• สนธิเล่าเรื่อง 3-3-68
    .
    เช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง ฃ "การส่งกลับชาวอุยกูร์" / วิวาทะระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ กับ นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี รวมไปถึงคดีที่คุณสนธิฟ้อง "ทนายอั๋น" ที่ศาลมีคำพิพากษาลงมาแล้ว
    https://www.youtube.com/watch?v=UnMK7GV-aJI

    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #อุยกูร์ #ซินเกียง #ทรัมป์เซเลนสกี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lenovo ได้นำเสนอแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่จากสาย Yoga ที่เรียกว่า "Yoga Solar PC" ที่งาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา รุ่นนี้มีความพิเศษเพราะมันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    Yoga Solar PC มีน้ำหนักเบาเพียง 2.6 ปอนด์ (ประมาณ 1.22 กิโลกรัม) และมีความหนาเพียง 15 มิลลิเมตร ทำให้มันมีความพกพาสะดวกมาก ซึ่งต่างจากแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นเก่าที่มักจะมีน้ำหนักมากและมีราคาแพง

    แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี "back contact cell" ซึ่งทำให้การดูดซับแสงมีประสิทธิภาพสูงถึงกว่า 24% ต่อแผง โดยแผงเหล่านี้จะอยู่หลังพื้นผิวสีดำมันวาว ทำให้แลปท็อปดูเหมือนกับแลปท็อปทั่วไป

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเราจะไม่ได้นำแลปท็อปไปใช้กลางแสงแดด แผงโซลาร์เซลล์ยังสามารถดูดซับแสงจากแสงในออฟฟิศหรือหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แม้ว่าแสงจะน้อยลงแต่ก็ยังคงช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ได้

    แผงโซลาร์เซลล์สามารถดูดซับและแปลงแสงเป็นพลังงานได้เพียงพอใน 20 นาที เพื่อให้สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชั่วโมง นับว่าเป็นพลังงานที่ได้รับฟรีจากแสงที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน

    นอกจากนั้น Lenovo ยังได้เปิดตัวชุดพลังงานแสงอาทิตย์แบบถอดได้ที่สามารถชาร์จแยกตัวได้เหมือนกับแบตเตอรี่พกพา และสามารถเชื่อมต่อกับแลปท็อปเพื่อเพิ่มพลังงานได้อีกด้วย

    แม้ว่า Yoga Solar PC ยังเป็นแค่คอนเซปต์ที่ยังไม่มีวันเปิดตัวแน่นอน แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงการที่เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้งานได้อย่างเป็นจริงและมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน

    https://www.zdnet.com/article/lenovos-solar-powered-laptop-at-mwc-stole-the-show-for-me-and-its-surprisingly-practical/
    Lenovo ได้นำเสนอแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่จากสาย Yoga ที่เรียกว่า "Yoga Solar PC" ที่งาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา รุ่นนี้มีความพิเศษเพราะมันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Yoga Solar PC มีน้ำหนักเบาเพียง 2.6 ปอนด์ (ประมาณ 1.22 กิโลกรัม) และมีความหนาเพียง 15 มิลลิเมตร ทำให้มันมีความพกพาสะดวกมาก ซึ่งต่างจากแลปท็อปพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นเก่าที่มักจะมีน้ำหนักมากและมีราคาแพง แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี "back contact cell" ซึ่งทำให้การดูดซับแสงมีประสิทธิภาพสูงถึงกว่า 24% ต่อแผง โดยแผงเหล่านี้จะอยู่หลังพื้นผิวสีดำมันวาว ทำให้แลปท็อปดูเหมือนกับแลปท็อปทั่วไป สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเราจะไม่ได้นำแลปท็อปไปใช้กลางแสงแดด แผงโซลาร์เซลล์ยังสามารถดูดซับแสงจากแสงในออฟฟิศหรือหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ แม้ว่าแสงจะน้อยลงแต่ก็ยังคงช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ แผงโซลาร์เซลล์สามารถดูดซับและแปลงแสงเป็นพลังงานได้เพียงพอใน 20 นาที เพื่อให้สามารถเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชั่วโมง นับว่าเป็นพลังงานที่ได้รับฟรีจากแสงที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้น Lenovo ยังได้เปิดตัวชุดพลังงานแสงอาทิตย์แบบถอดได้ที่สามารถชาร์จแยกตัวได้เหมือนกับแบตเตอรี่พกพา และสามารถเชื่อมต่อกับแลปท็อปเพื่อเพิ่มพลังงานได้อีกด้วย แม้ว่า Yoga Solar PC ยังเป็นแค่คอนเซปต์ที่ยังไม่มีวันเปิดตัวแน่นอน แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงการที่เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้งานได้อย่างเป็นจริงและมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน https://www.zdnet.com/article/lenovos-solar-powered-laptop-at-mwc-stole-the-show-for-me-and-its-surprisingly-practical/
    WWW.ZDNET.COM
    Lenovo's solar-powered laptop at MWC stole the show for me - and it's surprisingly practical
    The company announced a thin-and-light solar-powered laptop at MWC 2025, and it's way more useful than I assumed. Here's how it works.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • Donald Trump ได้ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดตั้งกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการเลือกคือ Bitcoin, Ether, XRP, Solana และ Cardano การประกาศนี้ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

    Trump ได้โพสต์ใน Truth Social ว่าการสั่งการนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งบริหารในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมุ่งหมายจะสร้างคลังสำรองสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเทคโนโลยีในสหรัฐฯ

    Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด เพิ่มขึ้นกว่า 11% โดยมีมูลค่าถึง $94,164 Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองเพิ่มขึ้นประมาณ 13% เป็น $2,516 ตลาดสกุลเงินดิจิทัลรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมากกว่า $300 พันล้านในช่วงเวลาที่ Trump ประกาศเรื่องนี้

    การสร้างกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลนี้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเริ่มมีบทบาทอย่างจริงจังในเศรษฐกิจสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อการยอมรับของสถาบันและความชัดเจนในกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

    ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ Trump จะเป็นเจ้าภาพการประชุม Crypto Summit ที่ทำเนียบขาวครั้งแรก โดยมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในวงการสกุลเงินดิจิทัล

    นอกจากนี้ Trump ยังได้ยกเลิกการตรวจสอบและดำเนินคดีหลายอย่างที่เกี่ยวกับบริษัทสกุลเงินดิจิทัลที่เคยเกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี Joe Biden การดำเนินการนี้ส่งผลให้การยอมรับและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/trump-names-cryptocurrencies-to-be-in-strategic-reserve-prices-spike
    Donald Trump ได้ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดตั้งกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการเลือกคือ Bitcoin, Ether, XRP, Solana และ Cardano การประกาศนี้ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว Trump ได้โพสต์ใน Truth Social ว่าการสั่งการนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งบริหารในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมุ่งหมายจะสร้างคลังสำรองสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเทคโนโลยีในสหรัฐฯ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด เพิ่มขึ้นกว่า 11% โดยมีมูลค่าถึง $94,164 Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองเพิ่มขึ้นประมาณ 13% เป็น $2,516 ตลาดสกุลเงินดิจิทัลรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมากกว่า $300 พันล้านในช่วงเวลาที่ Trump ประกาศเรื่องนี้ การสร้างกองทุนสำรองสกุลเงินดิจิทัลนี้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเริ่มมีบทบาทอย่างจริงจังในเศรษฐกิจสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อการยอมรับของสถาบันและความชัดเจนในกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ Trump จะเป็นเจ้าภาพการประชุม Crypto Summit ที่ทำเนียบขาวครั้งแรก โดยมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในวงการสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ Trump ยังได้ยกเลิกการตรวจสอบและดำเนินคดีหลายอย่างที่เกี่ยวกับบริษัทสกุลเงินดิจิทัลที่เคยเกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี Joe Biden การดำเนินการนี้ส่งผลให้การยอมรับและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/trump-names-cryptocurrencies-to-be-in-strategic-reserve-prices-spike
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump names cryptocurrencies in strategic reserve, sending prices up
    WEST PALM BEACH, Florida (Reuters) -U.S. President Donald Trump on social media announced the names of five digital assets he expects to include in a new U.S. strategic reserve of cryptocurrencies on Sunday, spiking the market value of each.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของสหราชอาณาจักร (ICO) ได้เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กในแพลตฟอร์ม TikTok, Reddit และ Imgur

    ICO กำลังตรวจสอบว่า TikTok ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุ 13-17 ปีในการแนะนำเนื้อหาในฟีดอย่างไร และตรวจสอบว่า Reddit และ Imgur ประเมินอายุของผู้ใช้เด็กอย่างไร การสอบสวนนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลว่าอัลกอริทึมที่ซับซ้อนของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอาจทำให้เด็กได้รับเนื้อหาที่เป็นอันตรายมากขึ้น

    หากพบว่ามีหลักฐานเพียงพอว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ละเมิดกฎหมาย ICO จะดำเนินการแจ้งเตือนและขอคำชี้แจงจากบริษัทก่อนที่จะสรุปผลการสอบสวน

    ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรได้ออกกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นอันตรายและไม่เหมาะสมตามอายุ โดยการบังคับใช้มาตรการตรวจสอบอายุและการกรองเนื้อหา

    เรื่องที่น่าสนใจคือ การที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องปรับปรุงอัลกอริทึมเพื่อกรองเนื้อหาที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงต่อเด็ก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของผู้ปกครองและสังคมเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กในโลกออนไลน์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/uk-launches-investigation-into-tiktok-reddit-over-children039s-personal-data-practices
    สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของสหราชอาณาจักร (ICO) ได้เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กในแพลตฟอร์ม TikTok, Reddit และ Imgur ICO กำลังตรวจสอบว่า TikTok ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุ 13-17 ปีในการแนะนำเนื้อหาในฟีดอย่างไร และตรวจสอบว่า Reddit และ Imgur ประเมินอายุของผู้ใช้เด็กอย่างไร การสอบสวนนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลว่าอัลกอริทึมที่ซับซ้อนของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอาจทำให้เด็กได้รับเนื้อหาที่เป็นอันตรายมากขึ้น หากพบว่ามีหลักฐานเพียงพอว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ละเมิดกฎหมาย ICO จะดำเนินการแจ้งเตือนและขอคำชี้แจงจากบริษัทก่อนที่จะสรุปผลการสอบสวน ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรได้ออกกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นอันตรายและไม่เหมาะสมตามอายุ โดยการบังคับใช้มาตรการตรวจสอบอายุและการกรองเนื้อหา เรื่องที่น่าสนใจคือ การที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องปรับปรุงอัลกอริทึมเพื่อกรองเนื้อหาที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงต่อเด็ก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของผู้ปกครองและสังคมเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กในโลกออนไลน์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/03/uk-launches-investigation-into-tiktok-reddit-over-children039s-personal-data-practices
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UK launches investigation into TikTok, Reddit over children's personal data practices
    (Reuters) - Britain's privacy watchdog, the Information Commissioner's Office, on Monday launched an investigation into how TikTok, Reddit and online image sharing website Imgur safeguard children's privacy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจจาก TechSpot เกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีเสียง AI แบบเรียลไทม์ในศูนย์บริการลูกค้าของอินเดีย เพื่อปรับเสียงสำเนียงของพนักงานให้เป็นสำเนียงที่ฟังง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ดีขึ้นและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

    Teleperformance SE ผู้ให้บริการศูนย์บริการลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังใช้งานระบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงสำเนียงของพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษในอินเดียแบบเรียลไทม์ บริษัทเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจของลูกค้าและลดเวลาการจัดการ

    เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้การรับรู้เสียงเพื่อจับเสียงของผู้พูด จากนั้นใช้ขั้นตอนการประมวลผลภาษาและการเปลี่ยนสำเนียงเพื่อให้เสียงตรงกับสำเนียงที่กำหนดไว้ ในขณะที่ยังคงรักษาน้ำเสียง อารมณ์ และตัวตนของผู้พูดไว้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบนี้ไม่เพียงแค่ปรับเสียงสำเนียงเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนในพื้นหลังเพื่อให้การสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น บริษัท Teleperformance มีลูกค้าหลายรายที่สำคัญ เช่น Apple, TikTok, และ Samsung Electronics และยังมีแผนลงทุนใน AI ถึง €100 ล้าน ($104 ล้าน) ในปี 2025

    บริษัท Sanas ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพใน Palo Alto ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้หลังจากได้รับการลงทุน $13 ล้านจาก Teleperformance เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเลือกปฏิบัติตามเสียงสำเนียง และในขณะเดียวกันยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับศูนย์บริการลูกค้าในที่อื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ที่ขึ้นชื่อด้วยการพูดภาษาอังกฤษคุณภาพสูง

    การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนใน AI ของ Teleperformance ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า แม้ว่า AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น แต่ Thomas Mackenbrock รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่าธาตุมนุษย์จะยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

    https://www.techspot.com/news/106983-new-ai-voice-technology-alters-accents-indian-call.html
    มีข่าวที่น่าสนใจจาก TechSpot เกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีเสียง AI แบบเรียลไทม์ในศูนย์บริการลูกค้าของอินเดีย เพื่อปรับเสียงสำเนียงของพนักงานให้เป็นสำเนียงที่ฟังง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ดีขึ้นและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า Teleperformance SE ผู้ให้บริการศูนย์บริการลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังใช้งานระบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงสำเนียงของพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษในอินเดียแบบเรียลไทม์ บริษัทเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจของลูกค้าและลดเวลาการจัดการ เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้การรับรู้เสียงเพื่อจับเสียงของผู้พูด จากนั้นใช้ขั้นตอนการประมวลผลภาษาและการเปลี่ยนสำเนียงเพื่อให้เสียงตรงกับสำเนียงที่กำหนดไว้ ในขณะที่ยังคงรักษาน้ำเสียง อารมณ์ และตัวตนของผู้พูดไว้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบนี้ไม่เพียงแค่ปรับเสียงสำเนียงเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนในพื้นหลังเพื่อให้การสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น บริษัท Teleperformance มีลูกค้าหลายรายที่สำคัญ เช่น Apple, TikTok, และ Samsung Electronics และยังมีแผนลงทุนใน AI ถึง €100 ล้าน ($104 ล้าน) ในปี 2025 บริษัท Sanas ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพใน Palo Alto ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้หลังจากได้รับการลงทุน $13 ล้านจาก Teleperformance เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเลือกปฏิบัติตามเสียงสำเนียง และในขณะเดียวกันยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับศูนย์บริการลูกค้าในที่อื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ที่ขึ้นชื่อด้วยการพูดภาษาอังกฤษคุณภาพสูง การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนใน AI ของ Teleperformance ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า แม้ว่า AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น แต่ Thomas Mackenbrock รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่าธาตุมนุษย์จะยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า https://www.techspot.com/news/106983-new-ai-voice-technology-alters-accents-indian-call.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Real-time AI voice technology alters accents in Indian call centers for better clarity
    Teleperformance SE, the world's largest call center operator, is implementing an artificial intelligence system designed to soften the accents of English-speaking Indian workers in real-time. The company...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Craig Barrett อดีต CEO ของ Intel ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานของบริษัท โดย Barrett ชี้ว่า Intel ไม่ควรแบ่งธุรกิจออกเป็นสองส่วน โดยเฉพาะในขณะที่บริษัทมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการตามทัน TSMC's N2 process node

    Barrett อธิบายในบทความที่เผยแพร่ใน Fortune ว่าสาเหตุที่ธุรกิจโรงงานของ Intel ล้มเหลวในอดีตนั้นไม่ได้เกิดจากการที่ลูกค้าไม่ไว้วางใจ แต่เพราะ Intel ขาดเทคโนโลยีที่จะสามารถแข่งขันกับ TSMC อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้ Intel มีความสำเร็จในกระบวนการเทคโนโลยี 18A ซึ่งทำให้ Barrett เชื่อว่าการแยกโรงงานออกจากธุรกิจหลักจะเป็นการก่อให้เกิดความซับซ้อนและปัญหามากขึ้น

    นอกจากนี้ Barrett ยังวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการของ Intel ว่าควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขายังเสนอว่าควรให้ Pat Gelsinger อดีต CEO ที่ถูกปลดออกกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมเพื่อสานต่อผลงานที่เขาทำไว้

    Gelsinger เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่นำ Intel ไปสู่ความสำเร็จทางเทคโนโลยีเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Barrett เชื่อว่าการบังคับให้ Gelsinger ออกจากตำแหน่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และแนะนำให้ปลดคณะกรรมการของ Intel แล้วให้ Gelsinger กลับมาดำเนินงานต่อไป

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/fire-the-intel-board-and-rehire-pat-gelsinger-argues-former-intel-ceo-craig-barrett
    Craig Barrett อดีต CEO ของ Intel ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานของบริษัท โดย Barrett ชี้ว่า Intel ไม่ควรแบ่งธุรกิจออกเป็นสองส่วน โดยเฉพาะในขณะที่บริษัทมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการตามทัน TSMC's N2 process node Barrett อธิบายในบทความที่เผยแพร่ใน Fortune ว่าสาเหตุที่ธุรกิจโรงงานของ Intel ล้มเหลวในอดีตนั้นไม่ได้เกิดจากการที่ลูกค้าไม่ไว้วางใจ แต่เพราะ Intel ขาดเทคโนโลยีที่จะสามารถแข่งขันกับ TSMC อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้ Intel มีความสำเร็จในกระบวนการเทคโนโลยี 18A ซึ่งทำให้ Barrett เชื่อว่าการแยกโรงงานออกจากธุรกิจหลักจะเป็นการก่อให้เกิดความซับซ้อนและปัญหามากขึ้น นอกจากนี้ Barrett ยังวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการของ Intel ว่าควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขายังเสนอว่าควรให้ Pat Gelsinger อดีต CEO ที่ถูกปลดออกกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมเพื่อสานต่อผลงานที่เขาทำไว้ Gelsinger เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่นำ Intel ไปสู่ความสำเร็จทางเทคโนโลยีเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Barrett เชื่อว่าการบังคับให้ Gelsinger ออกจากตำแหน่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และแนะนำให้ปลดคณะกรรมการของ Intel แล้วให้ Gelsinger กลับมาดำเนินงานต่อไป https://www.tomshardware.com/tech-industry/fire-the-intel-board-and-rehire-pat-gelsinger-argues-former-intel-ceo-craig-barrett
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร

    โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา

    การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Next-gen Snapdragon X2 chips for PCs to boost core count from 12 to 18, says report
    And the first 'Oryon v3' chip may be the previously flagged SC8480XP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ ยืนยันพร้อมลาออกเพื่อแลกกับการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน แต่การจะลาออกเพื่อจัดการเลือกตั้งยังไม่เพียงพอ จะต้องมีการเจรจากันเพื่อบรรลุเป้าหมายเสียก่อน
    เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ ยืนยันพร้อมลาออกเพื่อแลกกับการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน แต่การจะลาออกเพื่อจัดการเลือกตั้งยังไม่เพียงพอ จะต้องมีการเจรจากันเพื่อบรรลุเป้าหมายเสียก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nokia และ NASA ร่วมมือกันในการปฏิวัติการสำรวจดวงจันทร์ด้วยการเปิดตัวเครือข่ายมือถือ 4G ครั้งแรกบนดวงจันทร์

    ย้อนกลับไปในอดีต Nokia เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดมือถือ แต่จากการแข่งขันและความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค Nokia จึงได้เปลี่ยนตัวเองมาเน้นที่การเป็นผู้นำทางด้านการเชื่อมต่อทั่วโลก และในครั้งนี้บริษัทกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยการเป็นบริษัทแรกที่นำเทคโนโลยี 4G ไปติดตั้งบนดวงจันทร์

    เครือข่าย 4G LTE ของ Nokia จะถูกนำไปใช้ในภารกิจ IM-2 ของ NASA ซึ่งเป็นภารกิจที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นฐานสำหรับการสำรวจอวกาศในอนาคตและการติดต่อสื่อสารแบบเรียลไทม์ การติดตั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับภารกิจของ NASA ในการสร้างความมั่นคงของมนุษย์บนดวงจันทร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Artemis

    เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการสื่อสารสำหรับภารกิจอวกาศในอนาคตและสร้างพื้นฐานสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างดาวเคราะห์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ข้อมูลสามารถถูกส่งผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ยานลงจอด Athena ของ Intuitive Machines ซึ่งนำเครือข่ายของ Nokia ขึ้นไปได้ถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และกำลังมุ่งหน้าไปยังขั้วใต้ของดวงจันทร์โดยมีกำหนดจะลงจอดในวันที่ 6 มีนาคม 2025 เมื่อยานลงจอดสำเร็จ Nokia จะทำการเปิดใช้งานระบบสื่อสารบนพื้นผิวดวงจันทร์เพื่อเริ่มต้นเครือข่าย 4G/LTE ซึ่งจะช่วยสร้างช่องทางการสื่อสารที่เสถียร

    เครือข่ายนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างเครือข่ายการสื่อสารบนดวงจันทร์ โดยยาน Athena จะเชื่อมต่อกับยานหุ่นยนต์สองตัวคือ MAPP Rover และ Micro Nova Hopper Drone ซึ่งจะช่วยรักษาการเชื่อมต่อเครือข่ายให้เสถียร

    แนวทางของ Nokia ในการนำเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือมาใช้ในการสำรวจอวกาศเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและจะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับบริษัท

    https://wccftech.com/nokia-and-nasa-are-revolutionizing-lunar-exploration-with-the-launch-of-the-first-mobile-network-on-the-moon/
    Nokia และ NASA ร่วมมือกันในการปฏิวัติการสำรวจดวงจันทร์ด้วยการเปิดตัวเครือข่ายมือถือ 4G ครั้งแรกบนดวงจันทร์ ย้อนกลับไปในอดีต Nokia เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดมือถือ แต่จากการแข่งขันและความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค Nokia จึงได้เปลี่ยนตัวเองมาเน้นที่การเป็นผู้นำทางด้านการเชื่อมต่อทั่วโลก และในครั้งนี้บริษัทกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยการเป็นบริษัทแรกที่นำเทคโนโลยี 4G ไปติดตั้งบนดวงจันทร์ เครือข่าย 4G LTE ของ Nokia จะถูกนำไปใช้ในภารกิจ IM-2 ของ NASA ซึ่งเป็นภารกิจที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นฐานสำหรับการสำรวจอวกาศในอนาคตและการติดต่อสื่อสารแบบเรียลไทม์ การติดตั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับภารกิจของ NASA ในการสร้างความมั่นคงของมนุษย์บนดวงจันทร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Artemis เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการสื่อสารสำหรับภารกิจอวกาศในอนาคตและสร้างพื้นฐานสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างดาวเคราะห์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ข้อมูลสามารถถูกส่งผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยานลงจอด Athena ของ Intuitive Machines ซึ่งนำเครือข่ายของ Nokia ขึ้นไปได้ถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และกำลังมุ่งหน้าไปยังขั้วใต้ของดวงจันทร์โดยมีกำหนดจะลงจอดในวันที่ 6 มีนาคม 2025 เมื่อยานลงจอดสำเร็จ Nokia จะทำการเปิดใช้งานระบบสื่อสารบนพื้นผิวดวงจันทร์เพื่อเริ่มต้นเครือข่าย 4G/LTE ซึ่งจะช่วยสร้างช่องทางการสื่อสารที่เสถียร เครือข่ายนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างเครือข่ายการสื่อสารบนดวงจันทร์ โดยยาน Athena จะเชื่อมต่อกับยานหุ่นยนต์สองตัวคือ MAPP Rover และ Micro Nova Hopper Drone ซึ่งจะช่วยรักษาการเชื่อมต่อเครือข่ายให้เสถียร แนวทางของ Nokia ในการนำเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือมาใช้ในการสำรวจอวกาศเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและจะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับบริษัท https://wccftech.com/nokia-and-nasa-are-revolutionizing-lunar-exploration-with-the-launch-of-the-first-mobile-network-on-the-moon/
    WCCFTECH.COM
    Nokia And NASA Are Revolutionizing Lunar Exploration With The Launch Of The First Mobile Network On The Moon
    Nokia is deploying its 4G/LTE network on the moon and would be the first network to offer lunar communication system
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • The diorama landscape artwork piece reference to the Milan Cathedral (Duomo di Milano), Italy.
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The diorama landscape artwork piece reference to the Milan Cathedral (Duomo di Milano), Italy. #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/UnMK7GV-aJI?si=nwD6sipYDMDq51Jp
    https://www.youtube.com/live/UnMK7GV-aJI?si=nwD6sipYDMDq51Jp
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ
    .
    ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว
    .
    ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น
    .
    ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง
    .
    ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ
    .
    สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
    .
    นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35
    ...........
    Sondhi X
    เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ . ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว . ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น . ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง . ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ . สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ . นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35 ........... Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชักแม่น้ำแจงเศรษฐกิจไม่โต 'แพทองธาร' อ้างลงทุนน้อย วอนขอความเชื่อมั่น
    .
    ณ จุดนี้ต้องบอกว่าปัจจัยแวดล้อมดูจะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัว 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี เท่าใดนัก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ประกาศออกมาไม่ได้เป็นไปอย่างที่รัฐบาลตั้งความหวังเอาไว้ จึงส่งผลต่อมายังตลาดหุ้นของไทยที่ตัวเลขแดงกันเกือบทั้งกระดาน
    .
    ในเรื่องนี้ แพทองธาร อธิบายผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” #EmpoweringThais ตอนหนึ่งว่า อยากพูดเรื่องของเศรษฐกิจมีตัวเลขจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ซึ่งมีหลายฝ่ายรู้สึกกังวลว่าเศรษฐกิจของเราไม่โต และรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน ซึ่งความจริงแล้วเศรษฐกิจภาพใหญ่ไตรมาส4 ปี 2567 จีดีพีเราขึ้น 3.2% รวมทั้งหมด ทั้งปีจีดีพีขึ้นอยู่ที่ 2.5% แค่ไตรมาส 4 อย่างเดียวขึ้นพอสมควร เกิดจากนโยบายฟรีวีซ่า การลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)
    .
    "แต่มีคำถามว่าทำไมประเทศของเราจีดีพีขึ้นน้อย รั้งท้ายอาเซียน เพราะความจริง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราไม่ค่อยมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ หากเราไม่ทำให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า เราจะตามคนอื่นไม่ทัน ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องดันจีดีพีประเทศไทยขึ้นด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนดันต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย" นายกฯ ระบุ
    .
    "ก็ขอกำลังใจเยอะๆบางทีก็มีท้อบ้าง แต่ว่าไม่ท้อนานแน่นอน สู้ค่ะ ประเทศยังต้องการพัฒนา การผลักดันอีกเยอะ คนยังต้องการการสนับสนุนอีกเยอะ ดิฉันเองวันนี้ที่มีโอกาสเป็นนายกฯทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด เพราะฉะนั้นปีแห่งโอกาส ทุกคนต้องมีความหวังและต้องได้รับโอกาสแน่นอน”
    .
    ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “6 เดือน รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” จำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วย โดยเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ร้อยละ 34.58 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 12.82 ระบุว่า พอใจมาก
    .
    ส่วนความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.28 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 13.36 ระบุว่า พอใจมาก
    .............
    Sondhi X
    ชักแม่น้ำแจงเศรษฐกิจไม่โต 'แพทองธาร' อ้างลงทุนน้อย วอนขอความเชื่อมั่น . ณ จุดนี้ต้องบอกว่าปัจจัยแวดล้อมดูจะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัว 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี เท่าใดนัก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ประกาศออกมาไม่ได้เป็นไปอย่างที่รัฐบาลตั้งความหวังเอาไว้ จึงส่งผลต่อมายังตลาดหุ้นของไทยที่ตัวเลขแดงกันเกือบทั้งกระดาน . ในเรื่องนี้ แพทองธาร อธิบายผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” #EmpoweringThais ตอนหนึ่งว่า อยากพูดเรื่องของเศรษฐกิจมีตัวเลขจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ซึ่งมีหลายฝ่ายรู้สึกกังวลว่าเศรษฐกิจของเราไม่โต และรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน ซึ่งความจริงแล้วเศรษฐกิจภาพใหญ่ไตรมาส4 ปี 2567 จีดีพีเราขึ้น 3.2% รวมทั้งหมด ทั้งปีจีดีพีขึ้นอยู่ที่ 2.5% แค่ไตรมาส 4 อย่างเดียวขึ้นพอสมควร เกิดจากนโยบายฟรีวีซ่า การลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) . "แต่มีคำถามว่าทำไมประเทศของเราจีดีพีขึ้นน้อย รั้งท้ายอาเซียน เพราะความจริง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราไม่ค่อยมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ หากเราไม่ทำให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า เราจะตามคนอื่นไม่ทัน ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องดันจีดีพีประเทศไทยขึ้นด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนดันต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย" นายกฯ ระบุ . "ก็ขอกำลังใจเยอะๆบางทีก็มีท้อบ้าง แต่ว่าไม่ท้อนานแน่นอน สู้ค่ะ ประเทศยังต้องการพัฒนา การผลักดันอีกเยอะ คนยังต้องการการสนับสนุนอีกเยอะ ดิฉันเองวันนี้ที่มีโอกาสเป็นนายกฯทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด เพราะฉะนั้นปีแห่งโอกาส ทุกคนต้องมีความหวังและต้องได้รับโอกาสแน่นอน” . ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “6 เดือน รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” จำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วย โดยเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ร้อยละ 34.58 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 12.82 ระบุว่า พอใจมาก . ส่วนความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.28 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 13.36 ระบุว่า พอใจมาก ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • นำสื่อไทยไปจีน ติดตามชีวิต"อุยกูร์" : [NEWS UPDATE]

    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะทำงานภารกิจ "11 ปีที่เป็นไปได้ในการกลับสู่บ้านเกิด" ได้จัดทำคลิปวิดีโอความยาว 1.52 นาที เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอน วิธีการทำงาน และผลของการส่งชาวอุยกูร์กลับสู่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย
    โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้หารือกับคณะทำงานกำหนดวันและเวลาเดินทางไปประเทศจีน มณฑลซินเจียง เพื่อติดตามตรวจสอบ ความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับบ้านเกิด ตามที่รัฐบาลจีนได้ให้พันธสัญญาไว้กับไทย ภายใน 15-30 วันนับจากนี้ และประสานงานเพื่อนำสื่อมวลชนไทยร่วมสังเกตการณ์ด้วย


    ซัดประเทศใหญ่ใส่ร้าย

    คำ"โจรกระจอก"จุดไฟใต้

    หนุนงบรับ-ส่งผู้ป่วย

    ทนร้อนไปก่อน
    นำสื่อไทยไปจีน ติดตามชีวิต"อุยกูร์" : [NEWS UPDATE] นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะทำงานภารกิจ "11 ปีที่เป็นไปได้ในการกลับสู่บ้านเกิด" ได้จัดทำคลิปวิดีโอความยาว 1.52 นาที เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอน วิธีการทำงาน และผลของการส่งชาวอุยกูร์กลับสู่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้หารือกับคณะทำงานกำหนดวันและเวลาเดินทางไปประเทศจีน มณฑลซินเจียง เพื่อติดตามตรวจสอบ ความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับบ้านเกิด ตามที่รัฐบาลจีนได้ให้พันธสัญญาไว้กับไทย ภายใน 15-30 วันนับจากนี้ และประสานงานเพื่อนำสื่อมวลชนไทยร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซัดประเทศใหญ่ใส่ร้าย คำ"โจรกระจอก"จุดไฟใต้ หนุนงบรับ-ส่งผู้ป่วย ทนร้อนไปก่อน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 38 0 รีวิว
  • สวัสดียามเช้าๆสายๆครับ แต่ผมตื่นได้ถูกจังหวะแล้ว แต่ก็ได้คิดอะไรใหม่ๆได้สบายๆไม่ต้องเครียดเยอะ เช้านี้ก็กินนมตามโปรแกรมที่ผมตั้งไว้แล้ว แต่กินน้ำมะเขือเทศดอยคำเหมือนเดิม ส่วนวิตามินซีขวดผมคงต้องลาขาดแล้วเพราะอาหารจานหลักกินมื้อเดียวก็สบายท้องตลอดทั้งวันแล้ว ส่วนกาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Booster) ก็ต้องลาขาดไปก่อนนะเพราะอาหารการกินจานหลักโภชนาการหลักนั้นสำคัญยิ่ง แต่งานผมคงต้องทำต่อ แต่ทำแบบว่า สบายๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดเยอะ ค่อยๆทำ เพื่ออนาคตอย่างกับช้าๆได้พร้าเล่มงาม ไม่มีอะไรได้มาเร็วๆและฟรีๆและโชคดีขนาดนั้น ถ้าอยากโชคดีกว่านี้ ต้องคิด วางแผผนและขยันให้มากและล้ำลึกกว่านี้ ไม่ใช่เอาเงินไปลงให้การหวนการพนัน ผมไม่เล่นการพนัน แต่ขอพูดบ้าง ติดเกมส์ดีกว่าติดพนัน ติดเกมส์อย่างน้อยได้หัวความคิดสร้างสรรค์อยากสร้างเกมส์สร้างคอนเทนต์สร้างรายได้กำไรอย่างงาม
    สวัสดียามเช้าๆสายๆครับ แต่ผมตื่นได้ถูกจังหวะแล้ว แต่ก็ได้คิดอะไรใหม่ๆได้สบายๆไม่ต้องเครียดเยอะ เช้านี้ก็กินนมตามโปรแกรมที่ผมตั้งไว้แล้ว แต่กินน้ำมะเขือเทศดอยคำเหมือนเดิม ส่วนวิตามินซีขวดผมคงต้องลาขาดแล้วเพราะอาหารจานหลักกินมื้อเดียวก็สบายท้องตลอดทั้งวันแล้ว ส่วนกาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Booster) ก็ต้องลาขาดไปก่อนนะเพราะอาหารการกินจานหลักโภชนาการหลักนั้นสำคัญยิ่ง แต่งานผมคงต้องทำต่อ แต่ทำแบบว่า สบายๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดเยอะ ค่อยๆทำ เพื่ออนาคตอย่างกับช้าๆได้พร้าเล่มงาม ไม่มีอะไรได้มาเร็วๆและฟรีๆและโชคดีขนาดนั้น ถ้าอยากโชคดีกว่านี้ ต้องคิด วางแผผนและขยันให้มากและล้ำลึกกว่านี้ ไม่ใช่เอาเงินไปลงให้การหวนการพนัน ผมไม่เล่นการพนัน แต่ขอพูดบ้าง ติดเกมส์ดีกว่าติดพนัน ติดเกมส์อย่างน้อยได้หัวความคิดสร้างสรรค์อยากสร้างเกมส์สร้างคอนเทนต์สร้างรายได้กำไรอย่างงาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้ตอบโต้วุฒิสมาชิกลินด์เซย์ เกรแฮม หลังจากเขาออกมาเรียกร้องให้เซเลนสกีลาออกจากตำแหน่ง จากเหตุการโต้เถียงในทำเนียบขาว ซึ่งเกรแฮมมองว่าพฤติกรรมของเซเลนสกีไม่ให้เกียรติทรัมป์

    เซเลนสกี้กล่าวว่าหากวุฒิสมาชิกเกรแฮมต้องการให้เขาลาออก เขาสามารถย้ายไปยูเครนและขอสัญชาติได้ เพื่อให้เสียงของเขามี "น้ำหนัก" ในฐานะชาวยูเครน

    ผู้สื่อข่าว: "วุฒิสมาชิกลินด์เซย์ เกรแฮมกล่าวว่าบางทีคุณควรพิจารณาลาออก..."

    เซเลนสกี้: "ผมให้สัญชาติยูเครนกับเขาได้ เขาจะกลายเป็นพลเมืองของประเทศเรา จากนั้นเสียงของเขาจะมีน้ำหนักมากขึ้น"

    "และผมจะฟังเขาในฐานะพลเมืองของยูเครนในหัวข้อว่าใครควรเป็นประธานาธิบดี"

    ทางด้านวุฒิสมาชิกเกรแฮม ก็ตอบโต้กลับเซเลนสกีทันที โดยโพสต์บน "X" ว่า ในยูเครนไม่มีประชาชนไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งบ่งบอกว่ายูเครนเหมือนเผด็จการ ตามที่ทรัมป์เคยกล่าวหาเซเลนสกีไว้ก่อนหน้านี้

    ก่อนหน้านี้วุฒิสมาชิกเกรแฮมเดินทางมายูเครนบ่อยครั้ง เพื่อแสดงการสนับสนุนเซเลนสกีในการทำสงครามกับรัสเซียต่อไป
    เซเลนสกี้ตอบโต้วุฒิสมาชิกลินด์เซย์ เกรแฮม หลังจากเขาออกมาเรียกร้องให้เซเลนสกีลาออกจากตำแหน่ง จากเหตุการโต้เถียงในทำเนียบขาว ซึ่งเกรแฮมมองว่าพฤติกรรมของเซเลนสกีไม่ให้เกียรติทรัมป์ เซเลนสกี้กล่าวว่าหากวุฒิสมาชิกเกรแฮมต้องการให้เขาลาออก เขาสามารถย้ายไปยูเครนและขอสัญชาติได้ เพื่อให้เสียงของเขามี "น้ำหนัก" ในฐานะชาวยูเครน ผู้สื่อข่าว: "วุฒิสมาชิกลินด์เซย์ เกรแฮมกล่าวว่าบางทีคุณควรพิจารณาลาออก..." เซเลนสกี้: "ผมให้สัญชาติยูเครนกับเขาได้ เขาจะกลายเป็นพลเมืองของประเทศเรา จากนั้นเสียงของเขาจะมีน้ำหนักมากขึ้น" "และผมจะฟังเขาในฐานะพลเมืองของยูเครนในหัวข้อว่าใครควรเป็นประธานาธิบดี" ทางด้านวุฒิสมาชิกเกรแฮม ก็ตอบโต้กลับเซเลนสกีทันที โดยโพสต์บน "X" ว่า ในยูเครนไม่มีประชาชนไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งบ่งบอกว่ายูเครนเหมือนเผด็จการ ตามที่ทรัมป์เคยกล่าวหาเซเลนสกีไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้วุฒิสมาชิกเกรแฮมเดินทางมายูเครนบ่อยครั้ง เพื่อแสดงการสนับสนุนเซเลนสกีในการทำสงครามกับรัสเซียต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ราชทัณฑ์" โต้ จดหมายทำขึ้นมา ไม่ใช่จาก "ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์" ยืนยันเป็นของปลอม
    https://www.thai-tai.tv/news/17453/
    "ราชทัณฑ์" โต้ จดหมายทำขึ้นมา ไม่ใช่จาก "ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์" ยืนยันเป็นของปลอม https://www.thai-tai.tv/news/17453/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” บอกซักฟอกคนเดียวจะใช้สักกี่วัน ลั่นไม่คิดปิดปาก อย่าพูดไปเรื่อย
    https://www.thai-tai.tv/news/17454/
    “ภูมิธรรม” บอกซักฟอกคนเดียวจะใช้สักกี่วัน ลั่นไม่คิดปิดปาก อย่าพูดไปเรื่อย https://www.thai-tai.tv/news/17454/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน...
    ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้”
    หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน...
    ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที...
    ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา...
    และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น...
    คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
    ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS”
    อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล...
    ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!!
    และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน... ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน... ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที... ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา... และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น... คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS” อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล... ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!! และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิตามินซีที่ดีคืออะไร
    https://youtu.be/pY0NqyBd8Pc?si=m4g71W3ftj_KigkJ
    #แคลเซียม #วิตามินซี
    วิตามินซีที่ดีคืออะไร https://youtu.be/pY0NqyBd8Pc?si=m4g71W3ftj_KigkJ #แคลเซียม #วิตามินซี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มีใครประณามหรือยัง!?!" "มีใครเห็นผู้นำยุโรปหรืออเมริกาคนใดพูดถึงเรื่องนี้ หรือสื่อตะวันตกนำเสนอข่าวนี้หรือยัง!?!"

    เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศปิดล้อมกาซาเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ โดยอ้างว่าฮามาสไม่ยอมรับการขยายเวลาหยุดยิงในเฟสที่หนึ่งออกไปอีก 50 วัน นอกจากนี้ยังกล่าวหาฮามาสว่าแอบกักตุนความช่วยเหลือไว้แค่สมาชิกพวกเขา โดยไม่แบ่งปันให้ประชาชน

    “อิสราเอลตัดสินใจยุติการอนุญาตส่งความช่วยเหลือและเสบียงเข้าไปในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 42 วันที่ผ่านมา เราต้องทำเช่นนั้นเพราะฮามาสขโมยเสบียง โดยที่ชาวฉนวนกาซาไม่ได้รับเสบียงเหล่านั้น ฮามาสใช้เสบียงเหล่านี้เพื่อระดมทุนให้กับเครื่องจักรก่อการร้ายที่มุ่งเป้าไปที่อิสราเอลและพลเรือนของเราโดยตรง ซึ่งเราไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้”

    "อิสราเอลยอมรับแผนของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะขยายเวลาหยุดยิงชั่วคราวออกไปอีก 50 วัน ในช่วงเวลาดังกล่าว เราจะหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขสำหรับการหยุดยิงถาวรที่จะยุติสงครามในฉนวนกาซาได้

    ตามแผนของวิทคอฟฟ์ (ตัวแทนของทรัมป์) ตัวประกันครึ่งหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวทันที และอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจะได้รับการปล่อยตัวหากเราบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวร

    อิสราเอลยอมรับแผนนี้ แต่ฮามาสปฏิเสธ และยืนยันข้อตกลงเดิม เพื่อการหยุดยิงถาวรซึ่งเราไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง"

    "เราจะมีปฏิบัติการเพิ่มเติม หากฮามาสยังคงจับตัวประกันของเราต่อไป และอิสราเอลทราบดีว่าอเมริกาและประธานาธิบดีทรัมป์จะสนับสนุนเราตลอด ขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์!"

    ทางด้านรองประธานรัฐสภาอิสราเอลและสมาชิกชั้นนำของพรรคของเนทันยาฮู ออกมาเรียกร้องให้ทิ้งระเบิดลงไปที่คลังเสบียงในกาซาทันที หลังการประกาศของเนทันยาฮู

    "มีใครประณามหรือยัง!?!" "มีใครเห็นผู้นำยุโรปหรืออเมริกาคนใดพูดถึงเรื่องนี้ หรือสื่อตะวันตกนำเสนอข่าวนี้หรือยัง!?!" เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศปิดล้อมกาซาเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ โดยอ้างว่าฮามาสไม่ยอมรับการขยายเวลาหยุดยิงในเฟสที่หนึ่งออกไปอีก 50 วัน นอกจากนี้ยังกล่าวหาฮามาสว่าแอบกักตุนความช่วยเหลือไว้แค่สมาชิกพวกเขา โดยไม่แบ่งปันให้ประชาชน “อิสราเอลตัดสินใจยุติการอนุญาตส่งความช่วยเหลือและเสบียงเข้าไปในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 42 วันที่ผ่านมา เราต้องทำเช่นนั้นเพราะฮามาสขโมยเสบียง โดยที่ชาวฉนวนกาซาไม่ได้รับเสบียงเหล่านั้น ฮามาสใช้เสบียงเหล่านี้เพื่อระดมทุนให้กับเครื่องจักรก่อการร้ายที่มุ่งเป้าไปที่อิสราเอลและพลเรือนของเราโดยตรง ซึ่งเราไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้” "อิสราเอลยอมรับแผนของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะขยายเวลาหยุดยิงชั่วคราวออกไปอีก 50 วัน ในช่วงเวลาดังกล่าว เราจะหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขสำหรับการหยุดยิงถาวรที่จะยุติสงครามในฉนวนกาซาได้ ตามแผนของวิทคอฟฟ์ (ตัวแทนของทรัมป์) ตัวประกันครึ่งหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวทันที และอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจะได้รับการปล่อยตัวหากเราบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวร อิสราเอลยอมรับแผนนี้ แต่ฮามาสปฏิเสธ และยืนยันข้อตกลงเดิม เพื่อการหยุดยิงถาวรซึ่งเราไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง" "เราจะมีปฏิบัติการเพิ่มเติม หากฮามาสยังคงจับตัวประกันของเราต่อไป และอิสราเอลทราบดีว่าอเมริกาและประธานาธิบดีทรัมป์จะสนับสนุนเราตลอด ขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์!" ทางด้านรองประธานรัฐสภาอิสราเอลและสมาชิกชั้นนำของพรรคของเนทันยาฮู ออกมาเรียกร้องให้ทิ้งระเบิดลงไปที่คลังเสบียงในกาซาทันที หลังการประกาศของเนทันยาฮู
    Sad
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขมิ้นชันเป็นสุดยอดสมุนไพรที่ดีมาก
    ถ้าเราได้กินขมิ้นชัน DG ที่มีการละลายน้ำได้มากถึง 40,000 เท่าจะดีขนาดไหน
    https://www.youtube.com/watch?v=ROsI_VDmeYc
    #ขมิ้นชันdg #ขมิ้นชันดรออย
    ขมิ้นชันเป็นสุดยอดสมุนไพรที่ดีมาก ถ้าเราได้กินขมิ้นชัน DG ที่มีการละลายน้ำได้มากถึง 40,000 เท่าจะดีขนาดไหน https://www.youtube.com/watch?v=ROsI_VDmeYc #ขมิ้นชันdg #ขมิ้นชันดรออย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว