• รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้
    .
    จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ
    .
    ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น
    .
    แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
    .
    ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น
    .
    https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้ . จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ . ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น . แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น . ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น . https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    WWW.FT.COM
    Donald Trump’s attack on green energy could hurt US in AI race, data centres warn
    Industry needs renewables to meet surging power demand from artificial intelligence
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Sansec ได้ค้นพบ ช่องโหว่ในซัพพลายเชนของ Magento ซึ่งส่งผลให้ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลายร้อยแห่งถูกโจมตี โดยมัลแวร์ที่แฝงตัวอยู่ใน 21 ส่วนขยายของ Magento มานานกว่า 6 ปี

    ส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบมาจาก สามบริษัทหลัก ได้แก่ Tigren, Meetanshi และ MSG ซึ่งบางส่วนขยายถูก ฝังโค้ดอันตรายตั้งแต่ปี 2019 และเพิ่งถูกเปิดใช้งานในเดือนเมษายน 2025 ทำให้เว็บไซต์ที่ติดตั้งส่วนขยายเหล่านี้ ถูกแฮกและข้อมูลลูกค้าถูกขโมย

    ✅ Sansec พบว่ามี 21 ส่วนขยายของ Magento ที่ถูกฝังโค้ดอันตราย
    - ส่วนขยายมาจาก Tigren, Meetanshi และ MSG
    - โค้ดอันตรายถูกฝังตั้งแต่ปี 2019 แต่เพิ่งถูกเปิดใช้งานใน เมษายน 2025

    ✅ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลายร้อยแห่งถูกโจมตี
    - มีเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบระหว่าง 500 - 1,000 แห่ง
    - รวมถึงเว็บไซต์ของ บริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ PHP backdoor เพื่อเข้าควบคุมเว็บไซต์
    - โค้ดอันตรายถูกฝังใน ไฟล์ตรวจสอบไลเซนส์ของส่วนขยาย
    - ทำให้แฮกเกอร์สามารถ รันโค้ด PHP จากระยะไกลและเข้าถึงข้อมูลลูกค้า

    ✅ การตอบสนองของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
    - Tigren ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกแฮก และยังคงให้บริการส่วนขยายที่มีช่องโหว่
    - Meetanshi ยอมรับว่าถูกแฮก แต่ปฏิเสธว่ามีส่วนขยายที่ถูกฝังโค้ดอันตราย
    - MSG ไม่ตอบสนองต่อการสอบถามของ Sansec

    https://www.techradar.com/pro/security/hundreds-of-top-ecommerce-sites-under-attack-following-magento-supply-chain-flaw
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Sansec ได้ค้นพบ ช่องโหว่ในซัพพลายเชนของ Magento ซึ่งส่งผลให้ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลายร้อยแห่งถูกโจมตี โดยมัลแวร์ที่แฝงตัวอยู่ใน 21 ส่วนขยายของ Magento มานานกว่า 6 ปี ส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบมาจาก สามบริษัทหลัก ได้แก่ Tigren, Meetanshi และ MSG ซึ่งบางส่วนขยายถูก ฝังโค้ดอันตรายตั้งแต่ปี 2019 และเพิ่งถูกเปิดใช้งานในเดือนเมษายน 2025 ทำให้เว็บไซต์ที่ติดตั้งส่วนขยายเหล่านี้ ถูกแฮกและข้อมูลลูกค้าถูกขโมย ✅ Sansec พบว่ามี 21 ส่วนขยายของ Magento ที่ถูกฝังโค้ดอันตราย - ส่วนขยายมาจาก Tigren, Meetanshi และ MSG - โค้ดอันตรายถูกฝังตั้งแต่ปี 2019 แต่เพิ่งถูกเปิดใช้งานใน เมษายน 2025 ✅ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลายร้อยแห่งถูกโจมตี - มีเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบระหว่าง 500 - 1,000 แห่ง - รวมถึงเว็บไซต์ของ บริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ ✅ แฮกเกอร์ใช้ PHP backdoor เพื่อเข้าควบคุมเว็บไซต์ - โค้ดอันตรายถูกฝังใน ไฟล์ตรวจสอบไลเซนส์ของส่วนขยาย - ทำให้แฮกเกอร์สามารถ รันโค้ด PHP จากระยะไกลและเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ✅ การตอบสนองของบริษัทที่เกี่ยวข้อง - Tigren ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกแฮก และยังคงให้บริการส่วนขยายที่มีช่องโหว่ - Meetanshi ยอมรับว่าถูกแฮก แต่ปฏิเสธว่ามีส่วนขยายที่ถูกฝังโค้ดอันตราย - MSG ไม่ตอบสนองต่อการสอบถามของ Sansec https://www.techradar.com/pro/security/hundreds-of-top-ecommerce-sites-under-attack-following-magento-supply-chain-flaw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้านี้ทองดีดตัวแรง เปิดตลาดพุ่งทันที 950 บาท เหตุดอลลาร์อ่อนค่า ส.ค้าทองชี้หากบาทไม่แข็งราคาสูงกว่านี้ https://www.matichon.co.th/economy/news_5169671
    เช้านี้ทองดีดตัวแรง เปิดตลาดพุ่งทันที 950 บาท เหตุดอลลาร์อ่อนค่า ส.ค้าทองชี้หากบาทไม่แข็งราคาสูงกว่านี้ https://www.matichon.co.th/economy/news_5169671
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่าเงิน ดอลลาร์ไต้หวัน (TWD) แข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในไต้หวันอาจสูงขึ้น

    บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวัน เช่น Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn มีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลายเพื่อป้องกันความผันผวน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของ TWD ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC

    ✅ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
    - เป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี
    - อาจทำให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สูงขึ้น

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันมีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลาย
    - Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn พยายามลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
    - แต่การแข็งค่าครั้งนี้อาจส่งผลต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC

    ✅ ธนาคารกลางไต้หวันออกแถลงการณ์เพื่อควบคุมสถานการณ์
    - ระบุว่าการแข็งค่าของ TWD เกิดจาก การคาดการณ์เกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ
    - เตือนให้ระวัง นักเก็งกำไรที่อาจสร้างความผันผวนในตลาด

    ✅ ผลกระทบต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ
    - หากค่าเงิน TWD ยังคงแข็งค่า อาจทำให้ ราคาชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/10-percent-surge-in-taiwanese-currency-vs-us-dollar-could-hurt-pc-and-components-pricing
    ค่าเงิน ดอลลาร์ไต้หวัน (TWD) แข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในไต้หวันอาจสูงขึ้น บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวัน เช่น Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn มีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลายเพื่อป้องกันความผันผวน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของ TWD ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC ✅ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ - เป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี - อาจทำให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สูงขึ้น ✅ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันมีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลาย - Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn พยายามลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน - แต่การแข็งค่าครั้งนี้อาจส่งผลต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC ✅ ธนาคารกลางไต้หวันออกแถลงการณ์เพื่อควบคุมสถานการณ์ - ระบุว่าการแข็งค่าของ TWD เกิดจาก การคาดการณ์เกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ - เตือนให้ระวัง นักเก็งกำไรที่อาจสร้างความผันผวนในตลาด ✅ ผลกระทบต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ - หากค่าเงิน TWD ยังคงแข็งค่า อาจทำให้ ราคาชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/10-percent-surge-in-taiwanese-currency-vs-us-dollar-could-hurt-pc-and-components-pricing
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    10% surge in Taiwanese currency vs US dollar could hurt PC and components pricing
    We are witnessing the most powerful Taiwan Dollar appreciation in over 30 years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • Epic Games ได้ประกาศ นโยบายแบ่งรายได้ใหม่ สำหรับ Epic Games Store โดยจะ ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม ซึ่งเป็นความพยายามในการแข่งขันกับ Steam ที่ยังคงมี โมเดลแบ่งรายได้แบบขั้นบันได

    ก่อนหน้านี้ Epic Games Store มี ค่าธรรมเนียม 12% สำหรับทุกยอดขาย แต่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาจะได้รับรายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม และจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12% เฉพาะยอดขายที่เกินจากนั้น

    นอกจากนี้ Epic ยังเปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Webshop" ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Epic Games Store และขายเกมโดยตรงให้กับผู้เล่น โดยไม่ต้องผ่านร้านค้าแอปแบบดั้งเดิม

    ✅ Epic Games Store ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม
    - นักพัฒนาจะได้รับ รายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรก
    - รายได้ที่เกินจากนั้นจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12%

    ✅ เปรียบเทียบกับโมเดลแบ่งรายได้ของ Steam
    - Steam คิดค่าธรรมเนียม 30% สำหรับ 10 ล้านดอลลาร์แรก
    - ลดลงเหลือ 25% หลังจากยอดขายเกิน 10 ล้านดอลลาร์
    - ลดลงเหลือ 20% เมื่อยอดขายถึง 50 ล้านดอลลาร์

    ✅ Epic เปิดตัวฟีเจอร์ "Webshop" สำหรับนักพัฒนา
    - นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบน Epic Games Store
    - ผู้เล่นสามารถ ซื้อเกมโดยตรงจากนักพัฒนา

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม
    - อาจช่วยให้นักพัฒนา โดยเฉพาะอินดี้เกมสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
    - อาจทำให้ Steam ต้องปรับโมเดลแบ่งรายได้เพื่อแข่งขัน

    https://www.techspot.com/news/107797-epic-challenges-steam-zero-percent-fee-first-1.html
    Epic Games ได้ประกาศ นโยบายแบ่งรายได้ใหม่ สำหรับ Epic Games Store โดยจะ ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม ซึ่งเป็นความพยายามในการแข่งขันกับ Steam ที่ยังคงมี โมเดลแบ่งรายได้แบบขั้นบันได ก่อนหน้านี้ Epic Games Store มี ค่าธรรมเนียม 12% สำหรับทุกยอดขาย แต่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาจะได้รับรายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม และจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12% เฉพาะยอดขายที่เกินจากนั้น นอกจากนี้ Epic ยังเปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Webshop" ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Epic Games Store และขายเกมโดยตรงให้กับผู้เล่น โดยไม่ต้องผ่านร้านค้าแอปแบบดั้งเดิม ✅ Epic Games Store ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม - นักพัฒนาจะได้รับ รายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรก - รายได้ที่เกินจากนั้นจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12% ✅ เปรียบเทียบกับโมเดลแบ่งรายได้ของ Steam - Steam คิดค่าธรรมเนียม 30% สำหรับ 10 ล้านดอลลาร์แรก - ลดลงเหลือ 25% หลังจากยอดขายเกิน 10 ล้านดอลลาร์ - ลดลงเหลือ 20% เมื่อยอดขายถึง 50 ล้านดอลลาร์ ✅ Epic เปิดตัวฟีเจอร์ "Webshop" สำหรับนักพัฒนา - นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบน Epic Games Store - ผู้เล่นสามารถ ซื้อเกมโดยตรงจากนักพัฒนา ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม - อาจช่วยให้นักพัฒนา โดยเฉพาะอินดี้เกมสามารถทำกำไรได้มากขึ้น - อาจทำให้ Steam ต้องปรับโมเดลแบ่งรายได้เพื่อแข่งขัน https://www.techspot.com/news/107797-epic-challenges-steam-zero-percent-fee-first-1.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Epic challenges Steam with zero percent fee for first $1 million per game
    Epic Games recently announced a new revenue policy for its digital game store. Starting in June, the company will implement a developer-friendly change: any new payment processed...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • Palantir Technologies ได้ปรับเพิ่ม คาดการณ์รายได้ประจำปี เนื่องจากความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น แต่กลับทำให้ หุ้นของบริษัทลดลง 8% ในการซื้อขายหลังตลาด เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังผลประกอบการที่สูงกว่านี้

    แม้ว่าหุ้นของ Palantir จะเพิ่มขึ้น 60% ในปีนี้ จากความสนใจใน AI และการใช้เทคโนโลยีในภาครัฐ แต่รายได้ไตรมาสแรกอยู่ที่ 883.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียง 2.4% ทำให้นักลงทุนผิดหวัง

    นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเป็นลูกค้าหลักของ Palantir โดยคิดเป็น 42% ของรายได้ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม การลดงบประมาณของ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งนำโดย Elon Musk อาจส่งผลต่อสัญญาของบริษัท

    ✅ Palantir ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปี
    - คาดการณ์รายได้ปี 2025 อยู่ที่ 3.89 - 3.90 พันล้านดอลลาร์
    - สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3.74 - 3.76 พันล้านดอลลาร์

    ✅ หุ้นลดลง 8% หลังจากรายงานผลประกอบการ
    - นักลงทุนคาดหวังผลประกอบการที่สูงกว่านี้
    - รายได้ไตรมาสแรกอยู่ที่ 883.9 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์เพียง 2.4%

    ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นลูกค้าหลักของ Palantir
    - คิดเป็น 42% ของรายได้ในไตรมาสแรก
    - ให้บริการซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลทางทหาร

    ✅ ผลกระทบจากการลดงบประมาณของ DOGE
    - การลดงบประมาณอาจส่งผลต่อ สัญญาของ Palantir กับรัฐบาลสหรัฐฯ
    - Palantir ระบุว่า สนับสนุนแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/palantir-raises-annual-revenue-forecast-on-booming-ai-demand
    Palantir Technologies ได้ปรับเพิ่ม คาดการณ์รายได้ประจำปี เนื่องจากความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น แต่กลับทำให้ หุ้นของบริษัทลดลง 8% ในการซื้อขายหลังตลาด เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังผลประกอบการที่สูงกว่านี้ แม้ว่าหุ้นของ Palantir จะเพิ่มขึ้น 60% ในปีนี้ จากความสนใจใน AI และการใช้เทคโนโลยีในภาครัฐ แต่รายได้ไตรมาสแรกอยู่ที่ 883.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียง 2.4% ทำให้นักลงทุนผิดหวัง นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเป็นลูกค้าหลักของ Palantir โดยคิดเป็น 42% ของรายได้ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม การลดงบประมาณของ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งนำโดย Elon Musk อาจส่งผลต่อสัญญาของบริษัท ✅ Palantir ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปี - คาดการณ์รายได้ปี 2025 อยู่ที่ 3.89 - 3.90 พันล้านดอลลาร์ - สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3.74 - 3.76 พันล้านดอลลาร์ ✅ หุ้นลดลง 8% หลังจากรายงานผลประกอบการ - นักลงทุนคาดหวังผลประกอบการที่สูงกว่านี้ - รายได้ไตรมาสแรกอยู่ที่ 883.9 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์เพียง 2.4% ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นลูกค้าหลักของ Palantir - คิดเป็น 42% ของรายได้ในไตรมาสแรก - ให้บริการซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลทางทหาร ✅ ผลกระทบจากการลดงบประมาณของ DOGE - การลดงบประมาณอาจส่งผลต่อ สัญญาของ Palantir กับรัฐบาลสหรัฐฯ - Palantir ระบุว่า สนับสนุนแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/palantir-raises-annual-revenue-forecast-on-booming-ai-demand
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Palantir raises annual revenue forecast on AI demand but investors unimpressed
    (Reuters) -Palantir Technologies raised its annual sales forecast on Monday, although its inline profit and a modest revenue beat disappointed investors who were expecting more from the AI-focused data and analytics firm, driving its shares down 8% in extended trading.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • JPMorgan Chase ได้ใช้ AI เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน โดย AI ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น และ จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ในช่วงเดือนเมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนสูงจาก ประกาศภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดลดลงหลายล้านล้านดอลลาร์ นักลงทุนจำนวนมากต้องการคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงิน และ AI ของ JPMorgan สามารถ ดึงข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าและคาดการณ์คำถามที่อาจเกิดขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว

    นอกจากนี้ JPMorgan ยังมี Coach AI ซึ่งช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95% ทำให้สามารถใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น

    ✅ AI ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า
    - ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น
    - AI ช่วย จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Coach AI ช่วยให้ที่ปรึกษาค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น
    - ค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95%
    - ช่วยให้ที่ปรึกษา ใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ JPMorgan
    - ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ระหว่างปี 2023-2024
    - AI ช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถ ขยายฐานลูกค้าได้ 50% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

    ✅ งบประมาณด้านเทคโนโลยีของ JPMorgan
    - มีงบประมาณด้านเทคโนโลยี 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
    - คาดว่าจะเพิ่มการใช้ AI จาก 450 กรณีเป็น 1,000 กรณีในปีหน้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/jpmorgan-says-ai-helped-boost-sales-add-clients-in-market-turmoil
    JPMorgan Chase ได้ใช้ AI เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน โดย AI ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น และ จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงเดือนเมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนสูงจาก ประกาศภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดลดลงหลายล้านล้านดอลลาร์ นักลงทุนจำนวนมากต้องการคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงิน และ AI ของ JPMorgan สามารถ ดึงข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าและคาดการณ์คำถามที่อาจเกิดขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ JPMorgan ยังมี Coach AI ซึ่งช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95% ทำให้สามารถใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น ✅ AI ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า - ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น - AI ช่วย จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Coach AI ช่วยให้ที่ปรึกษาค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น - ค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95% - ช่วยให้ที่ปรึกษา ใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ JPMorgan - ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ระหว่างปี 2023-2024 - AI ช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถ ขยายฐานลูกค้าได้ 50% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ✅ งบประมาณด้านเทคโนโลยีของ JPMorgan - มีงบประมาณด้านเทคโนโลยี 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 - คาดว่าจะเพิ่มการใช้ AI จาก 450 กรณีเป็น 1,000 กรณีในปีหน้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/jpmorgan-says-ai-helped-boost-sales-add-clients-in-market-turmoil
    WWW.THESTAR.COM.MY
    JPMorgan says AI helped boost sales, add clients in market turmoil
    NEW YORK (Reuters) -JPMorgan Chase's artificial-intelligence tools enabled it to boost sales to wealthy clients and manage scores of requests from worried customers even during April's market rout, the bank's CEO of asset and wealth management said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้

    เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ

    ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500
    - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series
    - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้

    ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป
    - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น
    - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า

    ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA
    - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ
    - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต
    - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600
    - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7

    https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500 - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้ ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600 - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7 https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Was Estimated To Lose Around $400 Million After It Decided To Drop The Exynos 2500 For The Galaxy S25 Series; European Galaxy S26 Models To Be Equipped With Exynos 2600
    The Exynos 2600 will apparently be found in some Galaxy S26 variants, as Samsung was estimated to lose $400 million for dropping the Exynos 2500
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung กำลังต่อสู้กับ คำสั่งเรียกเก็บภาษีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลอินเดีย โดยอ้างว่า บริษัท Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี เป็นเวลาหลายปี

    รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่า Samsung หลีกเลี่ยงภาษี 10-20% โดยการ จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายที่นำเข้าจาก เกาหลีและเวียดนาม ระหว่างปี 2018-2021 ซึ่งถูกขายให้กับ Reliance Jio

    Samsung โต้แย้งว่า หน่วยงานภาษีอินเดียรับรู้ถึงแนวทางการนำเข้านี้มานานแล้ว และไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดประเภทสินค้าจนกระทั่งปี 2025

    ✅ Samsung ถูกเรียกเก็บภาษี 520 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลอินเดีย
    - ถูกกล่าวหาว่า จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย
    - อุปกรณ์ดังกล่าวถูกขายให้กับ Reliance Jio

    ✅ ข้อโต้แย้งของ Samsung
    - อ้างว่า Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี
    - หน่วยงานภาษีอินเดีย รับรู้ถึงแนวทางนี้มานานแล้ว

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Samsung ในอินเดีย
    - คำสั่งเรียกเก็บภาษีคิดเป็น มากกว่า 50% ของกำไรสุทธิของ Samsung ในอินเดียปีที่แล้ว
    - อาจส่งผลต่อ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Samsung ในตลาดอินเดีย

    ✅ แนวทางการต่อสู้ของ Samsung
    - ยื่นคำร้องต่อ ศาลภาษีในมุมไบ
    - อ้างว่า ไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการนำเสนอหลักฐาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/samsung-fights-520-million-india-tax-demand-points-to-reliance-practice
    Samsung กำลังต่อสู้กับ คำสั่งเรียกเก็บภาษีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลอินเดีย โดยอ้างว่า บริษัท Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี เป็นเวลาหลายปี รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่า Samsung หลีกเลี่ยงภาษี 10-20% โดยการ จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายที่นำเข้าจาก เกาหลีและเวียดนาม ระหว่างปี 2018-2021 ซึ่งถูกขายให้กับ Reliance Jio Samsung โต้แย้งว่า หน่วยงานภาษีอินเดียรับรู้ถึงแนวทางการนำเข้านี้มานานแล้ว และไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดประเภทสินค้าจนกระทั่งปี 2025 ✅ Samsung ถูกเรียกเก็บภาษี 520 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลอินเดีย - ถูกกล่าวหาว่า จัดประเภทผิดพลาด สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย - อุปกรณ์ดังกล่าวถูกขายให้กับ Reliance Jio ✅ ข้อโต้แย้งของ Samsung - อ้างว่า Reliance Jio เคยนำเข้าอุปกรณ์เดียวกันโดยไม่เสียภาษี - หน่วยงานภาษีอินเดีย รับรู้ถึงแนวทางนี้มานานแล้ว ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ Samsung ในอินเดีย - คำสั่งเรียกเก็บภาษีคิดเป็น มากกว่า 50% ของกำไรสุทธิของ Samsung ในอินเดียปีที่แล้ว - อาจส่งผลต่อ กลยุทธ์ทางธุรกิจของ Samsung ในตลาดอินเดีย ✅ แนวทางการต่อสู้ของ Samsung - ยื่นคำร้องต่อ ศาลภาษีในมุมไบ - อ้างว่า ไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการนำเสนอหลักฐาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/samsung-fights-520-million-india-tax-demand-points-to-reliance-practice
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung fights $520 million India tax demand, points to Reliance practice
    NEW DELHI (Reuters) -Samsung has asked an Indian tribunal to quash a $520 million tax demand for allegedly misclassifying imports of networking gear, arguing officials were aware of the practice as India's Reliance imported the same component in a similar manner for years, documents show.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธุรกิจออนไลน์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับ ปัญหาการฉ้อโกงผ่านการเรียกเงินคืน (Chargeback Fraud) ซึ่งคาดว่าจะทำให้ สูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดย Mastercard เตือนว่าหากไม่มีมาตรการแก้ไข จำนวนการเรียกเงินคืนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 324 ล้านครั้งภายในปี 2028

    Chargeback Fraud เกิดขึ้นเมื่อ ลูกค้าปฏิเสธธุรกรรมที่ถูกต้อง ผ่านแอปธนาคาร โดยอ้างว่าไม่ได้ทำรายการนั้น ทั้งที่จริงแล้วเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการที่ถูกต้อง ส่งผลให้ ผู้ขายต้องคืนเงินโดยไม่มีทางโต้แย้ง

    ✅ ธุรกิจทั่วโลกสูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025
    - Mastercard เตือนว่าหากไม่มีมาตรการแก้ไข จำนวนการเรียกเงินคืนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 324 ล้านครั้งภายในปี 2028

    ✅ Chargeback Fraud คืออะไร?
    - ลูกค้าปฏิเสธธุรกรรมที่ถูกต้องผ่านแอปธนาคาร
    - ผู้ขายต้องคืนเงินโดยไม่มีทางโต้แย้ง

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจออนไลน์
    - ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ไม่สามารถรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
    - บางบริษัทต้องเลือก แบกรับความสูญเสียหรือเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ แนวทางแก้ไขที่ Mastercard แนะนำ
    - ใช้ AI และระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัย
    - เพิ่ม ความชัดเจนของใบเสร็จดิจิทัล เพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถโต้แย้งการเรียกเงินคืนได้

    https://www.techradar.com/pro/businesses-globally-set-to-lose-usd15-billion-in-2025-because-of-fraudulent-chargebacks-says-mastercard-heres-how-it-impacts-you-me-and-everyone
    ธุรกิจออนไลน์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับ ปัญหาการฉ้อโกงผ่านการเรียกเงินคืน (Chargeback Fraud) ซึ่งคาดว่าจะทำให้ สูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดย Mastercard เตือนว่าหากไม่มีมาตรการแก้ไข จำนวนการเรียกเงินคืนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 324 ล้านครั้งภายในปี 2028 Chargeback Fraud เกิดขึ้นเมื่อ ลูกค้าปฏิเสธธุรกรรมที่ถูกต้อง ผ่านแอปธนาคาร โดยอ้างว่าไม่ได้ทำรายการนั้น ทั้งที่จริงแล้วเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการที่ถูกต้อง ส่งผลให้ ผู้ขายต้องคืนเงินโดยไม่มีทางโต้แย้ง ✅ ธุรกิจทั่วโลกสูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 - Mastercard เตือนว่าหากไม่มีมาตรการแก้ไข จำนวนการเรียกเงินคืนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 324 ล้านครั้งภายในปี 2028 ✅ Chargeback Fraud คืออะไร? - ลูกค้าปฏิเสธธุรกรรมที่ถูกต้องผ่านแอปธนาคาร - ผู้ขายต้องคืนเงินโดยไม่มีทางโต้แย้ง ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจออนไลน์ - ธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ไม่สามารถรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ - บางบริษัทต้องเลือก แบกรับความสูญเสียหรือเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ แนวทางแก้ไขที่ Mastercard แนะนำ - ใช้ AI และระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัย - เพิ่ม ความชัดเจนของใบเสร็จดิจิทัล เพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถโต้แย้งการเรียกเงินคืนได้ https://www.techradar.com/pro/businesses-globally-set-to-lose-usd15-billion-in-2025-because-of-fraudulent-chargebacks-says-mastercard-heres-how-it-impacts-you-me-and-everyone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นไม่หมู! อเมริกางง เจรจาไม่ง่ายอย่างที่คิด!

    รมว คลังญี่ปุ่นขู่ขายทิ้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

    รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ญี่ปุ่นอาจใช้พันธบัตรสหรัฐที่ถือครองมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นไม้ตายในการเจรจาการค้ากับวอชิงตัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นกล้าแข็งข้อกับสหรัฐ นับตั้งแต่พ่ายแพ้ในสงครามโลก

    แม้ว่ารัฐมนตรีคลัง คัตสึโนบุ คาโตะ จะไม่ได้บอกว่าจะขายพันธบัตรที่ถืออยู่ แต่คำพูดของเขามีการพูดถึงส่วนนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่ญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรสหรัฐมากที่สุด

    นอกจากนี้ สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการเสนอผ่อนปรนมาตรการภาษีของสหรัฐที่ไม่รวมสินค้ายานยนต์และสินค้าเกษตรอีกด้วยเข้ามาในการผ่อนปรนครั้งนี้อีกด้วย
    ญี่ปุ่นไม่หมู! อเมริกางง เจรจาไม่ง่ายอย่างที่คิด! รมว คลังญี่ปุ่นขู่ขายทิ้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ญี่ปุ่นอาจใช้พันธบัตรสหรัฐที่ถือครองมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นไม้ตายในการเจรจาการค้ากับวอชิงตัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นกล้าแข็งข้อกับสหรัฐ นับตั้งแต่พ่ายแพ้ในสงครามโลก แม้ว่ารัฐมนตรีคลัง คัตสึโนบุ คาโตะ จะไม่ได้บอกว่าจะขายพันธบัตรที่ถืออยู่ แต่คำพูดของเขามีการพูดถึงส่วนนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่ญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรสหรัฐมากที่สุด นอกจากนี้ สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการเสนอผ่อนปรนมาตรการภาษีของสหรัฐที่ไม่รวมสินค้ายานยนต์และสินค้าเกษตรอีกด้วยเข้ามาในการผ่อนปรนครั้งนี้อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple วางแผนที่จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัว จากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย TSMC ในรัฐแอริโซนา จะผลิตชิปหลายสิบล้านตัวให้กับ Apple แม้ว่าชิประดับสูงสุดของ Apple จะยังคงผลิตในไต้หวัน

    Tim Cook CEO ของ Apple เปิดเผยว่า Apple มีซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ และกำลังลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการดำเนินงานในหลายรัฐ รวมถึง มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา

    แม้ว่าโรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในแอริโซนา จะผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้

    ✅ Apple จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัวจากโรงงานในสหรัฐฯ
    - รวมถึง หลายสิบล้านตัวจาก TSMC ในแอริโซนา
    - Apple มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ

    ✅ การลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple
    - ขยายการดำเนินงานใน มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา
    - ตั้งโรงงานใหม่ใน เท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI

    ✅ บทบาทของ TSMC ในแอริโซนา
    - โรงงาน Fab 21 ผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes
    - Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้

    ✅ การผลิตชิประดับสูงสุดของ Apple
    - ชิปหลัก เช่น SoC, หน่วยความจำ และเซ็นเซอร์กล้อง ยังคงผลิตใน ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/apple-expects-to-source-over-19-billion-chips-from-u-s-factories-this-year
    Apple วางแผนที่จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัว จากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย TSMC ในรัฐแอริโซนา จะผลิตชิปหลายสิบล้านตัวให้กับ Apple แม้ว่าชิประดับสูงสุดของ Apple จะยังคงผลิตในไต้หวัน Tim Cook CEO ของ Apple เปิดเผยว่า Apple มีซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ และกำลังลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการดำเนินงานในหลายรัฐ รวมถึง มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา แม้ว่าโรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในแอริโซนา จะผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้ ✅ Apple จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัวจากโรงงานในสหรัฐฯ - รวมถึง หลายสิบล้านตัวจาก TSMC ในแอริโซนา - Apple มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ ✅ การลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple - ขยายการดำเนินงานใน มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา - ตั้งโรงงานใหม่ใน เท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ✅ บทบาทของ TSMC ในแอริโซนา - โรงงาน Fab 21 ผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes - Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้ ✅ การผลิตชิประดับสูงสุดของ Apple - ชิปหลัก เช่น SoC, หน่วยความจำ และเซ็นเซอร์กล้อง ยังคงผลิตใน ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/apple-expects-to-source-over-19-billion-chips-from-u-s-factories-this-year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เผชิญกับผลกระทบจาก Trump tariffs ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 แม้ว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

    Apple ได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากภาษี เช่น การขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล และ การนำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน และ 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อาจส่งผลต่อแผนการผลิตของ Apple ในอนาคต

    ✅ ผลกระทบต่อ Apple
    - อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025
    - CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

    ✅ มาตรการลดผลกระทบของ Apple
    - ขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล
    - นำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    ✅ อัตราภาษีที่ส่งผลต่อ Apple
    - 145% สำหรับสินค้าจากจีน
    - 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย

    ✅ แนวโน้มของตลาดและการผลิต
    - Apple อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดผลกระทบจากภาษี
    - อาจมีการเพิ่มการผลิตในประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า

    https://www.neowin.net/news/tim-cook-says-tariffs-had-limited-impact-on-apple-but-it-may-still-lose-close-to-a-billion/
    Apple เผชิญกับผลกระทบจาก Trump tariffs ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 แม้ว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง Apple ได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากภาษี เช่น การขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล และ การนำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน และ 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อาจส่งผลต่อแผนการผลิตของ Apple ในอนาคต ✅ ผลกระทบต่อ Apple - อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 - CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง ✅ มาตรการลดผลกระทบของ Apple - ขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล - นำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ ✅ อัตราภาษีที่ส่งผลต่อ Apple - 145% สำหรับสินค้าจากจีน - 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย ✅ แนวโน้มของตลาดและการผลิต - Apple อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดผลกระทบจากภาษี - อาจมีการเพิ่มการผลิตในประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า https://www.neowin.net/news/tim-cook-says-tariffs-had-limited-impact-on-apple-but-it-may-still-lose-close-to-a-billion/
    WWW.NEOWIN.NET
    Tim Cook says tariffs had "limited" impact on Apple but it may still lose close to a billion
    Apple CEO says the company could manage tariffs impact on its business, but it is difficult to predict beyond June.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธนาคารกรุงเทพเชื่อมระบบโอนเงินหยวน

    ผมเขียนเรื่อง “จีนเปิดตัวหยวนดิจิทัลข่ม SWIFT” ไปเมื่อวันเสาร์ โดยจีนได้เปิดตัว “ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างธนาคาร” (China’s Cross–Border Interbank Payment System) รุ่นใหม่หรือ CIPS รุ่น 2.0 ซึ่งโอนเงินได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยเชื่อมต่อกับธนาคารใน 16 ประเทศพร้อมกัน ทั้งใน จีน อาเซียน และตะวันออกกลาง เมื่อเช้าตรู่วันที่ 21 เม.ย. CIPS เป็นระบบโอนเงินข้ามชาติแบบเดียวกับ SWIFT ของสหรัฐฯ แต่ CIPS จะโอนเป็นเงินหยวนของจีน ขณะที่ SWIFT จะโอนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ CIPS ถือเป็นระบบโอนเงินข้ามชาติที่เป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯ CIPS ใช้เวลาโอนเงินข้ามประเทศเร็วมากเพียงไม่กี่วินาที มีต้นทุนการโอนเงินที่ตํ่ามาก เทียบกับ ระบบ SWIFT ของสหรัฐฯที่ต้องใช้เวลาในการโอนเงิน 2–3 วัน มีค่าโอนเงินที่แพงกว่ากันถึง 4 หมื่นกว่าเท่า

    การเปิดตัวของ ระบบโอนเงินข้ามพรมแดน CIPS 2.0 ของจีนครั้งนี้ จึงเป็นการทลายการผูกขาดโอนเงินข้ามชาติของระบบ SWIFT สหรัฐฯ ที่มีมายาวนาน

    วันอังคาร 29 เม.ย. คุณพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ได้เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้เพิ่มศักยภาพการทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวน (Chinese Yuan–CNY) ผ่าน ระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน หรือ CIPS (Cross–Border Interbank Payment System) เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ใช้รับอนุมัติจากธนาคารกลางจีนให้เป็น Direct Participant สมาชิกตรง

    ดังนั้น ธนาคารกรุงเทพจึงสามารถทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวนได้โดยตรงกับระบบ CIPS ซึ่งช่วยลดระยะเวลาทำธุรกรรมให้สั้นลง คู่ค้าได้รับเงินเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนในอนาคตเพิ่มมากขึ้นด้วย

    คุณพิพัฒน์ กล่าวว่า บริการโอนเงิน CIPS เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ นำเข้าและส่งออกซึ่งมีธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศกับคู่ค้าในจีน โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการค้าสูง เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น ปี 2567 จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับ 1 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวมเกือบ 4.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปจีนมูลค่าประมาณ 1.2 ล้าน ล้านบาท และการนำเข้าจากจีนมีมูลค่าประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก

    การเข้าร่วมเป็น Direct Participant ในระบบ CIPS สะท้อนถึงความตั้งใจในการพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และทำให้ธุรกิจของลูกค้าได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคใหม่ ตอกย้ำความเป็น “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน” เคียงข้างและช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ การพัฒนาบริการดังกล่าวจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    วันนี้การค้าโลกแยกออกเป็น 2 ค่ายชัดเจน จีน กับ สหรัฐฯ เมื่อ ประธานาธิบดีทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกเพื่อเอาเปรียบ ตั้งแต่ 2 เม.ย.ทรัมป์ได้ขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศไปแล้ว 10% และ จะขึ้นภาษีตอบโต้อีก 20–245% กับประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ จะยึดคลองปานามา จะยึดคลองสุเอซที่เก็บค่าผ่านเรือสหรัฐฯ กลายเป็นอันธพาลระดับโลก ทำให้ทุกชาติ เริ่มถอยห่างจากสหรัฐฯมาใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น

    มาซาโตะ คานดะ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้เสนอ ให้ประเทศในเอเชียหันมาค้าขายกันเองให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องเศรษฐกิจในภูมิภาคจากแรงกระแทกภายนอก

    ผมเชื่อว่า ระบบโอนเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน CIPS ของจีน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการค้าในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก “ยกเว้นสหรัฐฯ” ทำให้ ระบบโอนเงิน SWIFT ลดบทบาทลง สหรัฐฯจะได้ “โดดเดี่ยวตัวเอง” สมใจทรัมป์แน่นอน.


    “ลม เปลี่ยนทิศ”

    https://www.thairath.co.th/news/local/2855708
    ธนาคารกรุงเทพเชื่อมระบบโอนเงินหยวน ผมเขียนเรื่อง “จีนเปิดตัวหยวนดิจิทัลข่ม SWIFT” ไปเมื่อวันเสาร์ โดยจีนได้เปิดตัว “ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างธนาคาร” (China’s Cross–Border Interbank Payment System) รุ่นใหม่หรือ CIPS รุ่น 2.0 ซึ่งโอนเงินได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยเชื่อมต่อกับธนาคารใน 16 ประเทศพร้อมกัน ทั้งใน จีน อาเซียน และตะวันออกกลาง เมื่อเช้าตรู่วันที่ 21 เม.ย. CIPS เป็นระบบโอนเงินข้ามชาติแบบเดียวกับ SWIFT ของสหรัฐฯ แต่ CIPS จะโอนเป็นเงินหยวนของจีน ขณะที่ SWIFT จะโอนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ CIPS ถือเป็นระบบโอนเงินข้ามชาติที่เป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯ CIPS ใช้เวลาโอนเงินข้ามประเทศเร็วมากเพียงไม่กี่วินาที มีต้นทุนการโอนเงินที่ตํ่ามาก เทียบกับ ระบบ SWIFT ของสหรัฐฯที่ต้องใช้เวลาในการโอนเงิน 2–3 วัน มีค่าโอนเงินที่แพงกว่ากันถึง 4 หมื่นกว่าเท่า การเปิดตัวของ ระบบโอนเงินข้ามพรมแดน CIPS 2.0 ของจีนครั้งนี้ จึงเป็นการทลายการผูกขาดโอนเงินข้ามชาติของระบบ SWIFT สหรัฐฯ ที่มีมายาวนาน วันอังคาร 29 เม.ย. คุณพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ได้เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพได้เพิ่มศักยภาพการทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวน (Chinese Yuan–CNY) ผ่าน ระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน หรือ CIPS (Cross–Border Interbank Payment System) เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ใช้รับอนุมัติจากธนาคารกลางจีนให้เป็น Direct Participant สมาชิกตรง ดังนั้น ธนาคารกรุงเทพจึงสามารถทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวนได้โดยตรงกับระบบ CIPS ซึ่งช่วยลดระยะเวลาทำธุรกรรมให้สั้นลง คู่ค้าได้รับเงินเร็วขึ้น ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนในอนาคตเพิ่มมากขึ้นด้วย คุณพิพัฒน์ กล่าวว่า บริการโอนเงิน CIPS เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ นำเข้าและส่งออกซึ่งมีธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศกับคู่ค้าในจีน โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการค้าสูง เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น ปี 2567 จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับ 1 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวมเกือบ 4.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปจีนมูลค่าประมาณ 1.2 ล้าน ล้านบาท และการนำเข้าจากจีนมีมูลค่าประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก การเข้าร่วมเป็น Direct Participant ในระบบ CIPS สะท้อนถึงความตั้งใจในการพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และทำให้ธุรกิจของลูกค้าได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคใหม่ ตอกย้ำความเป็น “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน” เคียงข้างและช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ การพัฒนาบริการดังกล่าวจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น วันนี้การค้าโลกแยกออกเป็น 2 ค่ายชัดเจน จีน กับ สหรัฐฯ เมื่อ ประธานาธิบดีทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกเพื่อเอาเปรียบ ตั้งแต่ 2 เม.ย.ทรัมป์ได้ขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศไปแล้ว 10% และ จะขึ้นภาษีตอบโต้อีก 20–245% กับประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ จะยึดคลองปานามา จะยึดคลองสุเอซที่เก็บค่าผ่านเรือสหรัฐฯ กลายเป็นอันธพาลระดับโลก ทำให้ทุกชาติ เริ่มถอยห่างจากสหรัฐฯมาใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น มาซาโตะ คานดะ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้เสนอ ให้ประเทศในเอเชียหันมาค้าขายกันเองให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องเศรษฐกิจในภูมิภาคจากแรงกระแทกภายนอก ผมเชื่อว่า ระบบโอนเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน CIPS ของจีน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการค้าในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก “ยกเว้นสหรัฐฯ” ทำให้ ระบบโอนเงิน SWIFT ลดบทบาทลง สหรัฐฯจะได้ “โดดเดี่ยวตัวเอง” สมใจทรัมป์แน่นอน. “ลม เปลี่ยนทิศ” https://www.thairath.co.th/news/local/2855708
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    ธนาคารกรุงเทพเชื่อมระบบโอนเงินหยวน
    ผมเพิ่งเขียนเรื่อง “จีนเปิดตัวหยวนดิจิทัลข่ม SWIFT” ไปเมื่อวันเสาร์ โดยจีนได้เปิดตัว “ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างธนาคาร” (China’s Cross–Border Interbank Payment System) รุ่นใหม่หรือ CIPS รุ่น 2.0
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัดเจนแล้วว่าสหรัฐยังคงทำสงครามกับรัสเซียผ่านยูเครนต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะอ้างว่าต้องการยุติความขัดแย้งก็ตาม

    ข้อตกลงแร่หายากที่สหรัฐทำกับยูเครน จะรวมถึงการเสนอขายอาวุธมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ นอกเหนือไปจากสัญญาที่จัดทำขึ้นไว้ก่อนแล้วเมื่อช่วงต้นปีนี้โดยผู้ผลิตอาวุธในสหรัฐกับชาติในยุโรป ซึ่งจะโอนอาวุธของสหรัฐให้กับยูเครน

    การเจรจาที่ผ่านมาของสหรัฐที่พวกเขาพยายามแสร้งเป็น "คนกลาง" เป็นเพียงกลอุบายที่ต้องการบีบยูเครนให้ยอมทำข้อตกลงแร่ธาตุเท่านั้น

    พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่าเป้าหมายของสหรัฐคือการระงับ(freeze) ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียเท่านั้น ไม่ใช่ยุติ (end) ความขัดแย้ง เพื่อมอบหมายให้ยุโรปเข้ามาดำเนินการแทน โดยสหรัฐจะย้ายเป้าหมายไปสร้างความขัดแย้งที่คล้ายคลึงกันกับจีน-ไต้หวันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแทน
    ชัดเจนแล้วว่าสหรัฐยังคงทำสงครามกับรัสเซียผ่านยูเครนต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะอ้างว่าต้องการยุติความขัดแย้งก็ตาม ข้อตกลงแร่หายากที่สหรัฐทำกับยูเครน จะรวมถึงการเสนอขายอาวุธมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ นอกเหนือไปจากสัญญาที่จัดทำขึ้นไว้ก่อนแล้วเมื่อช่วงต้นปีนี้โดยผู้ผลิตอาวุธในสหรัฐกับชาติในยุโรป ซึ่งจะโอนอาวุธของสหรัฐให้กับยูเครน การเจรจาที่ผ่านมาของสหรัฐที่พวกเขาพยายามแสร้งเป็น "คนกลาง" เป็นเพียงกลอุบายที่ต้องการบีบยูเครนให้ยอมทำข้อตกลงแร่ธาตุเท่านั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่าเป้าหมายของสหรัฐคือการระงับ(freeze) ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียเท่านั้น ไม่ใช่ยุติ (end) ความขัดแย้ง เพื่อมอบหมายให้ยุโรปเข้ามาดำเนินการแทน โดยสหรัฐจะย้ายเป้าหมายไปสร้างความขัดแย้งที่คล้ายคลึงกันกับจีน-ไต้หวันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแทน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • วอชิงตันโพสต์แสดงความเห็นไว้ว่าแร่ธาตุที่ดีที่สุดของยูเครนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในดินแดนส่วนที่เป็นยูเครน แต่เป็นในภูมิภาคใหม่ทั้งสี่ที่ผนวกเข้ารัสเซีย และยังไม่ชัดเจนว่าต้นทุนในการขุดแร่ธาตุเหล่านี้จะมีราคาถูกพอที่จะแข่งขันกับจีนได้หรือไม่

    ทางด้าน ทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวถึงข้อตกลงเรื่องแร่หายากของยูเครนว่า ถือเป็นหนึ่งในการ "ชำระหนี้" จากเงินช่วยเหลือด้านทหารที่มีต่อยูเครนในรัฐบาลไบเดนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์

    ขณะเดียวกัน เมื่อคืนที่ผ่านมาเซเลนสกียืนยันว่า รัฐบาลของเขาลงนามความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐอเมริกาแล้วและจะส่งเรื่องต่อไปยัง Verkhovna Rada (รัฐสภายูเครน) เพื่อรับรองโดยจะไม่ให้มีความล่าช้าใดๆเกิดขึ้น สิ่งนี้ยืนยันได้อย่างดีว่า "สหรัฐกลายเป็นเจ้าของทางเศรษฐกิขยูเครนอย่างไม่มีกำหนด"
    วอชิงตันโพสต์แสดงความเห็นไว้ว่าแร่ธาตุที่ดีที่สุดของยูเครนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในดินแดนส่วนที่เป็นยูเครน แต่เป็นในภูมิภาคใหม่ทั้งสี่ที่ผนวกเข้ารัสเซีย และยังไม่ชัดเจนว่าต้นทุนในการขุดแร่ธาตุเหล่านี้จะมีราคาถูกพอที่จะแข่งขันกับจีนได้หรือไม่ ทางด้าน ทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวถึงข้อตกลงเรื่องแร่หายากของยูเครนว่า ถือเป็นหนึ่งในการ "ชำระหนี้" จากเงินช่วยเหลือด้านทหารที่มีต่อยูเครนในรัฐบาลไบเดนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน เมื่อคืนที่ผ่านมาเซเลนสกียืนยันว่า รัฐบาลของเขาลงนามความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐอเมริกาแล้วและจะส่งเรื่องต่อไปยัง Verkhovna Rada (รัฐสภายูเครน) เพื่อรับรองโดยจะไม่ให้มีความล่าช้าใดๆเกิดขึ้น สิ่งนี้ยืนยันได้อย่างดีว่า "สหรัฐกลายเป็นเจ้าของทางเศรษฐกิขยูเครนอย่างไม่มีกำหนด"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดรถกระบะไฟฟ้ากำลังกลายเป็น สมรภูมิใหม่ของอุตสาหกรรม EV โดยล่าสุด Isuzu ได้ประกาศเปิดตัว D-Max EV ในปี 2026 ซึ่งจะมีสมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล

    ก่อนหน้านี้ Slate Auto ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ก็ได้ประกาศแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า ทำให้การแข่งขันในตลาดนี้เริ่มเข้มข้นขึ้น

    แม้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Ford และ Chevrolet จะมียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า แต่การมาถึงของ D-Max EV และรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดจากจีน อาจทำให้ตลาดนี้กลายเป็น จุดแข่งขันสำคัญของอุตสาหกรรม EV

    ✅ การเปิดตัว D-Max EV ของ Isuzu
    - เปิดตัวในปี 2026
    - สมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล
    - รองรับน้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม และลากจูง 3,500 กิโลกรัม

    ✅ การแข่งขันในตลาดรถกระบะไฟฟ้า
    - Slate Auto เตรียมผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า
    - Ford และ Chevrolet มียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า

    ✅ เทคโนโลยีของ D-Max EV
    - ใช้แบตเตอรี่ 66.9kWh ติดตั้งใต้พื้นรถ
    - มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร พร้อมมอเตอร์ที่เพลาหน้าและหลัง

    ✅ แนวโน้มของตลาดรถกระบะไฟฟ้า
    - คาดว่าตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าทั่วโลกจะมีมูลค่า 78 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2033

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/first-slate-auto-and-now-isuzu-why-electric-pick-up-trucks-could-be-the-next-big-ev-battleground
    ตลาดรถกระบะไฟฟ้ากำลังกลายเป็น สมรภูมิใหม่ของอุตสาหกรรม EV โดยล่าสุด Isuzu ได้ประกาศเปิดตัว D-Max EV ในปี 2026 ซึ่งจะมีสมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล ก่อนหน้านี้ Slate Auto ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ก็ได้ประกาศแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า ทำให้การแข่งขันในตลาดนี้เริ่มเข้มข้นขึ้น แม้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Ford และ Chevrolet จะมียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า แต่การมาถึงของ D-Max EV และรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดจากจีน อาจทำให้ตลาดนี้กลายเป็น จุดแข่งขันสำคัญของอุตสาหกรรม EV ✅ การเปิดตัว D-Max EV ของ Isuzu - เปิดตัวในปี 2026 - สมรรถนะเทียบเท่ารุ่นดีเซล - รองรับน้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม และลากจูง 3,500 กิโลกรัม ✅ การแข่งขันในตลาดรถกระบะไฟฟ้า - Slate Auto เตรียมผลิตรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดในปีหน้า - Ford และ Chevrolet มียอดขายรถกระบะไฟฟ้าที่ค่อนข้างช้า ✅ เทคโนโลยีของ D-Max EV - ใช้แบตเตอรี่ 66.9kWh ติดตั้งใต้พื้นรถ - มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร พร้อมมอเตอร์ที่เพลาหน้าและหลัง ✅ แนวโน้มของตลาดรถกระบะไฟฟ้า - คาดว่าตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าทั่วโลกจะมีมูลค่า 78 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2033 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/first-slate-auto-and-now-isuzu-why-electric-pick-up-trucks-could-be-the-next-big-ev-battleground
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูล AI ในจีนกำลัง รื้อถอนและขายต่อ การ์ดจอ Nvidia RTX 4090D ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยการ์ดเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของจีน แต่ปัจจุบันถูกนำออกจากชั้นวางและขายในตลาดเปิด

    รายงานจาก DigiTimes Asia ระบุว่าผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า GPU ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 3-5 ปี

    การ์ด RTX 4090D แต่ละใบขายในราคาประมาณ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และต้องมีการปรับแต่งก่อนนำไปขายให้ผู้ใช้ทั่วไป เช่น เปลี่ยนระบบระบายความร้อนจากแบบพัดลมเป็นแบบ blower-style

    นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการขายต่อเหล่านี้เกิดจาก ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ เนื่องจากจีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ แต่ความต้องการใช้งานจริงกลับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

    นอกจากนี้ ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ เช่น การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว โดยเปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็นระบบที่รองรับ การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (real-time inference)

    ✅ เหตุผลในการรื้อถอนและขายต่อ
    - ศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า
    - ราคาขายต่ออยู่ที่ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

    ✅ การปรับแต่งก่อนขายให้ผู้ใช้ทั่วไป
    - ต้องเปลี่ยนระบบระบายความร้อนจาก แบบพัดลมเป็นแบบ blower-style
    - การ์ดที่ถูกใช้งานแล้วต้องผ่านการรีเฟอร์บิชก่อนขาย

    ✅ ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ของศูนย์ข้อมูล AI ในจีน
    - จีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ
    - ความต้องการใช้งานจริงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ✅ ผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    - การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 ทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว
    - เปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็น การประมวลผลแบบเรียลไทม์

    https://www.techradar.com/pro/data-centers-in-china-are-dumping-rare-48gb-nvidia-rtx-4090d-gpus-for-nearly-usd6-000-but-the-exact-reason-remains-a-mystery
    ศูนย์ข้อมูล AI ในจีนกำลัง รื้อถอนและขายต่อ การ์ดจอ Nvidia RTX 4090D ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยการ์ดเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของจีน แต่ปัจจุบันถูกนำออกจากชั้นวางและขายในตลาดเปิด รายงานจาก DigiTimes Asia ระบุว่าผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า GPU ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 3-5 ปี การ์ด RTX 4090D แต่ละใบขายในราคาประมาณ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และต้องมีการปรับแต่งก่อนนำไปขายให้ผู้ใช้ทั่วไป เช่น เปลี่ยนระบบระบายความร้อนจากแบบพัดลมเป็นแบบ blower-style นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการขายต่อเหล่านี้เกิดจาก ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ เนื่องจากจีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ แต่ความต้องการใช้งานจริงกลับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ เช่น การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว โดยเปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็นระบบที่รองรับ การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (real-time inference) ✅ เหตุผลในการรื้อถอนและขายต่อ - ศูนย์ข้อมูลพบว่า การขายต่อ GPU ให้ผลตอบแทนเร็วกว่า การรอคืนนทุนจากการให้เช่า - ราคาขายต่ออยู่ที่ 20,000-40,000 หยวน (ประมาณ 2,735-5,470 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ✅ การปรับแต่งก่อนขายให้ผู้ใช้ทั่วไป - ต้องเปลี่ยนระบบระบายความร้อนจาก แบบพัดลมเป็นแบบ blower-style - การ์ดที่ถูกใช้งานแล้วต้องผ่านการรีเฟอร์บิชก่อนขาย ✅ ภาวะโอเวอร์แคปาซิตี้ของศูนย์ข้อมูล AI ในจีน - จีนเร่งสร้างศูนย์ข้อมูล AI ตามนโยบายของรัฐ - ความต้องการใช้งานจริงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ✅ ผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ - การห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 ทำให้ศูนย์ข้อมูลจีนต้องปรับตัว - เปลี่ยนจากระบบที่เน้นการฝึกโมเดล AI ไปเป็น การประมวลผลแบบเรียลไทม์ https://www.techradar.com/pro/data-centers-in-china-are-dumping-rare-48gb-nvidia-rtx-4090d-gpus-for-nearly-usd6-000-but-the-exact-reason-remains-a-mystery
    WWW.TECHRADAR.COM
    Too many GPUs, not enough demand: China’s AI centers start flipping rare Nvidia RTX 4090Ds
    It could be a bid to make easy money, or they could be preparing to upgrade
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทก่อสร้างของสหราชอาณาจักร Blu-3 ถูกกล่าวหาว่าจ่ายสินบน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ได้รับสัญญาก่อสร้างศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์ โดยสำนักงาน Serious Fraud Office (SFO) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้

    SFO ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 70 นาย ไปตรวจค้น 4 ที่พักอาศัยและ 1 สำนักงาน ในลอนดอน, เคนต์, เซอร์รีย์ และซัมเมอร์เซ็ต เพื่อรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ยังประสานงานกับทางการโมนาโกเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในผู้ต้องสงสัย

    Microsoft มีศูนย์ข้อมูลใน Middenmeer, Holland Kroon ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายเพิ่มเติมในปี 2023 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรไม่ได้ระบุว่าคดีสินบนนี้เกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว

    ทางการท้องถิ่นของ Holland Kroon ระบุว่าพวกเขากำลังติดตามการสอบสวนของ SFO และพร้อมให้ความร่วมมือหากจำเป็น

    ✅ การสอบสวนของ SFO
    - จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีสินบน
    - ส่งเจ้าหน้าที่ 70 นาย ไปตรวจค้นที่พักและสำนักงาน

    ✅ ศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์
    - ตั้งอยู่ใน Middenmeer, Holland Kroon
    - สร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายในปี 2023

    ✅ บทบาทของ Blu-3 และ Mace Group
    - Blu-3 และ Mace Group เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล
    - ยังไม่ชัดเจนว่าคดีสินบนเกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว

    ✅ การตอบสนองของรัฐบาลท้องถิ่น
    - Holland Kroon ติดตามการสอบสวนและพร้อมให้ความร่วมมือ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/uk-company-allegedly-paid-usd4m-in-bribes-to-secure-microsoft-data-center-construction-contract
    บริษัทก่อสร้างของสหราชอาณาจักร Blu-3 ถูกกล่าวหาว่าจ่ายสินบน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ได้รับสัญญาก่อสร้างศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์ โดยสำนักงาน Serious Fraud Office (SFO) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ SFO ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 70 นาย ไปตรวจค้น 4 ที่พักอาศัยและ 1 สำนักงาน ในลอนดอน, เคนต์, เซอร์รีย์ และซัมเมอร์เซ็ต เพื่อรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ยังประสานงานกับทางการโมนาโกเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในผู้ต้องสงสัย Microsoft มีศูนย์ข้อมูลใน Middenmeer, Holland Kroon ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายเพิ่มเติมในปี 2023 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรไม่ได้ระบุว่าคดีสินบนนี้เกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว ทางการท้องถิ่นของ Holland Kroon ระบุว่าพวกเขากำลังติดตามการสอบสวนของ SFO และพร้อมให้ความร่วมมือหากจำเป็น ✅ การสอบสวนของ SFO - จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีสินบน - ส่งเจ้าหน้าที่ 70 นาย ไปตรวจค้นที่พักและสำนักงาน ✅ ศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์ - ตั้งอยู่ใน Middenmeer, Holland Kroon - สร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายในปี 2023 ✅ บทบาทของ Blu-3 และ Mace Group - Blu-3 และ Mace Group เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล - ยังไม่ชัดเจนว่าคดีสินบนเกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว ✅ การตอบสนองของรัฐบาลท้องถิ่น - Holland Kroon ติดตามการสอบสวนและพร้อมให้ความร่วมมือ https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/uk-company-allegedly-paid-usd4m-in-bribes-to-secure-microsoft-data-center-construction-contract
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    UK company allegedly paid $4m in bribes to secure Microsoft data center construction contract
    The UK's Serious Fraud Office (SFO) has made three arrests as part of the investigation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Fab 21 phase 3 ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โรงงานนี้จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P (2nm-class) และ A16 (1.6nm-class) เมื่อเสร็จสมบูรณ์ระหว่างปี 2028-2030

    การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์ ที่ TSMC ประกาศในเดือนมีนาคม โดย Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล ซึ่งโมดูลที่ 3 และ 4 จะใช้เทคโนโลยี 2nm-class ส่วนโมดูลที่ 5 และ 6 จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า เช่น A14 (1.4nm-class)

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันได้ออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะลงทุนในโครงการต่างประเทศ และไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของ TSMC

    นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเงื่อนไขในการให้เงินสนับสนุนภายใต้ CHIPS and Science Act โดยอาจกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ

    ✅ การก่อสร้าง Fab 21 phase 3
    - ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา
    - จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P และ A16

    ✅ แผนการลงทุนของ TSMC
    - มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์
    - Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล

    ✅ ข้อจำกัดจากรัฐบาลไต้หวัน
    - TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนลงทุนในต่างประเทศ
    - ไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศ

    ✅ การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
    - อาจกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-starts-construction-its-1-6nm-and-2nm-capable-u-s-fab-fab-21-phase-3
    TSMC ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Fab 21 phase 3 ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โรงงานนี้จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P (2nm-class) และ A16 (1.6nm-class) เมื่อเสร็จสมบูรณ์ระหว่างปี 2028-2030 การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์ ที่ TSMC ประกาศในเดือนมีนาคม โดย Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล ซึ่งโมดูลที่ 3 และ 4 จะใช้เทคโนโลยี 2nm-class ส่วนโมดูลที่ 5 และ 6 จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า เช่น A14 (1.4nm-class) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันได้ออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะลงทุนในโครงการต่างประเทศ และไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของ TSMC นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเงื่อนไขในการให้เงินสนับสนุนภายใต้ CHIPS and Science Act โดยอาจกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ ✅ การก่อสร้าง Fab 21 phase 3 - ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา - จะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N2, N2P และ A16 ✅ แผนการลงทุนของ TSMC - มูลค่า 165 พันล้านดอลลาร์ - Fab 21 จะมีทั้งหมด 6 โมดูล ✅ ข้อจำกัดจากรัฐบาลไต้หวัน - TSMC ต้องได้รับอนุญาตก่อนลงทุนในต่างประเทศ - ไม่สามารถส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าที่สุดไปยังโรงงานในต่างประเทศ ✅ การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ - อาจกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการรับเงินสนับสนุนต้องเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-starts-construction-its-1-6nm-and-2nm-capable-u-s-fab-fab-21-phase-3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนในคดีฟ้องร้องของผู้ถือหุ้น โดยเลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของบริษัทในการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาลของ Donald Trump ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งบริหารที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทกฎหมายบางแห่ง และพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าของพวกเขา

    Microsoft ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย แต่ระบุว่า Simpson Thacher ยังคงเป็นตัวแทนของบริษัทในเรื่องอื่นๆ ขณะที่ Jenner & Block เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    คดีในศาล Delaware Chancery Court เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า Activision Blizzard อนุมัติร่างข้อตกลงการควบรวมกิจการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย Microsoft ได้ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธคำร้องขอค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ จากทนายความของผู้ถือหุ้น Activision

    ✅ Microsoft เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายในคดีผู้ถือหุ้น
    - เลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher
    - คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

    ✅ ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล Trump
    - Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาล Trump ในคดีเกี่ยวกับคำสั่งบริหาร
    - คำสั่งดังกล่าวจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าบริษัทกฎหมาย

    ✅ รายละเอียดของคดีในศาล Delaware
    - Activision Blizzard ถูกกล่าวหาว่าอนุมัติร่างข้อตกลงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย
    - Microsoft ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์

    ✅ บทบาทของ Jenner & Block
    - เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน
    - มีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/microsoft-swaps-law-firms-in-shareholder-case-hiring-trump-adversary
    Microsoft ได้เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนในคดีฟ้องร้องของผู้ถือหุ้น โดยเลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของบริษัทในการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาลของ Donald Trump ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งบริหารที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทกฎหมายบางแห่ง และพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าของพวกเขา Microsoft ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย แต่ระบุว่า Simpson Thacher ยังคงเป็นตัวแทนของบริษัทในเรื่องอื่นๆ ขณะที่ Jenner & Block เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล คดีในศาล Delaware Chancery Court เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า Activision Blizzard อนุมัติร่างข้อตกลงการควบรวมกิจการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย Microsoft ได้ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธคำร้องขอค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ จากทนายความของผู้ถือหุ้น Activision ✅ Microsoft เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายในคดีผู้ถือหุ้น - เลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher - คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ ✅ ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล Trump - Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาล Trump ในคดีเกี่ยวกับคำสั่งบริหาร - คำสั่งดังกล่าวจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าบริษัทกฎหมาย ✅ รายละเอียดของคดีในศาล Delaware - Activision Blizzard ถูกกล่าวหาว่าอนุมัติร่างข้อตกลงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย - Microsoft ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ ✅ บทบาทของ Jenner & Block - เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน - มีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/microsoft-swaps-law-firms-in-shareholder-case-hiring-trump-adversary
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft swaps law firms in shareholder case, hiring Trump adversary
    (Reuters) -Microsoft is switching the law firm representing it in a shareholder case, replacing one that settled with the Trump administration to avoid a punishing executive order with one that is fighting the White House.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reddit คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยอาศัยการเติบโตของ โฆษณาดิจิทัล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณด้านการตลาด

    หุ้นของ Reddit พุ่งขึ้น 20% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 7% หลังจาก Steve Huffman ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า Google Search อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้รายวัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google ทำให้ Reddit มีความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชม

    Reddit ได้ลงทุนใน เทคโนโลยีโฆษณา เพื่อดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Instagram เผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณโฆษณา โดย Reddit ใช้ Conversation Placement Ads ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา

    Jen Wong ซีโอโอของ Reddit เปิดเผยว่า จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 และบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 395.5 ล้านดอลลาร์

    แม้ว่า Reddit จะเติบโตในด้านโฆษณา แต่หุ้นของบริษัทลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 61% ในไตรมาสแรกเป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

    ✅ การเติบโตของรายได้และโฆษณา
    - คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์
    - จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรก

    ✅ ผลกระทบจาก Google Search
    - การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้รายวันของ Reddit
    - Reddit เคยเผชิญกับความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชมจากการเปลี่ยนแปลงของ Google

    ✅ กลยุทธ์ด้านโฆษณาของ Reddit
    - ใช้ Conversation Placement Ads เพื่อให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา
    - ดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่นเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ

    ✅ สถานะของหุ้น Reddit
    - หุ้นลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025
    - รายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 61% เป็น 392.4 ล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/reddit-forecasts-revenue-above-estimates-as-digital-ad-spend-grows-shares-surge
    Reddit คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยอาศัยการเติบโตของ โฆษณาดิจิทัล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณด้านการตลาด หุ้นของ Reddit พุ่งขึ้น 20% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 7% หลังจาก Steve Huffman ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า Google Search อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้รายวัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google ทำให้ Reddit มีความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชม Reddit ได้ลงทุนใน เทคโนโลยีโฆษณา เพื่อดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Instagram เผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณโฆษณา โดย Reddit ใช้ Conversation Placement Ads ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา Jen Wong ซีโอโอของ Reddit เปิดเผยว่า จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 และบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 395.5 ล้านดอลลาร์ แม้ว่า Reddit จะเติบโตในด้านโฆษณา แต่หุ้นของบริษัทลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 61% ในไตรมาสแรกเป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ✅ การเติบโตของรายได้และโฆษณา - คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ - จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรก ✅ ผลกระทบจาก Google Search - การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้รายวันของ Reddit - Reddit เคยเผชิญกับความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชมจากการเปลี่ยนแปลงของ Google ✅ กลยุทธ์ด้านโฆษณาของ Reddit - ใช้ Conversation Placement Ads เพื่อให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา - ดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่นเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ ✅ สถานะของหุ้น Reddit - หุ้นลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 - รายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 61% เป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/reddit-forecasts-revenue-above-estimates-as-digital-ad-spend-grows-shares-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Reddit's strong revenue forecast signals advertising strength
    (Reuters) -Reddit forecast second-quarter revenue above Wall Street estimates on Thursday, betting on growing digital advertising spend on the social media platform despite uncertainty over marketing budgets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยมีรายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 29.58 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศโครงการ ซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    Apple เปิดเผยว่าจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกหมวดหมู่ อย่างไรก็ตาม รายได้จาก iPhone เพิ่มขึ้นเพียง 2% ขณะที่ Mac เติบโต 7% และ iPad เพิ่มขึ้น 15% ส่วนรายได้จาก Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5%

    ธุรกิจ Apple Services ทำสถิติรายได้สูงสุดที่ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว แต่อนาคตของธุรกิจนี้อาจเผชิญความไม่แน่นอน เนื่องจากคำสั่งศาลล่าสุดที่กำหนดให้ Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก ซึ่งอาจส่งผลให้ Apple สูญเสียค่าคอมมิชชั่น 30%

    Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวถึงผลประกอบการว่า "เรารู้สึกภูมิใจที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนลง 60% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" และเตือนว่าภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มต้นทุนของ Apple ถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสหน้า

    ✅ รายได้และกำไรของ Apple
    - รายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว
    - กำไรจากการดำเนินงาน 29.58 พันล้านดอลลาร์

    ✅ การเติบโตของผลิตภัณฑ์ต่างๆ
    - iPhone เพิ่มขึ้น 2%
    - Mac เติบโต 7%
    - iPad เพิ่มขึ้น 15%
    - Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5%

    ✅ ธุรกิจ Apple Services
    - รายได้ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12%
    - อาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลเกี่ยวกับระบบชำระเงินภายนอก

    ✅ โครงการซื้อหุ้นคืนและเงินปันผล
    - Apple ประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์
    - เพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    https://www.neowin.net/news/apple-services-revenue-reach-historic-high-future-in-jeopardy-after-court-order/
    Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยมีรายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว และกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 29.58 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศโครงการ ซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น Apple เปิดเผยว่าจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกหมวดหมู่ อย่างไรก็ตาม รายได้จาก iPhone เพิ่มขึ้นเพียง 2% ขณะที่ Mac เติบโต 7% และ iPad เพิ่มขึ้น 15% ส่วนรายได้จาก Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5% ธุรกิจ Apple Services ทำสถิติรายได้สูงสุดที่ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว แต่อนาคตของธุรกิจนี้อาจเผชิญความไม่แน่นอน เนื่องจากคำสั่งศาลล่าสุดที่กำหนดให้ Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก ซึ่งอาจส่งผลให้ Apple สูญเสียค่าคอมมิชชั่น 30% Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวถึงผลประกอบการว่า "เรารู้สึกภูมิใจที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนลง 60% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" และเตือนว่าภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มต้นทุนของ Apple ถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสหน้า ✅ รายได้และกำไรของ Apple - รายได้รวม 95.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว - กำไรจากการดำเนินงาน 29.58 พันล้านดอลลาร์ ✅ การเติบโตของผลิตภัณฑ์ต่างๆ - iPhone เพิ่มขึ้น 2% - Mac เติบโต 7% - iPad เพิ่มขึ้น 15% - Wearables, Home และ Accessories ลดลง 5% ✅ ธุรกิจ Apple Services - รายได้ 26.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% - อาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลเกี่ยวกับระบบชำระเงินภายนอก ✅ โครงการซื้อหุ้นคืนและเงินปันผล - Apple ประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ - เพิ่มเงินปันผลเป็น 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น https://www.neowin.net/news/apple-services-revenue-reach-historic-high-future-in-jeopardy-after-court-order/
    WWW.NEOWIN.NET
    Apple Services revenue reach historic high, future in jeopardy after court order
    While the installed base hit a record high, potential challenges loom from a recent court ruling and estimated $900 million in costs due to tariffs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้

    Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12%

    การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง

    เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก

    Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google

    ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store
    - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์
    - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12%

    ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

    ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS
    - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ
    - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน
    - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้
    - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    Epic Games ได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับนักพัฒนาในการหลีกเลี่ยง Apple Tax อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสามารถชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินภายนอกได้ Epic เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาที่ใช้ Epic Games Store จะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตราเดิมคือ 88%-12% การต่อสู้ระหว่าง Epic และ Apple เริ่มขึ้นในปี 2021 เมื่อศาลตัดสินว่า Apple ไม่สามารถจำกัดนักพัฒนาแอปจากการใช้ปุ่มหรือลิงก์ภายนอกเพื่อชี้นำผู้ใช้ไปยังระบบชำระเงินอื่นได้ อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามคำสั่งศาล ทำให้ Epic ต้องกลับไปฟ้องร้องอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez-Rogers ตัดสินว่า Apple "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล" และสร้างอุปสรรคใหม่เพื่อกีดกันการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า Alex Roman รองประธานฝ่ายการเงินของ Apple ให้การเท็จ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม 27% สำหรับการซื้อสินค้าผ่านระบบภายนอก Epic ยังประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ และนักพัฒนาจะสามารถเปิด "เว็บช็อป" บน Epic Games Store เพื่อให้ผู้เล่นซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ แทนที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงให้ Apple หรือ Google ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Epic Games Store - นักพัฒนาจะไม่ต้องแบ่งรายได้ให้ Epic จนกว่าจะถึง 1 ล้านดอลลาร์ - หลังจากนั้นจะมีการแบ่งรายได้ตามอัตรา 88%-12% ✅ คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - Apple ต้องอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ระบบชำระเงินภายนอก - Apple ถูกตัดสินว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ✅ การกลับมาของ Fortnite บน iOS - Epic ประกาศว่า Fortnite จะกลับเข้าสู่ App Store ในสหรัฐฯ - นักพัฒนาสามารถเปิดเว็บช็อปบน Epic Games Store เพื่อขายสินค้าโดยตรง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมและแอปพลิเคชัน - นักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดการรายได้ - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับนโยบายค่าธรรมเนียมในอนาคต https://www.neowin.net/news/epic-games-announces-new-way-for-developers-to-bypass-apple-tax-completely/
    WWW.NEOWIN.NET
    Epic Games announces new way for developers to bypass Apple Tax completely
    Epic Games has announced an alternative way for iOS app developers to process external payments with a zero percent revenue split, as the court rules Apple must allow external payments.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ถูกศาลอุทธรณ์ในลอนดอนสั่งให้จ่ายเงิน 502 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Optis Cellular Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทด้านสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ สำหรับการใช้ สิทธิบัตร 4G ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone และ iPad

    คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ Optis ฟ้อง Apple ในลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตรที่จำเป็นต่อมาตรฐานเทคโนโลยี 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสูงของลอนดอนเคยตัดสินให้ Apple จ่ายเงิน 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis มองว่าจำนวนเงินดังกล่าวต่ำเกินไป และยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายเงินก้อนเดียว 502 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้สิทธิบัตรของ Optis ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2027 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับ ใบอนุญาตระดับโลก

    Apple แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า Optis ไม่ได้ผลิตสินค้าใดๆ และมีธุรกิจหลักคือการฟ้องร้องบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรที่พวกเขาซื้อมา ขณะที่ Optis ยืนยันว่าคำตัดสินนี้ช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตรของตน

    ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ลอนดอน
    - Apple ต้องจ่าย 502 ล้านดอลลาร์ ให้ Optis สำหรับการใช้สิทธิบัตร 4G
    - ค่าธรรมเนียมครอบคลุมช่วงปี 2013-2027

    ✅ ประวัติของคดี
    - Optis ฟ้อง Apple ในปี 2019 โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตร 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ศาลสูงเคยตัดสินให้ Apple จ่าย 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis ยื่นอุทธรณ์

    ✅ ปฏิกิริยาของ Apple และ Optis
    - Apple ไม่พอใจและประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์
    - Optis ยืนยันว่าคำตัดสินช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตร

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - คดีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/apple-must-pay-optis-502-million-lump-sum-in-uk-patent-dispute-court-rules
    Apple ถูกศาลอุทธรณ์ในลอนดอนสั่งให้จ่ายเงิน 502 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Optis Cellular Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทด้านสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ สำหรับการใช้ สิทธิบัตร 4G ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone และ iPad คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ Optis ฟ้อง Apple ในลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตรที่จำเป็นต่อมาตรฐานเทคโนโลยี 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสูงของลอนดอนเคยตัดสินให้ Apple จ่ายเงิน 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis มองว่าจำนวนเงินดังกล่าวต่ำเกินไป และยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายเงินก้อนเดียว 502 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้สิทธิบัตรของ Optis ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2027 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับ ใบอนุญาตระดับโลก Apple แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า Optis ไม่ได้ผลิตสินค้าใดๆ และมีธุรกิจหลักคือการฟ้องร้องบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรที่พวกเขาซื้อมา ขณะที่ Optis ยืนยันว่าคำตัดสินนี้ช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตรของตน ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ลอนดอน - Apple ต้องจ่าย 502 ล้านดอลลาร์ ให้ Optis สำหรับการใช้สิทธิบัตร 4G - ค่าธรรมเนียมครอบคลุมช่วงปี 2013-2027 ✅ ประวัติของคดี - Optis ฟ้อง Apple ในปี 2019 โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตร 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต - ศาลสูงเคยตัดสินให้ Apple จ่าย 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis ยื่นอุทธรณ์ ✅ ปฏิกิริยาของ Apple และ Optis - Apple ไม่พอใจและประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ - Optis ยืนยันว่าคำตัดสินช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตร ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี - คดีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/apple-must-pay-optis-502-million-lump-sum-in-uk-patent-dispute-court-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple must pay Optis $502 million lump sum in UK patent dispute, court rules
    LONDON (Reuters) -Apple must pay a U.S. patent holder $502 million for the use of 4G patents in devices including iPhones and iPads, London's Court of Appeal ruled on Thursday, in the latest stage of a long-running legal battle.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts