาชีวิตของเราในปัจจุบันได้ เมื่อเรามองย้อนกลับไปในชีวิต เราจะพบว่าความคิด การกระทำ และสิ่งที่เราเลือกทำในอดีต ยังคงส่งผลต่อชีวิตของเราในปัจจุบัน การที่ชีวิตคนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ ความคิด หรือพฤติกรรม แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต แต่สิ่งที่คงอยู่และตามมาคือผลกรรมจากการกระทำของเราในอดีต การตระหนักรู้ถึงกรรมและผลของกรรม จะทำให้เราเริ่มระวังตัวมากขึ้น ไม่ใช่เพราะความกลัวในแบบเด็กๆ แต่เป็นความเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำวันนี้จะส่งผลในอนาคต การพิจารณาว่าธรรมชาติมิได้บังเอิญสร้างสรรค์ความดีหรือความเลวให้กับใครบางคนโดยไม่มีเหตุผล แต่ทุกสิ่งล้วนเป็นผลมาจากกรรมที่เคยสร้างไว้ การเจริญสติและพิจารณาชีวิตด้วยปัญญาจะทำให้เราเห็นว่า กายนี้ ใจนี้ และชีวิตนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเลือกเดินบนเส้นทางกรรมที่เราเคยสร้างและกำลังสร้างอยู่ สิ่งนี้ทำให้เราต้องระมัดระวังการกระทำของเราในทุกขณะ เพราะกรรมที่เราทำในวันนี้จะเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางชีวิตในอนาคตอย่างแน่นอน
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔

    📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว

    meb
    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ
    รี้ดอะไรต์
    https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35
    เด็กดี
    https://dekd.co/w/n/2454391

    #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี😍
    📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔 📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว meb https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ รี้ดอะไรต์ https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35 เด็กดี https://dekd.co/w/n/2454391 #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี😍
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • Wang Yibo & Novak Djokovic
    at Lacoste Playbig ,the great wall
    #WangYibo #YIBO
    #หวังอี้ป๋อ
    Wang Yibo & Novak Djokovic at Lacoste Playbig ,the great wall #WangYibo #YIBO #หวังอี้ป๋อ
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • ความรู้เรื่องเทมเป้ การบรรจุถุง#tempeh#เทมเป้#โปรตีน
    ความรู้เรื่องเทมเป้ การบรรจุถุง#tempeh#เทมเป้#โปรตีน
    0 Comments 0 Shares 12 Views 14 0 Reviews
  • ในสิงคโปร์ มีกฎระเบียบที่ระบุว่าแรงงานต่างชาติที่ถือใบอนุญาตทำงานประเภท Work Permit ไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรในระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาล นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมจำนวนประชากรและการเข้าทำงานของแรงงานต่างชาติในประเทศ
    .
    หากแรงงานต่างชาติที่ถือ Work Permit พบว่าตั้งครรภ์โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจต้องเผชิญกับการถูกส่งตัวกลับประเทศหรือไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตทำงาน กฎระเบียบนี้ทำให้นายจ้างและแรงงานต่างชาติต้องให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหลายที่กำหนดโดยกระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ (Ministry of Manpower หรือ MOM)
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/_NyffAsFdMg?si=AY2zwmwXlGy0-hzF
    https://youtu.be/_NyffAsFdMg?si=AY2zwmwXlGy0-hzF
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/9X5vd3DfQKQ?si=SOrSxn6aXzXdCcAJ
    https://youtu.be/9X5vd3DfQKQ?si=SOrSxn6aXzXdCcAJ
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/VFKYlDFuA1Q?si=SecFkYhKo3AAoVVg
    https://youtu.be/VFKYlDFuA1Q?si=SecFkYhKo3AAoVVg
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • เทมเป้ ชื่อเหมือนอาหารญี่ปุ่น
    แต่จริงๆแล้วคืออะไร?

    เทมเป้ ทำมาจากถั่วเหลือง
    ที่นำไปหมักกับเชื้อสายพันธุ์
    Rhizopus Oligosporus
    โดยเชื้อราชนิดนี้ มีคุณสมบัติ
    ช่วยย่อยโปรตีน ในถั่วเหลืองให้เป็นกรดอะมิโนโปรตีน อนุภาคเล็กๆ
    ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย
    และช่วยย่อยกรดไฟแตต
    (Phytic acid)
    ที่เป็นสารต้านโภชนาการ (anti nutrients)
    ขัดขวางการดูดซึม แคลเซียม สังกะสี
    และธาตุเหล็ก

    การรับประทานเทมเป้เป็นประจำ
    จึงทำให้ ร่างกายสามารถดู ดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

    เทมเป้นน.100 กรัม. มีโปรตีนสูงถึง 19 กรัม
    และยังมีกากใยไฟเบอร์ที่ดี
    มีวิตามินแร่ธาตุต่างๆโดยเฉพาะ
    วิตามินบี 12 ที่ช่วยบำรุงเลือดบำรุงสมอง
    ซึ่งมักไม่พบในพืชผักทั่วไป
    มีเลซิตินช่วยบำรุงตับ และยังเป็นโพรไบโอติดส์
    และพรีไบโอติกส์ ที่ ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายระบบลำไส้และภูมิคุ้มกัน อีกด้วยค่ะ

    เทมเป้มีรสชาติจืดๆมันๆเหมือนเต้าหู้
    แต่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง
    กว่าเต้าหู้หลายเท่า

    เทมเป้จึงเหมาะสำหรับท่านที่รักสุขภาพ
    และต้องการหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์
    เรามาทานเทมเป้กันค่ะ
    #tempeh #เทมเป้ #โปรตีน #vegan
    #เจ #มังสวิรัติ #plantbased
    #thaitimes
    เทมเป้ ชื่อเหมือนอาหารญี่ปุ่น แต่จริงๆแล้วคืออะไร? เทมเป้ ทำมาจากถั่วเหลือง ที่นำไปหมักกับเชื้อสายพันธุ์ Rhizopus Oligosporus โดยเชื้อราชนิดนี้ มีคุณสมบัติ ช่วยย่อยโปรตีน ในถั่วเหลืองให้เป็นกรดอะมิโนโปรตีน อนุภาคเล็กๆ ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย และช่วยย่อยกรดไฟแตต (Phytic acid) ที่เป็นสารต้านโภชนาการ (anti nutrients) ขัดขวางการดูดซึม แคลเซียม สังกะสี และธาตุเหล็ก การรับประทานเทมเป้เป็นประจำ จึงทำให้ ร่างกายสามารถดู ดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เทมเป้นน.100 กรัม. มีโปรตีนสูงถึง 19 กรัม และยังมีกากใยไฟเบอร์ที่ดี มีวิตามินแร่ธาตุต่างๆโดยเฉพาะ วิตามินบี 12 ที่ช่วยบำรุงเลือดบำรุงสมอง ซึ่งมักไม่พบในพืชผักทั่วไป มีเลซิตินช่วยบำรุงตับ และยังเป็นโพรไบโอติดส์ และพรีไบโอติกส์ ที่ ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายระบบลำไส้และภูมิคุ้มกัน อีกด้วยค่ะ เทมเป้มีรสชาติจืดๆมันๆเหมือนเต้าหู้ แต่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง กว่าเต้าหู้หลายเท่า เทมเป้จึงเหมาะสำหรับท่านที่รักสุขภาพ และต้องการหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เรามาทานเทมเป้กันค่ะ #tempeh #เทมเป้ #โปรตีน #vegan #เจ #มังสวิรัติ #plantbased #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • Sorgame endralum nammurai pola varuma...
    #udumalpet #tamilnadu
    Sorgame endralum nammurai pola varuma... #udumalpet #tamilnadu
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 🖐🙏😊
    🖐🙏😊
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/17I4nNd_JaM?si=5DbPZLOECaZH1m7h
    https://youtu.be/17I4nNd_JaM?si=5DbPZLOECaZH1m7h
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/bPucvCSjRBk?si=U3AbD-gunDo2gtE_
    https://youtu.be/bPucvCSjRBk?si=U3AbD-gunDo2gtE_
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • หลวงปู่แหวน รุ่นอนามัยพร้าว ปี2517 พระเก่าเก็บสวย 2300 บ. สนใจ inbox
    หลวงปู่แหวน รุ่นอนามัยพร้าว ปี2517 พระเก่าเก็บสวย 2300 บ. สนใจ inbox
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews