• "รอเวรกรรมขจัดความอัปยศ"
    โสภณ องค์การณ์
    10 ตุลาคม 2567
    (งานเขียนชิ้นสุดท้าย)

    ตีพิมพ์ในผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 781 วันที่ 12-18 ตุลาคม 2567

    ผู้นำประเทศไทยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ไปออกงานระดับอินเตอร์

    งานแรกที่เมืองโดฮา กาตาร์ กลับมาสร้างความฮือฮาไม่ธรรมดา เป็นอย่างฮา

    งานที่สองไปนครเวียงจันทน์อาเซียนซัมมิต กระทบไหล่ผู้นำประเทศ ซึ่งล้วนมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถเหนือกว่า

    สิ่งที่มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ พึ่งโพย อวดอ้างได้ก็คือความเป็นผู้นำอายุน้อย วาระการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็น้อย ส่วนจะมีอย่างอื่นน้อยหรือไม่คนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวอีกรอบแล้ว

    ใครจะไปคิดว่า ความเฉิ่มจะปรากฏเร็วยิ่งกว่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศซึ่งสร้างความฮือฮาเรื่องการยกอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัด ยกให้เมืองซิดนีย์เป็นประเทศ และอะไรที่ทำให้ต้องทนต่อความอดสู

    มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ เป็นลักษณะไม่ยอมคน เถียงฉอดๆ ชนิดคำไม่ตกฟาก และยังมีท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงท้วงติง ไม่แยแสทั้งที่เป็นความผิดพลาด

    การที่กล่าวกับคณะทูตด้วยคำว่า "You guys" ถือว่าเป็นสุดยอดของความไม่รู้เรื่อง ขาดการศึกษา ประเภทที่ว่าต่อให้ยกขบวนการขี้ข้ามาแก้ต่างให้ก็คงไม่ไหว

    แสดงว่ามาดามไม่รู้อะไรจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาคงหลงระเริงกับชีวิตของลูกสาวคนรวยหลายพันล้านหรือมากกว่านั้น เสียงแว่วลือลั่นว่า นางใช้เงินช็อปปิ้งสัปดาห์ละ 5 ล้านบาท ก็คงไม่เกินจริง

    ดูชุดสวมใส่แต่ละวันพร้อมเครื่องประดับก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับล้านบาท แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเงินหาง่ายสำหรับตระกูลนี้ ยิ่งมีเงินก็ยิ่งงอกเงย ทั้งมีอำนาจก็เร่งการงอกของเงินจากหลายแหล่ง

    ไม่อย่างนั้นจะมีขบวนการขี้ข้า เป็นตัวประดับ เดินตามก้นกุมเป้าพินอบพิเทา ถ้าสั่งให้หามไปบนเสลี่ยงก็คงแย่งกันทำเอาหน้า เพื่อยกระดับขี้ข้าซึ่งมีต่างกัน

    มาดามจะรู้ตัวหรือไม่ว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกจะรู้สึกอับอายขายหน้าทั้งประเทศเพราะมีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ไร้เดียงสาด้อยความรู้ความสามารถ มีอย่างเดียวคือความถือดี ไม่ฟังใคร ไม่สนใจ อาจจะไม่เห็นหัวคน มองว่าเป็นขี้ข้า

    ไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะ "ต้องทน" กับ "ความอัปยศ" เพราะมีผู้นำที่ด้อยความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นตัวประหลาดในงานประชุมระดับนานาชาติ

    พ่อแม่ของเธอไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอที่ลูกสาวสุดที่รักถูกเยาะเย้ยถากถางเพราะความไม่ประสีประสาและมีพฤติกรรมสร้างความขบขันที่คนไทยหัวเราะไม่ออก

    เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างเลือดเย็นที่สุด แม้แต่ประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนามีประชากรไม่กี่หมื่นคน หาบนแผนที่โลกแทบไม่เจอ ก็ยังสามารถหาผู้นำที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วประชาชนไม่ต้องทนอับอาย

    แต่ประเทศไทยมีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน ต้องทนกับระบบการเมืองที่มีโครงสร้างไม่เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถได้เป็นผู้นำ ทั้งที่มีความได้เปรียบหลายประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากอันดับหนึ่งของโลก

    แต่ดันมีผู้นำอายุน้อยที่สุด และสร้างความขายหน้าที่สุด นี่ยังไม่ถึงสองเดือน ถ้าจะต้องทนถึงสิ้นปี ยังไม่รู้ว่าโรงงานทำปี๊บจะมีพอขายหรือไม่ คงต้องเอาถุงปุ๋ยหรือถุงดำแทน

    ยังดีที่กระบวนการทางกฎหมายค้างคาอยู่หลายเรื่องเพื่อจะตัดต่อความเป็นผู้นำของมาดาม รวมถึงความลำพองและอำนาจของบิดา อดีตนักโทษที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว

    ทั้งหมดนี้คงเป็นกรรมไล่ตาม จะถึงพ่อหรือถึงลูกก่อนก็ยังต้องรอดู ความเป็นจริงก็คือลูกคนที่พ่อรักที่สุดจะต้องเจ็บปวดที่สุดเพราะความไม่รู้จักพอและความหลงในอำนาจ

    ยิ่งมาดามเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ทำให้การเร่งสภาวะหายนะให้เกิดขึ้นพร้อมกับกรรมเก่าที่ทำไว้กับประเทศชาติซึ่งถูกกอบโกยความมั่งคั่งทางด้านดีและระบบทุจริตประพฤติมิชอบ

    ทั้งพ่อและลูกรวมทั้งสาแหรกสมาชิกตระกูลจะรู้หรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง เท่าที่ผ่านมาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยังไม่สำนึก ยังดันทุรัง ทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกกฎหมาย

    ขบวนการขี้คุกและขี้ข้ารับใช้ช่วยกันเร่งความเสื่อมโทรมให้แผ่นดินนี้

    พรรคร่วมรับประทานล้วนไร้จิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะตลอดชีวิตการเมืองอยู่ในระบบคอร์รัปชั่นและกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน อยากร่วมรัฐบาลทั้งที่รู้ว่าต้องมีความชั่วร้าย

    ต้องยอมรับระดับความไม่อาย ไม่ประมาณตน ไม่รู้ข้อจำกัดความรู้ความสามารถของตนเอง ถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้พยายามแทรกแผ่นดินหนีความอัปยศ เพราะแต่ละคนในตระกูลมีมลทินด่างพร้อยไม่มากก็น้อย

    ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินเครือข่าย ป่านนี้ติดคุกไปหลายรายเพราะพฤติกรรมนอกกฎหมาย จะเห็นได้จากจำนวนคนขี้ข้าขี้คุกในพรรคและยังคาคุกอยู่หลายคน ล้วนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบทั้งนั้น

    ยังดีแผ่นดินนี้แม้จะถูกคนชั่วร้ายหรือเครือข่ายทุรชนครอบงำ แต่ก็ไม่นานจนทำให้หายนะ แม้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมโครงสร้างทรุด ชาวบ้านยากจนถึงระดับอกไหม้ไส้ขม สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ก็หวังว่าต้องมีวันจบสิ้น

    ครั้งที่จะถึงนี้ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่สำหรับการสิ้นสุดของการครอบงำ การครอบครองอำนาจ และความหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ต้องรอดูการทำงานของกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

    ที่สำคัญเวรกรรมมีจริง พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอบใหม่จะมาช้าหรือเร็ว คงไม่นานเกินรอ
    "รอเวรกรรมขจัดความอัปยศ" โสภณ องค์การณ์ 10 ตุลาคม 2567 (งานเขียนชิ้นสุดท้าย) ตีพิมพ์ในผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 781 วันที่ 12-18 ตุลาคม 2567 ผู้นำประเทศไทยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ไปออกงานระดับอินเตอร์ งานแรกที่เมืองโดฮา กาตาร์ กลับมาสร้างความฮือฮาไม่ธรรมดา เป็นอย่างฮา งานที่สองไปนครเวียงจันทน์อาเซียนซัมมิต กระทบไหล่ผู้นำประเทศ ซึ่งล้วนมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถเหนือกว่า สิ่งที่มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ พึ่งโพย อวดอ้างได้ก็คือความเป็นผู้นำอายุน้อย วาระการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็น้อย ส่วนจะมีอย่างอื่นน้อยหรือไม่คนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวอีกรอบแล้ว ใครจะไปคิดว่า ความเฉิ่มจะปรากฏเร็วยิ่งกว่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศซึ่งสร้างความฮือฮาเรื่องการยกอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัด ยกให้เมืองซิดนีย์เป็นประเทศ และอะไรที่ทำให้ต้องทนต่อความอดสู มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ เป็นลักษณะไม่ยอมคน เถียงฉอดๆ ชนิดคำไม่ตกฟาก และยังมีท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงท้วงติง ไม่แยแสทั้งที่เป็นความผิดพลาด การที่กล่าวกับคณะทูตด้วยคำว่า "You guys" ถือว่าเป็นสุดยอดของความไม่รู้เรื่อง ขาดการศึกษา ประเภทที่ว่าต่อให้ยกขบวนการขี้ข้ามาแก้ต่างให้ก็คงไม่ไหว แสดงว่ามาดามไม่รู้อะไรจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาคงหลงระเริงกับชีวิตของลูกสาวคนรวยหลายพันล้านหรือมากกว่านั้น เสียงแว่วลือลั่นว่า นางใช้เงินช็อปปิ้งสัปดาห์ละ 5 ล้านบาท ก็คงไม่เกินจริง ดูชุดสวมใส่แต่ละวันพร้อมเครื่องประดับก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับล้านบาท แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเงินหาง่ายสำหรับตระกูลนี้ ยิ่งมีเงินก็ยิ่งงอกเงย ทั้งมีอำนาจก็เร่งการงอกของเงินจากหลายแหล่ง ไม่อย่างนั้นจะมีขบวนการขี้ข้า เป็นตัวประดับ เดินตามก้นกุมเป้าพินอบพิเทา ถ้าสั่งให้หามไปบนเสลี่ยงก็คงแย่งกันทำเอาหน้า เพื่อยกระดับขี้ข้าซึ่งมีต่างกัน มาดามจะรู้ตัวหรือไม่ว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกจะรู้สึกอับอายขายหน้าทั้งประเทศเพราะมีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ไร้เดียงสาด้อยความรู้ความสามารถ มีอย่างเดียวคือความถือดี ไม่ฟังใคร ไม่สนใจ อาจจะไม่เห็นหัวคน มองว่าเป็นขี้ข้า ไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะ "ต้องทน" กับ "ความอัปยศ" เพราะมีผู้นำที่ด้อยความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นตัวประหลาดในงานประชุมระดับนานาชาติ พ่อแม่ของเธอไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอที่ลูกสาวสุดที่รักถูกเยาะเย้ยถากถางเพราะความไม่ประสีประสาและมีพฤติกรรมสร้างความขบขันที่คนไทยหัวเราะไม่ออก เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างเลือดเย็นที่สุด แม้แต่ประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนามีประชากรไม่กี่หมื่นคน หาบนแผนที่โลกแทบไม่เจอ ก็ยังสามารถหาผู้นำที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วประชาชนไม่ต้องทนอับอาย แต่ประเทศไทยมีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน ต้องทนกับระบบการเมืองที่มีโครงสร้างไม่เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถได้เป็นผู้นำ ทั้งที่มีความได้เปรียบหลายประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากอันดับหนึ่งของโลก แต่ดันมีผู้นำอายุน้อยที่สุด และสร้างความขายหน้าที่สุด นี่ยังไม่ถึงสองเดือน ถ้าจะต้องทนถึงสิ้นปี ยังไม่รู้ว่าโรงงานทำปี๊บจะมีพอขายหรือไม่ คงต้องเอาถุงปุ๋ยหรือถุงดำแทน ยังดีที่กระบวนการทางกฎหมายค้างคาอยู่หลายเรื่องเพื่อจะตัดต่อความเป็นผู้นำของมาดาม รวมถึงความลำพองและอำนาจของบิดา อดีตนักโทษที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว ทั้งหมดนี้คงเป็นกรรมไล่ตาม จะถึงพ่อหรือถึงลูกก่อนก็ยังต้องรอดู ความเป็นจริงก็คือลูกคนที่พ่อรักที่สุดจะต้องเจ็บปวดที่สุดเพราะความไม่รู้จักพอและความหลงในอำนาจ ยิ่งมาดามเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ทำให้การเร่งสภาวะหายนะให้เกิดขึ้นพร้อมกับกรรมเก่าที่ทำไว้กับประเทศชาติซึ่งถูกกอบโกยความมั่งคั่งทางด้านดีและระบบทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งพ่อและลูกรวมทั้งสาแหรกสมาชิกตระกูลจะรู้หรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง เท่าที่ผ่านมาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยังไม่สำนึก ยังดันทุรัง ทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกกฎหมาย ขบวนการขี้คุกและขี้ข้ารับใช้ช่วยกันเร่งความเสื่อมโทรมให้แผ่นดินนี้ พรรคร่วมรับประทานล้วนไร้จิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะตลอดชีวิตการเมืองอยู่ในระบบคอร์รัปชั่นและกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน อยากร่วมรัฐบาลทั้งที่รู้ว่าต้องมีความชั่วร้าย ต้องยอมรับระดับความไม่อาย ไม่ประมาณตน ไม่รู้ข้อจำกัดความรู้ความสามารถของตนเอง ถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้พยายามแทรกแผ่นดินหนีความอัปยศ เพราะแต่ละคนในตระกูลมีมลทินด่างพร้อยไม่มากก็น้อย ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินเครือข่าย ป่านนี้ติดคุกไปหลายรายเพราะพฤติกรรมนอกกฎหมาย จะเห็นได้จากจำนวนคนขี้ข้าขี้คุกในพรรคและยังคาคุกอยู่หลายคน ล้วนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบทั้งนั้น ยังดีแผ่นดินนี้แม้จะถูกคนชั่วร้ายหรือเครือข่ายทุรชนครอบงำ แต่ก็ไม่นานจนทำให้หายนะ แม้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมโครงสร้างทรุด ชาวบ้านยากจนถึงระดับอกไหม้ไส้ขม สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ก็หวังว่าต้องมีวันจบสิ้น ครั้งที่จะถึงนี้ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่สำหรับการสิ้นสุดของการครอบงำ การครอบครองอำนาจ และความหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ต้องรอดูการทำงานของกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญเวรกรรมมีจริง พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอบใหม่จะมาช้าหรือเร็ว คงไม่นานเกินรอ
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • มา สนามหลวง กับครอบครัว สักการะพระเขี้ยวแก้ว ไหว้ศาลหลักเมือง จากนั้น เรียก Bolt นั่งผ่านถนนพระอาทิตย์
    .
    เห็น สำนักบ้านพระอาทิตย์ นึกถึง ASTV - News1 นึกถึง คุณลุงสนธิ และ ทีมบ้านพระอาทิตย์ ทุกท่าน
    .
    ขอให้บุญที่ทำ กุศลที่มี ช่วยโอบอุ้ม ค้ำชู ทุกๆท่าน ให้มีควาสุขกายสุขใจ ยิ้มรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง...
    .
    ขอให้ คุณลุงโสภณ ไปสู่สุขคติ สุขแล้ว สุขอยู่ สุขต่อไป...
    .
    😊😊😊😊
    มา สนามหลวง กับครอบครัว สักการะพระเขี้ยวแก้ว ไหว้ศาลหลักเมือง จากนั้น เรียก Bolt นั่งผ่านถนนพระอาทิตย์ . เห็น สำนักบ้านพระอาทิตย์ นึกถึง ASTV - News1 นึกถึง คุณลุงสนธิ และ ทีมบ้านพระอาทิตย์ ทุกท่าน . ขอให้บุญที่ทำ กุศลที่มี ช่วยโอบอุ้ม ค้ำชู ทุกๆท่าน ให้มีควาสุขกายสุขใจ ยิ้มรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง... . ขอให้ คุณลุงโสภณ ไปสู่สุขคติ สุขแล้ว สุขอยู่ สุขต่อไป... . 😊😊😊😊
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • เพิ่งได้รับหนังสือ"โสภณ องค์การณ์ คนข่าวตัวจริง" ยังระลึกถึงอยู่เสมอมิเสื่อมคลาย..💖📝🗞
    เพิ่งได้รับหนังสือ"โสภณ องค์การณ์ คนข่าวตัวจริง" ยังระลึกถึงอยู่เสมอมิเสื่อมคลาย..💖📝🗞
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • "...นรชาติวางวาย​ มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
    สถิตทั่วแต่ชั่วดี​ ประดับไว้ในโลกา"

    เหลือเพียง​ "ตำนาน" ของ​ "คนจริง"
    นามว่า​ "โสภณ​ องค์การณ์"

    รีวิวซะหน่อย​ หนังสือรวมบทความของคุณโสภณ

    อ่านแล้วเห็นภาพรวมของการเมืองไทยและสถานการณ์ต่างประเทศในรอบ​ 10​ กว่าปีให้หลัง​ครอบคลุมยุค "นางโพยปูโพรกเน่าใน" จนถึงยุค​ ​"มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์" (ตามที่คุณโสภณเรียก)​

    เชื่อเลยครับ​ วางไม่ลง อ่านจบในคืนเดียว!
    "...นรชาติวางวาย​ มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี​ ประดับไว้ในโลกา" เหลือเพียง​ "ตำนาน" ของ​ "คนจริง" นามว่า​ "โสภณ​ องค์การณ์" รีวิวซะหน่อย​ หนังสือรวมบทความของคุณโสภณ อ่านแล้วเห็นภาพรวมของการเมืองไทยและสถานการณ์ต่างประเทศในรอบ​ 10​ กว่าปีให้หลัง​ครอบคลุมยุค "นางโพยปูโพรกเน่าใน" จนถึงยุค​ ​"มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์" (ตามที่คุณโสภณเรียก)​ เชื่อเลยครับ​ วางไม่ลง อ่านจบในคืนเดียว!
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ
    เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
    .
    สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย
    .
    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
    11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    .
    Cr : MGR Infographics
    .
    .
    #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14 . วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป . สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย . 1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร . Cr : MGR Infographics . . #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    Like
    5
    0 Comments 1 Shares 736 Views 0 Reviews
  • ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่

    ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่

    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ

    โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย 

    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์

    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

    3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 

    4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่

    11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

    ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 

    สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย

    ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้
    คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร
    ............
    Sondhi X
    ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่ ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่ วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย  1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่  สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้ คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 874 Views 0 Reviews
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 Comments 0 Shares 791 Views 0 Reviews
  • สั่งซื้อหนังสือพี่โสได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

    ข้อมูลจาก : FB สนพ.บ้านพระอาทิตย์ https://www.facebook.com/BaanPhraAthit

    🖋️ บันทึกงานเขียนในช่วง 15 ปี พร้อมผลงานชิ้นสุดท้าย
    #โสภณ องค์การณ์ : คนข่าวตัวจริง
    สนธิ ลิ้มทองกุล คำนิยม

    🟤 จองด่วน พิมพ์จำนวนจำกัดตามยอดจอง
    พิเศษสุดเพียง 80 บาท (พร้อมส่งฟรี)

    ⚪️ Line@ >> https://line.me/R/ti/p/%40baan_athit
    ⚪️ FB >> https://m.me/BaanPhraAthit
    ⚪️ Web >> https://www.baanphraathit.com/p/282
    ▪️ Shopee >> https://th.shp.ee/jtYVys8
    ▪️ Lazada >> https://s.lazada.co.th/s.IyEAh
    ▪️ Line Shopping >> https://shop.line.me/@baan_athit/product/1006993860
    #รับหนังสือตั้งแต่ 20 ธันวา เป็นต้นไป
    สั่งซื้อหนังสือพี่โสได้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ ข้อมูลจาก : FB สนพ.บ้านพระอาทิตย์ https://www.facebook.com/BaanPhraAthit 🖋️ บันทึกงานเขียนในช่วง 15 ปี พร้อมผลงานชิ้นสุดท้าย #โสภณ องค์การณ์ : คนข่าวตัวจริง สนธิ ลิ้มทองกุล คำนิยม 🟤 จองด่วน พิมพ์จำนวนจำกัดตามยอดจอง พิเศษสุดเพียง 80 บาท (พร้อมส่งฟรี) ⚪️ Line@ >> https://line.me/R/ti/p/%40baan_athit ⚪️ FB >> https://m.me/BaanPhraAthit ⚪️ Web >> https://www.baanphraathit.com/p/282 ▪️ Shopee >> https://th.shp.ee/jtYVys8 ▪️ Lazada >> https://s.lazada.co.th/s.IyEAh ▪️ Line Shopping >> https://shop.line.me/@baan_athit/product/1006993860 #รับหนังสือตั้งแต่ 20 ธันวา เป็นต้นไป
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 Reviews
  • ขอบคุณทีมงาน​ #News1​ สำหรับ​ Playlist​ ของคุณ​โสภณ​ค่ะ​ จริงๆก็ดูมาหมดแล้วเพราะตามคุณโสภณ​มาตลอด​ แต่ก็ดีใจที่มารวมอยู่ในที่เดียว​ ​

    https://youtube.com/playlist?list=PLD5nN9E_Vt6iuhFrpu8TmDc0iJHAycIqm&si=Bv5oHd4On_wti6td
    ขอบคุณทีมงาน​ #News1​ สำหรับ​ Playlist​ ของคุณ​โสภณ​ค่ะ​ จริงๆก็ดูมาหมดแล้วเพราะตามคุณโสภณ​มาตลอด​ แต่ก็ดีใจที่มารวมอยู่ในที่เดียว​ ​ https://youtube.com/playlist?list=PLD5nN9E_Vt6iuhFrpu8TmDc0iJHAycIqm&si=Bv5oHd4On_wti6td
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย ที่ต้องการให้ยุติการฉีดวัคซีนโควิด19 มีดังนี้
    1.ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี
    2.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    3.อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    4.ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    5.หมอเดชา ศิริภัทร
    6.นพ.มนตรี เศรษฐบุตร
    7.นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์
    8.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ
    9.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา
    10.ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา
    11.ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล
    12.พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์
    13.พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์
    14.นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง
    15.พญ.สุภาพร มีลาภ
    16.นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์
    17.ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า
    18.นพ.วีระพล มงคลกุล
    19.ศ.นพ.อมร เปรมกมล
    20.ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​
    21.นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์
    22.พญ.นรากร ลีปรีชานนท์
    23.ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง
    24.พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง
    25.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์
    26.ทพญ.อัมพา ทองดี
    27.นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์
    28.พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์
    29.พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์
    30.ทพญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล
    31.นพ.ภาสิน เหมะจุฑา
    32.แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง
    33.พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์
    34.พท.วิชากร จันทรโคตร
    35.พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ
    36.พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล
    37.พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล
    38.พท.สุมนัสสา วาจรัต
    39.พท.นิสิริน ลอสวัสดิ์
    40.พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช
    41.ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล
    42.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข
    43.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข
    44.พว.ปาหนัน หวนไธสง
    45.พว.บัวบาน อาชาศรัย
    46.พว.ศิริรัตน์ คำไข
    47.พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์
    48.พว.สุภรณ์ บุหลัน
    49.พว.พิกุล เขื่อนคำ
    50.ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด)
    51.ภกญ.พรรณราย ชัยชมภู
    52.ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​
    53.ภก.นชน มาตรชัยสิงห์
    54.ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร
    55.ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว
    56.ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​
    57.อสม.วิจิตรา จันทร์สม
    58.ผู้ช่วยพยาบาลนพนันท์ จิตรตรง
    59.รุ่งทิพย์ อาจารยา
    60.เสียงเงิน สอนเย็น
    61.จินตนา เดชศร
    62.นวลละออ ศิโรรัตน์
    63.มริยาท สารทอง
    64.โชติกา ไทยฤทธิ์
    65.เพนนี แจนส์ซ
    66.พระอาจารย์พระมหาขวัญชัย อัคคชโย
    67.ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ
    68.ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ
    69.ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย
    70.ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล
    71.คุณโฉลก สัมพันธารักษ์
    72.คุณNatalie Proenca
    73.มล.รุ่งคุณ กิติยากร
    74.คุณอดิเทพ จาวลาห์
    และรายชื่อประชาชน(ข้อมูลต้นปี2566)จากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/.../1h1cE4qaAs062q.../edit...
    ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมในแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7
    รวบรวมโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย ที่ต้องการให้ยุติการฉีดวัคซีนโควิด19 มีดังนี้ 1.ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี 2.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง 3.อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 4.ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา 5.หมอเดชา ศิริภัทร 6.นพ.มนตรี เศรษฐบุตร 7.นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์ 8.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ 9.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา 10.ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา 11.ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล 12.พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ 13.พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์ 14.นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง 15.พญ.สุภาพร มีลาภ 16.นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์ 17.ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า 18.นพ.วีระพล มงคลกุล 19.ศ.นพ.อมร เปรมกมล 20.ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​ 21.นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์ 22.พญ.นรากร ลีปรีชานนท์ 23.ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง 24.พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง 25.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์ 26.ทพญ.อัมพา ทองดี 27.นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ 28.พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์ 29.พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์ 30.ทพญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล 31.นพ.ภาสิน เหมะจุฑา 32.แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง 33.พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์ 34.พท.วิชากร จันทรโคตร 35.พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ 36.พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล 37.พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล 38.พท.สุมนัสสา วาจรัต 39.พท.นิสิริน ลอสวัสดิ์ 40.พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช 41.ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล 42.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข 43.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข 44.พว.ปาหนัน หวนไธสง 45.พว.บัวบาน อาชาศรัย 46.พว.ศิริรัตน์ คำไข 47.พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์ 48.พว.สุภรณ์ บุหลัน 49.พว.พิกุล เขื่อนคำ 50.ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด) 51.ภกญ.พรรณราย ชัยชมภู 52.ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​ 53.ภก.นชน มาตรชัยสิงห์ 54.ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร 55.ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว 56.ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​ 57.อสม.วิจิตรา จันทร์สม 58.ผู้ช่วยพยาบาลนพนันท์ จิตรตรง 59.รุ่งทิพย์ อาจารยา 60.เสียงเงิน สอนเย็น 61.จินตนา เดชศร 62.นวลละออ ศิโรรัตน์ 63.มริยาท สารทอง 64.โชติกา ไทยฤทธิ์ 65.เพนนี แจนส์ซ 66.พระอาจารย์พระมหาขวัญชัย อัคคชโย 67.ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ 68.ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ 69.ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย 70.ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล 71.คุณโฉลก สัมพันธารักษ์ 72.คุณNatalie Proenca 73.มล.รุ่งคุณ กิติยากร 74.คุณอดิเทพ จาวลาห์ และรายชื่อประชาชน(ข้อมูลต้นปี2566)จากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/.../1h1cE4qaAs062q.../edit... ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมในแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7 รวบรวมโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 792 Views 0 Reviews
  • ภพชาติ …มีจริง บทความจากพระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)ภพชาติ มีจริง ชีวิตมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภพชาติก็มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากทำ พูด คิดบรรจุไว้ในจิต เมื่อร่างสลายตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่งให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายดีหรือไม่ดีต่างกันเมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้นทำงานได้ดีทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนาการระลึกชาติหรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใครถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดีเราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียใจ
    ภพชาติ …มีจริง บทความจากพระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)ภพชาติ มีจริง ชีวิตมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภพชาติก็มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากทำ พูด คิดบรรจุไว้ในจิต เมื่อร่างสลายตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่งให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายดีหรือไม่ดีต่างกันเมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้นทำงานได้ดีทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนาการระลึกชาติหรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใครถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดีเราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียใจ
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • ภพชาติ …มีจริง บทความจากพระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)ภพชาติ มีจริง ชีวิตมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภพชาติก็มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากทำ พูด คิดบรรจุไว้ในจิต เมื่อร่างสลายตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่งให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายดีหรือไม่ดีต่างกันเมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้นทำงานได้ดีทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนาการระลึกชาติหรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใครถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดีเราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียใจ
    ภพชาติ …มีจริง บทความจากพระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)ภพชาติ มีจริง ชีวิตมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภพชาติก็มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากทำ พูด คิดบรรจุไว้ในจิต เมื่อร่างสลายตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่งให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายดีหรือไม่ดีต่างกันเมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้นทำงานได้ดีทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนาการระลึกชาติหรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใครถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดีเราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียใจ
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • 11/11/67

    บ่อยครั้ง ในเวลาที่เรากรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ บางทีก็พระที่ไม่รู้เรื่อง หรือ อุบาสก อุบาสิกา ที่ไม่รู้ความถูกต้อง ก็มักจะแนะนำ ให้มีการแตะต่อๆกันจากคนแถวหน้าไปแถวหลัง

    สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ปัจจุบัน ท่านรับสั่งให้เลิกแตะต่อๆกันได้แล้ว ท่านว่า ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระสาสนโสภณ วัดโสมนัสฯ ท่านเคยดุลูกศิษย์ว่า

    " ให้เลิกแตะกันเป็นทอดๆกันซักที บุญกุศลในทางพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่กระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านมือ จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้ เพียงแค่นึกในใจ บุญกุศลก็เกิดแล้ว สำเร็จเป็นบุญแล้ว"

    สมเด็จฯ ท่านสอนไว้ จำไว้ก็ดี เพื่อเป็นศรีแก่ตน
    ไปไหน ๆ เวลา มีใคร กรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ ไม่ต้องแตะต่อๆกัน จะได้ไม่อาย ว่า เป็นชาวพุทธ กลับไม่รู้เรื่อง...

    บุญนั้น สำเร็จด้วยใจ มิใช่ สำเร็จด้วยการแตะมือ แตะของ หรือ แตะที่ร่างกายคนอื่น…มีใจร่วมอนุโมทนาสาธุ ในการกระทำนั้นๆ ก็สำเร็จเป็นบุญโดยสมบูรณ์แล้ว

    Cr. คณะกุฏิสัมพันธ์
    11/11/67 บ่อยครั้ง ในเวลาที่เรากรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ บางทีก็พระที่ไม่รู้เรื่อง หรือ อุบาสก อุบาสิกา ที่ไม่รู้ความถูกต้อง ก็มักจะแนะนำ ให้มีการแตะต่อๆกันจากคนแถวหน้าไปแถวหลัง สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ปัจจุบัน ท่านรับสั่งให้เลิกแตะต่อๆกันได้แล้ว ท่านว่า ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระสาสนโสภณ วัดโสมนัสฯ ท่านเคยดุลูกศิษย์ว่า " ให้เลิกแตะกันเป็นทอดๆกันซักที บุญกุศลในทางพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่กระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านมือ จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้ เพียงแค่นึกในใจ บุญกุศลก็เกิดแล้ว สำเร็จเป็นบุญแล้ว" สมเด็จฯ ท่านสอนไว้ จำไว้ก็ดี เพื่อเป็นศรีแก่ตน ไปไหน ๆ เวลา มีใคร กรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ ไม่ต้องแตะต่อๆกัน จะได้ไม่อาย ว่า เป็นชาวพุทธ กลับไม่รู้เรื่อง... บุญนั้น สำเร็จด้วยใจ มิใช่ สำเร็จด้วยการแตะมือ แตะของ หรือ แตะที่ร่างกายคนอื่น…มีใจร่วมอนุโมทนาสาธุ ในการกระทำนั้นๆ ก็สำเร็จเป็นบุญโดยสมบูรณ์แล้ว Cr. คณะกุฏิสัมพันธ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • 'กมธ.มั่นคง' กุมขมับ หน่วยงานรัฐตีกรรเชียง ไม่ให้ข้อมูลกรณีชั้น 14
    .
    การสืบสาวราวของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่พักพิงแทนเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการฯ ใกล้เคียงกับคำว่าคว้าน้ำเหลวเข้าไปทุกที
    .
    ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือแม้แต่บุคคลสำคัญอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯคาดว่าจะมาให้ข้อมูล สุดท้ายคดีพลิก เนื่องจากไม่ได้มาร่วมประชุมแต่อย่างใด
    .
    นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า ตลอดการทำหน้าที่ของประธาน กมธ. 53 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการน้อยที่สุด และหน่วยงานราชการไม่อยากจะตอบอะไร ทำให้ความสงสัยของสังคมกรณีชั้น 14 ก็คงจะต้องมีอยู่ต่อไป
    .
    "ความจำเป็นที่จะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป ตนเชื่อว่า ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องมีส่วนช่วยให้กระบวนการยุติธรรมของเราได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายรังสิมันต์ ระบุ
    .
    ขณะที่ การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีเพียงการมาให้ข้อมูลของอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่าง พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอดีตนายตำรวจรายนี้ แจ้งเพียงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย โดยส่วนตัวเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดนายทักษิณ ส่วนนายทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ
    ..............
    Sondhi X
    'กมธ.มั่นคง' กุมขมับ หน่วยงานรัฐตีกรรเชียง ไม่ให้ข้อมูลกรณีชั้น 14 . การสืบสาวราวของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นที่พักพิงแทนเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการฯ ใกล้เคียงกับคำว่าคว้าน้ำเหลวเข้าไปทุกที . ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือแม้แต่บุคคลสำคัญอย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. รวมไปถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯคาดว่าจะมาให้ข้อมูล สุดท้ายคดีพลิก เนื่องจากไม่ได้มาร่วมประชุมแต่อย่างใด . นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า ตลอดการทำหน้าที่ของประธาน กมธ. 53 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการน้อยที่สุด และหน่วยงานราชการไม่อยากจะตอบอะไร ทำให้ความสงสัยของสังคมกรณีชั้น 14 ก็คงจะต้องมีอยู่ต่อไป . "ความจำเป็นที่จะหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป ตนเชื่อว่า ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องมีส่วนช่วยให้กระบวนการยุติธรรมของเราได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายรังสิมันต์ ระบุ . ขณะที่ การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีเพียงการมาให้ข้อมูลของอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่าง พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่คณะกรรมาธิการฯก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก เนื่องจากอดีตนายตำรวจรายนี้ แจ้งเพียงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย โดยส่วนตัวเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดนายทักษิณ ส่วนนายทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 1000 Views 0 Reviews
  • 7/11/67

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109

    เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน

    1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส

    2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น

    3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย

    4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    7/11/67 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109 เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน 1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส 2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น 3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย 4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    0 Comments 0 Shares 658 Views 0 Reviews
  • บางทีก็อึดอัดใจที่จะพูดเรื่องนี้...
    .
    เวลาทางการร้องขอให้ออกมา ก็ยากเย็นแสนเข็ญ ต้องจ่ายเงินจ่ายทองให้...
    .
    บางคนกลับมาไทยแล้ว ก็บินกลับไปทำงานที่ อิสราเอล ใหม่อีก...
    .
    อันนี้ก็พอจะเข้าใจได้นะ เรื่องเงินเรื่องทอง ครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง เงินที่กู้เพื่อมาทำงานในต่างแดน ยังไงก็ต้องคืน...
    .
    แต่บางคน ผมยังเห็น มาคอมเมนท์ เชียร์ อิสราเอล ในคลิปข่าว ยูทูป ว่า ไม่มีอะไรเลย ปลอดภัยมาก เอาข่าวถูกโจมตีมาจากไหน...???
    .
    บางคนก็เชียร์ อิสราเอล ให้ฆ่า พวกมุสลิม ให้หมด...
    .
    ไม่พอ บางพวกได้ข่าวว่า ไปทำงาน อะไรซักอย่าง ถือปืนด้วย นี่ข่าวจากฝั่ง ฮามาส เขามองเรานะ ก็ไม่รู้หรอกว่า เข้าใจผิดกันรึเปล่า...
    .
    ถ้าจำไม่ผิดนะ ลุงโสภณ ก็เคยพูดประเด็นนี้...
    .
    แล้ว รัฐบาลไทย ก็สนับสนุนจังเลย...
    .
    ให้คนไทยไปทำงานที่ อิสราเอล เป็นหมื่นๆคน...
    .
    แล้ว เขาเอาคนไทยไปอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็น บัฟเฟอร์โซน ระหว่าง เขตแดนที่ ยิวไซออนิสต์ ไปยึดพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ มา แล้วมาตั้งชุมชน ทำการเกษตรเอย อะไรเอย...
    .
    พูดง่ายๆ เขาเอาคนไทย ไปเป็นโล่มนุษย์อ่ะ ถ้า ฮามาส ยิงมา คนไทย จะตายก่อน ยิว อะไรทำนองนี้...
    .
    บ่นๆๆ...😓😓😓😓
    .
    ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วยครับ...
    บางทีก็อึดอัดใจที่จะพูดเรื่องนี้... . เวลาทางการร้องขอให้ออกมา ก็ยากเย็นแสนเข็ญ ต้องจ่ายเงินจ่ายทองให้... . บางคนกลับมาไทยแล้ว ก็บินกลับไปทำงานที่ อิสราเอล ใหม่อีก... . อันนี้ก็พอจะเข้าใจได้นะ เรื่องเงินเรื่องทอง ครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง เงินที่กู้เพื่อมาทำงานในต่างแดน ยังไงก็ต้องคืน... . แต่บางคน ผมยังเห็น มาคอมเมนท์ เชียร์ อิสราเอล ในคลิปข่าว ยูทูป ว่า ไม่มีอะไรเลย ปลอดภัยมาก เอาข่าวถูกโจมตีมาจากไหน...??? . บางคนก็เชียร์ อิสราเอล ให้ฆ่า พวกมุสลิม ให้หมด... . ไม่พอ บางพวกได้ข่าวว่า ไปทำงาน อะไรซักอย่าง ถือปืนด้วย นี่ข่าวจากฝั่ง ฮามาส เขามองเรานะ ก็ไม่รู้หรอกว่า เข้าใจผิดกันรึเปล่า... . ถ้าจำไม่ผิดนะ ลุงโสภณ ก็เคยพูดประเด็นนี้... . แล้ว รัฐบาลไทย ก็สนับสนุนจังเลย... . ให้คนไทยไปทำงานที่ อิสราเอล เป็นหมื่นๆคน... . แล้ว เขาเอาคนไทยไปอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็น บัฟเฟอร์โซน ระหว่าง เขตแดนที่ ยิวไซออนิสต์ ไปยึดพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ มา แล้วมาตั้งชุมชน ทำการเกษตรเอย อะไรเอย... . พูดง่ายๆ เขาเอาคนไทย ไปเป็นโล่มนุษย์อ่ะ ถ้า ฮามาส ยิงมา คนไทย จะตายก่อน ยิว อะไรทำนองนี้... . บ่นๆๆ...😓😓😓😓 . ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วยครับ...
    2 พฤศจิกายน 2567-รายงานผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า นายมาริษ​ เสงี่ยมพงษ์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ​ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุยิงจรวดเข้าไปในเขตประเทศอิสราเอล และทำให้คนไทยเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย โดยขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ​ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่เริ่มมีความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างยิ่งที่จะชะลอการเดินทางของแรงงานไทยไปยังภูมิภาคดังกล่าว และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เข้าใจดีว่าการเข้าไปทำงานของแรงงานไทยเพราะต้องการมีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า​ แต่อยากจะขอความร่วมมือทุกภาคส่วนรวมทั้งประชาชนชาวไทยว่า​ ณ​ ขณะนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางไม่ใช่สถานการณ์ธรรมดา แต่มีความขัดแย้งรุนแรง ดังนั้นขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายและประชาชนไม่เดินทางไปยังประเทศอิสราเอลและภูมิภาคตะวันออกกลาง

    https://mgronline.com/politics/detail/9670000105596#google_vignette

    #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    "มาริษ" เผยไทยประท้วงอิสราเอล นำแรงงานเข้าพื้นที่เสี่ยงภัย เป็นเหตุเสียชีวิต 4 ราย
    มาริษ เผยไทยประท้วงอิสราเอล เหตุนำแรงงานเข้าพื้นที่เสี่ยงภัย เป็นเหตุให้คนไทยเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย วอนยับยั้งชั่งใจ เตือนคนไทยเลี่ยงเดินทางอิสราเอล-ตะวันออกกลาง
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,566
    วันเสาร์: ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (2 November 2024)

    Photo Album Set 2/2
    ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท
    11. วัดป่ามีสัทธรรม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67)
    12. วัดป่าญาณรังสี อ.จุน จ.พะเยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67)
    13. วัดป่าพระสาสนโสภณ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67)
    14. วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67)
    15. วัดป่าแสนสบาย อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ
    (ทอดกฐินสามัคคี 07 พ.ย.67)
    16. วัดดงสระแก้ว อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    17. วัดแม่กาโทกหวาก อ.เมือง จ.พะเยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    18. วัดสว่างไพรงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    19. วัดหนองตะโก อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    20. วัดสระดู่ อ.หันคา จ.ชัยนาท
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 102 วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,566 วันเสาร์: ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (2 November 2024) Photo Album Set 2/2 ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท 11. วัดป่ามีสัทธรรม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67) 12. วัดป่าญาณรังสี อ.จุน จ.พะเยา (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67) 13. วัดป่าพระสาสนโสภณ อ.เมือง จ.นครราชสีมา (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67) 14. วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67) 15. วัดป่าแสนสบาย อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ (ทอดกฐินสามัคคี 07 พ.ย.67) 16. วัดดงสระแก้ว อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 17. วัดแม่กาโทกหวาก อ.เมือง จ.พะเยา (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 18. วัดสว่างไพรงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 19. วัดหนองตะโก อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 20. วัดสระดู่ อ.หันคา จ.ชัยนาท (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 102 วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,566
    วันเสาร์: ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (2 November 2024)

    Photo Album Set 2/2
    ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท
    11. วัดป่ามีสัทธรรม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
    (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67)
    12. วัดป่าญาณรังสี อ.จุน จ.พะเยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67)
    13. วัดป่าพระสาสนโสภณ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67)
    14. วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67)
    15. วัดป่าแสนสบาย อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ
    (ทอดกฐินสามัคคี 07 พ.ย.67)
    16. วัดดงสระแก้ว อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    17. วัดแม่กาโทกหวาก อ.เมือง จ.พะเยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    18. วัดสว่างไพรงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    19. วัดหนองตะโก อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    20. วัดสระดู่ อ.หันคา จ.ชัยนาท
    (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 102 วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,566 วันเสาร์: ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (2 November 2024) Photo Album Set 2/2 ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท 11. วัดป่ามีสัทธรรม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67) 12. วัดป่าญาณรังสี อ.จุน จ.พะเยา (ทอดกฐินสามัคคี 05 พ.ย.67) 13. วัดป่าพระสาสนโสภณ อ.เมือง จ.นครราชสีมา (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67) 14. วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 06 พ.ย.67) 15. วัดป่าแสนสบาย อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ (ทอดกฐินสามัคคี 07 พ.ย.67) 16. วัดดงสระแก้ว อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 17. วัดแม่กาโทกหวาก อ.เมือง จ.พะเยา (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 18. วัดสว่างไพรงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 19. วัดหนองตะโก อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) 20. วัดสระดู่ อ.หันคา จ.ชัยนาท (ทอดกฐินสามัคคี 08 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 102 วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ลุงโสภณ เคยเสนอไว้ ให้เอา "โมเดล ราชปักษา" มาใช้กับพวก "ขายชาติ"
    .
    ให้ประชาชนเตรียม ชุดว่ายน้ำไว้ ไปเล่นสระว่ายน้ำหน้าบ้านพวก ขายชาติ ซะเลย...
    .
    ✊✊✊✊
    .
    "โมเดล ราชปักษา" = โมเดล ที่ใช้ โค่นล้ม ตระกูล ราชปักษา ที่ครองอำนาจบริหารประเทศ ใน ประเทศ ศรีลังกา
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=xGaB6pexG4M
    ลุงโสภณ เคยเสนอไว้ ให้เอา "โมเดล ราชปักษา" มาใช้กับพวก "ขายชาติ" . ให้ประชาชนเตรียม ชุดว่ายน้ำไว้ ไปเล่นสระว่ายน้ำหน้าบ้านพวก ขายชาติ ซะเลย... . ✊✊✊✊ . "โมเดล ราชปักษา" = โมเดล ที่ใช้ โค่นล้ม ตระกูล ราชปักษา ที่ครองอำนาจบริหารประเทศ ใน ประเทศ ศรีลังกา . https://www.youtube.com/watch?v=xGaB6pexG4M
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • จาก ลุงสนธิ ถึง ลุงโสภณ...


    https://youtu.be/_7Ca5JN6aQs?si=0Ll3dbvbzbxplwQs
    จาก ลุงสนธิ ถึง ลุงโสภณ... https://youtu.be/_7Ca5JN6aQs?si=0Ll3dbvbzbxplwQs
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • RIP คุณโสภณ ครับ
    ผมฟังคุณอาลอดๆ
    RIP คุณโสภณ ครับ ผมฟังคุณอาลอดๆ
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • "คนโค้ชแห่งชีวิตติดดินเพื่อสังคม" มีความหมายว่าเราต้องการทำเรื่องนี้ในบั้นปลายของชีวิต ตามเหตุปัจจัยแห่งปัจจุบันและจะสืบต่อไปสู่อนาคตทั้งใกล้และไกล เฉพาะหน้างานฌาปนกิจคุณโสภณองค์การผมได้ไปร่วมช่วงท้าย พี่โสภณเป็นสื่อมวลชนปฏิวัติทุ่มเทความคิดหลากหลายสิ่งอย่างไปในอาชีพสื่อสารมวลชนที่ให้ความรู้ที่แท้จริงถูกต้องอย่างเหมาะสมเต็มความสามารถในอนาคตถ้าสังคมวิวัฒนาการไปตามความคิดของคุณโสภณบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างมากมายสรุปว่าเป็นสื่อมวลชนปฏิวัติ เป็นอริยบุคคล เพราะมีวัดปฏิบัติที่ดีไม่มีเรื่องเสียหายมีจิตวิญญาณเพื่อส่วนรวม ขอให้เราร่วมเรียนรู้การพัฒนาการทั้งด้านลึกด้านกว้างด้านความละเอียดของเหตุปัจจัยการพัฒนาการของพี่โสภณที่หล่อๆจนมาเกิดพัฒนามาเป็นตัวตนณปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านสามารถนำมาประกอบสร้างเป็นเหตุปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงตนเองและเรียนรู้จักหลากหลายท่านบูรณาการมาร่วมเป็นเหตุปัจจัยต่อวิธีดำเนินชีวิตสร้างองค์รวมของชีวิตขึ้นมาใหม่ไม่หยุดยั้งเรียนรู้กระตือรือร้นฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่พี่โสภณพัฒนามาขอให้การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นองค์รวมแห่งเอดส์ปัจจัยทำให้เราได้ศึกษาชีวิตของพี่โสภณสื่อมวลชนปฏิวัติอริยบุคคลที่จะเป็นอมตะไปตลอดเป็นไอดอลในเรื่องต่างๆและเป็นบุคคลให้เรียนรู้ได้นับเป็นโอกาสทองที่ดีเป็นแรงบันดาลใจเป็นความเสียใจเป็นการสูญเสียทำให้มันมีค่ายิ่งขอให้ทุกท่านลงลึกเรียนรู้ชีวิตจริงในอดีตของพี่โสภณองค์การทั้งอาชีพสื่อมวลชนและทุกอาชีพนำมาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมจากชีวิตจริงของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในด้านสื่อสารมวลชนปฏิวัติอริยบุคคลผมขอเสนอความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันเท่านี้ก่อนขอให้เกิดแรงบันดาลใจสร้างเหตุปัจจัยที่ดีกับทุกคนตามความสามารถ
    "คนโค้ชแห่งชีวิตติดดินเพื่อสังคม" มีความหมายว่าเราต้องการทำเรื่องนี้ในบั้นปลายของชีวิต ตามเหตุปัจจัยแห่งปัจจุบันและจะสืบต่อไปสู่อนาคตทั้งใกล้และไกล เฉพาะหน้างานฌาปนกิจคุณโสภณองค์การผมได้ไปร่วมช่วงท้าย พี่โสภณเป็นสื่อมวลชนปฏิวัติทุ่มเทความคิดหลากหลายสิ่งอย่างไปในอาชีพสื่อสารมวลชนที่ให้ความรู้ที่แท้จริงถูกต้องอย่างเหมาะสมเต็มความสามารถในอนาคตถ้าสังคมวิวัฒนาการไปตามความคิดของคุณโสภณบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างมากมายสรุปว่าเป็นสื่อมวลชนปฏิวัติ เป็นอริยบุคคล เพราะมีวัดปฏิบัติที่ดีไม่มีเรื่องเสียหายมีจิตวิญญาณเพื่อส่วนรวม ขอให้เราร่วมเรียนรู้การพัฒนาการทั้งด้านลึกด้านกว้างด้านความละเอียดของเหตุปัจจัยการพัฒนาการของพี่โสภณที่หล่อๆจนมาเกิดพัฒนามาเป็นตัวตนณปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านสามารถนำมาประกอบสร้างเป็นเหตุปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงตนเองและเรียนรู้จักหลากหลายท่านบูรณาการมาร่วมเป็นเหตุปัจจัยต่อวิธีดำเนินชีวิตสร้างองค์รวมของชีวิตขึ้นมาใหม่ไม่หยุดยั้งเรียนรู้กระตือรือร้นฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่พี่โสภณพัฒนามาขอให้การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นองค์รวมแห่งเอดส์ปัจจัยทำให้เราได้ศึกษาชีวิตของพี่โสภณสื่อมวลชนปฏิวัติอริยบุคคลที่จะเป็นอมตะไปตลอดเป็นไอดอลในเรื่องต่างๆและเป็นบุคคลให้เรียนรู้ได้นับเป็นโอกาสทองที่ดีเป็นแรงบันดาลใจเป็นความเสียใจเป็นการสูญเสียทำให้มันมีค่ายิ่งขอให้ทุกท่านลงลึกเรียนรู้ชีวิตจริงในอดีตของพี่โสภณองค์การทั้งอาชีพสื่อมวลชนและทุกอาชีพนำมาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมจากชีวิตจริงของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในด้านสื่อสารมวลชนปฏิวัติอริยบุคคลผมขอเสนอความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันเท่านี้ก่อนขอให้เกิดแรงบันดาลใจสร้างเหตุปัจจัยที่ดีกับทุกคนตามความสามารถ
    0 Comments 1 Shares 155 Views 0 Reviews
  • เก็ท โสภณ โดนจำคุกเพิ่มอีก 2 ปีจากคดี 112 ที่ใส่ร้ายเรื่องวัคซีนโควิดและงบประมาณสถาบันรวมโทษจำคุก 3 คดี 8 ปี 6 เดือนแถมเดือนหน้ายังมีอีก 1 คดีคาดว่าติดคุกเกิน 10 ปีแน่นอน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เก็ทโสภณ
    เก็ท โสภณ โดนจำคุกเพิ่มอีก 2 ปีจากคดี 112 ที่ใส่ร้ายเรื่องวัคซีนโควิดและงบประมาณสถาบันรวมโทษจำคุก 3 คดี 8 ปี 6 เดือนแถมเดือนหน้ายังมีอีก 1 คดีคาดว่าติดคุกเกิน 10 ปีแน่นอน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #เก็ทโสภณ
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 488 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67
    .
    วันนี้ (30 ต.ค.) นอกจากเรื่อง "ทนายตั้ม" กับ "พี่อ้อย" ที่หลายท่านรอชมรอฟังแล้ว คุณสนธิจะมาพูดถึงเรื่องงานศพของ คุณโสภณ องค์การณ์ ที่เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพราะคุณโสภณเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน เคยทำงานร่วมกับสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในเครือ ASTV NEWS1-ผู้จัดการ และ The Nation ไม่ว่าจะเป็น คุณสุทธิชัย หยุ่น, คุณเทพชัย หย่อง, คุณสุภาพ คลี่ขจาย คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา, คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มาร่วมงานศพของพี่โสทั้งสิ้น ไม่นับรวมกับเพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาในแวดวงสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายคนเช่น คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นต้น
    .
    #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67 . วันนี้ (30 ต.ค.) นอกจากเรื่อง "ทนายตั้ม" กับ "พี่อ้อย" ที่หลายท่านรอชมรอฟังแล้ว คุณสนธิจะมาพูดถึงเรื่องงานศพของ คุณโสภณ องค์การณ์ ที่เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพราะคุณโสภณเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน เคยทำงานร่วมกับสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในเครือ ASTV NEWS1-ผู้จัดการ และ The Nation ไม่ว่าจะเป็น คุณสุทธิชัย หยุ่น, คุณเทพชัย หย่อง, คุณสุภาพ คลี่ขจาย คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา, คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มาร่วมงานศพของพี่โสทั้งสิ้น ไม่นับรวมกับเพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาในแวดวงสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายคนเช่น คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นต้น . #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Sad
    94
    4 Comments 5 Shares 5612 Views 4 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67
    .
    วันนี้ (30 ต.ค.) นอกจากเรื่อง "ทนายตั้ม" กับ "พี่อ้อย" ที่หลายท่านรอชมรอฟังแล้ว คุณสนธิจะมาพูดถึงเรื่องงานศพของ คุณโสภณ องค์การณ์ ที่เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพราะคุณโสภณเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน เคยทำงานร่วมกับสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในเครือ ASTV NEWS1-ผู้จัดการ และ The Nation ไม่ว่าจะเป็น คุณสุทธิชัย หยุ่น, คุณเทพชัย หย่อง, คุณสุภาพ คลี่ขจาย คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา, คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มาร่วมงานศพของพี่โสทั้งสิ้น ไม่นับรวมกับเพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาในแวดวงสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายคนเช่น คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นต้น
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=4HEOL_HcTio
    .
    #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 30-10-67 . วันนี้ (30 ต.ค.) นอกจากเรื่อง "ทนายตั้ม" กับ "พี่อ้อย" ที่หลายท่านรอชมรอฟังแล้ว คุณสนธิจะมาพูดถึงเรื่องงานศพของ คุณโสภณ องค์การณ์ ที่เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพราะคุณโสภณเป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน เคยทำงานร่วมกับสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในเครือ ASTV NEWS1-ผู้จัดการ และ The Nation ไม่ว่าจะเป็น คุณสุทธิชัย หยุ่น, คุณเทพชัย หย่อง, คุณสุภาพ คลี่ขจาย คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา, คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มาร่วมงานศพของพี่โสทั้งสิ้น ไม่นับรวมกับเพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ลูกหาในแวดวงสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกหลายคนเช่น คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นต้น . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=4HEOL_HcTio . #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    23
    0 Comments 2 Shares 1613 Views 0 Reviews
More Results