• แนวทางที่ถูกต้องในการรับรู้ความคิดขณะนั่งสมาธิ

    เมื่อคุณนั่งสมาธิและเกิดความคิดแทรกขึ้นมา มี 2 วิธีที่ใช้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับสมาธิของคุณและเป้าหมายในการปฏิบัติ

    1. ถ้าคุณเป็นมือใหม่หรือฝึกสมาธิในช่วงแรก

    ให้ "รับรู้" ว่ากำลังคิด แต่ไม่ต้องตามความคิดนั้นไป

    เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิด ให้ใช้สติ "รู้ว่ากำลังคิด" แล้วค่อยๆ ดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ

    ไม่ต้องกังวลว่าคิดเรื่องอะไร เพราะถ้าตามความคิดไป จะยิ่งฟุ้งซ่าน

    ใช้วิธีสังเกตว่า "ตอนนี้รู้สึกยังไง?" – ถ้ารู้สึกเครียดหรือฟุ้งซ่าน ให้ปรับลมหายใจให้ผ่อนคลาย


    ตัวอย่าง:

    เผลอคิดเรื่องงาน → รู้ทันว่า "คิดเรื่องงาน" → กลับมาที่ลมหายใจ

    เผลอคิดเรื่องอดีต → รู้ทันว่า "คิดถึงอดีต" → กลับมาที่ลมหายใจ


    2. ถ้าคุณมีสติและสมาธิมากขึ้นแล้ว

    สามารถ ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อศึกษาว่าความคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร

    ไม่ใช่การ "คิดต่อ" แต่เป็นการ "สังเกต" ความคิด เหมือนเป็นคนนอกที่ดูความคิดเคลื่อนไหว

    ดูว่า ความคิดไม่เที่ยง มันมาแล้วก็ไปเอง

    ถ้าเห็นว่าความคิดนั้นเกี่ยวกับอารมณ์สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ให้สังเกตต่อว่าอารมณ์นั้นก็เปลี่ยนไป


    ตัวอย่าง:

    นึกถึงอดีตที่ทำให้ทุกข์ → สังเกตว่าความทุกข์เกิดขึ้นอย่างไร → เห็นว่ามันอยู่ไม่นานและจางไปเอง

    คิดเรื่องอนาคตแล้วตื่นเต้น → สังเกตว่าความตื่นเต้นมาแล้วหายไปเอง



    ---

    สรุปแนวปฏิบัติที่เหมาะสม:

    ✔ มือใหม่: เมื่อรู้ว่าคิด ให้รับรู้ แล้วกลับมาที่ลมหายใจทันที
    ✔ ระดับกลางขึ้นไป: ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อเห็นว่ามันเกิดขึ้นและดับไปเอง
    ✔ ถ้าเริ่มฟุ้งมาก: ให้กลับมาสังเกตลมหายใจและความรู้สึก (สุข/ทุกข์)

    เป้าหมายสูงสุด:
    เห็นความคิดเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเรา แล้วจิตจะปล่อยวางได้ง่ายขึ้นเอง

    แนวทางที่ถูกต้องในการรับรู้ความคิดขณะนั่งสมาธิ เมื่อคุณนั่งสมาธิและเกิดความคิดแทรกขึ้นมา มี 2 วิธีที่ใช้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับสมาธิของคุณและเป้าหมายในการปฏิบัติ 1. ถ้าคุณเป็นมือใหม่หรือฝึกสมาธิในช่วงแรก ให้ "รับรู้" ว่ากำลังคิด แต่ไม่ต้องตามความคิดนั้นไป เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิด ให้ใช้สติ "รู้ว่ากำลังคิด" แล้วค่อยๆ ดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ ไม่ต้องกังวลว่าคิดเรื่องอะไร เพราะถ้าตามความคิดไป จะยิ่งฟุ้งซ่าน ใช้วิธีสังเกตว่า "ตอนนี้รู้สึกยังไง?" – ถ้ารู้สึกเครียดหรือฟุ้งซ่าน ให้ปรับลมหายใจให้ผ่อนคลาย ตัวอย่าง: เผลอคิดเรื่องงาน → รู้ทันว่า "คิดเรื่องงาน" → กลับมาที่ลมหายใจ เผลอคิดเรื่องอดีต → รู้ทันว่า "คิดถึงอดีต" → กลับมาที่ลมหายใจ 2. ถ้าคุณมีสติและสมาธิมากขึ้นแล้ว สามารถ ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อศึกษาว่าความคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร ไม่ใช่การ "คิดต่อ" แต่เป็นการ "สังเกต" ความคิด เหมือนเป็นคนนอกที่ดูความคิดเคลื่อนไหว ดูว่า ความคิดไม่เที่ยง มันมาแล้วก็ไปเอง ถ้าเห็นว่าความคิดนั้นเกี่ยวกับอารมณ์สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ให้สังเกตต่อว่าอารมณ์นั้นก็เปลี่ยนไป ตัวอย่าง: นึกถึงอดีตที่ทำให้ทุกข์ → สังเกตว่าความทุกข์เกิดขึ้นอย่างไร → เห็นว่ามันอยู่ไม่นานและจางไปเอง คิดเรื่องอนาคตแล้วตื่นเต้น → สังเกตว่าความตื่นเต้นมาแล้วหายไปเอง --- สรุปแนวปฏิบัติที่เหมาะสม: ✔ มือใหม่: เมื่อรู้ว่าคิด ให้รับรู้ แล้วกลับมาที่ลมหายใจทันที ✔ ระดับกลางขึ้นไป: ตามดูความคิดอย่างเป็นกลาง เพื่อเห็นว่ามันเกิดขึ้นและดับไปเอง ✔ ถ้าเริ่มฟุ้งมาก: ให้กลับมาสังเกตลมหายใจและความรู้สึก (สุข/ทุกข์) เป้าหมายสูงสุด: เห็นความคิดเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเรา แล้วจิตจะปล่อยวางได้ง่ายขึ้นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรักในสังสารวัฏ

    ในวัฏสงสาร ความรักเป็นเพียงสิ่งลวงที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ อนิจจัง และ ทุกขัง เพราะไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรักก็มักนำมาซึ่งความยึดมั่น และความยึดมั่นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์

    แม้รักแท้ดูเหมือนมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพราก ไม่ว่าจะด้วยความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือความตาย


    ---

    อริยสัจ 4 เบื้องต้น ผ่านอาการ "อกหัก"

    1. ทุกข์
    ทุกข์เกิดขึ้นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือการไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา
    ทุกข์ในอาการอกหัก คือ ความเศร้า ความว้าเหว่ และการถวิลหาความรักที่จากไป


    2. สมุทัย
    เหตุแห่งทุกข์ คือ ตัณหา (ความทะยานอยาก)
    เราอยากให้คนรักอยู่กับเรา อยากให้เขาทำให้เรามีความสุข อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามที่เราคาดหวัง


    3. นิโรธ
    ความดับทุกข์เกิดจากการปล่อยวาง ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง
    เมื่อเรามองเห็นทุกข์และสาเหตุอย่างแจ่มชัด เราจะค่อยๆ คลายความยึดติด และพบกับความสงบในใจ


    4. มรรค
    ทางสู่ความดับทุกข์ คือการเจริญ สติ และ สมาธิ

    พิจารณาอารมณ์และความคิดของตนเอง

    ฝึกสังเกตอาการยึดมั่นและปล่อยวาง

    ใช้ปัญญาเห็นว่า ความรักและความทุกข์ทั้งปวงเป็นของชั่วคราว





    ---

    วิธีเจริญสติ เพื่อปล่อยวางความรักที่พลัดพราก

    1. ดูใจตนเอง
    เมื่อเกิดความเศร้า ให้พิจารณาว่าอารมณ์นั้นเป็นเพียง สภาวะของจิต ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วมันจะผ่านไป


    2. เห็นอารมณ์ตามจริง
    มองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ความคิดถึงหรือความเศร้า เป็นเพียง "ปรากฏการณ์" ที่จิตปรุงแต่งขึ้น


    3. พิจารณาอนิจจัง
    ความรักที่เคยทำให้สุขใจ สุดท้ายก็กลายเป็นทุกข์ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง


    4. ฝึกปล่อยวาง

    ยอมรับว่า คนรักที่จากไป ไม่ได้เป็นของเรา

    เห็นว่าความยึดติดนั้นนำมาซึ่งความทุกข์





    ---

    จากความรัก สู่ความวิเวกอันสงบ

    เมื่อเราสามารถปล่อยวางความรักหรือความยึดมั่นได้ จิตใจจะเริ่มรู้สึกเบาสบาย และสงบเย็น นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือสิ่งใด

    จงฝึกเห็นความรักในฐานะธรรมชาติที่เกิดขึ้นและดับไป
    จงปลื้มใจในความวิเวก และค้นพบอิสรภาพทางใจแทน

    "เมื่อเราไม่ยึดติดในความรัก เราจะมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ตนเองได้"

    ความรักในสังสารวัฏ ในวัฏสงสาร ความรักเป็นเพียงสิ่งลวงที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ อนิจจัง และ ทุกขัง เพราะไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรักก็มักนำมาซึ่งความยึดมั่น และความยึดมั่นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ แม้รักแท้ดูเหมือนมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพราก ไม่ว่าจะด้วยความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือความตาย --- อริยสัจ 4 เบื้องต้น ผ่านอาการ "อกหัก" 1. ทุกข์ ทุกข์เกิดขึ้นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือการไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา ทุกข์ในอาการอกหัก คือ ความเศร้า ความว้าเหว่ และการถวิลหาความรักที่จากไป 2. สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ คือ ตัณหา (ความทะยานอยาก) เราอยากให้คนรักอยู่กับเรา อยากให้เขาทำให้เรามีความสุข อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามที่เราคาดหวัง 3. นิโรธ ความดับทุกข์เกิดจากการปล่อยวาง ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง เมื่อเรามองเห็นทุกข์และสาเหตุอย่างแจ่มชัด เราจะค่อยๆ คลายความยึดติด และพบกับความสงบในใจ 4. มรรค ทางสู่ความดับทุกข์ คือการเจริญ สติ และ สมาธิ พิจารณาอารมณ์และความคิดของตนเอง ฝึกสังเกตอาการยึดมั่นและปล่อยวาง ใช้ปัญญาเห็นว่า ความรักและความทุกข์ทั้งปวงเป็นของชั่วคราว --- วิธีเจริญสติ เพื่อปล่อยวางความรักที่พลัดพราก 1. ดูใจตนเอง เมื่อเกิดความเศร้า ให้พิจารณาว่าอารมณ์นั้นเป็นเพียง สภาวะของจิต ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วมันจะผ่านไป 2. เห็นอารมณ์ตามจริง มองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ความคิดถึงหรือความเศร้า เป็นเพียง "ปรากฏการณ์" ที่จิตปรุงแต่งขึ้น 3. พิจารณาอนิจจัง ความรักที่เคยทำให้สุขใจ สุดท้ายก็กลายเป็นทุกข์ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง 4. ฝึกปล่อยวาง ยอมรับว่า คนรักที่จากไป ไม่ได้เป็นของเรา เห็นว่าความยึดติดนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ --- จากความรัก สู่ความวิเวกอันสงบ เมื่อเราสามารถปล่อยวางความรักหรือความยึดมั่นได้ จิตใจจะเริ่มรู้สึกเบาสบาย และสงบเย็น นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือสิ่งใด จงฝึกเห็นความรักในฐานะธรรมชาติที่เกิดขึ้นและดับไป จงปลื้มใจในความวิเวก และค้นพบอิสรภาพทางใจแทน "เมื่อเราไม่ยึดติดในความรัก เราจะมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ตนเองได้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำถามนี้ชี้ให้เห็นว่า การแผ่เมตตาอย่างแท้จริงต้องเริ่มต้นจากใจที่สงบและเป็นสุขก่อน และไม่สามารถบังคับจิตใจให้เป็นสุขหรือเมตตาได้ทันทีหากยังมีโทสะหรือความเกลียดชังตกค้างอยู่ในใจ คุณอาจลองพิจารณาและปรับกระบวนการแผ่เมตตาให้ถูกต้องดังนี้:


    ---

    1. เริ่มต้นจากการ "รู้ตัวเอง"

    ก่อนจะแผ่เมตตา ให้ถามตัวเองก่อนว่า ใจเราสงบและเป็นสุขหรือยัง?

    หากใจยังร้อน ยังโกรธ หรือยังมีความไม่พอใจอยู่ อย่าเพิ่งพยายามแผ่เมตตา เพราะนั่นอาจกลายเป็นการ "แผ่ความร้อน" หรือ "แผ่ความทุกข์" ออกไปโดยไม่รู้ตัว


    แทนที่จะแผ่เมตตา ให้เริ่มด้วยการพิจารณา ความรู้สึกของตัวเอง ก่อน เช่น:

    ทำไมเราถึงโกรธหรือเกลียด?

    เรารู้สึกอย่างไรเมื่อโกรธ? ทุกข์ไหม?

    เมื่อเข้าใจว่าความโกรธทำให้เราทุกข์ เราจะเริ่มมีแรงจูงใจที่จะ "ปล่อยวาง" ความโกรธนั้น




    ---

    2. สร้างสุขในใจเป็นพื้นฐาน

    ก่อนแผ่เมตตา ให้ทำจิตใจตัวเองให้สงบและเป็นสุขด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น:

    การนั่งสมาธิและกำหนดลมหายใจเข้า-ออก

    การนึกถึงสิ่งดีๆ หรือคนที่เรารักและทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจ

    การระลึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เพื่อให้ใจสงบและมั่นคง


    เมื่อจิตใจเริ่มสงบและเป็นสุข คุณจะรู้สึก "พร้อมที่จะแผ่เมตตา" อย่างแท้จริง



    ---

    3. การแผ่เมตตาอย่างถูกต้อง

    การแผ่เมตตาเริ่มต้นจาก การส่งความสุขในใจออกไป ให้แก่ผู้อื่น ไม่ใช่เพียงการท่องบทสวดมนต์แบบกลไก

    หากยังมีความรู้สึกเกลียดชังอยู่ การแผ่เมตตาแบบเจาะจง (เช่น แผ่ให้คนที่เราเกลียด) อาจทำได้ยาก แนะนำให้เริ่มจาก:

    1. แผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน:

    อธิษฐานขอให้ตัวเองมีความสุข ปราศจากทุกข์ และหลุดพ้นจากความโกรธ



    2. แผ่เมตตาให้คนที่เรารัก:

    นึกถึงคนที่เรารักและรู้สึกดีด้วย เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท แล้วส่งความปรารถนาดีให้พวกเขา



    3. แผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดเป็นลำดับสุดท้าย:

    เมื่อใจเริ่มสงบและเบาลง ค่อยลองแผ่เมตตาให้คนที่เรามีปัญหาด้วย โดยไม่ต้องบังคับใจตัวเอง






    ---

    4. ฝึก "ปล่อยวาง" แทนการบังคับให้เมตตา

    หากยังแผ่เมตตาไม่ได้ ให้เริ่มด้วยการ "ไม่ยึดติด" กับความเกลียดก่อน

    แค่รู้ว่าเรายังเกลียดเขาอยู่ก็พอ ไม่ต้องพยายามบังคับตัวเองให้เมตตา

    ค่อยๆ ฝึกปล่อยวางความคิดลบ และบอกตัวเองว่า "การเกลียดเขาไม่ได้ทำให้เราเป็นสุข"




    ---

    5. สังเกตผลของการแผ่เมตตา

    การแผ่เมตตาที่ถูกต้องจะทำให้ ใจเราสงบและเบาสบายขึ้น

    หากแผ่เมตตาแล้วรู้สึกหนักใจหรือเกลียดมากขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะใจเรายังไม่พร้อม ให้กลับมาสงบจิตใจตัวเองก่อน


    เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ความโกรธหรือเกลียดที่มีต่อคนอื่นจะค่อยๆ ลดลงเอง โดยไม่ต้องเร่งรัด



    ---

    สรุป: แผ่เมตตาอย่างมีสุขเป็นทุน

    การแผ่เมตตาเริ่มต้นจาก การสร้างสุขในใจตัวเอง

    อย่าฝืนแผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดในทันที แต่ให้เริ่มจากการทำใจสงบ และแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน

    เมื่อทำบ่อยๆ ใจจะเริ่มปล่อยวางและรู้สึกเมตตาต่อผู้อื่นได้เองตามธรรมชาติ.


    คำถามนี้ชี้ให้เห็นว่า การแผ่เมตตาอย่างแท้จริงต้องเริ่มต้นจากใจที่สงบและเป็นสุขก่อน และไม่สามารถบังคับจิตใจให้เป็นสุขหรือเมตตาได้ทันทีหากยังมีโทสะหรือความเกลียดชังตกค้างอยู่ในใจ คุณอาจลองพิจารณาและปรับกระบวนการแผ่เมตตาให้ถูกต้องดังนี้: --- 1. เริ่มต้นจากการ "รู้ตัวเอง" ก่อนจะแผ่เมตตา ให้ถามตัวเองก่อนว่า ใจเราสงบและเป็นสุขหรือยัง? หากใจยังร้อน ยังโกรธ หรือยังมีความไม่พอใจอยู่ อย่าเพิ่งพยายามแผ่เมตตา เพราะนั่นอาจกลายเป็นการ "แผ่ความร้อน" หรือ "แผ่ความทุกข์" ออกไปโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะแผ่เมตตา ให้เริ่มด้วยการพิจารณา ความรู้สึกของตัวเอง ก่อน เช่น: ทำไมเราถึงโกรธหรือเกลียด? เรารู้สึกอย่างไรเมื่อโกรธ? ทุกข์ไหม? เมื่อเข้าใจว่าความโกรธทำให้เราทุกข์ เราจะเริ่มมีแรงจูงใจที่จะ "ปล่อยวาง" ความโกรธนั้น --- 2. สร้างสุขในใจเป็นพื้นฐาน ก่อนแผ่เมตตา ให้ทำจิตใจตัวเองให้สงบและเป็นสุขด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น: การนั่งสมาธิและกำหนดลมหายใจเข้า-ออก การนึกถึงสิ่งดีๆ หรือคนที่เรารักและทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจ การระลึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เพื่อให้ใจสงบและมั่นคง เมื่อจิตใจเริ่มสงบและเป็นสุข คุณจะรู้สึก "พร้อมที่จะแผ่เมตตา" อย่างแท้จริง --- 3. การแผ่เมตตาอย่างถูกต้อง การแผ่เมตตาเริ่มต้นจาก การส่งความสุขในใจออกไป ให้แก่ผู้อื่น ไม่ใช่เพียงการท่องบทสวดมนต์แบบกลไก หากยังมีความรู้สึกเกลียดชังอยู่ การแผ่เมตตาแบบเจาะจง (เช่น แผ่ให้คนที่เราเกลียด) อาจทำได้ยาก แนะนำให้เริ่มจาก: 1. แผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน: อธิษฐานขอให้ตัวเองมีความสุข ปราศจากทุกข์ และหลุดพ้นจากความโกรธ 2. แผ่เมตตาให้คนที่เรารัก: นึกถึงคนที่เรารักและรู้สึกดีด้วย เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท แล้วส่งความปรารถนาดีให้พวกเขา 3. แผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดเป็นลำดับสุดท้าย: เมื่อใจเริ่มสงบและเบาลง ค่อยลองแผ่เมตตาให้คนที่เรามีปัญหาด้วย โดยไม่ต้องบังคับใจตัวเอง --- 4. ฝึก "ปล่อยวาง" แทนการบังคับให้เมตตา หากยังแผ่เมตตาไม่ได้ ให้เริ่มด้วยการ "ไม่ยึดติด" กับความเกลียดก่อน แค่รู้ว่าเรายังเกลียดเขาอยู่ก็พอ ไม่ต้องพยายามบังคับตัวเองให้เมตตา ค่อยๆ ฝึกปล่อยวางความคิดลบ และบอกตัวเองว่า "การเกลียดเขาไม่ได้ทำให้เราเป็นสุข" --- 5. สังเกตผลของการแผ่เมตตา การแผ่เมตตาที่ถูกต้องจะทำให้ ใจเราสงบและเบาสบายขึ้น หากแผ่เมตตาแล้วรู้สึกหนักใจหรือเกลียดมากขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะใจเรายังไม่พร้อม ให้กลับมาสงบจิตใจตัวเองก่อน เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ความโกรธหรือเกลียดที่มีต่อคนอื่นจะค่อยๆ ลดลงเอง โดยไม่ต้องเร่งรัด --- สรุป: แผ่เมตตาอย่างมีสุขเป็นทุน การแผ่เมตตาเริ่มต้นจาก การสร้างสุขในใจตัวเอง อย่าฝืนแผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดในทันที แต่ให้เริ่มจากการทำใจสงบ และแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน เมื่อทำบ่อยๆ ใจจะเริ่มปล่อยวางและรู้สึกเมตตาต่อผู้อื่นได้เองตามธรรมชาติ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/1/68

    รูปนี้สุดยอดมาก! มันดูเหมือนคนกำลังอ่านหนังสือในน้ำ เมื่อคุณซูมเข้าไป คุณจะพบว่าไม่มีคน ไม่มีหนังสือ ไม่มีการอ่าน ทุกอย่างเป็นอนัตตา เมื่อไม่ยึดมั่นจิตจะปล่อยวาง
    22/1/68 รูปนี้สุดยอดมาก! มันดูเหมือนคนกำลังอ่านหนังสือในน้ำ เมื่อคุณซูมเข้าไป คุณจะพบว่าไม่มีคน ไม่มีหนังสือ ไม่มีการอ่าน ทุกอย่างเป็นอนัตตา เมื่อไม่ยึดมั่นจิตจะปล่อยวาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมคำคมของผม(ที่ผมแต่งขึ้น)ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งที่แต่งขึ้นมาใหม่ด้วย
    1. จงเป็นคนที่ต้องเป็น ไม่ใช่คนที่อยากเป็น เพราะเราไม่สามารถฝืนลิขิตฟ้า หรือ โชคชะตาได้หรอก
    1.1 ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา
    1.2 สูงสุด คืนสู่สามัญที่แท้จริง
    1.3 จิตวิญญาณแห่งความหวัง คือแสงแห่งความหวัง
    1.4 เจตจำนงบรรพชน
    2. รักแท้คือการไม่ผูกมัดกับคู่แท้ของเรา และเชื่อใจซึ่งกันและกัน
    2.1 คำว่า "รัก,ชอบ,หลง" นั้น มีความหมายที่แตกต่างกัน และลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้น จงใช้คำให้ถูกต้อง และพูดกับผู้อื่นอย่างระมัดระวังที่สุด(เพราะว่ามันอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ และส่งผลกระทบย้อนกลับมาถึงตัวผู้พูดเองอย่างร้ายกาจที่สุด)
    2.2 ในเมื่อเค้าไม่รักเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรถึงเค้าอีก
    2.3 จงรักคนที่รักเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก เพราะว่าคนที่เรารักนั้นเค้าอาจจะไม่ได้รักเราก็เป็นได้
    2.4 ปล่อยวางไปกับอดีตที่ผ่านมา แล้วจำเอาไว้เป็นบทเรียน และอย่าได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก
    2.5 จงมีความหวังและเฝ้ารอคนที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจจริง และอย่าได้ท้อถอยกับอุปสรรคจนกว่าจะได้พบกัน
    2.6 หมั่นทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แล้วจะสมหวังในความรัก ถึงแม้ว่าชาติภพนี้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับคนที่ใช่ แต่ก็จะเป็นใบเบิกทางให้ชาติภพหน้าให้เราได้พบเจอกับเค้าคนนั้น
    2.7 จงมีความรักอย่างซื่อสัตย์ ทั้งต่อกับตัวเอง และคนที่เรารัก รวมทั้งทุกคนด้วย
    3. คนชั่วมักจะจองเวร คนดีมักจะให้อภัย
    3.1 ค่าของคน อยู่ที่จิตวิญญาณ และคุณความดี ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
    3.5 ค่าของคน อยู่ที่ใด ค่าของคน อยู่ที่ใจ ใจที่ดี ก็เป็นสุข ใจที่ชั่ว ก็เป็นทุกข์ แล้วใจของคุณล่ะ เป็นเช่นไร
    3.6 ความจริงกับความฝันสามารถอยู่ด้วยกันได้ในบางเรื่อง แต่ความจริงกับความฝันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ในหลายเรื่อง
    3.4 จงมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
    3.5 มันยังไม่สายไปหรอก สำหรับการเริ่มต้นใหม่ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ มันก็คงจะยังไม่สายไป
    3.6 เงินมีไว้ใช้(ประโยชน์) ไม่ได้มีไว้เก็บ(ตระหนี่)
    รวมคำคมของผม(ที่ผมแต่งขึ้น)ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งที่แต่งขึ้นมาใหม่ด้วย 1. จงเป็นคนที่ต้องเป็น ไม่ใช่คนที่อยากเป็น เพราะเราไม่สามารถฝืนลิขิตฟ้า หรือ โชคชะตาได้หรอก 1.1 ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา 1.2 สูงสุด คืนสู่สามัญที่แท้จริง 1.3 จิตวิญญาณแห่งความหวัง คือแสงแห่งความหวัง 1.4 เจตจำนงบรรพชน 2. รักแท้คือการไม่ผูกมัดกับคู่แท้ของเรา และเชื่อใจซึ่งกันและกัน 2.1 คำว่า "รัก,ชอบ,หลง" นั้น มีความหมายที่แตกต่างกัน และลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้น จงใช้คำให้ถูกต้อง และพูดกับผู้อื่นอย่างระมัดระวังที่สุด(เพราะว่ามันอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ และส่งผลกระทบย้อนกลับมาถึงตัวผู้พูดเองอย่างร้ายกาจที่สุด) 2.2 ในเมื่อเค้าไม่รักเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรถึงเค้าอีก 2.3 จงรักคนที่รักเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก เพราะว่าคนที่เรารักนั้นเค้าอาจจะไม่ได้รักเราก็เป็นได้ 2.4 ปล่อยวางไปกับอดีตที่ผ่านมา แล้วจำเอาไว้เป็นบทเรียน และอย่าได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก 2.5 จงมีความหวังและเฝ้ารอคนที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจจริง และอย่าได้ท้อถอยกับอุปสรรคจนกว่าจะได้พบกัน 2.6 หมั่นทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แล้วจะสมหวังในความรัก ถึงแม้ว่าชาติภพนี้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับคนที่ใช่ แต่ก็จะเป็นใบเบิกทางให้ชาติภพหน้าให้เราได้พบเจอกับเค้าคนนั้น 2.7 จงมีความรักอย่างซื่อสัตย์ ทั้งต่อกับตัวเอง และคนที่เรารัก รวมทั้งทุกคนด้วย 3. คนชั่วมักจะจองเวร คนดีมักจะให้อภัย 3.1 ค่าของคน อยู่ที่จิตวิญญาณ และคุณความดี ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ 3.5 ค่าของคน อยู่ที่ใด ค่าของคน อยู่ที่ใจ ใจที่ดี ก็เป็นสุข ใจที่ชั่ว ก็เป็นทุกข์ แล้วใจของคุณล่ะ เป็นเช่นไร 3.6 ความจริงกับความฝันสามารถอยู่ด้วยกันได้ในบางเรื่อง แต่ความจริงกับความฝันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ในหลายเรื่อง 3.4 จงมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง 3.5 มันยังไม่สายไปหรอก สำหรับการเริ่มต้นใหม่ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ มันก็คงจะยังไม่สายไป 3.6 เงินมีไว้ใช้(ประโยชน์) ไม่ได้มีไว้เก็บ(ตระหนี่)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมเกี่ยวกับเรื่องของความรัก
    ในเมื่อเค้าไม่รักเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรถึงเค้าอีก
    จงรักคนที่รักเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก เพราะว่าคนที่เรารักนั้นเค้าอาจจะไม่ได้รักเราก็เป็นได้
    ปล่อยวางไปกับอดีตที่ผ่านมา แล้วจำเอาไว้เป็นบทเรียน และอย่าได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก
    จงมีความหวังและเฝ้ารอคนที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจจริง และอย่าได้ท้อถอยกับอุปสรรคจนกว่าจะได้พบกัน
    หมั่นทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แล้วจะสมหวังในความรัก ถึงแม้ว่าชาติภพนี้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับคนที่ใช่ แต่ก็เป็นใบเบิกทางให้ชาติภพหน้าให้เราได้พบเจอกับเค้าคนนั้น
    จงมีความรักอยางซื่อสัตย์ ทั้งต่อกับตัวเอง และคนที่เรารัก รวมทั้งทุกคนด้วย
    คำคมเกี่ยวกับเรื่องของความรัก ในเมื่อเค้าไม่รักเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรถึงเค้าอีก จงรักคนที่รักเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก เพราะว่าคนที่เรารักนั้นเค้าอาจจะไม่ได้รักเราก็เป็นได้ ปล่อยวางไปกับอดีตที่ผ่านมา แล้วจำเอาไว้เป็นบทเรียน และอย่าได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก จงมีความหวังและเฝ้ารอคนที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจจริง และอย่าได้ท้อถอยกับอุปสรรคจนกว่าจะได้พบกัน หมั่นทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แล้วจะสมหวังในความรัก ถึงแม้ว่าชาติภพนี้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับคนที่ใช่ แต่ก็เป็นใบเบิกทางให้ชาติภพหน้าให้เราได้พบเจอกับเค้าคนนั้น จงมีความรักอยางซื่อสัตย์ ทั้งต่อกับตัวเอง และคนที่เรารัก รวมทั้งทุกคนด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีแก้ไขปัญหา
    ลองแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน ถ้าหากว่าแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ลองไปปรึกษาผู้ที่จะช่วยเหลือเราได้ และให้เค้าช่วยเหลือเรา แต่ถ้ายังแก้ไขปัญหาไม่ได้อีก ก็ควรที่จะปลง และปล่อยวางเสีย ปล่อยให้กาลเวลาคอยเยียวยารักษาไป ปล่อยให้โชคชะตาชี้นำทางให้เรา แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เพราะว่าบางเรื่องนั้นต้องใช้เวลาในการรักษา หรือแก้ไขปัญหา
    วิธีแก้ไขปัญหา ลองแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน ถ้าหากว่าแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ลองไปปรึกษาผู้ที่จะช่วยเหลือเราได้ และให้เค้าช่วยเหลือเรา แต่ถ้ายังแก้ไขปัญหาไม่ได้อีก ก็ควรที่จะปลง และปล่อยวางเสีย ปล่อยให้กาลเวลาคอยเยียวยารักษาไป ปล่อยให้โชคชะตาชี้นำทางให้เรา แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เพราะว่าบางเรื่องนั้นต้องใช้เวลาในการรักษา หรือแก้ไขปัญหา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปล่อยวาง
    จะช่วยให้มีความสุข
    กับชีวิตมากขึ้น

    จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    การปล่อยวาง จะช่วยให้มีความสุข กับชีวิตมากขึ้น จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวทางการเปลี่ยนแปลงจิตใจด้วยการแทนที่ความคิดไม่ดี ด้วยสิ่งที่เป็นกุศล ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและได้ผลในทางปฏิบัติ ดังนี้:

    ---

    1. การแทนที่ความคิดไม่ดีด้วยความคิดดี

    ใช้การสวดมนต์:

    สวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูป ด้วยความตั้งใจถวายแก้วเสียงแด่พระพุทธเจ้า

    นึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เพื่อให้จิตใจเกิดความสงบและปีติ

    ท่องคำบริกรรม:

    หากไม่มีเวลาสวดมนต์ยาวๆ ให้ท่องคำว่า "พุทโธ" หรือ "นโมตัสสะ" ระหว่างวัน

    คำบริกรรมเหล่านี้ช่วยให้จิตมีสิ่งยึดเหนี่ยว และป้องกันความคิดฟุ้งซ่าน

    ---

    2. การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อกุศล

    ลดสิ่งกระตุ้นอกุศล:

    เลี่ยงภาพหรือข่าวสารที่ชวนให้คิดอกุศล เช่น การทะเลาะวิวาท หรือสิ่งยั่วยุ

    เพิ่มสิ่งกระตุ้นกุศล:

    ล้อมรอบตัวเองด้วยสื่อธรรมะ หนังสือ หรือบทสวดที่ช่วยปลูกจิตสำนึกดี

    ---

    3. การฝึกสติรู้ตัว

    เมื่อรู้สึกว่าความคิดไม่ดีเกิดขึ้น ให้ หยุดและพิจารณา ว่า:

    ความคิดนี้นำไปสู่สิ่งดีหรือไม่?

    หากไม่ดี ให้ปล่อยวางและแทนที่ด้วยคำบริกรรม หรือบทสวด

    การฝึกสติช่วยให้เรารู้เท่าทันความคิด และเลือกสิ่งที่ดีกว่ามาแทน

    ---

    4. การสร้างนิสัยให้คิดดีเป็นปกติ

    ฝึกประจำวัน:

    ใช้เวลาเช้า-เย็น สวดมนต์หรือบริกรรมคำศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำ

    ตั้งจิตปรารถนาดีต่อผู้อื่น:

    นึกถึงการแผ่เมตตา หรือปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข จิตจะถูกฝึกให้คิดดีโดยธรรมชาติ

    ---

    5. ประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงจิต

    จิตที่เป็นกุศลช่วยให้มีความสุขในปัจจุบัน:

    ความสงบเย็นในใจที่เกิดจากการคิดดี ทำให้ลดทุกข์และฟุ้งซ่าน

    สร้างบุญให้ตัวเอง:

    จิตที่เปี่ยมด้วยกุศลเป็นเหมือนการสะสมบุญไปในตัว

    ---

    สรุป: “พุทโธ” และบทสวดคือกุญแจ

    การใช้คำบริกรรมหรือบทสวดคือวิธีที่ง่ายและทรงพลัง

    เมื่อจิตติดนิสัยคิดดีอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราสงบ มั่นคง และห่างไกลจากความคิดอกุศล

    สำคัญที่สุดคือ “การเริ่มทำ” และ “ความต่อเนื่อง” ในการฝึกฝน เพื่อเปลี่ยนแปลงจิตใจในระยะยาว.
    แนวทางการเปลี่ยนแปลงจิตใจด้วยการแทนที่ความคิดไม่ดี ด้วยสิ่งที่เป็นกุศล ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและได้ผลในทางปฏิบัติ ดังนี้: --- 1. การแทนที่ความคิดไม่ดีด้วยความคิดดี ใช้การสวดมนต์: สวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูป ด้วยความตั้งใจถวายแก้วเสียงแด่พระพุทธเจ้า นึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เพื่อให้จิตใจเกิดความสงบและปีติ ท่องคำบริกรรม: หากไม่มีเวลาสวดมนต์ยาวๆ ให้ท่องคำว่า "พุทโธ" หรือ "นโมตัสสะ" ระหว่างวัน คำบริกรรมเหล่านี้ช่วยให้จิตมีสิ่งยึดเหนี่ยว และป้องกันความคิดฟุ้งซ่าน --- 2. การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อกุศล ลดสิ่งกระตุ้นอกุศล: เลี่ยงภาพหรือข่าวสารที่ชวนให้คิดอกุศล เช่น การทะเลาะวิวาท หรือสิ่งยั่วยุ เพิ่มสิ่งกระตุ้นกุศล: ล้อมรอบตัวเองด้วยสื่อธรรมะ หนังสือ หรือบทสวดที่ช่วยปลูกจิตสำนึกดี --- 3. การฝึกสติรู้ตัว เมื่อรู้สึกว่าความคิดไม่ดีเกิดขึ้น ให้ หยุดและพิจารณา ว่า: ความคิดนี้นำไปสู่สิ่งดีหรือไม่? หากไม่ดี ให้ปล่อยวางและแทนที่ด้วยคำบริกรรม หรือบทสวด การฝึกสติช่วยให้เรารู้เท่าทันความคิด และเลือกสิ่งที่ดีกว่ามาแทน --- 4. การสร้างนิสัยให้คิดดีเป็นปกติ ฝึกประจำวัน: ใช้เวลาเช้า-เย็น สวดมนต์หรือบริกรรมคำศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำ ตั้งจิตปรารถนาดีต่อผู้อื่น: นึกถึงการแผ่เมตตา หรือปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข จิตจะถูกฝึกให้คิดดีโดยธรรมชาติ --- 5. ประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงจิต จิตที่เป็นกุศลช่วยให้มีความสุขในปัจจุบัน: ความสงบเย็นในใจที่เกิดจากการคิดดี ทำให้ลดทุกข์และฟุ้งซ่าน สร้างบุญให้ตัวเอง: จิตที่เปี่ยมด้วยกุศลเป็นเหมือนการสะสมบุญไปในตัว --- สรุป: “พุทโธ” และบทสวดคือกุญแจ การใช้คำบริกรรมหรือบทสวดคือวิธีที่ง่ายและทรงพลัง เมื่อจิตติดนิสัยคิดดีอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราสงบ มั่นคง และห่างไกลจากความคิดอกุศล สำคัญที่สุดคือ “การเริ่มทำ” และ “ความต่อเนื่อง” ในการฝึกฝน เพื่อเปลี่ยนแปลงจิตใจในระยะยาว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌟 20 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นใน 1 เดือน 🌟
    พัฒนาตัวเองไปทีละก้าว ให้ชีวิตดีกว่าเดิม! 💪✨
    1. ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ..จงยึดมั่น..ต่อเป้าหมายนั้น ไม่ใช่ยึดติดกับบุคคล หรือ สิ่งของ..

    2. คนสำเร็จในโลกนี้ล้วนแตกต่าง แต่สิ่งนึงที่เหมือนกัน คือ เขาเหล่านั้น มีนิสัย รักการอ่าน...
    3. จัดระเบียบชีวิต ให้ถูก นับ 1234 ให้เป็น..อะไรก่อนหลัง..เรียงให้ถูก ประหยัดเวลา ทั้งตนเอง และผู้อื่นที่มีเรื่องราวร่วมกัน
    .4. ตื่นเช้า..นกที่ตื่นก่อน ก็จะเจอหนอนก่อน..โอกาสดีๆ อาจจะมาเมื่อไรก็ได้..แบะเราต้องพร้อม.
    .5.ถ้าสวดมนต์นั่งสมาธิได้ จะดีมาก. มันทำให้เรามีความ นิ่ง ..เป็นการฝึกจิต
    .6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย เดิน เอาตามสุขภาพ และอายุ..
    .7.จงเป็นผู้ฟังที่ดี ..มีส่วนร่วมในเรื่องราวของผู้อื่น..ไอ้แบบที่ ใครคุยอะไรไม่รู้ .และไม่สน.กูจะพูดในส่วนของกู เรื่องราวของกู..แบบนั้นคือ เข้าสังคมไม่เป็น.
    .8. พัฒนาทักษะเฉพาะทาง ..อาจไม่ต้องเป็นสิ่งใหม่..แต่ต้องเป็น spacialist ในทางนั้น..เลือกเอาจากความชอบส่วนตัว และดูความค้องการของตลาดแรงงานประกอบไปด้วย.
    .9.เลิกผัดวันประกันพรุ่ง คำว่า แปป เดี๋ยว เปลี่ยนเป็น now ถ้าไม่ได้ ระบุไปเลย 30 นาที 1 ชั่วโมง 4 โมง 5 โมง ว่าไป..คำว่า แปป พวกละอ่อนเขาใช้กัน
    .10. ดื่มน้ำมากๆ คนส่วนใหญ่ดื่มน้ำน้อย.
    .
    .11.ตั้งเวลาพักผ่อน เช่น อ่านหนังสือ เล่นโซเชี่ยล นอนอย่าเกิน 22.30น. เพราะเวลานี้น คือ ข่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี่ที่สุด.
    .
    12. อ่านหรือฟังแรงบันดาลใจ จากสิ่งที่เราเลือก แต่ต้องคัดกรอง ประเภทตัวจริง..เพราะของปลอมในสื่อต่างๆ มันมีมาก
    .
    13 ชื่นชมธรรมชาติบ้าง ..สีเขียวๆ เดินเหยียบสนามหญ้า บ้าง.
    .
    14 ให้ความสำคัญกับคนสำคัญ อย่างทั่วถึง. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีจริง เป็นแค่คำอ้าง ของความไม่สำคัญ
    .15. ยอมรับและปล่อยวางสิ่งที่ติดค้างใจ..อาจไม่ต้องอภัย เพราะมันจะโลกสวยเกินไป..เอาแค่ ทดเอาไว้ก่อน..เมื่ออะไรผ่านไป .ค่อยกลับมาคิด.ว่า ทิ้ง..หรือ อะไร ..แค่มันต้องเป็นเรื่อง รองๆ ไปเยอะเลย
    .
    16. เรียนรู้จากคนสำเร็จ อ่านหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จ เอาตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่สำเร็จ จากการกระทำจริง
    .
    ลองทำตาม ถ้าคุณมีวินัยมากพอ ชีวิตอาจเปลี่ยนไปในแบบที่ไม่เคยคิด..ทัศนคติ และ วินัย ..เมื้อคุณสร้างมัน..มันก็จะกลับมาสร้างคุณ.. 🧧 Kriz
    🌟 20 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นใน 1 เดือน 🌟 พัฒนาตัวเองไปทีละก้าว ให้ชีวิตดีกว่าเดิม! 💪✨ 1. ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ..จงยึดมั่น..ต่อเป้าหมายนั้น ไม่ใช่ยึดติดกับบุคคล หรือ สิ่งของ.. 2. คนสำเร็จในโลกนี้ล้วนแตกต่าง แต่สิ่งนึงที่เหมือนกัน คือ เขาเหล่านั้น มีนิสัย รักการอ่าน... 3. จัดระเบียบชีวิต ให้ถูก นับ 1234 ให้เป็น..อะไรก่อนหลัง..เรียงให้ถูก ประหยัดเวลา ทั้งตนเอง และผู้อื่นที่มีเรื่องราวร่วมกัน .4. ตื่นเช้า..นกที่ตื่นก่อน ก็จะเจอหนอนก่อน..โอกาสดีๆ อาจจะมาเมื่อไรก็ได้..แบะเราต้องพร้อม. .5.ถ้าสวดมนต์นั่งสมาธิได้ จะดีมาก. มันทำให้เรามีความ นิ่ง ..เป็นการฝึกจิต .6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย เดิน เอาตามสุขภาพ และอายุ.. .7.จงเป็นผู้ฟังที่ดี ..มีส่วนร่วมในเรื่องราวของผู้อื่น..ไอ้แบบที่ ใครคุยอะไรไม่รู้ .และไม่สน.กูจะพูดในส่วนของกู เรื่องราวของกู..แบบนั้นคือ เข้าสังคมไม่เป็น. .8. พัฒนาทักษะเฉพาะทาง ..อาจไม่ต้องเป็นสิ่งใหม่..แต่ต้องเป็น spacialist ในทางนั้น..เลือกเอาจากความชอบส่วนตัว และดูความค้องการของตลาดแรงงานประกอบไปด้วย. .9.เลิกผัดวันประกันพรุ่ง คำว่า แปป เดี๋ยว เปลี่ยนเป็น now ถ้าไม่ได้ ระบุไปเลย 30 นาที 1 ชั่วโมง 4 โมง 5 โมง ว่าไป..คำว่า แปป พวกละอ่อนเขาใช้กัน .10. ดื่มน้ำมากๆ คนส่วนใหญ่ดื่มน้ำน้อย. . .11.ตั้งเวลาพักผ่อน เช่น อ่านหนังสือ เล่นโซเชี่ยล นอนอย่าเกิน 22.30น. เพราะเวลานี้น คือ ข่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี่ที่สุด. . 12. อ่านหรือฟังแรงบันดาลใจ จากสิ่งที่เราเลือก แต่ต้องคัดกรอง ประเภทตัวจริง..เพราะของปลอมในสื่อต่างๆ มันมีมาก . 13 ชื่นชมธรรมชาติบ้าง ..สีเขียวๆ เดินเหยียบสนามหญ้า บ้าง. . 14 ให้ความสำคัญกับคนสำคัญ อย่างทั่วถึง. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีจริง เป็นแค่คำอ้าง ของความไม่สำคัญ .15. ยอมรับและปล่อยวางสิ่งที่ติดค้างใจ..อาจไม่ต้องอภัย เพราะมันจะโลกสวยเกินไป..เอาแค่ ทดเอาไว้ก่อน..เมื่ออะไรผ่านไป .ค่อยกลับมาคิด.ว่า ทิ้ง..หรือ อะไร ..แค่มันต้องเป็นเรื่อง รองๆ ไปเยอะเลย . 16. เรียนรู้จากคนสำเร็จ อ่านหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จ เอาตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่สำเร็จ จากการกระทำจริง . ลองทำตาม ถ้าคุณมีวินัยมากพอ ชีวิตอาจเปลี่ยนไปในแบบที่ไม่เคยคิด..ทัศนคติ และ วินัย ..เมื้อคุณสร้างมัน..มันก็จะกลับมาสร้างคุณ.. 🧧 Kriz
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเจริญอสุภกรรมฐาน

    นอกจากวิธีงดสระผมหรืออาบน้ำเพื่อให้รู้สึกถึงอสุภ (ความไม่น่ารัก น่าใคร่) แล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเสริมการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

    1. พิจารณากายส่วนต่างๆ (ปฏิกูลมนสิการ)

    แยกร่างกายเป็นส่วนๆ: พิจารณาเส้นผม เล็บ ฟัน ผิวหนัง เลือด น้ำหนอง กระดูก ฯลฯ

    จินตนาการร่างกายสลายตัว: ลองนึกถึงสภาพร่างกายเมื่อถึงเวลาเน่าเปื่อย ผุพัง

    ทำความคุ้นชินกับความจริง: ทบทวนว่าอวัยวะเหล่านี้เป็นเพียงธาตุ ไม่ใช่สิ่งที่เราควรยึดมั่น

    2. ฝึกมองคนรอบตัวอย่างเป็นกลาง

    มองผู้อื่นไม่ใช่ด้วยความหลงใหลในรูปลักษณ์ แต่ให้จินตนาการว่าอีก 50 ปีข้างหน้า ร่างกายทุกคนก็ต้องเสื่อมสลาย

    มองเห็นธรรมดาของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

    แทนที่จะเห็นความสวยงาม ให้มองว่าเป็นเพียงร่างกายที่ต้องพึ่งพิงอาหาร อากาศ และยังต้องขับของเสียออก

    3. ใช้สื่อช่วยฝึกสมาธิ

    ศึกษารูปภาพหรือวิดีโอของร่างกายมนุษย์ในสภาพผุพัง เช่น ซากศพ ภาพการผ่าตัด หรือสภาพเน่าเปื่อย

    ใช้เป็นเครื่องช่วยเตือนใจว่า ร่างกายเป็นเพียงธาตุที่ประกอบกันชั่วคราว

    4. ฝึกสมาธิให้จิตสงบก่อนเจริญอสุภ

    เริ่มต้นด้วยอานาปานสติ: การพิจารณาลมหายใจช่วยให้จิตใจสงบและพร้อมรับการพิจารณาที่ลึกซึ้งขึ้น

    ใช้สมาธิเป็นฐาน: เมื่อจิตสงบ จะสามารถพิจารณาอสุภได้อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกความคิดดิบหรืออารมณ์กามรบกวน

    5. เจริญเมตตาควบคู่กับอสุภ

    หากรู้สึกว่าความรู้สึกดิบๆ ที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันที่ยากจะควบคุม ให้เสริมด้วยการแผ่เมตตา

    แผ่เมตตาให้ตัวเองและผู้อื่น: ความเมตตาจะช่วยปรับสมดุลจิตใจ ทำให้จิตไม่ติดอยู่กับความดิบที่เกิดจากกามคุณ

    6. การใช้สติรู้ทัน

    เมื่อเกิดความรู้สึกดิบในระหว่างปฏิบัติ ให้ใช้สติรู้ทันว่า "นี่คือความไม่เที่ยงของจิต"

    อย่าต่อต้านความรู้สึกเหล่านั้น แต่ให้มองเห็นว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

    7. ระมัดระวังไม่บังคับตัวเองเกินไป

    หากกดดันตัวเองมากเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดและความต่อต้าน

    ให้ปฏิบัติด้วยใจที่ผ่อนคลาย เห็นการเจริญอสุภเป็นโอกาสฝึกปัญญา ไม่ใช่การบีบบังคับ

    ข้อควรระวัง

    การเจริญอสุภกรรมฐานอาจทำให้จิตเกิดความรู้สึกต่อต้าน หรือเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต ถ้าไม่พร้อมทางจิตใจควรทำในระดับที่พอดี

    ควรมีครูหรือผู้รู้ช่วยชี้แนะเป็นระยะ

    สรุป:
    อสุภกรรมฐานต้องใช้ความต่อเนื่องและสมาธิเป็นเครื่องนำทาง การฝึกในเบื้องต้นอาจเริ่มด้วยการพิจารณาอวัยวะหรือธรรมชาติของร่างกาย และใช้สติคอยดูแลจิตให้รู้สึกถึงความไม่เที่ยงของกายนี้ การเจริญอสุภไม่ใช่เพื่อความรังเกียจร่างกาย แต่เพื่อปล่อยวางและเห็นธรรมชาติของมันตามความเป็นจริง!
    การเจริญอสุภกรรมฐาน นอกจากวิธีงดสระผมหรืออาบน้ำเพื่อให้รู้สึกถึงอสุภ (ความไม่น่ารัก น่าใคร่) แล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเสริมการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้: 1. พิจารณากายส่วนต่างๆ (ปฏิกูลมนสิการ) แยกร่างกายเป็นส่วนๆ: พิจารณาเส้นผม เล็บ ฟัน ผิวหนัง เลือด น้ำหนอง กระดูก ฯลฯ จินตนาการร่างกายสลายตัว: ลองนึกถึงสภาพร่างกายเมื่อถึงเวลาเน่าเปื่อย ผุพัง ทำความคุ้นชินกับความจริง: ทบทวนว่าอวัยวะเหล่านี้เป็นเพียงธาตุ ไม่ใช่สิ่งที่เราควรยึดมั่น 2. ฝึกมองคนรอบตัวอย่างเป็นกลาง มองผู้อื่นไม่ใช่ด้วยความหลงใหลในรูปลักษณ์ แต่ให้จินตนาการว่าอีก 50 ปีข้างหน้า ร่างกายทุกคนก็ต้องเสื่อมสลาย มองเห็นธรรมดาของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แทนที่จะเห็นความสวยงาม ให้มองว่าเป็นเพียงร่างกายที่ต้องพึ่งพิงอาหาร อากาศ และยังต้องขับของเสียออก 3. ใช้สื่อช่วยฝึกสมาธิ ศึกษารูปภาพหรือวิดีโอของร่างกายมนุษย์ในสภาพผุพัง เช่น ซากศพ ภาพการผ่าตัด หรือสภาพเน่าเปื่อย ใช้เป็นเครื่องช่วยเตือนใจว่า ร่างกายเป็นเพียงธาตุที่ประกอบกันชั่วคราว 4. ฝึกสมาธิให้จิตสงบก่อนเจริญอสุภ เริ่มต้นด้วยอานาปานสติ: การพิจารณาลมหายใจช่วยให้จิตใจสงบและพร้อมรับการพิจารณาที่ลึกซึ้งขึ้น ใช้สมาธิเป็นฐาน: เมื่อจิตสงบ จะสามารถพิจารณาอสุภได้อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกความคิดดิบหรืออารมณ์กามรบกวน 5. เจริญเมตตาควบคู่กับอสุภ หากรู้สึกว่าความรู้สึกดิบๆ ที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันที่ยากจะควบคุม ให้เสริมด้วยการแผ่เมตตา แผ่เมตตาให้ตัวเองและผู้อื่น: ความเมตตาจะช่วยปรับสมดุลจิตใจ ทำให้จิตไม่ติดอยู่กับความดิบที่เกิดจากกามคุณ 6. การใช้สติรู้ทัน เมื่อเกิดความรู้สึกดิบในระหว่างปฏิบัติ ให้ใช้สติรู้ทันว่า "นี่คือความไม่เที่ยงของจิต" อย่าต่อต้านความรู้สึกเหล่านั้น แต่ให้มองเห็นว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป 7. ระมัดระวังไม่บังคับตัวเองเกินไป หากกดดันตัวเองมากเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดและความต่อต้าน ให้ปฏิบัติด้วยใจที่ผ่อนคลาย เห็นการเจริญอสุภเป็นโอกาสฝึกปัญญา ไม่ใช่การบีบบังคับ ข้อควรระวัง การเจริญอสุภกรรมฐานอาจทำให้จิตเกิดความรู้สึกต่อต้าน หรือเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต ถ้าไม่พร้อมทางจิตใจควรทำในระดับที่พอดี ควรมีครูหรือผู้รู้ช่วยชี้แนะเป็นระยะ สรุป: อสุภกรรมฐานต้องใช้ความต่อเนื่องและสมาธิเป็นเครื่องนำทาง การฝึกในเบื้องต้นอาจเริ่มด้วยการพิจารณาอวัยวะหรือธรรมชาติของร่างกาย และใช้สติคอยดูแลจิตให้รู้สึกถึงความไม่เที่ยงของกายนี้ การเจริญอสุภไม่ใช่เพื่อความรังเกียจร่างกาย แต่เพื่อปล่อยวางและเห็นธรรมชาติของมันตามความเป็นจริง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับอะไรหนักๆมามาก ก็หาเวลาปล่อยวางบ้าง TikTok@yuija6055 #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    รับอะไรหนักๆมามาก ก็หาเวลาปล่อยวางบ้าง TikTok@yuija6055 #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา
    .
    ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย
    .
    อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ"
    .
    "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน
    .
    เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง
    .
    "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน
    .
    "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030"
    .
    ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ
    .
    "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย"
    .
    ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้
    .
    รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229
    ..............
    Sondhi X
    ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา . ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย . อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ" . "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน . เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง . "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน . "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030" . ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ . "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย" . ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ . รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1192 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กว่าจะเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจคุณ
    คุณจำเป็นต้องเข้าใจตัวเองให้ขาด
    และเห็นใจคนอื่นมากๆได้เสียก่อน!"

    นี่เป็นประโยคที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง การรู้จักตัวเอง และ การเข้าใจผู้อื่น อย่างลึกซึ้ง:

    1. เข้าใจตัวเองให้ขาด

    หมายถึงการยอมรับในตัวเองทั้งข้อดีและข้อด้อย โดยไม่ต้องการการยืนยันหรือการยอมรับจากคนอื่น

    เมื่อคุณรู้จักตัวเองดีพอ จะไม่มีความจำเป็นต้องให้คนอื่นมาเติมเต็ม หรือเข้าใจในสิ่งที่คุณเป็น



    2. เห็นใจคนอื่นมากๆ

    การมองโลกจากมุมของคนอื่นช่วยลดความคาดหวังที่เรามีต่อพวกเขา

    แทนที่จะอยากให้คนอื่นเข้าใจเรา การเห็นอกเห็นใจคนอื่นกลับทำให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และลดความรู้สึกผิดหวังเมื่อไม่ได้รับการเข้าใจตามที่คาดหวัง



    3. ปล่อยวางความคาดหวัง

    เมื่อคุณเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจ คุณจะพบความสงบสุข เพราะไม่ต้องผูกความสุขไว้กับการกระทำหรือคำพูดของใคร

    ความสุขที่แท้จริงมาจากการเข้าใจตัวเองและมอบพื้นที่ให้คนอื่นเป็นตัวของตัวเอง




    บทเรียน:
    เมื่อเราเข้าใจตัวเองดีพอและมีความเมตตาต่อผู้อื่น ความต้องการให้คนอื่นเข้าใจเราจะจางหายไปเอง เพราะเราจะรู้ว่า ความเข้าใจในตัวเองนั้นเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตสมดุลและสงบสุขได้.

    "กว่าจะเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจคุณ คุณจำเป็นต้องเข้าใจตัวเองให้ขาด และเห็นใจคนอื่นมากๆได้เสียก่อน!" นี่เป็นประโยคที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง การรู้จักตัวเอง และ การเข้าใจผู้อื่น อย่างลึกซึ้ง: 1. เข้าใจตัวเองให้ขาด หมายถึงการยอมรับในตัวเองทั้งข้อดีและข้อด้อย โดยไม่ต้องการการยืนยันหรือการยอมรับจากคนอื่น เมื่อคุณรู้จักตัวเองดีพอ จะไม่มีความจำเป็นต้องให้คนอื่นมาเติมเต็ม หรือเข้าใจในสิ่งที่คุณเป็น 2. เห็นใจคนอื่นมากๆ การมองโลกจากมุมของคนอื่นช่วยลดความคาดหวังที่เรามีต่อพวกเขา แทนที่จะอยากให้คนอื่นเข้าใจเรา การเห็นอกเห็นใจคนอื่นกลับทำให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และลดความรู้สึกผิดหวังเมื่อไม่ได้รับการเข้าใจตามที่คาดหวัง 3. ปล่อยวางความคาดหวัง เมื่อคุณเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจ คุณจะพบความสงบสุข เพราะไม่ต้องผูกความสุขไว้กับการกระทำหรือคำพูดของใคร ความสุขที่แท้จริงมาจากการเข้าใจตัวเองและมอบพื้นที่ให้คนอื่นเป็นตัวของตัวเอง บทเรียน: เมื่อเราเข้าใจตัวเองดีพอและมีความเมตตาต่อผู้อื่น ความต้องการให้คนอื่นเข้าใจเราจะจางหายไปเอง เพราะเราจะรู้ว่า ความเข้าใจในตัวเองนั้นเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตสมดุลและสงบสุขได้.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • การยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ที่ขวางทางปฏิบัติ

    อารมณ์ที่ขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม
    คือ อารมณ์ที่ฝักฝ่ายของ ราคะ (ความโลภ), โทสะ (ความโกรธ), และโมหะ (ความหลง)
    เพราะอารมณ์เหล่านี้ทำให้จิตติดอยู่ในวงจรแห่งความยึดมั่น ถือมั่น
    ก่อให้เกิดอาการ "ไม่อยากปล่อย" หรือ "เร่าร้อนกระวนกระวาย"

    ---

    ทำไมราคะ โทสะ โมหะ ขวางการปฏิบัติ?

    1. ราคะ: ความยึดติดในความพึงพอใจ เช่น ความสุขจากสิ่งที่ชอบ
    ทำให้จิตไม่สงบ มัวหลงอยู่ในอารมณ์ชื่นชมและยึดไว้
    ขวางไม่ให้เห็นความไม่เที่ยงของสิ่งที่พึงใจ

    2. โทสะ: ความขุ่นมัวจากสิ่งที่ไม่พอใจ
    ทำให้จิตเร่าร้อน ฟุ้งซ่าน และยึดติดกับความอยากแก้แค้น
    ขวางการฝึกสติและการเจริญเมตตา

    3. โมหะ: ความไม่รู้ สำคัญผิด ยึดมั่นในตัวตน
    ทำให้จิตไม่ปล่อยวาง ติดอยู่ในความหลง เช่น "ฉันถูก" หรือ "เขาผิด"

    ขวางการเข้าใจธรรมชาติของกายและใจ

    ---

    การหลุดพ้นจากการยึดมั่นในอารมณ์

    1. "ไม่เข้าข้างอารมณ์ฝ่ายอกุศล"
    ฝึกให้รู้ว่า ราคะ โทสะ โมหะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป
    ไม่ตามใจอารมณ์ เช่น การเอาชนะโทสะด้วยเมตตา หรือข่มราคะด้วยสติ

    2. "เอาใจออกห่าง"
    เมื่ออารมณ์เกิดขึ้น ให้ดูเฉยๆ เห็นมันเป็นเพียงสิ่งที่เกิดและดับ
    ตั้งจิตว่าแม้อารมณ์เหล่านี้จะเกิด ก็จะใช้มันเป็นเครื่องฝึกจิต

    3. "ฝึกดูความไม่เที่ยง"
    เห็นว่าอารมณ์ใดๆ ล้วนไม่เที่ยง เช่น ความโลภที่เคยรุนแรงก็จางไป
    ฝึกให้จิตปล่อยวาง โดยสังเกตความผันแปรของอารมณ์

    4. "ใช้สติเป็นเครื่องมือ"
    สติช่วยให้เห็นอารมณ์ชัดเจนว่า ไม่ใช่ตัวเรา
    เมื่อมีสติ อารมณ์จะอ่อนกำลังลง ไม่สามารถครอบงำจิตได้

    ---

    สรุป

    หากเรายึดมั่นใน ราคะ โทสะ โมหะ จิตจะติดอยู่ในวงจรของความทุกข์
    แต่หากเราฝึก "ไม่เข้าข้าง" และ "เอาใจออกห่าง" จากอารมณ์เหล่านี้
    พร้อมทั้งมองเห็นความไม่เที่ยงและใช้สติควบคุม
    จิตจะค่อยๆ หลุดพ้นจากพันธนาการ
    และการปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงครับ!
    การยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ที่ขวางทางปฏิบัติ อารมณ์ที่ขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม คือ อารมณ์ที่ฝักฝ่ายของ ราคะ (ความโลภ), โทสะ (ความโกรธ), และโมหะ (ความหลง) เพราะอารมณ์เหล่านี้ทำให้จิตติดอยู่ในวงจรแห่งความยึดมั่น ถือมั่น ก่อให้เกิดอาการ "ไม่อยากปล่อย" หรือ "เร่าร้อนกระวนกระวาย" --- ทำไมราคะ โทสะ โมหะ ขวางการปฏิบัติ? 1. ราคะ: ความยึดติดในความพึงพอใจ เช่น ความสุขจากสิ่งที่ชอบ ทำให้จิตไม่สงบ มัวหลงอยู่ในอารมณ์ชื่นชมและยึดไว้ ขวางไม่ให้เห็นความไม่เที่ยงของสิ่งที่พึงใจ 2. โทสะ: ความขุ่นมัวจากสิ่งที่ไม่พอใจ ทำให้จิตเร่าร้อน ฟุ้งซ่าน และยึดติดกับความอยากแก้แค้น ขวางการฝึกสติและการเจริญเมตตา 3. โมหะ: ความไม่รู้ สำคัญผิด ยึดมั่นในตัวตน ทำให้จิตไม่ปล่อยวาง ติดอยู่ในความหลง เช่น "ฉันถูก" หรือ "เขาผิด" ขวางการเข้าใจธรรมชาติของกายและใจ --- การหลุดพ้นจากการยึดมั่นในอารมณ์ 1. "ไม่เข้าข้างอารมณ์ฝ่ายอกุศล" ฝึกให้รู้ว่า ราคะ โทสะ โมหะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่ตามใจอารมณ์ เช่น การเอาชนะโทสะด้วยเมตตา หรือข่มราคะด้วยสติ 2. "เอาใจออกห่าง" เมื่ออารมณ์เกิดขึ้น ให้ดูเฉยๆ เห็นมันเป็นเพียงสิ่งที่เกิดและดับ ตั้งจิตว่าแม้อารมณ์เหล่านี้จะเกิด ก็จะใช้มันเป็นเครื่องฝึกจิต 3. "ฝึกดูความไม่เที่ยง" เห็นว่าอารมณ์ใดๆ ล้วนไม่เที่ยง เช่น ความโลภที่เคยรุนแรงก็จางไป ฝึกให้จิตปล่อยวาง โดยสังเกตความผันแปรของอารมณ์ 4. "ใช้สติเป็นเครื่องมือ" สติช่วยให้เห็นอารมณ์ชัดเจนว่า ไม่ใช่ตัวเรา เมื่อมีสติ อารมณ์จะอ่อนกำลังลง ไม่สามารถครอบงำจิตได้ --- สรุป หากเรายึดมั่นใน ราคะ โทสะ โมหะ จิตจะติดอยู่ในวงจรของความทุกข์ แต่หากเราฝึก "ไม่เข้าข้าง" และ "เอาใจออกห่าง" จากอารมณ์เหล่านี้ พร้อมทั้งมองเห็นความไม่เที่ยงและใช้สติควบคุม จิตจะค่อยๆ หลุดพ้นจากพันธนาการ และการปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงครับ!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • อภัยและปล่อยวาง: วิธีสร้างใจเย็นและโปร่งเบา

    เริ่มต้นให้อภัย: ทำไมจึงยาก?
    การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บลึกจากการกระทำของผู้อื่น ความรู้สึกเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมักทำให้เราเห็นการให้อภัยเป็นการ "ปล่อยให้คนผิดลอยนวล" หรือ "ยอมเสียเปรียบ" แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา การให้อภัยคือการรักษาจิตใจของเราให้หายจาก "โรคทางใจ" ที่ชื่อว่าพยาบาท

    ---

    มองความพยาบาทในฐานะ 'โรคทางใจ'
    พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบความโกรธเกลียดว่าเป็นโรคที่รุมเร้าจิตใจ ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง และไร้กำลังวังชา การยอมปล่อยวางความพยาบาทจึงเปรียบเสมือนการรักษาใจให้กลับมาสดชื่นและมีพลังอีกครั้ง

    ---

    อุบายฝึกใจให้อภัย

    1. สังเกตใจที่ป่วย:
    เมื่อเราโกรธหรือผูกใจเจ็บ ให้สังเกตว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่าน ร้อนรน และไม่มีความสุข

    2. เปรียบเทียบสุขและทุกข์:
    เมื่อยังยึดติดกับความพยาบาท ความร้อนเหมือนไข้จะครอบงำใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นอภัย ความเย็นและความสุขจะเข้ามาแทนที่

    3. เจริญเมตตา:
    ฝึกมองคู่กรณีในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ปรารถนาให้เขาไม่ต้องเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น

    4. ไม่จำเป็นต้องแกล้งดี:
    หากความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ให้ยุติความสัมพันธ์โดยไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่มเติม การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการกลับไปคบหากันเสมอไป

    ---

    อภัยไม่ได้แปลว่าไม่รักษาสิทธิ์
    การให้อภัยในมุมพุทธศาสนาไม่ใช่การยอมละทิ้งความยุติธรรม เราสามารถเรียกร้องสิทธิ์หรือปกป้องความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องยึดติดหรือเก็บความโกรธไว้ในใจ

    ---

    ผลลัพธ์ของการให้อภัย
    เมื่อจิตใจเย็นลงจากการให้อภัยจริง เราจะรู้สึกโปร่งโล่ง มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสุขแบบที่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น ความสุขนี้จะสะท้อนผ่านสายตา น้ำเสียง และท่าที ทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกประทับใจในความสงบและความเมตตาของเรา

    ข้อคิดส่งท้าย:
    การให้อภัยไม่ใช่เพียงการปล่อยคนอื่นไป แต่คือการปล่อยตัวเองจากความทุกข์ และสร้างโลกในใจให้เย็นและเบาสบาย!
    อภัยและปล่อยวาง: วิธีสร้างใจเย็นและโปร่งเบา เริ่มต้นให้อภัย: ทำไมจึงยาก? การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บลึกจากการกระทำของผู้อื่น ความรู้สึกเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมักทำให้เราเห็นการให้อภัยเป็นการ "ปล่อยให้คนผิดลอยนวล" หรือ "ยอมเสียเปรียบ" แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา การให้อภัยคือการรักษาจิตใจของเราให้หายจาก "โรคทางใจ" ที่ชื่อว่าพยาบาท --- มองความพยาบาทในฐานะ 'โรคทางใจ' พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบความโกรธเกลียดว่าเป็นโรคที่รุมเร้าจิตใจ ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง และไร้กำลังวังชา การยอมปล่อยวางความพยาบาทจึงเปรียบเสมือนการรักษาใจให้กลับมาสดชื่นและมีพลังอีกครั้ง --- อุบายฝึกใจให้อภัย 1. สังเกตใจที่ป่วย: เมื่อเราโกรธหรือผูกใจเจ็บ ให้สังเกตว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่าน ร้อนรน และไม่มีความสุข 2. เปรียบเทียบสุขและทุกข์: เมื่อยังยึดติดกับความพยาบาท ความร้อนเหมือนไข้จะครอบงำใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นอภัย ความเย็นและความสุขจะเข้ามาแทนที่ 3. เจริญเมตตา: ฝึกมองคู่กรณีในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ปรารถนาให้เขาไม่ต้องเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น 4. ไม่จำเป็นต้องแกล้งดี: หากความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ให้ยุติความสัมพันธ์โดยไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่มเติม การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการกลับไปคบหากันเสมอไป --- อภัยไม่ได้แปลว่าไม่รักษาสิทธิ์ การให้อภัยในมุมพุทธศาสนาไม่ใช่การยอมละทิ้งความยุติธรรม เราสามารถเรียกร้องสิทธิ์หรือปกป้องความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องยึดติดหรือเก็บความโกรธไว้ในใจ --- ผลลัพธ์ของการให้อภัย เมื่อจิตใจเย็นลงจากการให้อภัยจริง เราจะรู้สึกโปร่งโล่ง มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสุขแบบที่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น ความสุขนี้จะสะท้อนผ่านสายตา น้ำเสียง และท่าที ทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกประทับใจในความสงบและความเมตตาของเรา ข้อคิดส่งท้าย: การให้อภัยไม่ใช่เพียงการปล่อยคนอื่นไป แต่คือการปล่อยตัวเองจากความทุกข์ และสร้างโลกในใจให้เย็นและเบาสบาย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โม อมีนา” เผยรื้อคดี “แตงโม นิดา” หรือไม่ ให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย ขอให้ยุติธรรมมากที่สุด ส่วนตนเองปล่อยวาง หายสงสัย ทุกอย่างกระจ่างหมดแล้ว เสียใจและคิดถึงทุกวัน ลั่นฝันถึงแตงโม 5 ครั้ง มาดีและสวยทุกครั้ง บอกให้ปล่อยๆ พี่ไปอย่าไปดึงรั้งเอาไว้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122519

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “โม อมีนา” เผยรื้อคดี “แตงโม นิดา” หรือไม่ ให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย ขอให้ยุติธรรมมากที่สุด ส่วนตนเองปล่อยวาง หายสงสัย ทุกอย่างกระจ่างหมดแล้ว เสียใจและคิดถึงทุกวัน ลั่นฝันถึงแตงโม 5 ครั้ง มาดีและสวยทุกครั้ง บอกให้ปล่อยๆ พี่ไปอย่าไปดึงรั้งเอาไว้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122519 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 992 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีเป็นผู้ฟังที่ดี โดยไม่อินไปกับปัญหาของคนอื่น

    1. ปรับทัศนคติในการฟัง

    แทนที่จะฟังเพียงเพื่อทนรับฟัง หรือฟังอย่างกดข่ม ให้มองการฟังเป็นโอกาสที่คุณจะ ช่วยเหลือ ผ่านการตั้งคำถามหรือให้คำแนะนำ

    มองว่าการฟังคือการ เก็บข้อมูล เพื่อเข้าใจสถานการณ์ ไม่ใช่เพื่อรับความทุกข์มาถึงตัวเอง

    2. ตั้งเป้าหมายการฟัง

    กำหนดจุดประสงค์ว่า คุณฟังเพื่ออะไร เช่น

    เพื่อช่วยให้เขาได้ระบายและผ่อนคลาย

    เพื่อค้นหาประเด็นสำคัญที่ต้องช่วยแก้ไข

    เพื่อเปลี่ยนมุมมองของเขาให้ดีขึ้น

    การมีเป้าหมายจะช่วยให้คุณไม่จมกับอารมณ์ของปัญหาที่เขานำมาระบาย

    3. รักษาสติ

    ใช้สติตรวจสอบอารมณ์ตัวเองขณะฟัง หากเริ่มรู้สึกว่าจิตขุ่นมัว ให้สังเกตว่าอารมณ์เหล่านั้นกำลังก่อตัวขึ้น อย่าผลักไสหรือพยายามกดข่ม แต่แค่รับรู้ว่ามี และปล่อยให้มันผ่านไป

    ฝึก สมาธิสั้นๆ ด้วยการโฟกัสที่ลมหายใจเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้จิตจมไปกับอารมณ์ของเขา

    4. แยกความเป็นตัวเขาออกจากตัวคุณ

    ย้ำกับตัวเองว่า ปัญหาของเขาคือปัญหาของเขา คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับหรืออินกับอารมณ์ที่เขานำมา

    มองว่าคุณคือผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้ร่วมเผชิญปัญหาโดยตรง

    5. ตั้งใจสรุปใจความ

    ขณะที่ฟัง ให้จับประเด็นสำคัญ เช่น

    ปัญหาหลักของเขาคืออะไร

    เขารู้สึกอย่างไร และต้องการอะไรจากคุณ

    เมื่อตั้งใจจับประเด็น คุณจะมีพื้นที่ในใจสำหรับวิเคราะห์ มากกว่าที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป

    6. โต้ตอบอย่างสร้างสรรค์

    หากต้องโต้ตอบหรือให้คำแนะนำ พูดในเชิงบวก เช่น

    "ฟังแล้วเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร แต่มีมุมหนึ่งที่น่าลองพิจารณา..."

    "เป็นเรื่องที่แก้ยากนะ แต่ถ้าค่อยๆ ดูเป็นขั้นตอน อาจเริ่มจาก..."

    7. ฝึกปล่อยวาง

    หลังการฟัง ให้บอกตัวเองว่า คุณได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บอารมณ์เหล่านั้นกลับบ้าน หรือเก็บมาเป็นภาระใจ

    ---

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    แบ่งเวลา: หากคนในครอบครัวชอบมาระบาย ให้กำหนดเวลาและขอบเขต เช่น ฟังในช่วงเวลาที่คุณพร้อมจริงๆ

    พัฒนาทักษะฟังเชิงลึก: อ่านหรือศึกษาเทคนิคการฟังเชิงลึก (Active Listening) เพื่อช่วยให้คุณโฟกัสที่เนื้อหา ไม่ใช่อารมณ์ของผู้พูด

    สร้างพื้นที่ผ่อนคลายหลังฟัง: ใช้เวลาเล็กน้อยหลังการฟัง เช่น นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง

    ด้วยการปรับตัวและฝึกฝน คุณจะสามารถฟังได้อย่างเป็นประโยชน์ โดยไม่แบกรับความขุ่นมัวมาเป็นของตัวเอง!
    วิธีเป็นผู้ฟังที่ดี โดยไม่อินไปกับปัญหาของคนอื่น 1. ปรับทัศนคติในการฟัง แทนที่จะฟังเพียงเพื่อทนรับฟัง หรือฟังอย่างกดข่ม ให้มองการฟังเป็นโอกาสที่คุณจะ ช่วยเหลือ ผ่านการตั้งคำถามหรือให้คำแนะนำ มองว่าการฟังคือการ เก็บข้อมูล เพื่อเข้าใจสถานการณ์ ไม่ใช่เพื่อรับความทุกข์มาถึงตัวเอง 2. ตั้งเป้าหมายการฟัง กำหนดจุดประสงค์ว่า คุณฟังเพื่ออะไร เช่น เพื่อช่วยให้เขาได้ระบายและผ่อนคลาย เพื่อค้นหาประเด็นสำคัญที่ต้องช่วยแก้ไข เพื่อเปลี่ยนมุมมองของเขาให้ดีขึ้น การมีเป้าหมายจะช่วยให้คุณไม่จมกับอารมณ์ของปัญหาที่เขานำมาระบาย 3. รักษาสติ ใช้สติตรวจสอบอารมณ์ตัวเองขณะฟัง หากเริ่มรู้สึกว่าจิตขุ่นมัว ให้สังเกตว่าอารมณ์เหล่านั้นกำลังก่อตัวขึ้น อย่าผลักไสหรือพยายามกดข่ม แต่แค่รับรู้ว่ามี และปล่อยให้มันผ่านไป ฝึก สมาธิสั้นๆ ด้วยการโฟกัสที่ลมหายใจเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้จิตจมไปกับอารมณ์ของเขา 4. แยกความเป็นตัวเขาออกจากตัวคุณ ย้ำกับตัวเองว่า ปัญหาของเขาคือปัญหาของเขา คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับหรืออินกับอารมณ์ที่เขานำมา มองว่าคุณคือผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้ร่วมเผชิญปัญหาโดยตรง 5. ตั้งใจสรุปใจความ ขณะที่ฟัง ให้จับประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหาหลักของเขาคืออะไร เขารู้สึกอย่างไร และต้องการอะไรจากคุณ เมื่อตั้งใจจับประเด็น คุณจะมีพื้นที่ในใจสำหรับวิเคราะห์ มากกว่าที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป 6. โต้ตอบอย่างสร้างสรรค์ หากต้องโต้ตอบหรือให้คำแนะนำ พูดในเชิงบวก เช่น "ฟังแล้วเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร แต่มีมุมหนึ่งที่น่าลองพิจารณา..." "เป็นเรื่องที่แก้ยากนะ แต่ถ้าค่อยๆ ดูเป็นขั้นตอน อาจเริ่มจาก..." 7. ฝึกปล่อยวาง หลังการฟัง ให้บอกตัวเองว่า คุณได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บอารมณ์เหล่านั้นกลับบ้าน หรือเก็บมาเป็นภาระใจ --- เคล็ดลับเพิ่มเติม แบ่งเวลา: หากคนในครอบครัวชอบมาระบาย ให้กำหนดเวลาและขอบเขต เช่น ฟังในช่วงเวลาที่คุณพร้อมจริงๆ พัฒนาทักษะฟังเชิงลึก: อ่านหรือศึกษาเทคนิคการฟังเชิงลึก (Active Listening) เพื่อช่วยให้คุณโฟกัสที่เนื้อหา ไม่ใช่อารมณ์ของผู้พูด สร้างพื้นที่ผ่อนคลายหลังฟัง: ใช้เวลาเล็กน้อยหลังการฟัง เช่น นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ด้วยการปรับตัวและฝึกฝน คุณจะสามารถฟังได้อย่างเป็นประโยชน์ โดยไม่แบกรับความขุ่นมัวมาเป็นของตัวเอง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • แยกอาการระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"

    ลักษณะของ "ขี้เกียจ"

    1. สภาพใจ:

    ใจหนัก เหนื่อย เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร

    มีความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องทำ

    มีความเลี่ยงหลบ เช่น อยากผลัดวันประกันพรุ่ง



    2. สภาพกาย:

    ร่างกายงอมืองอเท้า ไม่อยากขยับเขยื้อน

    รู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่มีแรงใจหรือแรงกายจะเริ่มต้น

    มักมีผลกระทบ เช่น งานคั่งค้าง หรือความเสียหายตามมา



    3. ลักษณะร่วม:

    มักตามมาด้วยความรู้สึกผิด หรือความทุกข์ใจเล็กๆ จากการไม่ทำหน้าที่

    ไม่มีความโปร่งเบาหรือคลายใจอย่างแท้จริง





    ---

    ลักษณะของ "ปล่อยวาง"

    1. สภาพใจ:

    ใจโปร่ง โล่ง เบา มีความสงบ

    ไม่แบกความคาดหวัง หรือความยึดติดกับผลลัพธ์

    มีความรู้สึกว่า "ทำเต็มที่แล้ว" หรือ "ไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้"



    2. สภาพกาย:

    ร่างกายยังทำหน้าที่ได้ปกติ เช่น ทำงาน ทำกิจกรรม แต่ทำไปโดยไม่มีความกังวล

    หากต้องพัก ร่างกายพักแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพราะการหนีปัญหา



    3. ลักษณะร่วม:

    ไม่เกิดความรู้สึกผิดหลังการปล่อยวาง เพราะรู้ว่าไม่ได้ละเลยหน้าที่

    มีความพอใจกับปัจจุบัน แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นดั่งใจ





    ---

    วิธีแยกแยะระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"

    1. ถามตัวเองว่า "มีสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำหรือไม่?"

    หากคำตอบคือ "ใช่" และยังผลัดวันหรือไม่เริ่มต้น แสดงว่าเป็น ขี้เกียจ

    หากคำตอบคือ "ไม่" เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่ยึดติดผลลัพธ์ แสดงว่าเป็น ปล่อยวาง



    2. พิจารณาอารมณ์หลังการกระทำ:

    ถ้ามีความรู้สึกผิด หรือกังวลใจต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะความขี้เกียจ

    ถ้ามีความโล่ง โปร่ง เบา และพร้อมจะเดินหน้าต่อ แสดงว่าปล่อยวางแล้ว



    3. ดูผลกระทบต่อชีวิต:

    ขี้เกียจมักนำไปสู่ความเสียหาย งานคั่งค้าง หรือความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด

    ปล่อยวางนำไปสู่ความสงบในใจ และการจัดการสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสม





    ---

    สรุป:

    ขี้เกียจ: ใจหนัก กายเฉื่อย มักละเลยสิ่งที่ควรทำ

    ปล่อยวาง: ใจเบา กายยังทำหน้าที่ได้ ไม่มีความยึดติดกับผลลัพธ์


    ถ้าอยากปล่อยวางแทนที่จะขี้เกียจ ให้เริ่มจาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อย วางใจไม่ยึดติดกับผล ของสิ่งที่ทำ!
    แยกอาการระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง" ลักษณะของ "ขี้เกียจ" 1. สภาพใจ: ใจหนัก เหนื่อย เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร มีความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องทำ มีความเลี่ยงหลบ เช่น อยากผลัดวันประกันพรุ่ง 2. สภาพกาย: ร่างกายงอมืองอเท้า ไม่อยากขยับเขยื้อน รู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่มีแรงใจหรือแรงกายจะเริ่มต้น มักมีผลกระทบ เช่น งานคั่งค้าง หรือความเสียหายตามมา 3. ลักษณะร่วม: มักตามมาด้วยความรู้สึกผิด หรือความทุกข์ใจเล็กๆ จากการไม่ทำหน้าที่ ไม่มีความโปร่งเบาหรือคลายใจอย่างแท้จริง --- ลักษณะของ "ปล่อยวาง" 1. สภาพใจ: ใจโปร่ง โล่ง เบา มีความสงบ ไม่แบกความคาดหวัง หรือความยึดติดกับผลลัพธ์ มีความรู้สึกว่า "ทำเต็มที่แล้ว" หรือ "ไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้" 2. สภาพกาย: ร่างกายยังทำหน้าที่ได้ปกติ เช่น ทำงาน ทำกิจกรรม แต่ทำไปโดยไม่มีความกังวล หากต้องพัก ร่างกายพักแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพราะการหนีปัญหา 3. ลักษณะร่วม: ไม่เกิดความรู้สึกผิดหลังการปล่อยวาง เพราะรู้ว่าไม่ได้ละเลยหน้าที่ มีความพอใจกับปัจจุบัน แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นดั่งใจ --- วิธีแยกแยะระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง" 1. ถามตัวเองว่า "มีสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำหรือไม่?" หากคำตอบคือ "ใช่" และยังผลัดวันหรือไม่เริ่มต้น แสดงว่าเป็น ขี้เกียจ หากคำตอบคือ "ไม่" เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่ยึดติดผลลัพธ์ แสดงว่าเป็น ปล่อยวาง 2. พิจารณาอารมณ์หลังการกระทำ: ถ้ามีความรู้สึกผิด หรือกังวลใจต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะความขี้เกียจ ถ้ามีความโล่ง โปร่ง เบา และพร้อมจะเดินหน้าต่อ แสดงว่าปล่อยวางแล้ว 3. ดูผลกระทบต่อชีวิต: ขี้เกียจมักนำไปสู่ความเสียหาย งานคั่งค้าง หรือความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ปล่อยวางนำไปสู่ความสงบในใจ และการจัดการสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสม --- สรุป: ขี้เกียจ: ใจหนัก กายเฉื่อย มักละเลยสิ่งที่ควรทำ ปล่อยวาง: ใจเบา กายยังทำหน้าที่ได้ ไม่มีความยึดติดกับผลลัพธ์ ถ้าอยากปล่อยวางแทนที่จะขี้เกียจ ให้เริ่มจาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อย วางใจไม่ยึดติดกับผล ของสิ่งที่ทำ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17-12-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.90 ชื่อตอน "WHAT A WONDERFUL WORLD" ไอ้สัส! โลกสวยสัด ถึงต้องจัดหนัก! จอร์เจียส่อแตกแยก! ปชต.มิใช่เหรอ? ชนะเลือกตั้ง นายกขวาจัดขึ้น ปธน.ไม่ยอมรับ อ้างไม่บริสุทธิ์ หมดวาระ 29 ธันวานี้ ไม่ออก บ้านแตก! ชาวจอร์เจียแห่ออกมาด่ากราด ลงถนนนับหมื่น ดีออก! ต้องเป็นขี้ข้าเหี้ยมะกันเท่านั้นชิมิ? ถึงจะเป็น "ปชต.โคตรพ่องยิว" อีเอ๋อ..สุรางค์ วอนส้นตรีนเล่น มรึงเป็นใครฟ่ะ? เสือกทุกเรื่อง หากขี้ข้ายิวแพ้เลือกตั้ง มันส์ล่ะมรึง? งานนี้ "ยุโรปสปริงค์มาเต็มตรีน" อาหรับเอาคืนสาสมใจมรึงแน่? ด้านอีเบียร์ ก็ใช่น้อยหน้า ผู้นำขวาจัด ซัดกลางบ้องหูเหี้ย ประกาศชัด "จะมีนาโต้ไปเพื่อ?" ดูท่าตอนนี้ NATO สงคราม อเมริกา อิสราเอล อังกฤษ จะกลายเป็น "เสนียดจัญไรโลก" ไปเต็มตรีนซะแว๊ว!

    เป็นเรื่อง หลังอ.ปานเทพ ถูกขู่สั่งหยุดขุดเรื่องอีโม หลักฐานใหม่มาเพิ่มทันที ศาลเจ้าปลอมแถวนนท์งานเข้า รับงานเค้ามา โดนจัดหนัก ใครจ่าย ใครชง ใครจัดฉาก ใครปิดคดี โดนกันหมดทั้งองคาพยศ อะไรน่ะ อีเด สายเหลืองก็มีเอี่ยวเหรอ? เหี้ยสมคำเล่าลือจริง หลังชาวบ้านสุดทนกับพฤติกรรมอีกากีเสนียดแผ่นดิน เงินมาผ้าหลุด เงินถึงรอดหมด ฆ่าคนเรื่องเล็ก เงินไม่เล็กหากจ่ายหนักจริง 21 ตำหนวดถูกเช็คบิล ล่อกันทั้งขบวนการ ใครเขียนบท ใครกำกับ อี 5 ตัวบนเรือ รู้เหตุการณ์ทั้งหมด แต่พูดไม่ได้ ถูกสั่งเก็บทันที วิญญานอีโม เริ่มออกอาละวาดแล้วจ๊ะ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย มรึงเตรียมรอชดใช้ได้เลย? งานนี้โยงไปถึงพรรคการเมืองหย่ายคับฟ้า ถึงได้ดิ้นกันกระแด่วกระแด่ว มันเป็นเรื่องของกรรม ยามที่แสงสาดส่องใครก็หนีกรรมไม่พ้น! ใหญ่แค่ไหนก็แค่ "ผงธุลีดิน" มรึงฆ่าเค้า ก็ต้องถูกเค้าฆ่ากลับ เช่นกัน สวดมนต์แผ่บุญกุศลตัดกรรมให้อีโมเยอะๆ มรึงเจ็บมามากแล้ว ชาติก่อนทำไว้เยอะ ชาตินี้ ได้ชดใช้กรรมหมดสิ้นแล้ว จากนี้ คือ "คิดบัญชี" ล้างบางเหี้ย

    ลุงสนธิมาเล่า BYD เตรียมออกไรเดอร์ไฟฟ้าวิ่ง 500 กม. ตายมั้ยล่ะมรึง? จ้าวตลาดไรเดอร์ทั่วโลก มีช็อค! มรึงเติมน้ำมัน 100 นึง วิ่งได้เท่าไหร่ งานนี้ ทั้งสัปดาห์ไม่ต้องเติม ไม่ต้องชาร์ตไฟบ่อย นี่ไง "กลเม็ดเชือดขี้ข้าเหี้ยของจีน" อียุ่นปี่โดนเต็มตรีน ตลาดไทยถูกตีแตกกระจุย ตลาดโลกแห่ย้ายค่าย ที่สำคัญไรเดอร์ไฟฟ้า ไม่มีควันพิษจ๊ะ เสียงก็ไม่บาดหู จะเสร็จอย่างเดียวคือ จมน้ำ(น้ำท่วมประจำ) อีกหน่อยคงมีไรเดอร์ดัดแปลงเหาะได้กันไปเลย จะมาชี้เป้าประเด็นนี้คือ จีนเริ่มเอานวตกรรมใหม่มาเปลี่ยนแปลงโลก ส่งสัญญานผู้คุมเกมส์เศรษฐกิจโลกตัวจริง เกือบ 10 ปี แล้วที่โลกตะวันตกไม่ได้ออกสิ่งประดิษฐ์อะไรใหม่ ดูได้จากจดสิทธิบัตรโลก จีนสร้างนวตกรรมใหม่มากที่สุดในโลก ครองสถิติ 60% ของแท้ ไม่พูดเยอะ ทุกสรรพสิ่งล้วนต้องใช้ชิปสั่งการ แปลว่า เทคโนโลยีจีน ทะลุ 3 นาโนไปแล้ว ขณะที่เหี้ยตะวันตกยังไปไม่ถึง 7 นาโนเลย มรึงเห็นความแตกต่างยัง? เอเซียครองโลกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อปากท้องอิ่ม สมองมี ปัญญาเกิด ยุโรป อเมริกา แค่ "ขี้ตรีนเอเซีย" มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาแค่ "โฆษณาหลอกควาย" ต้มเปื่อยควาย อะไรดีดีต้องตะวันตก แล้วรู้มั้ยว่า ตะวันตกใช้ของเอเซียมาเป็นชาติแล้ว มรึงแหกตาดูรอบตัวมรึงสิ?

    สงครามไม่ได้มีเฉพาะในสนามรบเท่านั้น เกมส์การเมืองโลกเปลี่ยนมือ อีผู้นำขี้ข้ายิวทั้งหลายล้มระเนระนาด ยุน ซอก ยอล มาครง โอลาฟ แม่แต่ อิชิบะ เก้าอี้หักกันหมด ขวาจัดคือไม่เอาเหี้ย กระแสแรงเกินต้าน ยิ่งใครถือนโยบายอียิว ไปหมดเกลี้ยง โลกไม่เลี้ยงไว้ทำพ่อง? ฝ่ายรัฐบาลขี้ข้ายิวเหี้ยไซออนนิสต์ถูกลากลงหลุม เหตุเพราะดันสงครามจนหน้ามืด ไม่มีจะแดร๊ก เป็นไปตามที่ปูตินคิด แผนยื้อลากยาว สร้างความเสียหายหนักให้ตะงันตกอย่างสาหัส เข้าหนาว สิ่งที่จะกระทืบซ้ำคือพลังงาน หมากกระดานนี้ คือ อย่าฆ่าเสียทีเดียว แค่เฉือนให้เลือดค่อยๆ ไหลออกจนหมดตัว นี่คือภาพที่เห็นชัดอยู่ตอนนี้ แปลว่า รัสเซีย จีน วางแผนมาฆ่าเหี้ย เปลี่ยนโลก ด้วยสงครามปากท้อง มากกว่าจะเน้นเปิดสมรภูมิรบไปทั่ว ปัจจัย 4 หากไม่มี สงครามก็ไปไม่รอด? อาวุธเต็มคลังแสง มีเอาไว้ "ปิดเกมส์" เท่านั้น ยิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "รู้จักรอเป็น จะได้ชัยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด" เรื่องไต้หวัน เรื่องอลาสก้า ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ แผ่นดินแตก ก็ขายแดร๊กสิจ๊ะ?

    อีทรัมปป์รู้ตัว ก่อนเข้ารับตำแหน่งสาบานตน เป็นช่วงเวลาที่ต้องระวังตัวให้มากที่สุด เพราะ DEEP STATE มันจ้องตาเป็นมัน อุบัติเหตุการเมืองไม่มีอยู่จริง นอกจากใบสั่ง ใบเสร็จทั้งนั้น อีทรัมปป์ถึงได้เก็บตัวเงียบ รอได้อำนาจเต็มมือก่อน กูล่อมรึงแน่ อี DEEP STATE มันก็รู้ตัวว่า อำนาจเปลี่ยนมือ กระแสมาเต็ม แลนด์สไลค์แบบนี้ อีทรัมปป์ซัดไม่เลี้ยงแน่ อีเอ๋อไม่รอด อีลาไม่จบ เปลี่ยนกฎหมายชัวร์ อีตาเพนจะทำอย่างไรดีล่ะ อเมริกันแห่เทให้ทรัมปป์หมดหน้าตัก ขืนสวนกระแส งานนี้ "CIVIL WAR" จะมาเร็วกว่าที่คิด สงครามมีรอบทิศ ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน อียุโรปก็เจ๊งหมดแล้ว มรึงไปเปิดสงครามการค้าจีนอีก จะเหลือใครมาซื้อของมรึงอีก? เท่ากับอีทรัมปป์จ้องจะปิดประเทศโดยนัยยะ ทำความสะอาดในบ้านก่อน จัดระเบียบใหม่ก่อน ไม่งั้น วังวนเดิมก็จะกลับมาไม่เปลี่ยน บทเรียนมันสอน ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง?

    ปล.ทุกอย่างเป็นไปตามวัฎจักรจักรวาล มีขึ้นมีลง มีเข้า มีออก เมื่อแสงเข้ามา ความมืดมิดที่เคยมี ก็ต้องหายไป ทังเรื่องการเมือง ความเป็นอยู่ คดีความทั้งหลาย ขบวนการขายชาติ แก๊งต้มตุ๋น ไม่มีอะไรปิดบังแสงได้ มันคือการส่งสัญญานปรับโลกใหม่ คนในยุคนี้ ก็ต้องปรับตาม เมื่อความชั่วก่อเกิดจนเป็นความเคยชินในกลียุค ต่อไป แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นความผิดใหญ่หลวง เพราะสำนึกคนเริ่มกลับมา หลังจากกลายร่างเป็นสัดนรก เป็นควายกันเยอะ เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และเงินตรา จงมองโลกอย่างเป็นธรรม เมื่อมนุษย์เอาสิ่งปนเปื้อนใส่เข้าไปในโลก โลกก็จะตอบโต้ด้วยสิ่งที่สะอาดหมดจรด ความจริงเท่านั้น ที่จะล้างบางสิ่งโสมมออกได้ สำนึกคนจะกลับมา หาไม่ก็สิ้นโลกไป ใช่! กำลังจะบอกว่า หากโลกมันเยียวยา ศีลธรรมไม่มีอยู่ ผู้ปกครองโลกก็จะตัดสินใจทำลายมันทิ้งไปซะ ก็แค่ดาวเคราะห์ดวงนึงในระบบสุริยจักรวาล บางคนมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่เมื่อมิติถูกยกขึ้นให้เทียบเคียงกัน ผู้สร้าง กับผู้ถูกสร้าง จะได้พบเจอกันในวันที่เหมาะสม วันที่เราปรับตัวเองเพื่อสอดรับกับคลื่นความถี่ที่ผู้สร้างมี นัยยะคือ ศีลเสมอกัน ถึงจะเจอกันได้ ไม่ว่าอะไรจะเลวร้ายแค่ไหน ก็แค่ช่วงนึงของกาลเวลา เราเป็นแค่ตัวละครฉากนึงในบทที่โลกถูกกำหนดมา มันคือห้องทดลองใหญ่ ที่เค้าดูเรามาโดยตลอด จิตคือสิ่งบ่งบอก ของการอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ หากจิตต่ำตม ก้ไม่มีประโยชน์อะไรต่อผู้สร้างอีกต่อไป ศาสนาเป็นแค่เครื่องมือทดสอบมนุษย์ ว่าเชื่อฟังหรือไม่? จิตที่อิสระ ย่อมจะเดินไปหาสิ่งที่สูงกว่าเสมอ แต่จิตที่ถูกบงการ จะถูกนำไปเป็นทาสารับใช้ของฝ่ายมืด(ซาตาน) ไม่ต้องการจะบอกเรื่องอจินไตย แค่ชี้เป้าให้รู้ ว่าเราอยู่เพื่ออะไร? หากไม่มีประโยชน์ต่อโลก ต่อมวลมนุษยชาติ มรึงก็เท่ากับ "ปรสิต" ผู้สร้างเค้าเตรียมแผ่นดินให้สำหรับผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้น ส่วนขยะ ก็ลงขุมนรกไป หรือไม่มีแผ่นดินให้อยู่ ไม่ว่าในภพหนก็ตาม?

    หมี CNN(ความตายไม่ใช่สิ่งสิ้นสุด มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ทำให้เรารู้ตัวเองว่าเป็นใคร มาจากไหน? เวียนวาย ตายเกิด มากี่ภพ กี่ชาติแล้ว จิตก็ยังอันเดิมไม่มีเปลี่ยน หยุดสร้างกรรมใหม่ ชดใช้กรรมเก่า บำเพ็ญเพียรภาวนา แผ่เมตตาให้ทุกสรรพสิ่ง ช่วยเหลือ แบ่งปัน มีเมตตา มีน้ำใจ ปล่อยวาง ใครทำได้ในกลียุค คือมรึงไม่ใช่คนอีกต่อไป สวรรค์รอมรึงอยู่ ไปมั้ยจ๊ะ?)
    17 ธันวาคม 67
    11.55 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    17-12-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.90 ชื่อตอน "WHAT A WONDERFUL WORLD" ไอ้สัส! โลกสวยสัด ถึงต้องจัดหนัก! จอร์เจียส่อแตกแยก! ปชต.มิใช่เหรอ? ชนะเลือกตั้ง นายกขวาจัดขึ้น ปธน.ไม่ยอมรับ อ้างไม่บริสุทธิ์ หมดวาระ 29 ธันวานี้ ไม่ออก บ้านแตก! ชาวจอร์เจียแห่ออกมาด่ากราด ลงถนนนับหมื่น ดีออก! ต้องเป็นขี้ข้าเหี้ยมะกันเท่านั้นชิมิ? ถึงจะเป็น "ปชต.โคตรพ่องยิว" อีเอ๋อ..สุรางค์ วอนส้นตรีนเล่น มรึงเป็นใครฟ่ะ? เสือกทุกเรื่อง หากขี้ข้ายิวแพ้เลือกตั้ง มันส์ล่ะมรึง? งานนี้ "ยุโรปสปริงค์มาเต็มตรีน" อาหรับเอาคืนสาสมใจมรึงแน่? ด้านอีเบียร์ ก็ใช่น้อยหน้า ผู้นำขวาจัด ซัดกลางบ้องหูเหี้ย ประกาศชัด "จะมีนาโต้ไปเพื่อ?" ดูท่าตอนนี้ NATO สงคราม อเมริกา อิสราเอล อังกฤษ จะกลายเป็น "เสนียดจัญไรโลก" ไปเต็มตรีนซะแว๊ว! เป็นเรื่อง หลังอ.ปานเทพ ถูกขู่สั่งหยุดขุดเรื่องอีโม หลักฐานใหม่มาเพิ่มทันที ศาลเจ้าปลอมแถวนนท์งานเข้า รับงานเค้ามา โดนจัดหนัก ใครจ่าย ใครชง ใครจัดฉาก ใครปิดคดี โดนกันหมดทั้งองคาพยศ อะไรน่ะ อีเด สายเหลืองก็มีเอี่ยวเหรอ? เหี้ยสมคำเล่าลือจริง หลังชาวบ้านสุดทนกับพฤติกรรมอีกากีเสนียดแผ่นดิน เงินมาผ้าหลุด เงินถึงรอดหมด ฆ่าคนเรื่องเล็ก เงินไม่เล็กหากจ่ายหนักจริง 21 ตำหนวดถูกเช็คบิล ล่อกันทั้งขบวนการ ใครเขียนบท ใครกำกับ อี 5 ตัวบนเรือ รู้เหตุการณ์ทั้งหมด แต่พูดไม่ได้ ถูกสั่งเก็บทันที วิญญานอีโม เริ่มออกอาละวาดแล้วจ๊ะ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย มรึงเตรียมรอชดใช้ได้เลย? งานนี้โยงไปถึงพรรคการเมืองหย่ายคับฟ้า ถึงได้ดิ้นกันกระแด่วกระแด่ว มันเป็นเรื่องของกรรม ยามที่แสงสาดส่องใครก็หนีกรรมไม่พ้น! ใหญ่แค่ไหนก็แค่ "ผงธุลีดิน" มรึงฆ่าเค้า ก็ต้องถูกเค้าฆ่ากลับ เช่นกัน สวดมนต์แผ่บุญกุศลตัดกรรมให้อีโมเยอะๆ มรึงเจ็บมามากแล้ว ชาติก่อนทำไว้เยอะ ชาตินี้ ได้ชดใช้กรรมหมดสิ้นแล้ว จากนี้ คือ "คิดบัญชี" ล้างบางเหี้ย ลุงสนธิมาเล่า BYD เตรียมออกไรเดอร์ไฟฟ้าวิ่ง 500 กม. ตายมั้ยล่ะมรึง? จ้าวตลาดไรเดอร์ทั่วโลก มีช็อค! มรึงเติมน้ำมัน 100 นึง วิ่งได้เท่าไหร่ งานนี้ ทั้งสัปดาห์ไม่ต้องเติม ไม่ต้องชาร์ตไฟบ่อย นี่ไง "กลเม็ดเชือดขี้ข้าเหี้ยของจีน" อียุ่นปี่โดนเต็มตรีน ตลาดไทยถูกตีแตกกระจุย ตลาดโลกแห่ย้ายค่าย ที่สำคัญไรเดอร์ไฟฟ้า ไม่มีควันพิษจ๊ะ เสียงก็ไม่บาดหู จะเสร็จอย่างเดียวคือ จมน้ำ(น้ำท่วมประจำ) อีกหน่อยคงมีไรเดอร์ดัดแปลงเหาะได้กันไปเลย จะมาชี้เป้าประเด็นนี้คือ จีนเริ่มเอานวตกรรมใหม่มาเปลี่ยนแปลงโลก ส่งสัญญานผู้คุมเกมส์เศรษฐกิจโลกตัวจริง เกือบ 10 ปี แล้วที่โลกตะวันตกไม่ได้ออกสิ่งประดิษฐ์อะไรใหม่ ดูได้จากจดสิทธิบัตรโลก จีนสร้างนวตกรรมใหม่มากที่สุดในโลก ครองสถิติ 60% ของแท้ ไม่พูดเยอะ ทุกสรรพสิ่งล้วนต้องใช้ชิปสั่งการ แปลว่า เทคโนโลยีจีน ทะลุ 3 นาโนไปแล้ว ขณะที่เหี้ยตะวันตกยังไปไม่ถึง 7 นาโนเลย มรึงเห็นความแตกต่างยัง? เอเซียครองโลกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อปากท้องอิ่ม สมองมี ปัญญาเกิด ยุโรป อเมริกา แค่ "ขี้ตรีนเอเซีย" มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาแค่ "โฆษณาหลอกควาย" ต้มเปื่อยควาย อะไรดีดีต้องตะวันตก แล้วรู้มั้ยว่า ตะวันตกใช้ของเอเซียมาเป็นชาติแล้ว มรึงแหกตาดูรอบตัวมรึงสิ? สงครามไม่ได้มีเฉพาะในสนามรบเท่านั้น เกมส์การเมืองโลกเปลี่ยนมือ อีผู้นำขี้ข้ายิวทั้งหลายล้มระเนระนาด ยุน ซอก ยอล มาครง โอลาฟ แม่แต่ อิชิบะ เก้าอี้หักกันหมด ขวาจัดคือไม่เอาเหี้ย กระแสแรงเกินต้าน ยิ่งใครถือนโยบายอียิว ไปหมดเกลี้ยง โลกไม่เลี้ยงไว้ทำพ่อง? ฝ่ายรัฐบาลขี้ข้ายิวเหี้ยไซออนนิสต์ถูกลากลงหลุม เหตุเพราะดันสงครามจนหน้ามืด ไม่มีจะแดร๊ก เป็นไปตามที่ปูตินคิด แผนยื้อลากยาว สร้างความเสียหายหนักให้ตะงันตกอย่างสาหัส เข้าหนาว สิ่งที่จะกระทืบซ้ำคือพลังงาน หมากกระดานนี้ คือ อย่าฆ่าเสียทีเดียว แค่เฉือนให้เลือดค่อยๆ ไหลออกจนหมดตัว นี่คือภาพที่เห็นชัดอยู่ตอนนี้ แปลว่า รัสเซีย จีน วางแผนมาฆ่าเหี้ย เปลี่ยนโลก ด้วยสงครามปากท้อง มากกว่าจะเน้นเปิดสมรภูมิรบไปทั่ว ปัจจัย 4 หากไม่มี สงครามก็ไปไม่รอด? อาวุธเต็มคลังแสง มีเอาไว้ "ปิดเกมส์" เท่านั้น ยิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "รู้จักรอเป็น จะได้ชัยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด" เรื่องไต้หวัน เรื่องอลาสก้า ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ แผ่นดินแตก ก็ขายแดร๊กสิจ๊ะ? อีทรัมปป์รู้ตัว ก่อนเข้ารับตำแหน่งสาบานตน เป็นช่วงเวลาที่ต้องระวังตัวให้มากที่สุด เพราะ DEEP STATE มันจ้องตาเป็นมัน อุบัติเหตุการเมืองไม่มีอยู่จริง นอกจากใบสั่ง ใบเสร็จทั้งนั้น อีทรัมปป์ถึงได้เก็บตัวเงียบ รอได้อำนาจเต็มมือก่อน กูล่อมรึงแน่ อี DEEP STATE มันก็รู้ตัวว่า อำนาจเปลี่ยนมือ กระแสมาเต็ม แลนด์สไลค์แบบนี้ อีทรัมปป์ซัดไม่เลี้ยงแน่ อีเอ๋อไม่รอด อีลาไม่จบ เปลี่ยนกฎหมายชัวร์ อีตาเพนจะทำอย่างไรดีล่ะ อเมริกันแห่เทให้ทรัมปป์หมดหน้าตัก ขืนสวนกระแส งานนี้ "CIVIL WAR" จะมาเร็วกว่าที่คิด สงครามมีรอบทิศ ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน อียุโรปก็เจ๊งหมดแล้ว มรึงไปเปิดสงครามการค้าจีนอีก จะเหลือใครมาซื้อของมรึงอีก? เท่ากับอีทรัมปป์จ้องจะปิดประเทศโดยนัยยะ ทำความสะอาดในบ้านก่อน จัดระเบียบใหม่ก่อน ไม่งั้น วังวนเดิมก็จะกลับมาไม่เปลี่ยน บทเรียนมันสอน ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง? ปล.ทุกอย่างเป็นไปตามวัฎจักรจักรวาล มีขึ้นมีลง มีเข้า มีออก เมื่อแสงเข้ามา ความมืดมิดที่เคยมี ก็ต้องหายไป ทังเรื่องการเมือง ความเป็นอยู่ คดีความทั้งหลาย ขบวนการขายชาติ แก๊งต้มตุ๋น ไม่มีอะไรปิดบังแสงได้ มันคือการส่งสัญญานปรับโลกใหม่ คนในยุคนี้ ก็ต้องปรับตาม เมื่อความชั่วก่อเกิดจนเป็นความเคยชินในกลียุค ต่อไป แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นความผิดใหญ่หลวง เพราะสำนึกคนเริ่มกลับมา หลังจากกลายร่างเป็นสัดนรก เป็นควายกันเยอะ เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ และเงินตรา จงมองโลกอย่างเป็นธรรม เมื่อมนุษย์เอาสิ่งปนเปื้อนใส่เข้าไปในโลก โลกก็จะตอบโต้ด้วยสิ่งที่สะอาดหมดจรด ความจริงเท่านั้น ที่จะล้างบางสิ่งโสมมออกได้ สำนึกคนจะกลับมา หาไม่ก็สิ้นโลกไป ใช่! กำลังจะบอกว่า หากโลกมันเยียวยา ศีลธรรมไม่มีอยู่ ผู้ปกครองโลกก็จะตัดสินใจทำลายมันทิ้งไปซะ ก็แค่ดาวเคราะห์ดวงนึงในระบบสุริยจักรวาล บางคนมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่เมื่อมิติถูกยกขึ้นให้เทียบเคียงกัน ผู้สร้าง กับผู้ถูกสร้าง จะได้พบเจอกันในวันที่เหมาะสม วันที่เราปรับตัวเองเพื่อสอดรับกับคลื่นความถี่ที่ผู้สร้างมี นัยยะคือ ศีลเสมอกัน ถึงจะเจอกันได้ ไม่ว่าอะไรจะเลวร้ายแค่ไหน ก็แค่ช่วงนึงของกาลเวลา เราเป็นแค่ตัวละครฉากนึงในบทที่โลกถูกกำหนดมา มันคือห้องทดลองใหญ่ ที่เค้าดูเรามาโดยตลอด จิตคือสิ่งบ่งบอก ของการอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ หากจิตต่ำตม ก้ไม่มีประโยชน์อะไรต่อผู้สร้างอีกต่อไป ศาสนาเป็นแค่เครื่องมือทดสอบมนุษย์ ว่าเชื่อฟังหรือไม่? จิตที่อิสระ ย่อมจะเดินไปหาสิ่งที่สูงกว่าเสมอ แต่จิตที่ถูกบงการ จะถูกนำไปเป็นทาสารับใช้ของฝ่ายมืด(ซาตาน) ไม่ต้องการจะบอกเรื่องอจินไตย แค่ชี้เป้าให้รู้ ว่าเราอยู่เพื่ออะไร? หากไม่มีประโยชน์ต่อโลก ต่อมวลมนุษยชาติ มรึงก็เท่ากับ "ปรสิต" ผู้สร้างเค้าเตรียมแผ่นดินให้สำหรับผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้น ส่วนขยะ ก็ลงขุมนรกไป หรือไม่มีแผ่นดินให้อยู่ ไม่ว่าในภพหนก็ตาม? หมี CNN(ความตายไม่ใช่สิ่งสิ้นสุด มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ทำให้เรารู้ตัวเองว่าเป็นใคร มาจากไหน? เวียนวาย ตายเกิด มากี่ภพ กี่ชาติแล้ว จิตก็ยังอันเดิมไม่มีเปลี่ยน หยุดสร้างกรรมใหม่ ชดใช้กรรมเก่า บำเพ็ญเพียรภาวนา แผ่เมตตาให้ทุกสรรพสิ่ง ช่วยเหลือ แบ่งปัน มีเมตตา มีน้ำใจ ปล่อยวาง ใครทำได้ในกลียุค คือมรึงไม่ใช่คนอีกต่อไป สวรรค์รอมรึงอยู่ ไปมั้ยจ๊ะ?) 17 ธันวาคม 67 11.55 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่ารู้สึกผิดถ้าคุณไม่รักพ่อแม่ แต่จงรู้คุณและคิดตอบแทนในชีวิตคนเรา ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งไม่สามารถบังคับกันได้โดยตรง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ความรักระหว่างกันอาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่เหนือกว่าความรักคือ "การตอบแทนบุญคุณ" ที่พ่อแม่มีต่อเราความรู้สึกต่อพ่อแม่: เข้าใจ ไม่ใช่ฝืนใจรัก1. ความรู้สึกเป็นสิ่งบังคับไม่ได้หากเราตัดสถานะพ่อแม่ออกไป แล้วมองพวกท่านในฐานะบุคคลทั่วไป อารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็อาจเป็นทั้งความขัดเคือง ความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธ แต่สิ่งสำคัญคือ การยอมรับว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กัน2. ไม่ต้องฝืนใจ แต่ให้ "เข้าใจ"แทนที่จะเค้นใจให้รักพ่อแม่ ให้เริ่มต้นด้วยความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของพวกท่าน พ่อแม่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีข้อดีและข้อเสีย มีความยึดติดและอารมณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับเรา หากมองเห็นความจริงนี้ได้ เราก็จะเริ่มปล่อยวาง และให้อภัยในสิ่งที่พวกท่านทำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสงบในใจเราเอง---การตอบแทนบุญคุณ: หาค่าของพ่อแม่ให้เจอ1. ค่าของชีวิตเริ่มต้นจากพ่อแม่ชีวิตของเรามีขึ้นมาได้เพราะพ่อแม่ หากไม่มีพวกท่าน เราก็ไม่มีโอกาสได้หาค่าของชีวิตหรือสร้างบุญสร้างกุศลในโลกนี้ การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่จึงเริ่มต้นจากการ "เห็นคุณค่า" ของพวกท่านในฐานะผู้ให้ชีวิต2. ความกตัญญู: รู้คุณคนความกตัญญูคือการรับรู้และนึกถึงบุญคุณที่พ่อแม่ทำไว้ การเข้าใจว่าท่านมีส่วนช่วยให้เรามีชีวิตและโอกาสในวันนี้ แม้การตอบแทนบุญคุณในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมอาจยังไม่ชัดเจน แต่ความกตัญญูคือจุดเริ่มต้นที่จะแปรเปลี่ยนเป็นการตอบแทนในภายหลัง3. กตเวที: การลงมือทำเมื่อมีความกตัญญูในใจแล้ว ความอยากตอบแทนจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ เช่น การดูแลพ่อแม่ในยามเจ็บป่วย การแสดงความห่วงใย หรือการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ยังเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเราเอง---วางใจต่อบาปบุญ และมุ่งสู่การหลุดพ้น1. ถือสาเฉพาะสิ่งที่ควรถือสาสิ่งที่เราควรใส่ใจที่สุดคือบาปบุญของตัวเอง หากมองว่าพ่อแม่มีบุญคุณล้นพ้นต่อเรา การกระทบกระทั่งหรือความทุกข์ใจใดๆ ที่เกิดขึ้นจากพวกท่านก็เป็นเรื่องเล็กน้อย2. ความทุกข์จากพ่อแม่คือบทเรียนทุกข์ที่เกิดจากความสัมพันธ์กับพ่อแม่อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยปลดปล่อยเราออกจากความยึดติดและอยากเกิดในอนาคต การยอมรับและให้อภัยในเรื่องเหล่านี้คือหนทางหนึ่งที่ช่วยนำเราเข้าใกล้นิพพาน---สรุปอย่ารู้สึกผิดหากคุณไม่สามารถรักพ่อแม่ได้ในทันที เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่บังคับไม่ได้ แต่จงฝึก "ความเข้าใจ" และ "ความกตัญญู" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบแทนบุญคุณอย่างแท้จริง การตอบแทนไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่เพียงการปฏิบัติต่อพวกท่านด้วยความเคารพและใส่ใจก็เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของเราและพ่อแม่มีความหมายมากขึ้น.
    อย่ารู้สึกผิดถ้าคุณไม่รักพ่อแม่ แต่จงรู้คุณและคิดตอบแทนในชีวิตคนเรา ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งไม่สามารถบังคับกันได้โดยตรง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ความรักระหว่างกันอาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่เหนือกว่าความรักคือ "การตอบแทนบุญคุณ" ที่พ่อแม่มีต่อเราความรู้สึกต่อพ่อแม่: เข้าใจ ไม่ใช่ฝืนใจรัก1. ความรู้สึกเป็นสิ่งบังคับไม่ได้หากเราตัดสถานะพ่อแม่ออกไป แล้วมองพวกท่านในฐานะบุคคลทั่วไป อารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็อาจเป็นทั้งความขัดเคือง ความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธ แต่สิ่งสำคัญคือ การยอมรับว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กัน2. ไม่ต้องฝืนใจ แต่ให้ "เข้าใจ"แทนที่จะเค้นใจให้รักพ่อแม่ ให้เริ่มต้นด้วยความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของพวกท่าน พ่อแม่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีข้อดีและข้อเสีย มีความยึดติดและอารมณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับเรา หากมองเห็นความจริงนี้ได้ เราก็จะเริ่มปล่อยวาง และให้อภัยในสิ่งที่พวกท่านทำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสงบในใจเราเอง---การตอบแทนบุญคุณ: หาค่าของพ่อแม่ให้เจอ1. ค่าของชีวิตเริ่มต้นจากพ่อแม่ชีวิตของเรามีขึ้นมาได้เพราะพ่อแม่ หากไม่มีพวกท่าน เราก็ไม่มีโอกาสได้หาค่าของชีวิตหรือสร้างบุญสร้างกุศลในโลกนี้ การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่จึงเริ่มต้นจากการ "เห็นคุณค่า" ของพวกท่านในฐานะผู้ให้ชีวิต2. ความกตัญญู: รู้คุณคนความกตัญญูคือการรับรู้และนึกถึงบุญคุณที่พ่อแม่ทำไว้ การเข้าใจว่าท่านมีส่วนช่วยให้เรามีชีวิตและโอกาสในวันนี้ แม้การตอบแทนบุญคุณในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมอาจยังไม่ชัดเจน แต่ความกตัญญูคือจุดเริ่มต้นที่จะแปรเปลี่ยนเป็นการตอบแทนในภายหลัง3. กตเวที: การลงมือทำเมื่อมีความกตัญญูในใจแล้ว ความอยากตอบแทนจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ เช่น การดูแลพ่อแม่ในยามเจ็บป่วย การแสดงความห่วงใย หรือการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ยังเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเราเอง---วางใจต่อบาปบุญ และมุ่งสู่การหลุดพ้น1. ถือสาเฉพาะสิ่งที่ควรถือสาสิ่งที่เราควรใส่ใจที่สุดคือบาปบุญของตัวเอง หากมองว่าพ่อแม่มีบุญคุณล้นพ้นต่อเรา การกระทบกระทั่งหรือความทุกข์ใจใดๆ ที่เกิดขึ้นจากพวกท่านก็เป็นเรื่องเล็กน้อย2. ความทุกข์จากพ่อแม่คือบทเรียนทุกข์ที่เกิดจากความสัมพันธ์กับพ่อแม่อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยปลดปล่อยเราออกจากความยึดติดและอยากเกิดในอนาคต การยอมรับและให้อภัยในเรื่องเหล่านี้คือหนทางหนึ่งที่ช่วยนำเราเข้าใกล้นิพพาน---สรุปอย่ารู้สึกผิดหากคุณไม่สามารถรักพ่อแม่ได้ในทันที เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่บังคับไม่ได้ แต่จงฝึก "ความเข้าใจ" และ "ความกตัญญู" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบแทนบุญคุณอย่างแท้จริง การตอบแทนไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่เพียงการปฏิบัติต่อพวกท่านด้วยความเคารพและใส่ใจก็เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของเราและพ่อแม่มีความหมายมากขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จะยึดมั่นอะไรในสิ่งชั่วคราวจงปล่อยวางเสียเถิด 🙏🏻🫳🏻🍂 พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป ดังนี้ ภิกษุรู้ว่า ร่างกายนี้เปรียบเหมือนหม้อดิน ควรป้องกันจิตนี้ เหมือนป้องกันพระนครแล้วใช้อาวุธคือปัญญารบกับมาร๑ และควรรักษาชัยชนะไว้ แต่ไม่ควรยินดียึดติด๒ พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่พระติสสเถระผู้มีร่างกายเน่าเปื่อยดังนี้ อีกไม่นานนักร่างกายนี้ ก็จักปราศจากวิญญาณ ถูกทอดทิ้ง ทับถมแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์ฉะนั้น .๑ มาร ในที่นี้หมายถึง กิเลสมาร๒ ควรรักษาชัยชนะไว้แต่ไม่ควรยินดียึดติด หมายถึง เมื่อภิกษุบรรลุสมาบัติได้วิปัสสนาอ่อน ๆ ชนะกิเลสได้ระดับหนึ่งแต่ไม่ควรยึดติดอยู่เพียงสมาบัตินั้น ควรพิจารณาสังขารทั้งหลายด้วยจิตที่ผ่องใสแล้วรักษาระดับจิตนั้นไว้ได้ในที่สุด จะสามารถบรรลุมรรคผลอันสูงสุด ชนะกิเลสมารได้อย่างสิ้นเชิงฉบับมหาจุฬาฯ๒๕/๓๘/๔๐-๔๑.
    #จะยึดมั่นอะไรในสิ่งชั่วคราวจงปล่อยวางเสียเถิด 🙏🏻🫳🏻🍂 พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป ดังนี้ ภิกษุรู้ว่า ร่างกายนี้เปรียบเหมือนหม้อดิน ควรป้องกันจิตนี้ เหมือนป้องกันพระนครแล้วใช้อาวุธคือปัญญารบกับมาร๑ และควรรักษาชัยชนะไว้ แต่ไม่ควรยินดียึดติด๒ พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่พระติสสเถระผู้มีร่างกายเน่าเปื่อยดังนี้ อีกไม่นานนักร่างกายนี้ ก็จักปราศจากวิญญาณ ถูกทอดทิ้ง ทับถมแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์ฉะนั้น .๑ มาร ในที่นี้หมายถึง กิเลสมาร๒ ควรรักษาชัยชนะไว้แต่ไม่ควรยินดียึดติด หมายถึง เมื่อภิกษุบรรลุสมาบัติได้วิปัสสนาอ่อน ๆ ชนะกิเลสได้ระดับหนึ่งแต่ไม่ควรยึดติดอยู่เพียงสมาบัตินั้น ควรพิจารณาสังขารทั้งหลายด้วยจิตที่ผ่องใสแล้วรักษาระดับจิตนั้นไว้ได้ในที่สุด จะสามารถบรรลุมรรคผลอันสูงสุด ชนะกิเลสมารได้อย่างสิ้นเชิงฉบับมหาจุฬาฯ๒๕/๓๘/๔๐-๔๑.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/3
    🧬🧬🧬🧬🧬
    ✍️รหัสโค้ดในดีเอ็นเอของมนุษย์ไม่ใช่เป็นของ GOD องค์ใดองค์หนึ่ง
    รหัสลับใน DNA ของคุณ มีความหมายซ่อนอยู่ในนั้นที่คุณต้องรู้
    https://www.youtube.com/live/eElgfF8V60Y?si=1XZQPkd7caVDfWY3
    ✍️ซ่อมแซม DNA ด้วยเบต้ากลูแคน ได้จริงหรือ?
    https://www.youtube.com/live/ekNMQ7tHJ3Y?si=G6EPmOWfgExeWxu2
    ✍️หลักฐานยืนยัน #DNA มนุษย์ถูกตัดต่อสองแสนปีที่แล้ว DNA ของมนุษย์ถูกเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และ DNA ส่วนไหนที่ทำให้มนุษย์ต่างจากลิง
    https://youtu.be/SopVb_CQ2TY?si=snl5CfT1d1vHjWQe
    ✍️วิธีซ่อมแซม DNA ด้วยความรักและเทคนิค Freeze Frame
    https://youtu.be/54R-eA8vqsI?si=yKFSSp_Ya77dEJNH
    ✍️วิธีเปิดดีเอ็นเอที่ถูกปิดไว้นานแสนนานด้วยหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
    https://youtu.be/mkoPczNxBKY?si=tnKHn1FVLgBBkKor
    ✍️เปิดตาที่สามแล้วคุณจะมีพลังพิเศษ แอบรู้ความลับของต่อมไพเนียลที่คุณต้องรู้
    ✅ คลิปนี้บอกความลับของต่อมไพเนียลที่ถูกค้นพบไม่นานนี้เอง
    ✅ รูปปั้นของชาวอียิปต์โบราณพยายามจะบอกความลับอะไรกับคนสมัยใหม่
    ✅ วิธีสร้างสาร DMT ด้วยตัวคุณเอง
    ✅ และอาหารที่ช่วยล้างหินปูนที่เกาะต่อมไพเนียล
    https://youtu.be/2Yi_2QvU7qI?si=bn1XNJHYwWnTcDe2
    ✍️ความลับของกฎแรงดึงดูด ต้องเรียงลำดับขั้นตอน
    https://youtu.be/nAmM0XZRsxI?si=kQd8H3pELJDtVn0v
    ✍️สมาธิเปิดดีเอ็นเอ HU+528Hz+Light Language+ปรับจักระทั้ง7+ต้อนรับโลกใหม่(New Earth)
    https://youtu.be/AaGi_tIhOTc?si=pEGh3ALzBvgJXDv0
    ✍️คุณต้องทึ่งกับรหัสลับที่ถูกค้นพบใน DNA และถ้าคุณรักสุขภาพ ต้องรู้จัก DNA ของคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=DHA7hIyEYsU
    ✍️ความลับของการเปิด DNA น้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=OjE-3POKzmo
    ✍️TOP 3 อาหารซ่อมแซมดีเอ็นเอที่คุณทานได้ทุกวัน
    https://www.youtube.com/watch?v=emA0c__-cXw
    ✍️อารมณ์มีผลต่อ DNA อย่างไร
    https://www.youtube.com/watch?v=cVOo2d5_uG8

    🔔 🔔🔔🔔🔔
    ✍️ใช้เสียงเป็นยา คือการรักษาในอนาคต Music Medicine
    https://www.youtube.com/watch?v=LL7_WwaqcF4&t=4816s
    ✍️ใช้เสียงบำบัดเริ่มยังไงดี
    https://www.youtube.com/watch?v=xiiUhgOE_to
    ✍️จูนร่างกายด้วยคลื่นเสียงมหัศจรรย์ Solfeggio Frequencies
    https://www.youtube.com/watch?v=b_slqigcEdE
    ✍️คลื่นเสียงบำบัดช่วยอะไรได้บ้าง
    https://www.youtube.com/watch?v=0Q4WpLOsN0s
    ✍️Tuning Forks (ทูนนิ่งฟอร์ค) ส้อมเสียง ช่วยซ่อมแซมDNAได้อย่างไร
    https://www.youtube.com/watch?v=17SQPuOg2K0
    ✍️วิธี Energy Testing หาคำตอบด้วยตัวเองว่าอาหารและวิตามินอะไรที่คุณควรทาน วิธีที่คุณดูแลตัวเอง และใช้ subconscious จิตใต้สำนึก ตอบคำถามให้คุณได้อย่างแม่นยำ
    https://www.youtube.com/live/ia6UtLF42qo?si=J-crrMvxrlMp9oWf
    ✍️รีชาร์จเซลล์ด้วย Energy Medicine - PEMF เทคโนโลยีใหม่สำหรับการบำบัดแห่งอนาคต
    https://www.youtube.com/live/h07Zdq2tYu8?si=7puWTAbO670fmAvb
    ✍️QUANTUM HEALING การบำบัดในอนาคต
    EP.1 : https://www.youtube.com/live/SNVSfGGzWhQ?si=cpDnTB9SF0Z7rEL2
    EP2 : https://www.youtube.com/live/OYP9ooNsUEc?si=pFy-FA4yYyK8noC9
    EP3 : https://www.youtube.com/live/jGsUeYwLh0s?si=tbRgokDiKvDpA8l0
    ✍️เทคโนโลยีใหม่ใช้รักษามาถึงแล้ว
    https://www.youtube.com/live/t_wWeVRsxMM?si=JF8diTyOPnyE6A9_
    ✍️พลังบำบัดมหัศจรรย์ด้วยรหัสโค้ดเปลี่ยนคลื่นความถี่ - Star Magic Healing | สัมภาษณ์ Jerry Sargeant ชาวอังกฤษ ร่วมกับอ.ทีน่า
    https://youtu.be/1Wduzh_KhqQ?si=4rQI9hZbA26_D5BK
    ✍️Pure Sound Crystal Singing Bowls 432 Hz Solfeggio melody #HealingVibration
    คลิปนี้เป็นเสียงของของคริสตัลโบล์ล้วนๆค่ะ ช่วยกำจัดอารมณ์วิตกกังวลได้อย่างดี
    https://youtu.be/NH5s5N3p_JM?si=173EG3GkKxleXn3Z
    ✍️#crystalsingingbowls เสียงเพลงเบาๆด้วยคลื่นความถี่ Frequency 432 Hz จาก crystal singing bowls เพลงสายทิพย์, Solfeggio Tuning forks และคลื่น 528 Hz จากเสียงเพลง binaural จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและหลับสบาย
    https://youtu.be/sg2SS8go_P4?si=GaMPzPvusqQNvHgL
    ✍️#เสียงนำสมาธิ #manifest #ประตูมิติ
    ยังไม่สายที่จะทำสมาธิเพื่อเปิดรับพลังงานจากประตูมิติไลออน (Lion's Gate) กำลังเปิดรอคุณอยู่
    Lion's Gate ของปีนี้แรงกว่าปีที่แล้วค่ะ
    https://youtu.be/AJKysmti6tc?si=nf_g3BS2nuxvts1B
    ✍️วิธีติดตั้ง Glider กับส้อมเสียง OM
    https://youtu.be/OUtgNNesKjU?si=lJT5SGKEaJhP9Rdn
    ✍️วิธีใช้ส้อมเสียง
    EP1 : https://youtu.be/J4FM5fSCIxU?si=b_yFf5wGVAjy7f2n
    EP2 : https://youtu.be/qvw_RcZJtPk?si=PqBEn3D8zeAVsu15
    ✍️สอนฟรี! วิธีใช้ส้อมเสียงเบื้องต้น Tuning Fork Starter Kit
    https://www.youtube.com/watch?v=07umxS_W_Oo
    ✍️ผ่อนคลายความเครียดด้วย Sound Therapy กันค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=uadr_C8EPqo
    ✍️ผ่อนคลายและปรับจักระทั้ง 7 ด้วยคลื่นเสียง 432Hz + 528Hz
    https://www.youtube.com/watch?v=H0Zg-oRd1hU
    ✍️คล็ดลับของการสร้างสุขภาพดีด้วยกฎ 1 ข้อที่จริงที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=QROMEq2Rw50
    ✍️เทคโนโลยีใหม่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและต้านมะเs็ง อัลไซเมอร์ Light Therapy
    https://www.youtube.com/watch?v=E5bDPsbq-Sg
    ✍️5G และ EMF ทำให้เราป่วย จริงหรือไม่?
    https://www.youtube.com/watch?v=3cVJ2ce5RBQ&t=9s
    ✍️ช่วยพิชิตมะเs็งด้วยคลื่นความถี่ FREQUENCY
    https://www.youtube.com/watch?v=XsVeRo2BuCA

    ✌️✌️✌️✌️✌️
    ✍️️สั่งจิตพิชิตมะเร็ง สิ่งสำคัญที่สุด
    https://youtu.be/T8ytSEd83zI?si=Fc3HlW30G7CnadUg
    ✍️#ตื่นรู้ #HU ครั้งแรกที่โค้ชนาตาลี สนทนากับลูกชายเรื่องการตื่นรู้ และแชร์ประสบการณ์จากการส่ง HU
    https://youtu.be/TMcW2bO_UT4?si=CmEJZiJXKaGCA7-M
    ✍️การถอดจิต ความสามารถที่มนุษย์เราทุกคนควรจะมี Remote Viewing ประสบการณ์ดูไกลกับคุณนิมิต ภูติรัช
    https://youtu.be/5Ulzw-CGtkw?si=AYjhn6ULYM2eIB1O
    ✍️วิธีปล่อยวาง อย่ายึดติดกับร่างกายของเรา กำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็ง
    https://youtu.be/Bp4qVYAYuLM?si=a2FIoqaqdGAp6sqd
    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง อยากได้กำลังใจให้ทำแบบนี้
    https://youtu.be/MIhClkNYQHs?si=qZNQqGEU8EhWzU6u
    ✍️รวมสุดยอด 20 วิธีลดความเครียดที่คุณทำได้ทันที
    https://www.youtube.com/watch?v=LnFPpEKdQRw
    ✍️วิธีฝึกลูกให้เปิดตาที่สาม กระตุ้นต่อมไพเนียลอย่างง่ายๆ
    https://www.youtube.com/watch?v=lP_qiRlHCKE
    ✍️วิธีเปิดตาที่สาม กระตุ้นต่อมไพเนียล และ 3 เคล็ดลับบำบัดโรคให้มีสุขภาพดี
    https://www.youtube.com/watch?v=D2r0hiUlJK4&t=3914s
    ✍️ดับความกลัว ลดความเครียด ด้วยหลักของดอกเตอร์โจ ดิสเพนซา
    https://www.youtube.com/watch?v=C7LbmM_OOpU
    ✍️#โจดิสเพนซา #คุณคือพลาซีโบ #สมาธิบำบัด
    ซีรีย์หนังสือเสียงเพื่อเป็นกำลังใจและเพิ่มความรู้ให้คุณ
    https://youtu.be/-3RBDQPj-74?si=sOxQF0AFuRMsli1V
    ✍️หนังสือเสียง คุณคือพลาซีโบ ตอน-โจแอน โรคแพ้ภูมิตัวเองขั้นรุนแรง - MS
    https://www.youtube.com/watch?v=_1y5i1Ueh5k
    ✍️ตัวอย่างคนเอาชนะมะเs็ง และ15 ขั้นตอนปรับจิตพิชิตมะเs็งด้วยหลักของ Dr.Joe Dispenza
    https://www.youtube.com/watch?v=cQq_rGfdqUE&t=7s
    ✍️มะเร็งสัมพันธ์กับจักระอย่างไร
    https://www.youtube.com/live/ASOHtPGOkXk?si=OdiQfFqUTSRHswtQ
    ✍️ทำไมต้องเจอเรื่องร้ายๆในชีวิต
    https://youtu.be/WrzE7dRMnTA?si=BVWAz1X8xHyQZmjX
    ✍️วิธีคิดบวกในช่วงที่คุณป่วย
    https://www.youtube.com/watch?v=CUboyS_GWDo
    ✍️ความกลัวทำให้เราป่วยได้อย่างไร
    https://www.youtube.com/watch?v=VAyHkR8Dfs4
    ✍️วิธีขจัดความกลัวสู้มะเs็ง& ตอบคำคามแฟนคลับ
    https://www.youtube.com/watch?v=xFG6qX9V5rQ
    ✍️ Finding Your Quantum True-Self “จูนพลังจิตควอนตัมหาตัวเองให้เจอ”
    https://youtu.be/uXXggX1ShoE?si=VCJVz-Cw2HCJNaf1
    ✍️Top10 ความเครียดที่มีผลต่อมะเs็งมากที่สุด มาให้คะแนนความเครียดกันหน่อย
    https://www.youtube.com/watch?v=zdXbOIz2EIc
    ✍️TOP 3 วิธีลดความเครียด
    https://www.youtube.com/watch?v=y9ZbOKAQj9w
    ✍️สติหลุด วิธีตั้งสติให้เร็วที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=fqx7IvliBM4
    ✍️ฝึกสมาธิแบบ HU ยกระดับจิตวิญญาณ 10นาที สำหรับคนมีเวลาน้อย
    https://www.youtube.com/watch?v=wGWXHh9UMe0
    ✍️สมาธิ 3-2-1 ช่วยบำบัดมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=r9rydhkGAh0
    2/3 🧬🧬🧬🧬🧬 ✍️รหัสโค้ดในดีเอ็นเอของมนุษย์ไม่ใช่เป็นของ GOD องค์ใดองค์หนึ่ง รหัสลับใน DNA ของคุณ มีความหมายซ่อนอยู่ในนั้นที่คุณต้องรู้ https://www.youtube.com/live/eElgfF8V60Y?si=1XZQPkd7caVDfWY3 ✍️ซ่อมแซม DNA ด้วยเบต้ากลูแคน ได้จริงหรือ? https://www.youtube.com/live/ekNMQ7tHJ3Y?si=G6EPmOWfgExeWxu2 ✍️หลักฐานยืนยัน #DNA มนุษย์ถูกตัดต่อสองแสนปีที่แล้ว DNA ของมนุษย์ถูกเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และ DNA ส่วนไหนที่ทำให้มนุษย์ต่างจากลิง https://youtu.be/SopVb_CQ2TY?si=snl5CfT1d1vHjWQe ✍️วิธีซ่อมแซม DNA ด้วยความรักและเทคนิค Freeze Frame https://youtu.be/54R-eA8vqsI?si=yKFSSp_Ya77dEJNH ✍️วิธีเปิดดีเอ็นเอที่ถูกปิดไว้นานแสนนานด้วยหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ https://youtu.be/mkoPczNxBKY?si=tnKHn1FVLgBBkKor ✍️เปิดตาที่สามแล้วคุณจะมีพลังพิเศษ แอบรู้ความลับของต่อมไพเนียลที่คุณต้องรู้ ✅ คลิปนี้บอกความลับของต่อมไพเนียลที่ถูกค้นพบไม่นานนี้เอง ✅ รูปปั้นของชาวอียิปต์โบราณพยายามจะบอกความลับอะไรกับคนสมัยใหม่ ✅ วิธีสร้างสาร DMT ด้วยตัวคุณเอง ✅ และอาหารที่ช่วยล้างหินปูนที่เกาะต่อมไพเนียล https://youtu.be/2Yi_2QvU7qI?si=bn1XNJHYwWnTcDe2 ✍️ความลับของกฎแรงดึงดูด ต้องเรียงลำดับขั้นตอน https://youtu.be/nAmM0XZRsxI?si=kQd8H3pELJDtVn0v ✍️สมาธิเปิดดีเอ็นเอ HU+528Hz+Light Language+ปรับจักระทั้ง7+ต้อนรับโลกใหม่(New Earth) https://youtu.be/AaGi_tIhOTc?si=pEGh3ALzBvgJXDv0 ✍️คุณต้องทึ่งกับรหัสลับที่ถูกค้นพบใน DNA และถ้าคุณรักสุขภาพ ต้องรู้จัก DNA ของคุณ https://www.youtube.com/watch?v=DHA7hIyEYsU ✍️ความลับของการเปิด DNA น้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้ https://www.youtube.com/watch?v=OjE-3POKzmo ✍️TOP 3 อาหารซ่อมแซมดีเอ็นเอที่คุณทานได้ทุกวัน https://www.youtube.com/watch?v=emA0c__-cXw ✍️อารมณ์มีผลต่อ DNA อย่างไร https://www.youtube.com/watch?v=cVOo2d5_uG8 🔔 🔔🔔🔔🔔 ✍️ใช้เสียงเป็นยา คือการรักษาในอนาคต Music Medicine https://www.youtube.com/watch?v=LL7_WwaqcF4&t=4816s ✍️ใช้เสียงบำบัดเริ่มยังไงดี https://www.youtube.com/watch?v=xiiUhgOE_to ✍️จูนร่างกายด้วยคลื่นเสียงมหัศจรรย์ Solfeggio Frequencies https://www.youtube.com/watch?v=b_slqigcEdE ✍️คลื่นเสียงบำบัดช่วยอะไรได้บ้าง https://www.youtube.com/watch?v=0Q4WpLOsN0s ✍️Tuning Forks (ทูนนิ่งฟอร์ค) ส้อมเสียง ช่วยซ่อมแซมDNAได้อย่างไร https://www.youtube.com/watch?v=17SQPuOg2K0 ✍️วิธี Energy Testing หาคำตอบด้วยตัวเองว่าอาหารและวิตามินอะไรที่คุณควรทาน วิธีที่คุณดูแลตัวเอง และใช้ subconscious จิตใต้สำนึก ตอบคำถามให้คุณได้อย่างแม่นยำ https://www.youtube.com/live/ia6UtLF42qo?si=J-crrMvxrlMp9oWf ✍️รีชาร์จเซลล์ด้วย Energy Medicine - PEMF เทคโนโลยีใหม่สำหรับการบำบัดแห่งอนาคต https://www.youtube.com/live/h07Zdq2tYu8?si=7puWTAbO670fmAvb ✍️QUANTUM HEALING การบำบัดในอนาคต EP.1 : https://www.youtube.com/live/SNVSfGGzWhQ?si=cpDnTB9SF0Z7rEL2 EP2 : https://www.youtube.com/live/OYP9ooNsUEc?si=pFy-FA4yYyK8noC9 EP3 : https://www.youtube.com/live/jGsUeYwLh0s?si=tbRgokDiKvDpA8l0 ✍️เทคโนโลยีใหม่ใช้รักษามาถึงแล้ว https://www.youtube.com/live/t_wWeVRsxMM?si=JF8diTyOPnyE6A9_ ✍️พลังบำบัดมหัศจรรย์ด้วยรหัสโค้ดเปลี่ยนคลื่นความถี่ - Star Magic Healing | สัมภาษณ์ Jerry Sargeant ชาวอังกฤษ ร่วมกับอ.ทีน่า https://youtu.be/1Wduzh_KhqQ?si=4rQI9hZbA26_D5BK ✍️Pure Sound Crystal Singing Bowls 432 Hz Solfeggio melody #HealingVibration คลิปนี้เป็นเสียงของของคริสตัลโบล์ล้วนๆค่ะ ช่วยกำจัดอารมณ์วิตกกังวลได้อย่างดี https://youtu.be/NH5s5N3p_JM?si=173EG3GkKxleXn3Z ✍️#crystalsingingbowls เสียงเพลงเบาๆด้วยคลื่นความถี่ Frequency 432 Hz จาก crystal singing bowls เพลงสายทิพย์, Solfeggio Tuning forks และคลื่น 528 Hz จากเสียงเพลง binaural จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและหลับสบาย https://youtu.be/sg2SS8go_P4?si=GaMPzPvusqQNvHgL ✍️#เสียงนำสมาธิ #manifest #ประตูมิติ ยังไม่สายที่จะทำสมาธิเพื่อเปิดรับพลังงานจากประตูมิติไลออน (Lion's Gate) กำลังเปิดรอคุณอยู่ Lion's Gate ของปีนี้แรงกว่าปีที่แล้วค่ะ https://youtu.be/AJKysmti6tc?si=nf_g3BS2nuxvts1B ✍️วิธีติดตั้ง Glider กับส้อมเสียง OM https://youtu.be/OUtgNNesKjU?si=lJT5SGKEaJhP9Rdn ✍️วิธีใช้ส้อมเสียง EP1 : https://youtu.be/J4FM5fSCIxU?si=b_yFf5wGVAjy7f2n EP2 : https://youtu.be/qvw_RcZJtPk?si=PqBEn3D8zeAVsu15 ✍️สอนฟรี! วิธีใช้ส้อมเสียงเบื้องต้น Tuning Fork Starter Kit https://www.youtube.com/watch?v=07umxS_W_Oo ✍️ผ่อนคลายความเครียดด้วย Sound Therapy กันค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=uadr_C8EPqo ✍️ผ่อนคลายและปรับจักระทั้ง 7 ด้วยคลื่นเสียง 432Hz + 528Hz https://www.youtube.com/watch?v=H0Zg-oRd1hU ✍️คล็ดลับของการสร้างสุขภาพดีด้วยกฎ 1 ข้อที่จริงที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=QROMEq2Rw50 ✍️เทคโนโลยีใหม่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและต้านมะเs็ง อัลไซเมอร์ Light Therapy https://www.youtube.com/watch?v=E5bDPsbq-Sg ✍️5G และ EMF ทำให้เราป่วย จริงหรือไม่? https://www.youtube.com/watch?v=3cVJ2ce5RBQ&t=9s ✍️ช่วยพิชิตมะเs็งด้วยคลื่นความถี่ FREQUENCY https://www.youtube.com/watch?v=XsVeRo2BuCA ✌️✌️✌️✌️✌️ ✍️️สั่งจิตพิชิตมะเร็ง สิ่งสำคัญที่สุด https://youtu.be/T8ytSEd83zI?si=Fc3HlW30G7CnadUg ✍️#ตื่นรู้ #HU ครั้งแรกที่โค้ชนาตาลี สนทนากับลูกชายเรื่องการตื่นรู้ และแชร์ประสบการณ์จากการส่ง HU https://youtu.be/TMcW2bO_UT4?si=CmEJZiJXKaGCA7-M ✍️การถอดจิต ความสามารถที่มนุษย์เราทุกคนควรจะมี Remote Viewing ประสบการณ์ดูไกลกับคุณนิมิต ภูติรัช https://youtu.be/5Ulzw-CGtkw?si=AYjhn6ULYM2eIB1O ✍️วิธีปล่อยวาง อย่ายึดติดกับร่างกายของเรา กำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็ง https://youtu.be/Bp4qVYAYuLM?si=a2FIoqaqdGAp6sqd ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง อยากได้กำลังใจให้ทำแบบนี้ https://youtu.be/MIhClkNYQHs?si=qZNQqGEU8EhWzU6u ✍️รวมสุดยอด 20 วิธีลดความเครียดที่คุณทำได้ทันที https://www.youtube.com/watch?v=LnFPpEKdQRw ✍️วิธีฝึกลูกให้เปิดตาที่สาม กระตุ้นต่อมไพเนียลอย่างง่ายๆ https://www.youtube.com/watch?v=lP_qiRlHCKE ✍️วิธีเปิดตาที่สาม กระตุ้นต่อมไพเนียล และ 3 เคล็ดลับบำบัดโรคให้มีสุขภาพดี https://www.youtube.com/watch?v=D2r0hiUlJK4&t=3914s ✍️ดับความกลัว ลดความเครียด ด้วยหลักของดอกเตอร์โจ ดิสเพนซา https://www.youtube.com/watch?v=C7LbmM_OOpU ✍️#โจดิสเพนซา #คุณคือพลาซีโบ #สมาธิบำบัด ซีรีย์หนังสือเสียงเพื่อเป็นกำลังใจและเพิ่มความรู้ให้คุณ https://youtu.be/-3RBDQPj-74?si=sOxQF0AFuRMsli1V ✍️หนังสือเสียง คุณคือพลาซีโบ ตอน-โจแอน โรคแพ้ภูมิตัวเองขั้นรุนแรง - MS https://www.youtube.com/watch?v=_1y5i1Ueh5k ✍️ตัวอย่างคนเอาชนะมะเs็ง และ15 ขั้นตอนปรับจิตพิชิตมะเs็งด้วยหลักของ Dr.Joe Dispenza https://www.youtube.com/watch?v=cQq_rGfdqUE&t=7s ✍️มะเร็งสัมพันธ์กับจักระอย่างไร https://www.youtube.com/live/ASOHtPGOkXk?si=OdiQfFqUTSRHswtQ ✍️ทำไมต้องเจอเรื่องร้ายๆในชีวิต https://youtu.be/WrzE7dRMnTA?si=BVWAz1X8xHyQZmjX ✍️วิธีคิดบวกในช่วงที่คุณป่วย https://www.youtube.com/watch?v=CUboyS_GWDo ✍️ความกลัวทำให้เราป่วยได้อย่างไร https://www.youtube.com/watch?v=VAyHkR8Dfs4 ✍️วิธีขจัดความกลัวสู้มะเs็ง& ตอบคำคามแฟนคลับ https://www.youtube.com/watch?v=xFG6qX9V5rQ ✍️ Finding Your Quantum True-Self “จูนพลังจิตควอนตัมหาตัวเองให้เจอ” https://youtu.be/uXXggX1ShoE?si=VCJVz-Cw2HCJNaf1 ✍️Top10 ความเครียดที่มีผลต่อมะเs็งมากที่สุด มาให้คะแนนความเครียดกันหน่อย https://www.youtube.com/watch?v=zdXbOIz2EIc ✍️TOP 3 วิธีลดความเครียด https://www.youtube.com/watch?v=y9ZbOKAQj9w ✍️สติหลุด วิธีตั้งสติให้เร็วที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=fqx7IvliBM4 ✍️ฝึกสมาธิแบบ HU ยกระดับจิตวิญญาณ 10นาที สำหรับคนมีเวลาน้อย https://www.youtube.com/watch?v=wGWXHh9UMe0 ✍️สมาธิ 3-2-1 ช่วยบำบัดมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=r9rydhkGAh0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 871 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ศิลปะแห่งการวางใจ: เคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบาย"---สองมือที่รับผิดชอบ กับหัวใจที่ไม่แบกภาระชีวิตเรามักถูกผูกโยงกับคำว่า "ความรับผิดชอบ" ทั้งในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ แต่การรับผิดชอบไม่ได้หมายถึงการแบกภาระไว้ในใจเคล็ดลับ:ใช้สองมือทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังแต่ปล่อยใจให้ว่างจากความหนักอึ้งคนที่เข้าใจจุดนี้ จะสามารถรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จมอยู่กับความกังวล คล้ายกับเด็กที่ไม่มีใครกะเกณฑ์ให้รับผิดชอบมากเกินไป---วางแผนอนาคต แต่ไม่หวั่นไหวกับวันพรุ่งนี้การมองไปข้างหน้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ามองด้วยความกังวล สิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะกลายเป็นเงามืดที่ทำให้ปัจจุบันไร้ความสุขเคล็ดลับ:วางแผนด้วยสองตาที่จดจ่อแต่ปล่อยใจให้สนุกกับการเดินทางคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นบทเรียน ไม่ใช่ห่วงโซ่ที่ฉุดรั้ง คล้ายกับเด็กที่เล่นเกมด้วยความสนุก รู้ผลเพื่อเริ่มใหม่ ไม่ใช่เพื่อสะสมความทุกข์---พูดคุยอย่างเบาใจ ไม่หลงติดในเรื่องชาวบ้านการพูดคุยเป็นธรรมชาติของการเข้าสังคม แต่สิ่งที่ทำให้ใจหนักคือการเก็บเรื่องคนอื่นมาเป็นภาระของตัวเองเคล็ดลับ:ปากพูดในสิ่งที่ควรพูดใจวางเรื่องนั้นไว้ที่ตรงนั้นคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเข้าสังคมได้อย่างสง่างาม โดยไม่หลงติดอยู่ในดราม่า คล้ายกับเด็กที่เล่าถึงตัวละครในการ์ตูนอย่างสนุกสนาน โดยไม่ยึดติดกับความจริงจัง---ชีวิตที่เบาสบาย เริ่มต้นด้วยการวางสิ่งที่ไม่จำเป็นแรกเกิด เรามาด้วยมือเปล่า และ ใกล้ตาย ก็ควรวางทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง การใช้ชีวิตอย่างไม่แบกโลกไว้ทั้งใบ จึงต้องเริ่มจากการฝึกวางสิ่งที่ไม่จำเป็นในทุกวันเคล็ดลับ:ฝึกปล่อยวางทีละน้อยหัดไม่เอาเรื่องหนักใจเกินจำเป็นมาทับจิตมีความตั้งใจทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ยึดติดในผลลัพธ์---บทสรุป: ชีวิตเบาได้ ใจปล่อยวางเป็นการมีชีวิตที่เบาสบายไม่ใช่การหนีจากความรับผิดชอบ แต่คือการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วปล่อยใจให้ว่างเปล่าเหมือนวันแรกเกิด"ใช้สองมือทำสิ่งสำคัญ ใช้หนึ่งใจปล่อยวางสิ่งไม่จำเป็น แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตเบาสบายยิ่งกว่าที่เคยเป็น"
    "ศิลปะแห่งการวางใจ: เคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบาย"---สองมือที่รับผิดชอบ กับหัวใจที่ไม่แบกภาระชีวิตเรามักถูกผูกโยงกับคำว่า "ความรับผิดชอบ" ทั้งในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ แต่การรับผิดชอบไม่ได้หมายถึงการแบกภาระไว้ในใจเคล็ดลับ:ใช้สองมือทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังแต่ปล่อยใจให้ว่างจากความหนักอึ้งคนที่เข้าใจจุดนี้ จะสามารถรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จมอยู่กับความกังวล คล้ายกับเด็กที่ไม่มีใครกะเกณฑ์ให้รับผิดชอบมากเกินไป---วางแผนอนาคต แต่ไม่หวั่นไหวกับวันพรุ่งนี้การมองไปข้างหน้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ามองด้วยความกังวล สิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะกลายเป็นเงามืดที่ทำให้ปัจจุบันไร้ความสุขเคล็ดลับ:วางแผนด้วยสองตาที่จดจ่อแต่ปล่อยใจให้สนุกกับการเดินทางคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นบทเรียน ไม่ใช่ห่วงโซ่ที่ฉุดรั้ง คล้ายกับเด็กที่เล่นเกมด้วยความสนุก รู้ผลเพื่อเริ่มใหม่ ไม่ใช่เพื่อสะสมความทุกข์---พูดคุยอย่างเบาใจ ไม่หลงติดในเรื่องชาวบ้านการพูดคุยเป็นธรรมชาติของการเข้าสังคม แต่สิ่งที่ทำให้ใจหนักคือการเก็บเรื่องคนอื่นมาเป็นภาระของตัวเองเคล็ดลับ:ปากพูดในสิ่งที่ควรพูดใจวางเรื่องนั้นไว้ที่ตรงนั้นคนที่เข้าใจจุดนี้ จะเข้าสังคมได้อย่างสง่างาม โดยไม่หลงติดอยู่ในดราม่า คล้ายกับเด็กที่เล่าถึงตัวละครในการ์ตูนอย่างสนุกสนาน โดยไม่ยึดติดกับความจริงจัง---ชีวิตที่เบาสบาย เริ่มต้นด้วยการวางสิ่งที่ไม่จำเป็นแรกเกิด เรามาด้วยมือเปล่า และ ใกล้ตาย ก็ควรวางทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง การใช้ชีวิตอย่างไม่แบกโลกไว้ทั้งใบ จึงต้องเริ่มจากการฝึกวางสิ่งที่ไม่จำเป็นในทุกวันเคล็ดลับ:ฝึกปล่อยวางทีละน้อยหัดไม่เอาเรื่องหนักใจเกินจำเป็นมาทับจิตมีความตั้งใจทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ยึดติดในผลลัพธ์---บทสรุป: ชีวิตเบาได้ ใจปล่อยวางเป็นการมีชีวิตที่เบาสบายไม่ใช่การหนีจากความรับผิดชอบ แต่คือการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วปล่อยใจให้ว่างเปล่าเหมือนวันแรกเกิด"ใช้สองมือทำสิ่งสำคัญ ใช้หนึ่งใจปล่อยวางสิ่งไม่จำเป็น แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตเบาสบายยิ่งกว่าที่เคยเป็น"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พี่คิงส์มีเรื่องจริงจะบอกอีกเรื่อง
    ในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่คิงส์ยอมรับว่า
    มีแฟนคลับฝั่งเกา ที่ลาออกจากการเป็นด้อมทักมาหาพี่เยอะมาก
    จะมีคำคล้ายๆกันว่า "พี่คิงส์ เมื่อก่อนไม่ชอบพี่ และหนูเคยด่าพี่ด้วย
    แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่พี่โพสมันจริงในหลายเรื่องอย่างน่าตกใจ
    เช่น ทุกอย่างจะพังเพราะป้า" เอาว่าบทสนทนาประมาณนี้
    และทุกคนจะมีความรู้สึกอึดอัดกับความหิวแสงกลัวโดนแย่งซีน
    ของป้าคนนี้เอามากๆ
    - โดยด้อมเหล่านี้ รักสงบ ไม่อยากให้สาวเกาของตัวเองต้องไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ และบางคนก็เคยเอ่ยในช่องที่อิป้าเป็นเจ้าลัทติ๊ว่า พอเหอะป้า ปรากฏ อิป้าตีโพยตีพาย บอกว่าด้อมคนนี้ย้ายข้างแล้ว อ้าว อิห่านจิก ไปไล่เค้าอีก
    - และพี่คิงส์ก็เจออีกหลายๆเคส ที่โดนบลล็อคคแหลก หรือเจออะไรที่มันปวดหัวไม่เว้นวัน จนคิดว่า ถ้าจะเชียร์สาวเกาโดยต้องอยู่ใต้ teen อิป้า พวกเค้าขอถอนตัวออกมา เอาชีวีให้รอดก่อน เพราะถ้ายังต้องเป็นสาวกอิป้าต่อไป มีหวัง ได้เปื่อยจิตตามอิป้าแน่นอน
    - พี่คิงได้สนทนา ก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ และเข้าใจ
    อ้อ แล้วเริ่มมีด้อมเกาจำนวนมากที่เกิดความสงสัยในหลายๆครั้ง ที่ป้า มักอ้างว่า ได้คุยกับสาวเกา สาวเกาพูดว่าอย่างโน้น อย่างนี้นั้น มันจริงรึเปล่า เพราะมันมีบทพิสูจน์หลายอย่างที่สาวเกามาพูดเอง กับสิ่งที่ป้าถ่ายทอดเป็นนิยาย มันไม่ตรงกัน มันคนละเรื่องกัน อย่างไม่น่าให้อภัย แม้กระทั่ง เรื่องที่ป้าเม้นมา น้องมันก็แคปมาให้พี่ดูว่า "เนี่ย ป้าไปคุยกับน้องมา น้องบอกว่าไม่มีการออมชอม รู้สึกใจฟูู" เออ อะไรประมาณนี้แหละ
    - เพราะทุกคนที่ทักมารู้ดีกว่า การฟ๊องคนไทย สาวเกามีแต่ความอิ๊บอ๋ายวายป่วงแน่นวล
    และพี่คิงส์ไปได้ข้อมูลมาว่า อิป้า ให้สาวเกามอบ อำ นาจ ให้ทานายที่อิโจหามา แล้วสาวเกาไม่รู้ว่า อิป้า จะฟ๊องเป็นร้อยๆคาดี เพราะมันจะฟ๊องเท่าไหร่ก็ได้ ทานายมีใบมอบไว้แล้ว แต่ค่าฟ๊อง สาวเกาออกนะ ไม่ใช่ ป้า ยังไม่พอ การทำคาดีแบบนี้ อย่าคิดว่าสาวไม่ต้องลงมาไทยเลยนะ ต้องมีการไต่สวน มีอะไรที่เป็นขั้นตอนวุ่นวายอีกมาก และที่สำคัญ อิป้าก็เอ่ยแล้วว่า ต้องใช่ค่าใช่จ่ายในการฟ๊องคนไทยนั้นมหาศาล แต่อิป้าก็ไม่ปล่อยวาง
    - ถามว่า ไอ่ที่อิป้ามันจะปักธงฟ๊องอะ มันปกป้องสาวเกาจริง หรือเพียงแค่สนองความสะใจ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินกันแน่ กรรูว่านะ ใครๆก็รู้คำตอบแม้ว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า
    - ป้า กำลังบั่นทอนคนที่เป็นแฟนคลับสาวเกาจากที่แฟนคลับหนุ่มกับสาว คือกลุ่มเดียวกัน ถ้าป้าไม่ปั่น ยอดฟอลไม่หายเกินครึ่งล้านแบบนี้ ในห้องเทพ จากห้าพัน ป้าปั่นไปปั่นมา เหลืออยู่พันกว่า ยอดฟอลจากล้านเจ็ด เหลือนับถอยหลังต่ำล้านแน่นอนในเวลาไม่นาน จากกลุ่มที่เล็กจะแย่อยู่แล้ว ป้ายังมาซอยย่อยยิบ ถีบหัวส่งคนเชียร์ฝั่งเดียวกัน แต่เค้าไม่อยาก Ba เหมือนป้า ที่จะไปไฝว้กับคนนั้นคนนี้ ป้าไล่หมด
    กรรูอยากถามว่า สรุป อิป้านี่ มันจะผูกขาดความเป็นแฟนคลับสาวเกาไว้ที่มันกับคนไม่กี่คนเหรอฟร๊ะ เออ แต่ก็แล้วแต่เมิงแหละ เอาที่เมิงสบายใจ
    - สรุป สาวเกา คบ และเชื่ออิป้า เสียเงินมหาศาล ไม่รวมค่าใช้จ่ายวันแถลงข่าวที่ไมไ่ด้ห่านอะไรเป็นสาระ และมีอิป้าที่แย่งซีนสาวเกาซะเหลือเกิน จับมือแฟนคลับดุจดั่งตัวเองเป็นสาวเกา กรรูเห็นแล้วยังเขินแทนเลย นอกจากเสียเงินมหาศาลที่พี่คิงส์ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหมดอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะถึงขั้นหมดตัวก็ได้ เพราะทานาย จ้าง เค้าก็ฟ๊อง แต่ชนะ หรือ แพ้ หรือโดนฟ๊องกลับนั่นก็อีกเรื่อง แต่เค้าได้เงินไปแล้ว ส่วนอิป้าจะได้เปอร์เซ็นหรือไม่ เอาว่า ปกติ มันมีครับกรณีแบบนี้หาลูกค้ามาให้ มีตั้งแต่ 10 - 40% แล้วแต่ตกลง
    ก็พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่างานนี้ ทุกคนมีแต่เสีย หนุ่ม สาว แฟนคลับสองฝ่าย
    - คนที่ได้สนองความเฉพติดดราม่า และความต้องการของตัวเองคนเดียวคือ
    ก๊อดซีป้านี่แหละ
    อิฉัด
    หวังว่าถ้าเรื่องนี้จบ อิป้า จะพยายามหาผัวให้ได้นะ
    กรรูว่า เมิงฟุ้งซ่านจนชาวบา้นเดือดร้อนมากเกินไปละ
    อิห่านจิก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #พี่คิงส์มีเรื่องจริงจะบอกอีกเรื่อง ในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่คิงส์ยอมรับว่า มีแฟนคลับฝั่งเกา ที่ลาออกจากการเป็นด้อมทักมาหาพี่เยอะมาก จะมีคำคล้ายๆกันว่า "พี่คิงส์ เมื่อก่อนไม่ชอบพี่ และหนูเคยด่าพี่ด้วย แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่พี่โพสมันจริงในหลายเรื่องอย่างน่าตกใจ เช่น ทุกอย่างจะพังเพราะป้า" เอาว่าบทสนทนาประมาณนี้ และทุกคนจะมีความรู้สึกอึดอัดกับความหิวแสงกลัวโดนแย่งซีน ของป้าคนนี้เอามากๆ - โดยด้อมเหล่านี้ รักสงบ ไม่อยากให้สาวเกาของตัวเองต้องไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ และบางคนก็เคยเอ่ยในช่องที่อิป้าเป็นเจ้าลัทติ๊ว่า พอเหอะป้า ปรากฏ อิป้าตีโพยตีพาย บอกว่าด้อมคนนี้ย้ายข้างแล้ว อ้าว อิห่านจิก ไปไล่เค้าอีก - และพี่คิงส์ก็เจออีกหลายๆเคส ที่โดนบลล็อคคแหลก หรือเจออะไรที่มันปวดหัวไม่เว้นวัน จนคิดว่า ถ้าจะเชียร์สาวเกาโดยต้องอยู่ใต้ teen อิป้า พวกเค้าขอถอนตัวออกมา เอาชีวีให้รอดก่อน เพราะถ้ายังต้องเป็นสาวกอิป้าต่อไป มีหวัง ได้เปื่อยจิตตามอิป้าแน่นอน - พี่คิงได้สนทนา ก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ และเข้าใจ อ้อ แล้วเริ่มมีด้อมเกาจำนวนมากที่เกิดความสงสัยในหลายๆครั้ง ที่ป้า มักอ้างว่า ได้คุยกับสาวเกา สาวเกาพูดว่าอย่างโน้น อย่างนี้นั้น มันจริงรึเปล่า เพราะมันมีบทพิสูจน์หลายอย่างที่สาวเกามาพูดเอง กับสิ่งที่ป้าถ่ายทอดเป็นนิยาย มันไม่ตรงกัน มันคนละเรื่องกัน อย่างไม่น่าให้อภัย แม้กระทั่ง เรื่องที่ป้าเม้นมา น้องมันก็แคปมาให้พี่ดูว่า "เนี่ย ป้าไปคุยกับน้องมา น้องบอกว่าไม่มีการออมชอม รู้สึกใจฟูู" เออ อะไรประมาณนี้แหละ - เพราะทุกคนที่ทักมารู้ดีกว่า การฟ๊องคนไทย สาวเกามีแต่ความอิ๊บอ๋ายวายป่วงแน่นวล และพี่คิงส์ไปได้ข้อมูลมาว่า อิป้า ให้สาวเกามอบ อำ นาจ ให้ทานายที่อิโจหามา แล้วสาวเกาไม่รู้ว่า อิป้า จะฟ๊องเป็นร้อยๆคาดี เพราะมันจะฟ๊องเท่าไหร่ก็ได้ ทานายมีใบมอบไว้แล้ว แต่ค่าฟ๊อง สาวเกาออกนะ ไม่ใช่ ป้า ยังไม่พอ การทำคาดีแบบนี้ อย่าคิดว่าสาวไม่ต้องลงมาไทยเลยนะ ต้องมีการไต่สวน มีอะไรที่เป็นขั้นตอนวุ่นวายอีกมาก และที่สำคัญ อิป้าก็เอ่ยแล้วว่า ต้องใช่ค่าใช่จ่ายในการฟ๊องคนไทยนั้นมหาศาล แต่อิป้าก็ไม่ปล่อยวาง - ถามว่า ไอ่ที่อิป้ามันจะปักธงฟ๊องอะ มันปกป้องสาวเกาจริง หรือเพียงแค่สนองความสะใจ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินกันแน่ กรรูว่านะ ใครๆก็รู้คำตอบแม้ว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า - ป้า กำลังบั่นทอนคนที่เป็นแฟนคลับสาวเกาจากที่แฟนคลับหนุ่มกับสาว คือกลุ่มเดียวกัน ถ้าป้าไม่ปั่น ยอดฟอลไม่หายเกินครึ่งล้านแบบนี้ ในห้องเทพ จากห้าพัน ป้าปั่นไปปั่นมา เหลืออยู่พันกว่า ยอดฟอลจากล้านเจ็ด เหลือนับถอยหลังต่ำล้านแน่นอนในเวลาไม่นาน จากกลุ่มที่เล็กจะแย่อยู่แล้ว ป้ายังมาซอยย่อยยิบ ถีบหัวส่งคนเชียร์ฝั่งเดียวกัน แต่เค้าไม่อยาก Ba เหมือนป้า ที่จะไปไฝว้กับคนนั้นคนนี้ ป้าไล่หมด กรรูอยากถามว่า สรุป อิป้านี่ มันจะผูกขาดความเป็นแฟนคลับสาวเกาไว้ที่มันกับคนไม่กี่คนเหรอฟร๊ะ เออ แต่ก็แล้วแต่เมิงแหละ เอาที่เมิงสบายใจ - สรุป สาวเกา คบ และเชื่ออิป้า เสียเงินมหาศาล ไม่รวมค่าใช้จ่ายวันแถลงข่าวที่ไมไ่ด้ห่านอะไรเป็นสาระ และมีอิป้าที่แย่งซีนสาวเกาซะเหลือเกิน จับมือแฟนคลับดุจดั่งตัวเองเป็นสาวเกา กรรูเห็นแล้วยังเขินแทนเลย นอกจากเสียเงินมหาศาลที่พี่คิงส์ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหมดอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะถึงขั้นหมดตัวก็ได้ เพราะทานาย จ้าง เค้าก็ฟ๊อง แต่ชนะ หรือ แพ้ หรือโดนฟ๊องกลับนั่นก็อีกเรื่อง แต่เค้าได้เงินไปแล้ว ส่วนอิป้าจะได้เปอร์เซ็นหรือไม่ เอาว่า ปกติ มันมีครับกรณีแบบนี้หาลูกค้ามาให้ มีตั้งแต่ 10 - 40% แล้วแต่ตกลง ก็พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่างานนี้ ทุกคนมีแต่เสีย หนุ่ม สาว แฟนคลับสองฝ่าย - คนที่ได้สนองความเฉพติดดราม่า และความต้องการของตัวเองคนเดียวคือ ก๊อดซีป้านี่แหละ อิฉัด หวังว่าถ้าเรื่องนี้จบ อิป้า จะพยายามหาผัวให้ได้นะ กรรูว่า เมิงฟุ้งซ่านจนชาวบา้นเดือดร้อนมากเกินไปละ อิห่านจิก #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 589 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts