อัปเดตล่าสุด
- จากงานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่ทีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8"
เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 .. ขณะที่ผม(ผู้เขียน) ดูไลฟ์สดจากเฟสบุ๊ก ก็ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ไปด้วย
แล้วพบว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้ามาแสดงความเห็นอยู่ 3 ครั้ง
เป็นคอมเมนต์เย้ยหยันว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่
ลักษณะเย้ยหยันเช่นนี้ ได้กลายเป็นบุคลิกของคนชื่อสมศักดิ์ เจียมฯ ไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่มันมีใหม่อยู่ในเก่า แต่ตาถั่วไม่เห็นเอง
...
ถนนสายหนึ่ง มันก็ยังคงเป็นเส้นทางเดิม ๆ ทุกครั้ง ซอยซ้ายและขวาก็คงเดิม ทุกคนที่เคยผ่านล้วนคิดว่ารู้จักมันดี
รู้จักมันดีจริงหรือ ?
แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับไม่รู้จักในรายละเอียดของถนนเส้นนั้นเลย
เช่น ไม่รู้ว่าต้นราชพฤกษ์มีกี่ต้น อยู่ก่อนต้นนางพญาเสือโคร่ง หรืออยู่หลังต้นนางพญาเสือโคร่ง
เช่น ระหว่างซอยสองซอย ไม่รู้ว่าแผงขายหมูปิ้งตอนเช้า อยู่ใกล้กับแผงขายปาท่องโก้ หรือเลยไปจากร้านขายโจ๊กอีกซอยหนึ่ง
รู้เส้นทางถนน แต่ใช่ว่าจะเข้าใจลำดับรอบ ๆ ทางของมัน
...
อ.สมศักดิ์ เจียมฯ .. เข้ามาพิมพ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ในช่วงแรก ๆ ของการเปิดงาน / หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่า อ.สมศักดิ์ได้ดูต่อเนื่องอีกหรือไม่ ?
เพราะความใหม่ มันได้เกิดขึ้นหลังข้อความการด้อยค่าของ อ.สมศักดิ์
และมันคือการ "โป๊ะแตก" อย่างจัง
....
คุณวิมลพรรณ ปีตะธวัชชัย .. นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์อาวุโส อดีตนักข่าวหญิงคนแรกของสยามรัฐ
ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นสพ. โพสต์ทูเดย์ (และเป็นผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ)
คุณวิมลพรรณ ได้เล่าบางช่วงเวลาให้ฟังว่า
ที่เขียนหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะบังเอิญไปอ่านหนังสือของ อ.สมศักดิ์
อ.สมศักดิ์บอกว่า ..
รัชกาลที่ 9 อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (16 กย. 2500 - โค่นจอมพล ป. ซึ่งครองอำนาจสมัยที่ 2)
โดยก่อนหน้าจอมพลสฤษดิ์ จะทำการปฏิวัติ 2 สัปดาห์ ได้มีการประชุมวางแผนกันถึง 70 คน
ใน 70 คนนั้น มีพี่น้องปราโมช 2 คน (ม.ร.ว.เสนีย์ - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) และมีพระองค์เจ้าธานีนิวัติ (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร)
ซึ่งแสดงว่า ร.9 รู้เห็นในการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป.
คุณวิมลพรรณ ซึ่งรู้จักทางฝ่าย ม.ร.ว.เสนีย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และพระองค์เจ้าธานีนิวัต จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่อ.สมศักดิ์ บอกไว้
แต่ในเวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะไปถามใคร ทำให้ต้องค้นหาความจริงเอง
คุณวิมลพรรณ ได้เดินทางตามหาเอกสารตามที่อ.สมศักดิ์ อ้างไว้ ..
ไปถึงห้องสมุดประเทศอังกฤษ , พบบันทึกฝรั่งที่เขียนใส่แฟ้มเอาไว้หลายหน้า ในบันทึกแรก ๆ ล้วนแต่บอกว่า ได้รับฟังมาจากคนอื่น ๆ ในประเทศไทย
ฝรั่งเขียนรายงานตามที่ได้ยินมา ว่าสองพี่น้องปราโมชและพระองค์เจ้าธานีนิวัต ไปประชุมร่วมมือการปฏิวัติกับจอมพลสฤษดิ์
พอเปิดเอกสารในแฟ้มไปเรื่อย ๆ จนพบจดหมายของทูตอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า ..
.. ข้อมูลคำบอกเล่าด้านหน้าที่บันทึกไว้ มันเป็น "ข่าวลือ" ไม่มีความจริง
...
ต่อมาคุณวิมลพรรณ ได้ออกหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงภาพการสัมภาษณ์ โดยมีภาพเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ เต็มไปหมด
อ.สมศักดิ์ เห็นภาพข่าว จึงได้โทรมาหา .. แล้วบอกว่าผมอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยนเอกสารที่คุณวิมลพรรณมีอยู่
คุณวิมลพรรณ ตอบไปว่า .. ก็เพราะอ.สมศักดิ์นี้แหละ ที่ไปเขียนว่า ร.9 รู้เห็นกับการปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์. จึงทำให้ดิฉันต้องไปค้นหาเอกสารความจริงทั้งหมด
อ.สมศักดิ์ บอกว่า
📍 "ขอโทษครับ ผมลอกข้อมูลดังกล่าวมาจาก ณัฐพล ใจจริง"
โป๊ะแตก ทันที
...
ณัฐพล ใจจริง กลายเป็นมือปล่อยข่าวลือที่พยายามจะสร้างให้เป็นข่าวจริง
และคือจุดด่างพร้อยของนักวิชาการ
....
✍️✍️✍️
Padipon Apinyankulจากงานเปิดตัวหนังสือ "ความจริงที่ไม่ทีใครพูด กรณีสวรรคต ร.8" เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2567 .. ขณะที่ผม(ผู้เขียน) ดูไลฟ์สดจากเฟสบุ๊ก ก็ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ไปด้วย แล้วพบว่า อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เข้ามาแสดงความเห็นอยู่ 3 ครั้ง เป็นคอมเมนต์เย้ยหยันว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ลักษณะเย้ยหยันเช่นนี้ ได้กลายเป็นบุคลิกของคนชื่อสมศักดิ์ เจียมฯ ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันมีใหม่อยู่ในเก่า แต่ตาถั่วไม่เห็นเอง ... ถนนสายหนึ่ง มันก็ยังคงเป็นเส้นทางเดิม ๆ ทุกครั้ง ซอยซ้ายและขวาก็คงเดิม ทุกคนที่เคยผ่านล้วนคิดว่ารู้จักมันดี รู้จักมันดีจริงหรือ ? แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับไม่รู้จักในรายละเอียดของถนนเส้นนั้นเลย เช่น ไม่รู้ว่าต้นราชพฤกษ์มีกี่ต้น อยู่ก่อนต้นนางพญาเสือโคร่ง หรืออยู่หลังต้นนางพญาเสือโคร่ง เช่น ระหว่างซอยสองซอย ไม่รู้ว่าแผงขายหมูปิ้งตอนเช้า อยู่ใกล้กับแผงขายปาท่องโก้ หรือเลยไปจากร้านขายโจ๊กอีกซอยหนึ่ง รู้เส้นทางถนน แต่ใช่ว่าจะเข้าใจลำดับรอบ ๆ ทางของมัน ... อ.สมศักดิ์ เจียมฯ .. เข้ามาพิมพ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรใหม่ในช่วงแรก ๆ ของการเปิดงาน / หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่า อ.สมศักดิ์ได้ดูต่อเนื่องอีกหรือไม่ ? เพราะความใหม่ มันได้เกิดขึ้นหลังข้อความการด้อยค่าของ อ.สมศักดิ์ และมันคือการ "โป๊ะแตก" อย่างจัง .... คุณวิมลพรรณ ปีตะธวัชชัย .. นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์อาวุโส อดีตนักข่าวหญิงคนแรกของสยามรัฐ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของ นสพ. โพสต์ทูเดย์ (และเป็นผู้เขียนหนังสือ เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ) คุณวิมลพรรณ ได้เล่าบางช่วงเวลาให้ฟังว่า ที่เขียนหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะบังเอิญไปอ่านหนังสือของ อ.สมศักดิ์ อ.สมศักดิ์บอกว่า .. รัชกาลที่ 9 อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ (16 กย. 2500 - โค่นจอมพล ป. ซึ่งครองอำนาจสมัยที่ 2) โดยก่อนหน้าจอมพลสฤษดิ์ จะทำการปฏิวัติ 2 สัปดาห์ ได้มีการประชุมวางแผนกันถึง 70 คน ใน 70 คนนั้น มีพี่น้องปราโมช 2 คน (ม.ร.ว.เสนีย์ - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) และมีพระองค์เจ้าธานีนิวัติ (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร) ซึ่งแสดงว่า ร.9 รู้เห็นในการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป. คุณวิมลพรรณ ซึ่งรู้จักทางฝ่าย ม.ร.ว.เสนีย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และพระองค์เจ้าธานีนิวัต จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่อ.สมศักดิ์ บอกไว้ แต่ในเวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะไปถามใคร ทำให้ต้องค้นหาความจริงเอง คุณวิมลพรรณ ได้เดินทางตามหาเอกสารตามที่อ.สมศักดิ์ อ้างไว้ .. ไปถึงห้องสมุดประเทศอังกฤษ , พบบันทึกฝรั่งที่เขียนใส่แฟ้มเอาไว้หลายหน้า ในบันทึกแรก ๆ ล้วนแต่บอกว่า ได้รับฟังมาจากคนอื่น ๆ ในประเทศไทย ฝรั่งเขียนรายงานตามที่ได้ยินมา ว่าสองพี่น้องปราโมชและพระองค์เจ้าธานีนิวัต ไปประชุมร่วมมือการปฏิวัติกับจอมพลสฤษดิ์ พอเปิดเอกสารในแฟ้มไปเรื่อย ๆ จนพบจดหมายของทูตอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า .. .. ข้อมูลคำบอกเล่าด้านหน้าที่บันทึกไว้ มันเป็น "ข่าวลือ" ไม่มีความจริง ... ต่อมาคุณวิมลพรรณ ได้ออกหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงภาพการสัมภาษณ์ โดยมีภาพเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ เต็มไปหมด อ.สมศักดิ์ เห็นภาพข่าว จึงได้โทรมาหา .. แล้วบอกว่าผมอยากรู้และอยากแลกเปลี่ยนเอกสารที่คุณวิมลพรรณมีอยู่ คุณวิมลพรรณ ตอบไปว่า .. ก็เพราะอ.สมศักดิ์นี้แหละ ที่ไปเขียนว่า ร.9 รู้เห็นกับการปฏิวัติของจอมพล สฤษดิ์. จึงทำให้ดิฉันต้องไปค้นหาเอกสารความจริงทั้งหมด อ.สมศักดิ์ บอกว่า 📍 "ขอโทษครับ ผมลอกข้อมูลดังกล่าวมาจาก ณัฐพล ใจจริง" โป๊ะแตก ทันที ... ณัฐพล ใจจริง กลายเป็นมือปล่อยข่าวลือที่พยายามจะสร้างให้เป็นข่าวจริง และคือจุดด่างพร้อยของนักวิชาการ .... ✍️✍️✍️ Padipon Apinyankul0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - จ้างเชอ ธรรมเนียมกีดขวางรถเจ้าสาว
สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ ว่าด้วยการแต่งงานจีนโบราณ
เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจำได้ว่าในฉากที่องค์หญิงหลี่หรงแต่งงานนั้น องค์ชายรัชทายาทหลี่ชวนได้นั่งรถม้านำขบวนรถเจ้าสาวพร้อมโปรยเงินให้ชาวบ้านที่มาอออยู่เต็มถนน จริงๆ แล้วพวกชาวบ้านไม่ได้มารอรับขบวนเสด็จขององค์หญิง หากแต่มันเป็นประเพณีการกีดขวางรถเจ้าสาวหรือที่เรียกว่า ‘จ้างเชอ’ (障车 แปลตรงตัวว่า ขวางรถ)
พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยกับประเพณีการกั้นประตูตอนเจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาว ซึ่งเป็นการกั้นก่อนที่เจ้าบ่าวจะเข้าถึงตัวเจ้าสาว แต่การกีดขวางรถเจ้าสาวหรือจ้างเชอนี้เป็นการกีดขวางขบวนรถเจ้าสาวหลังจากที่เจ้าบ่าวรับตัวเจ้าสาวแล้วและกำลังจะพาเจ้าสาวเดินทางกลับบ้านเจ้าบ่าวเพื่อเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งนี้ ตามประเพณีดั้งเดิม การกีดขวางรถนี้เป็นการกระทำโดยครอบครัวฝ่ายหญิงเพื่อแสดงออกถึงความอาลัยอาวรณ์ในตัวเจ้าสาว
แต่เดิมในสมัยโบราณนั้น พิธีการแต่งงานจะเน้นเรียบขรึมสุขุมเพราะมองว่าเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ครึกครื้นเอิกเกริกและไม่มีการกีดขวางขบวนเจ้าสาว ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเกิดประเพณีกีดขวางขบวนเจ้าสาวหรือจ้างเชอนี้ขึ้น และเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยสุยและถัง โดยในสมัยถังนั้น เป็นยุคสมัยที่เน้นความครึกครื้นและนิยมการแต่งกลอน มีการให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวหรือ ‘ชุยจวงซือ’ ก่อนจะเข้าถึงตัวเจ้าสาวได้ (Storyฯ เคยเขียนถึงธรรมเนียมคล้ายคลึงกันในสมัยซ่ง https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid05s41d5RQU7QjyxytQ3KKM5YDxA5cE2wNCLQDJZtP6YXRh844ki7rSrhXaGPr3zLil) และเมื่อรับตัวเจ้าสาวแล้วก็จะถูกกั้นขบวนหรือจ้างเชอ และเจ้าบ่าวต้องแต่งกลอนเพื่อขอให้เปิดทาง ต่อมาพัฒนามาเป็นการกีดขวางเพื่อให้ฝ่ายชายต้องจ่ายเงินก่อนจะพาขบวนรถเจ้าสาวออกไปได้และอาจแห่กันมายืนออกันทั้งหมู่บ้าน ไม่ใช่แค่ครอบครัวของเจ้าสาว
และเมื่อมาถึงบ้านเจ้าบ่าวแล้ว ในสมัยถังจะมีการเดินบนพรมที่มีคนนำมาสลับวางอย่างที่เห็นในเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> เรียกว่า ‘จ่วนสี’ (转席) เป็นเคล็ดว่าให้สืบทอดรุ่นต่อรุ่น
แน่นอนว่าธรรมเนียมปฏิบัติเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและตามพื้นที่ จากเดิมใช้รถม้ารับเจ้าสาวก็เปลี่ยนมาเป็นใช้เกี้ยวในสมัยซ่ง และในบางพื้นที่ก็เปลี่ยนจากการให้บ่าวสาวเดินบนพรมที่สลับวางมาเป็นให้เจ้าสาวก้าวข้ามอานม้า (ซึ่งออกเสียงใกล้กับคำว่า ‘อัน’ ที่แปลว่าปลอดภัยสุขสงบ) หรือก้าวข้ามเตาเป็นเคล็ดว่าให้แคล้วคลาดจากสิ่งอัปมงคลแทน
(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)
Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://today.line.me/tw/v2/article/x2wrzLn
Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
http://paper.people.com.cn/rmlt/html/2023-07/01/content_26011443.htm
https://baike.baidu.com/item/障车/1624835
https://m.thepaper.cn/baijiahao_15953346#:~:text=新娘上了车,女方,之为“转席”。
https://zqb.cyol.com/html/2020-11/10/nw.D110000zgqnb_20201110_1-10.htm
#องค์หญิงใหญ่ #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #รับตัวเจ้าสาวจีนโบราณ #สาระจีน
จ้างเชอ ธรรมเนียมกีดขวางรถเจ้าสาว สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ ว่าด้วยการแต่งงานจีนโบราณ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจำได้ว่าในฉากที่องค์หญิงหลี่หรงแต่งงานนั้น องค์ชายรัชทายาทหลี่ชวนได้นั่งรถม้านำขบวนรถเจ้าสาวพร้อมโปรยเงินให้ชาวบ้านที่มาอออยู่เต็มถนน จริงๆ แล้วพวกชาวบ้านไม่ได้มารอรับขบวนเสด็จขององค์หญิง หากแต่มันเป็นประเพณีการกีดขวางรถเจ้าสาวหรือที่เรียกว่า ‘จ้างเชอ’ (障车 แปลตรงตัวว่า ขวางรถ) พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยกับประเพณีการกั้นประตูตอนเจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาว ซึ่งเป็นการกั้นก่อนที่เจ้าบ่าวจะเข้าถึงตัวเจ้าสาว แต่การกีดขวางรถเจ้าสาวหรือจ้างเชอนี้เป็นการกีดขวางขบวนรถเจ้าสาวหลังจากที่เจ้าบ่าวรับตัวเจ้าสาวแล้วและกำลังจะพาเจ้าสาวเดินทางกลับบ้านเจ้าบ่าวเพื่อเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งนี้ ตามประเพณีดั้งเดิม การกีดขวางรถนี้เป็นการกระทำโดยครอบครัวฝ่ายหญิงเพื่อแสดงออกถึงความอาลัยอาวรณ์ในตัวเจ้าสาว แต่เดิมในสมัยโบราณนั้น พิธีการแต่งงานจะเน้นเรียบขรึมสุขุมเพราะมองว่าเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ครึกครื้นเอิกเกริกและไม่มีการกีดขวางขบวนเจ้าสาว ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเกิดประเพณีกีดขวางขบวนเจ้าสาวหรือจ้างเชอนี้ขึ้น และเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยสุยและถัง โดยในสมัยถังนั้น เป็นยุคสมัยที่เน้นความครึกครื้นและนิยมการแต่งกลอน มีการให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวหรือ ‘ชุยจวงซือ’ ก่อนจะเข้าถึงตัวเจ้าสาวได้ (Storyฯ เคยเขียนถึงธรรมเนียมคล้ายคลึงกันในสมัยซ่ง https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid05s41d5RQU7QjyxytQ3KKM5YDxA5cE2wNCLQDJZtP6YXRh844ki7rSrhXaGPr3zLil) และเมื่อรับตัวเจ้าสาวแล้วก็จะถูกกั้นขบวนหรือจ้างเชอ และเจ้าบ่าวต้องแต่งกลอนเพื่อขอให้เปิดทาง ต่อมาพัฒนามาเป็นการกีดขวางเพื่อให้ฝ่ายชายต้องจ่ายเงินก่อนจะพาขบวนรถเจ้าสาวออกไปได้และอาจแห่กันมายืนออกันทั้งหมู่บ้าน ไม่ใช่แค่ครอบครัวของเจ้าสาว และเมื่อมาถึงบ้านเจ้าบ่าวแล้ว ในสมัยถังจะมีการเดินบนพรมที่มีคนนำมาสลับวางอย่างที่เห็นในเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> เรียกว่า ‘จ่วนสี’ (转席) เป็นเคล็ดว่าให้สืบทอดรุ่นต่อรุ่น แน่นอนว่าธรรมเนียมปฏิบัติเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและตามพื้นที่ จากเดิมใช้รถม้ารับเจ้าสาวก็เปลี่ยนมาเป็นใช้เกี้ยวในสมัยซ่ง และในบางพื้นที่ก็เปลี่ยนจากการให้บ่าวสาวเดินบนพรมที่สลับวางมาเป็นให้เจ้าสาวก้าวข้ามอานม้า (ซึ่งออกเสียงใกล้กับคำว่า ‘อัน’ ที่แปลว่าปลอดภัยสุขสงบ) หรือก้าวข้ามเตาเป็นเคล็ดว่าให้แคล้วคลาดจากสิ่งอัปมงคลแทน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://today.line.me/tw/v2/article/x2wrzLn Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://paper.people.com.cn/rmlt/html/2023-07/01/content_26011443.htm https://baike.baidu.com/item/障车/1624835 https://m.thepaper.cn/baijiahao_15953346#:~:text=新娘上了车,女方,之为“转席”。 https://zqb.cyol.com/html/2020-11/10/nw.D110000zgqnb_20201110_1-10.htm #องค์หญิงใหญ่ #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #รับตัวเจ้าสาวจีนโบราณ #สาระจีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว - เหตุผล..คือจิตวิญญาณของกฎหมาย
นาย นิติกร อยู่คงแก้ว หรือไก่ เป็นพ่อทีมที่อยู่ในระดับ GRAND DEALER ซึ่งเป็นทีมงานทนายของ..บอสสวย
เท่าที่อ่านแช็ต..เหตุผลมันดูแหม่งๆไม่เหมือนการบอกข้อกฎหมายให้เหยื่อ The Icon เข้าใจในข้อเท็จจริงของกฎหมาย #แต่มันดูเหมือนข่มขู่ผู้เสียหายซะมากกว่า
สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พวกท่านมีความคิดเห็นเยี่ยงไรกับการกระทำของทนายความตัวนี้ครับ.?
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
เหตุผล..คือจิตวิญญาณของกฎหมาย นาย นิติกร อยู่คงแก้ว หรือไก่ เป็นพ่อทีมที่อยู่ในระดับ GRAND DEALER ซึ่งเป็นทีมงานทนายของ..บอสสวย เท่าที่อ่านแช็ต..เหตุผลมันดูแหม่งๆไม่เหมือนการบอกข้อกฎหมายให้เหยื่อ The Icon เข้าใจในข้อเท็จจริงของกฎหมาย #แต่มันดูเหมือนข่มขู่ผู้เสียหายซะมากกว่า สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พวกท่านมีความคิดเห็นเยี่ยงไรกับการกระทำของทนายความตัวนี้ครับ.? สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว - เจ่าโต้ว สบู่จีนโบราณ
สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจะฟินจิกหมอนไม่น้อยกับฉากอาบน้ำของพระเอกนางเอก ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึง แต่ในนิยายตอนที่องค์หญิงหลี่หรงสั่งให้สาวใช้เตรียมของใช้สำหรับอาบน้ำจังหวะนี้ นอกจากกลีบดอกไม้แล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เจ่าโต้ว’ (澡豆) แปลตรงตัวว่าถั่วอาบน้ำ ซึ่งก็คือสบู่โบราณนั่นเอง วันนี้เรามาคุยกันเรื่องนี้
แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำ ปัจจุบันการอาบน้ำทั่วไปเรียกว่า ‘สีเจ่า’ (洗澡) แต่ถ้าอาบแบบแช่น้ำในอ่างทั้งตัวเรียกเป็น ‘มู่อวี้’ (沐浴) ซึ่งคำว่า ‘มู่อวี้’ นี้เป็นศัพท์ที่มีมาแต่โบราณและคำว่าห้องอาบน้ำ (浴室/อวี้ซึ) ปรากฏเป็นอักขระบนกระดูกโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ดังนั้น วัฒนธรรมการอาบน้ำมีมาอย่างน้อยสามพันกว่าปีในประเทศจีน
ในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นระบุจำแนกไว้ว่า ‘มู่’ คือการสระผม ‘อวี้’ คือการอาบชำระร่างกาย ‘สี่’ คือการล้างเท้า และ ‘เจ่า’ คือการล้างมือ ต่อมาคำว่า ‘เจ่า’ จึงค่อยๆ ถูกใช้สำหรับการชำระล้างส่วนอื่นๆ ด้วย
การอาบน้ำแบบโบราณหรือมู่อวี้ โดยทั่วไปคือการอาบน้ำอุ่นในถังอาบน้ำ อาจแช่ทั้งตัวหรือนั่งราดอาบก็ได้ ดังที่เราเห็นในซีรีส์จีนว่าต้องมีการต้มน้ำไปใส่อ่าง หรืออย่างในวังจะมีสระน้ำร้อนให้ใช้ และชาวจีนโบราณก็ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน (จะว่าไปแล้ว ชาติอื่นก็เหมือนกัน) โดยหลักปฏิบัติคือสามวันให้สระผมหนึ่งครั้ง ห้าวันอาบน้ำหนึ่งครั้ง ในสมัยฮั่นถึงกับกำหนดเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติของข้าราชการโดยจะหยุดพักงานทุกห้าวัน เป็นนัยว่าหยุดเพื่อให้อยู่บ้านอาบน้ำ และวันหยุดนี้เรียกว่า ‘ซิวมู่’ (休沐 แปลตรงตัวว่าพักอาบน้ำ)
นอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมพิธีสำคัญก็ต้องอาบน้ำโดยเฉพาะพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากกาย โดยในเอกสารโบราณมีระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการอาบน้ำ เป็นต้นว่า การอาบน้ำนั้น ท่อนบนของร่างกายใช้ผ้าใยเนื้อละเอียดเช็ดถู ท่อนล่างใช้ผ้าใยเนื้อหยาบ สุดท้ายคือยืนล้าง (ขัด) เท้าบนเสื่อหญ้าหยาบ เมื่อเช็ดแห้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้ดื่มชาหรือน้ำเพื่อปรับอุณภูมิในร่างกายและชดเชยการเสียเหงื่อด้วย
ในช่วงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ปรากฏว่าตามวัดพุทธมีการขุดบ่อเป็นสระอาบน้ำรวมให้พระภิกษุใช้อาบทุกวันก่อนไหว้พระ และเนื่องจากในสมัยโบราณชาวบ้านนิยมเที่ยววัด จึงค่อยๆ กลายเป็นว่าชาวบ้านหรือข้าราชการก็ไปใช้บริการอาบน้ำที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งดื่มชาสนทนากัน ต่อมาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมนี้เป็นที่นิยมมาก ในสมัยซ่งมีสระอาบน้ำสาธารณะในเมืองที่ชาวบ้านสามารถมาจ่ายเงินใช้บริการได้โดยแบ่งเป็นสระน้ำอุ่นและสระน้ำเย็นให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และในสมัยหมิงถึงกับมีคนรับจ้างช่วยถูหลังสระผมตัดเล็บเลยทีเดียว
ว่ากันว่า แรกเริ่มเลยในสมัยซางและฮั่น คนโบราณใช้น้ำซาวข้าวอาบน้ำสระผม ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการพัฒนาใช้เครื่องหอมต่างๆ จึงสันนิษฐานว่าสบู่โบราณเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นในสมัยนั้นเช่นกัน แต่ว่าแรกเริ่มมันเป็นของหรูที่มีใช้ในวังเท่านั้นและใช้สำหรับล้างมือ ต่อมาจึงแพร่สู่ชาวบ้านธรรมดา ใช้ได้ทั้งอาบน้ำสระผมล้างหน้าล้างมือล้างเท้า และใช้ซักเสื้อผ้าอีกด้วย
สบู่เจ่าโต้วนี้ถูกเรียกว่า ‘ถั่วอาบน้ำ’ เพราะว่าส่วนผสมหลักของมันก็คือถั่วหรือธัญพืชบดละเอียด ผสมด้วย เครื่องหอม เครื่องเทศและยาสมุนไพรหลากหลาย และสูตรโบราณนี้นอกจากจะเป็นสครับขัดผิวให้ขาวเนียนและบำรุงผิวพรรณได้ดีแล้ว ยังล้างคราบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคราบดินโคลน คราบมัน คราบเลือด และคราบเครื่องสำอาง ต่อมาภายหลังจึงใช้หันไปใช้ขี้เถ้าไม้และไขมันสัตว์เป็นส่วนผสมหลักเรียกว่า ‘อี๋จื่อ’ (胰子) ซึ่งเป็นพัฒนากลายมาเป็นสบู่ปัจจุบัน
สูตรการทำเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย แต่สามารถสรุปรวมได้ดังนี้ คือ (1) ธัญพืชและถั่วสารพัดชนิด บ้างต้มสุกบ้างใช้ถั่วดิบ บดละเอียด (2) สมุนไพรหรือเครื่องเทศบดละเอียด เช่น กานพลู การบูร อบเชย (3) เครื่องหอมที่ต้องการ เช่นไม้หอมอบแห้ง กลีบดอกไม้แห้ง บดละเอียดหรือหากเป็นดอกไม้อาจบดหยาบ (4) น้ำหรือน้ำแร่ ต้มเคี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง (5) เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมแล้วคลุกให้สม่ำเสมอ ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาไปตากแห้งหลายๆ วัน เป็นอันจบขั้นตอน เวลาจะใช้ก็ชุบน้ำให้เปียกแล้วบี้แตกถูตามร่างกาย
Storyฯ ผ่านตาคลิปของพ่อหนุ่มที่ทำสบู่โบราณนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยทำกระบอกจุดไฟและกระโปรงหม่าเมี่ยนที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (ค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญ) เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ
จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วเจ่าโต้วทำไม่ยาก แต่สาเหตุที่เดิมเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีราคาสูงเกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะนำมาใช้ในกิจวัตรประจำวัน สู้ใช้พวกดินโคลนหินทรายจะง่ายกว่าและประหยัดทรัพย์ โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ คิดว่าส่วนผสมของเจ่าโต้วนี้ดูน่าใช้กว่าสบู่รุ่นหลังที่ทำจากไขมันสัตว์และขี้เถ้าไม้เสียอีก แต่ยังไม่ได้ทดลองทำดูนะ ใครลองทำแล้วได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ หรือถ้าใครรู้ว่าภูมิปัญญาไทยโบราณใช้อะไรทำสบู่ แตกต่างมากน้อยอย่างไรกับเจ่าโต้วนี้ ก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ
(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)
คลิปสาธิตการทำเจ่าโต้ว: https://www.youtube.com/watch?v=kuCYk0hoAdY
Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c4304001633w.html
https://kknews.cc/zh-my/history/p6b6orj.html
https://baike.sogou.com/v8330278.htm
https://zabar.pixnet.net/blog/post/64707721
Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_23937607
https://baike.baidu.com/item/澡豆/687918
https://kknews.cc/zh-cn/history/qxyaj9b.html
https://k.sina.cn/article_6395568294_17d34a0a600100cs21.html
https://baike.baidu.com/item/胰子/5249378
#องค์หญิงใหญ่ #เจ่าโต้ว #สบู่จีนโบราณ #อาบน้ำจีนโบราณ #สาระจีน
เจ่าโต้ว สบู่จีนโบราณ สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจะฟินจิกหมอนไม่น้อยกับฉากอาบน้ำของพระเอกนางเอก ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึง แต่ในนิยายตอนที่องค์หญิงหลี่หรงสั่งให้สาวใช้เตรียมของใช้สำหรับอาบน้ำจังหวะนี้ นอกจากกลีบดอกไม้แล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เจ่าโต้ว’ (澡豆) แปลตรงตัวว่าถั่วอาบน้ำ ซึ่งก็คือสบู่โบราณนั่นเอง วันนี้เรามาคุยกันเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำ ปัจจุบันการอาบน้ำทั่วไปเรียกว่า ‘สีเจ่า’ (洗澡) แต่ถ้าอาบแบบแช่น้ำในอ่างทั้งตัวเรียกเป็น ‘มู่อวี้’ (沐浴) ซึ่งคำว่า ‘มู่อวี้’ นี้เป็นศัพท์ที่มีมาแต่โบราณและคำว่าห้องอาบน้ำ (浴室/อวี้ซึ) ปรากฏเป็นอักขระบนกระดูกโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ดังนั้น วัฒนธรรมการอาบน้ำมีมาอย่างน้อยสามพันกว่าปีในประเทศจีน ในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นระบุจำแนกไว้ว่า ‘มู่’ คือการสระผม ‘อวี้’ คือการอาบชำระร่างกาย ‘สี่’ คือการล้างเท้า และ ‘เจ่า’ คือการล้างมือ ต่อมาคำว่า ‘เจ่า’ จึงค่อยๆ ถูกใช้สำหรับการชำระล้างส่วนอื่นๆ ด้วย การอาบน้ำแบบโบราณหรือมู่อวี้ โดยทั่วไปคือการอาบน้ำอุ่นในถังอาบน้ำ อาจแช่ทั้งตัวหรือนั่งราดอาบก็ได้ ดังที่เราเห็นในซีรีส์จีนว่าต้องมีการต้มน้ำไปใส่อ่าง หรืออย่างในวังจะมีสระน้ำร้อนให้ใช้ และชาวจีนโบราณก็ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน (จะว่าไปแล้ว ชาติอื่นก็เหมือนกัน) โดยหลักปฏิบัติคือสามวันให้สระผมหนึ่งครั้ง ห้าวันอาบน้ำหนึ่งครั้ง ในสมัยฮั่นถึงกับกำหนดเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติของข้าราชการโดยจะหยุดพักงานทุกห้าวัน เป็นนัยว่าหยุดเพื่อให้อยู่บ้านอาบน้ำ และวันหยุดนี้เรียกว่า ‘ซิวมู่’ (休沐 แปลตรงตัวว่าพักอาบน้ำ) นอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมพิธีสำคัญก็ต้องอาบน้ำโดยเฉพาะพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากกาย โดยในเอกสารโบราณมีระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการอาบน้ำ เป็นต้นว่า การอาบน้ำนั้น ท่อนบนของร่างกายใช้ผ้าใยเนื้อละเอียดเช็ดถู ท่อนล่างใช้ผ้าใยเนื้อหยาบ สุดท้ายคือยืนล้าง (ขัด) เท้าบนเสื่อหญ้าหยาบ เมื่อเช็ดแห้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้ดื่มชาหรือน้ำเพื่อปรับอุณภูมิในร่างกายและชดเชยการเสียเหงื่อด้วย ในช่วงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ปรากฏว่าตามวัดพุทธมีการขุดบ่อเป็นสระอาบน้ำรวมให้พระภิกษุใช้อาบทุกวันก่อนไหว้พระ และเนื่องจากในสมัยโบราณชาวบ้านนิยมเที่ยววัด จึงค่อยๆ กลายเป็นว่าชาวบ้านหรือข้าราชการก็ไปใช้บริการอาบน้ำที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งดื่มชาสนทนากัน ต่อมาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมนี้เป็นที่นิยมมาก ในสมัยซ่งมีสระอาบน้ำสาธารณะในเมืองที่ชาวบ้านสามารถมาจ่ายเงินใช้บริการได้โดยแบ่งเป็นสระน้ำอุ่นและสระน้ำเย็นให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และในสมัยหมิงถึงกับมีคนรับจ้างช่วยถูหลังสระผมตัดเล็บเลยทีเดียว ว่ากันว่า แรกเริ่มเลยในสมัยซางและฮั่น คนโบราณใช้น้ำซาวข้าวอาบน้ำสระผม ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการพัฒนาใช้เครื่องหอมต่างๆ จึงสันนิษฐานว่าสบู่โบราณเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นในสมัยนั้นเช่นกัน แต่ว่าแรกเริ่มมันเป็นของหรูที่มีใช้ในวังเท่านั้นและใช้สำหรับล้างมือ ต่อมาจึงแพร่สู่ชาวบ้านธรรมดา ใช้ได้ทั้งอาบน้ำสระผมล้างหน้าล้างมือล้างเท้า และใช้ซักเสื้อผ้าอีกด้วย สบู่เจ่าโต้วนี้ถูกเรียกว่า ‘ถั่วอาบน้ำ’ เพราะว่าส่วนผสมหลักของมันก็คือถั่วหรือธัญพืชบดละเอียด ผสมด้วย เครื่องหอม เครื่องเทศและยาสมุนไพรหลากหลาย และสูตรโบราณนี้นอกจากจะเป็นสครับขัดผิวให้ขาวเนียนและบำรุงผิวพรรณได้ดีแล้ว ยังล้างคราบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคราบดินโคลน คราบมัน คราบเลือด และคราบเครื่องสำอาง ต่อมาภายหลังจึงใช้หันไปใช้ขี้เถ้าไม้และไขมันสัตว์เป็นส่วนผสมหลักเรียกว่า ‘อี๋จื่อ’ (胰子) ซึ่งเป็นพัฒนากลายมาเป็นสบู่ปัจจุบัน สูตรการทำเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย แต่สามารถสรุปรวมได้ดังนี้ คือ (1) ธัญพืชและถั่วสารพัดชนิด บ้างต้มสุกบ้างใช้ถั่วดิบ บดละเอียด (2) สมุนไพรหรือเครื่องเทศบดละเอียด เช่น กานพลู การบูร อบเชย (3) เครื่องหอมที่ต้องการ เช่นไม้หอมอบแห้ง กลีบดอกไม้แห้ง บดละเอียดหรือหากเป็นดอกไม้อาจบดหยาบ (4) น้ำหรือน้ำแร่ ต้มเคี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง (5) เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมแล้วคลุกให้สม่ำเสมอ ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาไปตากแห้งหลายๆ วัน เป็นอันจบขั้นตอน เวลาจะใช้ก็ชุบน้ำให้เปียกแล้วบี้แตกถูตามร่างกาย Storyฯ ผ่านตาคลิปของพ่อหนุ่มที่ทำสบู่โบราณนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยทำกระบอกจุดไฟและกระโปรงหม่าเมี่ยนที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (ค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญ) เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วเจ่าโต้วทำไม่ยาก แต่สาเหตุที่เดิมเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีราคาสูงเกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะนำมาใช้ในกิจวัตรประจำวัน สู้ใช้พวกดินโคลนหินทรายจะง่ายกว่าและประหยัดทรัพย์ โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ คิดว่าส่วนผสมของเจ่าโต้วนี้ดูน่าใช้กว่าสบู่รุ่นหลังที่ทำจากไขมันสัตว์และขี้เถ้าไม้เสียอีก แต่ยังไม่ได้ทดลองทำดูนะ ใครลองทำแล้วได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ หรือถ้าใครรู้ว่าภูมิปัญญาไทยโบราณใช้อะไรทำสบู่ แตกต่างมากน้อยอย่างไรกับเจ่าโต้วนี้ ก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) คลิปสาธิตการทำเจ่าโต้ว: https://www.youtube.com/watch?v=kuCYk0hoAdY Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c4304001633w.html https://kknews.cc/zh-my/history/p6b6orj.html https://baike.sogou.com/v8330278.htm https://zabar.pixnet.net/blog/post/64707721 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_23937607 https://baike.baidu.com/item/澡豆/687918 https://kknews.cc/zh-cn/history/qxyaj9b.html https://k.sina.cn/article_6395568294_17d34a0a600100cs21.html https://baike.baidu.com/item/胰子/5249378 #องค์หญิงใหญ่ #เจ่าโต้ว #สบู่จีนโบราณ #อาบน้ำจีนโบราณ #สาระจีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว - 🇷🇺 ทำไมไม่ต้องออกกฏหมายระดมพล ไม่ต้องเอาทหารเกณฑ์ ไปออกรบแนวหน้า❓
.
💢💢 หลายครั้งแล้ว ที่ผมพยายามบอกว่า รัสเซียไม่ต้อง :
◉ ระดมพลบางส่วน Partial Mobilization 300,000 นาย อย่างเมื่อปี 65
◉ ทหารเกณฑ์อายุน้อย ที่มีระยะเวลาประจำการ 12 เดือน จะไม่รวมในการระดมพล
◉ ทหารกองหนุนรัสเซีย ที่มีอยู่เกินกว่า 2 ล้านคน
◉ การประกาศระดมพลเต็มรูปแบบ ซึ่งกองทัพรัสเซียจะมีทหารกองหนุนมากถึง 25 ล้านคน
📌📌 ในการส่งไปแนวหน้า ในสงครามกับยูเครน
.
ทหารมาจากไหน ➡ การรับสมัคร
• #ทหารสัญญาจ้าง / ทหารอาสา contract soldier
💷💷 โดยการเสนอ ให้ชาวรัสเซียที่ลงนามในสัญญากับกองทัพ
• 💰 จะได้รับเงินล่วงหน้าสูงถึง 3 ล้านรูเบิล หรือ £23,800 หรือ 1.039 ล้านบาท
• 💰 ค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือน £1,757 หรือ 76,700 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยในรัสเซียประมาณ 4 เท่า
ภาพ : ทหารใหม่ เข้ารับการฝึกการจู่โจมในสนามยิงปืนในแคว้นรอสตอฟ ประเทศรัสเซีย
Noraseth Tuntasiri🇷🇺 ทำไมไม่ต้องออกกฏหมายระดมพล ไม่ต้องเอาทหารเกณฑ์ ไปออกรบแนวหน้า❓ . 💢💢 หลายครั้งแล้ว ที่ผมพยายามบอกว่า รัสเซียไม่ต้อง : ◉ ระดมพลบางส่วน Partial Mobilization 300,000 นาย อย่างเมื่อปี 65 ◉ ทหารเกณฑ์อายุน้อย ที่มีระยะเวลาประจำการ 12 เดือน จะไม่รวมในการระดมพล ◉ ทหารกองหนุนรัสเซีย ที่มีอยู่เกินกว่า 2 ล้านคน ◉ การประกาศระดมพลเต็มรูปแบบ ซึ่งกองทัพรัสเซียจะมีทหารกองหนุนมากถึง 25 ล้านคน 📌📌 ในการส่งไปแนวหน้า ในสงครามกับยูเครน . ทหารมาจากไหน ➡ การรับสมัคร • #ทหารสัญญาจ้าง / ทหารอาสา contract soldier 💷💷 โดยการเสนอ ให้ชาวรัสเซียที่ลงนามในสัญญากับกองทัพ • 💰 จะได้รับเงินล่วงหน้าสูงถึง 3 ล้านรูเบิล หรือ £23,800 หรือ 1.039 ล้านบาท • 💰 ค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือน £1,757 หรือ 76,700 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยในรัสเซียประมาณ 4 เท่า ภาพ : ทหารใหม่ เข้ารับการฝึกการจู่โจมในสนามยิงปืนในแคว้นรอสตอฟ ประเทศรัสเซีย Noraseth Tuntasiri0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว - หกทักษะของสุภาพบุรุษ ตอน 4 ‘ซู’ และ ‘ซู่’
ผ่านมาหลายสัปดาห์กับหกทักษะของสุภาพบุรุษจากตระกูลสูงศักดิ์ หรือ ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือ(หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) ซึ่งในบันทึกพิธีการโจวหลี่ระบุไว้ว่าคือ 1. ห้าพิธีการ (หลี่/礼) 2. หกดนตรี (เยวี่ย/乐) 3. ห้าการยิงธนู (เซ่อ/射) 4. ห้าการขับขี่ (อวี้/御) 5. หกอักษร (ซู/书) และ 6. เก้าคำนวณ (ซู่/数)
สัปดาห์นี้มาคุยกันถึงสองทักษะสุดท้าย ซึ่งไม่ตื่นตาตื่นใจเท่าสัปดาห์ที่แล้ว และในบันทึกโจวหลี่ไม่ได้มีการขยายความเพิ่มเติม เพียงระบุไว้ว่าต้องมีทักษะที่ห้า คือ ‘ลิ่วซู’ หรือหกอักษร และทักษะที่หกคือ ‘จิ่วซู่’ หรือเก้าคำนวณ และชนรุ่นหลังจึงต้องอาศัยหนังสืออื่นในสมัยฮั่นที่บรรยายเพิ่มเติมถึงสองทักษะนี้
สำหรับทักษะที่ห้า ‘ซู’ หรืออักษรนี้ เพื่อนเพจอย่าได้เข้าใจผิดว่ามันหมายถึงงานโคลงกลอนวรรณกรรมชั้นสูง หรือการเขียนพู่กันรูปแบบอักษรต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นทักษะพื้นฐานในการเขียนอ่านสำหรับเด็กเมื่อเริ่มเรียนหนังสือเมื่อกว่าสามพันปีที่แล้ว สรุปได้ดังนี้
(1) เซี่ยงสิง (象形/Pictogram) คืออักษรภาพที่เป็นอักษรเดี่ยว วาดขึ้นเพื่อบรรยายหรือสะท้อนถึงสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตที่เรามองเห็น ซึ่งเพื่อนเพจอย่าลืมว่าแรกเริ่มการเขียนของมนุษย์เรามาจากการวาดภาพ อักขระที่ใช้ในสมัยจีนบรรพกาลตามที่เราเห็นบนกระดูกโบราณก็เป็นลักษณะคล้ายภาพวาด อย่างเช่นอักษร ‘เหริน’ (人) ที่แปลว่าคน ก็คือมาจากการวาดรูปคนเดิน เป็นต้น
(2) จื่อซื่อ (指事/Indicatives) คืออักษรภาพที่เป็นอักษรเดี่ยว วาดขึ้นเพื่อบรรยายหรือสะท้อนถึงความคิดความรู้สึกที่เราจับต้องไม่ได้ เช่น ตัวเลขจีนหรือคำว่าบนล่าง (‘ซ่างเซี่ย’ / 上下) เป็นต้น
(3) ฮุ่ยอี้ (会意/Associative Compound) คืออักษรประสมที่เกิดจากการประกอบอักษรเดี่ยว (เซี่ยงสิงหรือจื่อซื่อ) มากกว่าหนึ่งอักษรเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นอีกความหมายหนึ่ง เช่น ‘จ้ง’ (众) ประกอบด้วยอักษร ‘เหริน’ สามตัว หมายถึงกลุ่มคน เป็นต้น
(4) สิงเซิง (形声/Pictophonetic Compound) คืออักษรประสมที่ใช้อักษรหลักเดียวกัน แต่อาศัยอักษรข้างหรืออักษรบนล่างผันเสียงและ/หรือสร้างความหมายให้แตกต่างกันไป เช่น 绸 调 鲷 雕 และ 竿 笼 笔 筷 签 เป็นต้น ประเด็นนี้เพื่อนเพจที่ได้เรียนภาษาจีนจะเข้าใจได้ดีกว่าที่ Storyฯ อธิบาย
สี่อักษรข้างต้นนั้น เป็นการวางรากฐานการเขียนและอักษรจีน แต่อีกสองอักษรที่เหลือเป็นหลักการการใช้ศัพท์ กล่าวคือ
(5) จ่วนจู้ (转注/ Shared Component Characters) คืออักษรประสมที่อาจเขียนและออกเสียงแตกต่างแต่มีความหมายเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน โดยมีเงื่อนไขว่าอักษรนี้ต้องมีอักษรประกอบ (คืออักษรข้างหรืออักษรบนล่าง) ที่เหมือนกัน มีเสียงอ่านใกล้เคียงกัน และใช้อธิบายความหมายของกันและกันได้ ทั้งนี้เพราะแต่ละพื้นที่ของจีนมีภาษาท้องถิ่นที่ออกเสียงแตกต่างกันไปจึงอาจมีการใช้อักษรบางตัวแตกต่างกันไป แต่หากเข้าใจหลักการของ ‘จ่วนจู้’ ก็จะสามารถเข้าใจความหมายของอักษรที่แตกต่างกันไปเหล่านั้นได้ เช่น ‘คง’ (空) แปลว่าว่างเปล่า และ ‘เชี่ยว’ (窍) แปลว่ารู เป็นต้น
(6) เจี่ยเจี้ย (假借/Phonetic Loans) คือการยืมอักษรที่ออกเสียงเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันมาใช้แทนกัน ซึ่งในสมัยโบราณมีการใช้ทักษะนี้ในการแต่งบทกลอนไม่น้อย และยังเห็นได้ในพวกคำมงคลต่างๆ เช่นคำว่า ‘เต้า’ (倒) ที่แปลว่ากลับหัว ถูกนำมาใช้ในบริบทของการติดป้ายมงคลกลับหัวเพื่อเรียกแทนคำว่า ‘เต้า’ (到) ที่แปลว่ามาถึง หรืออีกกรณีหนึ่งคือเจี่ยเจี้ยอาจหมายถึงการเอาอักษรหนึ่งมาใช้ในอีกบริบทหนึ่งจนเกิดเป็นความหมายใหม่ขึ้นมา เช่นคำว่า ‘ลิ่ง’ (令) ซึ่งแปลว่าคำสั่ง ต่อมาถูกนำมาใช้รวมกับคำอื่นจนแปลว่าผู้นำหรือผู้มีอำนาจสั่งการอย่าง ‘เซี่ยนลิ่ง’ (县令) คือผู้ว่าการอำเภอ เป็นต้น และอักษรเจี่ยเจี้ยเหล่านี้ นานวันเข้าก็เป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย
ส่วนทักษะการคำนวณหรือ ‘จิ่วซู่’ นั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียดมากเพราะว่ามาตรฐานและหน่วยวัดต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้วตามกาลเวลา ขอสรุปสั้นๆ พอให้เห็นภาพว่า เก้าคำนวณนี้ประกอบด้วย
(1) ฟางเถียน (方田) ซึ่งก็คือการคำนวณขนาดของพื้นที่ โจทย์โดยหลักคือที่นา
(2) ซู่หมี่ (粟米) คือการคำนวณปริมาณตามน้ำหนักของข้าวและธัญพืชชนิดต่างๆ เช่น ข้าวฟ่างน้ำหนักเท่านี้เทียบเท่ากับข้าวเจ้าน้ำหนักเท่าไหร่ เป็นต้น
(3) ซวยเฟิน (衰分) แปลตรงตัวคือการซอยย่อยหรือการหาร
(4) สาวก่วง (少广) แปลตรงตัวคือเพิ่มจากน้อยไปมาก ซึ่งก็คือการคูณ
(5) ซังกง (商功) คือการคำนวณปริมาตรของรูปทรงต่างๆ ใช้สำหรับงานก่อสร้าง
(6) จวินซู (均输) คือการคำนวณเปรียบเทียบอัตราส่วน เช่น เมื่อวานมีเกลือจำนวนเท่านี้ ขนส่งมาด้วยระยะทางหนึ่งร้อยหลี่ คิดเป็นเงินเท่านี้ ถ้าวันนี้มีเกลือน้อยลงหนึ่งส่วนสี่ ขนส่งด้วยระยะทางแปดสิบหลี่ ควรคิดเป็นเงินเท่าไหร่ เป็นต้น
(7) อิ๋งปู้จู๋ (盈不足) แปลตรงตัวคือกำไรขาดทุน ซึ่งก็คือการแก้สมการโดยมีโจทย์เป็นการคำนวณเงินๆ ทองๆ เช่น หากจะซื้อรถม้าสักคัน ถ้าออกเงินคนละห้าตำลึง จะขาดเงินเก้าสิบตำลึง ถ้าออกเงินคนละห้าสิบห้าตำลึง จะมีเงินเหลือสิบตำลึง ถามว่ามีคนออกเงินกี่คนและรถม้าราคาเท่าไหร่ เป็นต้น
(8) ฟางเฉิง (方程) คือการแก้สมการ เช่น มีวัวห้าตัวแพะสองตัว รวมเป็นมูลค่าสิบตำลึง แต่ถ้าวัวสองตัวแพะห้าตัวจะรวมมูลค่าได้แปดตำลึง ถามว่าวัวและแพะต่างมีราคาเท่าไหร่ เป็นต้น
(9) โกวกู่ (勾股) คือการคำนวณความสัมพันธ์ในเรขาคณิต (Pythagoras' theorem) เช่นการคำนวณองศาและความยาว เป็นอีกหนึ่งทักษะสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง
จะเห็นได้ว่า ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะของสุภาพบุรุษ (ห้าพิธีการ หกดนตรี ห้าการยิงธนู ห้าการขับขี่ หกอักษร และ เก้าคำนวณ) จริงๆ แล้วก็คือพื้นฐานการเรียนการสอนซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในยุคสมัยนั้น พื้นฐานเหล่านี้ถูกปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด แต่เรียกได้ว่าหกทักษะที่กำหนดไว้เมื่อกว่าสี่พันปีที่แล้วนี้ก็คือพื้นฐานของหลักสูตรการศึกษาจวบจนปัจจุบัน
(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)
Credit รูปภาพจาก:
https://business.china.com/ent/13004728/20240625/46749263.html
https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU
https://www.sohu.com/a/584032470_121288924
Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
https://baike.baidu.com/item/六艺/238715
https://www.sohu.com/a/584032470_121288924
https://baike.baidu.com/item/汉字造字法/4018743
https://studycli.org/zh-CN/chinese-characters/types-of-chinese-characters/
https://ctext.org/nine-chapters/zhs
#องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน
หกทักษะของสุภาพบุรุษ ตอน 4 ‘ซู’ และ ‘ซู่’ ผ่านมาหลายสัปดาห์กับหกทักษะของสุภาพบุรุษจากตระกูลสูงศักดิ์ หรือ ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือ(หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) ซึ่งในบันทึกพิธีการโจวหลี่ระบุไว้ว่าคือ 1. ห้าพิธีการ (หลี่/礼) 2. หกดนตรี (เยวี่ย/乐) 3. ห้าการยิงธนู (เซ่อ/射) 4. ห้าการขับขี่ (อวี้/御) 5. หกอักษร (ซู/书) และ 6. เก้าคำนวณ (ซู่/数) สัปดาห์นี้มาคุยกันถึงสองทักษะสุดท้าย ซึ่งไม่ตื่นตาตื่นใจเท่าสัปดาห์ที่แล้ว และในบันทึกโจวหลี่ไม่ได้มีการขยายความเพิ่มเติม เพียงระบุไว้ว่าต้องมีทักษะที่ห้า คือ ‘ลิ่วซู’ หรือหกอักษร และทักษะที่หกคือ ‘จิ่วซู่’ หรือเก้าคำนวณ และชนรุ่นหลังจึงต้องอาศัยหนังสืออื่นในสมัยฮั่นที่บรรยายเพิ่มเติมถึงสองทักษะนี้ สำหรับทักษะที่ห้า ‘ซู’ หรืออักษรนี้ เพื่อนเพจอย่าได้เข้าใจผิดว่ามันหมายถึงงานโคลงกลอนวรรณกรรมชั้นสูง หรือการเขียนพู่กันรูปแบบอักษรต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นทักษะพื้นฐานในการเขียนอ่านสำหรับเด็กเมื่อเริ่มเรียนหนังสือเมื่อกว่าสามพันปีที่แล้ว สรุปได้ดังนี้ (1) เซี่ยงสิง (象形/Pictogram) คืออักษรภาพที่เป็นอักษรเดี่ยว วาดขึ้นเพื่อบรรยายหรือสะท้อนถึงสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตที่เรามองเห็น ซึ่งเพื่อนเพจอย่าลืมว่าแรกเริ่มการเขียนของมนุษย์เรามาจากการวาดภาพ อักขระที่ใช้ในสมัยจีนบรรพกาลตามที่เราเห็นบนกระดูกโบราณก็เป็นลักษณะคล้ายภาพวาด อย่างเช่นอักษร ‘เหริน’ (人) ที่แปลว่าคน ก็คือมาจากการวาดรูปคนเดิน เป็นต้น (2) จื่อซื่อ (指事/Indicatives) คืออักษรภาพที่เป็นอักษรเดี่ยว วาดขึ้นเพื่อบรรยายหรือสะท้อนถึงความคิดความรู้สึกที่เราจับต้องไม่ได้ เช่น ตัวเลขจีนหรือคำว่าบนล่าง (‘ซ่างเซี่ย’ / 上下) เป็นต้น (3) ฮุ่ยอี้ (会意/Associative Compound) คืออักษรประสมที่เกิดจากการประกอบอักษรเดี่ยว (เซี่ยงสิงหรือจื่อซื่อ) มากกว่าหนึ่งอักษรเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นอีกความหมายหนึ่ง เช่น ‘จ้ง’ (众) ประกอบด้วยอักษร ‘เหริน’ สามตัว หมายถึงกลุ่มคน เป็นต้น (4) สิงเซิง (形声/Pictophonetic Compound) คืออักษรประสมที่ใช้อักษรหลักเดียวกัน แต่อาศัยอักษรข้างหรืออักษรบนล่างผันเสียงและ/หรือสร้างความหมายให้แตกต่างกันไป เช่น 绸 调 鲷 雕 และ 竿 笼 笔 筷 签 เป็นต้น ประเด็นนี้เพื่อนเพจที่ได้เรียนภาษาจีนจะเข้าใจได้ดีกว่าที่ Storyฯ อธิบาย สี่อักษรข้างต้นนั้น เป็นการวางรากฐานการเขียนและอักษรจีน แต่อีกสองอักษรที่เหลือเป็นหลักการการใช้ศัพท์ กล่าวคือ (5) จ่วนจู้ (转注/ Shared Component Characters) คืออักษรประสมที่อาจเขียนและออกเสียงแตกต่างแต่มีความหมายเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน โดยมีเงื่อนไขว่าอักษรนี้ต้องมีอักษรประกอบ (คืออักษรข้างหรืออักษรบนล่าง) ที่เหมือนกัน มีเสียงอ่านใกล้เคียงกัน และใช้อธิบายความหมายของกันและกันได้ ทั้งนี้เพราะแต่ละพื้นที่ของจีนมีภาษาท้องถิ่นที่ออกเสียงแตกต่างกันไปจึงอาจมีการใช้อักษรบางตัวแตกต่างกันไป แต่หากเข้าใจหลักการของ ‘จ่วนจู้’ ก็จะสามารถเข้าใจความหมายของอักษรที่แตกต่างกันไปเหล่านั้นได้ เช่น ‘คง’ (空) แปลว่าว่างเปล่า และ ‘เชี่ยว’ (窍) แปลว่ารู เป็นต้น (6) เจี่ยเจี้ย (假借/Phonetic Loans) คือการยืมอักษรที่ออกเสียงเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันมาใช้แทนกัน ซึ่งในสมัยโบราณมีการใช้ทักษะนี้ในการแต่งบทกลอนไม่น้อย และยังเห็นได้ในพวกคำมงคลต่างๆ เช่นคำว่า ‘เต้า’ (倒) ที่แปลว่ากลับหัว ถูกนำมาใช้ในบริบทของการติดป้ายมงคลกลับหัวเพื่อเรียกแทนคำว่า ‘เต้า’ (到) ที่แปลว่ามาถึง หรืออีกกรณีหนึ่งคือเจี่ยเจี้ยอาจหมายถึงการเอาอักษรหนึ่งมาใช้ในอีกบริบทหนึ่งจนเกิดเป็นความหมายใหม่ขึ้นมา เช่นคำว่า ‘ลิ่ง’ (令) ซึ่งแปลว่าคำสั่ง ต่อมาถูกนำมาใช้รวมกับคำอื่นจนแปลว่าผู้นำหรือผู้มีอำนาจสั่งการอย่าง ‘เซี่ยนลิ่ง’ (县令) คือผู้ว่าการอำเภอ เป็นต้น และอักษรเจี่ยเจี้ยเหล่านี้ นานวันเข้าก็เป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนทักษะการคำนวณหรือ ‘จิ่วซู่’ นั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียดมากเพราะว่ามาตรฐานและหน่วยวัดต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้วตามกาลเวลา ขอสรุปสั้นๆ พอให้เห็นภาพว่า เก้าคำนวณนี้ประกอบด้วย (1) ฟางเถียน (方田) ซึ่งก็คือการคำนวณขนาดของพื้นที่ โจทย์โดยหลักคือที่นา (2) ซู่หมี่ (粟米) คือการคำนวณปริมาณตามน้ำหนักของข้าวและธัญพืชชนิดต่างๆ เช่น ข้าวฟ่างน้ำหนักเท่านี้เทียบเท่ากับข้าวเจ้าน้ำหนักเท่าไหร่ เป็นต้น (3) ซวยเฟิน (衰分) แปลตรงตัวคือการซอยย่อยหรือการหาร (4) สาวก่วง (少广) แปลตรงตัวคือเพิ่มจากน้อยไปมาก ซึ่งก็คือการคูณ (5) ซังกง (商功) คือการคำนวณปริมาตรของรูปทรงต่างๆ ใช้สำหรับงานก่อสร้าง (6) จวินซู (均输) คือการคำนวณเปรียบเทียบอัตราส่วน เช่น เมื่อวานมีเกลือจำนวนเท่านี้ ขนส่งมาด้วยระยะทางหนึ่งร้อยหลี่ คิดเป็นเงินเท่านี้ ถ้าวันนี้มีเกลือน้อยลงหนึ่งส่วนสี่ ขนส่งด้วยระยะทางแปดสิบหลี่ ควรคิดเป็นเงินเท่าไหร่ เป็นต้น (7) อิ๋งปู้จู๋ (盈不足) แปลตรงตัวคือกำไรขาดทุน ซึ่งก็คือการแก้สมการโดยมีโจทย์เป็นการคำนวณเงินๆ ทองๆ เช่น หากจะซื้อรถม้าสักคัน ถ้าออกเงินคนละห้าตำลึง จะขาดเงินเก้าสิบตำลึง ถ้าออกเงินคนละห้าสิบห้าตำลึง จะมีเงินเหลือสิบตำลึง ถามว่ามีคนออกเงินกี่คนและรถม้าราคาเท่าไหร่ เป็นต้น (8) ฟางเฉิง (方程) คือการแก้สมการ เช่น มีวัวห้าตัวแพะสองตัว รวมเป็นมูลค่าสิบตำลึง แต่ถ้าวัวสองตัวแพะห้าตัวจะรวมมูลค่าได้แปดตำลึง ถามว่าวัวและแพะต่างมีราคาเท่าไหร่ เป็นต้น (9) โกวกู่ (勾股) คือการคำนวณความสัมพันธ์ในเรขาคณิต (Pythagoras' theorem) เช่นการคำนวณองศาและความยาว เป็นอีกหนึ่งทักษะสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง จะเห็นได้ว่า ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะของสุภาพบุรุษ (ห้าพิธีการ หกดนตรี ห้าการยิงธนู ห้าการขับขี่ หกอักษร และ เก้าคำนวณ) จริงๆ แล้วก็คือพื้นฐานการเรียนการสอนซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในยุคสมัยนั้น พื้นฐานเหล่านี้ถูกปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด แต่เรียกได้ว่าหกทักษะที่กำหนดไว้เมื่อกว่าสี่พันปีที่แล้วนี้ก็คือพื้นฐานของหลักสูตรการศึกษาจวบจนปัจจุบัน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://business.china.com/ent/13004728/20240625/46749263.html https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU https://www.sohu.com/a/584032470_121288924 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/六艺/238715 https://www.sohu.com/a/584032470_121288924 https://baike.baidu.com/item/汉字造字法/4018743 https://studycli.org/zh-CN/chinese-characters/types-of-chinese-characters/ https://ctext.org/nine-chapters/zhs #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน《度华年》定档0626 赵今麦张凌赫入宿命循环局_商业频道_中华网今日,由赵今麦、张凌赫领衔主演的古装轻喜剧《度华年》官宣定档6月26日于优酷全网独播。该剧由青梅影业、浙江影视集团、优酷出品,袁玉梅担任总制片人兼艺术总监,高翊浚执导,饶俊编剧。0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว - หกทักษะของสุภาพบุรุษ ตอน 3 ‘เซ่อ’ และ ‘อวี้’
วันนี้มาคุยกันต่อถึงหกทักษะของสุภาพบุรุษในตระกูลสูงศักดิ์หรือ ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺 ) (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) ซึ่งถูกกล่าวถึงในหลากหลายละครและนิยายจีนโบราณ และเป็นพื้นฐานความรู้ด้านต่างๆ
ในบันทึกโจวหลี่ระบุไว้ว่า หกทักษะนี้ในรายละเอียดแบ่งเป็น ห้าพิธีการ (หลี่/礼) หกดนตรี (เยวี่ย/乐) ห้าธนู (เซ่อ/射) ห้าขับขี่ (อวี้/御) หกอักษร (ซู/书) และเก้าคำนวณ (ซู่/数) เราคุยกันไปแล้วถึงสองทักษะ วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ
ทักษะที่สามก็คือทักษะยิงธนู เป็นพื้นฐานการฝึกฝนด้านสมาธิ การตัดสินใจและพละกำลัง
เรามักเห็นในซีรีส์เวลาแสดงความสามารถด้านการธนูที่ทำให้ผู้ชมร้องว้าวว่า เป็นการยิงสามดอกในทีเดียวหรือยิงซ้อนดอกแรกทะลุเข้าเป้า จริงๆ แล้วทักษะการยิงธนูห้าแบบตามหลักการโบราณคืออะไร?
การยิงธนูห้าแบบตามตำราสรุปได้คือ:
(1) ไป๋สื่อ (白矢) คือการยิงที่เน้นความแม่นยำและพละกำลัง โจทย์ของมันก็คือยิงตรงๆ ให้เข้าเป้าอย่างแรงจนทะลุเป้าออกไปเห็นหัวลูกศรโผล่ออกมาที่ด้านหลัง เป็นที่มาของคำว่า ‘ไป๋สื่อ’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าหัวธนูสีขาว
(2) ชานเหลียน (参连) เป็นการยิงตรงๆ หนึ่งดอกให้เข้าเป้า แล้วค่อยตามติดรัวๆ อีกสามดอก โดยแต่ละดอกจะปักเข้าที่ปลายท้ายของธนูดอกก่อนหน้านั้น เรียงกันเป็นแถวตรงยาว ไม่เอนเอียง ซึ่งนั่นหมายความว่าดอกแรกต้องฝังลึกพอที่จะยึดน้ำหนักของธนูได้สี่ดอก และดอกหลังๆ ก็ต้องฝังลึกพอที่ยึดน้ำหนักได้เช่นกัน เรียกได้ว่าการยิงแบบนี้ต้องทั้งแม่น ตรงและแรง
(3) เหยียนจู้ (剡注) เป็นการยิงขึ้นสูงให้วิถีของธนูโค้งขึ้นแล้วปักลงกลางเป้าโดยมีลักษณะหางชี้เอียงขึ้น มีการบรรยายไว้ว่าเป็นการยิงอย่างเร็ว (คือไม่เล็งนาน) และแรงจนได้ยินเสียงเสียดสีของปีกธนูดังหวิวๆ ดั่งเสียงร้องของนก
(4) เซียงฉื่อ (襄尺) เป็นหลักปฏิบัติยามข้าราชสำนักยิงธนูพร้อมกับกษัตริย์ ให้ข้าราชสำนักถอยหลังหนึ่งฉื่อ (ประมาณ 10 นิ้ว) เพื่อแสดงถึงความเคารพ ไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ แต่มันทำให้ Storyฯ อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าอย่างนี้เวลาเราฝึกก็ต้องฝึกให้แม่นทั้งสองระยะ แม้ว่าระยะทั้งสองจะแตกต่างกันเพียงประมาณไม่ถึงฟุต
(5) จิ่งอี๋ (井儀) เป็นการยิงที่ยากที่สุด คือการยิงรัวๆ สี่ดอก ทุกดอกทะลุเป้าจนเห็นหัวลูกศรโผล่ออกมาด้านหลังของเป้า ธนูสี่ดอกปักเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมพอดีดั่งสี่เหลี่ยมในตัวอักษร ‘จิ่ง’ (井) หรือหากยิงนก คือยิงได้เรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมบนตัวนกเช่นกัน
ต่อมาคือทักษะที่สี่ ‘อวี้’ ซึ่งหมายถึงทักษะการขับรถและหมายรวมถึงทักษะการทำศึกหรือล่าสัตว์ด้วยรถ จากรูปประกอบจะเห็นว่ารถม้าส่วนใหญ่ในสมัยนั้นเป็นรถแบบไม่มีประทุน การฝึกฝนทักษะนี้เป็นการฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและปลูกฝังความใส่ใจและความรับผิดชอบต่อผู้อื่นด้วย
การขับรถม้าทั้งห้าแบบนี้คือ
(1) หมิงเหอหลวน (鸣和鸾) เป็นการขับรถให้กับผู้ที่สูงศักดิ์นั่ง เช่นกษัตริย์ โดย ‘เหอ’ ในที่นี้หมายถึงกระดิ่งที่แขวนไว้บนราวจับมือของผู้โดยสารและ ‘หลวน’ คือกระดิ่งที่แขวนอยู่บนแอกเหนือตัวสัตว์ที่ลากรถ และการขับรถม้าแบบที่เรียกว่า ‘หมิงเหอหลวน’ นี้ คือขับรถอย่างเสถียรนิ่มนวลให้จังหวะเดินของสัตว์และจังหวะการโยกหรือกระเด้งของตัวรถเป็นจังหวะเดียวกัน เพื่อว่าเสียงกระดิ่งทั้งสองนี้จะดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
(2) จู๋สุ่ยชวี (逐水曲) เป็นการขับรถให้โค้งตามขอบน้ำที่คดเคี้ยวได้โดยไม่ให้รถเสียศูนย์หรือร่วงลงน้ำ ซึ่งเป็นการฝึกให้สามารถบังคับรถม้าในยามที่ต้องเลี้ยวไปเลี้ยวมาในสภาวะฉุกเฉิน
(3) กั้วจวินเปี่ยว (过君表) เป็นการขับรถผ่านซุ้มประตูที่มีปักธงไว้ (ปกติบ่งบอกว่าเป็นทางเดินรถของขบวนเสด็จ) ซึ่งจะมีการวางหมุดหรือดุมหินให้ยื่นออกมาคุ้มกันธงที่เสาประตูทั้งสองข้าง และทักษะนี้คือการขับรถผ่านซุ้มประตูโดยไม่ชนดุมหินของเสาประตูนี้ ว่ากันว่าขนาดของรถและซุ้มประตูสมัยนั้นจะทำให้เหลือช่องไฟระหว่างดุมล้อและหินกันธงเพียงข้างละห้านิ้วเท่านั้น
(4) อู่เจียวฉวี (舞交衢) คือการบังคับให้รถเลี้ยวเมื่อถึงทางแยกของถนนได้อย่างเร็วและมีจังหวะประหนึ่งหมุนตัวเต้นรำ ซึ่ง Storyฯ ก็นึกภาพไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ก็จินตนาการเอาเองว่าก็คงเหมือนเวลาที่เรากะจังหวะรถให้เลี้ยวโค้งได้อย่างเร็วโดยไม่เสียศูนย์กระมัง
(5) จู๋ฉินจั่ว (逐禽左) เป็นเทคนิคในการขับรถล่าสัตว์ โดยต้อนสัตว์ให้ไปอยู่ทางซ้ายของรถแล้วค่อยยิงด้วยธนู นี่เป็นการฝึกปรือเพื่อใช้จริงในการศึกด้วย
เป็นอย่างไรคะ ไม่ง่ายเลยทั้งการยิงธนูและการขับรถ เพื่อนเพจว่าไหม? เรามาคุยกันต่อเกี่ยวกับทักษะที่เหลือสัปดาห์หน้าค่ะ
(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)
Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU
https://www.sohu.com/a/716142814_116162
https://sports.sina.cn/others/mashu/2017-07-07/detail-ifyhwehx5318583.d.html
https://www.sgss8.net/tpdq/10845310/1.htm
Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
https://baike.baidu.com/item/六艺/238715
https://mychistory.com/a001-2/11-04
https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083
http://www.leafarchery.com/nd.jsp?fromColId=105&id=3
https://kknews.cc/car/p88yjrp.html
https://www.sohu.com/a/459650524_121052969
#กำเนิดเทพเจ้า #เฟิงเสิน #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน
หกทักษะของสุภาพบุรุษ ตอน 3 ‘เซ่อ’ และ ‘อวี้’ วันนี้มาคุยกันต่อถึงหกทักษะของสุภาพบุรุษในตระกูลสูงศักดิ์หรือ ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺 ) (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) ซึ่งถูกกล่าวถึงในหลากหลายละครและนิยายจีนโบราณ และเป็นพื้นฐานความรู้ด้านต่างๆ ในบันทึกโจวหลี่ระบุไว้ว่า หกทักษะนี้ในรายละเอียดแบ่งเป็น ห้าพิธีการ (หลี่/礼) หกดนตรี (เยวี่ย/乐) ห้าธนู (เซ่อ/射) ห้าขับขี่ (อวี้/御) หกอักษร (ซู/书) และเก้าคำนวณ (ซู่/数) เราคุยกันไปแล้วถึงสองทักษะ วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ ทักษะที่สามก็คือทักษะยิงธนู เป็นพื้นฐานการฝึกฝนด้านสมาธิ การตัดสินใจและพละกำลัง เรามักเห็นในซีรีส์เวลาแสดงความสามารถด้านการธนูที่ทำให้ผู้ชมร้องว้าวว่า เป็นการยิงสามดอกในทีเดียวหรือยิงซ้อนดอกแรกทะลุเข้าเป้า จริงๆ แล้วทักษะการยิงธนูห้าแบบตามหลักการโบราณคืออะไร? การยิงธนูห้าแบบตามตำราสรุปได้คือ: (1) ไป๋สื่อ (白矢) คือการยิงที่เน้นความแม่นยำและพละกำลัง โจทย์ของมันก็คือยิงตรงๆ ให้เข้าเป้าอย่างแรงจนทะลุเป้าออกไปเห็นหัวลูกศรโผล่ออกมาที่ด้านหลัง เป็นที่มาของคำว่า ‘ไป๋สื่อ’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าหัวธนูสีขาว (2) ชานเหลียน (参连) เป็นการยิงตรงๆ หนึ่งดอกให้เข้าเป้า แล้วค่อยตามติดรัวๆ อีกสามดอก โดยแต่ละดอกจะปักเข้าที่ปลายท้ายของธนูดอกก่อนหน้านั้น เรียงกันเป็นแถวตรงยาว ไม่เอนเอียง ซึ่งนั่นหมายความว่าดอกแรกต้องฝังลึกพอที่จะยึดน้ำหนักของธนูได้สี่ดอก และดอกหลังๆ ก็ต้องฝังลึกพอที่ยึดน้ำหนักได้เช่นกัน เรียกได้ว่าการยิงแบบนี้ต้องทั้งแม่น ตรงและแรง (3) เหยียนจู้ (剡注) เป็นการยิงขึ้นสูงให้วิถีของธนูโค้งขึ้นแล้วปักลงกลางเป้าโดยมีลักษณะหางชี้เอียงขึ้น มีการบรรยายไว้ว่าเป็นการยิงอย่างเร็ว (คือไม่เล็งนาน) และแรงจนได้ยินเสียงเสียดสีของปีกธนูดังหวิวๆ ดั่งเสียงร้องของนก (4) เซียงฉื่อ (襄尺) เป็นหลักปฏิบัติยามข้าราชสำนักยิงธนูพร้อมกับกษัตริย์ ให้ข้าราชสำนักถอยหลังหนึ่งฉื่อ (ประมาณ 10 นิ้ว) เพื่อแสดงถึงความเคารพ ไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ แต่มันทำให้ Storyฯ อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าอย่างนี้เวลาเราฝึกก็ต้องฝึกให้แม่นทั้งสองระยะ แม้ว่าระยะทั้งสองจะแตกต่างกันเพียงประมาณไม่ถึงฟุต (5) จิ่งอี๋ (井儀) เป็นการยิงที่ยากที่สุด คือการยิงรัวๆ สี่ดอก ทุกดอกทะลุเป้าจนเห็นหัวลูกศรโผล่ออกมาด้านหลังของเป้า ธนูสี่ดอกปักเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมพอดีดั่งสี่เหลี่ยมในตัวอักษร ‘จิ่ง’ (井) หรือหากยิงนก คือยิงได้เรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมบนตัวนกเช่นกัน ต่อมาคือทักษะที่สี่ ‘อวี้’ ซึ่งหมายถึงทักษะการขับรถและหมายรวมถึงทักษะการทำศึกหรือล่าสัตว์ด้วยรถ จากรูปประกอบจะเห็นว่ารถม้าส่วนใหญ่ในสมัยนั้นเป็นรถแบบไม่มีประทุน การฝึกฝนทักษะนี้เป็นการฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและปลูกฝังความใส่ใจและความรับผิดชอบต่อผู้อื่นด้วย การขับรถม้าทั้งห้าแบบนี้คือ (1) หมิงเหอหลวน (鸣和鸾) เป็นการขับรถให้กับผู้ที่สูงศักดิ์นั่ง เช่นกษัตริย์ โดย ‘เหอ’ ในที่นี้หมายถึงกระดิ่งที่แขวนไว้บนราวจับมือของผู้โดยสารและ ‘หลวน’ คือกระดิ่งที่แขวนอยู่บนแอกเหนือตัวสัตว์ที่ลากรถ และการขับรถม้าแบบที่เรียกว่า ‘หมิงเหอหลวน’ นี้ คือขับรถอย่างเสถียรนิ่มนวลให้จังหวะเดินของสัตว์และจังหวะการโยกหรือกระเด้งของตัวรถเป็นจังหวะเดียวกัน เพื่อว่าเสียงกระดิ่งทั้งสองนี้จะดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน (2) จู๋สุ่ยชวี (逐水曲) เป็นการขับรถให้โค้งตามขอบน้ำที่คดเคี้ยวได้โดยไม่ให้รถเสียศูนย์หรือร่วงลงน้ำ ซึ่งเป็นการฝึกให้สามารถบังคับรถม้าในยามที่ต้องเลี้ยวไปเลี้ยวมาในสภาวะฉุกเฉิน (3) กั้วจวินเปี่ยว (过君表) เป็นการขับรถผ่านซุ้มประตูที่มีปักธงไว้ (ปกติบ่งบอกว่าเป็นทางเดินรถของขบวนเสด็จ) ซึ่งจะมีการวางหมุดหรือดุมหินให้ยื่นออกมาคุ้มกันธงที่เสาประตูทั้งสองข้าง และทักษะนี้คือการขับรถผ่านซุ้มประตูโดยไม่ชนดุมหินของเสาประตูนี้ ว่ากันว่าขนาดของรถและซุ้มประตูสมัยนั้นจะทำให้เหลือช่องไฟระหว่างดุมล้อและหินกันธงเพียงข้างละห้านิ้วเท่านั้น (4) อู่เจียวฉวี (舞交衢) คือการบังคับให้รถเลี้ยวเมื่อถึงทางแยกของถนนได้อย่างเร็วและมีจังหวะประหนึ่งหมุนตัวเต้นรำ ซึ่ง Storyฯ ก็นึกภาพไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ก็จินตนาการเอาเองว่าก็คงเหมือนเวลาที่เรากะจังหวะรถให้เลี้ยวโค้งได้อย่างเร็วโดยไม่เสียศูนย์กระมัง (5) จู๋ฉินจั่ว (逐禽左) เป็นเทคนิคในการขับรถล่าสัตว์ โดยต้อนสัตว์ให้ไปอยู่ทางซ้ายของรถแล้วค่อยยิงด้วยธนู นี่เป็นการฝึกปรือเพื่อใช้จริงในการศึกด้วย เป็นอย่างไรคะ ไม่ง่ายเลยทั้งการยิงธนูและการขับรถ เพื่อนเพจว่าไหม? เรามาคุยกันต่อเกี่ยวกับทักษะที่เหลือสัปดาห์หน้าค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU https://www.sohu.com/a/716142814_116162 https://sports.sina.cn/others/mashu/2017-07-07/detail-ifyhwehx5318583.d.html https://www.sgss8.net/tpdq/10845310/1.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/六艺/238715 https://mychistory.com/a001-2/11-04 https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083 http://www.leafarchery.com/nd.jsp?fromColId=105&id=3 https://kknews.cc/car/p88yjrp.html https://www.sohu.com/a/459650524_121052969 #กำเนิดเทพเจ้า #เฟิงเสิน #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีนGUOXUE.IFENG.COM由器见道:儒家其实很“文艺”由器见道:儒家其实很“文艺”0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว - Challenger 2 ป้อมบิน
นี่คือภาพป้อมปืนของรถถัง Challenger 2 ที่อังกฤษส่งให้ยูเครน แล้วถูกทำลายในแคว้น Kursk ความจริงรถถังคันนี้ถูกทำลายตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนสิงหาคม แต่สื่อรัสเซียเพิ่งเข้าไปทำข่าว เลยเพิ่งมีภาพซากรถถังคันนี้แบบชัดๆ ออกมาครับ
จากภาพนี้ก็แสดงให้เห็นว่าที่มีคนปั่นกันว่ามีแต่รถถังรัสเซียหรือรถถังที่ใช้ autoloader เท่านั้นที่ป้อมบินจึงไม่เป็นความจริงนะครับ การที่ป้อมของรถถังจะบินนั้นขึ้นกับหลายปัจจัย กรณีของรถถังรัสเซียคือกระสุนใน autoloader ใต้ป้อมปืนเกิดการระเบิด ในส่วนของรถถัง Challenger 2 ของอังกฤษ ก็มีการเก็บกระสุนจำนวนหนึ่งไว้ในตัวรถ ถ้ากระสุนส่วนนี้ระเบิดก็มีโอกาสที่ป้อมปืนจะบินได้เช่นกัน ดังนั้นเวลาเห็นใครปั่นวาทกรรมอะไรในโซเชียลก็ไม่ต้องอินไปกับเขามาก
สวัสดี
การทูตและการทหาร
Military and Diplomacy
16.10.2024
Challenger 2 ป้อมบิน นี่คือภาพป้อมปืนของรถถัง Challenger 2 ที่อังกฤษส่งให้ยูเครน แล้วถูกทำลายในแคว้น Kursk ความจริงรถถังคันนี้ถูกทำลายตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนสิงหาคม แต่สื่อรัสเซียเพิ่งเข้าไปทำข่าว เลยเพิ่งมีภาพซากรถถังคันนี้แบบชัดๆ ออกมาครับ จากภาพนี้ก็แสดงให้เห็นว่าที่มีคนปั่นกันว่ามีแต่รถถังรัสเซียหรือรถถังที่ใช้ autoloader เท่านั้นที่ป้อมบินจึงไม่เป็นความจริงนะครับ การที่ป้อมของรถถังจะบินนั้นขึ้นกับหลายปัจจัย กรณีของรถถังรัสเซียคือกระสุนใน autoloader ใต้ป้อมปืนเกิดการระเบิด ในส่วนของรถถัง Challenger 2 ของอังกฤษ ก็มีการเก็บกระสุนจำนวนหนึ่งไว้ในตัวรถ ถ้ากระสุนส่วนนี้ระเบิดก็มีโอกาสที่ป้อมปืนจะบินได้เช่นกัน ดังนั้นเวลาเห็นใครปั่นวาทกรรมอะไรในโซเชียลก็ไม่ต้องอินไปกับเขามาก สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 16.10.20240 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว - มีข่าวน่าสนใจจากสื่อ The Kyiv Independent ของยูเครน วันนี้ Dmytro Pletenchuk โฆษกกองทัพเรือยูเครนแถลงว่าช่วงที่ผ่านมา รัสเซียลดการใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบในทะเลดำลง โดยรัสเซียมักจะใช้เรือรบในทะเลดำล่อให้หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนไขว้เขว ต้องแบ่งกำลังไปเผื่อรับมือจรวดร่อนที่รัสเซียอาจยิงจากเรือรบ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัสเซียจากทิศทางอื่นๆ ได้เต็มที่ โดยโฆษกกองทัพเรือยูเครนบอกว่าการที่รัสเซียใช้เรือรบในลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่า "การใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ"
https://kyivindependent.com/russian-warships-missile-strikes/
จากข่าวนี้ สังเกตอะไรมั้ยครับ ในส่วนที่โฆษกกองทัพเรือยูเครนพูดถึงยุทธวิธีของรัสเซีย ว่ามีการส่งเรือรบออกทะเลไปหลอกล่อให้ยูเครนต้องแบ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศส่วนหนึ่งมาเตรียมรับมือ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศจากทิศทางอื่นได้เต็มที่ แล้วสุดท้ายเรือรบเหล่านั้นก็ไม่ได้ยิงจรวดร่อน เช่น Kalibr ออกมาแต่อย่างใด เท่ากับว่าทหารยูเครนที่ไปรอรับมืออยู่ก็เท่ากับไปเสียเที่ยวเปล่าๆ ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ สามารถนำมาเป็นบทเรียนกรณีศึกษายุทธวิธีทางทหารได้ แต่พอยูเครนออกข่าวเสริมว่ายุทธวิธีนี้แสดงให้เห็นว่าเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้ก็กลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda ไปเลย
ลองคิดดูนะครับ เมื่อรัสเซียใช้เรือรบในทะเลดำหลอกล่อให้ยูเครนไขว้เขว ก็เท่ากับว่าภารกิจในการทำลายเป้าหมายการโจมตีทางอากาศครั้งนั้นไม่ได้เป็นของเรือรบดังกล่าวอยู่แล้ว อาจจะเป็นภารกิจของขีปนาวุธที่มีฐานยิงบนบกเช่น Iskander-M หรืออาจเป็นของเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-95 Bear ทำการยิงจรวดร่อน Kh-101 เป็นต้น ภารกิจของเรือรบรัสเซียในทะเลดำคือการล่อให้ยูเครนต้องกระจายกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศออก ซึ่งถ้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองจรวดร่อน Kalibr เลยแม้แต่ลูกเดียว ก็ดี (สำหรับรัสเซีย) ไม่ใช่หรือครับ
นี่ก็เป็นบทเรียนในการอ่านข่าวเหมือนกันครับว่าในข่าวเดียวกัน อาจจะมีทั้งข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ข่าวจริง ข่าวลวง การโฆษณาชวนเชื่อปะปนกัน เวลาอ่านข่าวก็ต้องแยกให้ออก ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
สวัสดี
การทูตและการทหาร
Military and Diplomacy
17.10.2024
มีข่าวน่าสนใจจากสื่อ The Kyiv Independent ของยูเครน วันนี้ Dmytro Pletenchuk โฆษกกองทัพเรือยูเครนแถลงว่าช่วงที่ผ่านมา รัสเซียลดการใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบในทะเลดำลง โดยรัสเซียมักจะใช้เรือรบในทะเลดำล่อให้หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนไขว้เขว ต้องแบ่งกำลังไปเผื่อรับมือจรวดร่อนที่รัสเซียอาจยิงจากเรือรบ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัสเซียจากทิศทางอื่นๆ ได้เต็มที่ โดยโฆษกกองทัพเรือยูเครนบอกว่าการที่รัสเซียใช้เรือรบในลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่า "การใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ" https://kyivindependent.com/russian-warships-missile-strikes/ จากข่าวนี้ สังเกตอะไรมั้ยครับ ในส่วนที่โฆษกกองทัพเรือยูเครนพูดถึงยุทธวิธีของรัสเซีย ว่ามีการส่งเรือรบออกทะเลไปหลอกล่อให้ยูเครนต้องแบ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศส่วนหนึ่งมาเตรียมรับมือ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศจากทิศทางอื่นได้เต็มที่ แล้วสุดท้ายเรือรบเหล่านั้นก็ไม่ได้ยิงจรวดร่อน เช่น Kalibr ออกมาแต่อย่างใด เท่ากับว่าทหารยูเครนที่ไปรอรับมืออยู่ก็เท่ากับไปเสียเที่ยวเปล่าๆ ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ สามารถนำมาเป็นบทเรียนกรณีศึกษายุทธวิธีทางทหารได้ แต่พอยูเครนออกข่าวเสริมว่ายุทธวิธีนี้แสดงให้เห็นว่าเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้ก็กลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda ไปเลย ลองคิดดูนะครับ เมื่อรัสเซียใช้เรือรบในทะเลดำหลอกล่อให้ยูเครนไขว้เขว ก็เท่ากับว่าภารกิจในการทำลายเป้าหมายการโจมตีทางอากาศครั้งนั้นไม่ได้เป็นของเรือรบดังกล่าวอยู่แล้ว อาจจะเป็นภารกิจของขีปนาวุธที่มีฐานยิงบนบกเช่น Iskander-M หรืออาจเป็นของเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-95 Bear ทำการยิงจรวดร่อน Kh-101 เป็นต้น ภารกิจของเรือรบรัสเซียในทะเลดำคือการล่อให้ยูเครนต้องกระจายกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศออก ซึ่งถ้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองจรวดร่อน Kalibr เลยแม้แต่ลูกเดียว ก็ดี (สำหรับรัสเซีย) ไม่ใช่หรือครับ นี่ก็เป็นบทเรียนในการอ่านข่าวเหมือนกันครับว่าในข่าวเดียวกัน อาจจะมีทั้งข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ข่าวจริง ข่าวลวง การโฆษณาชวนเชื่อปะปนกัน เวลาอ่านข่าวก็ต้องแยกให้ออก ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 17.10.2024KYIVINDEPENDENT.COMRussian ships ineffective for missile strikes, used to distract Ukraine's defenses, Navy saysDmytro Pletenchuk, a spokesperson for the Ukrainian Navy, said that if Russia deploys several cruise missile carriers to the sea, it does not mean they will be used for an attack.0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว - เล่าสู่กันฟัง..
ล่าสุด..มีแฟนเพจ มีนักข่าวทักมาถามเรื่อง บอสพอลจ่ายส่วยหมื่นล้าน แอดมินมีข้อมูลบ้างไหมครับ.?
มีคนส่งข้อมูลมาให้เราก่อนจะเป็นข่าวอีก แต่เราไม่ได้เล่น #เพราะมันไม่เมคเซ้นส์ เพราะหลายจุดมันยังดูมีพิรุธอยู่
และใดๆเลยคือ มันไม่มีหลักฐานอ้างอิงไม่มีเส้นเงินมาสนับสนุนเรื่องเล่า ถ้าเราเล่นไปมันจะกลายเป็นการกล่าวหาแบบเลื่อนลอย
เดี๋ยวโป๊ะโบ๊ะบ๊ะขึ้นมา พาเขินแป้นพิมพ์แย่เลย ปั่ดโธ่😅
----------
ส่วย..
อาชญากรทุกองค์กร “ถ้าตัวเองยังไม่ถูกจับกุม”ทุกองค์กร จะจ่ายส่วยด้วยเงินไม่เกิน 20% ของรายได้ที่ตัวเองได้รับ
จนกว่าจะถึงวันที่อาชญากรถูกจับกุมตัวได้แล้วตอนนั้นล่ะถึงจะดิ้นจ่ายเงินซื้ออิสระภาพ ด้วยตัวเลขหลัก 1-2-3-4-500 ล้านบาท
เมื่อสิ้นอิสระภาพอาชญากรจะยอมจ่าย..แทบทุกตัวเลขที่ถูกเรียกรับสินบน
จะเขียนให้อ่านว่า“เรามีวิธีคิดอย่างไร”กับเรื่องบอสพอลจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้าน
วิธีวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงของเราเริ่มจาก“ตั้งสมมติฐาน”หาตัวเลขกำไรของบริษัท The Icon
#เอาจำนวนผู้ร่วมลงทุนกับบริษัทเป็นตัวตั้งของรายรับ..
บริษัท..มียอดผู้ร่วมทุน 6 แสนกว่ารหัส แต่ละรหัสลงทุนตั้งแต่ 2,500,25,000,250,000 บาท นั่นคือรายรับหลักๆ
มีรายรับย่อยๆคือ..ค่าคอร์สสอนเรียนกับรายรับที่อยู่นอกระบบคือ“เงิน 400 ล้านบาท”ที่พอลปล่อยกู้คิดดอกร้อยละ 0.50
#ประมาณการรายจ่ายหลักๆของบริษัท
1.ต้นทุนค่าสินค้า 2.ค่าบริหารจัดการที่รวมถึงค่ายิงแอดค่าทำการตลาด 3.ปันผลเป็นขั้นบันไดลงไปสู่แม่ทีม
รายจ่าย 3 ข้อรวมกันคิดเป็น 70% โดยประมาณ
เอารายจ่าย 70% ไปลบออกจากรายรับจาก 6 แสนกว่ารหัส กำไรสุทธิของบริษัทเหลือไม่เกิน 30% โดยประมาณ
ต้องไม่ลืมว่าช่วงระหว่างปี 2566 บริษัท Thi Icon เหลือรหัสที่เคลื่อนไหวร่วมทุนจริงๆอยู่ราวๆ 3 แสนรหัส
อีก 3 แสนรหัส บ้างก็รวยแล้วลุก บ้างก็เจ๊ง บ้างก็ตื่นรู้แล้วถอย The Icon จึงถึงยุคขาลงตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา
ดังนั้น #เรามีความเชื่อส่วนตัว ว่าบริษัท The Icon มีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท(ไม่รวมเงินของลูกทีม)
ก็ลองดูตัวเลขเข้าทำการอายัดบอสพอลดิ่มีอยู่ 125 ล้านบาท ตัวเลขมันห่างจากการมีกำไรสุทธิหลักหมื่นล้านไปเยอะมาก
ดังนั้นคำว่าบริษัท The Icon มีกำไร”แสนล้านบาท“ตามที่เป็นข่าวลือนั้น..มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
เราจึงได้หลักคิดง่ายๆว่า.ถ้าบริษัทมีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท ตัวเลขส่วยหมื่นล้านบาท..มันก็เป็นเรื่องเท็จ
ถ้าเรื่องส่วยหมื่นล้านมันเป็นเรื่องเท็จ เรื่องตัวละครที่รับส่วยชื่อนั้นหน่วยงานโน้นบลาๆๆ..มันก็เป็นเรื่องเท็จในเท็จ
ลองนึกถึงคลิปเสียงที่พอลคุยกับ”ซาดหมา“เรื่องจ่ายให้เดือนละแสน ซึ่งพอลยอมรับกับพี่หนุ่มกลางรายการโหนว่าเป็นคลิปจริง
อ้าว..แล้วถ้าบอสพอลมันมีเทวดาผู้คุ้มครองที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศเป็นคนใหญ่คนโตเป็นหุ้นส่วน มีการจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้านจริงๆ.?
คนอย่าง”ซาดหมา“ซึ่งไก่กาอาราเล่มากๆถ้าเทียบกับเทวดาผู้คุ้มครองในยุคนั้น เจอแค่ลูกรักของเทวดาเข้าไปซาดหมา ก็ฉิบหายแล้ว
เออ.! แล้วทำไมพอลถึงไปขอความช่วยเหลือกับซาดหมา.?
เออ.! แล้วพอลทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้ซาดหมาอีกเดือนละแสน ทั้งๆที่มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่คุ้มตัวอยู่แล้ว.?
เห็นไหมครับ ว่าหลายเรื่องมันดูมีพิรุธ หลายจุดมันเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลจนยากจะเชื่อ และอะไรที่เหลือเชื่อ..จงอย่าเชื่อจนกว่าจะมีบทพิสูจน์
ด้วยตรรกะทางความคิดดังกล่าวของพวกเรา จึงตัดสินใจไม่เล่นเรื่องส่วยที่เรารู้ว่ามันมีส่วยแน่ๆ แต่ตัวเลขมันเวอร์เกินไปจนยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
เมื่อถึงเวลาที่ตำรวจแถลงยอดเงินของผู้เสียหายซึ่งเรามั่นใจว่ารวมกันแล้วไม่น่าจะถึง 5 พันล้านบาท
ถ้ายอดเงินผู้เสียหายไม่ถึง 5 พันล้านบาทจริงๆ เรื่องส่วยหมื่นล้านมันก็ได้คำตอบแล้วว่าเป็นเรื่ิอง..จ้อจี้
เพราะตามหลักแล้วตัวเลขส่วยของบอสพอลมันจะต้องไม่จ่ายเงินส่วยมากกว่ายอดเงินของผู้เสียหาย..นั่นเอง
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
เล่าสู่กันฟัง.. ล่าสุด..มีแฟนเพจ มีนักข่าวทักมาถามเรื่อง บอสพอลจ่ายส่วยหมื่นล้าน แอดมินมีข้อมูลบ้างไหมครับ.? มีคนส่งข้อมูลมาให้เราก่อนจะเป็นข่าวอีก แต่เราไม่ได้เล่น #เพราะมันไม่เมคเซ้นส์ เพราะหลายจุดมันยังดูมีพิรุธอยู่ และใดๆเลยคือ มันไม่มีหลักฐานอ้างอิงไม่มีเส้นเงินมาสนับสนุนเรื่องเล่า ถ้าเราเล่นไปมันจะกลายเป็นการกล่าวหาแบบเลื่อนลอย เดี๋ยวโป๊ะโบ๊ะบ๊ะขึ้นมา พาเขินแป้นพิมพ์แย่เลย ปั่ดโธ่😅 ---------- ส่วย.. อาชญากรทุกองค์กร “ถ้าตัวเองยังไม่ถูกจับกุม”ทุกองค์กร จะจ่ายส่วยด้วยเงินไม่เกิน 20% ของรายได้ที่ตัวเองได้รับ จนกว่าจะถึงวันที่อาชญากรถูกจับกุมตัวได้แล้วตอนนั้นล่ะถึงจะดิ้นจ่ายเงินซื้ออิสระภาพ ด้วยตัวเลขหลัก 1-2-3-4-500 ล้านบาท เมื่อสิ้นอิสระภาพอาชญากรจะยอมจ่าย..แทบทุกตัวเลขที่ถูกเรียกรับสินบน จะเขียนให้อ่านว่า“เรามีวิธีคิดอย่างไร”กับเรื่องบอสพอลจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้าน วิธีวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงของเราเริ่มจาก“ตั้งสมมติฐาน”หาตัวเลขกำไรของบริษัท The Icon #เอาจำนวนผู้ร่วมลงทุนกับบริษัทเป็นตัวตั้งของรายรับ.. บริษัท..มียอดผู้ร่วมทุน 6 แสนกว่ารหัส แต่ละรหัสลงทุนตั้งแต่ 2,500,25,000,250,000 บาท นั่นคือรายรับหลักๆ มีรายรับย่อยๆคือ..ค่าคอร์สสอนเรียนกับรายรับที่อยู่นอกระบบคือ“เงิน 400 ล้านบาท”ที่พอลปล่อยกู้คิดดอกร้อยละ 0.50 #ประมาณการรายจ่ายหลักๆของบริษัท 1.ต้นทุนค่าสินค้า 2.ค่าบริหารจัดการที่รวมถึงค่ายิงแอดค่าทำการตลาด 3.ปันผลเป็นขั้นบันไดลงไปสู่แม่ทีม รายจ่าย 3 ข้อรวมกันคิดเป็น 70% โดยประมาณ เอารายจ่าย 70% ไปลบออกจากรายรับจาก 6 แสนกว่ารหัส กำไรสุทธิของบริษัทเหลือไม่เกิน 30% โดยประมาณ ต้องไม่ลืมว่าช่วงระหว่างปี 2566 บริษัท Thi Icon เหลือรหัสที่เคลื่อนไหวร่วมทุนจริงๆอยู่ราวๆ 3 แสนรหัส อีก 3 แสนรหัส บ้างก็รวยแล้วลุก บ้างก็เจ๊ง บ้างก็ตื่นรู้แล้วถอย The Icon จึงถึงยุคขาลงตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ดังนั้น #เรามีความเชื่อส่วนตัว ว่าบริษัท The Icon มีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท(ไม่รวมเงินของลูกทีม) ก็ลองดูตัวเลขเข้าทำการอายัดบอสพอลดิ่มีอยู่ 125 ล้านบาท ตัวเลขมันห่างจากการมีกำไรสุทธิหลักหมื่นล้านไปเยอะมาก ดังนั้นคำว่าบริษัท The Icon มีกำไร”แสนล้านบาท“ตามที่เป็นข่าวลือนั้น..มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เราจึงได้หลักคิดง่ายๆว่า.ถ้าบริษัทมีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท ตัวเลขส่วยหมื่นล้านบาท..มันก็เป็นเรื่องเท็จ ถ้าเรื่องส่วยหมื่นล้านมันเป็นเรื่องเท็จ เรื่องตัวละครที่รับส่วยชื่อนั้นหน่วยงานโน้นบลาๆๆ..มันก็เป็นเรื่องเท็จในเท็จ ลองนึกถึงคลิปเสียงที่พอลคุยกับ”ซาดหมา“เรื่องจ่ายให้เดือนละแสน ซึ่งพอลยอมรับกับพี่หนุ่มกลางรายการโหนว่าเป็นคลิปจริง อ้าว..แล้วถ้าบอสพอลมันมีเทวดาผู้คุ้มครองที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศเป็นคนใหญ่คนโตเป็นหุ้นส่วน มีการจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้านจริงๆ.? คนอย่าง”ซาดหมา“ซึ่งไก่กาอาราเล่มากๆถ้าเทียบกับเทวดาผู้คุ้มครองในยุคนั้น เจอแค่ลูกรักของเทวดาเข้าไปซาดหมา ก็ฉิบหายแล้ว เออ.! แล้วทำไมพอลถึงไปขอความช่วยเหลือกับซาดหมา.? เออ.! แล้วพอลทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้ซาดหมาอีกเดือนละแสน ทั้งๆที่มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่คุ้มตัวอยู่แล้ว.? เห็นไหมครับ ว่าหลายเรื่องมันดูมีพิรุธ หลายจุดมันเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลจนยากจะเชื่อ และอะไรที่เหลือเชื่อ..จงอย่าเชื่อจนกว่าจะมีบทพิสูจน์ ด้วยตรรกะทางความคิดดังกล่าวของพวกเรา จึงตัดสินใจไม่เล่นเรื่องส่วยที่เรารู้ว่ามันมีส่วยแน่ๆ แต่ตัวเลขมันเวอร์เกินไปจนยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อถึงเวลาที่ตำรวจแถลงยอดเงินของผู้เสียหายซึ่งเรามั่นใจว่ารวมกันแล้วไม่น่าจะถึง 5 พันล้านบาท ถ้ายอดเงินผู้เสียหายไม่ถึง 5 พันล้านบาทจริงๆ เรื่องส่วยหมื่นล้านมันก็ได้คำตอบแล้วว่าเป็นเรื่ิอง..จ้อจี้ เพราะตามหลักแล้วตัวเลขส่วยของบอสพอลมันจะต้องไม่จ่ายเงินส่วยมากกว่ายอดเงินของผู้เสียหาย..นั่นเอง สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว - DNW ep.4
ตอน: HappyPay เหรียญต้มตุ๋นในตำนาน
สาคร..เป็นคนชอบเสี่ยงดวง หวย ไพ่ ไฮโลเอาหมด และก็นำไปสู่การมาของเหรียญกาว (ศัพท์ในวงการเรียกว่าเหรียญมีม MEME ที่ fork บน Chain ของ BNB ของ Binance)
เป็นเหรียญชื่อ HappyPay สาคร เริ่มนำเหรียญคริปโต HappyPay มานำเสนอให้กับสมาชิก อ้างว่าอนาคตจะนำมาใช้แทนเงินในองค์กร
โดยให้คำมั่นว่าจะหาร้านค้ามาเข้าร่วมในการรับชำระด้วยเหรียญ HappyPay โดยให้นักเรียนทั้งหมดช่วยกันสร้างคอมมูนิตี้
สาคร..ได้เหรียญ HappyPay มาราคา Floor คือต่ำสุดมูลค่าไม่กี่สตางค์ต่อเหรียญ แต่ต่อมามีการสันนิษฐานกันว่าได้มาฟรีเพราะไปฮั้วกับเจ้าของ
จากนั้น แผนการปั่นมูลค่าเพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองจึงเริ่มปรากฏรูป
สาคร..มีการปั่น Event ใหญ่โตเชิญนักเรียนทุกคนเข้ามาฟังหลายรอบ เริ่มนำเสนอเหรียญให้กับสมาชิกในองค์กร
มีการจัดให้ความรู้โดยอาศัยการเชิญบุคคลที่เป็นที่รู้จักในวงการคริปโตในช่วงนั้นมาบรรยายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
สมาชิกหลายคนคล้อยตามเพราะความศรัทธาและติดกับดักกับคำว่า“เชื่ออาจารย์สิราคาเหรียญจะวิ่งไปถึง 120 บาท แน่นอนล้าน %
ด้วยความเคารพและศรัทธาจึงมั่นใจว่า สาคร ไจะไม่หลอกกัน หลายคนใช้เงินเก็บ หลายคนเอาเงินรายได้จากการทำธุรกิจมาลงทุน หลักหลายแสนจนหลักหลายล้านบาท
บางคนชวนเพื่อน บางคนชวนญาติพี่น้องคนนอกธุรกิจมาลงทุนด้วย เพราะเชื่อโดยสนิทใจว่ามันดีมันใช่
สาคร..กับพวกปั่นราคาเหรียญหลอกสมาชิก จากมูลค่าหลักไม่กี่สตางค์ ก็วิ่งไปเกือบร้อยบาทต่อเหรียญ
หลายคนจึงเชื่อหมดหัวใจเลยว่าอาจารย์สาคร เอาของดีมาบอก เอากำไรมาให้
เป็นเรื่องธรรมดาที่รูปแบบของการซื้อขายเหรียญแบบนี้มันไม่ Win/Win มันมีแต่แค่ใครมาก่อนก็ซื้อถูกแล้วเอาไปขายแพง ใครฉุกใจคิดทันขายออกก็รอดตัว
คนซื้อไปราคาตอนเหยียบ 100 ถ้าราคาไม่วิ่งต่อแน่นอนมันก็ดอย
สาคร..เทเหรียญที่มีอยู่ในมือขายหมดเกลี้ยง เมื่อฟองสบู่ของราคาเหรียญ HappyPay แตกลงสมาชิกต่างก็เลิ่กลั่ก แล้วก็กูจะเอาเหรียญไปขายใคร.?
สาคร..ก็บอกว่าให้เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวราคามันก็ขึ้น นักเรียนก็ถามว่า กระดานซื้อขายก็ไม่มีแล้วเหรียญมันจะขึ้นได้ยังไง.?
แล้วสาคร ก็แสดงท่าไม้ตายออกมาโดยพูดว่า "ทำไมพวกคุณไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน".? ผ่านไปสักระยะสาคร ก็ถอยเฟอร์รารี่คันใหม่ออกมาจอดโชว์นักเรียน🤣ไอ้เจ็ดโด้
และได้นำเอาเฟอรารี่นั้นมาหลอกทำคลิปชวนนักเรียน โดยโปรโมทบ้านเมียน้อยว่าราคาร้อยล้าน เมียน้อยทำธุรกิจเก่งมากจนซื้อเฟอรารี่ได้
เฟอรารี่..ที่ได้มาจากหยาดเหงื่อนักเรียน และความ ต า ย ของนักเรียน
สาคร..นายจำป้ายาได้ไหม กระเป๋ารถเมล์ที่พลิกชีวิตจนมาขายออนไลน์แกถอนเงิน7 แสนมาลงกับคุณทั้งชีวิตจนตัวเองต้องอดและนอนต า ย ในอพาร์ทเมนท์ข้างๆบริษัทคุณ
สาคร..นายจำไอ้เบนซ์ได้ไหม อดีตพระศึกมาลุยขายออนไลน์ขนาดเป็นศิษย์รักคุณเลยนะ ยังหลอกเขาโอนไปเป็นล้าน
รู้ยัง..ตอนนี้เรามีผู้เสียหายหลัก 4-5 ล้าน 1-2 ล้าน รอไว้เพียบ เตรียมตัวเข้าคุกได้เลยนะครับนะ
---------
บทสรุป DNW ของ สาคร
DNW..คือปฐมบทของการสอนยิงแอดออนไลน์ที่เป็นผู้มาก่อน the icon
DNW..ทั้งสร้างโรงงานทิพย์ สินค้าลวงโลกและเหรียญทิพย์
บางคนไปกู้เงินเอามาลงทุนหวังว่าราคาเหรียญมันจะ Go to the moon เหมือนที่สาคร บอก สุดท้ายเจ๊ง เพราะเหรียญมันสร้างโปรแกรมมาหลอกโดยเฉพาะ
ดังนั้นถ้าใครเคยโดน DNW หลอก ก็สามารถไปร้องเรียนที่ ปคบ.ได้เช่นกัน
อายุความยังเหลือเฟือ รวบรวมพยานหลักฐานไว้ให้พร้อม แล้วรอให้จบเคส The Icon พวกคุณก็รวมตัวกันให้มากที่สุดแล้วไปร้องทุกข์กับตำรวจ ปคบ.
สาคร..เคยต้มตุ๋นผู้คนฉิบหายมาเป็นหมื่นครอบครัวมูลค่าความเสียหายเป็นพันๆล้าน ความผิดชัดเจน
ถ้าผู้เสียหายคนใหนอ่านแล้วเคยโดน DNW หลอกลวง ถ้าอยากได้เงินคืน รวมตัวเกาะกลุ่มกันไว้ให้ได้มากที่สุดแล้วรอบุกไป ปคบ..พร้อมๆกัน
ปฐมบท DNW
👉 https://www.facebook.com/share/p/ofBvDFkddebdrMj4/?mibextid=WC7FNe
คลิปอวดความสำเร็จ
👉 https://www.facebook.com/share/v/Pg9LbvR6sjPmN1Ti/?mibextid=WC7FNe
โรงงานปัายแขวน
👉 https://www.facebook.com/share/v/Pg9LbvR6sjPmN1Ti/?mibextid=WC7FNe
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
DNW ep.4 ตอน: HappyPay เหรียญต้มตุ๋นในตำนาน สาคร..เป็นคนชอบเสี่ยงดวง หวย ไพ่ ไฮโลเอาหมด และก็นำไปสู่การมาของเหรียญกาว (ศัพท์ในวงการเรียกว่าเหรียญมีม MEME ที่ fork บน Chain ของ BNB ของ Binance) เป็นเหรียญชื่อ HappyPay สาคร เริ่มนำเหรียญคริปโต HappyPay มานำเสนอให้กับสมาชิก อ้างว่าอนาคตจะนำมาใช้แทนเงินในองค์กร โดยให้คำมั่นว่าจะหาร้านค้ามาเข้าร่วมในการรับชำระด้วยเหรียญ HappyPay โดยให้นักเรียนทั้งหมดช่วยกันสร้างคอมมูนิตี้ สาคร..ได้เหรียญ HappyPay มาราคา Floor คือต่ำสุดมูลค่าไม่กี่สตางค์ต่อเหรียญ แต่ต่อมามีการสันนิษฐานกันว่าได้มาฟรีเพราะไปฮั้วกับเจ้าของ จากนั้น แผนการปั่นมูลค่าเพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองจึงเริ่มปรากฏรูป สาคร..มีการปั่น Event ใหญ่โตเชิญนักเรียนทุกคนเข้ามาฟังหลายรอบ เริ่มนำเสนอเหรียญให้กับสมาชิกในองค์กร มีการจัดให้ความรู้โดยอาศัยการเชิญบุคคลที่เป็นที่รู้จักในวงการคริปโตในช่วงนั้นมาบรรยายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ สมาชิกหลายคนคล้อยตามเพราะความศรัทธาและติดกับดักกับคำว่า“เชื่ออาจารย์สิราคาเหรียญจะวิ่งไปถึง 120 บาท แน่นอนล้าน % ด้วยความเคารพและศรัทธาจึงมั่นใจว่า สาคร ไจะไม่หลอกกัน หลายคนใช้เงินเก็บ หลายคนเอาเงินรายได้จากการทำธุรกิจมาลงทุน หลักหลายแสนจนหลักหลายล้านบาท บางคนชวนเพื่อน บางคนชวนญาติพี่น้องคนนอกธุรกิจมาลงทุนด้วย เพราะเชื่อโดยสนิทใจว่ามันดีมันใช่ สาคร..กับพวกปั่นราคาเหรียญหลอกสมาชิก จากมูลค่าหลักไม่กี่สตางค์ ก็วิ่งไปเกือบร้อยบาทต่อเหรียญ หลายคนจึงเชื่อหมดหัวใจเลยว่าอาจารย์สาคร เอาของดีมาบอก เอากำไรมาให้ เป็นเรื่องธรรมดาที่รูปแบบของการซื้อขายเหรียญแบบนี้มันไม่ Win/Win มันมีแต่แค่ใครมาก่อนก็ซื้อถูกแล้วเอาไปขายแพง ใครฉุกใจคิดทันขายออกก็รอดตัว คนซื้อไปราคาตอนเหยียบ 100 ถ้าราคาไม่วิ่งต่อแน่นอนมันก็ดอย สาคร..เทเหรียญที่มีอยู่ในมือขายหมดเกลี้ยง เมื่อฟองสบู่ของราคาเหรียญ HappyPay แตกลงสมาชิกต่างก็เลิ่กลั่ก แล้วก็กูจะเอาเหรียญไปขายใคร.? สาคร..ก็บอกว่าให้เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวราคามันก็ขึ้น นักเรียนก็ถามว่า กระดานซื้อขายก็ไม่มีแล้วเหรียญมันจะขึ้นได้ยังไง.? แล้วสาคร ก็แสดงท่าไม้ตายออกมาโดยพูดว่า "ทำไมพวกคุณไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน".? ผ่านไปสักระยะสาคร ก็ถอยเฟอร์รารี่คันใหม่ออกมาจอดโชว์นักเรียน🤣ไอ้เจ็ดโด้ และได้นำเอาเฟอรารี่นั้นมาหลอกทำคลิปชวนนักเรียน โดยโปรโมทบ้านเมียน้อยว่าราคาร้อยล้าน เมียน้อยทำธุรกิจเก่งมากจนซื้อเฟอรารี่ได้ เฟอรารี่..ที่ได้มาจากหยาดเหงื่อนักเรียน และความ ต า ย ของนักเรียน สาคร..นายจำป้ายาได้ไหม กระเป๋ารถเมล์ที่พลิกชีวิตจนมาขายออนไลน์แกถอนเงิน7 แสนมาลงกับคุณทั้งชีวิตจนตัวเองต้องอดและนอนต า ย ในอพาร์ทเมนท์ข้างๆบริษัทคุณ สาคร..นายจำไอ้เบนซ์ได้ไหม อดีตพระศึกมาลุยขายออนไลน์ขนาดเป็นศิษย์รักคุณเลยนะ ยังหลอกเขาโอนไปเป็นล้าน รู้ยัง..ตอนนี้เรามีผู้เสียหายหลัก 4-5 ล้าน 1-2 ล้าน รอไว้เพียบ เตรียมตัวเข้าคุกได้เลยนะครับนะ --------- บทสรุป DNW ของ สาคร DNW..คือปฐมบทของการสอนยิงแอดออนไลน์ที่เป็นผู้มาก่อน the icon DNW..ทั้งสร้างโรงงานทิพย์ สินค้าลวงโลกและเหรียญทิพย์ บางคนไปกู้เงินเอามาลงทุนหวังว่าราคาเหรียญมันจะ Go to the moon เหมือนที่สาคร บอก สุดท้ายเจ๊ง เพราะเหรียญมันสร้างโปรแกรมมาหลอกโดยเฉพาะ ดังนั้นถ้าใครเคยโดน DNW หลอก ก็สามารถไปร้องเรียนที่ ปคบ.ได้เช่นกัน อายุความยังเหลือเฟือ รวบรวมพยานหลักฐานไว้ให้พร้อม แล้วรอให้จบเคส The Icon พวกคุณก็รวมตัวกันให้มากที่สุดแล้วไปร้องทุกข์กับตำรวจ ปคบ. สาคร..เคยต้มตุ๋นผู้คนฉิบหายมาเป็นหมื่นครอบครัวมูลค่าความเสียหายเป็นพันๆล้าน ความผิดชัดเจน ถ้าผู้เสียหายคนใหนอ่านแล้วเคยโดน DNW หลอกลวง ถ้าอยากได้เงินคืน รวมตัวเกาะกลุ่มกันไว้ให้ได้มากที่สุดแล้วรอบุกไป ปคบ..พร้อมๆกัน ปฐมบท DNW 👉 https://www.facebook.com/share/p/ofBvDFkddebdrMj4/?mibextid=WC7FNe คลิปอวดความสำเร็จ 👉 https://www.facebook.com/share/v/Pg9LbvR6sjPmN1Ti/?mibextid=WC7FNe โรงงานปัายแขวน 👉 https://www.facebook.com/share/v/Pg9LbvR6sjPmN1Ti/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว - สั่งอัยการร่วมงานกับ The Icon ชี้แจงข้อเท็จจริง
จากกรณีที่มีอดีตอาจารย์มหาวิทลัยเป็นแม่ข่ายดิไอคอนกรุ๊ป มีสามีเป็นพนักงานอัยการไปร่วมถ่ายรูปในงานสัมมนาของดิไอคอนกรุ๊ปนั้น
ทีมข่าวสอบถามไปยัง นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย
บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่า ชายคนในภาพที่ปรากฎทางโซเชียล “เป็นรองอัยการจังหวัดสำนักงานคุ้มครองสิทธิฯ จังหวัดๆหนึ่ง”
ซึ่งจะรายงานไปยังอัยการสูงสุดทราบ และทางอธิบดีอัยการภาค 4 ได้แจ้งให้อัยการคนดังกล่าวทำหนังสือชี้แจงแล้ว
ตนยังไม่ทราบรายละเอียดพฤติการณ์ และการกระทำทั้งหมด ต้องรอตรวจข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีการกระทำใดที่อาจจะขัดต่อประมวลจริยธรรมอัยการ หรือกฎหมายใดหรือไม่
---------
เราขอเรียนแจ้งให้ท่าน โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ทราบเพิ่มเติมว่า อัยการ ชยพล ไม่ใช่แค่ไปถ่ายภาพในงานสัมนา..แต่ไปร่วมสัมนาในฐานะเป็นเจ้าของรหัส 170293
ที่มัน จร.จริงๆคือ ชยพลเป็นถึงรองอัยการที่อยู่คุ้มครองสิทธิ์ที่จังหวัดมหาสารคามนี่แหละ
คือโดยตำแหน่งแล้วเนี่ย อัยการ ชยพลมันต้องช่วยคุ้มครองสิทธิ์ให้ประชาชน
แต่กลับเอาตำแหน่งหน้าที่ของตนที่มันดูน่าเชื่อถือ ไปเชิญชวนประชาชนมาร่วมลงทุนกับ The Icon
การกระทำดังกล่าว..ความผิดในทางกฎหมายมันอาจจะยังไม่ปรากฎร่างในตอนนี้ เพราะอยู่ระหว่างสอบสวน
แต่ในทางธรรมนั้นโลกวัชชะ โลก Social ติเตียน..นั้นยากจะหลีกเลี่ยง สมควร.มีบทลงโทษนาย ชยพล
เพื่อให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นและศรัทธาในองค์กรของท่าน
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
สั่งอัยการร่วมงานกับ The Icon ชี้แจงข้อเท็จจริง จากกรณีที่มีอดีตอาจารย์มหาวิทลัยเป็นแม่ข่ายดิไอคอนกรุ๊ป มีสามีเป็นพนักงานอัยการไปร่วมถ่ายรูปในงานสัมมนาของดิไอคอนกรุ๊ปนั้น ทีมข่าวสอบถามไปยัง นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่า ชายคนในภาพที่ปรากฎทางโซเชียล “เป็นรองอัยการจังหวัดสำนักงานคุ้มครองสิทธิฯ จังหวัดๆหนึ่ง” ซึ่งจะรายงานไปยังอัยการสูงสุดทราบ และทางอธิบดีอัยการภาค 4 ได้แจ้งให้อัยการคนดังกล่าวทำหนังสือชี้แจงแล้ว ตนยังไม่ทราบรายละเอียดพฤติการณ์ และการกระทำทั้งหมด ต้องรอตรวจข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีการกระทำใดที่อาจจะขัดต่อประมวลจริยธรรมอัยการ หรือกฎหมายใดหรือไม่ --------- เราขอเรียนแจ้งให้ท่าน โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ทราบเพิ่มเติมว่า อัยการ ชยพล ไม่ใช่แค่ไปถ่ายภาพในงานสัมนา..แต่ไปร่วมสัมนาในฐานะเป็นเจ้าของรหัส 170293 ที่มัน จร.จริงๆคือ ชยพลเป็นถึงรองอัยการที่อยู่คุ้มครองสิทธิ์ที่จังหวัดมหาสารคามนี่แหละ คือโดยตำแหน่งแล้วเนี่ย อัยการ ชยพลมันต้องช่วยคุ้มครองสิทธิ์ให้ประชาชน แต่กลับเอาตำแหน่งหน้าที่ของตนที่มันดูน่าเชื่อถือ ไปเชิญชวนประชาชนมาร่วมลงทุนกับ The Icon การกระทำดังกล่าว..ความผิดในทางกฎหมายมันอาจจะยังไม่ปรากฎร่างในตอนนี้ เพราะอยู่ระหว่างสอบสวน แต่ในทางธรรมนั้นโลกวัชชะ โลก Social ติเตียน..นั้นยากจะหลีกเลี่ยง สมควร.มีบทลงโทษนาย ชยพล เพื่อให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นและศรัทธาในองค์กรของท่าน สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว - อัยการ..#รหัสนรก
นาย ชยพล สามีของ นาง ธภัทร์ (หรือ แป้ง) มีอาชีพหลักคือ อัยการ อาชีพเสริมเป็นเครือข่ายของ The Icon รหัส 170293
อัยการ ชยพล ได้รหัสหลัก 1.7 แสน จาก 6 แสนกว่ารหัส ถ้าสมมติรหัสรันตามวันที่เข้าร่วม
อัยการ ชยพล ก็เข้าร่วมกับ The Icon เป็นคนที่ 170315 ส่วนแป้ง ผู้เป็นภรรยาเข้าร่วมเป็นคนที่ 93590
แป้งอยู่ระดับ Wisdom ส่วนระดับของอัยการชยพลเรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดๆ แต่จากตัวเลขรหัสที่เข้าร่วมอัยการชยพลอย่างต่ำๆต้องอยู่ระดับ Pattinum ย้ำว่าอย่างต่ำๆ
พรีสสสสส คุณเป็นนักกฏหมายเป็นถึงทนายแผ่นดินที่ความรู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้พิพากษาสักเท่าไหร่เลย แล้วนึกไงถึงเข้าร่วมกับบริษัท The Icon .?
ถ้าอยากหงายการ์ด“เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์” คุณต้องลาออกอย่างเป็นทางการเสียก่อน มันถึงจะน่ารับฟังหน่อย
รู้ยัง.? ที่ภรรยาคุณมีลูกข่ายมากกว่า 2 พันคนนั่นน่ะส่วนมากเขาเชื่อว่าธุรกิจ the icon มันไม่โกงแน่ๆเพราะ.?
ชาวบ้าน..ส่วนหนึ่งเขาเห็นว่าภรรยาคุณมีสามีเป็นถึงอัยการ..ซึ่งคือตัวคุณ
ชาวบ้าน..อีกส่วนหนึ่งเขาเห็นอัยการยังมีรหัสทำธุรกิจกับ the icon เขาก็โดดเข้าร่วม
ชาวบ้าน..อีกส่วนหนึ่งเขาเห็นคุณ 2 ผัวเมียเอาคุณแม่(รหัส 170435)เข้าร่วมด้วย เขาก็ยิ่งเชื่อพวกคุณจนจนหมดหัวใจ
ที่มันตลกร้ายจริงๆคือ..#พวกคุณพยายามทำตัวเป็นเหยื่อตาใสๆ
ทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นคู่หูนักล่าระดับพระกาฬ เจนจัดข้อกฏหมาย มีความรู้เรื่องจิตวิทยา..เมื่อออกล่าต้องได้เหยื่อ
เมื่อวาน..แป้ง พาผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งไปที่ ปคบ.ก็แอบงงกับผู้เสียหายอยู่เหมือนกัน ว่าเขาคิดอะไรกันอยู่.?
มาจนถึงขั้นนี้แล้วพวกคุณยังไม่ตื่นรู้กันอีกเหรอครับเนี่ย 😅 ว่าแป้งกับอัยการคือตัวการหลักที่ทำให้พวกคุณเสียเงิน.?
ถ้าอยากได้เงินคืน จงตั้งสติให้ดีที่สุดในชีวิต แล้วก็ลองคิดดูว่า แป้งกับสามี เขากำลังช่วยตัวเองหรือกำลังช่วยพวกคุณ.?
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
อัยการ..#รหัสนรก นาย ชยพล สามีของ นาง ธภัทร์ (หรือ แป้ง) มีอาชีพหลักคือ อัยการ อาชีพเสริมเป็นเครือข่ายของ The Icon รหัส 170293 อัยการ ชยพล ได้รหัสหลัก 1.7 แสน จาก 6 แสนกว่ารหัส ถ้าสมมติรหัสรันตามวันที่เข้าร่วม อัยการ ชยพล ก็เข้าร่วมกับ The Icon เป็นคนที่ 170315 ส่วนแป้ง ผู้เป็นภรรยาเข้าร่วมเป็นคนที่ 93590 แป้งอยู่ระดับ Wisdom ส่วนระดับของอัยการชยพลเรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดๆ แต่จากตัวเลขรหัสที่เข้าร่วมอัยการชยพลอย่างต่ำๆต้องอยู่ระดับ Pattinum ย้ำว่าอย่างต่ำๆ พรีสสสสส คุณเป็นนักกฏหมายเป็นถึงทนายแผ่นดินที่ความรู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้พิพากษาสักเท่าไหร่เลย แล้วนึกไงถึงเข้าร่วมกับบริษัท The Icon .? ถ้าอยากหงายการ์ด“เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์” คุณต้องลาออกอย่างเป็นทางการเสียก่อน มันถึงจะน่ารับฟังหน่อย รู้ยัง.? ที่ภรรยาคุณมีลูกข่ายมากกว่า 2 พันคนนั่นน่ะส่วนมากเขาเชื่อว่าธุรกิจ the icon มันไม่โกงแน่ๆเพราะ.? ชาวบ้าน..ส่วนหนึ่งเขาเห็นว่าภรรยาคุณมีสามีเป็นถึงอัยการ..ซึ่งคือตัวคุณ ชาวบ้าน..อีกส่วนหนึ่งเขาเห็นอัยการยังมีรหัสทำธุรกิจกับ the icon เขาก็โดดเข้าร่วม ชาวบ้าน..อีกส่วนหนึ่งเขาเห็นคุณ 2 ผัวเมียเอาคุณแม่(รหัส 170435)เข้าร่วมด้วย เขาก็ยิ่งเชื่อพวกคุณจนจนหมดหัวใจ ที่มันตลกร้ายจริงๆคือ..#พวกคุณพยายามทำตัวเป็นเหยื่อตาใสๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นคู่หูนักล่าระดับพระกาฬ เจนจัดข้อกฏหมาย มีความรู้เรื่องจิตวิทยา..เมื่อออกล่าต้องได้เหยื่อ เมื่อวาน..แป้ง พาผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งไปที่ ปคบ.ก็แอบงงกับผู้เสียหายอยู่เหมือนกัน ว่าเขาคิดอะไรกันอยู่.? มาจนถึงขั้นนี้แล้วพวกคุณยังไม่ตื่นรู้กันอีกเหรอครับเนี่ย 😅 ว่าแป้งกับอัยการคือตัวการหลักที่ทำให้พวกคุณเสียเงิน.? ถ้าอยากได้เงินคืน จงตั้งสติให้ดีที่สุดในชีวิต แล้วก็ลองคิดดูว่า แป้งกับสามี เขากำลังช่วยตัวเองหรือกำลังช่วยพวกคุณ.? สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว - แม่ทีมสายดำ..อายุน้อยร้อยล้าน
เห็นน้องตอ อดีตกระเป๋าเครื่องบินเขามาคอมเมนต์ในเพจเหยื่อว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งเลิกทำจ้าาา = เถียง
พรีสสสส สงสัยมาพิมพ์เถียงโดยไม่ได้ไถหน้าเพจดูสกิลการขุดของเพจนี้เลยล่ะสิ่ท่า.?
เราน่ะรู้ว่าหนูอ่ะเป็นดาวดังของบริษัทขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรของบริษัทเป็นประจำ และหนูทำจนได้หลัวคนที่ทำ The Icon อีกตางหาก ปั่ดโธ่
มาเถียงเราคอมเมนต์หนึ่ง เราก็จัดให้อีกโพสต์หนึ่ง แต่ถ้าทำผิดแล้วสงบปากเราจะก้าวข้ามไปเล่นแก๊งอื่นต่อ
ตามมาดูว่าแม่ทีมสายดำมันทำงานกันอย่างไร
จุดเริ่มต้น..ทุกคนที่หลงเข้าไปในวงจรนี้ ก็จะเริ่มต้นจากเปิดบิล 2,500 บาท (Distributor)
และถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor)
เรต 2,500 บาท กับ 25,000 บาท จะต้องจ่ายตรงกับ Dealer เพราะ Dealer ต้องกระจายของตัวเองออก
และถ้าต้องการเข้าทีมแม่ๆทั้งหลาย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer)
ทีนี้ตำแหน่งมันยังมีอีก 10 อันดับข้างบน แล้วทำไมมันถึงมีลำดับขั้นเยอะแยะขนาดนั้น.?
ตามมา..
ระบบแผนการจ่ายของ the icon จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นทริปท่องเที่ยว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย
เพราะการจ่ายเงินมันจะผิดกฎหมายเข้าข่ายลูกโซ่ จึงแจกค่าคอมกลับเป็นการทัวร์ทริปเที่ยว ซึ่งระบุเอาไว้ว่า
ถ้าใครไม่อยากเที่ยว..“ก็ขายทริปคืนเป็นเงินได้” ตรงจุดนี้แหละที่บอสพอลติ่งเอาไว้เลี่ยงกฎหมาย
เพราะถ้ามีใครขายทริป บริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทนการเที่ยวให้ มันก็จะเท่ากับการชวนคนร่วมลงทุนแล้วได้เงินตอบแทน(โดยอ้อม)เหมือนแชร์ลูกโซ่ยังไงยังงั้นเลย
the icon เลี่ยงไปใช้คำว่า Re Dealer หรือการเปิดสาขาสอง คือการจ่าย 250,000 บาท อีกรอบ เพื่อขยับตัวเองขึ้นไปเป็น Gold , Platinum และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตำแหน่งพวกนี้สำคัญแค่ไหน ?
หลักการจ่ายของ the icon จะจ่ายให้กับ Direct Referral (การชวนตรงผ่านรหัสตัวเอง) 10%
ดังนั้นหากคุณจ่าย 250,000 บาทไปแล้ว และอยากได้เงินคืน คุณต้องทำ Direct Referral ตามรหัสตัวเองให้ได้ 10 ราย ถึงจะได้เงิน 10% กลับคืน
ตรงนี้เรียกว่า "Fast start bonus" เป็นศัพท์ของ MLM เขาใช้เรียกกัน โดยปกติ MLM จะมีระบบซับซ้อนในการคำนวณยอดให้
เช่น Stair Step, Uni-Level , Binary , Trinary ฯลฯ
แต่ที่ The Icon นั้นไม่ซับซ้อน เป็นแค่ Stair Step หรือขั้นบันไดใช้การจ่ายที่ระดับขั้น แยกออกเป็น "ส่วนลด" เพื่อเอาส่วนลดนั้นไปจ่ายตามระดับ 10 อันดับด้านบนทั้งหมด
และพอลยังแก้ให้มีระบบ Binary โยน Dealer ซ้าย-ขวา คะแนนข้างอ่อนผันเป็นโบนัส
ดังนั้นยิ่งใครเปิด "สาขา" เยอะ ก็จะยิ่งได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" เยอะขึ้น ทีนี้หลักการจ่ายมันจะมีหลักง่ายๆคือ..จ่ายจากล่างสุดขึ้นไปบนสุด
เวลาพี่ๆตำรวจเขา สืบ-สอบ ก็จะเริ่มจากด้านล่างสุดเช่นกัน แต่ด้านล่างสุดในมุมของตำรวจคือคนที่เป็นเหยื่อ ไล่เส้นเงินของเหยื่อ..ว่าวิ่งไปถึงใครบ้าง
-----------
สมมติว่าน้องตอ เขาเป็นระดับ Platinum Dealer แต่ลูกทีมของน้องตอดันไปเปิดสาขาเยอะกว่า ก็จะได้เป็น Crown Dealer ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า อันดับสูงกว่าผู้แนะนำ
เวลาทำจ่าย "ส่วนแบ่งสาขา" มันจะข้ามน้องตอขึ้นไปข้างบนตามตำแหน่ง แม้ว่าคนนั้นจะเป็น Downline ของน้องตอก็ตาม
และคนที่เปิดสูงกว่าน้องตอก็จะได้รับเงิน "ส่วนแบ่งสาขา" ไปแทน นี่เป็นหลักการที่จูงใจให้คนที่หลงเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้วอยาก "ขยายสาขา"
เพื่อที่ตัวเองจะได้ไประดับบนสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ "BOSS" (ไม่ใช่ Big Boss นะ)
วิธีของ the icon คือตั้งกลุ่มแม่ทีม และลูกทีมจะต้องมาซื้อข้อมูลผู้สนใจธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 - 5,000 บาท และถ้าเป็นเบอร์ที่หวังผลได้ชัวร์ ขาย 10,000 บาท
คำถามคือ..เงินตรงนี้เข้าบริษัทหรือเข้ากระเป๋าแม่ทีม.?
ถ้าคำนวณจากยอดของน้องตอที่ทำยอด 1,000,000 บาทได้ และได้แหวนเพชรจากบิ๊กบอสเป็นรางวัล
ก็อนุมานได้ว่าน้องตอต้องได้ค่าคอม 25,000 บาท (จาก 250,000) 1,000,000 / 25,000 = 40 คน จุกๆ
ระยะเวลาแค่ 6 เดือนน้องตอของเราได้ขึ้นไปรับเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสวมแหวนเพชรบนเวที
แล้วน้องตอก็พูดว่า.."ผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนให้หนูคือบอสพอล" งู้ยยยยย ถุย
-------------
the icon ได้ทำการแก้ไขระบบตัวแทนจากตลาดตรง มาเพิ่ม "Binary" ทำให้มีการโยน Dealer ไปซ้าย-ขวา
ทีนี้มันก็เลยต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นเพราะหลักการของระบบ Binary มันเข้าข่าย MLM และหลักการจ่ายค่าโบนัสมันจะจ่ายวิ่งขึ้นบน
แปลว่าถ้าน้องตอตำแหน่งต่ำกว่า Downline ตัวเอง คะแนน Bonus จะวิ่งไปหาตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองทันที
ข้อนี้มันคือการหักล้างทุกๆบริษัทที่เคยพูดว่า "Passive Income" มีจริง บอกเลยมันไม่มีอยู่จริงหรอก
เพราะระบบ MLM มันมีกฎที่สามารถขโมย Bonus ได้ถ้าตำแหน่งสูงกว่า ระบบจะจ่ายโบนัสไปที่ "ตำแหน่งสูงสุด" ที่อยู่ในสายนั้น
นี่คือสาเหตุให้ตำแหน่ง "BOSS" ด้านบน เปิดสาขาถึงระดับสูงสุด เพื่อรองรับโบนัสการคำนวณ ซ้าย-ขวา
เพราะถ้าซ้าย-ขวา ไม่ balance ระบบจะคำนวณยอดที่จะได้แค่ส่วนต่างข้างน้อย และส่วนที่เหลือข้างมากจะไหลขึ้นบนตามหลัก MLM
จุดนี้แหละจึงเป็นความจริงที่ทุกคนพยายาม "ขยายสาขา" เพื่อให้ตัวเองได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" นั่นเอง
และทุกคนที่เป็นแม่ทีมจะสู้เพื่อสิ่งนี้แหละ คือตำแหน่งสูงสุด เพราะจะได้รับค่าคอมจากด้านล่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นั่นคือเหตุผลที่ระดับ "BOSS" ได้รับค่าคอมหลักล้าน แม้จะนอนนิ่งๆไม่ได้ทำอะไรก็ตาม
แต่คนที่ยังทำงานอยู่ในการ Direct Referral จะได้ 10% เรียกว่าได้เงินเร็ว แล้วก็เอาเงินต่อเงินไปเปิดสาขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นตามนี้
Boss
Emperor
Royal Crown
Crown Dealer
Wisdom Dealer
Presidential Dealer
Grand Dealer
7 ตำแหน่งนี้👆ต้องไต่เต้าด้วยการ..ขยายสาขา
นั่นคือมูลเหตุให้ระบบของบริษัท the icon แผนธุรกิจมุ่งเน้นชวนคนใหม่อย่างเดียว เพราะผลตอบแทน 10% จาก Dealer ได้ตรง และได้โบนัสคำนวณตามตำแหน่ง
ทีนี้มาดูกลโกงของแม่ทีมสายดำกัน
มันมีคนเข้ามาเป็น Dealer 367,943 คน และทุกคนเปิดบิล 250,000 บาทเหมือนกันหมด
แต่ไม่ใช่ว่าคนทั้ง 367,943 คนจะยิงแอดเป็น หรือทำการตลาดเป็น จึงตกเป็นเหยื่อแม่ทีมในกลุ่มของตัวเอง
โดยทุกคนจะโดนแม่ทีมเรียกรับ "ค่าโฆษณา" คนละ 10,000 / เดือน
สมมติว่า..กลุ่มน้องตอมี 2,000 คน น้องตอก็จะเรียกเก็บค่าโฆษณาได้ 20,000,000 บาทต่อเดือนทันที
คำถามคือ..แล้วลูกข่ายทั้งหมดที่มาเปิดบิลผ่านน้องตออ่ะ พวกเขาเหล่านั้นได้ยิงแอดเองไหม.?
น้องตอ..บอกจะสอนให้เขาขายออนไลน์ได้เอง ก็แปลว่าลูกทีมเขาต้องมีความสามารถ "ตั้งโฆษณาได้เอง" ถูกไหม.?
แต่น้องตอ กลับบอกให้ทุกคนเข้ากลุ่มแม่ทีมแล้วน้องตอก็เรียกเก็บเงินค่ารายชื่อ หัวละ 1000 - 5000 อันนี้มันยิงแอดตรงไหนอ่ะ.?
น้องตอมีหลักฐานไหมว่ารายชื่อที่เอามาขายลูกข่ายน่ะมันดึงมาจาก Ads ทุกรายชื่อ.?
คือ..แม่ทีมมีหน้าที่ไปยิงโฆษณาหาตัวแทนมาโปรยให้ลูกทีมนั่นแปลว่า "แม่ทีมก็ต้องโทรหาลูกค้าก่อนแล้ว"
ลองคิดถึงหลักความเป็นจริง หากโทรไปแล้วเขาสนใจ พวกคุณคิดว่าแม่ทีมจะใจดีโยนมาให้ลูกทีมไหม.?
แม่ทีมที่มีลูกทีม 2,000 คน ก็จะเรียกเก็บเงินจากลูกทีมได้ 20 ล้านบาท แล้วมีแม่ทีมคนไหนเอารายงานการยิงแอดมาโชว์ให้ลูกข่ายดูบ้างไหมครับ.?
ถ้าไม่โชว์หลักฐาน ถ้างั้นก็เอาเงิน 20 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วบอกว่ายิงแอดให้แล้ว..ก็ทำได้สิ่.?
พอมีคนคิดลบ เตะออก พอใครไม่อยากยิงแอด เตะออก ทำแบบนี้นี่น้องตอสอนคนยิงแอดหรือว่าบีบบังคับให้เค้าจ่ายไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดตัว.?
เกมนี้ที่แม่ทีมอย่างพวกคุณออกแบบมันโหดร้ายมากๆนะ เพราะว่าจะมีแต่แม่ทีมอย่างพวกคุณรวยกันอยู่กระจุกเดียว
แต่ลูกข่ายนี่เป็นตู้ ATM ให้แม่ทีมกดเงินอย่างเดียว แล้วบิ๊กบอสพอลเขารู้เรื่องไหมว่า มีแม่ทีมสายดำใช้แผนประทุษกรรมเหยื่อแบบนี้.?
--------
การทำธุรกิจแบบนี้มันไม่มีหรอก win/win น่ะ
เงินหมื่นที่จ่ายให้แม่ทีม แม่ทีมหักหัวคิว 80-90% เอาไปลงในโฆษณา "ของตัวแม่ทีมเอง"
และเหลือ 20-10% มาลงให้กับ "ลูกข่าย" จากนั้นก็ส่งหน้าม้าปลอมเข้าไปปลอบประโลมให้ลูกข่ายเห็นว่าโฆษณาทำงาน
แต่อย่างที่เขาร้องกันทั้งหมดแหละ "ไม่มีใครขายได้สักคน" ก็เพราะมันเป็น Seeding Comment จากระบบ Auto Comment ไงฮะ
น้องตอ..หัดยอมรับบ้างเหอะ ว่าเราก็หลอกเขามาเปิดบิล หลอกเอาเงินเขามายิงแอด ไหนหนูถึงทำธุรกิจโดยไม่ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท.?
ขออนุญาตอุทานนะครับ..พวกมึงนี่เควี้ยจริงๆเลย อีฝัด
รบกวนพี่ตำรวจด้วยนะ เวลาสอบปากคำคนระดับแม่ทีม ช่วยถามหาหลักฐานที่พวกมันเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายต่างๆไปจากลูกข่ายด้วยนะครับ
ท่านเรียก export excel .csv ของยอดยิงแอดมา compare เลย ว่าตรงกับยอดที่รับมาจาก "เหยื่อ" ที่เป็นลูกทีมหรือเปล่า
แม่ทีมทุกคนได้ "Direct Referral" 10% ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงปิดได้ 10 คน เงิน Fast Start Bonus แม่ทีมได้วันละ 250,000 บาท
ยังไม่รวมคำนวณโบนัส ส่วนไหนที่ไม่สามารถปิดได้ในการโทรครั้งแรก แม่ทีมก็เอามาขายต่อ 5,000 บาท 2 รายชื่อ 1,000 - 5,000 บาท
เงินส่วนนี้เข้ากระเป๋าแม่ทีม มันคือวงจรอุบาทว์ที่บอสพอลจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ด้วยนะเพราะบอสพอลเป็นคนแก้ระบบให้มีระบบ Binary
เพิ่มตำแหน่งออกมาถึง 13 ขั้นตรงนี้แหละที่บอสพอลจะผิดเต็มๆ ก็คุณจดทำการตลาดขายตรง แต่คุณกลับทำ MLM โดยไม่มีใบอนุญาตซะงั้น
เกมนี้..บอสสวย ผู้อยู่เหนือหวงโซ่ของแม่ทีม คนที่เป็นทุกอย่างให้บอสพอล ถ้าตำรวจไม่เฝ้าไว้ อาจจะหลบหนีไป..ตามใบสั่ง
บทความนี้เขียนขึ้นจากการสอบข้อเท็จจริงจากปากผู้เสียหาย หลายๆคน ข้อมูลไม่นิ่งตัดออก
แล้วคัดเอาที่หลายคนพูดตรงกันมาวิเคราะห์แล้วหาข้อมูล แล้วเรียบเรียงเขียนเป็นบทความมาเผยแพร่
ถ้าใครมีข้อมูลที่แท้ แล้วมันไม่ตรงกับบทความนี้ก็คอมเมนต์แจ้งมาได้นะ ถ้ามันเชื่อถือได้ เราจะแก้ไขให้ทันที
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีนแม่ทีมสายดำ..อายุน้อยร้อยล้าน เห็นน้องตอ อดีตกระเป๋าเครื่องบินเขามาคอมเมนต์ในเพจเหยื่อว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งเลิกทำจ้าาา = เถียง พรีสสสส สงสัยมาพิมพ์เถียงโดยไม่ได้ไถหน้าเพจดูสกิลการขุดของเพจนี้เลยล่ะสิ่ท่า.? เราน่ะรู้ว่าหนูอ่ะเป็นดาวดังของบริษัทขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรของบริษัทเป็นประจำ และหนูทำจนได้หลัวคนที่ทำ The Icon อีกตางหาก ปั่ดโธ่ มาเถียงเราคอมเมนต์หนึ่ง เราก็จัดให้อีกโพสต์หนึ่ง แต่ถ้าทำผิดแล้วสงบปากเราจะก้าวข้ามไปเล่นแก๊งอื่นต่อ ตามมาดูว่าแม่ทีมสายดำมันทำงานกันอย่างไร จุดเริ่มต้น..ทุกคนที่หลงเข้าไปในวงจรนี้ ก็จะเริ่มต้นจากเปิดบิล 2,500 บาท (Distributor) และถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor) เรต 2,500 บาท กับ 25,000 บาท จะต้องจ่ายตรงกับ Dealer เพราะ Dealer ต้องกระจายของตัวเองออก และถ้าต้องการเข้าทีมแม่ๆทั้งหลาย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer) ทีนี้ตำแหน่งมันยังมีอีก 10 อันดับข้างบน แล้วทำไมมันถึงมีลำดับขั้นเยอะแยะขนาดนั้น.? ตามมา.. ระบบแผนการจ่ายของ the icon จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นทริปท่องเที่ยว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย เพราะการจ่ายเงินมันจะผิดกฎหมายเข้าข่ายลูกโซ่ จึงแจกค่าคอมกลับเป็นการทัวร์ทริปเที่ยว ซึ่งระบุเอาไว้ว่า ถ้าใครไม่อยากเที่ยว..“ก็ขายทริปคืนเป็นเงินได้” ตรงจุดนี้แหละที่บอสพอลติ่งเอาไว้เลี่ยงกฎหมาย เพราะถ้ามีใครขายทริป บริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทนการเที่ยวให้ มันก็จะเท่ากับการชวนคนร่วมลงทุนแล้วได้เงินตอบแทน(โดยอ้อม)เหมือนแชร์ลูกโซ่ยังไงยังงั้นเลย the icon เลี่ยงไปใช้คำว่า Re Dealer หรือการเปิดสาขาสอง คือการจ่าย 250,000 บาท อีกรอบ เพื่อขยับตัวเองขึ้นไปเป็น Gold , Platinum และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตำแหน่งพวกนี้สำคัญแค่ไหน ? หลักการจ่ายของ the icon จะจ่ายให้กับ Direct Referral (การชวนตรงผ่านรหัสตัวเอง) 10% ดังนั้นหากคุณจ่าย 250,000 บาทไปแล้ว และอยากได้เงินคืน คุณต้องทำ Direct Referral ตามรหัสตัวเองให้ได้ 10 ราย ถึงจะได้เงิน 10% กลับคืน ตรงนี้เรียกว่า "Fast start bonus" เป็นศัพท์ของ MLM เขาใช้เรียกกัน โดยปกติ MLM จะมีระบบซับซ้อนในการคำนวณยอดให้ เช่น Stair Step, Uni-Level , Binary , Trinary ฯลฯ แต่ที่ The Icon นั้นไม่ซับซ้อน เป็นแค่ Stair Step หรือขั้นบันไดใช้การจ่ายที่ระดับขั้น แยกออกเป็น "ส่วนลด" เพื่อเอาส่วนลดนั้นไปจ่ายตามระดับ 10 อันดับด้านบนทั้งหมด และพอลยังแก้ให้มีระบบ Binary โยน Dealer ซ้าย-ขวา คะแนนข้างอ่อนผันเป็นโบนัส ดังนั้นยิ่งใครเปิด "สาขา" เยอะ ก็จะยิ่งได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" เยอะขึ้น ทีนี้หลักการจ่ายมันจะมีหลักง่ายๆคือ..จ่ายจากล่างสุดขึ้นไปบนสุด เวลาพี่ๆตำรวจเขา สืบ-สอบ ก็จะเริ่มจากด้านล่างสุดเช่นกัน แต่ด้านล่างสุดในมุมของตำรวจคือคนที่เป็นเหยื่อ ไล่เส้นเงินของเหยื่อ..ว่าวิ่งไปถึงใครบ้าง ----------- สมมติว่าน้องตอ เขาเป็นระดับ Platinum Dealer แต่ลูกทีมของน้องตอดันไปเปิดสาขาเยอะกว่า ก็จะได้เป็น Crown Dealer ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า อันดับสูงกว่าผู้แนะนำ เวลาทำจ่าย "ส่วนแบ่งสาขา" มันจะข้ามน้องตอขึ้นไปข้างบนตามตำแหน่ง แม้ว่าคนนั้นจะเป็น Downline ของน้องตอก็ตาม และคนที่เปิดสูงกว่าน้องตอก็จะได้รับเงิน "ส่วนแบ่งสาขา" ไปแทน นี่เป็นหลักการที่จูงใจให้คนที่หลงเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้วอยาก "ขยายสาขา" เพื่อที่ตัวเองจะได้ไประดับบนสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ "BOSS" (ไม่ใช่ Big Boss นะ) วิธีของ the icon คือตั้งกลุ่มแม่ทีม และลูกทีมจะต้องมาซื้อข้อมูลผู้สนใจธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 - 5,000 บาท และถ้าเป็นเบอร์ที่หวังผลได้ชัวร์ ขาย 10,000 บาท คำถามคือ..เงินตรงนี้เข้าบริษัทหรือเข้ากระเป๋าแม่ทีม.? ถ้าคำนวณจากยอดของน้องตอที่ทำยอด 1,000,000 บาทได้ และได้แหวนเพชรจากบิ๊กบอสเป็นรางวัล ก็อนุมานได้ว่าน้องตอต้องได้ค่าคอม 25,000 บาท (จาก 250,000) 1,000,000 / 25,000 = 40 คน จุกๆ ระยะเวลาแค่ 6 เดือนน้องตอของเราได้ขึ้นไปรับเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสวมแหวนเพชรบนเวที แล้วน้องตอก็พูดว่า.."ผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนให้หนูคือบอสพอล" งู้ยยยยย ถุย ------------- the icon ได้ทำการแก้ไขระบบตัวแทนจากตลาดตรง มาเพิ่ม "Binary" ทำให้มีการโยน Dealer ไปซ้าย-ขวา ทีนี้มันก็เลยต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นเพราะหลักการของระบบ Binary มันเข้าข่าย MLM และหลักการจ่ายค่าโบนัสมันจะจ่ายวิ่งขึ้นบน แปลว่าถ้าน้องตอตำแหน่งต่ำกว่า Downline ตัวเอง คะแนน Bonus จะวิ่งไปหาตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองทันที ข้อนี้มันคือการหักล้างทุกๆบริษัทที่เคยพูดว่า "Passive Income" มีจริง บอกเลยมันไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะระบบ MLM มันมีกฎที่สามารถขโมย Bonus ได้ถ้าตำแหน่งสูงกว่า ระบบจะจ่ายโบนัสไปที่ "ตำแหน่งสูงสุด" ที่อยู่ในสายนั้น นี่คือสาเหตุให้ตำแหน่ง "BOSS" ด้านบน เปิดสาขาถึงระดับสูงสุด เพื่อรองรับโบนัสการคำนวณ ซ้าย-ขวา เพราะถ้าซ้าย-ขวา ไม่ balance ระบบจะคำนวณยอดที่จะได้แค่ส่วนต่างข้างน้อย และส่วนที่เหลือข้างมากจะไหลขึ้นบนตามหลัก MLM จุดนี้แหละจึงเป็นความจริงที่ทุกคนพยายาม "ขยายสาขา" เพื่อให้ตัวเองได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" นั่นเอง และทุกคนที่เป็นแม่ทีมจะสู้เพื่อสิ่งนี้แหละ คือตำแหน่งสูงสุด เพราะจะได้รับค่าคอมจากด้านล่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นคือเหตุผลที่ระดับ "BOSS" ได้รับค่าคอมหลักล้าน แม้จะนอนนิ่งๆไม่ได้ทำอะไรก็ตาม แต่คนที่ยังทำงานอยู่ในการ Direct Referral จะได้ 10% เรียกว่าได้เงินเร็ว แล้วก็เอาเงินต่อเงินไปเปิดสาขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นตามนี้ Boss Emperor Royal Crown Crown Dealer Wisdom Dealer Presidential Dealer Grand Dealer 7 ตำแหน่งนี้👆ต้องไต่เต้าด้วยการ..ขยายสาขา นั่นคือมูลเหตุให้ระบบของบริษัท the icon แผนธุรกิจมุ่งเน้นชวนคนใหม่อย่างเดียว เพราะผลตอบแทน 10% จาก Dealer ได้ตรง และได้โบนัสคำนวณตามตำแหน่ง ทีนี้มาดูกลโกงของแม่ทีมสายดำกัน มันมีคนเข้ามาเป็น Dealer 367,943 คน และทุกคนเปิดบิล 250,000 บาทเหมือนกันหมด แต่ไม่ใช่ว่าคนทั้ง 367,943 คนจะยิงแอดเป็น หรือทำการตลาดเป็น จึงตกเป็นเหยื่อแม่ทีมในกลุ่มของตัวเอง โดยทุกคนจะโดนแม่ทีมเรียกรับ "ค่าโฆษณา" คนละ 10,000 / เดือน สมมติว่า..กลุ่มน้องตอมี 2,000 คน น้องตอก็จะเรียกเก็บค่าโฆษณาได้ 20,000,000 บาทต่อเดือนทันที คำถามคือ..แล้วลูกข่ายทั้งหมดที่มาเปิดบิลผ่านน้องตออ่ะ พวกเขาเหล่านั้นได้ยิงแอดเองไหม.? น้องตอ..บอกจะสอนให้เขาขายออนไลน์ได้เอง ก็แปลว่าลูกทีมเขาต้องมีความสามารถ "ตั้งโฆษณาได้เอง" ถูกไหม.? แต่น้องตอ กลับบอกให้ทุกคนเข้ากลุ่มแม่ทีมแล้วน้องตอก็เรียกเก็บเงินค่ารายชื่อ หัวละ 1000 - 5000 อันนี้มันยิงแอดตรงไหนอ่ะ.? น้องตอมีหลักฐานไหมว่ารายชื่อที่เอามาขายลูกข่ายน่ะมันดึงมาจาก Ads ทุกรายชื่อ.? คือ..แม่ทีมมีหน้าที่ไปยิงโฆษณาหาตัวแทนมาโปรยให้ลูกทีมนั่นแปลว่า "แม่ทีมก็ต้องโทรหาลูกค้าก่อนแล้ว" ลองคิดถึงหลักความเป็นจริง หากโทรไปแล้วเขาสนใจ พวกคุณคิดว่าแม่ทีมจะใจดีโยนมาให้ลูกทีมไหม.? แม่ทีมที่มีลูกทีม 2,000 คน ก็จะเรียกเก็บเงินจากลูกทีมได้ 20 ล้านบาท แล้วมีแม่ทีมคนไหนเอารายงานการยิงแอดมาโชว์ให้ลูกข่ายดูบ้างไหมครับ.? ถ้าไม่โชว์หลักฐาน ถ้างั้นก็เอาเงิน 20 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วบอกว่ายิงแอดให้แล้ว..ก็ทำได้สิ่.? พอมีคนคิดลบ เตะออก พอใครไม่อยากยิงแอด เตะออก ทำแบบนี้นี่น้องตอสอนคนยิงแอดหรือว่าบีบบังคับให้เค้าจ่ายไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดตัว.? เกมนี้ที่แม่ทีมอย่างพวกคุณออกแบบมันโหดร้ายมากๆนะ เพราะว่าจะมีแต่แม่ทีมอย่างพวกคุณรวยกันอยู่กระจุกเดียว แต่ลูกข่ายนี่เป็นตู้ ATM ให้แม่ทีมกดเงินอย่างเดียว แล้วบิ๊กบอสพอลเขารู้เรื่องไหมว่า มีแม่ทีมสายดำใช้แผนประทุษกรรมเหยื่อแบบนี้.? -------- การทำธุรกิจแบบนี้มันไม่มีหรอก win/win น่ะ เงินหมื่นที่จ่ายให้แม่ทีม แม่ทีมหักหัวคิว 80-90% เอาไปลงในโฆษณา "ของตัวแม่ทีมเอง" และเหลือ 20-10% มาลงให้กับ "ลูกข่าย" จากนั้นก็ส่งหน้าม้าปลอมเข้าไปปลอบประโลมให้ลูกข่ายเห็นว่าโฆษณาทำงาน แต่อย่างที่เขาร้องกันทั้งหมดแหละ "ไม่มีใครขายได้สักคน" ก็เพราะมันเป็น Seeding Comment จากระบบ Auto Comment ไงฮะ น้องตอ..หัดยอมรับบ้างเหอะ ว่าเราก็หลอกเขามาเปิดบิล หลอกเอาเงินเขามายิงแอด ไหนหนูถึงทำธุรกิจโดยไม่ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท.? ขออนุญาตอุทานนะครับ..พวกมึงนี่เควี้ยจริงๆเลย อีฝัด รบกวนพี่ตำรวจด้วยนะ เวลาสอบปากคำคนระดับแม่ทีม ช่วยถามหาหลักฐานที่พวกมันเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายต่างๆไปจากลูกข่ายด้วยนะครับ ท่านเรียก export excel .csv ของยอดยิงแอดมา compare เลย ว่าตรงกับยอดที่รับมาจาก "เหยื่อ" ที่เป็นลูกทีมหรือเปล่า แม่ทีมทุกคนได้ "Direct Referral" 10% ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงปิดได้ 10 คน เงิน Fast Start Bonus แม่ทีมได้วันละ 250,000 บาท ยังไม่รวมคำนวณโบนัส ส่วนไหนที่ไม่สามารถปิดได้ในการโทรครั้งแรก แม่ทีมก็เอามาขายต่อ 5,000 บาท 2 รายชื่อ 1,000 - 5,000 บาท เงินส่วนนี้เข้ากระเป๋าแม่ทีม มันคือวงจรอุบาทว์ที่บอสพอลจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ด้วยนะเพราะบอสพอลเป็นคนแก้ระบบให้มีระบบ Binary เพิ่มตำแหน่งออกมาถึง 13 ขั้นตรงนี้แหละที่บอสพอลจะผิดเต็มๆ ก็คุณจดทำการตลาดขายตรง แต่คุณกลับทำ MLM โดยไม่มีใบอนุญาตซะงั้น เกมนี้..บอสสวย ผู้อยู่เหนือหวงโซ่ของแม่ทีม คนที่เป็นทุกอย่างให้บอสพอล ถ้าตำรวจไม่เฝ้าไว้ อาจจะหลบหนีไป..ตามใบสั่ง บทความนี้เขียนขึ้นจากการสอบข้อเท็จจริงจากปากผู้เสียหาย หลายๆคน ข้อมูลไม่นิ่งตัดออก แล้วคัดเอาที่หลายคนพูดตรงกันมาวิเคราะห์แล้วหาข้อมูล แล้วเรียบเรียงเขียนเป็นบทความมาเผยแพร่ ถ้าใครมีข้อมูลที่แท้ แล้วมันไม่ตรงกับบทความนี้ก็คอมเมนต์แจ้งมาได้นะ ถ้ามันเชื่อถือได้ เราจะแก้ไขให้ทันที สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว - โรงงานป้ายแขวน ของ..สาคร
ในช่วงที่สินค้าถูกทำการตลาดหลากหลายช่องทางด้วยเงินสมาชิก ก็ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จัก ขายดีมากๆ
จนนาย สาคร เริ่มเกิดความระแวง กลัวว่าสมาชิกจะไปติดต่อที่โรงงานเพื่อผลิตสินค้าและทำการตลาดแข่งกับบริษัทของตัวเอง
นายสาคร ก็เลยกลัวว่าคนจะไม่ทำงานให้กับตัวเอง เพราะตามหลักของคนขายดีก็มักจะแยกตัวออกไปทำเอง โดยดูจากหลังกล่องสินค้าก็จะเจอโรงงานผลิตที่แท้จริง
#ยุทธการโรงงานป้ายแขวน จึงเกิดขึ้น
มีการจดทะเบียนบริษัทใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ดี เน็ตเวิร์ก แล็บ จำกัด (ผู้ถือหุ้นก็ 3 เกลอเจ้าของบริษัท DNW )
วัตถุประสงค์ก็เพื่อต้องการปกปิดชื่อของโรงงานที่ผลิตสินค้าจริงๆ โดยใช้ชื่อของบริษัทใหม่เป็นผู้ผลิตแทน
เพื่อปิดบังชื่อโรงงานที่ผลิตสินค้าที่แท้จริงเอาไว้ โดยมีการจัดทริปเพื่อนำสมาชิกส่วนหนึ่งไปเยี่ยมชมโรงงานที่ผลิตในช่วงแรก
แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงงานนี้ #เป็นโรงงานทิพย์
โรงงานมีแค่ป้ายแขวน ไม่ได้มีเครื่องกลในการผลิตสินค้าจริงๆ มีสินค้ามากกว่า 80 ยี่ห้อมีฉลากระบุว่าผลิตจากโรงงานทิพย์ ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมาใหม่
แต่ทั้ง 80 สินค้านั้นกลับไม่เคยมีการผลิต #เป็นสินค้าทิพย์
มันเป็นสินค้า 80 ตัวที่สร้างปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกสมาชิกว่าโรงงานทิพย์แห่งนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าถึง 80 ยี่ห้อ
จึงทำให้งบการเงินของโรงงานที่ยื่นทุกปีไม่มีอะไรสอดคล้องกับยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทหลักเลย
เพราะความจริงแล้วสินค้าทุกตัวของ DNW ถูกผลิตขึ้นที่บริษัท อินโนว่า แล็บโบราโทรี่ จำกัด
นับเป็นแผนการอันแยบยลของสามเกลอเพื่อปิดบังไม่ให้ใครไปต่อสายตรงกับโรงงานผลิตของตัวเองได้
---------
เข้าสู่ยุคการตลาดออนไลน์..
ปี 2559 นาย สาคร ได้เริ่มนำพาสมาชิกเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยในช่วงแรกทำการตลาดแบบไม่ยิงโฆษณา เน้นการโพสต์กลุ่ม สร้างเฟซบุ๊กอวตาร
หลังจากอยู่ในโลกออนไลน์มาพักใหญ่ Facebook เริ่มมีการให้บริการซื้อโฆษณานาย สาคร จึงไปลงเรียนคอร์สยิงแอดสอนฟรีจัดโดย ม.หอการค้า
พอเริ่มตั้งโฆษณาเป็น นาย สาคร ก็เริ่มมาปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ เลิกสนใจออฟไลน์ จะพาทุกคนไปออนไลน์ให้หมด
ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกัน ช่วงแรกค่าโฆษณามันถูกมากๆ โฆษณาแค่วันละ 300 ขายได้วันละหลายพัน หลายหมื่นบาท
แต่ก็เหมือนเดิม คนอย่างนาย สาคร มันไม่จ่ายเองหรอก มันใช้หลักการ OPM (Other People Money) เหมือนเดิม
ซึ่งในช่วงแรกๆมันง่ายและได้ผลจริง เพราะเป็นบริษัทแรกๆที่พาคนมาขายออนไลน์ คนแข่งขันมันน้อย ยอดบริษัทก็เริ่มกลับมา
สาคร..ผู้มีสมองเพชร เลยมีแนวคิดสร้างสถาบันสอนการขายของออนไลน์ โดยไปซื้อที่ดินบางส่วนและเช่าที่ดินข้างหลังทำอาคารและที่จอดรถ
👉 https://maps.app.goo.gl/4VYYkmVkyT4DPYkC6
โดยให้สมาชิกชวนคนมาเรียนออนไลน์
สาคร..สอนการทำการตลาดโฆษณา Facebook เป็นหลัก ขายปลีก + ชวนคน เป็นรูปแบบของการสร้างเครือข่ายนักขายออนไลน์
ที่มีคนมาจ่ายค่าโฆษณาสินค้าให้ หลักการ OPM แบบเดิมอีกแล้ว โดยที่ สาคร วางแผนว่าตัวเองจะไม่ต้องควักเงินสักบาท
ปี 2560 เริ่มมีการติดต่อศิลปินมาหลายคนรวมทั้ง“ครูสลา”ด้วย
การจ้างครูสลามาเป็น Presenter ซึ่งถือเป็นความโชคดีของสาคร เพราะครูสลาทำให้สินค้าเกี่ยวกับดวงตาเป็นที่รู้จักและเกิดความต้องการในตลาดอย่างมาก
เนื่องจากแฟนคลับของครูสลานั้นมากมายล้นหลาม ตอนยิงโฆษณาด้วยความ จร.ของสาคร ก็ตั้งโฆษณาเลยว่าศิลปินเหล่านั้นเป็นคนขายผลิตภัณฑ์นี้เอง
จนคนทั่วไปเรียกกันว่า.. "ยาครูสลา"
แล้วด้วยความโลภของสาคร ก็เลยไปกระตุ้นให้ตั้งโฆษณาโดยเคลมว่าสามารถ"รักษาได้ผล" ไม่ว่าจะเป็น ต้อกระจก ต้อหิน กระจกตาอักเสบ หายได้โดยไม่ต้องหาหมอ
ซึ่งโรคพวกนี้คนต่างจังหวัดเป็นกันมาก และเวลาไปรักษากับหมอก็จะบอกว่ามีค่าผ่าตัดที่แพงมากทำให้ไม่มีทางเลือกในการรักษา
ต้องมองหาการรักษาที่ถูกกว่าค่าผ่าตัด พอมาเจอโฆษณา“ยาครูสลา”โพสต์อยู่เต็ม Facebook เท่านั้นแหละ ยอดขายพุ่งกระฉูดนับเงินกันชุ่่มฉ่ำ
โดยนายสาครได้ใส่โฆษณาเกินจริงชักนำให้สมาชิกแต่ละคนควักเงินจ่ายค่าโฆษณาเกินจริงกันให้เต็มที่
ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ของยอดขายที่เติบโตเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันความฉิบหายก็มาเกิดกับครูสลาคนเดียว อย.ได้เรียกครูสลาไปปรับครั้งแรก
ครูสลา..ต้องรับหน้าเสื่อออกหน้าอยู่คนเดียว โดนค่าปรับ 500,000 บาท แกก็ยอมจ่ายเอง จึงเป็นเหตุให้ครูสลาไม่ต่อสัญญาในภายหลัง เรื่องนี้นักเรียนยังไม่รู้เลยสักคน
ครูสลา..บอกเลิกสัญญาไปแล้วแต่สาครยังคงใช้รูปครูสลาไปเรื่อยๆ จน อย.ได้เรียกครูสลาไปสนทนาเสียค่าปรับเป็นครั้งที่ 2 โดนอีก 500,000 บาทอีก
จนครูสลาต้องร้องเพลงตัวเอง "เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นพรีเซนเตอร์" ถถถ แล้วทำหนังสือแจ้งเตือนไปที่สาคร ห้ามใช้ภาพแกทำโฆษณาอีก
แต่ก็ยังมีการยิงแอดกันอย่างถล่มทลายไปที่“ยาครูสลา ”จนสุดท้าย อย.ได้ยกเลิกใบอนุญาตสินค้าตัวนั้นไป
สาคร..ก็เปลี่ยนชื่อสินค้าเป็นชื่ออื่นเปลี่ยนไปเรื่ิอยๆ จ่าย อย.เสร็จก็ย้ายชื่อหนี แก้ไขชื่อนิดหน่อย เลข อย.ใหม่ ทดแทนเลขเดิมที่โดนยกเลิก
จากชื่อแรก DContact เป็น Dcontact2 , dcontact plus , dcontact x แล้วก็ยังคงให้นักเรียนขายต่อ
ช่วงนั้นสินค้าที่ขายดีของบริษัทคือ KOREGINS และ DContact และก็มีผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่เกี่ยวกับสายตาเอาไว้ up sell คือ Viewo โดย บ.เคนยากุ เป็นผู้ผลิต
ปี 2561 สถาบันสอนขายของออนไลน์ DNW ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นจุดขายที่ดีมากๆ เพราะถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่หลายคนต้องการ
สินค้าก็เริ่มมีมากขึ้น เช่น ALERTIDE เริ่มมีจำนวนสมาชิกเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือน the icon เปี๊ยบเลย
เพียงแต่ DNW เป็นยุคแรกของการยิงโฆษณาโดยใช้ OPM แต่ยุคนั้นบอสพอลยังคงยิงแอดเองอยู่เลย ประกอบกับยุคนั้นออนไลน์มันขายของได้ง่ายมากๆ
-------
สาคร..เริ่มหลงตัวเอง
เมื่อความพร้อมมี ความหงี่จึงบังเกิด สาคร เริ่มกลายเป็นสมภาร กินไก่วัดตัวเอง เมื่อมีสมาชิกคนไหนหน้าตาดีหน่อย มีท่าทีเล่นด้วยพี่แกฟาดหมดไม่สนลูกใคร
จ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวหลายคน เห็นว่าบางคนได้บ้านเป็นหลังก็มี ได้รถไปขับ เงินแค่นี้ไม่ระคายผิวสาครอยู่แล้ว
ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยเบอร์ 1 (เพราะแซนก็คงลืมไปว่าตัวเองก็เป็นเมียน้อยเหมือนกัน ถถถ)
สาคร..เลยปลอบใจแซนโดยการซื้อที่ดินปลูกบ้านหรูให้อยู่ในหมู่บ้านปัญญารามอินทรา P6
👉 https://maps.app.goo.gl/afjf9TnjQziFjhWUA
เรื่องบ้านราคา 100 ล้าน กับรถเฟอรารี่ที่ขับ ep.3 จะเล่าให้ฟังว่าเอามาจากไหน.?
--------
สินค้าคุณภาพขายดี แต่โดน อย.ฟัน แล้วถ้าใครขายไม่ดีจะทำอย่างไร.?
แผนอันแยบยลของ สาคร คือออกกฎห้ามทุกคนขายของบน Shopee , Lazada และห้ามขายราคาต่ำกว่าราคาบนกล่อง
แต่ความ จร.ของสาคร คือปล่อยให้ Downline คนสนิทที่เป็นนอมินี เอาของไปขายบน Shopee , Lazada ตัดราคาสมาชิกเสียเอง
แต่ในขณะเดียวกันในฐานออฟไลน์ที่ของต้องไปขายตามตลาดทั่วๆไปหรือหน้าร้าน สาคร ได้ตั้งโกดังปล่อยของแถวพัฒนาการ ปล่อยของหลังบ้าน
เรียกว่ากินหัวคิวออนไลน์ไม่พอ ยังผลิตของมาปล่อยไม่ผ่านบริษัทเพื่อไปออฟไลน์อีก
และอาหารเสริมหลายๆตัวก็เป็นแบบ DContact พอโดนเรื่อง อย.ก็จะใช้วิธีจดเลข อย.ใหม่ เปลี่ยนสารสกัด เพื่อกลับมาขายใหม่
โดยมักจะเป็นกับอาหารเสริมที่ อย.ควบคุมเข้มอยู่แล้ว เช่น ลดน้ำหนัก Rafeata และ อาหารเสริมความแข็งแรงท่านชาย 7seed
พอโดน อย.เล่น ก็จะกลับมาใหม่ในชื่อ 7SeDe (เซเว่น เซเด) สาคร ทำแบบนี้มาตลอด แค่เปลี่ยนชื่อ แล้วให้นักเรียนทำการตลาดต่อไป..จนนักเรียนโดนจับ
ยิ่งขับเฟซอวตารมาพิมพ์ตีเนียน พ่ะยิ่งขยี้อ่ะ 🤨 เอาดิ่เอ้า แล้วมาคอยอ่านตอน 3 ด้วยนะครับนะ
ep.1
👉 https://www.facebook.com/share/p/uj12aLxwZ7kkhEVM/?mibextid=WC7FNe
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
โรงงานป้ายแขวน ของ..สาคร ในช่วงที่สินค้าถูกทำการตลาดหลากหลายช่องทางด้วยเงินสมาชิก ก็ทำให้สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จัก ขายดีมากๆ จนนาย สาคร เริ่มเกิดความระแวง กลัวว่าสมาชิกจะไปติดต่อที่โรงงานเพื่อผลิตสินค้าและทำการตลาดแข่งกับบริษัทของตัวเอง นายสาคร ก็เลยกลัวว่าคนจะไม่ทำงานให้กับตัวเอง เพราะตามหลักของคนขายดีก็มักจะแยกตัวออกไปทำเอง โดยดูจากหลังกล่องสินค้าก็จะเจอโรงงานผลิตที่แท้จริง #ยุทธการโรงงานป้ายแขวน จึงเกิดขึ้น มีการจดทะเบียนบริษัทใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ดี เน็ตเวิร์ก แล็บ จำกัด (ผู้ถือหุ้นก็ 3 เกลอเจ้าของบริษัท DNW ) วัตถุประสงค์ก็เพื่อต้องการปกปิดชื่อของโรงงานที่ผลิตสินค้าจริงๆ โดยใช้ชื่อของบริษัทใหม่เป็นผู้ผลิตแทน เพื่อปิดบังชื่อโรงงานที่ผลิตสินค้าที่แท้จริงเอาไว้ โดยมีการจัดทริปเพื่อนำสมาชิกส่วนหนึ่งไปเยี่ยมชมโรงงานที่ผลิตในช่วงแรก แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงงานนี้ #เป็นโรงงานทิพย์ โรงงานมีแค่ป้ายแขวน ไม่ได้มีเครื่องกลในการผลิตสินค้าจริงๆ มีสินค้ามากกว่า 80 ยี่ห้อมีฉลากระบุว่าผลิตจากโรงงานทิพย์ ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ทั้ง 80 สินค้านั้นกลับไม่เคยมีการผลิต #เป็นสินค้าทิพย์ มันเป็นสินค้า 80 ตัวที่สร้างปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกสมาชิกว่าโรงงานทิพย์แห่งนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าถึง 80 ยี่ห้อ จึงทำให้งบการเงินของโรงงานที่ยื่นทุกปีไม่มีอะไรสอดคล้องกับยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทหลักเลย เพราะความจริงแล้วสินค้าทุกตัวของ DNW ถูกผลิตขึ้นที่บริษัท อินโนว่า แล็บโบราโทรี่ จำกัด นับเป็นแผนการอันแยบยลของสามเกลอเพื่อปิดบังไม่ให้ใครไปต่อสายตรงกับโรงงานผลิตของตัวเองได้ --------- เข้าสู่ยุคการตลาดออนไลน์.. ปี 2559 นาย สาคร ได้เริ่มนำพาสมาชิกเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยในช่วงแรกทำการตลาดแบบไม่ยิงโฆษณา เน้นการโพสต์กลุ่ม สร้างเฟซบุ๊กอวตาร หลังจากอยู่ในโลกออนไลน์มาพักใหญ่ Facebook เริ่มมีการให้บริการซื้อโฆษณานาย สาคร จึงไปลงเรียนคอร์สยิงแอดสอนฟรีจัดโดย ม.หอการค้า พอเริ่มตั้งโฆษณาเป็น นาย สาคร ก็เริ่มมาปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ เลิกสนใจออฟไลน์ จะพาทุกคนไปออนไลน์ให้หมด ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกัน ช่วงแรกค่าโฆษณามันถูกมากๆ โฆษณาแค่วันละ 300 ขายได้วันละหลายพัน หลายหมื่นบาท แต่ก็เหมือนเดิม คนอย่างนาย สาคร มันไม่จ่ายเองหรอก มันใช้หลักการ OPM (Other People Money) เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงแรกๆมันง่ายและได้ผลจริง เพราะเป็นบริษัทแรกๆที่พาคนมาขายออนไลน์ คนแข่งขันมันน้อย ยอดบริษัทก็เริ่มกลับมา สาคร..ผู้มีสมองเพชร เลยมีแนวคิดสร้างสถาบันสอนการขายของออนไลน์ โดยไปซื้อที่ดินบางส่วนและเช่าที่ดินข้างหลังทำอาคารและที่จอดรถ 👉 https://maps.app.goo.gl/4VYYkmVkyT4DPYkC6 โดยให้สมาชิกชวนคนมาเรียนออนไลน์ สาคร..สอนการทำการตลาดโฆษณา Facebook เป็นหลัก ขายปลีก + ชวนคน เป็นรูปแบบของการสร้างเครือข่ายนักขายออนไลน์ ที่มีคนมาจ่ายค่าโฆษณาสินค้าให้ หลักการ OPM แบบเดิมอีกแล้ว โดยที่ สาคร วางแผนว่าตัวเองจะไม่ต้องควักเงินสักบาท ปี 2560 เริ่มมีการติดต่อศิลปินมาหลายคนรวมทั้ง“ครูสลา”ด้วย การจ้างครูสลามาเป็น Presenter ซึ่งถือเป็นความโชคดีของสาคร เพราะครูสลาทำให้สินค้าเกี่ยวกับดวงตาเป็นที่รู้จักและเกิดความต้องการในตลาดอย่างมาก เนื่องจากแฟนคลับของครูสลานั้นมากมายล้นหลาม ตอนยิงโฆษณาด้วยความ จร.ของสาคร ก็ตั้งโฆษณาเลยว่าศิลปินเหล่านั้นเป็นคนขายผลิตภัณฑ์นี้เอง จนคนทั่วไปเรียกกันว่า.. "ยาครูสลา" แล้วด้วยความโลภของสาคร ก็เลยไปกระตุ้นให้ตั้งโฆษณาโดยเคลมว่าสามารถ"รักษาได้ผล" ไม่ว่าจะเป็น ต้อกระจก ต้อหิน กระจกตาอักเสบ หายได้โดยไม่ต้องหาหมอ ซึ่งโรคพวกนี้คนต่างจังหวัดเป็นกันมาก และเวลาไปรักษากับหมอก็จะบอกว่ามีค่าผ่าตัดที่แพงมากทำให้ไม่มีทางเลือกในการรักษา ต้องมองหาการรักษาที่ถูกกว่าค่าผ่าตัด พอมาเจอโฆษณา“ยาครูสลา”โพสต์อยู่เต็ม Facebook เท่านั้นแหละ ยอดขายพุ่งกระฉูดนับเงินกันชุ่่มฉ่ำ โดยนายสาครได้ใส่โฆษณาเกินจริงชักนำให้สมาชิกแต่ละคนควักเงินจ่ายค่าโฆษณาเกินจริงกันให้เต็มที่ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ของยอดขายที่เติบโตเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันความฉิบหายก็มาเกิดกับครูสลาคนเดียว อย.ได้เรียกครูสลาไปปรับครั้งแรก ครูสลา..ต้องรับหน้าเสื่อออกหน้าอยู่คนเดียว โดนค่าปรับ 500,000 บาท แกก็ยอมจ่ายเอง จึงเป็นเหตุให้ครูสลาไม่ต่อสัญญาในภายหลัง เรื่องนี้นักเรียนยังไม่รู้เลยสักคน ครูสลา..บอกเลิกสัญญาไปแล้วแต่สาครยังคงใช้รูปครูสลาไปเรื่อยๆ จน อย.ได้เรียกครูสลาไปสนทนาเสียค่าปรับเป็นครั้งที่ 2 โดนอีก 500,000 บาทอีก จนครูสลาต้องร้องเพลงตัวเอง "เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นพรีเซนเตอร์" ถถถ แล้วทำหนังสือแจ้งเตือนไปที่สาคร ห้ามใช้ภาพแกทำโฆษณาอีก แต่ก็ยังมีการยิงแอดกันอย่างถล่มทลายไปที่“ยาครูสลา ”จนสุดท้าย อย.ได้ยกเลิกใบอนุญาตสินค้าตัวนั้นไป สาคร..ก็เปลี่ยนชื่อสินค้าเป็นชื่ออื่นเปลี่ยนไปเรื่ิอยๆ จ่าย อย.เสร็จก็ย้ายชื่อหนี แก้ไขชื่อนิดหน่อย เลข อย.ใหม่ ทดแทนเลขเดิมที่โดนยกเลิก จากชื่อแรก DContact เป็น Dcontact2 , dcontact plus , dcontact x แล้วก็ยังคงให้นักเรียนขายต่อ ช่วงนั้นสินค้าที่ขายดีของบริษัทคือ KOREGINS และ DContact และก็มีผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่เกี่ยวกับสายตาเอาไว้ up sell คือ Viewo โดย บ.เคนยากุ เป็นผู้ผลิต ปี 2561 สถาบันสอนขายของออนไลน์ DNW ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นจุดขายที่ดีมากๆ เพราะถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่หลายคนต้องการ สินค้าก็เริ่มมีมากขึ้น เช่น ALERTIDE เริ่มมีจำนวนสมาชิกเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือน the icon เปี๊ยบเลย เพียงแต่ DNW เป็นยุคแรกของการยิงโฆษณาโดยใช้ OPM แต่ยุคนั้นบอสพอลยังคงยิงแอดเองอยู่เลย ประกอบกับยุคนั้นออนไลน์มันขายของได้ง่ายมากๆ ------- สาคร..เริ่มหลงตัวเอง เมื่อความพร้อมมี ความหงี่จึงบังเกิด สาคร เริ่มกลายเป็นสมภาร กินไก่วัดตัวเอง เมื่อมีสมาชิกคนไหนหน้าตาดีหน่อย มีท่าทีเล่นด้วยพี่แกฟาดหมดไม่สนลูกใคร จ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวหลายคน เห็นว่าบางคนได้บ้านเป็นหลังก็มี ได้รถไปขับ เงินแค่นี้ไม่ระคายผิวสาครอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยเบอร์ 1 (เพราะแซนก็คงลืมไปว่าตัวเองก็เป็นเมียน้อยเหมือนกัน ถถถ) สาคร..เลยปลอบใจแซนโดยการซื้อที่ดินปลูกบ้านหรูให้อยู่ในหมู่บ้านปัญญารามอินทรา P6 👉 https://maps.app.goo.gl/afjf9TnjQziFjhWUA เรื่องบ้านราคา 100 ล้าน กับรถเฟอรารี่ที่ขับ ep.3 จะเล่าให้ฟังว่าเอามาจากไหน.? -------- สินค้าคุณภาพขายดี แต่โดน อย.ฟัน แล้วถ้าใครขายไม่ดีจะทำอย่างไร.? แผนอันแยบยลของ สาคร คือออกกฎห้ามทุกคนขายของบน Shopee , Lazada และห้ามขายราคาต่ำกว่าราคาบนกล่อง แต่ความ จร.ของสาคร คือปล่อยให้ Downline คนสนิทที่เป็นนอมินี เอาของไปขายบน Shopee , Lazada ตัดราคาสมาชิกเสียเอง แต่ในขณะเดียวกันในฐานออฟไลน์ที่ของต้องไปขายตามตลาดทั่วๆไปหรือหน้าร้าน สาคร ได้ตั้งโกดังปล่อยของแถวพัฒนาการ ปล่อยของหลังบ้าน เรียกว่ากินหัวคิวออนไลน์ไม่พอ ยังผลิตของมาปล่อยไม่ผ่านบริษัทเพื่อไปออฟไลน์อีก และอาหารเสริมหลายๆตัวก็เป็นแบบ DContact พอโดนเรื่อง อย.ก็จะใช้วิธีจดเลข อย.ใหม่ เปลี่ยนสารสกัด เพื่อกลับมาขายใหม่ โดยมักจะเป็นกับอาหารเสริมที่ อย.ควบคุมเข้มอยู่แล้ว เช่น ลดน้ำหนัก Rafeata และ อาหารเสริมความแข็งแรงท่านชาย 7seed พอโดน อย.เล่น ก็จะกลับมาใหม่ในชื่อ 7SeDe (เซเว่น เซเด) สาคร ทำแบบนี้มาตลอด แค่เปลี่ยนชื่อ แล้วให้นักเรียนทำการตลาดต่อไป..จนนักเรียนโดนจับ ยิ่งขับเฟซอวตารมาพิมพ์ตีเนียน พ่ะยิ่งขยี้อ่ะ 🤨 เอาดิ่เอ้า แล้วมาคอยอ่านตอน 3 ด้วยนะครับนะ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/uj12aLxwZ7kkhEVM/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว - เปิดเผยครั้งใหญ่! ยอดขายรวม 6 ปี #BossWin Thawinphat Phuphatthanarin (ธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์) เข้าร่วม The iCon Group ตั้งแต่ 3 มกราคม 2019 ยอดขายตนเองตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน 2567: 1,232,984,982 บาท มีหลักฐานข้อมูลภายในแนบไว้ในโพสต์ หมายเลข “Boss ID” ของเขาคือ 14486 ช่วยแชร์จนสื่อและตำรวจเห็น
*โปรดแชร์ เราไม่ทราบว่าเพจนี้จะถูกปิดเมื่อใด โปรดแคปหน้าจอแล้วแชร์
#theicongroup #แชร์ลูกโซ่ #มีผู้เสียหายหลายแสนคน #saveboss #รักบอสนะคะ #กดแชร์ให้ทั้งโลกได้รับรู้
The Icon Group หลักฐานแชร์ลูกโซ่
เปิดเผยครั้งใหญ่! ยอดขายรวม 6 ปี #BossWin Thawinphat Phuphatthanarin (ธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์) เข้าร่วม The iCon Group ตั้งแต่ 3 มกราคม 2019 ยอดขายตนเองตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน 2567: 1,232,984,982 บาท มีหลักฐานข้อมูลภายในแนบไว้ในโพสต์ หมายเลข “Boss ID” ของเขาคือ 14486 ช่วยแชร์จนสื่อและตำรวจเห็น *โปรดแชร์ เราไม่ทราบว่าเพจนี้จะถูกปิดเมื่อใด โปรดแคปหน้าจอแล้วแชร์ #theicongroup #แชร์ลูกโซ่ #มีผู้เสียหายหลายแสนคน #saveboss #รักบอสนะคะ #กดแชร์ให้ทั้งโลกได้รับรู้ The Icon Group หลักฐานแชร์ลูกโซ่0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว - #ปฐมบท DNW
สาคร..เจ้าของสโลแกน รวยไม่รวย ดีไม่ดี DNetwork ต้นฉบับคอร์สยิงแอดออนไลน์
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี 2552 นักธุรกิจเครือข่ายท่านหนึ่ง ยอดขายก็พออยู่ได้ นามว่านาย สาคร
นายสาครโดนเหตุการณ์ผลกระทบกับตัวเองคือโดนตัดรหัสจากค่ายเดิมในขณะนั้น ซึ่งสาครอ้างว่าเจ้าของเข้าใจว่าจะมีการทำสินค้าและเปิดบริษัทขายตรงเข้ามาแข่งขัน
แต่ข้อมูลอีกกระแสกล่าวว่า มีปัญหาเรื่องเชิงชู้สาวในองค์กร โดยนาย สาคร จับดาวน์ไลน์สาวรุ่นในขณะนั้น ชื่อว่า แซน ภรัณธรณ์ เป็นเมียน้อย
และเรื่องราวเกิดแดงขึ้นที่บริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงเห็นว่าเป็นความเสื่อมเสียและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในองค์กร เพราะนักธุรกิจท่านนี้ในขณะนั้น เป็นถึงหัวหน้าทีมในการจัดฝึกอบรมคอร์สต่างๆ ให้กับบริษัทฯ
ทั้งคู่เลยโดนตัดรหัสและไล่ออกจากบริษัท
หลังจากนาย สาคร โดนตัดรหัสจากบริษัทเดิม ก็ได้หอบดาวน์ไลน์สาวน้อย แซน ภรัณธรณ์ ไปด้วย
แซนไหนอีกวะ แอดไร้เงา.?
-แซน ที่เขาเซฟธุรกิจขายตรงที่กูลงไว้โพสต์ก่อนไง ปั่ดโธ่ว์
👉 https://www.facebook.com/share/p/xBBBPDtPqjgrmM22/?mibextid=WC7FNe
ภาพในโพสต์👆เฟซบนอ่ะแซน เฟซล่างอ่ะอวตารของ สาคร ถถถ
สาคร..ไปร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจเครือข่ายที่เคยร่วมงานกันในธุรกิจเครือข่ายในอดีตอีก 2 ท่าน ชื่อว่านาย ภูมิสนอง และนาย อุทัย
ทำให้ข่าวลือเรื่องชู้สาวที่เกิดขึ้นที่บริษัทเก่าดูเป็นความจริงขึ้นมาทันที
สาคร..ได้ไปจัดตั้งบริษัทธุรกิจเครือข่ายของตัวเองแถวสุวินทวงศ์ โดยเริ่มจากการเช่าอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ในการเริ่มต้นธุรกิจในขณะนั้น เมื่อต้นปี 2553
โดยตั้งชื่อบริษัทว่า DNetwork Worldwide เรียกสั้นๆว่า DNW ผลิตสินค้าออกมาชื่อว่า KOREGINS (โกเรจินส์)
MLM ที่ดีต้องมีเรื่องราวความสำเร็จ ต้นเหตุของปลอมที่ทำเหมือน ต้นแบบของมี 10 พูด 100
ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจของ DNW ก็เหมือนกับธุรกิจเครือข่ายอื่นๆ โดยทั่วไป ทั้งสามคนสถาปณาตัวเองขึ้นเป็นอาจารย์
ทุกคนต้องเรียกว่า อ.สาคร อ.ภูมิสนอง อ.อุทัย และทั้งสามคนก็เริ่มไปรวบรวมรายชื่อเพื่อสปอนเซอร์ทีมงานจากธุรกิจเดิมก่อนหน้า และผู้มุ่งหวังใหม่ๆ เข้าสู่องค์กร
โดยดึงหัวกะทิแห่งวงการเข้ามาทำงาน ซึ่งในขณะนั้นธุรกิจ MLM ที่เติบโตเป็นอย่างมากในช่วงเวลาขณะนั้น คือ ธุรกิจ AimStar
จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่ DNW จะนำแผนการจ่ายผลตอบแทนของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในขณะนั้น และใช้วิธีให้โปรแกรมเมอร์เขียนระบบลอกมาทั้งดุ้น
เท่าที่ดูหลังบ้านไอ้โปรแกรมตัวนี้ค่าจ้างเขียนราคาไม่กี่แสนบาท แต่สาครโม้กับนักเรียนบอกว่าระบบเขียนมาหลายสิบล้านบาท บ้งแล้ว 1.
สำหรับธุรกิจชวนคนที่เพิ่งเริ่มต้นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้เลยคือตัวละครที่เรียกว่า“ผู้สำเร็จ”มาเป็นตัวล่อเหยื่อถ้าไม่มีผู้สำเร็จจะไปชวนคนมาเป็นเหยื่อได้อย่างไรล่ะ
ถูกไหม.?
นายสาครมองว่าผู้สำเร็จในธุรกิจชวนคนนั้นต้องมีระดับสูงๆในบริษัท ก็คือระดับ Blue Diamond ซึ่งเป็นระดับตำแหน่งสูงสุดของบริษัท
ดังนั้นเมื่อมันไม่มีก็ต้องปั้น Blue Diamond ปลอมขึ้นมา 1 คน และคนนั้นต้องเป็นคนของตัวเองเพราะควบคุมได้ง่ายกว่า
ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการสร้างตัวละครผู้สำเร็จที่ขาดหายไปโดยใช้วิธีปั้น แซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยของตัวเอง ให้ขึ้นเป็น Blue Diamond (เทียม)
*นั่นเท่ากับว่านายสาครเริ่มต้นธุรกิจด้วยการลวงโลกตั้งแต่ก้าวแรก**
----------
ซึ่งการสร้างผู้สำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับคนที่นอนคุยกันบนเตียง การดีลและความลับจึงรู้กันแค่สี่คน อ.ทั้งสาม และ เมียน้อย ที่รับรู้แผนการอันโสมม
วิธีการที่นายสาคร ใช้คือการยืมคะแนนบริษัทมาใส่ในชื่อของ แซน เมียน้อยที่เป็นคนในองค์กรของตัวเองที่ต้องการทำคุณสมบัติให้ครบตามเงื่อนไขในการขี้นตำแหน่ง
จึงเป็นเหตุให้มีการกระทำเพื่อทำให้เป็นการขึ้นตำแหน่งสูงสุดของบริษัทในขณะนั้น โดยใช้เวลาสั้นที่สุดเรียกว่าเป็นสถิติโลกเลยคือใช้เวลาแค่.."คืนเดียว"
หลังจากสาครปั้นตำแหน่ง Blue Diamond ให้กับเมียน้อยได้ขึ้นตำแหน่งได้แล้วนั้น แซนก็ดึงค่าคอมมิชชั่นกลับหลังจากขึ้นตำแหน่งสูงสุด โดยการไปดึงค่าคอมจากสมาชิกที่สามีลงตังลงไป (ก็ตังสามีนี่หว่าต้องดึงคืน)
ตำแหน่งสูงสุดในบริษัท (Blue Diamond) ถูกนำมาใช้ในการโปรโมทในการชวนคนใหม่ๆ เข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท
หลายคนเข้ามาในช่วงแรกๆก็คิดว่า แซน ภรัณธรณ์ ดาวน์ไลน์สาวน้อยท่านนี้เก่งมาก ระดับหัวกะทิของวงการ MLM เลยใช้เวลาปีเดียวขึ้น Blue Diamond ได้
การขยายเครือข่ายแบบแยบยลและต้มตุ๋น
เมื่อภาพของผู้ประสบความสำเร็จ Blue Diamond ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว กระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจ MLM แบบต้มตุ๋นจึงเริ่มขยับทำการสร้างเครือข่ายหาผู้บริโภค
ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงเฟื่องฟูของวิทยุชุมชนและการขายสินค้าในช่องจานดาวเทียม นาย สาคร จึงขายแนวคิดให้ทีมงานไปใช้เงินส่วนตัวของแต่ละคนไปจ้างสถานีวิทยุชุมชนและช่องทีวีจานดาวเทียมเพื่อทำการตลาด.?
สาคร..ได้ใช้หลักการ OPM (Other People Money) ง่ายๆก็คือ กูไม่จ่ายเองหรอกค่าโฆษณา กูให้ Downline เป็นคนจ่ายทำให้ยอดขายเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริษัท
จากเครือข่ายผู้บริโภคที่ควรจะเป็นกลายไปเป็นเครือข่ายสถานีวิทยุ เครือขายช่องทีวีในจานดาวเทียม และสุดท้ายเครือข่ายร้านค้า
เหตุนี้ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จากเช่า 1 คูหา กลายเป็นเช่า 2 คูหา จนนาย สาคร พูดว่ามียอดธุรกิจถึง 2,000 ล้านบาทเพื่อล่อเม่า (ความจริง 500 กว่าล้านบาทเศษ)
ซึ่งความสำเร็จนั้นไม่ว่ามันจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นเงินในกระเป๋าของชาวบ้านทุกบาท ทุกสตางค์..ดังนั้นต้องแหก
รอติดตามความแหกตอนที่ 2
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
#ปฐมบท DNW สาคร..เจ้าของสโลแกน รวยไม่รวย ดีไม่ดี DNetwork ต้นฉบับคอร์สยิงแอดออนไลน์ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี 2552 นักธุรกิจเครือข่ายท่านหนึ่ง ยอดขายก็พออยู่ได้ นามว่านาย สาคร นายสาครโดนเหตุการณ์ผลกระทบกับตัวเองคือโดนตัดรหัสจากค่ายเดิมในขณะนั้น ซึ่งสาครอ้างว่าเจ้าของเข้าใจว่าจะมีการทำสินค้าและเปิดบริษัทขายตรงเข้ามาแข่งขัน แต่ข้อมูลอีกกระแสกล่าวว่า มีปัญหาเรื่องเชิงชู้สาวในองค์กร โดยนาย สาคร จับดาวน์ไลน์สาวรุ่นในขณะนั้น ชื่อว่า แซน ภรัณธรณ์ เป็นเมียน้อย และเรื่องราวเกิดแดงขึ้นที่บริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงเห็นว่าเป็นความเสื่อมเสียและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในองค์กร เพราะนักธุรกิจท่านนี้ในขณะนั้น เป็นถึงหัวหน้าทีมในการจัดฝึกอบรมคอร์สต่างๆ ให้กับบริษัทฯ ทั้งคู่เลยโดนตัดรหัสและไล่ออกจากบริษัท หลังจากนาย สาคร โดนตัดรหัสจากบริษัทเดิม ก็ได้หอบดาวน์ไลน์สาวน้อย แซน ภรัณธรณ์ ไปด้วย แซนไหนอีกวะ แอดไร้เงา.? -แซน ที่เขาเซฟธุรกิจขายตรงที่กูลงไว้โพสต์ก่อนไง ปั่ดโธ่ว์ 👉 https://www.facebook.com/share/p/xBBBPDtPqjgrmM22/?mibextid=WC7FNe ภาพในโพสต์👆เฟซบนอ่ะแซน เฟซล่างอ่ะอวตารของ สาคร ถถถ สาคร..ไปร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจเครือข่ายที่เคยร่วมงานกันในธุรกิจเครือข่ายในอดีตอีก 2 ท่าน ชื่อว่านาย ภูมิสนอง และนาย อุทัย ทำให้ข่าวลือเรื่องชู้สาวที่เกิดขึ้นที่บริษัทเก่าดูเป็นความจริงขึ้นมาทันที สาคร..ได้ไปจัดตั้งบริษัทธุรกิจเครือข่ายของตัวเองแถวสุวินทวงศ์ โดยเริ่มจากการเช่าอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ในการเริ่มต้นธุรกิจในขณะนั้น เมื่อต้นปี 2553 โดยตั้งชื่อบริษัทว่า DNetwork Worldwide เรียกสั้นๆว่า DNW ผลิตสินค้าออกมาชื่อว่า KOREGINS (โกเรจินส์) MLM ที่ดีต้องมีเรื่องราวความสำเร็จ ต้นเหตุของปลอมที่ทำเหมือน ต้นแบบของมี 10 พูด 100 ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจของ DNW ก็เหมือนกับธุรกิจเครือข่ายอื่นๆ โดยทั่วไป ทั้งสามคนสถาปณาตัวเองขึ้นเป็นอาจารย์ ทุกคนต้องเรียกว่า อ.สาคร อ.ภูมิสนอง อ.อุทัย และทั้งสามคนก็เริ่มไปรวบรวมรายชื่อเพื่อสปอนเซอร์ทีมงานจากธุรกิจเดิมก่อนหน้า และผู้มุ่งหวังใหม่ๆ เข้าสู่องค์กร โดยดึงหัวกะทิแห่งวงการเข้ามาทำงาน ซึ่งในขณะนั้นธุรกิจ MLM ที่เติบโตเป็นอย่างมากในช่วงเวลาขณะนั้น คือ ธุรกิจ AimStar จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่ DNW จะนำแผนการจ่ายผลตอบแทนของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในขณะนั้น และใช้วิธีให้โปรแกรมเมอร์เขียนระบบลอกมาทั้งดุ้น เท่าที่ดูหลังบ้านไอ้โปรแกรมตัวนี้ค่าจ้างเขียนราคาไม่กี่แสนบาท แต่สาครโม้กับนักเรียนบอกว่าระบบเขียนมาหลายสิบล้านบาท บ้งแล้ว 1. สำหรับธุรกิจชวนคนที่เพิ่งเริ่มต้นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้เลยคือตัวละครที่เรียกว่า“ผู้สำเร็จ”มาเป็นตัวล่อเหยื่อถ้าไม่มีผู้สำเร็จจะไปชวนคนมาเป็นเหยื่อได้อย่างไรล่ะ ถูกไหม.? นายสาครมองว่าผู้สำเร็จในธุรกิจชวนคนนั้นต้องมีระดับสูงๆในบริษัท ก็คือระดับ Blue Diamond ซึ่งเป็นระดับตำแหน่งสูงสุดของบริษัท ดังนั้นเมื่อมันไม่มีก็ต้องปั้น Blue Diamond ปลอมขึ้นมา 1 คน และคนนั้นต้องเป็นคนของตัวเองเพราะควบคุมได้ง่ายกว่า ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการสร้างตัวละครผู้สำเร็จที่ขาดหายไปโดยใช้วิธีปั้น แซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยของตัวเอง ให้ขึ้นเป็น Blue Diamond (เทียม) *นั่นเท่ากับว่านายสาครเริ่มต้นธุรกิจด้วยการลวงโลกตั้งแต่ก้าวแรก** ---------- ซึ่งการสร้างผู้สำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับคนที่นอนคุยกันบนเตียง การดีลและความลับจึงรู้กันแค่สี่คน อ.ทั้งสาม และ เมียน้อย ที่รับรู้แผนการอันโสมม วิธีการที่นายสาคร ใช้คือการยืมคะแนนบริษัทมาใส่ในชื่อของ แซน เมียน้อยที่เป็นคนในองค์กรของตัวเองที่ต้องการทำคุณสมบัติให้ครบตามเงื่อนไขในการขี้นตำแหน่ง จึงเป็นเหตุให้มีการกระทำเพื่อทำให้เป็นการขึ้นตำแหน่งสูงสุดของบริษัทในขณะนั้น โดยใช้เวลาสั้นที่สุดเรียกว่าเป็นสถิติโลกเลยคือใช้เวลาแค่.."คืนเดียว" หลังจากสาครปั้นตำแหน่ง Blue Diamond ให้กับเมียน้อยได้ขึ้นตำแหน่งได้แล้วนั้น แซนก็ดึงค่าคอมมิชชั่นกลับหลังจากขึ้นตำแหน่งสูงสุด โดยการไปดึงค่าคอมจากสมาชิกที่สามีลงตังลงไป (ก็ตังสามีนี่หว่าต้องดึงคืน) ตำแหน่งสูงสุดในบริษัท (Blue Diamond) ถูกนำมาใช้ในการโปรโมทในการชวนคนใหม่ๆ เข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท หลายคนเข้ามาในช่วงแรกๆก็คิดว่า แซน ภรัณธรณ์ ดาวน์ไลน์สาวน้อยท่านนี้เก่งมาก ระดับหัวกะทิของวงการ MLM เลยใช้เวลาปีเดียวขึ้น Blue Diamond ได้ การขยายเครือข่ายแบบแยบยลและต้มตุ๋น เมื่อภาพของผู้ประสบความสำเร็จ Blue Diamond ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว กระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจ MLM แบบต้มตุ๋นจึงเริ่มขยับทำการสร้างเครือข่ายหาผู้บริโภค ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงเฟื่องฟูของวิทยุชุมชนและการขายสินค้าในช่องจานดาวเทียม นาย สาคร จึงขายแนวคิดให้ทีมงานไปใช้เงินส่วนตัวของแต่ละคนไปจ้างสถานีวิทยุชุมชนและช่องทีวีจานดาวเทียมเพื่อทำการตลาด.? สาคร..ได้ใช้หลักการ OPM (Other People Money) ง่ายๆก็คือ กูไม่จ่ายเองหรอกค่าโฆษณา กูให้ Downline เป็นคนจ่ายทำให้ยอดขายเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริษัท จากเครือข่ายผู้บริโภคที่ควรจะเป็นกลายไปเป็นเครือข่ายสถานีวิทยุ เครือขายช่องทีวีในจานดาวเทียม และสุดท้ายเครือข่ายร้านค้า เหตุนี้ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จากเช่า 1 คูหา กลายเป็นเช่า 2 คูหา จนนาย สาคร พูดว่ามียอดธุรกิจถึง 2,000 ล้านบาทเพื่อล่อเม่า (ความจริง 500 กว่าล้านบาทเศษ) ซึ่งความสำเร็จนั้นไม่ว่ามันจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นเงินในกระเป๋าของชาวบ้านทุกบาท ทุกสตางค์..ดังนั้นต้องแหก รอติดตามความแหกตอนที่ 2 สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว - แน่ใจนะ ตัวเธอ.?
พี่หนุ่มเขาก็ไม่ได้พูดเหมารวมนี่ เขาชี้ชัดๆเอ่ยชื่อแบบจะแจ้งว่าเป็นเคสของบริษัท The Icon
พี่หนุ่มเขายังไม่ได้พูดชื่อบริษัท DNW สักคำออกมาดิ้นเฉย มันเลยพาเราสงสัยว่าดิ้นเพราะสาเหตุอะไร
เราเลยไปขุดเพื่อหาสาเหตุของการดิ้น และเราพบสาเหตุละว่า 2 สาวเขาดิ้นทำไม
ขุดไปพบว่าเฟซ Nishapa คนขับเฟซคือนาย สาคร ไสกมล เจ้าของสโลแกน รวยไม่รวย ดีไม่ดี DNetwork ต้นฉบับคอร์สยิงแอดออนไลน์
แจ้งให้ทราบ...พวกหนูเตรียมเซฟบริษัท DNW ได้เลย เพราะเราจะแหกบริษัท DNW บัดเดี๋ยวนี้
พวกเราล่ะอย่างชอบเลย ไอ้พวกที่ทำผิดบาปต่อประเทศชาติบ้านเมืองแล้วยังปากแจ๋วเนี่ยยับทุกราย
สวัสดี
@ไีร้เงา แต่เร้าตรีน
แน่ใจนะ ตัวเธอ.? พี่หนุ่มเขาก็ไม่ได้พูดเหมารวมนี่ เขาชี้ชัดๆเอ่ยชื่อแบบจะแจ้งว่าเป็นเคสของบริษัท The Icon พี่หนุ่มเขายังไม่ได้พูดชื่อบริษัท DNW สักคำออกมาดิ้นเฉย มันเลยพาเราสงสัยว่าดิ้นเพราะสาเหตุอะไร เราเลยไปขุดเพื่อหาสาเหตุของการดิ้น และเราพบสาเหตุละว่า 2 สาวเขาดิ้นทำไม ขุดไปพบว่าเฟซ Nishapa คนขับเฟซคือนาย สาคร ไสกมล เจ้าของสโลแกน รวยไม่รวย ดีไม่ดี DNetwork ต้นฉบับคอร์สยิงแอดออนไลน์ แจ้งให้ทราบ...พวกหนูเตรียมเซฟบริษัท DNW ได้เลย เพราะเราจะแหกบริษัท DNW บัดเดี๋ยวนี้ พวกเราล่ะอย่างชอบเลย ไอ้พวกที่ทำผิดบาปต่อประเทศชาติบ้านเมืองแล้วยังปากแจ๋วเนี่ยยับทุกราย สวัสดี @ไีร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว - Boss..ไม่รอด
พอล ภัทร...เคยโกยเงินจาก Unicityไปเยอะมากๆ ไม่เชื่อก็ลองถามคนในวงการดูสิ่
ส่วนบอสมีน..ก็เคยขาย Unicity มาก่อน เพื่อนดาราในวงการโดนชวนไปกินข้าว แล้วก็ไปเจอพวกตัวระดับ Boss รออยู่ คอยพูดหว่านล้อม
เพื่อนดาราด้วยกันก็เลยเสียความรู้สึกกันไปหลายคน แล้วมีนก็ย้ายมาทำ The I con เพราะมีนเค้ารู้ดีอยู่แล้วว่าขายตรงไม่ต่างกัน มีนมีตำแหน่ง Boss มันย่อมไม่ธรรมดา
คนวงการนี้มันจะวนเป็นวงบีโดยใช้วิธีหากินด้วยวิธีคล้ายๆกัน The Icon ก็เหมือนวงแชร์ลูกโซ่ทั่วๆไปนั่นแหละ
มีตำแหน่งนั่นโน่นนี่ มีแม่ข่ายลูกข่ายโน่นนี่นั่น ต่างกันแค่ The Icon ชวนคนมาร่วมลงทุน=ต้องมาซื้อสินค้าไปขาย
ลูกโซ่..ไม่เน้นสินค้าเน้นชวนคนมาร่วมลงทุนได้มากคนเท่าไหร่คนชวนก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จากการชวนคนมาร่วมนั้นทันที
ลงทุนก่อนลุกเร็วรอด ลงทุนแล้วลุกช้าจ่ายรอบวง
ลูกโซ่..คือการเอาเงินของคนที่ 6 ที่ 5 มาจ่ายคนที่ 4 3 2 1 ที่ลงเล่นก่อน ดังนั้นถ้าหาเหยื่อคนที่ 7-8 ไม่ได้เกิน 45 วัน วงแตกทันที
เพราะเจ้าของวงมันจะไม่มีเงินมาจ่ายคนที่ 6 ที่ 5 และคนที่ 4 3 2 1
ดังนั้น The Icon มันถูกออกแบบมาให้ดูไม่เหมือนแชร์ลูกโซ่ เพราะทุกคนที่เจ๊งนั้นสาเหตุมาจากการขายสินค้า มันไม่มีใครเจ๊งเพราะชวนคนมาร่วมลงทุนไม่ได้..ถูกไหมครับ.?
เมื่อมันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ จึงทำให้แม่ทีมไม่มีใครขาดทุนในธุรกิจนี้ ถ้าเป็นแม่ทีมสาขากัมพูชาที่สร้างความเสียหายในกัมพูชาแล้วไม่ข้ามมาไทย..อาจรอด
ส่วนแม่ทีมในไทยต่อให้กลายร่างเป็นเหยื่อ..ก็รอดยาก
เพราะองค์ประกอบของความเป็นเหยื่อของแท้มันไม่ครบ แต่องค์ประกอบของความผิดมันชัดกว่า ยิ่งมีตำแหน่งระดับสูงในบริษัท ก็ยิ่งรอดยาก
แล้วตำแหน่งในบริษัท The Icon มีกี่ตำแหน่ง.?
ไม่คอนเฟิร์มนะ ว่ามีทั้งสิ้นกี่ตำแหน่ง แต่เท่าที่ตรวจสอบเจอตอนนี้มี 13 ตำแหน่ง เรียงลำดับดังนี้ต่อไปนี้
Big Boss(พอล)
Boss (สิบกว่าคน)
Emperor
Royal Crown
Crown Dealer
Wisdom Dealer
Presidential Dealer
Grand Dealer
Platinum Dealer
Gold Dealer
Dealer
Supplier
Distributor
ถ้าสมมตินะว่าตำรวจบอกว่าบริษัท The Icon เป็นแชร์ลูกโซ่ ก็จะมีทั้งหมายเรียก-หมายจับ
ตำแหน่ Distributor -Supplier ยังพออ้อมแอ้มกลายร่างเป็นเหยื่อได้นะ แต่..ตั้งแต่ตำแหน่ง Gold ไปจนถึง Boss ..รอดยาก
ที่อยากจะบอกก็คือ ถ้ามีแม่ทีมมาบอกให้ลงชื่อนู่นนี่นั่น ให้เอาสินค้ามานั่นโน่นนี่.#อย่าไปทำตาม มันกำลังจะช่วยตัวเองให้รอด
พวกคุณต้องไปพบกับตำรวจเท่านั้น ถึงจะได้เงินคืน อย่าไม่ฉลาดซ้ำ 2 หลงไปเชื่อแม่ทีมอีกเชียว ตั้งสติแล้วหลับตาแล้วคิดดูดีๆว่า #ใครกันแน่ที่โกงคุณ .?
แนะนำให้ไปทำตามที่เขียนบอกไว้ในโพสต์นี้
👉 https://www.facebook.com/share/p/PYsqnn9AZamhNoUj/?mibextid=WC7FNe
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
Boss..ไม่รอด พอล ภัทร...เคยโกยเงินจาก Unicityไปเยอะมากๆ ไม่เชื่อก็ลองถามคนในวงการดูสิ่ ส่วนบอสมีน..ก็เคยขาย Unicity มาก่อน เพื่อนดาราในวงการโดนชวนไปกินข้าว แล้วก็ไปเจอพวกตัวระดับ Boss รออยู่ คอยพูดหว่านล้อม เพื่อนดาราด้วยกันก็เลยเสียความรู้สึกกันไปหลายคน แล้วมีนก็ย้ายมาทำ The I con เพราะมีนเค้ารู้ดีอยู่แล้วว่าขายตรงไม่ต่างกัน มีนมีตำแหน่ง Boss มันย่อมไม่ธรรมดา คนวงการนี้มันจะวนเป็นวงบีโดยใช้วิธีหากินด้วยวิธีคล้ายๆกัน The Icon ก็เหมือนวงแชร์ลูกโซ่ทั่วๆไปนั่นแหละ มีตำแหน่งนั่นโน่นนี่ มีแม่ข่ายลูกข่ายโน่นนี่นั่น ต่างกันแค่ The Icon ชวนคนมาร่วมลงทุน=ต้องมาซื้อสินค้าไปขาย ลูกโซ่..ไม่เน้นสินค้าเน้นชวนคนมาร่วมลงทุนได้มากคนเท่าไหร่คนชวนก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จากการชวนคนมาร่วมนั้นทันที ลงทุนก่อนลุกเร็วรอด ลงทุนแล้วลุกช้าจ่ายรอบวง ลูกโซ่..คือการเอาเงินของคนที่ 6 ที่ 5 มาจ่ายคนที่ 4 3 2 1 ที่ลงเล่นก่อน ดังนั้นถ้าหาเหยื่อคนที่ 7-8 ไม่ได้เกิน 45 วัน วงแตกทันที เพราะเจ้าของวงมันจะไม่มีเงินมาจ่ายคนที่ 6 ที่ 5 และคนที่ 4 3 2 1 ดังนั้น The Icon มันถูกออกแบบมาให้ดูไม่เหมือนแชร์ลูกโซ่ เพราะทุกคนที่เจ๊งนั้นสาเหตุมาจากการขายสินค้า มันไม่มีใครเจ๊งเพราะชวนคนมาร่วมลงทุนไม่ได้..ถูกไหมครับ.? เมื่อมันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ จึงทำให้แม่ทีมไม่มีใครขาดทุนในธุรกิจนี้ ถ้าเป็นแม่ทีมสาขากัมพูชาที่สร้างความเสียหายในกัมพูชาแล้วไม่ข้ามมาไทย..อาจรอด ส่วนแม่ทีมในไทยต่อให้กลายร่างเป็นเหยื่อ..ก็รอดยาก เพราะองค์ประกอบของความเป็นเหยื่อของแท้มันไม่ครบ แต่องค์ประกอบของความผิดมันชัดกว่า ยิ่งมีตำแหน่งระดับสูงในบริษัท ก็ยิ่งรอดยาก แล้วตำแหน่งในบริษัท The Icon มีกี่ตำแหน่ง.? ไม่คอนเฟิร์มนะ ว่ามีทั้งสิ้นกี่ตำแหน่ง แต่เท่าที่ตรวจสอบเจอตอนนี้มี 13 ตำแหน่ง เรียงลำดับดังนี้ต่อไปนี้ Big Boss(พอล) Boss (สิบกว่าคน) Emperor Royal Crown Crown Dealer Wisdom Dealer Presidential Dealer Grand Dealer Platinum Dealer Gold Dealer Dealer Supplier Distributor ถ้าสมมตินะว่าตำรวจบอกว่าบริษัท The Icon เป็นแชร์ลูกโซ่ ก็จะมีทั้งหมายเรียก-หมายจับ ตำแหน่ Distributor -Supplier ยังพออ้อมแอ้มกลายร่างเป็นเหยื่อได้นะ แต่..ตั้งแต่ตำแหน่ง Gold ไปจนถึง Boss ..รอดยาก ที่อยากจะบอกก็คือ ถ้ามีแม่ทีมมาบอกให้ลงชื่อนู่นนี่นั่น ให้เอาสินค้ามานั่นโน่นนี่.#อย่าไปทำตาม มันกำลังจะช่วยตัวเองให้รอด พวกคุณต้องไปพบกับตำรวจเท่านั้น ถึงจะได้เงินคืน อย่าไม่ฉลาดซ้ำ 2 หลงไปเชื่อแม่ทีมอีกเชียว ตั้งสติแล้วหลับตาแล้วคิดดูดีๆว่า #ใครกันแน่ที่โกงคุณ .? แนะนำให้ไปทำตามที่เขียนบอกไว้ในโพสต์นี้ 👉 https://www.facebook.com/share/p/PYsqnn9AZamhNoUj/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว - แจ้งเพื่อทราบ..
ผู้เสียหายในคดี The Icon สามารถไปขอรับบัตรคิวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษได้ที่ ปคบ
พิกัดที่ตั้ง
👉 https://maps.app.goo.gl/aYyVLXoQgUxPBjwm9?g_st=ic
เดินขึ้นไปชั้น 2 จะมีพี่ตำรวจใจดี พูดจาโคตรสุภาพคอยแนะนำคุณอยู่ที่นั่น สิ่งที่ต้องเตรียมไป (ดูภาพ)
ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดแจ้งความที่โรงพักใกล้บ้านท่านได้เลยเดี๋ยว พงส.จะส่งสำนวนมาที่ส่วนกลางเอง
คนที่อยูืต่างประเทศ ที่ไม่สะดวกเดินทาง ให้รอแจ้งความออนไลน์ หรือโทรสอบถามที่สายด่วน 1599 ก็ได้
ไปกดติดตามเพจสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาไว้เพื่อรอประกาศความคืบหน้าของคดีอย่างเป็นทางการ
👉 https://www.facebook.com/share/p/JxB51BQytKH3QCY7/
สินค้าที่ทำบุญไปแล้ว เอาไปแจกงานศพหมดแล้ว และที่หมดอายุแล้ว หรือทิ้งไปแล้ว..ไม่เป็นไร นำเอกสารไปให้ครบ(ตามระบุในภาพ)
-------
บางคนอยู่ระดับ Pattinum แล้วพึ่งหยุดไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาหมาดๆ แค่ลบภาพออกจากเฟซบุ๊กแล้วบอกว่า..หนูเลิกทำนานแล้วค่ะ ได้อ่อวะ 🤣
ส่วนอดีตแม่ทีมอีกคนก็มีตำแหน่ง Wisdom เพราะมีสามีเป็นอัยการที่รู้เห็นเป็นใจกับเมียด้วย คนเลยเชื่อถือว่ามันต้องไม่โกงแน่ๆ
นางจึงมีลูกทีมเพียบ เลยทำยอดทะลุเป้าจนได้รถเบนซ์ประจำตำแหน่งไปขับแต่มีปัญหาเรื่องบิดเงินลูกทีมไปหมุน
ถูกลูกทีมโวยวาย บอสพอลกับบอสสวยจึงเรียกเข้าออฟฟิศ เลยไม่ได้ทำต่อและยึดรถประจำตำแหน่งคืน ย้ำว่า 2 บอสไม่ให้ทำต่อ ไม่ใช่เลิกเอง
ล่าสุดทั้ง 2 คนที่กล่าวมานั้น เดินออกทีวีช่องหนึ่งไปรับบทเหยื่อ เราจึงพบคนฟอกขาวแล้ว 2 อัตรา ซึ่งคนประเภทนี้จะมีทุกเคสจริงๆ
คาดว่าอีกไม่เกิน 7 วันน้ำจะท่วมมิดหลังคาบริษัท The Icon ถึงเวลาที่เรือโนอาร์ของบอสพอลจะได้ใช้งานแล้วสิ่นะ ถถถ
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
แจ้งเพื่อทราบ.. ผู้เสียหายในคดี The Icon สามารถไปขอรับบัตรคิวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษได้ที่ ปคบ พิกัดที่ตั้ง 👉 https://maps.app.goo.gl/aYyVLXoQgUxPBjwm9?g_st=ic เดินขึ้นไปชั้น 2 จะมีพี่ตำรวจใจดี พูดจาโคตรสุภาพคอยแนะนำคุณอยู่ที่นั่น สิ่งที่ต้องเตรียมไป (ดูภาพ) ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดแจ้งความที่โรงพักใกล้บ้านท่านได้เลยเดี๋ยว พงส.จะส่งสำนวนมาที่ส่วนกลางเอง คนที่อยูืต่างประเทศ ที่ไม่สะดวกเดินทาง ให้รอแจ้งความออนไลน์ หรือโทรสอบถามที่สายด่วน 1599 ก็ได้ ไปกดติดตามเพจสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาไว้เพื่อรอประกาศความคืบหน้าของคดีอย่างเป็นทางการ 👉 https://www.facebook.com/share/p/JxB51BQytKH3QCY7/ สินค้าที่ทำบุญไปแล้ว เอาไปแจกงานศพหมดแล้ว และที่หมดอายุแล้ว หรือทิ้งไปแล้ว..ไม่เป็นไร นำเอกสารไปให้ครบ(ตามระบุในภาพ) ------- บางคนอยู่ระดับ Pattinum แล้วพึ่งหยุดไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาหมาดๆ แค่ลบภาพออกจากเฟซบุ๊กแล้วบอกว่า..หนูเลิกทำนานแล้วค่ะ ได้อ่อวะ 🤣 ส่วนอดีตแม่ทีมอีกคนก็มีตำแหน่ง Wisdom เพราะมีสามีเป็นอัยการที่รู้เห็นเป็นใจกับเมียด้วย คนเลยเชื่อถือว่ามันต้องไม่โกงแน่ๆ นางจึงมีลูกทีมเพียบ เลยทำยอดทะลุเป้าจนได้รถเบนซ์ประจำตำแหน่งไปขับแต่มีปัญหาเรื่องบิดเงินลูกทีมไปหมุน ถูกลูกทีมโวยวาย บอสพอลกับบอสสวยจึงเรียกเข้าออฟฟิศ เลยไม่ได้ทำต่อและยึดรถประจำตำแหน่งคืน ย้ำว่า 2 บอสไม่ให้ทำต่อ ไม่ใช่เลิกเอง ล่าสุดทั้ง 2 คนที่กล่าวมานั้น เดินออกทีวีช่องหนึ่งไปรับบทเหยื่อ เราจึงพบคนฟอกขาวแล้ว 2 อัตรา ซึ่งคนประเภทนี้จะมีทุกเคสจริงๆ คาดว่าอีกไม่เกิน 7 วันน้ำจะท่วมมิดหลังคาบริษัท The Icon ถึงเวลาที่เรือโนอาร์ของบอสพอลจะได้ใช้งานแล้วสิ่นะ ถถถ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีนMAPS.APP.GOO.GLกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) · 5.0★(1) · สถานที่ราชการชั้น 12 อาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 1106 ถ. พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 109002 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว - อินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาติไหนที่สร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนอินเดียและบังกลาเทศ:
ตอนนี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกตัวยงแห่งยุคสร้างกลุ่มก่อการร้ายชื่อ Hizb-ut-Tahrir เพื่อป่วนอินเดียและบังกลาเทศ สร้างเสร็จแล้ว ก็ส่งสมาชิกที่พวกตนฝึกให้เข้าไปเป็นนักศึกษา จัดตั้งเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศที่เป็นเป้าหมายเพื่อสร้างและปลุกระดมมวลชน ให้นักศึกษาเหล่านีจัดกิจกรรมป่วนรัฐบาลเพื่อหาทางแบ่งแยกดินแดน
ขณะนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมตัวยงกำลังอยากตั้งฐานทัพที่บังกลาเทศเพื่อปิดล้อมจีนฝั่งมหาสมุทรอินเดีย
เมืองไทยก็เช่นกันครับ ผมสันนิษฐานมานานว่ากลุ่มก่อการร้าย BRN ก็น่าจะถูกชาตินักล่าอาณานิคมนี่แหละจัดตั้ง ภายใต้การบงการของกลุ่มยิวไซออนิสต์ ไม่ใช่มุสลิมแท้ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สายลับชาตินักล่าอาณานิคมจัดตั้งขึ้นมา มุสลิมที่ปักหลักอยู่ในประเทศไทยมานาน กับกลุ่มมุสลิมที่อพยพเข้ามาใหม่สาย BRN จึงมีนิสัยแตกต่างกันมาก และพวกนี้ก็มี NGOs สายตะวันตกคอยช่วยเหลือด้วย
โดยปรกติ รัฐบาลรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่านและจีนไม่ค่อยนิยมเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย มีแต่กวาดล้างอย่างเดียว ในขณะที่กลุ่มชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายเพราะพวกตนเป็นคนสร้างกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลไหนๆ ปราบอย่างเด็ดขาด จึงต้องเขียนตำราให้ใช้วิธีเจรจาแทน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายถูกกวาดล้างโดยง่าย เห็นได้จากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอาฟริกาซึ่งปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที รัฐบาลอาฟริกาหลายประเทศต้องให้รัสเซียส่งกลุ่มวากเนอร์มาช่วยปราบจึงหมดลงได้
ประเทศไทยในขณะนี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในลักษณะว่า
๑. มีกลุ่มก่อการร้ายซึ่งผมสันนิษฐานว่าชาตินักล่าอาณานิคมตัวยงสร้างขึ้น ต่อหน้าสาธารณชนเป็นกลุ่มมุสลิมเทียมแต่เบื้องหลังคือกลุ่มก่อการร้าย
๒.มีนักวิชาการที่ปรึกษาความมั่นคงที่จบจากตะวันตกคอยให้คำแนะนำรัฐบาล เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายแทนการปราบปราม
๓.มีรัฐบาลและทหารที่โปรตะวันตกใช้ตำราปราบกลุ่มก่อการร้ายแบบตะวันตกมาแก้ปัญหา กลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ก็เลยไม่หมดสักที
หรือปล่าว? ผมแค่สันนิษฐานเอาจากแง่มุมหนึ่งนะครับ
ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
อินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาติไหนที่สร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนอินเดียและบังกลาเทศ: ตอนนี้ รัฐบาลอินเดียเริ่มรู้แล้วว่าชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกตัวยงแห่งยุคสร้างกลุ่มก่อการร้ายชื่อ Hizb-ut-Tahrir เพื่อป่วนอินเดียและบังกลาเทศ สร้างเสร็จแล้ว ก็ส่งสมาชิกที่พวกตนฝึกให้เข้าไปเป็นนักศึกษา จัดตั้งเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศที่เป็นเป้าหมายเพื่อสร้างและปลุกระดมมวลชน ให้นักศึกษาเหล่านีจัดกิจกรรมป่วนรัฐบาลเพื่อหาทางแบ่งแยกดินแดน ขณะนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมตัวยงกำลังอยากตั้งฐานทัพที่บังกลาเทศเพื่อปิดล้อมจีนฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เมืองไทยก็เช่นกันครับ ผมสันนิษฐานมานานว่ากลุ่มก่อการร้าย BRN ก็น่าจะถูกชาตินักล่าอาณานิคมนี่แหละจัดตั้ง ภายใต้การบงการของกลุ่มยิวไซออนิสต์ ไม่ใช่มุสลิมแท้ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สายลับชาตินักล่าอาณานิคมจัดตั้งขึ้นมา มุสลิมที่ปักหลักอยู่ในประเทศไทยมานาน กับกลุ่มมุสลิมที่อพยพเข้ามาใหม่สาย BRN จึงมีนิสัยแตกต่างกันมาก และพวกนี้ก็มี NGOs สายตะวันตกคอยช่วยเหลือด้วย โดยปรกติ รัฐบาลรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่านและจีนไม่ค่อยนิยมเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย มีแต่กวาดล้างอย่างเดียว ในขณะที่กลุ่มชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายเพราะพวกตนเป็นคนสร้างกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาเอง จึงไม่ต้องการให้รัฐบาลไหนๆ ปราบอย่างเด็ดขาด จึงต้องเขียนตำราให้ใช้วิธีเจรจาแทน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายถูกกวาดล้างโดยง่าย เห็นได้จากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศอาฟริกาซึ่งปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที รัฐบาลอาฟริกาหลายประเทศต้องให้รัสเซียส่งกลุ่มวากเนอร์มาช่วยปราบจึงหมดลงได้ ประเทศไทยในขณะนี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในลักษณะว่า ๑. มีกลุ่มก่อการร้ายซึ่งผมสันนิษฐานว่าชาตินักล่าอาณานิคมตัวยงสร้างขึ้น ต่อหน้าสาธารณชนเป็นกลุ่มมุสลิมเทียมแต่เบื้องหลังคือกลุ่มก่อการร้าย ๒.มีนักวิชาการที่ปรึกษาความมั่นคงที่จบจากตะวันตกคอยให้คำแนะนำรัฐบาล เน้นเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายแทนการปราบปราม ๓.มีรัฐบาลและทหารที่โปรตะวันตกใช้ตำราปราบกลุ่มก่อการร้ายแบบตะวันตกมาแก้ปัญหา กลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ก็เลยไม่หมดสักที หรือปล่าว? ผมแค่สันนิษฐานเอาจากแง่มุมหนึ่งนะครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว - ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ
ตอนแรก
👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe
ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด
เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ
ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด
ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน
ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก
ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่
ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ
และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย
ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค
ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว
โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั
พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ
ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ
เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ
----------
ปัจจุบัน..
เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ
แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม
BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม
ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น
และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ
ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น
นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น
ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ )
คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ
เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย
วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ
เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด
มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท
ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน
👉 https://www.instagram.com/themikebhip/
คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีนไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ ตอนแรก 👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่ ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ ---------- ปัจจุบัน.. เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ ) คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน 👉 https://www.instagram.com/themikebhip/ คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว - ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น
ท้าวความ..สมัยไมเคิลอายุได้ 16 ปี เรียนอยู่เอแบค ไมเคิลได้ไปรู้จักกับ Herbalife ในปี 2546
ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก Facebook (Facebook เปิดให้บริการครั้งแรก 2547) ยังไม่มีการยิงโฆษณา
ไมเคิล..คือผู้มาก่อนกาลเวลาเหนือผู้ใด เรียกว่ายุคที่ยังไม่มีการขายของออนไลน์เลย Herbalife ก็คือสินค้า MLM ธรรมดา
แต่..ไมเคิล มองออกว่าโลกออนไลน์มีพลังมากกว่าการชวนคนแบบเจอหน้าในออฟไลน์ จึงคิดแผนการตลาดขึ้นมาด้วยการที่ให้คนชวนคนบน FB.
ต้องเข้าใจนะว่าไม่มีการยิงโฆษณาใดๆ เพราะมันเป็นยุคแรกของโลก Social แทนที่คนจะได้คุยกัน แบ่งปันเรื่องราวตามที่ Mark มันออกแบบมาต้องการให้ FB.เป็นเหมือนชุมชนเพื่อน
แต่..ไมเคิลมันรู้ว่าสามารถเอา FB.มาเป็นร้านค้าได้ด้วยการโพสต์และแชร์ไปเรื่อยๆ ยุคนั้น Algorithm ของ FB.ยังไม่ได้ฉลาดเหมือนทุกวันนี้เลย
ตอนนั้น FB.เพิ่งเริ่มต้นตั้งไข่ มีแต่แผนจะร่ำรวยดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้สนใจในการพัฒนา AI.ตรวจจับการทำ Content ซ้ำๆ
ถ้าพูดกันถึงยุคนี้ถ้าเราโพสต์ Content ซ้ำๆ จะโดน Algorithm ของ FB.แบนทันที เหมือนที่เราเคยเห็นตอนที่คนแชร์คลิปเพลงของ Lisa แล้ว FB.แบนนั่นแหละ
AI มันทำหน้าที่ของมัน เพราะมันคิดว่าเป็นการกระหน่ำ Spam ระบบ หรือระบบกำลังโดนโจมตี
แต่ยุคของไมเคิลนั้นโล่งสบาย เพราะทุกคนทำอะไรก็ได้ จะสแปมยังไงก็ได้ดังนั้นมันจึงตั้ง Herbalife Thailand ขึ้นมา
แล้วจัดสัมมนา โดยมีหลักในการ Motivate ที่ไม่เหมือนใคร ฉีกกฎทุกกฎของคนทำ MLM ในประเทศไทย
ไมเคิล..เก่งเรื่อง NLP ล้างสมองคนได้ ไม่ต้องมีอะไร แค่บอกว่าทำกับมันแล้วรวย วิธี Sponsor ของมันสุดติ่งมาก
ยุคนั้น..เป็นการชวนคนแบบโพสต์ออนไลน์แล้วให้สมาชิกลากคนมาฟัง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ศูนย์อบรมของมัน แล้วมันก็เข้าปิดการขายได้แบบ Conversion กระหน่ำจุกๆเลย
---------
แผนประทุษกรรมของ..ไมเคิล
เปิดตัวด้วยความเร้าใจ เดินเข้ามาในห้องแล้วโชว์ Black Berry แล้วถามคนในห้องว่าโทรศัพท์นี้แพงไหม ทุกคนตอบว่าแพง
จากนั้นมันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ Black Berry ไปที่กำแพงให้แตกแล้วพูดด้วยเสียงนิ่มๆว่า "ถ้าคุณทำธุรกิจกับผม คุณจะซื้อ Black Berry อีกกี่รอบก็ได้" ถถถ🤣
แค่นี้ก็ทำ First Impression ให้คนในห้องแม่งตะลึงได้แล้ว จากนั้นมันก็จะใช้กลยุทธการปิดการขายโดยใช้หลักการที่เรียกว่า..ทฤษฏีห้องเปล่า
คือทุกคนย่อมไม่มีเงินลงทุน มันบอกว่าก็ลองมองไปยังของในห้องที่คุณอยู่หรือบ้านที่คุณอยู่สิ
คุณมีอะไรขายได้เอามาลงทุนกับผมแล้วจะรวย ขายได้ ขายให้หมด เอาเงินสดมาลงทุนกับผม แล้วผมจะพาคุณรวยไปด้วยกัน.?
ได้ผล..คนแห่ซื้อของแม่งอย่างกับลดแลกแจกแถม เพราะอยากได้ Black Berry กี่รอบก็ได้ตามที่มันแสดง Action ให้ดู ว่าคนรวย เงินแค่นี้จิ๊บๆ
ไมเคิล..สอนให้คนทำการตลาดด้วยการแนะนำสินค้าบน FB.ด้วยการโพสต์ และแชร์ และให้ทุกคนเริ่มต้นซื้อสินค้าของมัน
เปิดบิลขั้นต่ำ 25,000 บาท สูงๆก็หลักแสน หลังเปิดบิลแล้วก็จะได้สต็อกของเต็มห้องหลังจากเข้าสู่วังวน“ทฤษฏีห้องเปล่า”เรียบร้อยแล้ว
เปลี่ยนจากทรัพย์ที่มีเป็นสินค้า Herbalife เพราะคุณจะรวยไปด้วยกันกับไมเคิล ยุคนั้นเป็นยุคตื่นทอง คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้
เลยคิดเอาเองว่า..นี่แหละวะคือทางออกของ Passive Income และนั่นคือจุดเริ่มต้นความรวยของ..ไมเคิล ชาเฟล
ไมเคิล..มีรถ Super Car ขับหลังจากนั้นไม่นาน รวยเร็ว รวยไว อายุน้อยร้อยล้านของแท้ แต่คนอื่นฉิบหายช่างมัน
ใครอยากรอดตายให้ชวนคนมาต่อตูดถึงจะได้ค่าหัวคิวเปิดบิล..แชร์ลูกโซ่ชัดๆ
ไมเคิล..เริ่มรวยหลักร้อยล้าน มันก็เริ่มคิดอยากจะมีในสิ่งที่เศรษฐีทั่วไปเขามีกันบางคนอยากได้นาฬิกาแพงๆ มันมีแล้ว
บางคนอยากได้รถหรู มันมีแล้ว บ้านหลังใหญ่ มันมีแล้ว สิ่งที่ไมเคิลฝันนั้นสุดโต่งขึ้นตามลำดับ
ไมเคิล..ฝันอยากได้เฮลิคอปเตอร์มันบอกเพื่อนๆว่า รถมันกระจอก กูจะมีเฮลิคอปเตอร์เอาไว้บินจากกรุงเทพไปพัทยาและ..กูจะทำให้ได้
รอติดตาม ep.2
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีนไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ท้าวความ..สมัยไมเคิลอายุได้ 16 ปี เรียนอยู่เอแบค ไมเคิลได้ไปรู้จักกับ Herbalife ในปี 2546 ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก Facebook (Facebook เปิดให้บริการครั้งแรก 2547) ยังไม่มีการยิงโฆษณา ไมเคิล..คือผู้มาก่อนกาลเวลาเหนือผู้ใด เรียกว่ายุคที่ยังไม่มีการขายของออนไลน์เลย Herbalife ก็คือสินค้า MLM ธรรมดา แต่..ไมเคิล มองออกว่าโลกออนไลน์มีพลังมากกว่าการชวนคนแบบเจอหน้าในออฟไลน์ จึงคิดแผนการตลาดขึ้นมาด้วยการที่ให้คนชวนคนบน FB. ต้องเข้าใจนะว่าไม่มีการยิงโฆษณาใดๆ เพราะมันเป็นยุคแรกของโลก Social แทนที่คนจะได้คุยกัน แบ่งปันเรื่องราวตามที่ Mark มันออกแบบมาต้องการให้ FB.เป็นเหมือนชุมชนเพื่อน แต่..ไมเคิลมันรู้ว่าสามารถเอา FB.มาเป็นร้านค้าได้ด้วยการโพสต์และแชร์ไปเรื่อยๆ ยุคนั้น Algorithm ของ FB.ยังไม่ได้ฉลาดเหมือนทุกวันนี้เลย ตอนนั้น FB.เพิ่งเริ่มต้นตั้งไข่ มีแต่แผนจะร่ำรวยดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้สนใจในการพัฒนา AI.ตรวจจับการทำ Content ซ้ำๆ ถ้าพูดกันถึงยุคนี้ถ้าเราโพสต์ Content ซ้ำๆ จะโดน Algorithm ของ FB.แบนทันที เหมือนที่เราเคยเห็นตอนที่คนแชร์คลิปเพลงของ Lisa แล้ว FB.แบนนั่นแหละ AI มันทำหน้าที่ของมัน เพราะมันคิดว่าเป็นการกระหน่ำ Spam ระบบ หรือระบบกำลังโดนโจมตี แต่ยุคของไมเคิลนั้นโล่งสบาย เพราะทุกคนทำอะไรก็ได้ จะสแปมยังไงก็ได้ดังนั้นมันจึงตั้ง Herbalife Thailand ขึ้นมา แล้วจัดสัมมนา โดยมีหลักในการ Motivate ที่ไม่เหมือนใคร ฉีกกฎทุกกฎของคนทำ MLM ในประเทศไทย ไมเคิล..เก่งเรื่อง NLP ล้างสมองคนได้ ไม่ต้องมีอะไร แค่บอกว่าทำกับมันแล้วรวย วิธี Sponsor ของมันสุดติ่งมาก ยุคนั้น..เป็นการชวนคนแบบโพสต์ออนไลน์แล้วให้สมาชิกลากคนมาฟัง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ศูนย์อบรมของมัน แล้วมันก็เข้าปิดการขายได้แบบ Conversion กระหน่ำจุกๆเลย --------- แผนประทุษกรรมของ..ไมเคิล เปิดตัวด้วยความเร้าใจ เดินเข้ามาในห้องแล้วโชว์ Black Berry แล้วถามคนในห้องว่าโทรศัพท์นี้แพงไหม ทุกคนตอบว่าแพง จากนั้นมันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ Black Berry ไปที่กำแพงให้แตกแล้วพูดด้วยเสียงนิ่มๆว่า "ถ้าคุณทำธุรกิจกับผม คุณจะซื้อ Black Berry อีกกี่รอบก็ได้" ถถถ🤣 แค่นี้ก็ทำ First Impression ให้คนในห้องแม่งตะลึงได้แล้ว จากนั้นมันก็จะใช้กลยุทธการปิดการขายโดยใช้หลักการที่เรียกว่า..ทฤษฏีห้องเปล่า คือทุกคนย่อมไม่มีเงินลงทุน มันบอกว่าก็ลองมองไปยังของในห้องที่คุณอยู่หรือบ้านที่คุณอยู่สิ คุณมีอะไรขายได้เอามาลงทุนกับผมแล้วจะรวย ขายได้ ขายให้หมด เอาเงินสดมาลงทุนกับผม แล้วผมจะพาคุณรวยไปด้วยกัน.? ได้ผล..คนแห่ซื้อของแม่งอย่างกับลดแลกแจกแถม เพราะอยากได้ Black Berry กี่รอบก็ได้ตามที่มันแสดง Action ให้ดู ว่าคนรวย เงินแค่นี้จิ๊บๆ ไมเคิล..สอนให้คนทำการตลาดด้วยการแนะนำสินค้าบน FB.ด้วยการโพสต์ และแชร์ และให้ทุกคนเริ่มต้นซื้อสินค้าของมัน เปิดบิลขั้นต่ำ 25,000 บาท สูงๆก็หลักแสน หลังเปิดบิลแล้วก็จะได้สต็อกของเต็มห้องหลังจากเข้าสู่วังวน“ทฤษฏีห้องเปล่า”เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนจากทรัพย์ที่มีเป็นสินค้า Herbalife เพราะคุณจะรวยไปด้วยกันกับไมเคิล ยุคนั้นเป็นยุคตื่นทอง คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เลยคิดเอาเองว่า..นี่แหละวะคือทางออกของ Passive Income และนั่นคือจุดเริ่มต้นความรวยของ..ไมเคิล ชาเฟล ไมเคิล..มีรถ Super Car ขับหลังจากนั้นไม่นาน รวยเร็ว รวยไว อายุน้อยร้อยล้านของแท้ แต่คนอื่นฉิบหายช่างมัน ใครอยากรอดตายให้ชวนคนมาต่อตูดถึงจะได้ค่าหัวคิวเปิดบิล..แชร์ลูกโซ่ชัดๆ ไมเคิล..เริ่มรวยหลักร้อยล้าน มันก็เริ่มคิดอยากจะมีในสิ่งที่เศรษฐีทั่วไปเขามีกันบางคนอยากได้นาฬิกาแพงๆ มันมีแล้ว บางคนอยากได้รถหรู มันมีแล้ว บ้านหลังใหญ่ มันมีแล้ว สิ่งที่ไมเคิลฝันนั้นสุดโต่งขึ้นตามลำดับ ไมเคิล..ฝันอยากได้เฮลิคอปเตอร์มันบอกเพื่อนๆว่า รถมันกระจอก กูจะมีเฮลิคอปเตอร์เอาไว้บินจากกรุงเทพไปพัทยาและ..กูจะทำให้ได้ รอติดตาม ep.2 สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว - ปฐมบท..บอสพอล The Icon
พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ
ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์
หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท
ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ
พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย
พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)
จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..
ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ
คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal
ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ
ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง
เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท
แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/
ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้
เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้
จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน
และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/
เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน
เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด
เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ
พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse
และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค
เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“
---------
โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย
โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"
โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา
-----------
ลูกค้าของพอล..
ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง
เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)
โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ
และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี
และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี
การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV
นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว
รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก
โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า
ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที
พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น
พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น
คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง
พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่
เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท
89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)
มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ
เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว
ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว
คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย
เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon
และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM
เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ
และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
---------
ยุคทองของ..บอสพอล The Icon
เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง
เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว
แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป
เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้
The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล
ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น
แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด
ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto
ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ
หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ
คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม
เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน
พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ
และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา
และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร
กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย
เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย
กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย
แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
-----------
ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย
จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู
เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า
การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“
หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ
จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้
เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก
พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง
เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ
แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั
ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป
โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ
หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..
พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน
ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?
ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที
เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย
บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง
พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ
สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..
การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง
ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร
ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว
คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว
หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ
เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว
แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่
บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ
พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้
จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว
อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ
สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship
คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป
กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต
มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
----------
ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้
1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ
2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer
3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%
เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง
พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้
4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย
ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"
ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด
ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.
น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣
เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง
สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง
ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%
ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?
นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก
#พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊
ep.1
👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีน
ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว - คอร์สการตลาดออนไลน์...กลลวงที่มองไม่เห็น
ถ้าจะเริ่มเล่นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน
แต่ยังมีรายใหญ่ๆอีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ“ลมใต้ปีก”คนที่เป็นดารามากที่สุด
1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่วๆไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM
เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อ license ต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ.จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน
คือ..ยิงแอด-สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 98 , 99 , 199 บาท
#คิดค่าเรียนให้ถูกๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า “ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหายนี่นา เงินแค่นี้เอง“
เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้วบทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพถือสินค้าแล้วยิ้มอ่อน (คนที่ชวนเราว่ายังไงก็ทำตามเขาเพราะเราทำไม่เป็นนี่)
แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากบัตรเครดิต/เดบิต ของผู้เรียนเอง ใช้ FB Ads Account ของผู้เรียน
การทำให้ด้วยเทคนี้ บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวน Account มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย
เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมาไง
ซึ่งคนที่ทักมาหาเราเนี่ย ก็จะมีทั้งลูกค้าจริงๆและ”อวตารเสมือนจริง“ของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย
บางรายจะโดนล่อให้เปิด member เลย เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,0000 บาท
ทุกรายที่มาขายสินค้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจตลาดขายตรง #อันนี้มันจึงเป็นความผิดข้อแรก
การเปิด 250,000 บาทมันจะได้ refund 50% เท่ากับเปิดราคานี้เราจะต้องมีกำไร 50% ที่ยังไม่รวมค่าแอด
เช่น.สินค้าราคา 2,500 บาท เราเปิดดีลเลอร์แล้วจะได้สินค้ามา 100 ชิ้น ราคารวม 250,000 บาทแล้วบริษัทจะต้องจ่ายคืนเปนค่าคอมให้เรา 50% = 125,000 บาท
ราคาที่เราต้องจ่ายจริงมันควรจะอยู่ที่ 125,000 บาทแต่บริษัทมันให้เราจ่าย 250,000 บาท งงกันไหม.?
จะอธิบายให้พอเข้าใจแบบคร่าวๆก่อนนะ พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าของรวยเวอร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้
สมมติว่า..
สินค้าราคา 2000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลัก vat 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาทที่เราต้องจ่ายค่า vat
หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้ บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง
สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา
กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งนึง = 1.5%
7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5%
แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุกๆ
นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนาม บริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก
ของที่เอามาขายก็แนวเดิมๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่วๆไป ที่ต้นทุนราคาถูกๆ
เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ เพราะต้นทุนสินค้า 5%
แล้วก็อีกกลยยุทธของบริษัทคือขอการันตรีว่า..“สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก”
แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า Facebook Account ปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ
แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า
ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปังไง เพราะมีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้
นั่นคือ 1 ในหลายๆเหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป
หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยหรอก เพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น
เจ้าของบริษัทสบาย เป็นเสือนอนกิน ต้นทุนขายสินค้าก็ไม่มี มีแค่งบสร้างแบรนด์ซึ่งตัวเองได้กำไรคนเดียว
และตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้ระบบทำงาน เอาเงินที่ได้มาจากเหยื่อจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ทำตัวบริษัทให้ใสสะอาดจนกฏหมายเอื้อมมาไม่ถึง
ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่..บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5%
และที่มันน่าเศร้าจริงๆคือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์
เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุดๆทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาดสัสๆ ทั้งๆที่โคตรสกปรก
แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริงๆแม้แต่คนเดียว
แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก
เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อจะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา..ไม่มีใบอนุญาต
จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบันนี้ ณ นาทีนี้มีคนตกเป็นเหยื่อกลลวงที่มองไม่เห็นแบบนี้มีมากกว่า 15 ล้านคน
ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน
และถ้ามีผู้กล้าออกมาเล่นเรื่องนี้แบบสุดซอย จะช่วยผู้คนให้ตื่นรู้ได้อย่างน้อยๆ 5 ล้านคน ดังนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยที่ออกมาเล่นเรื่องนี้
---------
เอาจริงๆตอนแรกเขียนระบุชื่อบุคคล ชื่อบริษัททั้ง 5 เขียนอธิบายเจาะลึกเอาไว้ละเอียดยิบตามสไตล์เพจเรา
เรื่องนี้แหล่งข่าวเราเก็บข้อมูลมา 10 กว่าปีแล้ว และเราแอบมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ลึกเท่าแหล่งข่าวเราก็แล้วกันล่ะ
แต่เราตัดรายละเอียดออกไป เพราะเบื่อมากๆที่จะรบกับพวก #ติ่งกระบือบิน ทึ่พ่ะโง่ชนิดวัวตุยทุยล้มเลย อส.🤣 ปล่อยให้มันเป็นเหยื่อต่อไปสักพัก
ไอ้ฉิบหาย 😆 แล้วยังไม่ต้องมาดิ้นนะ เพราะยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัท ถถถ
สวัสดี
@ไร้เงา แต่เร้าตรีนคอร์สการตลาดออนไลน์...กลลวงที่มองไม่เห็น ถ้าจะเริ่มเล่นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน แต่ยังมีรายใหญ่ๆอีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ“ลมใต้ปีก”คนที่เป็นดารามากที่สุด 1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่วๆไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อ license ต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ.จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน คือ..ยิงแอด-สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 98 , 99 , 199 บาท #คิดค่าเรียนให้ถูกๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า “ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหายนี่นา เงินแค่นี้เอง“ เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้วบทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพถือสินค้าแล้วยิ้มอ่อน (คนที่ชวนเราว่ายังไงก็ทำตามเขาเพราะเราทำไม่เป็นนี่) แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากบัตรเครดิต/เดบิต ของผู้เรียนเอง ใช้ FB Ads Account ของผู้เรียน การทำให้ด้วยเทคนี้ บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวน Account มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมาไง ซึ่งคนที่ทักมาหาเราเนี่ย ก็จะมีทั้งลูกค้าจริงๆและ”อวตารเสมือนจริง“ของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย บางรายจะโดนล่อให้เปิด member เลย เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,0000 บาท ทุกรายที่มาขายสินค้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจตลาดขายตรง #อันนี้มันจึงเป็นความผิดข้อแรก การเปิด 250,000 บาทมันจะได้ refund 50% เท่ากับเปิดราคานี้เราจะต้องมีกำไร 50% ที่ยังไม่รวมค่าแอด เช่น.สินค้าราคา 2,500 บาท เราเปิดดีลเลอร์แล้วจะได้สินค้ามา 100 ชิ้น ราคารวม 250,000 บาทแล้วบริษัทจะต้องจ่ายคืนเปนค่าคอมให้เรา 50% = 125,000 บาท ราคาที่เราต้องจ่ายจริงมันควรจะอยู่ที่ 125,000 บาทแต่บริษัทมันให้เราจ่าย 250,000 บาท งงกันไหม.? จะอธิบายให้พอเข้าใจแบบคร่าวๆก่อนนะ พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าของรวยเวอร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้ สมมติว่า.. สินค้าราคา 2000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลัก vat 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาทที่เราต้องจ่ายค่า vat หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้ บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งนึง = 1.5% 7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5% แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุกๆ นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนาม บริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก ของที่เอามาขายก็แนวเดิมๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่วๆไป ที่ต้นทุนราคาถูกๆ เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ เพราะต้นทุนสินค้า 5% แล้วก็อีกกลยยุทธของบริษัทคือขอการันตรีว่า..“สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก” แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า Facebook Account ปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปังไง เพราะมีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ นั่นคือ 1 ในหลายๆเหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยหรอก เพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น เจ้าของบริษัทสบาย เป็นเสือนอนกิน ต้นทุนขายสินค้าก็ไม่มี มีแค่งบสร้างแบรนด์ซึ่งตัวเองได้กำไรคนเดียว และตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้ระบบทำงาน เอาเงินที่ได้มาจากเหยื่อจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ทำตัวบริษัทให้ใสสะอาดจนกฏหมายเอื้อมมาไม่ถึง ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่..บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5% และที่มันน่าเศร้าจริงๆคือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์ เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุดๆทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาดสัสๆ ทั้งๆที่โคตรสกปรก แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริงๆแม้แต่คนเดียว แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อจะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา..ไม่มีใบอนุญาต จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบันนี้ ณ นาทีนี้มีคนตกเป็นเหยื่อกลลวงที่มองไม่เห็นแบบนี้มีมากกว่า 15 ล้านคน ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน และถ้ามีผู้กล้าออกมาเล่นเรื่องนี้แบบสุดซอย จะช่วยผู้คนให้ตื่นรู้ได้อย่างน้อยๆ 5 ล้านคน ดังนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยที่ออกมาเล่นเรื่องนี้ --------- เอาจริงๆตอนแรกเขียนระบุชื่อบุคคล ชื่อบริษัททั้ง 5 เขียนอธิบายเจาะลึกเอาไว้ละเอียดยิบตามสไตล์เพจเรา เรื่องนี้แหล่งข่าวเราเก็บข้อมูลมา 10 กว่าปีแล้ว และเราแอบมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ลึกเท่าแหล่งข่าวเราก็แล้วกันล่ะ แต่เราตัดรายละเอียดออกไป เพราะเบื่อมากๆที่จะรบกับพวก #ติ่งกระบือบิน ทึ่พ่ะโง่ชนิดวัวตุยทุยล้มเลย อส.🤣 ปล่อยให้มันเป็นเหยื่อต่อไปสักพัก ไอ้ฉิบหาย 😆 แล้วยังไม่ต้องมาดิ้นนะ เพราะยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัท ถถถ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
เรื่องราวเพิ่มเติม