อาจารย์เคน CM GO เขียนถึงบทพูดที่เกี่ยวข้องกับหมากล้อมของของตัวละครจากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Misaeng : incomplete life (หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน) พร้อมทั้งอธิบายความหมายไว้ให้อ่านได้เข้าใจชัดเจน
___________________

“การรักษาหน้า ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลย”

: เพื่อเป้าหมายที่สำคัญกว่า

“เส้นทางไม่ใช่แค่ทางที่เราใช้เดิน แต่ยังเป็นทางที่เราใช้ก้าวไปข้างหน้า เส้นทางที่เราไม่อาจก้าวต่อไปได้ ไม่ใช่เส้นทางที่แท้จริง เส้นทางเปิดกว้างสำหรับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเดินบนทางนั้นได้”

: คิดกลับไปกลับมา จึงไม่สรุปใจหรือตัดสินใจอะไรง่าย ๆ สุดท้ายทุกทางเลือกเป็นการพัฒนาตนเอง

“ผมไม่อยากได้ยินว่าตัวเองแพ้ เพราะขาดทักษะหรือโชคไม่ดีพอ ที่แพ้ไปครึ่งแต้ม ไม่ใช่เพราะผมเล่นหมากล้อมและทำงานพิเศษพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ไม่สามารถสนับสนุนผมเรื่องเงิน ไม่ใช่เพราะพ่อผมเสีย หรือเพราะแม่ผมป่วย ข้ออ้างพวกนั้นทำให้ผมปวดใจ มันคงดีกว่าถ้าจะพูดว่าผมยังพยายามไม่มากพอ ถึงมันจะไม่จริงเลย แต่ผมก็อยากจะคิดแบบนั้นมากกว่า ว่าผมทำไม่เต็มที่ผมจึงต้องเข้ามาสู่โลกนี้.. เพราะผมยังพยายามไม่มากพอผมจึงถูกทอดทิ้ง”

: แทนที่จะโทษปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ก็หันมาพิจารณาตนเอง เปลี่ยนเป็นแรงกระตุ้น เพื่อการพัฒนาตนเองดีกว่า

Misaeng ตอนที่ 1

___________________

“คนที่มีแรงจูงใจอยากประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน ก็เหมือนกับทอร์นาโด คนพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้กับสิ่งที่อยู่รอบตัว แต่ใจกลางทอร์นาโดนั้นมันกลับเงียบสงบ ควบคุมใจกลางให้ได้”

: ผู้คนที่ยึดติดมักจะทำร้ายผู้อื่น ถ้าเข้าใจจิตใจเขา เราจะสงบใจตนเองได้

“หมากล้อมเกิดการสู้รบอยู่เสมอ และบางครั้งเราถอย โดยการเดินเข้าใกล้… พยายามหาทางรอดไปด้วยกัน แต่ก็ยังมีผู้แพ้และผู้ชนะ”

: บทสรุปการสู้รบในหมากล้อมมักเป็นการแบ่งปันกัน (win-win) ถึงอย่างนั้นในตอนสุดท้ายก็ยังมีผู้แพ้และผู้ชนะ

ผมอยู่ในโลกของหมากล้อมมามากกว่าสิบปี ถึงจะแพ้ ..แต่ผมก็ถูกหล่อหลอมให้เป็นนักสู้ เป็นนักกีฬาที่ไม่ท้อถอย”

: ไม่ว่ารูปเกมจะยากลำบากแค่ไหน ความมุ่งมั่นในจิตใจ มักช่วยกู้สถานการณ์ให้กลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง

Misaeng ตอนที่ 3

___________________

“ถ้านายทำผิดพลาดเรื่องเดิมอีกครั้ง นั้นคือขีดจำกัดของตัวนายเอง”

– เรื่องที่อยากจะก้าวผ่าน มีแต่ต้องทุ่มเทฝึกฝน

“เขาชักนำแค่ด้านความคิด เราต้องการการชักนำจิตใจคนเพื่อที่จะขายของ”

– เช่นการสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับผู้ซื้อ

“ทำไมถึงวางหมากตรงนี้ ก็แค่.. ในเกมหมากล้อมไม่มีคำว่า..ก็แค่ ก่อนการวางหมาก เธอต้องมีแผนอยู่ในหัว นั่นเรียกว่าความตั้งใจ มีจุดมุ่งหมาย ตอนนี้ด้านบนขวามีปัญหา เธอจะทำยังไง.. ผมต้องทิ้งหมากที่ไม่จำเป็นไป แล้วตัวไหนล่ะ..” (ภาพในวัยเด็กขณะเรียนหมากล้อมปรากฏขึ้นมา ระหว่างการนำเสนอ หัวข้อ “การติดอยู่ในกรอบทางวัฒนธรรม” )

– ทุกหมากควรมีเหตุผลและมีมากกว่าหนึ่งวัตถุประสงค์

“หมากทุกตัวบนกระดานล้วนมีความหมาย – สินค้าที่บริษัทเราผลิตขึ้นมาล้วนเป็นสินค้าที่มีความหมายทั้งสิ้น”

“ถ้าหมากตัวไหนถูกแยกอยู่โดด ๆ หรือเจอปัญหา นั่นแปลว่าเธอล้มเหลวในการหาเหตุผล เดาทางคู่ต่อสู้ไม่ได้ – ถ้าสินค้าไม่ประสบความสำเร็จหรือประสบยอดขายที่ลดลง แปลว่าเราล้มเหลวในการวางแผน คาดการณ์ หรือประเมินสถานการณ์ในอนาคต”

“เมื่อหมากตกอยู่ในอันตราย ก็ควรทิ้งหมากตัวที่อยู่โดด ๆ นั้นซะ.. แต่ว่าเราควรจะใช้มันให้เกิดประโยชน์กับเรา – ยอมทิ้งสินค้าที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยใช้มันวางแผนเพื่อสร้างสินค้าที่ดีกว่าเดิม และเอาความล้มเหลวนั้นมาเป็นบทเรียน”

“โดยภาพรวม ทั้งงานโรงงานและงานออฟฟิศต่างต้องเชื่อมโยงกัน แน่นอนว่า.. บางทีอาจจะมีข้อผิดพลาดระหว่างกัน แต่ถ้ามองภาพรวม เราทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน”

– เมื่อมีความทุกข์จะมีสองทางให้เลือก หนึ่งคือพัฒนาตนเอง สองคือทำลายผู้อื่น เราเลือกอยู่ฝั่งไหนมากกว่ากัน สิ่งสำคัญที่ควรมีไว้ในใจคือ “ไม่มีใครสบายไปกว่ากัน”

“การโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ลูกแค่รู้สึกอย่างนั้น การเป็นผู้ใหญ่คือรู้ว่าควรทำยังไงกับเรื่องที่จำเป็นต้องทำ”

“อย่าเช็ดเหงื่อด้วยมือ อย่านั่งที่ไหนส่งเดช ลูกควรเช็คที่นั่งก่อน หรือวางผ้าเช็ดหน้ารองไว้ พฤติกรรมของลูกบอกตัวตนลูกได้หมดเลยนะ”

– การกระทำที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ แสดงให้เห็นตัวตนของเรา

Misaeng ตอนที่ 4

___________________

“การวางหมากเสี่ยง ๆ เกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์ไม่ค่อยดี หมากที่คุณเลือกพลิกสถานการณ์ ในเกมหมากล้อมจะเรียกว่าการเดินหมากที่ฉลาด ถ้าการเดินหมากที่ฉลาดถูกมองว่าเฉียบขาด มันอาจพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณนั้นเสียเปรียบมาโดยตลอด”

“เพื่อตอบโต้การเดินหมากที่ฉลาด คุณจำเป็นต้องวางหมากที่เหมาะสมตรงไปตรงมา”

“เมื่ออยู่ในวิกฤต ควรมองข้ามสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นทั้งหมด และตรงเข้าประเด็น ทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นให้หมด คุณต้องกำจัดมันทิ้งไป คุณดูแลทุกคนไม่ได้ คุณจำเป็นต้องเอาตัวรอดในตอนนี้”

– เป็นคำกล่าวที่ จางกือแร เสียใจและรู้สึกว่าตนเองกล้าดียังไงถึงพูดไปแบบนั้น เพราะทุกคนต่างก็เล่นเกมของตัวเอง (เขาเห็นแค่บางส่วนของเกมเท่านั้น) คุณพัคจึงไม่ได้เอาตัวรอด แต่ขอรับผิดไปด้วย เพราะตนก็ปล่อยให้คู่ค้าเอาเปรียบ และเนื่องจากคุณพัคใส่ใจคู่ค้า จึงช่วยพูดถึงปัญหาของคู่ค้าด้วย และอยากให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอีกครั้ง

Misaeng ตอนที่ 6

___________________

“คุณโอจะทำให้โครงการผ่านได้ยังไง – เขาจะไปพบผู้จัดการและผู้จัดการอาวุโส เพื่อพยายามโน้มน้าวพวกเขา พยายามมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของฝ่ายตรงข้าม เพื่อทำมันให้ได้”

“โครงการจะถูกประเมินระดับ จากนี้ไปถ้าโครงการของฉันถูกระงับ ฉันจะไม่คิดว่ามันผิดพลาดตรงไหน ฉันจะคิดว่าฉันขาดอะไร”

– อันยองอี พูดหลังประเมินโครงการจากมุมมองของฝ่ายการเงิน ทำให้เข้าใจแต่ละหน่วยงานมากขึ้น

“ถ้าคุณไม่มั่นใจ ทางที่ดีที่สุด คือตรวจดูมันอีกครั้ง เพราะความรู้สึกของคุณจะบอกว่าอะไรดี คุณควรทวนดูอีกสักครั้งเพื่อให้ความแน่ใจ”

– ใช้ความรู้สึกคงไม่ใช่เรื่องดีนัก แสดงให้เห็นว่านี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ความรู้สึกจากประสบการณ์ที่ยาวนานสามารถช่วยลดความผิดได้ และช่วยสร้างความมั่นใจ

“การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของธุรกิจนั้นดีที่สุด ไม่งั้นมันจะกลายเป็นการแข่งม้าที่เอาแต่วิ่งไปข้างหน้า นั่นคือการทำลายตัวเอง ดีแล้วที่นายหยุดมัน”

“เรามักมองสิ่งไกลตัว มากกว่าสิ่งใกล้ตัว”

Misaeng ตอนที่ 7

___________________

“ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ควรให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอันดับแรก เหตุผลที่ทำให้เธอพ่ายแพ้ในนาทีสุดท้าย.. เหตุผลที่หายจากการเจ็บป่วยได้ช้า และเหตุผลที่ความผิดพลาดส่งผลกระทบเป็นเวลานาน ทั้งหมดเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง เวลาที่หมดพลังเธอจะต้องการชีวิตที่สะดวกสบาย มันทำให้เธอเป็นคนที่ไม่มีความอดทน ถ้าเธอเอาชนะความเหนื่อยล้าไม่ได้ เธอจะไม่อยากดื่มด่ำกับชัยชนะอีกต่อไป ถ้าเธออยากชนะ จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรง จะได้อดทนต่อความลำบากได้ ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงก็ไม่เกิดพลังชีวิต”

“ฉันเลือกตัดสินใจที่จะยอมแพ้ การเผชิญหน้ากับหอกแหลม ไม่ใช่การใช้หอกที่แหลมกว่าหรือเกราะป้องกันอะไร”

– เมื่อไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ไม่ควรสร้างบาดแผลต่อกัน

Misaeng ตอนที่ 8

___________________

“การกระโดดเข้าหาอันตรายไม่ใช่วิธีแสดงความกล้าหาญเพียงอย่างเดียว การหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตรายที่อยากกระโดดเข้าไป และเดินไปเงียบ ๆ ก็เป็นความกล้าหาญเช่นกัน การต่อต้านกลับทันทีเพื่อทวนกระแสน้ำนั้นโง่เง่า ถ้าผมไหลตามกระแสน้ำ ในขณะที่คู่แข่งพยายามทวนกระแสน้ำ ปัญหาจะกลับไปหาอีกฝ่ายเอง ดังนั้นการยืนหยัดอย่างมั่นคงและรักษาจังหวะของตัวเอง เป็นการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด และเป็นการโจมตีที่เข้มแข็งที่สุด”

– “ประนีประนอมเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”

“ผมเข้ามาสู่โลกแห่งหมากล้อม ชีวิตของผมทุ่มเทให้หมากล้อมทั้งหมด รู้จักแต่เพื่อนที่สมาคมหมากล้อม.. ชีวิตที่เล่นหมากล้อมมากกว่าสิบชั่วโมงต่อวัน นั้นเป็นชีวิตช่วงวัยรุ่นของผม”

– คุณต้องพร้อมสูญเสียบางอย่างเพื่อเป็นที่หนึ่ง และเมื่อเลือกแล้วเราจะไม่มาเสียใจ

“บันทึกการเล่นหมากล้อมทุกเกมที่ผมเคยเล่นมา ทุกคืนผมจะดูมัน ว่าทำไมตัวเองถึงชนะหรือแพ้ ผมเขียนเหตุผลลงไป เพื่อให้ผมยอมรับในเกมนั้น จากนั้นครูผมจะเขียนโน้ตให้ผมตรงนี้”

– บันทึกเกมสมัยที่ จางกือแรพยายามจะเป็นนักหมากล้อมมืออาชีพ

“นี่เป็นบันทึกเกมของผมตั้งแต่เริ่มทำงาน ผมคิดว่าการทำงานทุก ๆ วันเหมือนกับเกมหมากล้อม เป็นสมุดบันทึกประจำวันในมุมมองของหมากล้อม”

“หมากล้อมเป็นเกมที่เล่นกันแค่สองคน แต่บางครั้งอาจารย์จะเล่นหลาย ๆ เกมคนเดียว ในเวลาเดียวกัน กับผู้แข่งขันหลาย ๆ คน โดยปกติอาจารย์จะชนะ ผมพบว่าในสังคมก็มีเกมแบบนั้น แต่ในสังคมจะต่างออกไปนิดหน่อย เพราะคนที่ไม่ใช่ระดับอาจารย์ต้องเล่นกับผู้แข่งขันหลายคน เกมหนึ่งเล่นกับคุณ เกมหนึ่งเล่นกับคุณโอ อีกเกมหนึ่งกับอีกทีม อีกเกมกับคู่แข่งตัวเอง ในเวลาเดียวกันผมอาจต้องเล่นกับบริษัทตัวเองด้วย”

– จางกือแรตีความหมายจากการทำงาน โดยวาดเป็นรูปแบบสถานการณ์ต่าง ๆ จากเกมหมากล้อม

การต่อหมาก

“ในหมากล้อมจะมีกฏที่เรียกว่า “การต่อหมาก” เมื่อมือใหม่เล่นกับคนที่มีฝีมือเก่งกว่า มือใหม่จะได้เดินหมากก่อน ได้มากถึงเก้าหมาก แต่ในสังคม.. มือใหม่อย่างพนักงานใหม่ กลับถูกคนที่เก่งกว่าอย่างหัวหน้างานวางหมากไปก่อน นำหน้าไปสี่ถึงแปดหมาก ไม่ครับ.. พวกเขาวางหมากนำหน้าไปก่อนจนนับไม่ถ้วนเลย แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น มือใหม่ยังต้องทำตามกฏเดิมที่กำหนดไว้ ผมต้องทำมากกว่าเดิม โดยเฉพาะคนอย่างผม ถ้าผมทำเท่าที่คนอื่นเขาทำกัน ผมไม่มีทางปรับตัวได้ การเป็นพนักงานใหม่หมายความว่า เราไม่มีประสบการณ์ จึงต้องมีความพากเพียรมากขึ้น”

– คนที่ริเริ่มก่อนย่อมได้เปรียบและจะทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ

“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของความสำเร็จหรือล้มเหลว ฉันคิดว่าเราใช้ชีวิตไปกับการเปิดประตูบานใหม่เรื่อยๆ ไปจนตาย”
“ แล้วความสำเร็จคืออะไรครับ”
“ มันคงขึ้นกับว่า นายคิดถึงอะไรในช่วงชีวิตนั้น ๆ ตอนนายทำงานอาจจะมีบางโครงการที่มันไม่ผ่าน แต่นายยังรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและรู้สึกได้ถึงความสำเร็จ นายคิดว่านั่นล้มเหลวหรือเปล่า”
 มีบางครั้งที่ผมแพ้หมากล้อมแต่ผมก็รู้สึกดีกับมัน”

 

“โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่อยากแสดงตัวตน ผมสงสัยว่า ทำไมคนเหล่านั้นถึงต้องทำแบบนั้น ในเกมหมากล้อม แต่ละหมากจะถูกกำหนดโดยภาพรวม มันเป็นโลกของหมากล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่ในขอบเขตของตาราง ถ้าหมากล้อมไม่ถูกจำกัดด้วยขนาดของกระดาน และชีวิตเต็มไปด้วยโอกาส มันก็จะไม่มีผู้ชนะหรือผู้แพ้ โลกใบนี้ตัดสินด้วยคำว่า “ตัวฉัน” เพื่อขอรับการให้อภัย เพื่อให้คนอื่นเข้าใจ คนเราจึงเปิดเผยตนเอง”

Misaeng ตอนที่ 9

___________________

“ตามประสบการณ์ของฉัน ข่าวลือมักไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ”

– อย่างเช่นต้นเหตุของการเกิดข่าวลือ

“ระวังถ้านายข้องใจความผิดของผู้อื่น อย่าเกลียดที่ตัวบุคคล เพราะนายจะโฟกัสไปที่ความผิดไม่ได้ ทิ้งความรู้สึกส่วนตัวไปเพื่อค้นหาการกระทำผิดกฏหมาย นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะได้คำตอบที่ชัดเจนและเป็นธรรม”

“ถึงเวลาตอบโต้การโจมตีของคู่แข่งแล้ว เมื่อเราอยู่ในเขตแดนของอีกฝ่าย เราก็จำเป็นต้องเสี่ยงตายเหมือนกัน ใครก็ตามที่ทำพลาดก่อนจะเป็นผู้แพ้ นี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าเราจะมุ่งไปข้างหน้าต้องไม่หุนหันและรีบร้อน เราต้องจัดการทุกปัจจัยที่จะทำให้ล้มเหลว ในตอนจบภาพจะชัดเจนมาก ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ถูกกำจัดไป เรานี่แหละที่ตาย”

“ชนะหรือแพ้ กลยุทธ์ที่คุณอยากใช้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ใช้อยู่ดี”

“การเดินหมาก ถูกตัดสินใจจากการเดินก่อนหน้านี้ เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมถึงเดินหมากแบบนี้ คุณต้องดูการเดินหมากก่อนหน้านี้ เพื่อเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ขัดขืน คุณต้องเข้าใจว่าการเดินหมากครั้งไหนที่ทำร้ายเขา บางสิ่งที่เราเห็นเป็นเรื่องเล็ก ๆ อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เราคิด”

“สังคมคิดว่าพวกเราเป็นแค่มดงานสวมเน็กไท สังคมหรือบริษัทไม่สนใจหรอกว่า คน ๆ หนึ่งจะใช้ชีวิตยังไง แต่ถึงอย่างนั้น อาชีพนี้ก็ทำให้ฉันเป็นฉันอย่างทุกวันนี้ – “ถึงเป็นแค่เกมหมากล้อม แต่หมากล้อมก็คือชีวิตของฉัน” เป็นคำพูดของอาจารย์โจชีฮุน Cho Chikun การชนะหรือแพ้ในเกมหมากล้อม ไม่ส่งผลต่อสังคมของเรา – แต่หมากล้อมก็คือชีวิตผม ไม่ว่าโลกใบนี้จะคิดยังไง หมากล้อมก็ยังเป็นชีวิตของผม เป็นเกมหมากล้อมของผม เพราะมันคือชีวิตของผม เพราะมันคือสิ่งที่โลกใบนี้บอกกับผม”

Misaeng ตอนที่ 10

___________________

“เป็นเรื่องโชคร้ายและน่าเสียดาย เมื่อผมพ่ายแพ้เพราะหมากตาสุดท้ายของอีกฝ่ายป้องกันไม่ให้เกมกลับมาเสมอกัน ผมสงสัยว่าที่เดินหมากมาทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร แม้ว่าผมจะชนะในพื้นที่ขนาดเล็กหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ถ้าสุดท้ายผมแพ้ แล้วผมจะเล่นไปเพื่ออะไร แต่ถ้าผมเล่นชนะโดยป้องกันไม่ให้เกมเสมอกัน ผมก็มองโลกเปลี่ยนไป ผมขอบคุณหมากทุกตัวที่รอดจากการเดินหมากของคู่แข่ง และทำให้ผมได้รับชัยชนะ การเลือกเดินหมากทุกครั้งมีค่ากับผมมาก การทำทุกช่วงเวลาให้ดีที่สุด จะสามารถทำให้ชนะได้ หากพลาดพลั้งช่วงเวลานั้นไป อาจหมายถึงความพ่ายแพ้และล้มเหลว.. เมื่อไหร่กันที่คุณเคยพลาดพลั้งในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น”

“ก่อนคุณจะออกจากออฟฟิศ หันกลับมามองที่นั่งตัวเองสักนิด ทำแบบนี้จะช่วยลดความผิดพลาดลงได้ ผมทำแบบนั้นมาตั้งแต่เริ่มทำงาน”

“สิ่งที่เราทำลงไป ไม่ได้เป็นแค่การลงโทษพนักงานในทีมที่ละเลยหน้าที่ แต่ยังกำจัดเชื้อโรคร้ายออกจากบริษัทด้วย ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ถูกมองว่าเป็นผู้แจ้งเบาะแสเรื่องทุจริต ทำไมไม่แก้ปัญหากันเองเงียบ ๆ ทำไมถึงทำเพื่อประโยชน์ของตัว และทอดทิ้งเพื่อนร่วมงาน คุณบริสุทธิ์ผุดผ่องกันทุกคนเหรอ ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและถูกโยกย้ายตำแหน่ง ถูกส่งกระจายไปทั่วอินทราเน็ตของบริษัท อย่างไรก็ตามไม่มีใครปฏิเสธความจริงว่า พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น”

“ให้ฉันบอกไหมทำไมทักษะการเล่นหมากล้อมของเธอไม่พัฒนาขึ้นเลย เพราะเธอยึดติดกับกฏและรูปแบบ จริงอยู่ว่าเธอควรศึกษาและเรียนรู้การเดินหมากที่ถูกต้อง แต่ถ้าเธอยึดติดกับวิธีพวกนั้นว่าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หมากล้อมจะอยู่มาได้นานขนาดนี้เหรอ ทำลายกฎเกณฑ์ซะ ออกมานอกกรอบ ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางเป็นมืออาชีพได้”

Misaeng ตอนที่ 11

___________________

“ความสมเหตุสมผล ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง เช่นถ้าสนใจมุมมองการเมืองในบริษัท ก็อาจจะทำให้ลืมนึกถึงมุมมองด้านโอกาสที่บริษัทจะได้รับ”

“ทำความคุ้นเคยกับรูปร่าง หลังจากนั้นคอยศึกษาช่องว่างและจุดอ่อน เหมือนในเกมหมากล้อม ผมต้องเข้าใจโครงสร้างตั้งแต่แวบแรกที่เห็น แต่ว่า.. ผมจะสามารถนำเกมที่แพ้มาประยุกต์ เพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ไหม”

“คุณไม่คิดว่าควรรอดูก่อนเหรอ การต่อสู้ควรเริ่มจากความอดทน ถ้าเขาแข็งแกร่งล่ะ – เขาแข่งแกร่งเหรอ คุณไม่รู้หรอกว่าควรต่อสู้ยังไง การต่อสู้ควรเริ่มด้วยการชิงโจมตีก่อน”

– สถานการณ์กำหนดการกระทำ อ่านสถานการณ์ให้ออก

“โดยปกติการนำเสนอจะแนะนำโครงร่างของธุรกิจก่อน และเพราะเราทำตามรูปแบบนั้น การนำเสนอของเราจึงถูกบังคับ ให้เริ่มด้วยการแก้ตัวและคำอธิบาย ยกตัวอย่างเวลาที่เรามองแผนที่ เรามักสรุปทันทีว่าด้านบนคือทิศเหนือ ผมมองว่ามันเป็นกฎอย่างหนึ่ง แต่ความจริงแล้วโลกไม่ได้มีความคิดของบนหรือล่าง ถ้ามองมันจากอวกาศ ยกตัวอย่างเช่น เรามีออสเตรเลียอยู่ข้างล่างนี้ แต่ถ้าผมถือแผนที่กลับหัวลง มันจะอยู่ตรงกลางของแผนที่ คุณจะมองเห็นออสเตรเลียง่ายขึ้น ถ้าผมหมุนกลับมาอีกครั้ง ออสเตรเลียก็ไม่ได้เด่นอะไรเลย”

– “ถ้าเรายึดติดกับแบบแผน ประเด็นหลักจะหายไป”

“นายจำโครงสร้างแฟ้มเอกสารที่กือเรทำขึ้นได้ไหม เราพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดภายในกรอบ แต่จางกือเรไม่ได้สนใจมันเลย เค้ามองตรงไปที่เรื่องจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว – ทีมสร้างรอยร้าวเหรอ คนอื่นจะคิดยังไงเหรอ อย่าสนใจกรอบที่ถูกจำกัดด้วยเรื่องพวกนี้ สนใจที่เป้าหมายเราสิ”

Misaeng ตอนที่ 12

___________________

“ในเกมหมากล้อม ถ้าคู่แข่งคิดง่าย ๆ และเล่นอย่างละโมบ พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทั้งที่เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับเขา ย่อมต้องถูกซักไซ้ ล้มกระดานและเริ่มเกมใหม่

“รู้ใช่ไหมเรื่องดีคู่กับเรื่องไม่ดี เวลาแบบนี้การเมามักจะก่อให้เกิดปัญหา เราอย่าดื่มหนักกันนัก”

“ถึงแม้ว่างานของเราไม่ได้โดดเด่นอะไร คุณก็ไม่ควรคิดว่าเราไม่มีความหมาย มีคนที่เดิมพันด้วยชีวิตกับตัวเลขที่เราตัดสินใจ คุณต้องกระตุ้นตัวเองขึ้นมานะ ไม่อย่างนั้นก็คงยากที่คุณจะทำงานนี้ต่อ”

“คุณต้องมึนเมาอยู่เสมอ นั่นคือทุกอย่าง มันเป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ ถึงภาระของกาลเวลา ที่กดหลังคุณลงกับพื้น คุณต้องมึนเมาตลอดเวลา แต่จะมึนเมาด้วยอะไร ไวน์ บทกวี หรือว่าความดี อย่างใดก็ได้ แล้วแต่คุณจะเลือก แต่จงเมาเสีย และหากขณะที่ก้าวเดินในพระราชวัง หรือขณะเดินบนหญ้าเขียวชอุ่ม หรืออยู่ในห้องนอนที่โดดเดี่ยวและแสนเศร้า แล้วคุณรู้สึกตัวขึ้นมา ความมึนเมานั้นก็เริ่มลดน้อยลงหรือหมดไป จงอ้อนวอน สายลม สายน้ำ ดวงดาว นก นาฬิกา ทุก ๆ อย่างที่บินได้ ทุก ๆ อย่างที่คร่ำครวญได้ ทุกอย่างที่หมุนได้ ทุกอย่างที่ร้องเพลงได้ ทุกอย่างที่บอกได้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว และทุกอย่างนั้นจะให้คำตอบคุณเอง”

Misaeng ตอนที่ 13

___________________

“ผมอาจรู้สึกไปว่าตัวเองนั้นสำคัญ แต่ถ้าผมก้าวออกมายืนดูข้าง ๆ ผมก็ตระหนักได้ว่าผมเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นเอง”

“ ‘ซูซึงฮวากัง’ ถ้าคุณเล่นหมากล้อมคุณจะได้ยินคำนี้บ่อย ๆ รักษาความนึกคิดให้เย็น และหัวใจให้อบอุ่นเอาไว้”

– ซูซึงฮวากัง เป็นการรักษาสมดุลต่อสิ่งต่าง ๆ

“ถ้าฉันต้องสู้กับหมาสกปรก ฉันต้องพร้อมจะสกปรกไปด้วย”

“จะพนักงานชั่วคราวหรือประจำ มันไม่ใช่เรื่องสถานะพวกนี้หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ ผมแค่อยากทำงานอย่างนี้ต่อไปกับทุกคน พวกเรา ด้วยกัน ตลอดไป”

“สถานการณ์เขาแย่กว่าอึนจีอีก มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ หรือคำปลอบใจลอย ๆ กับเขา – ฉันกลับกลัวที่รู้ว่า เราอยู่ในโลกที่แม้จะให้กระทั่งความหวังลม ๆ แล้ง ๆ หรือคำปลอบใจลอย ๆ ไม่ได้ ถึงแม้มันเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ก็ยังมีคนอีกมากมายที่โหยหามัน – ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นไม่ได้”

– ทุกเรื่องมีสองด้านเสมอ เราควรมองอย่างเข้าใจ

Misaeng ตอนที่ 14

___________________

“มีหลายคนที่รู้แต่วิธีการแก้ปัญหา แต่ไม่รู้คำตอบที่ถูกต้อง”

– คุณอาจจะมีวิธีการมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องรู้ว่าจะใช้อะไรในช่วงเวลาไหน

“ถ้าคุณไม่มีพื้นฐาน คุณไม่สามารถก้าวขึ้นบันไดได้ ความสำเร็จบางอย่างโดยไม่มีพื้นฐาน ไม่ใช่การก้าวขึ้นไปข้างบน แต่เป็นการร่วงหล่นลงมาทันทีที่ประสบความสำเร็จ”

“ไม่ว่าจะเป็นเกมการแข่งขันไหน คุณจะตระหนักได้ว่าคุณยังไม่พร้อม ความมุ่งมั่นด้วยกายและใจก่อนการแข่งขัน เป็นเพียงปฏิกิริยาที่มากับความไม่มั่นใจ เมื่อคุณรู้สึกอยากวิ่งหนีหรือหันหลังกลับ มันก็สายเกินไป เพราะการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว”

– การกระทำที่แสดงออกมาอาจแตกต่างจากความรู้สึกในจิตใจ ถ้าคุณสังเกตให้ดีคุณก็จะเห็น

“กฎการเล่นหมากล้อม คือทำทุกอย่างเพื่อไปข้างหน้าให้ได้ ถึงแม้ข้างหน้าจะเป็นนรกก็ตาม”

Misaeng ตอนที่ 15

___________________

“แม้เราจะโดนจับกินหมากไปแล้ว แต่เกมยังคงดำเนินต่อไป”

“คุณคิดว่าการเมืองมีแต่ในบริษัทเหรอ ชีวิตนี้เต็มไปด้วยเรื่องการเมือง คุณต้องทำตัวให้ชินไว้ จะได้เข้ากับมันได้”

“พวกเขาพยายามทำสุดความสามารถเลยครับ ผมสงสารเขานะครับ – ทำไมนายถึงสงสารเขา นายทำงานให้เรา ไม่ใช่ให้เขา – ดูที่ข้อเท็จจริงก็พอ”

“เขาเป็นคนขยันและทำงานตรงเวลา แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนคุณ เขาทำทุกอย่างเต็มที่แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติของเขา เขามุ่งมั่นทำงานแต่ก็มีเหตุผลมาก เจ้าหนุ่มนั่นไม่เคยเมามาย”

Misaeng ตอนที่ 16

___________________

“ชีวิตนายเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับว่านายเจอใคร ถ้านายเดินตามแมลงวัน นายอาจจะเดินไปเจอห้องน้ำ ถ้านายเดินตามผึ้งไป นายอาจเดินเข้าไปเจอสวนดอกไม้”

“สนใจเรื่องที่คุณคิดว่าถูกต้องก็พอ ที่เหลือไม่ใช่สิ่งที่คุณจะควบคุมได้”

Misaeng ตอนที่ 17

___________________

“เขาทำให้ผมโกรธและรำคาญ แต่ผมก็ตระหนักได้ว่าผมต้องการคุณซอกยูล และเป็นคนที่ผมควรยอมรับ ผมรู้ว่ามันมีบางอย่างที่ผมไม่สามารถก้าวผ่านได้ จากความทะนงตนและความถือตนของผม”

“ผมไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ผมรู้สึกถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เหมือนผมกำลังพยายามฝืนใส่เสื้อคับ ๆ อยู่ รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ ผมมีข้อสงสัยมากมาย”

“ถ้านายกำลังวิจารณ์คุณชเวนายหยุดไปเลย จริงอยู่ที่ฉันไม่ถูกกับคุณชเว แต่เราแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน เราสองคนเข้าใจเรื่องนั้น“

“ถ้าเพราะผม.. จึงทำให้คุณและทีมของเราต้องเอาตัวเองมาเสี่ยง เรื่องที่เราทำอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ แค่คุณพยายามช่วยผม มันก็เพียงพอแล้ว”

Misaeng ตอนที่ 18

___________________

“ตำแหน่งการเดินหมากที่ดีสำหรับเรา อาจเป็นตำแหน่งการเดินหมากที่ดีสำหรับเขาเหมือนกัน”

– ในหมากล้อมเราจะได้ยินคำนี้บ่อย ๆ

“ความมุ่งมั่นของบางคนมีเพียงแค่การเอาชนะ พวกเขาคุ้นเคยกับการเอาชนะคนอื่น เพื่อชัยชนะของตัวเอง แต่ในที่สุด.. คนพวกนั้นก็แพ้ คุณควรสร้างกรอบความคิด โดยยอมรับความพ่ายแพ้และปล่อยให้คนอื่นชนะ ผมไม่ชอบเรื่องการชนะหรือแพ้ ชนะกันทั้งคู่ดีกว่า คุณชนะ ผมก็ชนะ”

“ผู้หญิงเป็นศัตรูกันเอง เธอเป็นแบบนั้นเพราะอีกคนเด็กกว่าและสวยกว่า”

“ชีวิตมีบททดสอบให้เราเสมอ บางครั้งทำให้เรากังวลและทรมาน แต่อย่างน้อยมันก็บอกใบ้สิ่งที่จะเกิดขึ้น แน่นอนว่า คำใบ้นั่นอาจไม่ได้นำไปหาคำตอบที่ถูกต้อง”

“ปัญหาอาจดูไร้ทางออก แต่มันจะผ่านไป ในชีวิตเราทำสิ่งต่างๆ ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันจะจบลงยังไง”

Misaeng ตอนที่ 19

___________________

“เราไม่ได้ขอสิทธิพิเศษอะไร แค่อยากให้ประเมินความสามารถอย่างยุติธรรม”

“ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นถนน ถนนก็ยังคงอยู่ตรงนั้น”

“หลู่ ซวิ่น เคยพูดไว้ ‘ความหวัง จะบอกว่ามีอยู่จริงก็ไม่ได้ อีกทั้งบอกไม่ได้ว่าไม่มีอยู่จริง มันเหมือนถนนทั่วโลก เดิมทีนั้นไม่มีถนน แต่มีคนเดินผ่าน ถนนก็ถูกสร้างขึ้น’”

“ผมเดินบนเส้นทางอีกครั้ง และไม่ได้เดินคนเดียว”

Misaeng ตอนที่ 20

___________________

บทความจาก ซีเอ็ม. โกะ (2020/05/17)