• ซงยองกยู นักแสดงดังในเกาหลีใต้ ถูกพบเสียชีวิตในรถ จากไปสุดเศร้า ในวัย 55 ปี หลังก่อนหน้านี้เผชิญคดีเมาแล้วขับ จนถูกถอนตัวจากซีรีส์
    ซงยองกยู นักแสดงดังในเกาหลีใต้ ถูกพบเสียชีวิตในรถ จากไปสุดเศร้า ในวัย 55 ปี หลังก่อนหน้านี้เผชิญคดีเมาแล้วขับ จนถูกถอนตัวจากซีรีส์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Intel Core 5 120—ชื่อใหม่ สเปกเดิม กับภารกิจเคลียร์ Alder Lake ก่อนเปิดทางให้ Ultra

    Intel เปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในกลุ่มราคาประหยัดคือ Core 5 120 และ Core 5 120F โดยใช้ชื่อใหม่ที่ไม่ตรงกับซีรีส์ก่อนหน้าอย่าง Raptor Lake หรือ Core Ultra ทำให้หลายคนสับสนว่า “นี่คือรุ่นใหม่จริงหรือ?”

    เมื่อดูสเปกแล้วพบว่า Core 5 120 มีความใกล้เคียงกับ Core i5-12400 อย่างมาก: มี 6 คอร์ประสิทธิภาพ (P-core), 12 เธรด, ความเร็วพื้นฐาน 2.5 GHz และบูสต์สูงสุด 4.5 GHz ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเพียง 100 MHz เท่านั้น

    แม้จะดูเหมือนการเปลี่ยนชื่อเฉย ๆ แต่เบื้องหลังคือกลยุทธ์ของ Intel ที่ใช้ die stepping แบบใหม่ (เช่น H0) เพื่อผลิตได้ถูกลง และเคลียร์สต็อก Alder Lake ก่อนเปิดตัว Core Ultra 200S ที่ใช้สถาปัตยกรรม Arrow Lake

    Intel เปิดตัว Core 5 120 และ 120F ในกลุ่มซีพียูราคาประหยัด
    ใช้ชื่อใหม่ที่ไม่ตรงกับซีรีส์ก่อนหน้า
    120F ไม่มีกราฟิกในตัว แต่สเปกเหมือนกัน

    Core 5 120 มีสเปกใกล้เคียงกับ Core i5-12400 อย่างมาก
    6 P-core, 12 เธรด, 2.5–4.5 GHz
    เพิ่มบูสต์เพียง 100 MHz จากรุ่นเดิม

    ใช้ L3 cache ขนาด 18MB และรองรับ DDR5-4800
    เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดบนเมนบอร์ด LGA 1700
    ไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์เดิม

    อาจใช้ die stepping แบบ H0 ที่ประหยัดต้นทุนมากกว่า C0
    ช่วยลดต้นทุนการผลิต
    ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในงานทั่วไป

    เปิดตัวในช่วงที่ Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra 200S ที่ใช้ Arrow Lake
    เป็นการเคลียร์สต็อก Alder Lake
    ใช้ชื่อใหม่เพื่อแยกกลุ่มผลิตภัณฑ์

    การใช้ชื่อใหม่อย่าง “Core 5 120” อาจทำให้ผู้ซื้อสับสนกับซีรีส์อื่น
    ไม่ตรงกับชื่อ Core Ultra หรือ Raptor Lake
    อาจเข้าใจผิดว่าเป็นสถาปัตยกรรมใหม่

    การรีแบรนด์รุ่นเก่าอาจทำให้ผู้ใช้จ่ายเงินเพิ่มโดยไม่ได้ประสิทธิภาพที่ต่างกันมาก
    เพิ่มบูสต์เพียงเล็กน้อยจากรุ่นเดิม
    ประสิทธิภาพจริงใกล้เคียงกับ i5-12400

    ไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง stepping ที่ใช้ใน Core 5 120
    อาจมีผลต่อความร้อนหรือการใช้พลังงาน
    ผู้ใช้ไม่สามารถเลือก stepping ได้จากข้อมูลทั่วไป

    การเปิดตัวแบบเงียบ ๆ อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ทันสังเกตว่าเป็นรุ่นรีแบรนด์
    ไม่มีการประชาสัมพันธ์ชัดเจน
    อาจเข้าใจผิดว่าเป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด

    https://www.techspot.com/news/108899-familiar-specs-new-name-intel-core-5-120.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Intel Core 5 120—ชื่อใหม่ สเปกเดิม กับภารกิจเคลียร์ Alder Lake ก่อนเปิดทางให้ Ultra Intel เปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในกลุ่มราคาประหยัดคือ Core 5 120 และ Core 5 120F โดยใช้ชื่อใหม่ที่ไม่ตรงกับซีรีส์ก่อนหน้าอย่าง Raptor Lake หรือ Core Ultra ทำให้หลายคนสับสนว่า “นี่คือรุ่นใหม่จริงหรือ?” เมื่อดูสเปกแล้วพบว่า Core 5 120 มีความใกล้เคียงกับ Core i5-12400 อย่างมาก: มี 6 คอร์ประสิทธิภาพ (P-core), 12 เธรด, ความเร็วพื้นฐาน 2.5 GHz และบูสต์สูงสุด 4.5 GHz ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเพียง 100 MHz เท่านั้น แม้จะดูเหมือนการเปลี่ยนชื่อเฉย ๆ แต่เบื้องหลังคือกลยุทธ์ของ Intel ที่ใช้ die stepping แบบใหม่ (เช่น H0) เพื่อผลิตได้ถูกลง และเคลียร์สต็อก Alder Lake ก่อนเปิดตัว Core Ultra 200S ที่ใช้สถาปัตยกรรม Arrow Lake ✅ Intel เปิดตัว Core 5 120 และ 120F ในกลุ่มซีพียูราคาประหยัด ➡️ ใช้ชื่อใหม่ที่ไม่ตรงกับซีรีส์ก่อนหน้า ➡️ 120F ไม่มีกราฟิกในตัว แต่สเปกเหมือนกัน ✅ Core 5 120 มีสเปกใกล้เคียงกับ Core i5-12400 อย่างมาก ➡️ 6 P-core, 12 เธรด, 2.5–4.5 GHz ➡️ เพิ่มบูสต์เพียง 100 MHz จากรุ่นเดิม ✅ ใช้ L3 cache ขนาด 18MB และรองรับ DDR5-4800 ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดบนเมนบอร์ด LGA 1700 ➡️ ไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์เดิม ✅ อาจใช้ die stepping แบบ H0 ที่ประหยัดต้นทุนมากกว่า C0 ➡️ ช่วยลดต้นทุนการผลิต ➡️ ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในงานทั่วไป ✅ เปิดตัวในช่วงที่ Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra 200S ที่ใช้ Arrow Lake ➡️ เป็นการเคลียร์สต็อก Alder Lake ➡️ ใช้ชื่อใหม่เพื่อแยกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ‼️ การใช้ชื่อใหม่อย่าง “Core 5 120” อาจทำให้ผู้ซื้อสับสนกับซีรีส์อื่น ⛔ ไม่ตรงกับชื่อ Core Ultra หรือ Raptor Lake ⛔ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ ‼️ การรีแบรนด์รุ่นเก่าอาจทำให้ผู้ใช้จ่ายเงินเพิ่มโดยไม่ได้ประสิทธิภาพที่ต่างกันมาก ⛔ เพิ่มบูสต์เพียงเล็กน้อยจากรุ่นเดิม ⛔ ประสิทธิภาพจริงใกล้เคียงกับ i5-12400 ‼️ ไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง stepping ที่ใช้ใน Core 5 120 ⛔ อาจมีผลต่อความร้อนหรือการใช้พลังงาน ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถเลือก stepping ได้จากข้อมูลทั่วไป ‼️ การเปิดตัวแบบเงียบ ๆ อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ทันสังเกตว่าเป็นรุ่นรีแบรนด์ ⛔ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ชัดเจน ⛔ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด https://www.techspot.com/news/108899-familiar-specs-new-name-intel-core-5-120.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Familiar specs, new name: Intel's Core 5 120 processors enter the market
    The Core 5 120 doesn't break new ground but instead traces its lineage directly to Intel's older Alder Lake architecture. Despite the updated branding, technical specs show...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ AMD ส่งชิป “PRO” และ “F” ลงตลาดเพื่อจับกลุ่มใหม่

    ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 มีข้อมูลหลุดจากเว็บไซต์ ASUS ที่เผยให้เห็นว่า AMD เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Ryzen 9000 ได้แก่:

    Ryzen 7 9700F: เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ Zen 5 ที่ไม่มี iGPU (กราฟิกในตัว) โดยมีสเปกใกล้เคียงกับ 9700X คือ 8 คอร์ 16 เธรด, L3 cache 32MB, base clock 3.8GHz และ TDP 65W เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีการ์ดจอแยกอยู่แล้ว

    Ryzen PRO 9000 Series: เป็นซีพียูสำหรับองค์กรขนาดเล็กหรือเวิร์กสเตชันระดับเริ่มต้น โดยมี 3 รุ่นย่อย:
    - PRO 9 9945: 12 คอร์ 24 เธรด, base clock 3.4GHz, L3 cache 64MB
    - PRO 7 9745: 8 คอร์ 16 เธรด, base clock 3.8GHz, L3 cache 32MB
    - PRO 5 9645: 6 คอร์ 12 เธรด, base clock 3.9GHz, L3 cache 32MB

    ทั้งหมดมี TDP 65W และใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge (Zen 5) เหมือนกับรุ่นคอนซูเมอร์ แต่เน้นความเสถียรและการจัดการสำหรับองค์กร

    Ryzen 7 9700F เป็นซีพียู Zen 5 รุ่นแรกที่ไม่มี iGPU
    ต้องใช้การ์ดจอแยกในการแสดงผล
    สเปกใกล้เคียงกับ 9700X แต่ราคาถูกกว่า

    PRO 9000 Series เป็นรุ่นสำหรับองค์กรขนาดเล็ก
    มี 3 รุ่นย่อย: PRO 9 9945, PRO 7 9745, PRO 5 9645
    ใช้สเปกใกล้เคียงกับรุ่นคอนซูเมอร์แต่เน้นความเสถียร

    PRO 9 9945 มีสเปกเท่ากับ Ryzen 9 9900X แต่ clock ต่ำกว่า
    ลด TDP จาก 120W เหลือ 65W เพื่อความประหยัดพลังงาน
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการประสิทธิภาพแต่ควบคุมความร้อน

    PRO 7 9745 มีสเปกเหมือนกับ Ryzen 7 9700F
    เหมาะสำหรับเวิร์กสเตชันระดับกลาง
    ใช้ได้กับเมนบอร์ด AM5 ที่รองรับ Zen 5

    PRO 5 9645 ใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600X
    ยังไม่มีข้อมูล boost clock
    เหมาะสำหรับงานทั่วไปในองค์กร

    https://wccftech.com/amd-prepares-granite-ridge-pro-chips-and-ryzen-7-9700f-for-consumers-as-spotted-on-asus-website-core-clock-cache-and-tdp-leaked/
    🎙️ เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ AMD ส่งชิป “PRO” และ “F” ลงตลาดเพื่อจับกลุ่มใหม่ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 มีข้อมูลหลุดจากเว็บไซต์ ASUS ที่เผยให้เห็นว่า AMD เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Ryzen 9000 ได้แก่: ➡️ Ryzen 7 9700F: เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ Zen 5 ที่ไม่มี iGPU (กราฟิกในตัว) โดยมีสเปกใกล้เคียงกับ 9700X คือ 8 คอร์ 16 เธรด, L3 cache 32MB, base clock 3.8GHz และ TDP 65W เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีการ์ดจอแยกอยู่แล้ว ➡️ Ryzen PRO 9000 Series: เป็นซีพียูสำหรับองค์กรขนาดเล็กหรือเวิร์กสเตชันระดับเริ่มต้น โดยมี 3 รุ่นย่อย: - PRO 9 9945: 12 คอร์ 24 เธรด, base clock 3.4GHz, L3 cache 64MB - PRO 7 9745: 8 คอร์ 16 เธรด, base clock 3.8GHz, L3 cache 32MB - PRO 5 9645: 6 คอร์ 12 เธรด, base clock 3.9GHz, L3 cache 32MB ทั้งหมดมี TDP 65W และใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge (Zen 5) เหมือนกับรุ่นคอนซูเมอร์ แต่เน้นความเสถียรและการจัดการสำหรับองค์กร ✅ Ryzen 7 9700F เป็นซีพียู Zen 5 รุ่นแรกที่ไม่มี iGPU ➡️ ต้องใช้การ์ดจอแยกในการแสดงผล ➡️ สเปกใกล้เคียงกับ 9700X แต่ราคาถูกกว่า ✅ PRO 9000 Series เป็นรุ่นสำหรับองค์กรขนาดเล็ก ➡️ มี 3 รุ่นย่อย: PRO 9 9945, PRO 7 9745, PRO 5 9645 ➡️ ใช้สเปกใกล้เคียงกับรุ่นคอนซูเมอร์แต่เน้นความเสถียร ✅ PRO 9 9945 มีสเปกเท่ากับ Ryzen 9 9900X แต่ clock ต่ำกว่า ➡️ ลด TDP จาก 120W เหลือ 65W เพื่อความประหยัดพลังงาน ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการประสิทธิภาพแต่ควบคุมความร้อน ✅ PRO 7 9745 มีสเปกเหมือนกับ Ryzen 7 9700F ➡️ เหมาะสำหรับเวิร์กสเตชันระดับกลาง ➡️ ใช้ได้กับเมนบอร์ด AM5 ที่รองรับ Zen 5 ✅ PRO 5 9645 ใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600X ➡️ ยังไม่มีข้อมูล boost clock ➡️ เหมาะสำหรับงานทั่วไปในองค์กร https://wccftech.com/amd-prepares-granite-ridge-pro-chips-and-ryzen-7-9700f-for-consumers-as-spotted-on-asus-website-core-clock-cache-and-tdp-leaked/
    WCCFTECH.COM
    AMD Prepares Granite Ridge PRO Chips And Ryzen 7 9700F For Consumers As Spotted On ASUS Website; Core Clock, Cache, And TDP Leaked
    AMD is reportedly preparing more Ryzen 9000 series processors, including the PRO variants for enterprises and the Ryzen 7 9700F without an iGPU.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากชั้นความจำ: เมื่อ BiCS9 คือสะพานเชื่อมระหว่างอดีตและอนาคตของ NAND Flash

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 Kioxia และ SanDisk ได้เริ่มส่งมอบตัวอย่างชิป BiCS9 ซึ่งเป็น NAND Flash รุ่นที่ 9 ที่ออกแบบมาเพื่อเป็น “สะพาน” ระหว่าง BiCS8 และ BiCS10 โดยใช้แนวคิดแบบไฮบริด—นำโครงสร้างเซลล์เก่าจาก BiCS5 หรือ BiCS8 มาผสานกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง CBA (CMOS directly Bonded to Array)

    ผลลัพธ์คือชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างชัดเจน แม้จะใช้จำนวนเลเยอร์น้อยกว่า BiCS8 หรือ BiCS10 แต่กลับสามารถเร่งความเร็วอินเทอร์เฟซ NAND ได้ถึง 4.8 Gb/s ด้วย Toggle DDR6.0 และ SCA protocol พร้อมลดการใช้พลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ

    BiCS9 จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับ SSD ระดับองค์กรที่รองรับงาน AI และการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุน

    Kioxia และ SanDisk เริ่มส่งมอบตัวอย่าง BiCS9 NAND Flash รุ่นใหม่
    เป็นรุ่นที่ 9 ของซีรีส์ BiCS FLASH
    ใช้โครงสร้างแบบไฮบริดระหว่าง BiCS5 (112-layer) และ BiCS8 (218-layer)

    ใช้เทคโนโลยี CBA (CMOS directly Bonded to Array)
    ผลิต logic wafer และ memory cell wafer แยกกัน แล้วนำมาประกบ
    ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต

    รองรับ Toggle DDR6.0 และ SCA protocol เพื่อเพิ่มความเร็วอินเทอร์เฟซ2
    ความเร็วสูงสุดถึง 4.8 Gb/s ภายใต้การทดสอบ
    เพิ่มขึ้น 33% จาก BiCS8

    ประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    เขียนข้อมูลเร็วขึ้น 61%
    อ่านข้อมูลเร็วขึ้น 12%
    ประหยัดพลังงานขึ้น 36% ขณะเขียน และ 27% ขณะอ่าน
    เพิ่ม bit density ขึ้น 8%

    BiCS9 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI และ SSD ระดับกลางถึงสูง
    เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุน
    เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ BiCS10 ที่จะใช้ 332-layer

    BiCS10 จะเน้นความจุสูงและความหนาแน่นของข้อมูลมากขึ้น
    เพิ่ม bit density ขึ้น 59% จากการปรับ floor plan
    เหมาะกับ data center และงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประหยัดพลังงาน

    BiCS9 ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบและยังไม่เข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
    การใช้งานจริงอาจมีความแตกต่างจากตัวอย่างที่ส่งมอบ
    ต้องรอการผลิตจริงภายในปีงบประมาณ 2025

    การใช้โครงสร้างไฮบริดอาจทำให้เกิดความสับสนในรุ่นย่อย
    บางรุ่นใช้ BiCS5 (112-layer) บางรุ่นใช้ BiCS8 (218-layer)
    อาจส่งผลต่อความเสถียรและการจัดการคุณภาพ

    ความเร็วสูงสุด 4.8 Gb/s เป็นค่าที่ได้จากการทดสอบในสภาพควบคุม
    ความเร็วจริงอาจต่ำกว่าขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ที่ใช้
    ต้องรอผลการทดสอบจากผู้ผลิตอิสระเพื่อยืนยัน

    การแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นยังคงเข้มข้น
    Samsung และ Micron เน้นเพิ่มจำนวนเลเยอร์เกิน 300 เพื่อเพิ่มความจุ
    Kioxia เลือกแนวทางไฮบริดเพื่อความเร็วในการผลิตและต้นทุนต่ำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/kioxia-and-sandisk-start-shipping-bics9-3d-nand-samples-hybrid-design-combining-112-layer-bics5-with-modern-cba-and-ddr6-0-interface-for-higher-performance-and-cost-efficiency
    💾 เรื่องเล่าจากชั้นความจำ: เมื่อ BiCS9 คือสะพานเชื่อมระหว่างอดีตและอนาคตของ NAND Flash ในเดือนกรกฎาคม 2025 Kioxia และ SanDisk ได้เริ่มส่งมอบตัวอย่างชิป BiCS9 ซึ่งเป็น NAND Flash รุ่นที่ 9 ที่ออกแบบมาเพื่อเป็น “สะพาน” ระหว่าง BiCS8 และ BiCS10 โดยใช้แนวคิดแบบไฮบริด—นำโครงสร้างเซลล์เก่าจาก BiCS5 หรือ BiCS8 มาผสานกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง CBA (CMOS directly Bonded to Array) ผลลัพธ์คือชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างชัดเจน แม้จะใช้จำนวนเลเยอร์น้อยกว่า BiCS8 หรือ BiCS10 แต่กลับสามารถเร่งความเร็วอินเทอร์เฟซ NAND ได้ถึง 4.8 Gb/s ด้วย Toggle DDR6.0 และ SCA protocol พร้อมลดการใช้พลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ BiCS9 จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับ SSD ระดับองค์กรที่รองรับงาน AI และการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุน ✅ Kioxia และ SanDisk เริ่มส่งมอบตัวอย่าง BiCS9 NAND Flash รุ่นใหม่ ➡️ เป็นรุ่นที่ 9 ของซีรีส์ BiCS FLASH ➡️ ใช้โครงสร้างแบบไฮบริดระหว่าง BiCS5 (112-layer) และ BiCS8 (218-layer) ✅ ใช้เทคโนโลยี CBA (CMOS directly Bonded to Array) ➡️ ผลิต logic wafer และ memory cell wafer แยกกัน แล้วนำมาประกบ ➡️ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ✅ รองรับ Toggle DDR6.0 และ SCA protocol เพื่อเพิ่มความเร็วอินเทอร์เฟซ2 ➡️ ความเร็วสูงสุดถึง 4.8 Gb/s ภายใต้การทดสอบ ➡️ เพิ่มขึ้น 33% จาก BiCS8 ✅ ประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ➡️ เขียนข้อมูลเร็วขึ้น 61% ➡️ อ่านข้อมูลเร็วขึ้น 12% ➡️ ประหยัดพลังงานขึ้น 36% ขณะเขียน และ 27% ขณะอ่าน ➡️ เพิ่ม bit density ขึ้น 8% ✅ BiCS9 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI และ SSD ระดับกลางถึงสูง ➡️ เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุน ➡️ เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ BiCS10 ที่จะใช้ 332-layer ✅ BiCS10 จะเน้นความจุสูงและความหนาแน่นของข้อมูลมากขึ้น ➡️ เพิ่ม bit density ขึ้น 59% จากการปรับ floor plan ➡️ เหมาะกับ data center และงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประหยัดพลังงาน ‼️ BiCS9 ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบและยังไม่เข้าสู่การผลิตจำนวนมาก ⛔ การใช้งานจริงอาจมีความแตกต่างจากตัวอย่างที่ส่งมอบ ⛔ ต้องรอการผลิตจริงภายในปีงบประมาณ 2025 ‼️ การใช้โครงสร้างไฮบริดอาจทำให้เกิดความสับสนในรุ่นย่อย ⛔ บางรุ่นใช้ BiCS5 (112-layer) บางรุ่นใช้ BiCS8 (218-layer) ⛔ อาจส่งผลต่อความเสถียรและการจัดการคุณภาพ ‼️ ความเร็วสูงสุด 4.8 Gb/s เป็นค่าที่ได้จากการทดสอบในสภาพควบคุม ⛔ ความเร็วจริงอาจต่ำกว่าขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ที่ใช้ ⛔ ต้องรอผลการทดสอบจากผู้ผลิตอิสระเพื่อยืนยัน ‼️ การแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นยังคงเข้มข้น ⛔ Samsung และ Micron เน้นเพิ่มจำนวนเลเยอร์เกิน 300 เพื่อเพิ่มความจุ ⛔ Kioxia เลือกแนวทางไฮบริดเพื่อความเร็วในการผลิตและต้นทุนต่ำ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/kioxia-and-sandisk-start-shipping-bics9-3d-nand-samples-hybrid-design-combining-112-layer-bics5-with-modern-cba-and-ddr6-0-interface-for-higher-performance-and-cost-efficiency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: เมื่อ SK hynix ปลุกพลังใหม่ให้การ์ดจอ RTX 50 Super ด้วย GDDR7 ขนาด 3GB

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังประกอบคอมใหม่เพื่อเล่นเกมระดับ AAA หรือทำงาน AI ที่กินทรัพยากรหนักๆ แต่การ์ดจอรุ่นล่าสุดกลับมี VRAM แค่ 12GB หรือ 16GB ซึ่งอาจไม่พอในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    นั่นคือเหตุผลที่ SK hynix ประกาศพัฒนาโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 3GB ต่อชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานเดิมที่ใช้กันมายาวนานถึง 2GB ต่อชิปตั้งแต่ยุค GDDR5! การเปลี่ยนแปลงนี้เปิดทางให้ NVIDIA เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ GeForce RTX 50 Super รุ่นใหม่ที่มี VRAM สูงถึง 18GB และ 24GB โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนชิปมากมาย

    นอกจากจะเพิ่มความจุแล้ว ยังช่วยลดต้นทุน ลดความร้อน และลดการใช้พลังงานอีกด้วย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองในวงการเกมและ AI เลยทีเดียว

    SK hynix ยืนยันการพัฒนาโมดูล GDDR7 ขนาด 3GB ต่อชิป (24Gb)
    เพิ่มจากมาตรฐานเดิมที่ใช้ 2GB ต่อชิป (16Gb) มานานหลายปี
    ช่วยให้การ์ดจอสามารถมี VRAM สูงขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนชิป

    NVIDIA คาดว่าจะใช้ชิปใหม่ในซีรีส์ RTX 50 Super ที่กำลังจะเปิดตัวปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026
    RTX 5070 Super อาจมี VRAM 18GB (6 ชิป x 3GB)
    RTX 5080 Super และ 5070 Ti Super อาจมี VRAM 24GB (8 ชิป x 3GB)

    การ์ดจอ RTX 50 รุ่นปัจจุบันยังใช้ VRAM เท่าเดิมกับ RTX 40 เพราะใช้ชิป 2GB
    RTX 5070 ใช้บัส 192-bit กับ 6 ชิป = 12GB
    RTX 5080 ใช้บัส 256-bit กับ 8 ชิป = 16GB

    AMD Radeon RX 9070 มี VRAM 16GB และบัส 256-bit ทำให้บางเกมแรงกว่า RTX 5070
    หากขายในราคาเท่ากันจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

    Micron และ Samsung ก็มีแผนผลิตชิป GDDR7 ขนาด 3GB เช่นกัน
    Samsung เริ่มขายในจีนแล้ว แต่ช้าเกินไปสำหรับ RTX 50 รุ่นแรก

    การเพิ่ม VRAM ไม่ได้หมายถึงประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเสมอไป
    RTX 5070 Super อาจเพิ่มแค่ไม่กี่ร้อย CUDA cores เท่านั้น
    การเปลี่ยนแปลงอาจเน้นด้านความจุมากกว่าความเร็วจริง

    การ์ดจอที่มี VRAM สูงอาจมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
    แม้จะลดจำนวนชิป แต่ต้นทุนชิป 3GB ยังสูงกว่าชิป 2GB
    อาจทำให้รุ่น Super ไม่ใช่ตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับทุกคน

    การใช้ชิปใหม่อาจทำให้เกิดความไม่เข้ากันกับบางระบบหรือซอฟต์แวร์ในช่วงแรก
    ต้องรอการอัปเดตไดรเวอร์และการทดสอบจากผู้ใช้งานจริง
    อาจมีปัญหาเรื่องความร้อนหรือการโอเวอร์คล็อกในบางรุ่น

    https://www.techspot.com/news/108820-sk-hynix-confirms-3gb-gddr7-modules-paving-way.html
    🎮 เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: เมื่อ SK hynix ปลุกพลังใหม่ให้การ์ดจอ RTX 50 Super ด้วย GDDR7 ขนาด 3GB ลองนึกภาพว่าคุณกำลังประกอบคอมใหม่เพื่อเล่นเกมระดับ AAA หรือทำงาน AI ที่กินทรัพยากรหนักๆ แต่การ์ดจอรุ่นล่าสุดกลับมี VRAM แค่ 12GB หรือ 16GB ซึ่งอาจไม่พอในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นั่นคือเหตุผลที่ SK hynix ประกาศพัฒนาโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 3GB ต่อชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานเดิมที่ใช้กันมายาวนานถึง 2GB ต่อชิปตั้งแต่ยุค GDDR5! การเปลี่ยนแปลงนี้เปิดทางให้ NVIDIA เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ GeForce RTX 50 Super รุ่นใหม่ที่มี VRAM สูงถึง 18GB และ 24GB โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนชิปมากมาย นอกจากจะเพิ่มความจุแล้ว ยังช่วยลดต้นทุน ลดความร้อน และลดการใช้พลังงานอีกด้วย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองในวงการเกมและ AI เลยทีเดียว ✅ SK hynix ยืนยันการพัฒนาโมดูล GDDR7 ขนาด 3GB ต่อชิป (24Gb) ➡️ เพิ่มจากมาตรฐานเดิมที่ใช้ 2GB ต่อชิป (16Gb) มานานหลายปี ➡️ ช่วยให้การ์ดจอสามารถมี VRAM สูงขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนชิป ✅ NVIDIA คาดว่าจะใช้ชิปใหม่ในซีรีส์ RTX 50 Super ที่กำลังจะเปิดตัวปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 ➡️ RTX 5070 Super อาจมี VRAM 18GB (6 ชิป x 3GB) ➡️ RTX 5080 Super และ 5070 Ti Super อาจมี VRAM 24GB (8 ชิป x 3GB) ✅ การ์ดจอ RTX 50 รุ่นปัจจุบันยังใช้ VRAM เท่าเดิมกับ RTX 40 เพราะใช้ชิป 2GB ➡️ RTX 5070 ใช้บัส 192-bit กับ 6 ชิป = 12GB ➡️ RTX 5080 ใช้บัส 256-bit กับ 8 ชิป = 16GB ✅ AMD Radeon RX 9070 มี VRAM 16GB และบัส 256-bit ทำให้บางเกมแรงกว่า RTX 5070 ➡️ หากขายในราคาเท่ากันจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ✅ Micron และ Samsung ก็มีแผนผลิตชิป GDDR7 ขนาด 3GB เช่นกัน ➡️ Samsung เริ่มขายในจีนแล้ว แต่ช้าเกินไปสำหรับ RTX 50 รุ่นแรก ‼️ การเพิ่ม VRAM ไม่ได้หมายถึงประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเสมอไป ⛔ RTX 5070 Super อาจเพิ่มแค่ไม่กี่ร้อย CUDA cores เท่านั้น ⛔ การเปลี่ยนแปลงอาจเน้นด้านความจุมากกว่าความเร็วจริง ‼️ การ์ดจอที่มี VRAM สูงอาจมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ⛔ แม้จะลดจำนวนชิป แต่ต้นทุนชิป 3GB ยังสูงกว่าชิป 2GB ⛔ อาจทำให้รุ่น Super ไม่ใช่ตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับทุกคน ‼️ การใช้ชิปใหม่อาจทำให้เกิดความไม่เข้ากันกับบางระบบหรือซอฟต์แวร์ในช่วงแรก ⛔ ต้องรอการอัปเดตไดรเวอร์และการทดสอบจากผู้ใช้งานจริง ⛔ อาจมีปัญหาเรื่องความร้อนหรือการโอเวอร์คล็อกในบางรุ่น https://www.techspot.com/news/108820-sk-hynix-confirms-3gb-gddr7-modules-paving-way.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    SK hynix confirms 3GB GDDR7 modules, paving way for RTX 50 Super VRAM boost
    SK hynix has confirmed plans to develop GDDR7 memory modules with a maximum capacity of 24Gb (3GB), an upgrade from the long-standing 16Gb (2GB) standard dating back...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “แรม 256GB” ไม่ใช่แค่เยอะ…แต่มันคือพลังของยุค AI

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังตัดต่อวิดีโอ 8K พร้อมกับรันโมเดล AI และเปิดเกม AAA ไปด้วย — ถ้าเครื่องคุณยังใช้แรม 32GB หรือ 64GB อาจจะถึงเวลาอัปเกรดแล้ว เพราะ TeamGroup เพิ่งเปิดตัว “แรม DDR5 ความจุ 256GB” แบบ Quad-Channel ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนักระดับเทพโดยเฉพาะ

    ภายใต้แบรนด์ T-FORCE และ T-CREATE มีสองรุ่นให้เลือก:
    - T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32 สำหรับสายเกมเมอร์ที่ต้องการทั้งความเร็วและความสวยงาม
    - T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42 สำหรับสายครีเอเตอร์ที่เน้นความเสถียรและประสิทธิภาพระยะยาว

    ทั้งสองรุ่นใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัว รวมเป็น 256GB และผ่านการทดสอบกับแพลตฟอร์ม AMD X870 ซึ่งรองรับ Ryzen 9000 Series ได้อย่างสมบูรณ์

    สาระจากข่าว
    TeamGroup เปิดตัวแรม DDR5 ความจุ 256GB
    ใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัวในชุด Quad-Channel
    มีสองซีรีส์: T-FORCE สำหรับเกมเมอร์ และ T-CREATE สำหรับครีเอเตอร์

    T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32
    ความเร็วสูงสุด 6000 MT/s พร้อม latency ต่ำ CL32
    รองรับ AMD EXPO สำหรับการโอเวอร์คล็อกผ่าน BIOS
    มีไฟ RGB และฮีตซิงก์ดีไซน์สวยงาม

    T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42
    ความเร็ว 5600 MT/s พร้อม latency CL42
    ไม่มี RGB เน้นดีไซน์เรียบง่ายและความเสถียร
    เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น 3D rendering, video editing, AI workloads

    ผ่านการทดสอบกับ AMD X870 platform
    รองรับ Ryzen 9000 Series และเมนบอร์ดรุ่นใหม่
    เพิ่มความมั่นใจในความเข้ากันได้และเสถียรภาพ

    เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนกันยายน 2025
    ยังไม่เปิดเผยราคา แต่คาดว่าจะสูงตามความจุและสเปก

    https://wccftech.com/teamgroup-shows-off-its-ultra-capacity-256gb-quad-channel-ddr5-memory-kit-for-intensive-workloads/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “แรม 256GB” ไม่ใช่แค่เยอะ…แต่มันคือพลังของยุค AI ลองจินตนาการว่าคุณกำลังตัดต่อวิดีโอ 8K พร้อมกับรันโมเดล AI และเปิดเกม AAA ไปด้วย — ถ้าเครื่องคุณยังใช้แรม 32GB หรือ 64GB อาจจะถึงเวลาอัปเกรดแล้ว เพราะ TeamGroup เพิ่งเปิดตัว “แรม DDR5 ความจุ 256GB” แบบ Quad-Channel ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนักระดับเทพโดยเฉพาะ ภายใต้แบรนด์ T-FORCE และ T-CREATE มีสองรุ่นให้เลือก: - T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32 สำหรับสายเกมเมอร์ที่ต้องการทั้งความเร็วและความสวยงาม - T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42 สำหรับสายครีเอเตอร์ที่เน้นความเสถียรและประสิทธิภาพระยะยาว ทั้งสองรุ่นใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัว รวมเป็น 256GB และผ่านการทดสอบกับแพลตฟอร์ม AMD X870 ซึ่งรองรับ Ryzen 9000 Series ได้อย่างสมบูรณ์ ✅ สาระจากข่าว ✅ TeamGroup เปิดตัวแรม DDR5 ความจุ 256GB ➡️ ใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัวในชุด Quad-Channel ➡️ มีสองซีรีส์: T-FORCE สำหรับเกมเมอร์ และ T-CREATE สำหรับครีเอเตอร์ ✅ T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32 ➡️ ความเร็วสูงสุด 6000 MT/s พร้อม latency ต่ำ CL32 ➡️ รองรับ AMD EXPO สำหรับการโอเวอร์คล็อกผ่าน BIOS ➡️ มีไฟ RGB และฮีตซิงก์ดีไซน์สวยงาม ✅ T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42 ➡️ ความเร็ว 5600 MT/s พร้อม latency CL42 ➡️ ไม่มี RGB เน้นดีไซน์เรียบง่ายและความเสถียร ➡️ เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น 3D rendering, video editing, AI workloads ✅ ผ่านการทดสอบกับ AMD X870 platform ➡️ รองรับ Ryzen 9000 Series และเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ➡️ เพิ่มความมั่นใจในความเข้ากันได้และเสถียรภาพ ✅ เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนกันยายน 2025 ➡️ ยังไม่เปิดเผยราคา แต่คาดว่าจะสูงตามความจุและสเปก https://wccftech.com/teamgroup-shows-off-its-ultra-capacity-256gb-quad-channel-ddr5-memory-kit-for-intensive-workloads/
    WCCFTECH.COM
    TeamGroup Shows Off Its Ultra-Capacity 256GB Quad-Channel DDR5 Memory Kit For Intensive Workloads
    TeamGroup has unveiled its new lineup of ultra high-capacity DDR5 memory under the T-Force and T-Create series, bringing 256 GB DDR5 RAM kits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • **กล่องกลไกหลู่ปัน**

    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง แต่นางเอกปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้ด้วยการแก้ปริศนาเรียงภาพบนฝากล่องและในซีรีส์เรียกกล่องดังกล่าวว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องนี้

    ดังที่ Storyฯ เคยเกริ่นไว้ กล่องดังกล่าวมีองค์ประกอบสองส่วนด้วยกัน คือ (1) ปริศนาภาพที่แทนตัวเลขเก้าช่องชุดพิเศษ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ซึ่งเราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ (2) กล่องที่มีกลไกในการล็อก

    จริงๆ แล้วกล่องที่มีกลไกในตัวนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า ‘กล่องหลู่ปัน’ (魯班盒/หลู่ปันเหอ) ซึ่งการปลดล็อกอาจใช้ภาพปริศนาอย่างจิ่วกงถูหรือไม่ก็ได้ และกล่องหลู่ปันมีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ล็อกหลู่ปัน’ หรือ ‘หลู่ปันสั่ว’ (魯班锁)

    ล็อกหลู่ปันนี้ จะเรียกว่า ‘ล็อก’ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นงานไม้ประดิษฐ์หลากรูปทรงซึ่งทำขึ้นจากการเอาชิ้นไม้มาประกอบและยึดเข้าด้วยกัน โดยชิ้นไม้ต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีร่องหรือเขี้ยวเพื่อเกี่ยวเข้ากัน (ดูตัวอย่างในรูปประกอบ 1) และบางตำนานกล่าวว่าขงเบ้งก็เคยทำของเล่นแบบนี้แจกให้ทหารเล่นฆ่าเวลา เป็นที่มาว่าบางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า ‘ล็อกข่งหมิง’ (孔明锁)

    การถอดล็อกหลู่ปันจริงแล้วไม่ยากนัก เพราะจะมีไม้ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกในการยึดไม้ชิ้นอื่นให้เข้าที่เพื่อคงรูปทรง เมื่อปลดตัวล็อกนี้ออกได้ ไม้ทุกชิ้นก็จะคลายตัวออกหรือถูกปลดออกจากกันได้โดยง่าย ความยากคือการหากุญแจนั้นให้พบ แต่... การเอามันเรียงประกอบเข้ากันใหม่นั้นยิ่งยากกว่าหลายเท่า

    ว่ากันว่าของเล่นดังกล่าวถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันให้ลูกชายเล่นฆ่าเวลาเพื่อเป็นการฝึกสมอง (!!!) บ้างก็ว่าเขาทำขึ้นเพื่อทดสอบความฉลาดของลูก ในตำนานไม่ได้บอกว่าลูกชายตอนนั้นอายุกี่ขวบ บอกแต่ว่าเด็กชายใช้เวลาหนึ่งคืนจึงแกะมันสำเร็จ

    หลู่ปันผู้นี้เป็นนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อดังจากแคว้นหลู่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยชุนชิว (ปี 507-444 ก่อนคริสตกาล) ชื่อจริงคือ ‘กงซูปัน’ ถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งงานช่างไม้ มีผลงานมากมาย ทั้งที่คิดค้นขึ้นใหม่เองและที่พัฒนาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (เช่น โม่หิน เครื่องขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้) เครื่องมือช่วยงานก่อสร้าง (เช่น ไม้บรรทัดและไม้ฉาก เลื่อยแบบมีโครง วงเวียนเชือก พลั่ว กบไสไม้) หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหาร (เช่น บันไดพับได้ที่มีฐานสี่ล้อ เหล็กตะขอ)

    และกล่องหลู่ปันก็คือกล่องที่มีกลไกล็อก มีหลักการปลดล็อกคล้ายกุญแจหลู่ปัน กล่าวคือเมื่อปลดไม้ชิ้นสำคัญออกได้ ก็จะปลดผนึกกล่องได้ มีหลากหลายรูปแบบและหลากดีกรีความยาก (ดูตัวอย่างรูปประกอบ 2 ตัวปลดล็อกคือที่วงสีเขียวไว้) ต่อมาพัฒนาเป็นกลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกล่องเก็บของแล้ว ยังนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ลิ้นชักโต๊ะ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ยังคงมีใช้งานในปัจจุบันแม้กาลเวลาจะผ่านไปสามพันปี

    และล็อกหลู่ปันยังมีใช้ในปัจจุบันเช่นกัน มันถูกพัฒนาเพิ่มดีกรีความยากด้วยจำนวนชิ้นไม้มากขึ้นและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบชิ้นทึบหรือแบบเป็นโครงโปร่ง กลายเป็นของเล่นแนวปริศนาเพื่อพัฒนาทักษะเด็กที่ถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความจิ่วกงถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1303627145098908

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g64763291/the-prisoner-of-beauty/
    https://chinesepuzzles.org/zh/interlocking-burr-puzzles/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/33419316
    https://keryi.com/2021/01/13/鲁班盒机关盒子3d数模图纸-solidworks设计-附stl/
    https://ezone.hk/article/1832550/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://thechinaproject.com/2020/10/19/lu-ban-chinas-inventor-of-everything/
    https://baike.baidu.com/item/鲁班/346165
    https://www.sohu.com/a/478024200_121065463

    #ปรปักษ์จำนน #หลู่ปัน#หลู่ปันสั่ว #ข่งหมิงสั่ว #กล่องหลู่ปัน #สาระจีน
    **กล่องกลไกหลู่ปัน** สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง แต่นางเอกปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้ด้วยการแก้ปริศนาเรียงภาพบนฝากล่องและในซีรีส์เรียกกล่องดังกล่าวว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องนี้ ดังที่ Storyฯ เคยเกริ่นไว้ กล่องดังกล่าวมีองค์ประกอบสองส่วนด้วยกัน คือ (1) ปริศนาภาพที่แทนตัวเลขเก้าช่องชุดพิเศษ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ซึ่งเราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ (2) กล่องที่มีกลไกในการล็อก จริงๆ แล้วกล่องที่มีกลไกในตัวนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า ‘กล่องหลู่ปัน’ (魯班盒/หลู่ปันเหอ) ซึ่งการปลดล็อกอาจใช้ภาพปริศนาอย่างจิ่วกงถูหรือไม่ก็ได้ และกล่องหลู่ปันมีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ล็อกหลู่ปัน’ หรือ ‘หลู่ปันสั่ว’ (魯班锁) ล็อกหลู่ปันนี้ จะเรียกว่า ‘ล็อก’ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นงานไม้ประดิษฐ์หลากรูปทรงซึ่งทำขึ้นจากการเอาชิ้นไม้มาประกอบและยึดเข้าด้วยกัน โดยชิ้นไม้ต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีร่องหรือเขี้ยวเพื่อเกี่ยวเข้ากัน (ดูตัวอย่างในรูปประกอบ 1) และบางตำนานกล่าวว่าขงเบ้งก็เคยทำของเล่นแบบนี้แจกให้ทหารเล่นฆ่าเวลา เป็นที่มาว่าบางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า ‘ล็อกข่งหมิง’ (孔明锁) การถอดล็อกหลู่ปันจริงแล้วไม่ยากนัก เพราะจะมีไม้ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกในการยึดไม้ชิ้นอื่นให้เข้าที่เพื่อคงรูปทรง เมื่อปลดตัวล็อกนี้ออกได้ ไม้ทุกชิ้นก็จะคลายตัวออกหรือถูกปลดออกจากกันได้โดยง่าย ความยากคือการหากุญแจนั้นให้พบ แต่... การเอามันเรียงประกอบเข้ากันใหม่นั้นยิ่งยากกว่าหลายเท่า ว่ากันว่าของเล่นดังกล่าวถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันให้ลูกชายเล่นฆ่าเวลาเพื่อเป็นการฝึกสมอง (!!!) บ้างก็ว่าเขาทำขึ้นเพื่อทดสอบความฉลาดของลูก ในตำนานไม่ได้บอกว่าลูกชายตอนนั้นอายุกี่ขวบ บอกแต่ว่าเด็กชายใช้เวลาหนึ่งคืนจึงแกะมันสำเร็จ หลู่ปันผู้นี้เป็นนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อดังจากแคว้นหลู่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยชุนชิว (ปี 507-444 ก่อนคริสตกาล) ชื่อจริงคือ ‘กงซูปัน’ ถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งงานช่างไม้ มีผลงานมากมาย ทั้งที่คิดค้นขึ้นใหม่เองและที่พัฒนาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (เช่น โม่หิน เครื่องขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้) เครื่องมือช่วยงานก่อสร้าง (เช่น ไม้บรรทัดและไม้ฉาก เลื่อยแบบมีโครง วงเวียนเชือก พลั่ว กบไสไม้) หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหาร (เช่น บันไดพับได้ที่มีฐานสี่ล้อ เหล็กตะขอ) และกล่องหลู่ปันก็คือกล่องที่มีกลไกล็อก มีหลักการปลดล็อกคล้ายกุญแจหลู่ปัน กล่าวคือเมื่อปลดไม้ชิ้นสำคัญออกได้ ก็จะปลดผนึกกล่องได้ มีหลากหลายรูปแบบและหลากดีกรีความยาก (ดูตัวอย่างรูปประกอบ 2 ตัวปลดล็อกคือที่วงสีเขียวไว้) ต่อมาพัฒนาเป็นกลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกล่องเก็บของแล้ว ยังนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ลิ้นชักโต๊ะ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ยังคงมีใช้งานในปัจจุบันแม้กาลเวลาจะผ่านไปสามพันปี และล็อกหลู่ปันยังมีใช้ในปัจจุบันเช่นกัน มันถูกพัฒนาเพิ่มดีกรีความยากด้วยจำนวนชิ้นไม้มากขึ้นและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบชิ้นทึบหรือแบบเป็นโครงโปร่ง กลายเป็นของเล่นแนวปริศนาเพื่อพัฒนาทักษะเด็กที่ถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความจิ่วกงถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1303627145098908 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g64763291/the-prisoner-of-beauty/ https://chinesepuzzles.org/zh/interlocking-burr-puzzles/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/33419316 https://keryi.com/2021/01/13/鲁班盒机关盒子3d数模图纸-solidworks设计-附stl/ https://ezone.hk/article/1832550/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://thechinaproject.com/2020/10/19/lu-ban-chinas-inventor-of-everything/ https://baike.baidu.com/item/鲁班/346165 https://www.sohu.com/a/478024200_121065463 #ปรปักษ์จำนน #หลู่ปัน#หลู่ปันสั่ว #ข่งหมิงสั่ว #กล่องหลู่ปัน #สาระจีน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เมื่อเราเสพติดของแรง...จิตก็อ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว"

    ทุกวันนี้…
    ตัวเลือกความบันเทิงมันเยอะเกินไป
    แรงขึ้น สนุกขึ้น แทงใจขึ้นทุกวินาที
    ทั้งแอป ทั้งคลิป ทั้งสตรีม ทั้งซีรีส์
    แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่ความสุขที่เพิ่มขึ้น
    กลับกลายเป็น… “สมองล้า ใจเบลอ” อย่างบอกไม่ถูก

    อะไรที่เคยโดน…วันนี้ไม่โดนแล้ว
    อะไรที่เคยสนุก…วันนี้เฉยชา
    ใจของเราถูกฝึกให้เบื่อเร็ว
    จนสุดท้าย…
    ชีวิตต้องการของแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแค่จะ “รู้สึกอยู่”

    และแล้ว…เราก็เริ่ม “สงสารตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว
    ไม่ใช่เพราะชีวิตลำบาก
    แต่เพราะจิตเสพติดความง่าย จนไม่อยากใช้แรงอะไรเลย
    จิตใจที่ไม่ได้ออกกำลัง…จะอ่อนแอจนมองโลกทั้งใบเป็นภาระ
    แม้แต่การลุกขึ้นแปรงฟัน ก็ยังรู้สึกเหมือนโดนโลกกลั่นแกล้ง

    หลงกับคำว่า “ก็แค่อยากพัก”
    ทั้งที่จริงคือกำลัง “ป้อนความเฉื่อยให้จิตวิญญาณจนเคยตัว”

    แล้วจะทำอย่างไร?
    พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เราฝืน แต่ให้เรา “รู้เท่าทัน”
    รู้ว่าเรากำลังหลงไปกับความแรงของสิ่งเร้า
    แล้วให้ย้อนกลับมารู้ลมหายใจของตัวเอง

    เพราะลมหายใจ คือลิ้นชักของจิตวิญญาณ
    หายใจเร็ว…ใจจะร้อน
    หายใจลึก…ใจจะเย็น
    หายใจเผินๆ…ชีวิตจะพร่า
    หายใจรู้ตัว…ชีวิตจะชัด

    เมื่อคุณฝึกรู้ลมหายใจเป็น
    คุณจะเริ่มแยกออกว่า “ความสงสารตัวเอง” กับ “ความทุกข์จริงๆ” ต่างกันอย่างไร
    และเมื่อแยกออก…คุณจะไม่จมอยู่ในดราม่าของโลกอีกต่อไป
    🌪️ "เมื่อเราเสพติดของแรง...จิตก็อ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว" ทุกวันนี้… ตัวเลือกความบันเทิงมันเยอะเกินไป แรงขึ้น สนุกขึ้น แทงใจขึ้นทุกวินาที ทั้งแอป ทั้งคลิป ทั้งสตรีม ทั้งซีรีส์ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่ความสุขที่เพิ่มขึ้น กลับกลายเป็น… “สมองล้า ใจเบลอ” อย่างบอกไม่ถูก อะไรที่เคยโดน…วันนี้ไม่โดนแล้ว อะไรที่เคยสนุก…วันนี้เฉยชา ใจของเราถูกฝึกให้เบื่อเร็ว จนสุดท้าย… ชีวิตต้องการของแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแค่จะ “รู้สึกอยู่” และแล้ว…เราก็เริ่ม “สงสารตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะชีวิตลำบาก แต่เพราะจิตเสพติดความง่าย จนไม่อยากใช้แรงอะไรเลย จิตใจที่ไม่ได้ออกกำลัง…จะอ่อนแอจนมองโลกทั้งใบเป็นภาระ แม้แต่การลุกขึ้นแปรงฟัน ก็ยังรู้สึกเหมือนโดนโลกกลั่นแกล้ง 🚫 หลงกับคำว่า “ก็แค่อยากพัก” ทั้งที่จริงคือกำลัง “ป้อนความเฉื่อยให้จิตวิญญาณจนเคยตัว” 🧘‍♀️ แล้วจะทำอย่างไร? พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เราฝืน แต่ให้เรา “รู้เท่าทัน” รู้ว่าเรากำลังหลงไปกับความแรงของสิ่งเร้า แล้วให้ย้อนกลับมารู้ลมหายใจของตัวเอง เพราะลมหายใจ คือลิ้นชักของจิตวิญญาณ หายใจเร็ว…ใจจะร้อน หายใจลึก…ใจจะเย็น หายใจเผินๆ…ชีวิตจะพร่า หายใจรู้ตัว…ชีวิตจะชัด 🌱 เมื่อคุณฝึกรู้ลมหายใจเป็น คุณจะเริ่มแยกออกว่า “ความสงสารตัวเอง” กับ “ความทุกข์จริงๆ” ต่างกันอย่างไร และเมื่อแยกออก…คุณจะไม่จมอยู่ในดราม่าของโลกอีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ #ชวนดูซีรีส์ #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ #ชวนดูซีรีส์ #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: GPU ที่ใส่ SSD ได้...เท่หรือเกินจำเป็น?

    Colorful ได้เผยโฉมกราฟิกการ์ดรุ่นหนึ่งในซีรีส์ iGame Ultra ที่งาน Bilibili World 2025 โดยการ์ดตัวนี้ติดตั้งสล็อต M.2 สองช่องไว้ที่ด้านหลัง PCB ใกล้กับ I/O bracket และใช้ระบบพัดลมคู่ในการระบายความร้อนให้ทั้ง GPU และ SSD พร้อมจุดติดตั้งซิงก์เสริมเพื่อจัดการความร้อน SSD โดยเฉพาะ

    จากการออกแบบ ระบบ PCIe บนการ์ดจะแบ่งแบนด์วิดธ์ x16 ดังนี้:
    - x8 สำหรับกราฟิกการ์ด
    - x4 สำหรับ SSD ตัวที่หนึ่ง
    - x4 สำหรับ SSD ตัวที่สอง

    การทำแบบนี้เรียกว่า PCIe bifurcation ซึ่งสามารถใช้งานได้ในเมนบอร์ดบางรุ่นที่รองรับโดยไม่ต้องใช้ riser หรือ adapter เพิ่มเติม

    แนวคิดนี้เหมาะกับเคสขนาดเล็ก หรือเมนบอร์ดที่มีสล็อต M.2 จำกัด — แต่ก็มีคำถามเรื่องประสิทธิภาพทั้งด้านกราฟิกและการจัดเก็บข้อมูล เช่น SSD จะมีความเร็วต่ำกว่า M.2 ที่ต่อโดยตรงกับเมนบอร์ด หรือการอัปเกรดอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น

    Colorful ยังไม่เผยข้อมูลสเปกเต็มหรือราคา ณ ตอนนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมองว่ายังเป็น “ผลิตภัณฑ์ทดลอง” มากกว่า “ตัวเลือกที่จริงจัง” สำหรับตลาดหลัก

    https://www.techradar.com/pro/graphics-cards-with-ssd-slots-are-becoming-more-popular-but-i-fail-to-understand-why-these-products-actually-exist
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: GPU ที่ใส่ SSD ได้...เท่หรือเกินจำเป็น? Colorful ได้เผยโฉมกราฟิกการ์ดรุ่นหนึ่งในซีรีส์ iGame Ultra ที่งาน Bilibili World 2025 โดยการ์ดตัวนี้ติดตั้งสล็อต M.2 สองช่องไว้ที่ด้านหลัง PCB ใกล้กับ I/O bracket และใช้ระบบพัดลมคู่ในการระบายความร้อนให้ทั้ง GPU และ SSD พร้อมจุดติดตั้งซิงก์เสริมเพื่อจัดการความร้อน SSD โดยเฉพาะ จากการออกแบบ ระบบ PCIe บนการ์ดจะแบ่งแบนด์วิดธ์ x16 ดังนี้: - x8 สำหรับกราฟิกการ์ด - x4 สำหรับ SSD ตัวที่หนึ่ง - x4 สำหรับ SSD ตัวที่สอง การทำแบบนี้เรียกว่า PCIe bifurcation ซึ่งสามารถใช้งานได้ในเมนบอร์ดบางรุ่นที่รองรับโดยไม่ต้องใช้ riser หรือ adapter เพิ่มเติม แนวคิดนี้เหมาะกับเคสขนาดเล็ก หรือเมนบอร์ดที่มีสล็อต M.2 จำกัด — แต่ก็มีคำถามเรื่องประสิทธิภาพทั้งด้านกราฟิกและการจัดเก็บข้อมูล เช่น SSD จะมีความเร็วต่ำกว่า M.2 ที่ต่อโดยตรงกับเมนบอร์ด หรือการอัปเกรดอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น Colorful ยังไม่เผยข้อมูลสเปกเต็มหรือราคา ณ ตอนนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมองว่ายังเป็น “ผลิตภัณฑ์ทดลอง” มากกว่า “ตัวเลือกที่จริงจัง” สำหรับตลาดหลัก https://www.techradar.com/pro/graphics-cards-with-ssd-slots-are-becoming-more-popular-but-i-fail-to-understand-why-these-products-actually-exist
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** เลขปริศนาจาก <ปรปักษ์จำนน>**

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง และในซีรีส์นางเอกแสดงการปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้อย่างรวดเร็ว มือทำไปปากก็อธิบายไปว่าล็อก ‘จิ่วกง’ หรือ ‘จิ่วกงสั่ว’ นี้ประกอบด้วยชิ้นต่างๆ ที่แทนตัวเลข มีใจกลางเป็นเลข 5 ไม่ว่าจะบวกเลขในทิศทางใดก็จะได้ผลลัพท์เท่ากับ 15 พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก็ต้องทำได้

    บวกเลขขั้นพื้นฐาน ใครๆ ก็ทำได้ แต่เชื่อว่าพวกเรานึกภาพไม่ออกว่าคือภาพเลขอะไร วันนี้มาเฉลยค่ะ

    เขียนไปก็อ่านลำบาก ดูรูปประกอบ 2 เลยค่ะว่ามันคือภาพเลขอะไร ... เลขชุดนี้มีความพิเศษอย่างที่นางเอกว่า คือตรงกลางเป็นเลข 5 และเมื่อเอาเลขสามตัวมาบวกกันตามแนวต่างๆ จะได้ค่า 15 นั่นเอง และเลขชุดพิเศษตามภาพนี้เรียกว่า ‘จิ่วกงเก๋อ’ (九宫格) หรือ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นปริศนากระดานเลขให้เด็กเล่นเพื่อฝึกปรือทักษะการคำนวณและมีการพัฒนาความยากขึ้นไปอีกหลายขั้นจนเกิน 3x3 ช่องตามโบราณ

    เลขชุดเก้าช่องตามที่แสดงในรูปประกอบนี้พัฒนามาจากภาพวาดสองรูปในสมัยบรรพกาลคือ ‘เหอถู’ (河图) และ ‘ลั่วซู’ (洛书) (ดูรูปประกอบ 3) ที่มาของมันยังคงเป็นปริศนา แต่ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งต้าอวี่ช่วยโลกจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เสร็จแล้วนั้น มีเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองหลังเต่าสลักลายจุดไว้ ถูกจำลองขึ้นมาเป็นภาพวาด ต่อมาเรียกรวมกันว่าเหอถูและลั่วซู บ้างก็ว่าทั้งสองภาพนี้เป็นการบันทึกการเรียงตัวของดาวโดยชนรุ่นบรรพกาล

    แต่ไม่ว่าเหอถูและลั่วซูจะมีที่มาอย่างไร สองภาพนี้ถูกศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอดทุกยุคทุกสมัยจนแตกแขนงเป็นหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ฯลฯ จนมีคำกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนอยู่ในสองภาพนี้ และมีการเอ่ยพาดพิงถึงสองภาพนี้ในหลายเอกสารโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาอัลกอริทึม (algorithm) ตามหลักการของเลขชุดจิ่วกงถูนี้ แต่จนใจที่เนื้อหานั้นยากเกินกว่าที่ Storyฯ จะเข้าใจและเอามาอธิบายต่อให้เพื่อนเพจฟังได้

    มีคนไปวิเคราะห์ความน่าทึ่งของตัวเลขจิ่วกงถูนี้เพิ่มเติม (ดูรูปประกอบ 4) จะเห็นว่าหากนับวนไปเรื่อยๆ มันจะมีค่าเท่ากันทุกแถว เพื่อนเพจที่ชอบการคำนวณลองไปทำต่อเพิ่มเติมว่าวนไปอีกหลายๆ หลักจะยังได้ผลลัพธ์เท่ากันเหมือนกันหมดหรือไม่ ทำแล้วมาบอกกล่าวกันหน่อยนะคะ

    และในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> นี้ กล่องดังกล่าวมีตัวล็อกที่จะปลดได้ด้วยการแก้ปริศนาบนฝากล่องซึ่งมีเก้าช่องเหมือนกระดานเกมปัจจุบัน ล็อกดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) นั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/86397
    http://www.yrcc.gov.cn/hhwh/wxyc/202503/t20250320_440769.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/河图/7525
    http://www.360doc.com/content/21/0223/10/49937858_963504002.shtml

    #ปรปักษ์จำนน #จิ่วกงสั่ว #เลขปริศนา #จิ่วกงเก๋อ #เหอถู #ลั่วซู #สาระจีน
    ** เลขปริศนาจาก <ปรปักษ์จำนน>** สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง และในซีรีส์นางเอกแสดงการปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้อย่างรวดเร็ว มือทำไปปากก็อธิบายไปว่าล็อก ‘จิ่วกง’ หรือ ‘จิ่วกงสั่ว’ นี้ประกอบด้วยชิ้นต่างๆ ที่แทนตัวเลข มีใจกลางเป็นเลข 5 ไม่ว่าจะบวกเลขในทิศทางใดก็จะได้ผลลัพท์เท่ากับ 15 พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก็ต้องทำได้ บวกเลขขั้นพื้นฐาน ใครๆ ก็ทำได้ แต่เชื่อว่าพวกเรานึกภาพไม่ออกว่าคือภาพเลขอะไร วันนี้มาเฉลยค่ะ เขียนไปก็อ่านลำบาก ดูรูปประกอบ 2 เลยค่ะว่ามันคือภาพเลขอะไร ... เลขชุดนี้มีความพิเศษอย่างที่นางเอกว่า คือตรงกลางเป็นเลข 5 และเมื่อเอาเลขสามตัวมาบวกกันตามแนวต่างๆ จะได้ค่า 15 นั่นเอง และเลขชุดพิเศษตามภาพนี้เรียกว่า ‘จิ่วกงเก๋อ’ (九宫格) หรือ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นปริศนากระดานเลขให้เด็กเล่นเพื่อฝึกปรือทักษะการคำนวณและมีการพัฒนาความยากขึ้นไปอีกหลายขั้นจนเกิน 3x3 ช่องตามโบราณ เลขชุดเก้าช่องตามที่แสดงในรูปประกอบนี้พัฒนามาจากภาพวาดสองรูปในสมัยบรรพกาลคือ ‘เหอถู’ (河图) และ ‘ลั่วซู’ (洛书) (ดูรูปประกอบ 3) ที่มาของมันยังคงเป็นปริศนา แต่ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งต้าอวี่ช่วยโลกจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เสร็จแล้วนั้น มีเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองหลังเต่าสลักลายจุดไว้ ถูกจำลองขึ้นมาเป็นภาพวาด ต่อมาเรียกรวมกันว่าเหอถูและลั่วซู บ้างก็ว่าทั้งสองภาพนี้เป็นการบันทึกการเรียงตัวของดาวโดยชนรุ่นบรรพกาล แต่ไม่ว่าเหอถูและลั่วซูจะมีที่มาอย่างไร สองภาพนี้ถูกศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอดทุกยุคทุกสมัยจนแตกแขนงเป็นหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ฯลฯ จนมีคำกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนอยู่ในสองภาพนี้ และมีการเอ่ยพาดพิงถึงสองภาพนี้ในหลายเอกสารโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาอัลกอริทึม (algorithm) ตามหลักการของเลขชุดจิ่วกงถูนี้ แต่จนใจที่เนื้อหานั้นยากเกินกว่าที่ Storyฯ จะเข้าใจและเอามาอธิบายต่อให้เพื่อนเพจฟังได้ มีคนไปวิเคราะห์ความน่าทึ่งของตัวเลขจิ่วกงถูนี้เพิ่มเติม (ดูรูปประกอบ 4) จะเห็นว่าหากนับวนไปเรื่อยๆ มันจะมีค่าเท่ากันทุกแถว เพื่อนเพจที่ชอบการคำนวณลองไปทำต่อเพิ่มเติมว่าวนไปอีกหลายๆ หลักจะยังได้ผลลัพธ์เท่ากันเหมือนกันหมดหรือไม่ ทำแล้วมาบอกกล่าวกันหน่อยนะคะ และในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> นี้ กล่องดังกล่าวมีตัวล็อกที่จะปลดได้ด้วยการแก้ปริศนาบนฝากล่องซึ่งมีเก้าช่องเหมือนกระดานเกมปัจจุบัน ล็อกดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) นั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/86397 http://www.yrcc.gov.cn/hhwh/wxyc/202503/t20250320_440769.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/河图/7525 http://www.360doc.com/content/21/0223/10/49937858_963504002.shtml #ปรปักษ์จำนน #จิ่วกงสั่ว #เลขปริศนา #จิ่วกงเก๋อ #เหอถู #ลั่วซู #สาระจีน
    WWW.MARIECLAIRE.COM.TW
    《折腰》5大幕後真相曝光:劉宇寧帶傷上陣,宋祖兒獲封「天選小喬」,女主首選竟是趙露思
    劉宇寧、宋祖兒《折腰》曾榮登「網友最期待古裝劇」冠軍,開播後果然不負眾望,收視與口碑雙雙飆高。劉宇寧成功擺脫古裝醜男標籤,獲讚「天選魏劭」;這兩年深陷逃稅風波的宋祖兒,也以聰慧絕美「小喬」華麗回歸,再掀話題熱潮。
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows

    AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ

    GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6

    รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower
    เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน

    ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี
    โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง

    ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์

    วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro
    รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor

    รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow
    ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local

    เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI
    รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises

    https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU ✅ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6 ✅ รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower ➡️ เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน ✅ ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี ➡️ โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง ✅ ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ ✅ วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro ➡️ รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor ✅ รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow ➡️ ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local ✅ เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI ➡️ รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Radeon AI PRO R9700 GPU Arrives on July 23rd
    AMD confirmed today that its RDNA 4‑based Radeon AI PRO R9700 GPU will reach retail on Wednesday, July 23. Built on the Navi 48 die with a full 32 GB of GDDR6 memory and supporting PCIe 5.0, the R9700 is specifically tuned for lower‑precision calculations and demanding AI workloads. According to AMD...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี

    Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens

    กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

    Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่
    เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

    ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP
    พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด

    มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens
    ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม

    ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
    เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise

    ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา
    ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์
    ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด

    ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ
    เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098
    พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood

    https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ✅ Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ ➡️ เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ✅ ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP ➡️ พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด ✅ มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens ➡️ ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม ✅ ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ➡️ เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise ✅ ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา ➡️ ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น ✅ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ ➡️ ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด ✅ ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ ➡️ เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง ✅ เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 ➡️ พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony revives RX1R series with 61-megapixel compact camera, and it only took 10 years
    Sony says the combination of sensor and image processing engine delivers high resolution and sensitivity, with low noise and a wide dynamic range. An anti-reflection coating on...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • MSC World Asia เรือสำราญระดับ World-class ลำใหม่ล่าสุดจาก MSC Cruises
    เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวแรกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนวันที่ 11 ธันวาคม 2568

    เรือรุ่นที่ 3 ในซีรีส์ “World-class” ต่อจาก MSC World Europa และ MSC World America ใช้พลังงานสะอาด LNG (Liquefied Natural Gas) ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมโครงสร้างรูปตัว “Y” ลานโปรเมอนาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ด้านท้ายเรือ ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมเอเชีย ทั้งโทนสี ลวดลาย และการจัดวางพื้นที่

    MSC จะไม่ใช่แค่เรือสำราญ แต่เป็น “ประสบการณ์เอเชียบนเรือยุโรป” ที่สะดวกสบายและล้ำสมัย
    ผสมผสาน มรดกวัฒนธรรมโลกเข้ากับเทคโนโลยีเดินเรือระดับสูง สำหรับผู้โดยสารยุคใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่และคุณภาพแบบพรีเมียม

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    http://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 02-1169696

    #เรือMSCCruises #MSCWorldAsia #Worldclass #Mediterranean #MSC #แพ็คเกจล่องเรือ #cruisedomain #News #ข่าวเรือสำราญ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 MSC World Asia เรือสำราญระดับ World-class ลำใหม่ล่าสุดจาก MSC Cruises เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวแรกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนวันที่ 11 ธันวาคม 2568 🌏 เรือรุ่นที่ 3 ในซีรีส์ “World-class” ต่อจาก MSC World Europa และ MSC World America ใช้พลังงานสะอาด LNG (Liquefied Natural Gas) ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมโครงสร้างรูปตัว “Y” ลานโปรเมอนาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ด้านท้ายเรือ ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมเอเชีย ทั้งโทนสี ลวดลาย และการจัดวางพื้นที่ MSC จะไม่ใช่แค่เรือสำราญ แต่เป็น “ประสบการณ์เอเชียบนเรือยุโรป” ที่สะดวกสบายและล้ำสมัย ผสมผสาน มรดกวัฒนธรรมโลกเข้ากับเทคโนโลยีเดินเรือระดับสูง สำหรับผู้โดยสารยุคใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่และคุณภาพแบบพรีเมียม ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด http://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 02-1169696 #เรือMSCCruises #MSCWorldAsia #Worldclass #Mediterranean #MSC #แพ็คเกจล่องเรือ #cruisedomain #News #ข่าวเรือสำราญ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD PCIe Gen6 – เร็วกว่าเดิมเท่าตัว รองรับ 512 TB

    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่ SM8466 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ MonTitan ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี PCIe Gen6 ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 28 GB/s และรองรับ IOPS สูงถึง 7 ล้านครั้งต่อวินาที—มากกว่ารุ่นก่อนถึงเท่าตัว

    ตัวคอนโทรลเลอร์ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC และรองรับมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0+, OCP NVMe SSD Spec 2.5 พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบครัน เช่น Secure Boot, AES-256, TCG Opal และ End-to-End Data Protection

    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน SM8366 (Gen5):
    - ความเร็ว: 28 GB/s vs 14.2 GB/s
    - ความจุ: 512 TB vs 128 TB
    - IOPS: 7 ล้าน vs 3.5 ล้าน
    - เทคโนโลยีการผลิต: 4nm vs 12nm

    อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น และผลิตภัณฑ์จริงจะเริ่มใช้งานในตลาดช่วงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ส่วนตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอถึงปี 2030 กว่าจะได้ใช้ SSD ที่รองรับ PCIe Gen6

    ข้อมูลจากข่าว
    - Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่น SM8466 รองรับ PCIe Gen6
    - ความเร็วสูงสุด 28 GB/s และรองรับความจุสูงสุด 512 TB
    - รองรับมาตรฐาน NVMe 2.0+, OCP Spec 2.5 และฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายรายการ
    - ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC
    - IOPS สูงสุด 7 ล้านครั้งต่อวินาที
    - เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน SM8366: เร็วขึ้น 2 เท่า, ความจุเพิ่ม 4 เท่า
    - คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026–2027 สำหรับตลาดองค์กร
    - ตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจได้ใช้ PCIe Gen6 SSD หลังปี 2030

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - คอนโทรลเลอร์ SM8466 ยังไม่พร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป ต้องรออีกหลายปี
    - PCIe Gen5 SSD ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดผู้บริโภค ทำให้ Gen6 ยิ่งห่างไกล
    - การเปลี่ยนไปใช้ Gen6 ต้องอัปเกรดทั้งเมนบอร์ด, CPU และระบบจัดเก็บข้อมูล
    - ความเร็วสูงอาจมาพร้อมกับความร้อนและการใช้พลังงานที่มากขึ้น
    - องค์กรควรวางแผนล่วงหน้าในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Gen6

    https://wccftech.com/silicon-motion-first-pcie-gen6-ssd-controller-enterprise-sm8466-up-to-28-gbps-speeds-512-tb-capacities/
    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD PCIe Gen6 – เร็วกว่าเดิมเท่าตัว รองรับ 512 TB Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่ SM8466 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ MonTitan ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี PCIe Gen6 ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 28 GB/s และรองรับ IOPS สูงถึง 7 ล้านครั้งต่อวินาที—มากกว่ารุ่นก่อนถึงเท่าตัว ตัวคอนโทรลเลอร์ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC และรองรับมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0+, OCP NVMe SSD Spec 2.5 พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบครัน เช่น Secure Boot, AES-256, TCG Opal และ End-to-End Data Protection เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน SM8366 (Gen5): - ความเร็ว: 28 GB/s vs 14.2 GB/s - ความจุ: 512 TB vs 128 TB - IOPS: 7 ล้าน vs 3.5 ล้าน - เทคโนโลยีการผลิต: 4nm vs 12nm อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น และผลิตภัณฑ์จริงจะเริ่มใช้งานในตลาดช่วงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ส่วนตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอถึงปี 2030 กว่าจะได้ใช้ SSD ที่รองรับ PCIe Gen6 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่น SM8466 รองรับ PCIe Gen6 - ความเร็วสูงสุด 28 GB/s และรองรับความจุสูงสุด 512 TB - รองรับมาตรฐาน NVMe 2.0+, OCP Spec 2.5 และฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายรายการ - ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC - IOPS สูงสุด 7 ล้านครั้งต่อวินาที - เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน SM8366: เร็วขึ้น 2 เท่า, ความจุเพิ่ม 4 เท่า - คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026–2027 สำหรับตลาดองค์กร - ตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจได้ใช้ PCIe Gen6 SSD หลังปี 2030 ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - คอนโทรลเลอร์ SM8466 ยังไม่พร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป ต้องรออีกหลายปี - PCIe Gen5 SSD ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดผู้บริโภค ทำให้ Gen6 ยิ่งห่างไกล - การเปลี่ยนไปใช้ Gen6 ต้องอัปเกรดทั้งเมนบอร์ด, CPU และระบบจัดเก็บข้อมูล - ความเร็วสูงอาจมาพร้อมกับความร้อนและการใช้พลังงานที่มากขึ้น - องค์กรควรวางแผนล่วงหน้าในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Gen6 https://wccftech.com/silicon-motion-first-pcie-gen6-ssd-controller-enterprise-sm8466-up-to-28-gbps-speeds-512-tb-capacities/
    WCCFTECH.COM
    Silicon Motion Unveils Its First PCIe Gen6 SSD Controller For Enterprise: SM8466 With Up To 28 GB/s Speeds & 512 TB Capacities
    Silicon Motion has unveiled its next-gen PCIe Gen6 SSD controller which will be used to power the high-end enterprise level storage products.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • MIPS จากตำนาน RISC สู่การเริ่มต้นใหม่ในอ้อมแขนของ GlobalFoundries

    ย้อนกลับไปในยุค 1980s MIPS คือหนึ่งในผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรม RISC (Reduced Instruction Set Computing) โดยมี John Hennessy จาก Stanford เป็นผู้ร่วมออกแบบ และเปิดตัว CPU รุ่นแรกคือ R2000 ซึ่งมีเพียง 110,000 ทรานซิสเตอร์ แต่สามารถทำงานได้เร็วถึง 15MHz

    MIPS เคยเป็นคู่แข่งของ Intel และ Arm และมีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น:
    - Workstation ของ Silicon Graphics
    - เครื่องเล่นเกม Sony PlayStation รุ่นแรก
    - ยานสำรวจอวกาศ New Horizons ของ NASA

    แต่หลังจากนั้น MIPS ก็เปลี่ยนมือหลายครั้ง—ผ่าน Silicon Graphics, Imagination Technologies, Tallwood Ventures และ Wave Computing ก่อนจะล้มละลายและกลับมาอีกครั้งในปี 2020 โดยหันไปใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพนซอร์ส

    แม้จะเปิดตัวซีรีส์ eVocore และ Atlas Explorer เพื่อเจาะตลาด AI และ edge computing แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้มากนัก จนล่าสุด GlobalFoundries เข้าซื้อกิจการ และจะให้ MIPS ดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระที่เน้น AI, อุตสาหกรรม และระบบอัตโนมัติ

    ข้อมูลจากข่าว
    - MIPS เคยเป็นผู้นำด้าน RISC และอยู่เบื้องหลัง PlayStation รุ่นแรกและภารกิจของ NASA
    - เปิดตัว CPU รุ่นแรก R2000 ในปี 1986 และ R3000 ในปี 1988
    - ถูกซื้อโดย GlobalFoundries ซึ่งเคยเป็นโรงงานผลิตชิปของ AMD
    - MIPS จะดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระภายใต้ GlobalFoundries
    - เป้าหมายใหม่คือ AI, ระบบอัตโนมัติ และ edge computing
    - เคยเปลี่ยนมาใช้ RISC-V architecture เพื่อกลับเข้าสู่ตลาด
    - CEO ของ MIPS มองว่าการเข้าร่วม GlobalFoundries คือ “การเริ่มต้นบทใหม่ที่กล้าหาญ”

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - แม้จะมีประวัติยิ่งใหญ่ แต่ MIPS ยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด AI ได้จริง
    - การเปลี่ยนมือบ่อยครั้งสะท้อนถึงความไม่มั่นคงของโมเดลธุรกิจ
    - RISC-V แม้จะเป็นมาตรฐานเปิด แต่ยังมีความไม่แน่นอนในด้าน ecosystem และการสนับสนุนเชิงพาณิชย์
    - การพึ่งพา GlobalFoundries อาจทำให้ MIPS ต้องปรับตัวตามกลยุทธ์ของบริษัทแม่
    - ผู้พัฒนาและองค์กรที่ใช้ IP ของ MIPS ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบในระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/arms-legendary-rival-was-in-the-original-playstation-now-in-a-twist-of-fate-mips-has-been-sold-to-amds-former-foundry
    MIPS จากตำนาน RISC สู่การเริ่มต้นใหม่ในอ้อมแขนของ GlobalFoundries ย้อนกลับไปในยุค 1980s MIPS คือหนึ่งในผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรม RISC (Reduced Instruction Set Computing) โดยมี John Hennessy จาก Stanford เป็นผู้ร่วมออกแบบ และเปิดตัว CPU รุ่นแรกคือ R2000 ซึ่งมีเพียง 110,000 ทรานซิสเตอร์ แต่สามารถทำงานได้เร็วถึง 15MHz MIPS เคยเป็นคู่แข่งของ Intel และ Arm และมีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น: - Workstation ของ Silicon Graphics - เครื่องเล่นเกม Sony PlayStation รุ่นแรก - ยานสำรวจอวกาศ New Horizons ของ NASA แต่หลังจากนั้น MIPS ก็เปลี่ยนมือหลายครั้ง—ผ่าน Silicon Graphics, Imagination Technologies, Tallwood Ventures และ Wave Computing ก่อนจะล้มละลายและกลับมาอีกครั้งในปี 2020 โดยหันไปใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพนซอร์ส แม้จะเปิดตัวซีรีส์ eVocore และ Atlas Explorer เพื่อเจาะตลาด AI และ edge computing แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้มากนัก จนล่าสุด GlobalFoundries เข้าซื้อกิจการ และจะให้ MIPS ดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระที่เน้น AI, อุตสาหกรรม และระบบอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - MIPS เคยเป็นผู้นำด้าน RISC และอยู่เบื้องหลัง PlayStation รุ่นแรกและภารกิจของ NASA - เปิดตัว CPU รุ่นแรก R2000 ในปี 1986 และ R3000 ในปี 1988 - ถูกซื้อโดย GlobalFoundries ซึ่งเคยเป็นโรงงานผลิตชิปของ AMD - MIPS จะดำเนินงานเป็นหน่วยธุรกิจอิสระภายใต้ GlobalFoundries - เป้าหมายใหม่คือ AI, ระบบอัตโนมัติ และ edge computing - เคยเปลี่ยนมาใช้ RISC-V architecture เพื่อกลับเข้าสู่ตลาด - CEO ของ MIPS มองว่าการเข้าร่วม GlobalFoundries คือ “การเริ่มต้นบทใหม่ที่กล้าหาญ” ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - แม้จะมีประวัติยิ่งใหญ่ แต่ MIPS ยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด AI ได้จริง - การเปลี่ยนมือบ่อยครั้งสะท้อนถึงความไม่มั่นคงของโมเดลธุรกิจ - RISC-V แม้จะเป็นมาตรฐานเปิด แต่ยังมีความไม่แน่นอนในด้าน ecosystem และการสนับสนุนเชิงพาณิชย์ - การพึ่งพา GlobalFoundries อาจทำให้ MIPS ต้องปรับตัวตามกลยุทธ์ของบริษัทแม่ - ผู้พัฒนาและองค์กรที่ใช้ IP ของ MIPS ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบในระยะยาว https://www.techradar.com/pro/arms-legendary-rival-was-in-the-original-playstation-now-in-a-twist-of-fate-mips-has-been-sold-to-amds-former-foundry
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจคิดว่า Nvidia ยังเป็นเจ้าตลาด GPU แบบเบ็ดเสร็จทุกแพลตฟอร์ม → แต่ถ้าเรามองไปที่ตลาด eGPU (GPU ภายนอกสำหรับโน้ตบุ๊ก), เกมกลับพลิก!

    ล่าสุดบริษัท Onexplayer เปิดตัว OnexGPU Lite ซึ่งใช้ Radeon RX 7600M XT แบบโมบายจาก AMD เป็นตัวประมวลผล → นี่คือ eGPU ตัวที่ 11 แล้วที่ใช้ชิป AMD จากซีรีส์ RX 7000 → ที่น่าสนใจคือยังไม่มี eGPU ที่ใช้ชิป RDNA4 ใหม่เลย — ทุกตัวใช้รุ่นเดิม แต่เปลี่ยนพอร์ตให้รองรับ Thunderbolt 5

    แม้ RX 7600M XT จะไม่ใช่ GPU ที่แรงที่สุด แต่กลับกลายเป็น "มาตรฐานของ eGPU รุ่นใหม่" ที่เน้นความบาง, น้ำหนักเบา, และการประหยัดพลังงาน → ขณะที่ Nvidia แทบไม่มีบทบาทในกลุ่มนี้ → Vendor หลายรายเลือก AMD เพราะจัดการเรื่อง driver ได้ง่ายกว่า, ประหยัดไฟกว่า และราคาอาจคุ้มค่ากว่าในแพลตฟอร์ม eGPU

    จุดขายล่าสุดคือพอร์ต Thunderbolt 5 ที่ทำงานได้ทั้งส่งภาพ, ส่งข้อมูล, และจ่ายไฟผ่านสายเดียว → แม้แบนด์วิดธ์ PCIe ยังเท่ากับ OCuLink (64Gbps) แต่ Thunderbolt 5 ใช้งานง่ายกว่า เพราะรองรับ display + power + data → เหมาะมากสำหรับ creator สายวีดีโอ หรือคนที่ใช้ Photoshop บนโน้ตบุ๊กบาง ๆ

    OnexGPU Lite ใช้ Radeon RX 7600M XT พร้อมพอร์ต Thunderbolt 5  
    • เป็น eGPU ตัวที่ 11 แล้วจาก AMD RX 7000 Series  
    • พัฒนาจาก OnexGPU 2 ที่ใช้ RX 7800M  
    • เน้น balance ระหว่างประสิทธิภาพ & portability

    Thunderbolt 5 รองรับทั้ง PCIe, display output และการจ่ายไฟผ่านสายเดียว  
    • PCIe bandwidth เทียบเท่า OCuLink (64Gbps)  
    • แต่มอบประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายกว่าและเหมาะสำหรับ creator

    AMD ครองตลาด eGPU แบบเงียบ ๆ ขณะที่ Nvidia ยังไม่โดดเข้ามาเต็มตัว

    Vendor หลายรายอาจเลือก AMD เพราะเหตุผลด้าน power efficiency, driver compatibility, และราคาต่อโมบาย GPU

    แม้จะใช้ RX 7600M XT ซ้ำในหลายรุ่น แต่การเปลี่ยน chassis และพอร์ตเป็น Thunderbolt 5 คือทางเลือกที่คุ้มค่าในตลาด eGPU

    https://www.techradar.com/pro/amd-is-surpassing-nvidia-in-one-particular-market-and-i-dont-understand-why-11th-egpu-based-on-amd-radeon-rx-7000-series-debuts-and-even-has-thunderbolt-5
    หลายคนอาจคิดว่า Nvidia ยังเป็นเจ้าตลาด GPU แบบเบ็ดเสร็จทุกแพลตฟอร์ม → แต่ถ้าเรามองไปที่ตลาด eGPU (GPU ภายนอกสำหรับโน้ตบุ๊ก), เกมกลับพลิก! ล่าสุดบริษัท Onexplayer เปิดตัว OnexGPU Lite ซึ่งใช้ Radeon RX 7600M XT แบบโมบายจาก AMD เป็นตัวประมวลผล → นี่คือ eGPU ตัวที่ 11 แล้วที่ใช้ชิป AMD จากซีรีส์ RX 7000 → ที่น่าสนใจคือยังไม่มี eGPU ที่ใช้ชิป RDNA4 ใหม่เลย — ทุกตัวใช้รุ่นเดิม แต่เปลี่ยนพอร์ตให้รองรับ Thunderbolt 5 แม้ RX 7600M XT จะไม่ใช่ GPU ที่แรงที่สุด แต่กลับกลายเป็น "มาตรฐานของ eGPU รุ่นใหม่" ที่เน้นความบาง, น้ำหนักเบา, และการประหยัดพลังงาน → ขณะที่ Nvidia แทบไม่มีบทบาทในกลุ่มนี้ → Vendor หลายรายเลือก AMD เพราะจัดการเรื่อง driver ได้ง่ายกว่า, ประหยัดไฟกว่า และราคาอาจคุ้มค่ากว่าในแพลตฟอร์ม eGPU จุดขายล่าสุดคือพอร์ต Thunderbolt 5 ที่ทำงานได้ทั้งส่งภาพ, ส่งข้อมูล, และจ่ายไฟผ่านสายเดียว → แม้แบนด์วิดธ์ PCIe ยังเท่ากับ OCuLink (64Gbps) แต่ Thunderbolt 5 ใช้งานง่ายกว่า เพราะรองรับ display + power + data → เหมาะมากสำหรับ creator สายวีดีโอ หรือคนที่ใช้ Photoshop บนโน้ตบุ๊กบาง ๆ ✅ OnexGPU Lite ใช้ Radeon RX 7600M XT พร้อมพอร์ต Thunderbolt 5   • เป็น eGPU ตัวที่ 11 แล้วจาก AMD RX 7000 Series   • พัฒนาจาก OnexGPU 2 ที่ใช้ RX 7800M   • เน้น balance ระหว่างประสิทธิภาพ & portability ✅ Thunderbolt 5 รองรับทั้ง PCIe, display output และการจ่ายไฟผ่านสายเดียว   • PCIe bandwidth เทียบเท่า OCuLink (64Gbps)   • แต่มอบประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายกว่าและเหมาะสำหรับ creator ✅ AMD ครองตลาด eGPU แบบเงียบ ๆ ขณะที่ Nvidia ยังไม่โดดเข้ามาเต็มตัว ✅ Vendor หลายรายอาจเลือก AMD เพราะเหตุผลด้าน power efficiency, driver compatibility, และราคาต่อโมบาย GPU ✅ แม้จะใช้ RX 7600M XT ซ้ำในหลายรุ่น แต่การเปลี่ยน chassis และพอร์ตเป็น Thunderbolt 5 คือทางเลือกที่คุ้มค่าในตลาด eGPU https://www.techradar.com/pro/amd-is-surpassing-nvidia-in-one-particular-market-and-i-dont-understand-why-11th-egpu-based-on-amd-radeon-rx-7000-series-debuts-and-even-has-thunderbolt-5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อก่อนถ้าอยากได้แรมเร็วระดับ DDR5-6400 คุณต้องยอมใช้โมดูลเล็ก ๆ อย่าง 24GB หรือ 48GB → พอใส่หลายแผง ระบบก็เริ่มไม่เสถียร ติดบั๊ก หรือบูตไม่ติดกันง่าย ๆ

    แต่ล่าสุด G.Skill แก้ปัญหานี้ได้แล้ว → เปิดตัวชุดแรม 64GB/แผง ที่สามารถทำความเร็วระดับสูงได้จริง → ส่งผลให้คุณสามารถประกอบเครื่องที่มีแรมสูงสุด 256GB (64×4) ที่ความเร็ว DDR5-6000 → หรือ 128GB (64×2) ที่ความเร็ว DDR5-6400 — พร้อม latency ต่ำระดับ CL32 และ CL36 → เรียกได้ว่า “ทั้งเร็ว–ทั้งใหญ่” แบบไม่ต้องเลือกอีกต่อไป!

    ยิ่งไปกว่านั้น G.Skill ยังออกแบบมาให้รองรับทั้ง EXPO (AMD) และ XMP 3.0 (Intel) → หมายถึงว่าผู้ใช้ Ryzen 7000 หรือ Intel Gen ล่าสุดสามารถกดใช้ความเร็วจาก BIOS ได้เลย — ไม่ต้องจูนเองให้เสี่ยงพัง

    และแม้จะยังไม่ได้ประกาศราคา แต่แรมชุดนี้เตรียมขายภายใต้ซีรีส์ที่ทุกคนคุ้นเคย เช่น → Trident Z5 RGB, Trident Z5 Neo RGB และ Flare X5

    งานนี้เหมาะทั้งสาย workstation, content creator, developer และ AI engineer ที่ต้องใช้หน่วยความจำสูง → หรือแม้แต่นักเล่นเกมที่สร้างโลก open-world แบบไม่มีกระตุกแม้จะเปิดหลายหน้าพร้อมกัน

    G.Skill เปิดตัวโมดูลแรม 64GB DDR5 ความเร็วสูงครั้งแรกแบบทางการ:  
    • DDR5-6000 CL32-44-44-96 ชุด 256GB (64×4) → รองรับ AMD EXPO  
    • DDR5-6400 CL36-44-44-102 ชุด 128GB (64×2) → รองรับ Intel XMP 3.0

    แรมความจุสูงแบบนี้เคยติดปัญหาเรื่องเสถียรภาพเมื่อความเร็วสูงมาก → ตอนนี้แก้ได้แล้ว

    กลุ่มเป้าหมาย:  
    • ผู้ใช้สาย workstation, AI, creator, dev  
    • เกมเมอร์ที่ต้องการเปิดเกมระดับ AAA + โปรแกรมเบื้องหลังแบบลื่น ๆ

    วางขายในซีรีส์ยอดนิยม:  
    • Trident Z5 RGB  
    • Trident Z5 Neo RGB  
    • Flare X5

    ไม่จำเป็นต้องจูนแรงดันไฟฟ้าเอง → สามารถใช้โปรไฟล์จาก BIOS ได้ทันทีตามแพลตฟอร์ม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr5/g-skill-introduces-new-high-capacity-high-speed-kits-now-offers-256gb-64gbx4-ddr5-6000-and-128gb-64gbx2-ddr5-6400-modules
    เมื่อก่อนถ้าอยากได้แรมเร็วระดับ DDR5-6400 คุณต้องยอมใช้โมดูลเล็ก ๆ อย่าง 24GB หรือ 48GB → พอใส่หลายแผง ระบบก็เริ่มไม่เสถียร ติดบั๊ก หรือบูตไม่ติดกันง่าย ๆ แต่ล่าสุด G.Skill แก้ปัญหานี้ได้แล้ว → เปิดตัวชุดแรม 64GB/แผง ที่สามารถทำความเร็วระดับสูงได้จริง → ส่งผลให้คุณสามารถประกอบเครื่องที่มีแรมสูงสุด 256GB (64×4) ที่ความเร็ว DDR5-6000 → หรือ 128GB (64×2) ที่ความเร็ว DDR5-6400 — พร้อม latency ต่ำระดับ CL32 และ CL36 → เรียกได้ว่า “ทั้งเร็ว–ทั้งใหญ่” แบบไม่ต้องเลือกอีกต่อไป! ยิ่งไปกว่านั้น G.Skill ยังออกแบบมาให้รองรับทั้ง EXPO (AMD) และ XMP 3.0 (Intel) → หมายถึงว่าผู้ใช้ Ryzen 7000 หรือ Intel Gen ล่าสุดสามารถกดใช้ความเร็วจาก BIOS ได้เลย — ไม่ต้องจูนเองให้เสี่ยงพัง และแม้จะยังไม่ได้ประกาศราคา แต่แรมชุดนี้เตรียมขายภายใต้ซีรีส์ที่ทุกคนคุ้นเคย เช่น → Trident Z5 RGB, Trident Z5 Neo RGB และ Flare X5 งานนี้เหมาะทั้งสาย workstation, content creator, developer และ AI engineer ที่ต้องใช้หน่วยความจำสูง → หรือแม้แต่นักเล่นเกมที่สร้างโลก open-world แบบไม่มีกระตุกแม้จะเปิดหลายหน้าพร้อมกัน ✅ G.Skill เปิดตัวโมดูลแรม 64GB DDR5 ความเร็วสูงครั้งแรกแบบทางการ:   • DDR5-6000 CL32-44-44-96 ชุด 256GB (64×4) → รองรับ AMD EXPO   • DDR5-6400 CL36-44-44-102 ชุด 128GB (64×2) → รองรับ Intel XMP 3.0 ✅ แรมความจุสูงแบบนี้เคยติดปัญหาเรื่องเสถียรภาพเมื่อความเร็วสูงมาก → ตอนนี้แก้ได้แล้ว ✅ กลุ่มเป้าหมาย:   • ผู้ใช้สาย workstation, AI, creator, dev   • เกมเมอร์ที่ต้องการเปิดเกมระดับ AAA + โปรแกรมเบื้องหลังแบบลื่น ๆ ✅ วางขายในซีรีส์ยอดนิยม:   • Trident Z5 RGB   • Trident Z5 Neo RGB   • Flare X5 ✅ ไม่จำเป็นต้องจูนแรงดันไฟฟ้าเอง → สามารถใช้โปรไฟล์จาก BIOS ได้ทันทีตามแพลตฟอร์ม https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr5/g-skill-introduces-new-high-capacity-high-speed-kits-now-offers-256gb-64gbx4-ddr5-6000-and-128gb-64gbx2-ddr5-6400-modules
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด!

    ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090

    งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น!

    ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025  
    • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)  
    • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D  
    • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral

    แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025  
    • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070  
    • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่  
    • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

    วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม

    มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด! ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090 งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น! ✅ ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025   • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)   • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D   • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral ✅ แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025   • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070   • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่   • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ✅ วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม ✅ มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิเคราะห์พบเบาะแสของชิป 7 ตัวนี้ในโค้ด iOS 18 รุ่นทดสอบ (internal build) ที่หลุดออกมาทาง Bilibili แล้วถูกถอดรหัสบน YouTube → เป็นครั้งแรกที่เห็นชื่อรหัส–เลข CPID และ “หน้าที่ของแต่ละชิป” พร้อมกันแบบนี้

    แต่ที่น่าสนใจคือ… Apple ไม่ได้แค่เตรียม A19 สำหรับ iPhone 17 → แต่ยังซุ่มทำ A19 Pro, ชิป M5 สำหรับ MacBook Pro รุ่นใหม่, ชิป Bora สำหรับ Apple Watch, ชิป Proxima ที่รวม Wi-Fi + Bluetooth ไว้ในตัวเดียว และแม้แต่ โมเด็ม 5G C2 รุ่นใหม่ของตัวเอง เพื่อปลดพันธนาการจาก Qualcomm ด้วย

    A19 (Codename: Tilos)  
    • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Air (หรือรุ่นพื้นฐานของซีรีส์ iPhone 17)

    A19 Pro (Codename: Thera / CPID T8150)  
    • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Pro และ Pro Max  
    • อาจมาพร้อม Neural Engine และ ISP ที่รองรับ AI และการประมวลผลภาพถ่ายขั้นสูง

    M5 / M5 Pro (Codename: Hidra / Sotra)  
    • ใช้กับ MacBook Pro รุ่นใหม่ (14 และ 16 นิ้ว)  
    • คาดว่าจะเปิดตัวหลัง iPhone 17 ไม่นาน

    Bora (CPID T8320)  
    • อิงจาก A18 → ใช้กับ Apple Watch Series 11  
    • อาจเพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพ–อัลกอริธึมที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

    Proxima (Wi-Fi + Bluetooth integration)  
    • เป็นชิปที่รวม Wi-Fi และ Bluetooth เข้าด้วยกันเป็น SoC  
    • ช่วยลดต้นทุน ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น AirPods หรือ Vision Pro รุ่นถัดไป

    C2 Modem (5G)  
    • เป็นโมเด็ม 5G ที่ Apple พัฒนาเอง (รุ่นที่ 2 ต่อจาก C1)  
    • คาดว่าจะใช้ใน iPhone 17e ปีหน้า แทนที่โมเด็มจาก Qualcomm

    https://wccftech.com/apple-working-on-seven-different-custom-chipsets-reveals-early-ios-18-code/
    นักวิเคราะห์พบเบาะแสของชิป 7 ตัวนี้ในโค้ด iOS 18 รุ่นทดสอบ (internal build) ที่หลุดออกมาทาง Bilibili แล้วถูกถอดรหัสบน YouTube → เป็นครั้งแรกที่เห็นชื่อรหัส–เลข CPID และ “หน้าที่ของแต่ละชิป” พร้อมกันแบบนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ… Apple ไม่ได้แค่เตรียม A19 สำหรับ iPhone 17 → แต่ยังซุ่มทำ A19 Pro, ชิป M5 สำหรับ MacBook Pro รุ่นใหม่, ชิป Bora สำหรับ Apple Watch, ชิป Proxima ที่รวม Wi-Fi + Bluetooth ไว้ในตัวเดียว และแม้แต่ โมเด็ม 5G C2 รุ่นใหม่ของตัวเอง เพื่อปลดพันธนาการจาก Qualcomm ด้วย ✅ A19 (Codename: Tilos)   • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Air (หรือรุ่นพื้นฐานของซีรีส์ iPhone 17) ✅ A19 Pro (Codename: Thera / CPID T8150)   • เตรียมใช้กับ iPhone 17 Pro และ Pro Max   • อาจมาพร้อม Neural Engine และ ISP ที่รองรับ AI และการประมวลผลภาพถ่ายขั้นสูง ✅ M5 / M5 Pro (Codename: Hidra / Sotra)   • ใช้กับ MacBook Pro รุ่นใหม่ (14 และ 16 นิ้ว)   • คาดว่าจะเปิดตัวหลัง iPhone 17 ไม่นาน ✅ Bora (CPID T8320)   • อิงจาก A18 → ใช้กับ Apple Watch Series 11   • อาจเพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพ–อัลกอริธึมที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ✅ Proxima (Wi-Fi + Bluetooth integration)   • เป็นชิปที่รวม Wi-Fi และ Bluetooth เข้าด้วยกันเป็น SoC   • ช่วยลดต้นทุน ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อในอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น AirPods หรือ Vision Pro รุ่นถัดไป ✅ C2 Modem (5G)   • เป็นโมเด็ม 5G ที่ Apple พัฒนาเอง (รุ่นที่ 2 ต่อจาก C1)   • คาดว่าจะใช้ใน iPhone 17e ปีหน้า แทนที่โมเด็มจาก Qualcomm https://wccftech.com/apple-working-on-seven-different-custom-chipsets-reveals-early-ios-18-code/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลีรักจาก <จันทราอัสดง>

    สวัสดีย้อนหลังวันวาเลนไทน์ วันนี้มาคุยเกี่ยวกับวลีบอกรักจากบทกวีจีนโบราณที่กล่าวถึงสองสัตว์ที่นับเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก

    วลีบอกรักนี้ เราเห็นในเรื่อง <จันทราอัสดง> ในฉากที่เยี่ยปิงส่างป่วยเพราะโดนปีศาจจับตัวไป พอฟื้นขึ้นมาเห็นองค์ชายเซียวหลิ่นเฝ้าอยู่ก็ร่ำไห้เอ่ยปากวลีสองวรรค หลังจากนั้นจึงได้หมั้นหมายกัน วลีที่ว่านี้คือ “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” (得成比目何辞死,愿作鸳鸯不羡仙) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ‘ยวนยาง’ คือนกเป็ดน้ำแมนดารินที่เพื่อนเพจคงคุ้นเคยเพราะมีการกล่าวถึงในหลายนิยายซีรีส์และละครว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ทั้งนี้ เพราะมันมักจะอยู่เป็นคู่ จึงถูกนำมาเปรียบเป็นคู่สามีภรรยาแต่โบราณโดยแรกปรากฏในบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (กวีเอกสมัยราชวงศ์ฮั่น เจ้าของบทประพันธ์ซ่างหลินฟู่ที่ Storyฯ เคยเขียนถึง) ตอนจีบจั๋วเหวินจวิน (ย้อนอ่านเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้ในบทความเก่า https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02KgmDKe2nCXSPkUDKWTYDNCXpfyP1PzzBqQCkdVtEw46Y7ZMkeZSwoVYxGFR9QHjhl)

    แล้ว ‘ปี่มู่’ ล่ะคืออะไร?

    ปี่มู่เป็นปลาในสายพันธ์ปลาลิ้นหมา (ดูรูปประกอบ 2) เอกลักษณ์ของมันคือ ตาทั้งคู่อยู่ใกล้กันบนตัวปลาด้านเดียวกัน ในสมัยจีนโบราณถูกใช้เปรียบเปรยถึงความรักอันล้ำลึกของคู่รักที่อยู่เคียงข้างกัน ไปไหนไปด้วยกัน

    “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” วลีนี้ความหมายก็คือยอมตายก็อยากอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องมีความสุขพ้นทุกข์อย่างเซียนก็ได้

    เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกว่ามันเป็นวลีที่มาจากกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วหลายวลีรักจีนโบราณอันกินใจที่ Storyฯ เคยเขียนถึงนั้น ถ้าไม่ใช่บทกวีที่เกี่ยวกับการจากพราก ก็มาจากเรื่องราวอื่น วลีนี้ก็เช่นกัน ที่มาของมันคือบทกวีที่ชื่อว่า ‘ฉางอันกู่อี้’ (长安古意 แปลได้ประมาณว่า หวนรำลึกฉางอัน) ของหลูจ้าวหลิน กวีชื่อดังในสมัยองค์ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง ในสมัยถังตอนต้นนั้น เขาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในสี่ยอดกวีแห่งยุค เป็นบทกวีในสไตล์โบราณที่ Storyฯ ขอเรียกว่ากลอนเจ็ด กล่าวคือในหนึ่งวรรคมีเจ็ดอักษร บทกวีนี้มีทั้งสิ้น 34 ประโยค รวม 68 วรรค เรียกได้ว่าเป็นบทกวีที่ยาวมากและเป็นถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของงานประพันธ์แห่งยุคสมัยนั้น

    หลูจ้าวหลินถูกเติ้งหวางหลี่หยวนอวี้รับเป็นคนสนิท เป็นขุนนางผู้ดูแลจวนอ๋อง ต่อมาติดตามเติ้งหวางออกจากเมืองฉางอัน และเมื่อเลิกทำงานกับเติ้งหวางแล้วก็ปักหลักอยู่ลั่วหยาง บทกวีนี้หลูจ้าวหลินแต่งขึ้นในช่วงเวลาที่ลั่วหยางนั่นเอง ต่อมาเขาถูกจับกุมขังด้วยบทกวีนี้ เพราะถูกเข้าใจว่าเขียนตำหนิหนึ่งในผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยนั้น สุดท้ายแม้จะรอดชีวิตพ้นคุกมาได้ แต่ก็ป่วยจนสุดท้ายต้องจบชีวิตตนเอง

    เนื้อหาของ ‘ฉางอันกู่อี้’ กล่าวถึงความเรืองรองแห่งนครฉางอัน ความเจริญรุ่งเรืองถูกสะท้อนออกมาด้วยคำบรรยายความโอ่อ่าของอาคารบ้านเรือน ความตระการตาของนางรำที่เริงระบำดุจบุปผาและผีเสื้อที่ละลานตา บรรยากาศยามค่ำคืนอันคึกคักโดยมีหอนางโลมเป็นฉากหลัก สอดแทรกด้วยอารมณ์ที่ถูกเร้าขึ้นด้วยคำบรรยายแสงสีเสียง สื่อออกมาเป็นความรู้สึกต่างๆ ที่ยากจะอดกลั้นภายใต้บรรยากาศนี้ อย่างเช่นความรักความลุ่มหลง บทกวีเล่าถึงการมีชีวิตอยู่ในด้านมืดอย่างเช่นนางคณิกานางรำและคนที่มีอาชีพกลางคืน การแสดงอำนาจของชนชั้นสูง การแก่งแย่งชิงดีและการเกิดดับของอำนาจ สุดท้ายจบลงด้วยการบรรยายถึงบรรยากาศเงียบเหงาภายในเรือนเดี่ยว มีเพียงกลีบดอกไม้ที่ปลิวผ่านตามสายลมยามที่กุ้ยฮวา (หอมหมื่นลี้) บาน เป็นสไตล์การเขียนที่นิยมในสมัยนั้นคือจบลงด้วยวรรคที่ขัดแย้งกับเนื้อหาก่อนหน้าเพื่อให้ความรู้สึกที่แตกต่าง สร้างสมดุลให้แก่บทกวี

    วรรค “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” นี้ปรากฏในท่อนแรกๆ ที่กล่าวถึงความตระการตาของนางรำผู้เลอโฉม ชวนให้พร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ จะเห็นได้ว่า แม้วลีนี้จะกลายมาเป็นหนึ่งในวลีรักที่โด่งดังผ่านยุคสมัย แต่ต้นตอของมันจริงแล้วเป็นบทกวีที่บรรยายถึงชีวิตในนครฉางอัน สะท้อนถึงสุขและทุกข์ของความทรงจำในด้านต่างๆ ที่กวีมีต่อนครฉางอันอันเรืองรอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://new.qq.com/rain/a/20230511A04T9O00
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_ac6684b5da86.aspx
    https://baike.baidu.com/item/长安古意/4804
    https://www.baike.com/wikiid/422703280303982502
    http://m.qulishi.com/article/202106/521082.html
    https://www.621seo.cn/a/83.html

    #จันทราอัสดง #ยวนยาง #ปี่มู่ #กวีถัง #ฉางอัน #หลูจ้าวหลิน
    วลีรักจาก <จันทราอัสดง> สวัสดีย้อนหลังวันวาเลนไทน์ วันนี้มาคุยเกี่ยวกับวลีบอกรักจากบทกวีจีนโบราณที่กล่าวถึงสองสัตว์ที่นับเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก วลีบอกรักนี้ เราเห็นในเรื่อง <จันทราอัสดง> ในฉากที่เยี่ยปิงส่างป่วยเพราะโดนปีศาจจับตัวไป พอฟื้นขึ้นมาเห็นองค์ชายเซียวหลิ่นเฝ้าอยู่ก็ร่ำไห้เอ่ยปากวลีสองวรรค หลังจากนั้นจึงได้หมั้นหมายกัน วลีที่ว่านี้คือ “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” (得成比目何辞死,愿作鸳鸯不羡仙) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ‘ยวนยาง’ คือนกเป็ดน้ำแมนดารินที่เพื่อนเพจคงคุ้นเคยเพราะมีการกล่าวถึงในหลายนิยายซีรีส์และละครว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ทั้งนี้ เพราะมันมักจะอยู่เป็นคู่ จึงถูกนำมาเปรียบเป็นคู่สามีภรรยาแต่โบราณโดยแรกปรากฏในบทประพันธ์ของซือหม่าเซียงหรู (กวีเอกสมัยราชวงศ์ฮั่น เจ้าของบทประพันธ์ซ่างหลินฟู่ที่ Storyฯ เคยเขียนถึง) ตอนจีบจั๋วเหวินจวิน (ย้อนอ่านเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้ในบทความเก่า https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02KgmDKe2nCXSPkUDKWTYDNCXpfyP1PzzBqQCkdVtEw46Y7ZMkeZSwoVYxGFR9QHjhl) แล้ว ‘ปี่มู่’ ล่ะคืออะไร? ปี่มู่เป็นปลาในสายพันธ์ปลาลิ้นหมา (ดูรูปประกอบ 2) เอกลักษณ์ของมันคือ ตาทั้งคู่อยู่ใกล้กันบนตัวปลาด้านเดียวกัน ในสมัยจีนโบราณถูกใช้เปรียบเปรยถึงความรักอันล้ำลึกของคู่รักที่อยู่เคียงข้างกัน ไปไหนไปด้วยกัน “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” วลีนี้ความหมายก็คือยอมตายก็อยากอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องมีความสุขพ้นทุกข์อย่างเซียนก็ได้ เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกว่ามันเป็นวลีที่มาจากกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วหลายวลีรักจีนโบราณอันกินใจที่ Storyฯ เคยเขียนถึงนั้น ถ้าไม่ใช่บทกวีที่เกี่ยวกับการจากพราก ก็มาจากเรื่องราวอื่น วลีนี้ก็เช่นกัน ที่มาของมันคือบทกวีที่ชื่อว่า ‘ฉางอันกู่อี้’ (长安古意 แปลได้ประมาณว่า หวนรำลึกฉางอัน) ของหลูจ้าวหลิน กวีชื่อดังในสมัยองค์ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง ในสมัยถังตอนต้นนั้น เขาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในสี่ยอดกวีแห่งยุค เป็นบทกวีในสไตล์โบราณที่ Storyฯ ขอเรียกว่ากลอนเจ็ด กล่าวคือในหนึ่งวรรคมีเจ็ดอักษร บทกวีนี้มีทั้งสิ้น 34 ประโยค รวม 68 วรรค เรียกได้ว่าเป็นบทกวีที่ยาวมากและเป็นถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของงานประพันธ์แห่งยุคสมัยนั้น หลูจ้าวหลินถูกเติ้งหวางหลี่หยวนอวี้รับเป็นคนสนิท เป็นขุนนางผู้ดูแลจวนอ๋อง ต่อมาติดตามเติ้งหวางออกจากเมืองฉางอัน และเมื่อเลิกทำงานกับเติ้งหวางแล้วก็ปักหลักอยู่ลั่วหยาง บทกวีนี้หลูจ้าวหลินแต่งขึ้นในช่วงเวลาที่ลั่วหยางนั่นเอง ต่อมาเขาถูกจับกุมขังด้วยบทกวีนี้ เพราะถูกเข้าใจว่าเขียนตำหนิหนึ่งในผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยนั้น สุดท้ายแม้จะรอดชีวิตพ้นคุกมาได้ แต่ก็ป่วยจนสุดท้ายต้องจบชีวิตตนเอง เนื้อหาของ ‘ฉางอันกู่อี้’ กล่าวถึงความเรืองรองแห่งนครฉางอัน ความเจริญรุ่งเรืองถูกสะท้อนออกมาด้วยคำบรรยายความโอ่อ่าของอาคารบ้านเรือน ความตระการตาของนางรำที่เริงระบำดุจบุปผาและผีเสื้อที่ละลานตา บรรยากาศยามค่ำคืนอันคึกคักโดยมีหอนางโลมเป็นฉากหลัก สอดแทรกด้วยอารมณ์ที่ถูกเร้าขึ้นด้วยคำบรรยายแสงสีเสียง สื่อออกมาเป็นความรู้สึกต่างๆ ที่ยากจะอดกลั้นภายใต้บรรยากาศนี้ อย่างเช่นความรักความลุ่มหลง บทกวีเล่าถึงการมีชีวิตอยู่ในด้านมืดอย่างเช่นนางคณิกานางรำและคนที่มีอาชีพกลางคืน การแสดงอำนาจของชนชั้นสูง การแก่งแย่งชิงดีและการเกิดดับของอำนาจ สุดท้ายจบลงด้วยการบรรยายถึงบรรยากาศเงียบเหงาภายในเรือนเดี่ยว มีเพียงกลีบดอกไม้ที่ปลิวผ่านตามสายลมยามที่กุ้ยฮวา (หอมหมื่นลี้) บาน เป็นสไตล์การเขียนที่นิยมในสมัยนั้นคือจบลงด้วยวรรคที่ขัดแย้งกับเนื้อหาก่อนหน้าเพื่อให้ความรู้สึกที่แตกต่าง สร้างสมดุลให้แก่บทกวี วรรค “หากได้เป็นดั่งปี่มู่ไม่เกรงกลัวตาย ยอมเป็นยวนยางไม่อิจฉาเซียน” นี้ปรากฏในท่อนแรกๆ ที่กล่าวถึงความตระการตาของนางรำผู้เลอโฉม ชวนให้พร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ จะเห็นได้ว่า แม้วลีนี้จะกลายมาเป็นหนึ่งในวลีรักที่โด่งดังผ่านยุคสมัย แต่ต้นตอของมันจริงแล้วเป็นบทกวีที่บรรยายถึงชีวิตในนครฉางอัน สะท้อนถึงสุขและทุกข์ของความทรงจำในด้านต่างๆ ที่กวีมีต่อนครฉางอันอันเรืองรอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: https://new.qq.com/rain/a/20230511A04T9O00 https://so.gushiwen.cn/shiwenv_ac6684b5da86.aspx https://baike.baidu.com/item/长安古意/4804 https://www.baike.com/wikiid/422703280303982502 http://m.qulishi.com/article/202106/521082.html https://www.621seo.cn/a/83.html #จันทราอัสดง #ยวนยาง #ปี่มู่ #กวีถัง #ฉางอัน #หลูจ้าวหลิน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ #ชวนดูซีรีส์ #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ #ชวนดูซีรีส์ #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลองนึกถึงเซิร์ฟเวอร์ที่สมัยก่อนต้องใช้ชิป 32 คอร์, แรม 8 แชนแนล เต็มแร็ก แต่ตอนนี้… AMD ออกรุ่นน้องใหม่ EPYC 4585PX ในซีรีส์ “Grado” ซึ่งใช้แค่ 2 แถวแรม DDR5 + ระบบจิ๋ว ๆ แบบ NAS ก็ยังแรงกว่า → ในการทดสอบโดย Phoronix บน Ubuntu 25.04 พบว่า:
    - ชิปรุ่นเล็กตัวนี้แรงกว่าชิปรุ่นท็อปดั้งเดิม EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า
    - แถมประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 2.85 เท่า
    - ใช้พลังงานรวมน้อยลง (จาก 238W → เหลือ 225W) ทั้งที่ CPU เปล่า ๆ กินไฟพอ ๆ กัน

    ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ว่า “สถาปัตยกรรมใหม่เจ๋งกว่าการอัดจำนวน” → EPYC 4585PX บนบอร์ดเล็ก ๆ + DDR5 เพียง 2 แถว ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในอดีต → เหมาะมากสำหรับ NAS, เซิร์ฟเวอร์ประหยัดพลังงาน หรือ infra ที่ต้องการพื้นที่–ความเย็นน้อย

    EPYC 4585PX (ซีรีส์ EPYC 4005 “Grado”) แรงกว่า EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า  
    • ทดสอบบน Ubuntu 25.04 กับ 200+ เวิร์กโหลด: HPC, คอมไพล์, วิดีโอ, สคริปต์ ฯลฯ

    ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance/Watt) ดีกว่า 2.85 เท่า  
    • สะท้อนประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรมที่พัฒนาแล้ว

    วัดพลังงานทั้งระบบ: EPYC 4585PX ใช้ 225W vs EPYC 7601 ใช้ 238W  
    • แสดงให้เห็นว่าประหยัดขึ้นทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ตัวชิป

    แม้มีแค่ 2 แถวแรม DDR5 แต่ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในหลาย ๆ งาน  
    • ชี้ว่าความสามารถของแรมไม่ได้วัดแค่จากจำนวนแชนแนล

    ระบบทดสอบใช้ Supermicro board + RAM น้อย → เหมาะกับ NAS หรือ SOHO infra มาก

    Grado เป็นซีรีส์ประหยัดพลังงาน ราคาถูกกว่า EPYC 9005 สูงมาก แต่ประสิทธิภาพน่าประทับใจ

    https://www.techradar.com/pro/16-core-amd-epyc-4005-cpu-is-almost-3x-faster-than-amds-first-server-flagship-and-i-cant-believe-what-a-bargain-that-is
    ลองนึกถึงเซิร์ฟเวอร์ที่สมัยก่อนต้องใช้ชิป 32 คอร์, แรม 8 แชนแนล เต็มแร็ก แต่ตอนนี้… AMD ออกรุ่นน้องใหม่ EPYC 4585PX ในซีรีส์ “Grado” ซึ่งใช้แค่ 2 แถวแรม DDR5 + ระบบจิ๋ว ๆ แบบ NAS ก็ยังแรงกว่า → ในการทดสอบโดย Phoronix บน Ubuntu 25.04 พบว่า: - ชิปรุ่นเล็กตัวนี้แรงกว่าชิปรุ่นท็อปดั้งเดิม EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า - แถมประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 2.85 เท่า - ใช้พลังงานรวมน้อยลง (จาก 238W → เหลือ 225W) ทั้งที่ CPU เปล่า ๆ กินไฟพอ ๆ กัน ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ว่า “สถาปัตยกรรมใหม่เจ๋งกว่าการอัดจำนวน” → EPYC 4585PX บนบอร์ดเล็ก ๆ + DDR5 เพียง 2 แถว ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในอดีต → เหมาะมากสำหรับ NAS, เซิร์ฟเวอร์ประหยัดพลังงาน หรือ infra ที่ต้องการพื้นที่–ความเย็นน้อย ✅ EPYC 4585PX (ซีรีส์ EPYC 4005 “Grado”) แรงกว่า EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า   • ทดสอบบน Ubuntu 25.04 กับ 200+ เวิร์กโหลด: HPC, คอมไพล์, วิดีโอ, สคริปต์ ฯลฯ ✅ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance/Watt) ดีกว่า 2.85 เท่า   • สะท้อนประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรมที่พัฒนาแล้ว ✅ วัดพลังงานทั้งระบบ: EPYC 4585PX ใช้ 225W vs EPYC 7601 ใช้ 238W   • แสดงให้เห็นว่าประหยัดขึ้นทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ตัวชิป ✅ แม้มีแค่ 2 แถวแรม DDR5 แต่ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในหลาย ๆ งาน   • ชี้ว่าความสามารถของแรมไม่ได้วัดแค่จากจำนวนแชนแนล ✅ ระบบทดสอบใช้ Supermicro board + RAM น้อย → เหมาะกับ NAS หรือ SOHO infra มาก ✅ Grado เป็นซีรีส์ประหยัดพลังงาน ราคาถูกกว่า EPYC 9005 สูงมาก แต่ประสิทธิภาพน่าประทับใจ https://www.techradar.com/pro/16-core-amd-epyc-4005-cpu-is-almost-3x-faster-than-amds-first-server-flagship-and-i-cant-believe-what-a-bargain-that-is
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • รหัสลับบทกวีจีนจาก <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก>

    Storyฯ รู้สึกว่า บทกวีจีนโบราณนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย/ซีรีส์จีนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีใครที่ดูซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> แล้วรู้สึกสะดุดหูกับจังหวะจะโคนของรหัสลับที่องครักษ์ชุดแดงใช้ยืนยันตัวตนกันหรือไม่? สำหรับ Storyฯ แล้วมันเตะหูพอสมควร เพราะรหัสลับเหล่านี้ล้วนเป็นวลีจากบทกวีจีนโบราณ

    รหัสลับที่ยกตัวอย่างมาคุยกันวันนี้ คือตอนที่หรูอี้ให้คนปลอมตัวไปหาองครักษ์ชุดแดงเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าหลินหลงตาย รหัสลับถามตอบนี้คือ ‘ซานสือลิ่วกงถู่ฮวาปี้’ (三十六宫土花碧) และ ‘เทียนรั่วโหย่วฉิงเทียนอี้เหล่า’ (天若有情天亦老) Storyฯ ขอแปลว่า ‘สามสิบหกพระตำหนัก ตะไคร่คลุมธรณี / หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’

    ฟังแล้วคงไม่ได้ใจความนัก เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่วรรคที่ต่อเนื่องกัน แต่ทั้งสองวรรคนี้ปรากฏอยู่ในบทกวีเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘จินถงเซียนเหรินฉือฮั่นเกอ’ (金铜仙人辞汉歌 แปลได้ประมาณว่า ลำนำเซียนจินถงลาจากแดนฮั่น) เป็นผลงานของหลี่เฮ่อ (ค.ศ. 790-816) สี่สุดยอดกวีแห่งสมัยถัง และนี่เป็นหนึ่งในบทกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของเขา มันเป็นบทกวียาวที่กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง แต่กลับเหลือเพียงพระตำหนักที่ว่างร้างจนตะไคร่ปกคลุม เทพเซียนร่ำไห้ลาจาก จนถึงขนาดว่าถ้าฟ้ามีจิตใจรักได้เหมือนคน ก็คงรู้สึกอนาจใจเศร้าจนแก่ชราไปเช่นคน บทกวีนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าอาดูรและแค้นใจในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงสภาพจิตใจของหลี่เฮ่อในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอ และเขาเองจำเป็นต้องลาออกจากราชการและเดินทางจากนครฉางอันไปด้วยอาการป่วย

    แต่ที่ Storyฯ รู้สึกว่าน่าสนใจมากก็คือ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นโจทย์ในการดวลบทกวีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพื่อนเพจที่คุ้นเคยกับซีรีส์และนิยายจีนโบราณคงเคยผ่านตาว่า การดวลบทกวีนี้ เป็นการต่อกลอนคู่ โดยคนหนึ่งตั้งโจทย์วรรคแรก อีกคนมาแต่งวรรคต่อให้จบ ซึ่งวรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นวรรคแรกของกลอนคู่โดยไม่มีใครสามารถต่อวรรคท้ายได้อย่างสมบูรณ์มากว่าสองร้อยปี! ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยที่มีนักอักษรและนักประพันธ์มากมายอย่างสมัยถัง

    อนึ่ง การต่อวรรคคู่ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่มีจำนวนอักษรเท่ากันและมีเสียงสูงเสียงต่ำคล้องจองกันเท่านั้น แต่ต้องมีความลงตัวในหลายด้าน เป็นต้นว่า 1) มีบริบทใกล้เคียง เช่น กล่าวถึงวัตถุที่จับต้องได้เหมือนกัน หรือจับต้องไม่ได้เหมือนกัน เป็นวัตถุที่สื่อความหมายในเชิงเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่วรรคแรกกล่าวถึงดอกไม้ วรรคหลังพูดถึงโต๊ะ อะไรอย่างนี้; 2) คุณศัพท์ที่ขยายนามหรืออารมณ์ที่สื่อต้องเหมือนกันหรือตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพื่อแสดงความขัดแย้งบางอย่าง เช่น ฝนตกหนักกับแดดแรงจ้า หรือ ฝนตกหนักกับหยดน้ำเล็ก; ฯลฯ

    วรรค ‘หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ นี้มีคนต่อวรรคหลังมากมาย แต่ไม่มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์จวบจนสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้ที่ต่อวรรคหลังนี้คือสือเหยียนเหนียน (ค.ศ. 994-1041) นักอักษรและกวีสมัยซ่งเหนือ ในค่ำคืนหนึ่งหลังจากดื่มสุราไปหลายกรึ๊บ ในยามกึ่งเมากึ่งมีสตินั้น เขาได้ยินคนรอบข้างต่อวรรค ‘หากฟ้ามีใจฯ’ นี้กันอยู่ จึงโพล่งวรรคต่อออกมาในทันใด ซึ่งก็คือ ‘หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง’ (月如无恨月长圆 / เยวี่ยหรูอู๋เฮิ่นเยวี่ยฉางเหยวียน) เป็นการต่อวรรคที่สมบูรณ์จนคนตะลึง เพราะไม่เพียงอักขระ คำบรรยายและบริบทลงตัว หากแต่ความหมายแฝงที่สื่อถึงสัจธรรมแห่งชีวิตยังสอดคล้องอีกด้วย

    ... หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน ...
    ... หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง ...

    วรรคต้นที่ไม่มีใครต่อวรรคได้มากว่าสองร้อยปี เกิดวรรคต่อที่สะเทือนวงการนักอักษรในสมัยนั้นจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพื่อนเพจอ่านและตีความแล้วได้ความรู้สึกอย่างไรคะ? เห็นความเป็น ‘กลอนคู่’ ของมันหรือไม่?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_25539972
    https://k.sina.cn/article_6502395912_18392b008001004rs9.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_33199885635a.aspx
    https://baike.baidu.com/金铜仙人辞汉歌/1659854
    https://www.sohu.com/a/484704098_100135144
    https://www.workercn.cn/c/2024-02-06/8143503.shtml

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #หลี่เฮ่อ #กวีถัง #หากฟ้ามีใจรัก #สือเหยียนเหนียน
    รหัสลับบทกวีจีนจาก <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> Storyฯ รู้สึกว่า บทกวีจีนโบราณนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย/ซีรีส์จีนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีใครที่ดูซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> แล้วรู้สึกสะดุดหูกับจังหวะจะโคนของรหัสลับที่องครักษ์ชุดแดงใช้ยืนยันตัวตนกันหรือไม่? สำหรับ Storyฯ แล้วมันเตะหูพอสมควร เพราะรหัสลับเหล่านี้ล้วนเป็นวลีจากบทกวีจีนโบราณ รหัสลับที่ยกตัวอย่างมาคุยกันวันนี้ คือตอนที่หรูอี้ให้คนปลอมตัวไปหาองครักษ์ชุดแดงเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าหลินหลงตาย รหัสลับถามตอบนี้คือ ‘ซานสือลิ่วกงถู่ฮวาปี้’ (三十六宫土花碧) และ ‘เทียนรั่วโหย่วฉิงเทียนอี้เหล่า’ (天若有情天亦老) Storyฯ ขอแปลว่า ‘สามสิบหกพระตำหนัก ตะไคร่คลุมธรณี / หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ ฟังแล้วคงไม่ได้ใจความนัก เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่วรรคที่ต่อเนื่องกัน แต่ทั้งสองวรรคนี้ปรากฏอยู่ในบทกวีเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘จินถงเซียนเหรินฉือฮั่นเกอ’ (金铜仙人辞汉歌 แปลได้ประมาณว่า ลำนำเซียนจินถงลาจากแดนฮั่น) เป็นผลงานของหลี่เฮ่อ (ค.ศ. 790-816) สี่สุดยอดกวีแห่งสมัยถัง และนี่เป็นหนึ่งในบทกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของเขา มันเป็นบทกวียาวที่กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง แต่กลับเหลือเพียงพระตำหนักที่ว่างร้างจนตะไคร่ปกคลุม เทพเซียนร่ำไห้ลาจาก จนถึงขนาดว่าถ้าฟ้ามีจิตใจรักได้เหมือนคน ก็คงรู้สึกอนาจใจเศร้าจนแก่ชราไปเช่นคน บทกวีนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าอาดูรและแค้นใจในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงสภาพจิตใจของหลี่เฮ่อในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอ และเขาเองจำเป็นต้องลาออกจากราชการและเดินทางจากนครฉางอันไปด้วยอาการป่วย แต่ที่ Storyฯ รู้สึกว่าน่าสนใจมากก็คือ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นโจทย์ในการดวลบทกวีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพื่อนเพจที่คุ้นเคยกับซีรีส์และนิยายจีนโบราณคงเคยผ่านตาว่า การดวลบทกวีนี้ เป็นการต่อกลอนคู่ โดยคนหนึ่งตั้งโจทย์วรรคแรก อีกคนมาแต่งวรรคต่อให้จบ ซึ่งวรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นวรรคแรกของกลอนคู่โดยไม่มีใครสามารถต่อวรรคท้ายได้อย่างสมบูรณ์มากว่าสองร้อยปี! ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยที่มีนักอักษรและนักประพันธ์มากมายอย่างสมัยถัง อนึ่ง การต่อวรรคคู่ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่มีจำนวนอักษรเท่ากันและมีเสียงสูงเสียงต่ำคล้องจองกันเท่านั้น แต่ต้องมีความลงตัวในหลายด้าน เป็นต้นว่า 1) มีบริบทใกล้เคียง เช่น กล่าวถึงวัตถุที่จับต้องได้เหมือนกัน หรือจับต้องไม่ได้เหมือนกัน เป็นวัตถุที่สื่อความหมายในเชิงเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่วรรคแรกกล่าวถึงดอกไม้ วรรคหลังพูดถึงโต๊ะ อะไรอย่างนี้; 2) คุณศัพท์ที่ขยายนามหรืออารมณ์ที่สื่อต้องเหมือนกันหรือตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพื่อแสดงความขัดแย้งบางอย่าง เช่น ฝนตกหนักกับแดดแรงจ้า หรือ ฝนตกหนักกับหยดน้ำเล็ก; ฯลฯ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ นี้มีคนต่อวรรคหลังมากมาย แต่ไม่มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์จวบจนสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้ที่ต่อวรรคหลังนี้คือสือเหยียนเหนียน (ค.ศ. 994-1041) นักอักษรและกวีสมัยซ่งเหนือ ในค่ำคืนหนึ่งหลังจากดื่มสุราไปหลายกรึ๊บ ในยามกึ่งเมากึ่งมีสตินั้น เขาได้ยินคนรอบข้างต่อวรรค ‘หากฟ้ามีใจฯ’ นี้กันอยู่ จึงโพล่งวรรคต่อออกมาในทันใด ซึ่งก็คือ ‘หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง’ (月如无恨月长圆 / เยวี่ยหรูอู๋เฮิ่นเยวี่ยฉางเหยวียน) เป็นการต่อวรรคที่สมบูรณ์จนคนตะลึง เพราะไม่เพียงอักขระ คำบรรยายและบริบทลงตัว หากแต่ความหมายแฝงที่สื่อถึงสัจธรรมแห่งชีวิตยังสอดคล้องอีกด้วย ... หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน ... ... หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง ... วรรคต้นที่ไม่มีใครต่อวรรคได้มากว่าสองร้อยปี เกิดวรรคต่อที่สะเทือนวงการนักอักษรในสมัยนั้นจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพื่อนเพจอ่านและตีความแล้วได้ความรู้สึกอย่างไรคะ? เห็นความเป็น ‘กลอนคู่’ ของมันหรือไม่? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_25539972 https://k.sina.cn/article_6502395912_18392b008001004rs9.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_33199885635a.aspx https://baike.baidu.com/金铜仙人辞汉歌/1659854 https://www.sohu.com/a/484704098_100135144 https://www.workercn.cn/c/2024-02-06/8143503.shtml #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #หลี่เฮ่อ #กวีถัง #หากฟ้ามีใจรัก #สือเหยียนเหนียน
    《一念关山》:刘诗诗更适合“独美”
    澎湃,澎湃新闻,澎湃新闻网,新闻与思想,澎湃是植根于中国上海的时政思想类互联网平台,以最活跃的原创新闻与最冷静的思想分析为两翼,是互联网技术创新与新闻价值传承的结合体,致力于问答式新闻与新闻追踪功能的实践。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei ยังเดินหน้าท้าทายแม้จะถูกจำกัดด้านเทคโนโลยีจากตะวันตกมาหลายปี ด้วยการเปิดตัวชิป Kirin รุ่นใหม่ทุกครั้งที่มี Mate รุ่นใหม่ และครั้งนี้ Kirin 9030 กำลังถูกจับตาว่า จะขยับประสิทธิภาพขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง Kirin 9020 (หรืออาจจะ 9010 ก็ยังไม่แน่ เพราะข่าวลือไม่ระบุชัด)

    คำถามคือ — Huawei กับ SMIC จะผลิตชิปนี้ด้วยกระบวนการอะไร? เพราะเท่าที่รู้ตอนนี้ SMIC ยังไม่สามารถผลิต 5nm แบบ EUV ได้ และแม้จะมีข่าวลือว่าทำสำเร็จ “แบบไม่มี EUV” แล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าผลิตได้จริงในระดับ mass production

    ด้วยเหตุนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า Kirin 9030 น่าจะยังอยู่ที่ 7nm เหมือนรุ่นก่อน แต่ “อัดแรงขึ้นได้อีก 20%” จากการจูนสถาปัตยกรรมหรือเทคนิคการผลิตแบบพิเศษ — ซึ่งถือว่าน่าประทับใจไม่น้อยในยุคที่สหรัฐฯ ยังพยายามปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน

    Huawei เตรียมเปิดตัวชิป Kirin 9030 ในช่วงเปิดตัวซีรีส์ Mate 80 ปลายปี 2025  
    • คาดว่าเป็นรุ่นต่อจาก Kirin 9020  
    • ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงของบริษัท

    ข่าวลือระบุว่า Kirin 9030 จะเร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า  
    • ยังไม่ชัดว่าเทียบกับ Kirin 9020 หรือ 9010  
    • เป็นการอัปเกรดที่สำคัญแม้จะใช้กระบวนการผลิตเดิม

    มีโอกาสสูงว่า Kirin 9030 ยังใช้กระบวนการ 7nm จาก SMIC แบบไม่มี EUV  
    • SMIC ยังผลิตชิป 5nm ได้จำกัด และ yield ต่ำ  
    • EUV ยังไม่สามารถใช้งานได้เพราะมาตรการควบคุมการส่งออก

    แม้จะล้าหลังกว่าชิป Snapdragon หรือ Apple A-series แต่ Huawei ยังมียอดขายที่แข็งแรง โดยเฉพาะในจีน

    https://wccftech.com/kirin-9030-for-the-huawei-mate-80-series-rumored-to-be-20-percent-faster/
    Huawei ยังเดินหน้าท้าทายแม้จะถูกจำกัดด้านเทคโนโลยีจากตะวันตกมาหลายปี ด้วยการเปิดตัวชิป Kirin รุ่นใหม่ทุกครั้งที่มี Mate รุ่นใหม่ และครั้งนี้ Kirin 9030 กำลังถูกจับตาว่า จะขยับประสิทธิภาพขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง Kirin 9020 (หรืออาจจะ 9010 ก็ยังไม่แน่ เพราะข่าวลือไม่ระบุชัด) คำถามคือ — Huawei กับ SMIC จะผลิตชิปนี้ด้วยกระบวนการอะไร? เพราะเท่าที่รู้ตอนนี้ SMIC ยังไม่สามารถผลิต 5nm แบบ EUV ได้ และแม้จะมีข่าวลือว่าทำสำเร็จ “แบบไม่มี EUV” แล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าผลิตได้จริงในระดับ mass production ด้วยเหตุนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า Kirin 9030 น่าจะยังอยู่ที่ 7nm เหมือนรุ่นก่อน แต่ “อัดแรงขึ้นได้อีก 20%” จากการจูนสถาปัตยกรรมหรือเทคนิคการผลิตแบบพิเศษ — ซึ่งถือว่าน่าประทับใจไม่น้อยในยุคที่สหรัฐฯ ยังพยายามปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน ✅ Huawei เตรียมเปิดตัวชิป Kirin 9030 ในช่วงเปิดตัวซีรีส์ Mate 80 ปลายปี 2025   • คาดว่าเป็นรุ่นต่อจาก Kirin 9020   • ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงของบริษัท ✅ ข่าวลือระบุว่า Kirin 9030 จะเร็วขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า   • ยังไม่ชัดว่าเทียบกับ Kirin 9020 หรือ 9010   • เป็นการอัปเกรดที่สำคัญแม้จะใช้กระบวนการผลิตเดิม ✅ มีโอกาสสูงว่า Kirin 9030 ยังใช้กระบวนการ 7nm จาก SMIC แบบไม่มี EUV   • SMIC ยังผลิตชิป 5nm ได้จำกัด และ yield ต่ำ   • EUV ยังไม่สามารถใช้งานได้เพราะมาตรการควบคุมการส่งออก ✅ แม้จะล้าหลังกว่าชิป Snapdragon หรือ Apple A-series แต่ Huawei ยังมียอดขายที่แข็งแรง โดยเฉพาะในจีน https://wccftech.com/kirin-9030-for-the-huawei-mate-80-series-rumored-to-be-20-percent-faster/
    WCCFTECH.COM
    Huawei’s Kirin 9030 For The Upcoming Mate 80 Flagship Smartphone Series Is Rumored To Provide A 20 Percent Performance Improvement, But Lithography Details Not Revealed
    A new rumor claims that Huawei is developing the Kirin 9030 for the Mate 80 lineup and it is allegedly 20 percent faster than the previous generation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts