• นายกรัฐมนตรีพร้อมสามี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในวันปีใหม่ เผย ประทานพรให้แข็งแรง ดูแลบ้านเมืองให้สงบ บอกได้รับน้ำมนต์รู้สึกสบายใจ

    เช้าวันนี้(3 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และอาคารสัมฤทธิ์ ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ รับประทานพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และการทำงาน

    โดยนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงในเวลา 09.25 น. สวมชุดไทยเรือนต้น สีฟ้าคราม จากนั้นได้วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านข้างพระอุโบสถ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส ได้เข้ากราบสักการะ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่อาคารสัมฤทธิ์วิทยากร ก่อนเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระตำหนักอรุณ และสักการะพระประธานในพระอุโบสถ

    ต่อมาเวลา 10.20 น. นายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ประทานพร ขอให้สุขภาพแข็งแรง และขอให้ทำงานรักษาความสงบสุข ไม่อยากให้มีขึ้นๆ ลง ซึ่งเป็นความตั้งใจของตนอยู่แล้วที่อยากให้ประเทศชาติสงบสุข จึงรู้สึกสบายใจหลังได้รับน้ำมนต์ ซึ่งตนก็อยากให้สื่อเข้าไปรับน้ำมนต์ด้วยเพราะปีนี้ทำงานหนักมาด้วยกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000580

    #MGROnline #สมเด็จพระสังฆราชฯ
    นายกรัฐมนตรีพร้อมสามี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในวันปีใหม่ เผย ประทานพรให้แข็งแรง ดูแลบ้านเมืองให้สงบ บอกได้รับน้ำมนต์รู้สึกสบายใจ • เช้าวันนี้(3 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และอาคารสัมฤทธิ์ ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ รับประทานพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และการทำงาน • โดยนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงในเวลา 09.25 น. สวมชุดไทยเรือนต้น สีฟ้าคราม จากนั้นได้วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านข้างพระอุโบสถ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส ได้เข้ากราบสักการะ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่อาคารสัมฤทธิ์วิทยากร ก่อนเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระตำหนักอรุณ และสักการะพระประธานในพระอุโบสถ • ต่อมาเวลา 10.20 น. นายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ประทานพร ขอให้สุขภาพแข็งแรง และขอให้ทำงานรักษาความสงบสุข ไม่อยากให้มีขึ้นๆ ลง ซึ่งเป็นความตั้งใจของตนอยู่แล้วที่อยากให้ประเทศชาติสงบสุข จึงรู้สึกสบายใจหลังได้รับน้ำมนต์ ซึ่งตนก็อยากให้สื่อเข้าไปรับน้ำมนต์ด้วยเพราะปีนี้ทำงานหนักมาด้วยกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000580 • #MGROnline #สมเด็จพระสังฆราชฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11/11/67

    บ่อยครั้ง ในเวลาที่เรากรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ บางทีก็พระที่ไม่รู้เรื่อง หรือ อุบาสก อุบาสิกา ที่ไม่รู้ความถูกต้อง ก็มักจะแนะนำ ให้มีการแตะต่อๆกันจากคนแถวหน้าไปแถวหลัง

    สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ปัจจุบัน ท่านรับสั่งให้เลิกแตะต่อๆกันได้แล้ว ท่านว่า ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระสาสนโสภณ วัดโสมนัสฯ ท่านเคยดุลูกศิษย์ว่า

    " ให้เลิกแตะกันเป็นทอดๆกันซักที บุญกุศลในทางพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่กระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านมือ จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้ เพียงแค่นึกในใจ บุญกุศลก็เกิดแล้ว สำเร็จเป็นบุญแล้ว"

    สมเด็จฯ ท่านสอนไว้ จำไว้ก็ดี เพื่อเป็นศรีแก่ตน
    ไปไหน ๆ เวลา มีใคร กรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ ไม่ต้องแตะต่อๆกัน จะได้ไม่อาย ว่า เป็นชาวพุทธ กลับไม่รู้เรื่อง...

    บุญนั้น สำเร็จด้วยใจ มิใช่ สำเร็จด้วยการแตะมือ แตะของ หรือ แตะที่ร่างกายคนอื่น…มีใจร่วมอนุโมทนาสาธุ ในการกระทำนั้นๆ ก็สำเร็จเป็นบุญโดยสมบูรณ์แล้ว

    Cr. คณะกุฏิสัมพันธ์
    11/11/67 บ่อยครั้ง ในเวลาที่เรากรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ บางทีก็พระที่ไม่รู้เรื่อง หรือ อุบาสก อุบาสิกา ที่ไม่รู้ความถูกต้อง ก็มักจะแนะนำ ให้มีการแตะต่อๆกันจากคนแถวหน้าไปแถวหลัง สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ปัจจุบัน ท่านรับสั่งให้เลิกแตะต่อๆกันได้แล้ว ท่านว่า ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระสาสนโสภณ วัดโสมนัสฯ ท่านเคยดุลูกศิษย์ว่า " ให้เลิกแตะกันเป็นทอดๆกันซักที บุญกุศลในทางพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่กระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านมือ จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้ เพียงแค่นึกในใจ บุญกุศลก็เกิดแล้ว สำเร็จเป็นบุญแล้ว" สมเด็จฯ ท่านสอนไว้ จำไว้ก็ดี เพื่อเป็นศรีแก่ตน ไปไหน ๆ เวลา มีใคร กรวดน้ำ หรือ ถวายของพระ ไม่ต้องแตะต่อๆกัน จะได้ไม่อาย ว่า เป็นชาวพุทธ กลับไม่รู้เรื่อง... บุญนั้น สำเร็จด้วยใจ มิใช่ สำเร็จด้วยการแตะมือ แตะของ หรือ แตะที่ร่างกายคนอื่น…มีใจร่วมอนุโมทนาสาธุ ในการกระทำนั้นๆ ก็สำเร็จเป็นบุญโดยสมบูรณ์แล้ว Cr. คณะกุฏิสัมพันธ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว