• 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • คำถามว่า "รักแท้หรือรักเทียม? " เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยและอยากหาคำตอบให้กับตนเอง ความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้สามารถสังเกตได้จากความยั่งยืนของความรู้สึก และจากวิธีที่เราปฏิบัติต่อกันในระยะยาวในความสัมพันธ์ที่มั่นคงและแท้จริง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่ความพิศวาสที่ผ่านไปชั่วขณะ หรือความรู้สึกวูบๆ วาบๆ แต่เป็นความรู้สึกที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เป็นความสัมพันธ์ที่ยังคงอยู่แม้ในวันที่เราไม่ได้พบกันบ่อยหรือไม่มีเหตุปัจจัยภายนอกมารองรับ หากคนรักของเราสามารถเข้ากับครอบครัวได้อย่างเป็นธรรมชาติและทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าความสัมพันธ์นี้อาจเป็นรักแท้ รักแท้จึงไม่ใช่เพียงแค่ความพิเศษเฉพาะคนสองคน แต่คือการสร้างความอบอุ่นและผูกพันที่มั่นคง เหมือนที่เราอยากมาพึ่งพิงครอบครัวยามเหนื่อยล้าและอยากหาความสบายใจจากคนที่รักและเข้าใจเราอย่างแท้จริงท้ายที่สุด รักแท้ไม่ใช่สิ่งที่เราจะหามาด้วยความรู้สึกชั่ววูบ แต่เป็นสิ่งที่เราจะเห็นได้จากความเป็นคนในครอบครัว ที่มาจากความเข้าใจและถนอมน้ำใจกันแม้ในวันที่ทุกอย่างไม่ง่าย ความยั่งยืนของรักแท้คือการรู้จักสร้างและดูแลความสัมพันธ์ให้คงทนด้วยความจริงใจและการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
    คำถามว่า "รักแท้หรือรักเทียม? " เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยและอยากหาคำตอบให้กับตนเอง ความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้สามารถสังเกตได้จากความยั่งยืนของความรู้สึก และจากวิธีที่เราปฏิบัติต่อกันในระยะยาวในความสัมพันธ์ที่มั่นคงและแท้จริง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่ความพิศวาสที่ผ่านไปชั่วขณะ หรือความรู้สึกวูบๆ วาบๆ แต่เป็นความรู้สึกที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เป็นความสัมพันธ์ที่ยังคงอยู่แม้ในวันที่เราไม่ได้พบกันบ่อยหรือไม่มีเหตุปัจจัยภายนอกมารองรับ หากคนรักของเราสามารถเข้ากับครอบครัวได้อย่างเป็นธรรมชาติและทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าความสัมพันธ์นี้อาจเป็นรักแท้ รักแท้จึงไม่ใช่เพียงแค่ความพิเศษเฉพาะคนสองคน แต่คือการสร้างความอบอุ่นและผูกพันที่มั่นคง เหมือนที่เราอยากมาพึ่งพิงครอบครัวยามเหนื่อยล้าและอยากหาความสบายใจจากคนที่รักและเข้าใจเราอย่างแท้จริงท้ายที่สุด รักแท้ไม่ใช่สิ่งที่เราจะหามาด้วยความรู้สึกชั่ววูบ แต่เป็นสิ่งที่เราจะเห็นได้จากความเป็นคนในครอบครัว ที่มาจากความเข้าใจและถนอมน้ำใจกันแม้ในวันที่ทุกอย่างไม่ง่าย ความยั่งยืนของรักแท้คือการรู้จักสร้างและดูแลความสัมพันธ์ให้คงทนด้วยความจริงใจและการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ
    .
    ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง"
    .
    ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม
    .
    ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้
    .
    "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้"
    .
    ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค
    .
    ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ"
    .
    ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
    .
    รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน
    .
    มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาผู้นำประเทศต่างๆจำเป็นต้องตระหนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "จริงจังอย่างมาก" เกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งยูเครน จากความเห็นของ อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า ทรัมป์ จะแต่งตั้งทูตพิเศษสำหรับเป็นผู้นำในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน หลังจากเขาเคยประกาศระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าจะยุติสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟภายใน 24 ชั่วโมง ที่กลับเข้าสู่อำนาจ . ประธานาธิบดีโปแลนด์ ทำนายเหมือนกับหลายคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ หลังจากได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(11พ.ย.) ทั้งนี้ สตับบ์ ชี้แนะว่าบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ ควรอำนวยความสะดวกแก่การเจรจา ก่อน ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . "ผมคิดว่า เราในยุโรปและทั่วทั้งโลก จำเป็นต้องเข้าใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงจังอย่างมากเกี่ยวกับการได้ข้อตกลงสันติภาพ โดยไม่ชักช้าเกินไป" เขากล่าวในวันอังคาร(12พ.ย.) รอบนอกการประชุมภาวะโลกร้อนในอาเซอร์ไบจาน "ตัวผมเองเคยบอกว่า มันมีประตูแห่งโอกาสของการเจรจานี้ ในระหว่างศึกเลือกตั้งและวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง" . ที่ผ่านมา สตับบ์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ส่งเสียงสนับสนุนเหตุผลของยูเครนอย่างแข็งขัน และเมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่า ทรัมป์ จะได้ข้อตกลงที่ยุติธรรมสำหรับยูเครน ทาง สตับบ์ เน้นย้ำว่าในความคิดเห็นของเขา ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับยูเครน คือยูเครนได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ รัสเซีย เรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง . ทรัมป์ กล่าวอ้างระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเขาจะยุติความขัดแย้งภายใน 24 ชั่วโมง หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเลือกเขากลับเข้าสู่อำนาจ ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการ แต่สื่อมวลชนบ่งชี้ว่าบางที ทรัมป์อาจถาโถมแรงกดดันใส่ทั้งมอสโกและเคียฟ เพื่อบีบให้ยอมประนีประนอม . ความเห็นของผู้นำโปแลนด์ มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์รายงานในวันพุธ(13พ.ย.) ว่า ทรัมป์ เตรียมแต่งตั้งทูตพิเศษที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเผยว่าเขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอนาคตอันใกล้ . "คุณกำลังได้เห็นทูตพิเศษระดับอาวุโสมากๆ บางคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ผู้ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้หนทางออกหนึ่งๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างสันติ" แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ พร้อมระบุว่า "คุณกำลังจะได้เห็นสิ่งนี้ ในอนาคตอันใกล้" . ราว 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เขาคว้าชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เปิดเผยรายชื่อบุคคลต่างๆเป็นชุดๆ ที่เขามีความตั้งใจเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ในนั้นรวมถึงกรณีที่เขาเปิดเผยว่าจะแต่งตั้ง สตีเฟน วิตคอฟฟ์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลาง โดยบอกว่า วิตคอฟฟ์ จะส่งเสียงเรียกร้องแบบไม่หยุดสำหรับร้องหาสันติภาพในภูมิภาค . ทรัมป์ พูดคุยกับ เซเลนสกี ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และบอกกับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าเขาอยากพูดคุยกับปูตินในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ปูติน แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(7พ.ย.) และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาพร้อมหารือกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ . อย่างไรก็ตามวังเครมลินปฏิเสธซ้ำๆเกี่ยวกับคำพูดอวดอ้างว่า ทรัมป์ จะสามารถยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างง่ายดาย แม้ ปูติน ชี้ว่าถ้อยแถลงของทรัมป์ในเรื่องนี้ "อย่างน้อยๆ ก็คู่ควรได้รับความสนใจ" . ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์ จะผลักดันทางออกใดในความขัดแย้งนี้ ระหว่างการหาเสียง ว่าที่รองประธานาธิบดีเจ.ดี.แวนซ์ บ่งชี้ว่าอาจมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงและจัดตั้งเขตปลอดทหารหนึ่งๆตามแนวหน้าในปัจจุบัน พร้อมกับไม่ไฟเขียวให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต . รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์ สนับสนุนแนวคิดบางส่วนของแผนนี้ และสนับสนุนให้ว่าที่ประธานาธิบดีนำเสนอมันกับทั้งเซเลนสกีและปูติน . มอสโก ยืนกรานว่าทางออกใดๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการที่ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหารและยอมรับ "ความเป็นจริงด้านดินแดน" ที่ว่าพวกเขาไม่มีวันทวงคืนแคว้นต่างๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียได้อีกแล้ว ในนั้นประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์, แคว้นลูฮันสก์, แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริซเซีย รวมไปถึงแคว้นไครเมีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109496 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 529 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงินบทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณคลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงินบทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณคลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483
    Like
    Sad
    9
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันสิ่งที่อิสราเอลกระทำบนดินแดนกาซาล้วนถูกต้องเหมาะสม!!

    “เราได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าโศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมจะไม่เกิดขึ้นอีก เพื่อทำเช่นนี้ จำเป็นต้องโจมตีกองกำลังฮามาสและผู้นำขบวนการที่รับผิดชอบต่อการโจมตีในเดือนตุลาคม เป้าหมายทั้งสองประการนี้บรรลุผลแล้ว” บลิงเคนกล่าว

    ทางด้าน "เวแดนต์ ปาเทล" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการที่อิสราเอลได้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของสหรัฐแล้วหรือยังในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม ว่า "แม้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมโดยรวมในกาซายังไม่น่าพอใจ แต่ตามบริบทของเหตุการณ์ อเมริกามองว่า อิสราเอลดำเนินการมาถูกทางแล้ว จึงไม่ถือว่ามีการละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด"
    แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันสิ่งที่อิสราเอลกระทำบนดินแดนกาซาล้วนถูกต้องเหมาะสม!! “เราได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าโศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมจะไม่เกิดขึ้นอีก เพื่อทำเช่นนี้ จำเป็นต้องโจมตีกองกำลังฮามาสและผู้นำขบวนการที่รับผิดชอบต่อการโจมตีในเดือนตุลาคม เป้าหมายทั้งสองประการนี้บรรลุผลแล้ว” บลิงเคนกล่าว ทางด้าน "เวแดนต์ ปาเทล" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการที่อิสราเอลได้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของสหรัฐแล้วหรือยังในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม ว่า "แม้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมโดยรวมในกาซายังไม่น่าพอใจ แต่ตามบริบทของเหตุการณ์ อเมริกามองว่า อิสราเอลดำเนินการมาถูกทางแล้ว จึงไม่ถือว่ามีการละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 541 Views 49 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    .
    ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม
    .
    "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี
    .
    โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม"
    .
    อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้
    .
    การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ
    .
    กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ
    .
    ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้
    .
    มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
    .
    แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน
    .
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา . ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม . "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา . ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี . โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม" . อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้ . การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ . กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ . ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้ . มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว . แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง . ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494 .............. Sondhi X
    Like
    6
    1 Comments 0 Shares 550 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • “ความโกรธ”จะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น.…. “ อีกข้อหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจที่สุด ความโกรธจะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น คือ ถ้าตามปรกติธรรมดา เราก็รู้อะไรเป็นความชั่ว แล้วก็กลัวความชั่ว ก็ไม่อยากจะทําความชั่ว ฉะนั้น ความชั่วนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทํายาก. ยกตัวอย่าง เช่นว่า จะฆ่าพ่อแม่ของตัวเองนี่ มันทําได้แสนยาก แต่ถ้ามันโกรธขึ้นมาแล้ว ความยากนั้นจะกลายเป็นความง่าย ก็มีบาลีว่า “ ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ ”. สุกรํ วิย ทุกฺกรํ = ที่ทํายากจะกลายเป็นทําง่าย…. เมื่อคนโกรธ เขาต้องการจะประทุษร้าย จะทําชั่ว, สิ่งที่ทํายากก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทําง่าย. นี้อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าความจริงข้อนี้มันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจแล้ว คนเราจะไม่อาจเกิดความโกรธ หรือทําอะไรด้วยความโกรธ ; ฉะนั้น ควรจะมองเห็นอันตรายของมันอยู่เสมอ”.พุทธทาสภิกขุที่มา : ธรรมบรรยายหัวข้อเรื่อง “การเก็บความโกรธใส่ยุ้งฉาง” เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๑๘ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ราชภโฏวาท” หน้า ๒๐๐
    “ความโกรธ”จะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น.…. “ อีกข้อหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจที่สุด ความโกรธจะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น คือ ถ้าตามปรกติธรรมดา เราก็รู้อะไรเป็นความชั่ว แล้วก็กลัวความชั่ว ก็ไม่อยากจะทําความชั่ว ฉะนั้น ความชั่วนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทํายาก. ยกตัวอย่าง เช่นว่า จะฆ่าพ่อแม่ของตัวเองนี่ มันทําได้แสนยาก แต่ถ้ามันโกรธขึ้นมาแล้ว ความยากนั้นจะกลายเป็นความง่าย ก็มีบาลีว่า “ ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ ”. สุกรํ วิย ทุกฺกรํ = ที่ทํายากจะกลายเป็นทําง่าย…. เมื่อคนโกรธ เขาต้องการจะประทุษร้าย จะทําชั่ว, สิ่งที่ทํายากก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทําง่าย. นี้อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าความจริงข้อนี้มันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจแล้ว คนเราจะไม่อาจเกิดความโกรธ หรือทําอะไรด้วยความโกรธ ; ฉะนั้น ควรจะมองเห็นอันตรายของมันอยู่เสมอ”.พุทธทาสภิกขุที่มา : ธรรมบรรยายหัวข้อเรื่อง “การเก็บความโกรธใส่ยุ้งฉาง” เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๑๘ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ราชภโฏวาท” หน้า ๒๐๐
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews