หลวงปู่คล้าย วัดบางนมโค
ในสมัยก่อนที่หลวงพ่อปานจะบวช ท่านพบพระองค์หนึ่งซึ่งมีปฏิปทาการปฏิบัติดีเป็นพิเศษ พระองค์นี้เดิมทีท่านอยู่จังหวัดธนบุรี ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์ที่อยุธยามาถึงก็ปักกลดอยู่ที่วัดบางนมโค
สมัยนั้นวัดบางนมโคยังเป็นวัดร้างอยู่ ยังไม่มีสิ่งก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุอะไร พอท่านมาอยู่ท่านก็เริ่มสร้างกุฏิไว้ 2-3 หลังก่อน แล้วถึงมาสร้างโบสถ์ โดยสร้างทับที่เดิม ก็เป็นอันว่าท่านเป็นผู้เริ่มก่อสร้างวัดบางนมโคเป็นองค์แรก
พระองค์นี้คือ "หลวงปู่คล้าย" หลวงปู่คล้ายองค์นี้เป็นพระที่มีปาฏิหาริย์มาก มีความสามารถในทางไสยศาสตร์และสมาธิ หมายความว่าท่านจะทำสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นอะไรก็ได้ ถ้าจะกล่าวกันไปตามหลักวิชาการในสมัยนี้ ในทางพุทธศาสนาที่เรารู้กันก็หมายความว่าท่านเป็นผู้ทรงอภิญญานั่นเอง
และเรื่องราวของหลวงปู่คล้ายหลวงพ่อปานท่านเล่าให้ฟังว่า ในสมัยที่หลวงพ่อปานเข้ามาอยู่เป็นนาคจะบวชพระนั้น วันหนึ่งเขาลองยิงพระกัน (พระเครื่อง) พระองค์ไหนก็ยิงออกหมด หลวงปู่คล้ายเดินไปถึงที่ที่เขากำลังลองพระกัน ท่านก็เปลื้องจีวรออกแล้วก็เอาจีวรวางไว้
ท่านบอกว่า "ไหนลองยิงจีวรของฉันดูซิ" พวกนั้นใช้ปืนทุกอย่างยิงจีวรของท่านไม่ติด ท่านก็บอกว่า "ทุด ! ไอ้ปืนของพวกมึงนี่มันไม่ดี ยิงพระออก แต่ยิงจีวรของกูไม่ออก ปืนของมึงเสีย" นั่นครั้งหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่งหลวงพ่อปานบอกว่า ขณะที่ท่านกำลังท่องหนังสืออยู่ในป่าช้า ท่องหนังสือขานนาคหรือสวดมนต์ หลวงปู่คล้ายท่านเดินเข้าไปหาท่านถามว่า
"ปานทำอะไรวะ?"
"ผมกำลังท่องหนังสือครับ"
"ปาน แกบวชแล้วแกจะสึกไหม?"
"ผมบวชแล้วผมไม่อยากสึกครับ"
"ฮือ...ดี บุคคลที่เขาไม่สึกเขาต้องทำอย่างนี้นะปาน" แล้วท่านก็วางจีวรไว้ท่านถามว่า
"ปาน...อยากดูช้างไหม?"
"อยากดูครับ"
"แกดูจีวรนี่นะ เดี๋ยวมันจะเป็นช้าง"
▪️จีวรกลายเป็นช้าง▪️
พอมองไปประเดี๋ยวเดียวจีวรค่อย ๆ กลายเป็นช้างทีละนิด ๆ ทีแรกมันจะเกิดเป็นงวงมาก่อน สุดงวงแล้วจะเห็นงา เห็นงาแล้วจะเห็นหัว ตัวช้างขาช้าง หางช้าง แล้วช้างมันเดินไปได้ตามความประสงค์
ท่านก็บอกว่า "ปานอยากขี่ช้างไหม?"
"อยากขี่ครับ"
"เอ้า ! เทาลงมาหน่อยให้เขาขี่" หัวช้างก็เทาลงมา แล้วก็ขี่เล่นภายในป่าช้าวนไปวนมาสัก 5 นาทีก็บอกให้ลงจากคอช้าง
เมื่อลงจากคอช้างแล้วท่านก็พูดว่า
"ช้าง เอ็งกลับเป็นจีวรตามเดิมซิ ข้าจะกลับไปกุฏิ เดี๋ยวข้าไปไม่มีจีวรห่ม" เท่านั้นเองก็ปรากฏว่าช้างกลายเป็นจีวรตามเดิม
หลวงพ่อปานท่านเลยถามว่า
"พระที่ทำอย่างนี้ได้น่ะ ทำได้ทุกองค์ไหมครับ?"
" ทำไม่ได้ทุกองค์หรอก พระที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องเจริญกรรมฐาน"
"กรรมฐานเป็นอย่างไรครับ?"
"เอาเถอะ เวลานี้ท่องหนังสือไปก่อน เมื่อเธอบวชแล้วถ้าเธอมีความประสงค์จะทำได้อย่างนี้ ฉันจะสอนให้"
ท่านบอกว่าเป็นเหตุจับใจที่สุดในการเข้ามาสู่เขตพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อน ท่านบอกว่ามีความเลื่อมใสมาก คิดไม่ถึงเลยว่าพระจะทำอะไรต่ออะไรได้ทุกอย่าง และท่านก็ถามหลวงปู่คล้ายว่า
"หลวงพ่อทำได้แต่เพียงเท่านี้หรือครับ?"
"ทำได้ทุกอย่าง เอาอย่างนี้ไหมล่ะ แกอยากดูไหมว่าฉันสูงแค่ไหน? คอยดูนะ ให้ดูหลังคาศาลาปรก"
▪️เมื่อมีสมาธิก็ทำได้ทุกอย่าง▪️
แล้วท่านก็มายืนอยู่ข้างนอก "หัวฉันจะแค่หลังคาศาลาปรก" มองไปประเดี๋ยวเดียวปรากฏว่าท่านสูงแค่หลังคาศาลาปรก "ฉันจะทำให้สูงกว่ายอดไม้" ประเดี๋ยวเดียวตัวของท่านก็สูงกว่ายอดไม้
ครู่หนึ่งท่านก็ทำตัวย่อลงมา แล้วก็บอกว่าจะทำตัวให้เล็กนิดเดียว ตัวของท่านก็เล็กนิดเดียวจริง ๆ ปรากฏว่าท่านสูงไม่ถึงคืบ ท่านบอกว่าทำให้เล็กกว่านี้ก็ได้ และในที่สุดท่านก็คลายสมาธิ กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
หลวงพ่อปานถามว่า
"วิชาอย่างนี้เรียนได้จากไหน หลวงพ่อจะสอนผมได้ไหมครับ?"
"เมื่อเธอทำสมาธิได้ เธอทำอย่างนี้ได้ แล้วก็ไม่ใช่จะได้เพียงเท่านี้นะ ทำได้ทุกอย่าง จะเหาะเหินเดินอากาศก็ได้ จะดำดิน เดินน้ำทำได้ทุกอย่าง เขาเรียกว่าสมาบัติ"
ท่านก็จำคำว่า "สมาบัติ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แล้วก็สนใจในการประพฤติปฏิบัติ แล้วก็พยายามท่องหนังสือหนังหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ท่านต้องเป็นนาคอยู่ 3 เดือน ต่อมาเมื่อเวลาบวชหลวงปู่คล้ายบอกว่า
"ถ้าจะบวชก็ไปบอกพ่อแกให้ไปนิมนต์หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล เป็นพระคู่สวดอีกองค์หนึ่งนอกจากฉัน แล้วก็ไปนิมนต์หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอเป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะทั้งสององค์นั้นเก่งกว่าฉัน
(ตอนหน้า...หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ)
พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์ (2525),23,111-116
หลวงปู่คล้าย วัดบางนมโค
ในสมัยก่อนที่หลวงพ่อปานจะบวช ท่านพบพระองค์หนึ่งซึ่งมีปฏิปทาการปฏิบัติดีเป็นพิเศษ พระองค์นี้เดิมทีท่านอยู่จังหวัดธนบุรี ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์ที่อยุธยามาถึงก็ปักกลดอยู่ที่วัดบางนมโค
สมัยนั้นวัดบางนมโคยังเป็นวัดร้างอยู่ ยังไม่มีสิ่งก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุอะไร พอท่านมาอยู่ท่านก็เริ่มสร้างกุฏิไว้ 2-3 หลังก่อน แล้วถึงมาสร้างโบสถ์ โดยสร้างทับที่เดิม ก็เป็นอันว่าท่านเป็นผู้เริ่มก่อสร้างวัดบางนมโคเป็นองค์แรก
พระองค์นี้คือ "หลวงปู่คล้าย" หลวงปู่คล้ายองค์นี้เป็นพระที่มีปาฏิหาริย์มาก มีความสามารถในทางไสยศาสตร์และสมาธิ หมายความว่าท่านจะทำสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นอะไรก็ได้ ถ้าจะกล่าวกันไปตามหลักวิชาการในสมัยนี้ ในทางพุทธศาสนาที่เรารู้กันก็หมายความว่าท่านเป็นผู้ทรงอภิญญานั่นเอง
และเรื่องราวของหลวงปู่คล้ายหลวงพ่อปานท่านเล่าให้ฟังว่า ในสมัยที่หลวงพ่อปานเข้ามาอยู่เป็นนาคจะบวชพระนั้น วันหนึ่งเขาลองยิงพระกัน (พระเครื่อง) พระองค์ไหนก็ยิงออกหมด หลวงปู่คล้ายเดินไปถึงที่ที่เขากำลังลองพระกัน ท่านก็เปลื้องจีวรออกแล้วก็เอาจีวรวางไว้
ท่านบอกว่า "ไหนลองยิงจีวรของฉันดูซิ" พวกนั้นใช้ปืนทุกอย่างยิงจีวรของท่านไม่ติด ท่านก็บอกว่า "ทุด ! ไอ้ปืนของพวกมึงนี่มันไม่ดี ยิงพระออก แต่ยิงจีวรของกูไม่ออก ปืนของมึงเสีย" นั่นครั้งหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่งหลวงพ่อปานบอกว่า ขณะที่ท่านกำลังท่องหนังสืออยู่ในป่าช้า ท่องหนังสือขานนาคหรือสวดมนต์ หลวงปู่คล้ายท่านเดินเข้าไปหาท่านถามว่า
"ปานทำอะไรวะ?"
"ผมกำลังท่องหนังสือครับ"
"ปาน แกบวชแล้วแกจะสึกไหม?"
"ผมบวชแล้วผมไม่อยากสึกครับ"
"ฮือ...ดี บุคคลที่เขาไม่สึกเขาต้องทำอย่างนี้นะปาน" แล้วท่านก็วางจีวรไว้ท่านถามว่า
"ปาน...อยากดูช้างไหม?"
"อยากดูครับ"
"แกดูจีวรนี่นะ เดี๋ยวมันจะเป็นช้าง"
▪️จีวรกลายเป็นช้าง▪️
พอมองไปประเดี๋ยวเดียวจีวรค่อย ๆ กลายเป็นช้างทีละนิด ๆ ทีแรกมันจะเกิดเป็นงวงมาก่อน สุดงวงแล้วจะเห็นงา เห็นงาแล้วจะเห็นหัว ตัวช้างขาช้าง หางช้าง แล้วช้างมันเดินไปได้ตามความประสงค์
ท่านก็บอกว่า "ปานอยากขี่ช้างไหม?"
"อยากขี่ครับ"
"เอ้า ! เทาลงมาหน่อยให้เขาขี่" หัวช้างก็เทาลงมา แล้วก็ขี่เล่นภายในป่าช้าวนไปวนมาสัก 5 นาทีก็บอกให้ลงจากคอช้าง
เมื่อลงจากคอช้างแล้วท่านก็พูดว่า
"ช้าง เอ็งกลับเป็นจีวรตามเดิมซิ ข้าจะกลับไปกุฏิ เดี๋ยวข้าไปไม่มีจีวรห่ม" เท่านั้นเองก็ปรากฏว่าช้างกลายเป็นจีวรตามเดิม
หลวงพ่อปานท่านเลยถามว่า
"พระที่ทำอย่างนี้ได้น่ะ ทำได้ทุกองค์ไหมครับ?"
" ทำไม่ได้ทุกองค์หรอก พระที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องเจริญกรรมฐาน"
"กรรมฐานเป็นอย่างไรครับ?"
"เอาเถอะ เวลานี้ท่องหนังสือไปก่อน เมื่อเธอบวชแล้วถ้าเธอมีความประสงค์จะทำได้อย่างนี้ ฉันจะสอนให้"
ท่านบอกว่าเป็นเหตุจับใจที่สุดในการเข้ามาสู่เขตพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อน ท่านบอกว่ามีความเลื่อมใสมาก คิดไม่ถึงเลยว่าพระจะทำอะไรต่ออะไรได้ทุกอย่าง และท่านก็ถามหลวงปู่คล้ายว่า
"หลวงพ่อทำได้แต่เพียงเท่านี้หรือครับ?"
"ทำได้ทุกอย่าง เอาอย่างนี้ไหมล่ะ แกอยากดูไหมว่าฉันสูงแค่ไหน? คอยดูนะ ให้ดูหลังคาศาลาปรก"
▪️เมื่อมีสมาธิก็ทำได้ทุกอย่าง▪️
แล้วท่านก็มายืนอยู่ข้างนอก "หัวฉันจะแค่หลังคาศาลาปรก" มองไปประเดี๋ยวเดียวปรากฏว่าท่านสูงแค่หลังคาศาลาปรก "ฉันจะทำให้สูงกว่ายอดไม้" ประเดี๋ยวเดียวตัวของท่านก็สูงกว่ายอดไม้
ครู่หนึ่งท่านก็ทำตัวย่อลงมา แล้วก็บอกว่าจะทำตัวให้เล็กนิดเดียว ตัวของท่านก็เล็กนิดเดียวจริง ๆ ปรากฏว่าท่านสูงไม่ถึงคืบ ท่านบอกว่าทำให้เล็กกว่านี้ก็ได้ และในที่สุดท่านก็คลายสมาธิ กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
หลวงพ่อปานถามว่า
"วิชาอย่างนี้เรียนได้จากไหน หลวงพ่อจะสอนผมได้ไหมครับ?"
"เมื่อเธอทำสมาธิได้ เธอทำอย่างนี้ได้ แล้วก็ไม่ใช่จะได้เพียงเท่านี้นะ ทำได้ทุกอย่าง จะเหาะเหินเดินอากาศก็ได้ จะดำดิน เดินน้ำทำได้ทุกอย่าง เขาเรียกว่าสมาบัติ"
ท่านก็จำคำว่า "สมาบัติ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แล้วก็สนใจในการประพฤติปฏิบัติ แล้วก็พยายามท่องหนังสือหนังหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ท่านต้องเป็นนาคอยู่ 3 เดือน ต่อมาเมื่อเวลาบวชหลวงปู่คล้ายบอกว่า
"ถ้าจะบวชก็ไปบอกพ่อแกให้ไปนิมนต์หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล เป็นพระคู่สวดอีกองค์หนึ่งนอกจากฉัน แล้วก็ไปนิมนต์หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอเป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะทั้งสององค์นั้นเก่งกว่าฉัน
(ตอนหน้า...หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ)
พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์ (2525),23,111-116