• ✨รูปหล่อโบราณฐานสูง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ปีพ.ศ.2505 "เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก" ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวเมืองเพชรบูรณ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก เป็นที่ทราบกันดีว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบมีพุทธคุณเด่นแคล้วคลาด มหาอุตม์ ตลอดจนเมตตามหานิยม
    ✨รูปหล่อโบราณฐานสูง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ปีพ.ศ.2505 "เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก" ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวเมืองเพชรบูรณ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก เป็นที่ทราบกันดีว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบมีพุทธคุณเด่นแคล้วคลาด มหาอุตม์ ตลอดจนเมตตามหานิยม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครปฐม - ร้อนระอุ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ปล่อยคลิปอัดหนักคนดิสเครดิต ขณะที่ นายกสมาคมไวยาวัจกร ออกมาจวกไม่ยั้งเดินหน้าถามถึงกรณีล้มละลายแล้วใช้บัญชีผู้เป็นพ่อ เคยแจ้งมาก่อนรับบริจาคหรือไม่ และเคยมีการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ถึงแหล่งที่มารายได้ทั้งเงินบริจาค และการขายเสื้อหรือไม่

    กระแสความสนใจกรณี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม มีมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดข้อมูลว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งในโลกโซเชียลมีการถกเถียงแบ่งฝ่ายกันอย่างร้อนแรงทั้งในฝั่งผู้ที่เห็นด้วย และผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดจากคลิปที่ อ.เบียร์ ได้มีการตอบคำถามในคอมเมนต์ในเพจเรื่องเกี่ยวกับสังขารของพระเกจิอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้วแต่สรีระไม่เน่าเปื่อย ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ และมีการแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และได้ยกตัวอย่างเหมือนกับหมาที่ตายไปแล้วในต่างประเทศที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ทำให้เกิดกระแสแตกในความเห็นดังกล่าวออกเป็นสองทางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

    โดยในวันนี้ อ.เบียร์ ได้มีการโพสต์คลิปตอบโต้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าได้มีการสอนและยกตัวอย่างซึ่งอยากจะให้ไปชมคลิปทั้งหมดโดยภาพรวมในเรื่องดังกล่าว แต่ได้ติดใจในเรื่องของการที่มีคนนำเอกสารคดีดำคดีแดงที่ปรากฏชื่อตนถูกบังคับคดีพิทักษ์ทรัพย์และศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งได้เตรียมไว้ว่าจะแจ้งกับประชาชนและแฟนคลับอยู่แล้ว แต่มีคนจ้องนำมาเสนอเพื่อดิสเครดิตเสียก่อน โดยได้มีการพาดพิงไปถึงพระรูปหนึ่งว่าไม่มีความเป็นพระ เพราะเอาเรื่องเสียหายของคนอื่นไปเผยแพร่ โดยมีการเปิดเผยเลขที่คดีดำคดีแดง โดยไม่มีความเป็นพระ และมีคลิปหลายชุดที่ปรากฏตอบโต้ประเด็นดังกล่าวซึ่งยังมีบางส่วนได้ชี้แจงว่ามีคนที่อิจฉาจ้องจะดิสเครดิตตน ซึ่งได้เตรียมใจกับทีมงานมาก่อนแล้ว และก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่เป็นบทพิสูจน์ที่จะทำให้ตนผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ โดยยืนยันถึงความถูกต้องและชัดเจนกับการเปิดรับบริจาค ซึ่งสวนทางกับการเป็นบุคคลล้มละลายของตนว่าได้มีการดำเนินการที่ชัดเจนและไม่หวั่นแม้จะถูกตรวจสอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001345

    #MGROnline #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #คนตื่นธรรม
    นครปฐม - ร้อนระอุ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ปล่อยคลิปอัดหนักคนดิสเครดิต ขณะที่ นายกสมาคมไวยาวัจกร ออกมาจวกไม่ยั้งเดินหน้าถามถึงกรณีล้มละลายแล้วใช้บัญชีผู้เป็นพ่อ เคยแจ้งมาก่อนรับบริจาคหรือไม่ และเคยมีการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ถึงแหล่งที่มารายได้ทั้งเงินบริจาค และการขายเสื้อหรือไม่ • กระแสความสนใจกรณี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม มีมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดข้อมูลว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งในโลกโซเชียลมีการถกเถียงแบ่งฝ่ายกันอย่างร้อนแรงทั้งในฝั่งผู้ที่เห็นด้วย และผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดจากคลิปที่ อ.เบียร์ ได้มีการตอบคำถามในคอมเมนต์ในเพจเรื่องเกี่ยวกับสังขารของพระเกจิอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้วแต่สรีระไม่เน่าเปื่อย ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ และมีการแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และได้ยกตัวอย่างเหมือนกับหมาที่ตายไปแล้วในต่างประเทศที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ทำให้เกิดกระแสแตกในความเห็นดังกล่าวออกเป็นสองทางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา • โดยในวันนี้ อ.เบียร์ ได้มีการโพสต์คลิปตอบโต้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าได้มีการสอนและยกตัวอย่างซึ่งอยากจะให้ไปชมคลิปทั้งหมดโดยภาพรวมในเรื่องดังกล่าว แต่ได้ติดใจในเรื่องของการที่มีคนนำเอกสารคดีดำคดีแดงที่ปรากฏชื่อตนถูกบังคับคดีพิทักษ์ทรัพย์และศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งได้เตรียมไว้ว่าจะแจ้งกับประชาชนและแฟนคลับอยู่แล้ว แต่มีคนจ้องนำมาเสนอเพื่อดิสเครดิตเสียก่อน โดยได้มีการพาดพิงไปถึงพระรูปหนึ่งว่าไม่มีความเป็นพระ เพราะเอาเรื่องเสียหายของคนอื่นไปเผยแพร่ โดยมีการเปิดเผยเลขที่คดีดำคดีแดง โดยไม่มีความเป็นพระ และมีคลิปหลายชุดที่ปรากฏตอบโต้ประเด็นดังกล่าวซึ่งยังมีบางส่วนได้ชี้แจงว่ามีคนที่อิจฉาจ้องจะดิสเครดิตตน ซึ่งได้เตรียมใจกับทีมงานมาก่อนแล้ว และก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่เป็นบทพิสูจน์ที่จะทำให้ตนผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ โดยยืนยันถึงความถูกต้องและชัดเจนกับการเปิดรับบริจาค ซึ่งสวนทางกับการเป็นบุคคลล้มละลายของตนว่าได้มีการดำเนินการที่ชัดเจนและไม่หวั่นแม้จะถูกตรวจสอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001345 • #MGROnline #อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม #คนตื่นธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว