• ..จริงๆนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลวยังไม่พอ,ตอนนี้มีเจ้าสัวชั่ว เจ้าสัวเลวประจำประเทศไทยด้วย,ที่เขมรไม่โดนปิดด่านทันทีเพราะเจ้าของธุรกิจพวกนี้ห่วงแต่ตนเอง,ร่ำรวยโคตรๆเท่าไรก็ไม่พอกอบโกยในประเทศไทยมากมายไม่พอจนอธิปไตยประเทศไทยตนเองถูกเหยียบย่ำ,คนพวกนี้ไม่สมควรมีที่ยืนบนแผ่นดินไทย,สมคบคิดกับอำนาจรัฐบาลแต่ละสมัยไม่ธรรมดาแน่นอนและเป็นอันมากที่สนับสนุนข้าราชการไทยเราหลงเลวหลงชั่วจนถูกควบคุมให้หนีจากวังวนชั่วไม่ได้จนเป็นคนเลวชั่วเต็มภูมิก็ว่า,ก็ตังก็เงินเจ้าสัวเลวชั่วนี้ล่ะเพื่อหน้างานตนจะเป็นไปอย่างสะดวกราบรื่นแม้สิ่งผิดกฎหมายเถื่อนใดๆก็ผ่านเข้าออกค้าขายได้ตลอดเวลาจนร่ำรวยมหาศาลไปอีก,เจ้าสัวมากมายไม่มีใครไม่เลี้ยงไม่ติดต่อไม่มีสายสัมพันธ์คนชั่วเลวเพราะคนพวกนี้ช่วยแก้ไขกิจการบ้างอย่างของเขาให้สะดวกได้กำจัดคู่แข่งช่วยก็ได้อีก.มีมือมีไม้มีตีนคือคนข้าราชการในระบบเปิดทางให้มันคือช่องทางร่ำรวยของจริงตลอดอำนาจผูกขาดใดๆโอนมาสู่กิจการตนทำรับสร้างมันโคตรๆแหล่งบ่อเงินบ่อทองจริงๆ.
    ..กับคนเนรคุณคนทรยศแบบเขมรมันสมควรแก่เวลาจังหวะที่ต้องให้บทเรียนราคาแพงจริงๆ ทวงคืนพื้นที่ที่ฝรั่งเศสแย่งชิงไปในอดีตด้วยคืนมายิ่งดี,เพราะที่มีปัญหาและมาเก่งกล้าสามารถหาเรื่องเราก็เอาเขตแดนที่ฝรั่งเศสนี้ขีดแบ่งไปจากไทยทั้งนั้น สรุปยึดแล้วยึดคืนทั้งหมดให้สุดซอยเลย,ไม่ให้คนเขมรอยู่พื้นที่ที่ยึดด้วยขับออกไปให้หมดเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนรวมของประเทศไทยเลย,เขตธรรมชาติพิเศษก็ว่าไป,จะเป็นประเทศแบบสิงคโปร์พื้นที่ตามนั้นเป็นประเทศเขมรก็ชั่งหัวมัน.
    ..
    ..https://m.youtube.com/watch?v=64aU3Y5kx9Q
    ..จริงๆนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลวยังไม่พอ,ตอนนี้มีเจ้าสัวชั่ว เจ้าสัวเลวประจำประเทศไทยด้วย,ที่เขมรไม่โดนปิดด่านทันทีเพราะเจ้าของธุรกิจพวกนี้ห่วงแต่ตนเอง,ร่ำรวยโคตรๆเท่าไรก็ไม่พอกอบโกยในประเทศไทยมากมายไม่พอจนอธิปไตยประเทศไทยตนเองถูกเหยียบย่ำ,คนพวกนี้ไม่สมควรมีที่ยืนบนแผ่นดินไทย,สมคบคิดกับอำนาจรัฐบาลแต่ละสมัยไม่ธรรมดาแน่นอนและเป็นอันมากที่สนับสนุนข้าราชการไทยเราหลงเลวหลงชั่วจนถูกควบคุมให้หนีจากวังวนชั่วไม่ได้จนเป็นคนเลวชั่วเต็มภูมิก็ว่า,ก็ตังก็เงินเจ้าสัวเลวชั่วนี้ล่ะเพื่อหน้างานตนจะเป็นไปอย่างสะดวกราบรื่นแม้สิ่งผิดกฎหมายเถื่อนใดๆก็ผ่านเข้าออกค้าขายได้ตลอดเวลาจนร่ำรวยมหาศาลไปอีก,เจ้าสัวมากมายไม่มีใครไม่เลี้ยงไม่ติดต่อไม่มีสายสัมพันธ์คนชั่วเลวเพราะคนพวกนี้ช่วยแก้ไขกิจการบ้างอย่างของเขาให้สะดวกได้กำจัดคู่แข่งช่วยก็ได้อีก.มีมือมีไม้มีตีนคือคนข้าราชการในระบบเปิดทางให้มันคือช่องทางร่ำรวยของจริงตลอดอำนาจผูกขาดใดๆโอนมาสู่กิจการตนทำรับสร้างมันโคตรๆแหล่งบ่อเงินบ่อทองจริงๆ. ..กับคนเนรคุณคนทรยศแบบเขมรมันสมควรแก่เวลาจังหวะที่ต้องให้บทเรียนราคาแพงจริงๆ ทวงคืนพื้นที่ที่ฝรั่งเศสแย่งชิงไปในอดีตด้วยคืนมายิ่งดี,เพราะที่มีปัญหาและมาเก่งกล้าสามารถหาเรื่องเราก็เอาเขตแดนที่ฝรั่งเศสนี้ขีดแบ่งไปจากไทยทั้งนั้น สรุปยึดแล้วยึดคืนทั้งหมดให้สุดซอยเลย,ไม่ให้คนเขมรอยู่พื้นที่ที่ยึดด้วยขับออกไปให้หมดเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนรวมของประเทศไทยเลย,เขตธรรมชาติพิเศษก็ว่าไป,จะเป็นประเทศแบบสิงคโปร์พื้นที่ตามนั้นเป็นประเทศเขมรก็ชั่งหัวมัน. .. ..https://m.youtube.com/watch?v=64aU3Y5kx9Q
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • ไทย ผวา!เสียเปรียบคู่แข่ง ‘ภาษีทรัมป์’ : [Biz Talk]

    แม้ไทย จะมีเวลาตั้งหลัก ช่วงสหรัฐฯชะลอใช้อัตราใหม่ Reciprocal Tarriff แต่ภาคเอกชน ห่วงไทย จะเสียหลัก หากผลเจรจาของประเทศคู่แข่ง ทำให้ไทย เสียเปรียบการแข่งขัน อีกทั้งจนถึงขณะนี้กรอบเวลาเจรจาไทย-สหรัฐฯ ยังไม่ชัด เพิ่มความเสี่ยงประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกระทบการเจรจา!
    ไทย ผวา!เสียเปรียบคู่แข่ง ‘ภาษีทรัมป์’ : [Biz Talk] แม้ไทย จะมีเวลาตั้งหลัก ช่วงสหรัฐฯชะลอใช้อัตราใหม่ Reciprocal Tarriff แต่ภาคเอกชน ห่วงไทย จะเสียหลัก หากผลเจรจาของประเทศคู่แข่ง ทำให้ไทย เสียเปรียบการแข่งขัน อีกทั้งจนถึงขณะนี้กรอบเวลาเจรจาไทย-สหรัฐฯ ยังไม่ชัด เพิ่มความเสี่ยงประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกระทบการเจรจา!
    0 Comments 0 Shares 120 Views 13 0 Reviews
  • พระเจ้าตากสิน กูผู้ชนะ วัดเสาธงเรียง จ.เพชรบุรี
    พระเจ้าตากสิน กูผู้ชนะ เนื้อผงพุทธคุณ วัดเสาธงเรียง จ.เพชรบุรี //พระดีพิธีใหญ๋ พระขนาดใหญ่ เท่าจตุคามรามเทพ // พระสถาพสวยมาก สถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ"ปลดหนี้สิน" และ ความสำเร็จ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ การงานประสบผลสำเร็จไม่ติดขัด ชนะคู่แข่งทางธุรกิจ ชนะศัตรูหมู่มารที่คอยขัดขวาง แคล้วคลาดปลอดภัย >>

    ** หากใครได้สักการะบูชา "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ท่านจะช่วย ขจัดอริ ชนะศัตรู ปลดหนี้ปลดสิน ค้าขายร่ำรวย การงานเจริญรุ่งเรือง การเรียนประสบความสำเร็จ เพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเสมือนสมเด็จพระสยามเทวาธิราชเจ้าที่คอยปกปักรักษาแผ่นดินไทยให้มีความเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์และมีชัยชนะเหนืออริราชศัตรูทั้งหลาย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระเจ้าตากสิน กูผู้ชนะ วัดเสาธงเรียง จ.เพชรบุรี พระเจ้าตากสิน กูผู้ชนะ เนื้อผงพุทธคุณ วัดเสาธงเรียง จ.เพชรบุรี //พระดีพิธีใหญ๋ พระขนาดใหญ่ เท่าจตุคามรามเทพ // พระสถาพสวยมาก สถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ"ปลดหนี้สิน" และ ความสำเร็จ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ การงานประสบผลสำเร็จไม่ติดขัด ชนะคู่แข่งทางธุรกิจ ชนะศัตรูหมู่มารที่คอยขัดขวาง แคล้วคลาดปลอดภัย >> ** หากใครได้สักการะบูชา "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ท่านจะช่วย ขจัดอริ ชนะศัตรู ปลดหนี้ปลดสิน ค้าขายร่ำรวย การงานเจริญรุ่งเรือง การเรียนประสบความสำเร็จ เพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเสมือนสมเด็จพระสยามเทวาธิราชเจ้าที่คอยปกปักรักษาแผ่นดินไทยให้มีความเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์และมีชัยชนะเหนืออริราชศัตรูทั้งหลาย >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • 🚀 Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM เพื่อแซงหน้าคู่แข่งจากจีน
    Samsung กำลังเร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เพื่อ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดหน่วยความจำ และ แซงหน้าคู่แข่งจากจีน เช่น CXMT ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการพัฒนา LPDDR5X RAM

    LPDDR6 RAM รุ่นใหม่นี้จะถูกผลิตบน กระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่หกของเทคโนโลยี DRAM โดยมี แบนด์วิดท์สูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

    CXMT ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีน เริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM แล้ว และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 ทำให้ Samsung ต้องเร่งกระบวนการพัฒนาเพื่อ รักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยี

    Qualcomm จะเป็น ลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ของ Samsung ไปใช้ โดยคาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะรองรับเทคโนโลยีนี้ทันทีเมื่อเปิดตัวใน Snapdragon Summit วันที่ 23 กันยายน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในครึ่งหลังของปี 2025
    - LPDDR6 RAM จะถูกผลิตบนกระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่หกของ DRAM
    - CXMT จากจีนเริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026
    - Qualcomm จะเป็นลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ไปใช้ใน Snapdragon 8 Elite Gen 2
    - LPDDR6 RAM จะถูกใช้ใน AI, คอมพิวเตอร์พกพา, หุ่นยนต์ และรถยนต์ไร้คนขับ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT อาจทำให้ราคาหน่วยความจำผันผวน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นจะนำ LPDDR6 RAM ไปใช้เร็วแค่ไหน
    - แม้จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ต้องตรวจสอบว่าการใช้พลังงานจะลดลงตามที่คาดหวังหรือไม่
    - ต้องรอดูว่า CXMT จะสามารถผลิต LPDDR6 RAM ได้เร็วพอที่จะแข่งขันกับ Samsung หรือไม่

    LPDDR6 RAM อาจช่วยให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AI มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT จะส่งผลต่อราคาหน่วยความจำในตลาดอย่างไร

    https://wccftech.com/samsung-accelerating-lpddr6-ram-development-in-h2-2025/
    🚀 Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM เพื่อแซงหน้าคู่แข่งจากจีน Samsung กำลังเร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เพื่อ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดหน่วยความจำ และ แซงหน้าคู่แข่งจากจีน เช่น CXMT ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการพัฒนา LPDDR5X RAM LPDDR6 RAM รุ่นใหม่นี้จะถูกผลิตบน กระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่หกของเทคโนโลยี DRAM โดยมี แบนด์วิดท์สูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง CXMT ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีน เริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM แล้ว และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 ทำให้ Samsung ต้องเร่งกระบวนการพัฒนาเพื่อ รักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยี Qualcomm จะเป็น ลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ของ Samsung ไปใช้ โดยคาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะรองรับเทคโนโลยีนี้ทันทีเมื่อเปิดตัวใน Snapdragon Summit วันที่ 23 กันยายน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในครึ่งหลังของปี 2025 - LPDDR6 RAM จะถูกผลิตบนกระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่หกของ DRAM - CXMT จากจีนเริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 - Qualcomm จะเป็นลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ไปใช้ใน Snapdragon 8 Elite Gen 2 - LPDDR6 RAM จะถูกใช้ใน AI, คอมพิวเตอร์พกพา, หุ่นยนต์ และรถยนต์ไร้คนขับ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT อาจทำให้ราคาหน่วยความจำผันผวน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นจะนำ LPDDR6 RAM ไปใช้เร็วแค่ไหน - แม้จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ต้องตรวจสอบว่าการใช้พลังงานจะลดลงตามที่คาดหวังหรือไม่ - ต้องรอดูว่า CXMT จะสามารถผลิต LPDDR6 RAM ได้เร็วพอที่จะแข่งขันกับ Samsung หรือไม่ LPDDR6 RAM อาจช่วยให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AI มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT จะส่งผลต่อราคาหน่วยความจำในตลาดอย่างไร https://wccftech.com/samsung-accelerating-lpddr6-ram-development-in-h2-2025/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Is Accelerating Development Of LPDDR6 RAM In H2 2025 To Obtain A Lead Against Chinese Manufacturers, Qualcomm Will Be One Of The First Top Adopt This Technology
    As Chinese DRAM manufacturers attempt to close the gap with Samsung, the latter is focused on accelerating LPDDR6 RAM development later in the year
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • 🚀 Micron เปิดตัว LPDDR5X ที่เร็วและบางที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงปี 2026
    Micron ได้เริ่มจัดส่งตัวอย่าง LPDDR5X memory ที่สร้างขึ้นบน กระบวนการผลิต 1γ (1-gamma) node ซึ่งเป็น LPDDR5X ที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม โดยออกแบบมาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพ AI และปรับปรุงการใช้พลังงานในสมาร์ทโฟนเรือธง

    LPDDR5X รุ่นใหม่นี้สามารถ ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 10.7 Gbps และ ประหยัดพลังงานมากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ LPDDR5X รุ่นก่อนของ Micron

    นอกจากนี้ แพ็กเกจ LPDDR5X แบบ 496-ball มีความบางเพียง 0.61 มม. ซึ่งบางกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่งอย่างน้อย 6% ทำให้สามารถนำไปใช้กับ สมาร์ทโฟนแบบพับได้และอุปกรณ์บางเฉียบ ได้ง่ายขึ้น

    Micron ยังเผยว่า LPDDR5X รุ่นใหม่นี้ช่วยให้ AI ตอบสนองเร็วขึ้น 30% ในการให้คำแนะนำร้านอาหารตามตำแหน่งที่ตั้ง และ เร็วขึ้นกว่า 50% ในการแปลเสียงภาษาอังกฤษเป็นข้อความภาษาสเปนเพื่อบอกเส้นทาง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Micron เปิดตัว LPDDR5X ที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม
    - ใช้กระบวนการผลิต 1γ (1-gamma) node
    - ทำความเร็วได้สูงสุด 10.7 Gbps และประหยัดพลังงานมากขึ้น 20%
    - แพ็กเกจ LPDDR5X มีความบางเพียง 0.61 มม.
    - ช่วยให้ AI ตอบสนองเร็วขึ้น 30% ในการให้คำแนะนำร้านอาหาร และเร็วขึ้นกว่า 50% ในการแปลเสียงเป็นข้อความ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - LPDDR5X รุ่นใหม่นี้ยังอยู่ในช่วงตัวอย่าง และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2026
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในวงกว้างหรือไม่
    - แม้จะบางลง แต่ต้องตรวจสอบว่ามีผลกระทบต่อความทนทานของอุปกรณ์หรือไม่
    - Micron ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับราคาหรือความพร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป

    LPDDR5X รุ่นใหม่นี้ อาจช่วยให้สมาร์ทโฟนเรือธงมีประสิทธิภาพ AI ที่ดีขึ้น และ ช่วยให้การออกแบบอุปกรณ์บางเฉียบและพับได้เป็นไปได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในวงกว้างหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108217-micron-ships-world-fastest-thinnest-lpddr5x-memory-2026.html
    🚀 Micron เปิดตัว LPDDR5X ที่เร็วและบางที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงปี 2026 Micron ได้เริ่มจัดส่งตัวอย่าง LPDDR5X memory ที่สร้างขึ้นบน กระบวนการผลิต 1γ (1-gamma) node ซึ่งเป็น LPDDR5X ที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม โดยออกแบบมาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพ AI และปรับปรุงการใช้พลังงานในสมาร์ทโฟนเรือธง LPDDR5X รุ่นใหม่นี้สามารถ ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 10.7 Gbps และ ประหยัดพลังงานมากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ LPDDR5X รุ่นก่อนของ Micron นอกจากนี้ แพ็กเกจ LPDDR5X แบบ 496-ball มีความบางเพียง 0.61 มม. ซึ่งบางกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่งอย่างน้อย 6% ทำให้สามารถนำไปใช้กับ สมาร์ทโฟนแบบพับได้และอุปกรณ์บางเฉียบ ได้ง่ายขึ้น Micron ยังเผยว่า LPDDR5X รุ่นใหม่นี้ช่วยให้ AI ตอบสนองเร็วขึ้น 30% ในการให้คำแนะนำร้านอาหารตามตำแหน่งที่ตั้ง และ เร็วขึ้นกว่า 50% ในการแปลเสียงภาษาอังกฤษเป็นข้อความภาษาสเปนเพื่อบอกเส้นทาง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Micron เปิดตัว LPDDR5X ที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม - ใช้กระบวนการผลิต 1γ (1-gamma) node - ทำความเร็วได้สูงสุด 10.7 Gbps และประหยัดพลังงานมากขึ้น 20% - แพ็กเกจ LPDDR5X มีความบางเพียง 0.61 มม. - ช่วยให้ AI ตอบสนองเร็วขึ้น 30% ในการให้คำแนะนำร้านอาหาร และเร็วขึ้นกว่า 50% ในการแปลเสียงเป็นข้อความ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - LPDDR5X รุ่นใหม่นี้ยังอยู่ในช่วงตัวอย่าง และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2026 - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในวงกว้างหรือไม่ - แม้จะบางลง แต่ต้องตรวจสอบว่ามีผลกระทบต่อความทนทานของอุปกรณ์หรือไม่ - Micron ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับราคาหรือความพร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป LPDDR5X รุ่นใหม่นี้ อาจช่วยให้สมาร์ทโฟนเรือธงมีประสิทธิภาพ AI ที่ดีขึ้น และ ช่วยให้การออกแบบอุปกรณ์บางเฉียบและพับได้เป็นไปได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในวงกว้างหรือไม่ https://www.techspot.com/news/108217-micron-ships-world-fastest-thinnest-lpddr5x-memory-2026.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Micron ships world's fastest and thinnest LPDDR5X memory for 2026 flagship smartphones
    According to Micron, the 1γ-based memory modules deliver eye-popping speeds of up to 10.7 Gbps and offer up to 20 percent power savings compared to the company's...
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • 🎮 รีวิว AMD Radeon RX 9060 XT 16GB: พลัง 1440p ในราคาต่ำกว่า $400
    AMD ได้เปิดตัว Radeon RX 9060 XT 16GB ซึ่งเป็น GPU รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด โดยมี VRAM มากกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และ ราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti ถึง 20%

    RX 9060 XT ใช้ สถาปัตยกรรม RDNA 4 และมี คล็อกสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับ RX 7600 XT พร้อมกับ หน่วยความจำ GDDR6 ความเร็ว 20 Gbps ซึ่งช่วยเพิ่ม แบนด์วิดท์เป็น 320 GB/s

    แม้ว่าจะมี ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5060 Ti แต่ RX 9060 XT มี VRAM มากกว่า และ รองรับ PCIe 5.0 เต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยให้มี ความยืดหยุ่นในการใช้งานระยะยาว

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - RX 9060 XT 16GB มีราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti ถึง 20%
    - ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และมีคล็อกสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับ RX 7600 XT
    - หน่วยความจำ GDDR6 ความเร็ว 20 Gbps เพิ่มแบนด์วิดท์เป็น 320 GB/s
    - รองรับ PCIe 5.0 เต็มรูปแบบ
    - มี VRAM มากกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - RX 9060 XT 8GB มีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่น 16GB อย่างมาก
    - Ray tracing ยังไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ในบางเกม
    - ต้องติดตามว่าราคาจะคงอยู่ที่ $350 หรือจะเพิ่มขึ้นหลังเปิดตัว
    - AMD ควรตั้งชื่อรุ่นให้ชัดเจนขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนระหว่างรุ่น 8GB และ 16GB

    RX 9060 XT 16GB อาจเป็น ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการ GPU ราคาประหยัด โดยมี VRAM มากกว่าและราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าราคาจะคงอยู่ที่ระดับที่แข่งขันได้หรือไม่

    ส่วนลุงนั้นฟันธงว่า
    1) คนที่ใช้ RTX 3060 หรือต่ำกว่าอยู่ แล้วอยากย้ายค่าย นี่คือช่วงเวลาที่ดีครับ
    2) คนที่ใช้ RX 5xxx อยู่ ถ้าอยากจะ Upgrade ควรจะย้ายมารุ่นนี้ครับ
    3) ถ้าคิดว่าจะใช้จอ 1080 ต่อไปยาวๆ หรือไม่เน้นเกม ก็พิจารณารอ รุ่น RX 9060 RAM 8GB ได้ครับ

    #ลุงฟันธง

    https://www.techspot.com/review/2996-amd-radeon-9060-xt/
    🎮 รีวิว AMD Radeon RX 9060 XT 16GB: พลัง 1440p ในราคาต่ำกว่า $400 AMD ได้เปิดตัว Radeon RX 9060 XT 16GB ซึ่งเป็น GPU รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด โดยมี VRAM มากกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และ ราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti ถึง 20% RX 9060 XT ใช้ สถาปัตยกรรม RDNA 4 และมี คล็อกสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับ RX 7600 XT พร้อมกับ หน่วยความจำ GDDR6 ความเร็ว 20 Gbps ซึ่งช่วยเพิ่ม แบนด์วิดท์เป็น 320 GB/s แม้ว่าจะมี ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5060 Ti แต่ RX 9060 XT มี VRAM มากกว่า และ รองรับ PCIe 5.0 เต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยให้มี ความยืดหยุ่นในการใช้งานระยะยาว ✅ ข้อมูลจากข่าว - RX 9060 XT 16GB มีราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti ถึง 20% - ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และมีคล็อกสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับ RX 7600 XT - หน่วยความจำ GDDR6 ความเร็ว 20 Gbps เพิ่มแบนด์วิดท์เป็น 320 GB/s - รองรับ PCIe 5.0 เต็มรูปแบบ - มี VRAM มากกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - RX 9060 XT 8GB มีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่น 16GB อย่างมาก - Ray tracing ยังไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ในบางเกม - ต้องติดตามว่าราคาจะคงอยู่ที่ $350 หรือจะเพิ่มขึ้นหลังเปิดตัว - AMD ควรตั้งชื่อรุ่นให้ชัดเจนขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนระหว่างรุ่น 8GB และ 16GB RX 9060 XT 16GB อาจเป็น ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการ GPU ราคาประหยัด โดยมี VRAM มากกว่าและราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าราคาจะคงอยู่ที่ระดับที่แข่งขันได้หรือไม่ ส่วนลุงนั้นฟันธงว่า 1) คนที่ใช้ RTX 3060 หรือต่ำกว่าอยู่ แล้วอยากย้ายค่าย นี่คือช่วงเวลาที่ดีครับ 2) คนที่ใช้ RX 5xxx อยู่ ถ้าอยากจะ Upgrade ควรจะย้ายมารุ่นนี้ครับ 3) ถ้าคิดว่าจะใช้จอ 1080 ต่อไปยาวๆ หรือไม่เน้นเกม ก็พิจารณารอ รุ่น RX 9060 RAM 8GB ได้ครับ #ลุงฟันธง https://www.techspot.com/review/2996-amd-radeon-9060-xt/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9060 XT 16GB Review
    AMD's Radeon RX 9060 XT comes in two flavors–only one's worth your money. The 16GB model undercuts Nvidia on price, matches performance, and may be the new...
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • 👓 Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR – ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีสวมใส่
    Apple ได้ ยกเลิกโครงการแว่น AR ที่มีรหัส N107 ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Vision Pro โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง การนำทาง, การแจ้งเตือน และการขยายแอป ผ่านแว่นตาที่มีดีไซน์เรียบง่าย

    แม้จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ Apple พบข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของอุปกรณ์ AR
    - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อประมวลผล แต่ใช้พลังงานมากเกินไป
    - การเปลี่ยนไปใช้ Mac เพื่อช่วยประมวลผล ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ราบรื่น
    - ต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ Apple ตัดสินใจยกเลิกโครงการ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR รหัส N107 เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
    - ปัญหาหลักคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่และต้นทุนการผลิตที่สูง
    - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone แต่ใช้พลังงานมากเกินไป
    - Apple กำลังพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นอัจฉริยะ ซึ่งอาจเปิดตัวในปี 2026
    - คาดว่า Apple อาจเปิดตัวแว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่ในปี 2028

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะยกเลิกโครงการ N107 แต่ Apple ยังไม่ละทิ้งตลาดแว่นอัจฉริยะ
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นจะสามารถแก้ปัญหาแบตเตอรี่ได้หรือไม่
    - คู่แข่งอย่าง Meta และ Google กำลังเร่งพัฒนาแว่นอัจฉริยะของตนเอง
    - Apple อาจรอให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่และการประมวลผลก้าวหน้าก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

    แม้ Apple จะยกเลิกโครงการแว่น AR ในตอนนี้ แต่ บริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น VisionOS และชิปสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งอาจช่วยให้ Apple สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบกว่าในอนาคต

    https://computercity.com/hardware/vr/apple-reportedly-cancels-ar-video-glasses-whats-next-for-its-wearable-future
    👓 Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR – ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีสวมใส่ Apple ได้ ยกเลิกโครงการแว่น AR ที่มีรหัส N107 ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Vision Pro โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง การนำทาง, การแจ้งเตือน และการขยายแอป ผ่านแว่นตาที่มีดีไซน์เรียบง่าย แม้จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ Apple พบข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของอุปกรณ์ AR - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อประมวลผล แต่ใช้พลังงานมากเกินไป - การเปลี่ยนไปใช้ Mac เพื่อช่วยประมวลผล ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ราบรื่น - ต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ Apple ตัดสินใจยกเลิกโครงการ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Apple ยกเลิกโครงการแว่น AR รหัส N107 เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ - ปัญหาหลักคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่และต้นทุนการผลิตที่สูง - ต้นแบบแรกต้องเชื่อมต่อกับ iPhone แต่ใช้พลังงานมากเกินไป - Apple กำลังพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นอัจฉริยะ ซึ่งอาจเปิดตัวในปี 2026 - คาดว่า Apple อาจเปิดตัวแว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่ในปี 2028 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะยกเลิกโครงการ N107 แต่ Apple ยังไม่ละทิ้งตลาดแว่นอัจฉริยะ - ต้องติดตามว่าการพัฒนาชิปเฉพาะสำหรับแว่นจะสามารถแก้ปัญหาแบตเตอรี่ได้หรือไม่ - คู่แข่งอย่าง Meta และ Google กำลังเร่งพัฒนาแว่นอัจฉริยะของตนเอง - Apple อาจรอให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่และการประมวลผลก้าวหน้าก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แม้ Apple จะยกเลิกโครงการแว่น AR ในตอนนี้ แต่ บริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น VisionOS และชิปสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งอาจช่วยให้ Apple สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบกว่าในอนาคต https://computercity.com/hardware/vr/apple-reportedly-cancels-ar-video-glasses-whats-next-for-its-wearable-future
    COMPUTERCITY.COM
    Apple Reportedly Cancels AR Video Glasses – What’s Next for Its Wearable Future?
    Apple has reportedly scrapped its long-rumored AR video glasses project, codenamed N107, marking a major pivot in the company’s vision for lightweight
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • 📱 Xiaomi XRING 01: ชิปเซ็ตเรือธงที่ท้าทาย Snapdragon และ Apple
    Xiaomi ได้เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็น ชิปเซ็ตมือถือเรือธง ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง หลังจากมีข่าวลือและการทดสอบภายในมานานหลายเดือน

    XRING 01 ใช้ กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ใน Apple A18 Pro และ Qualcomm Snapdragon 8 Elite

    ชิปเซ็ตนี้มี 10 คอร์ ประกอบด้วย 2 Cortex-X925, 4 Cortex-A725, 2 Cortex-A725 และ 2 Cortex-A520 พร้อม GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB

    อย่างไรก็ตาม XRING 01 ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว โดยคาดว่า Xiaomi เลือกใช้ โมเด็มภายนอกจาก MediaTek ซึ่งช่วยให้ขนาดของชิปเล็กลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Xiaomi เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตมือถือเรือธงที่พัฒนาเอง
    - ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC เช่นเดียวกับ Apple และ Qualcomm
    - มี 10 คอร์ ประกอบด้วย Cortex-X925, Cortex-A725 และ Cortex-A520
    - มาพร้อมกับ GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB
    - ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว คาดว่าใช้โมเด็มภายนอกจาก MediaTek

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การไม่มีโมเด็ม 5G ในตัวอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน
    - การตัดสินใจใช้โมเด็มภายนอกอาจเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการออกแบบหรือการลดต้นทุน
    - การไม่มี SLC cache อาจทำให้ GPU ใช้พลังงานมากกว่าคู่แข่ง เช่น Dimensity
    - ต้องติดตามว่า Xiaomi จะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของ XRING 01 ในรุ่นต่อไปได้หรือไม่

    https://www.techpowerup.com/337496/xiaomi-xring-01-soc-die-shot-analyzed-by-chinese-tech-youtuber
    📱 Xiaomi XRING 01: ชิปเซ็ตเรือธงที่ท้าทาย Snapdragon และ Apple Xiaomi ได้เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็น ชิปเซ็ตมือถือเรือธง ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง หลังจากมีข่าวลือและการทดสอบภายในมานานหลายเดือน XRING 01 ใช้ กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ใน Apple A18 Pro และ Qualcomm Snapdragon 8 Elite ชิปเซ็ตนี้มี 10 คอร์ ประกอบด้วย 2 Cortex-X925, 4 Cortex-A725, 2 Cortex-A725 และ 2 Cortex-A520 พร้อม GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB อย่างไรก็ตาม XRING 01 ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว โดยคาดว่า Xiaomi เลือกใช้ โมเด็มภายนอกจาก MediaTek ซึ่งช่วยให้ขนาดของชิปเล็กลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Xiaomi เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตมือถือเรือธงที่พัฒนาเอง - ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC เช่นเดียวกับ Apple และ Qualcomm - มี 10 คอร์ ประกอบด้วย Cortex-X925, Cortex-A725 และ Cortex-A520 - มาพร้อมกับ GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB - ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว คาดว่าใช้โมเด็มภายนอกจาก MediaTek ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การไม่มีโมเด็ม 5G ในตัวอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน - การตัดสินใจใช้โมเด็มภายนอกอาจเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการออกแบบหรือการลดต้นทุน - การไม่มี SLC cache อาจทำให้ GPU ใช้พลังงานมากกว่าคู่แข่ง เช่น Dimensity - ต้องติดตามว่า Xiaomi จะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของ XRING 01 ในรุ่นต่อไปได้หรือไม่ https://www.techpowerup.com/337496/xiaomi-xring-01-soc-die-shot-analyzed-by-chinese-tech-youtuber
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Xiaomi XRING 01 SoC Die Shot Analyzed by Chinese Tech YouTuber
    Three weeks ago, Kurnal and Geekerwan dived deep into Nintendo's alleged Switch 2 chipset. The very brave Chinese leakers are notorious for their acquiring of pre-release and early silicon samples. Last week, their collective attention turned to a brand-new Xiaomi mobile chip: the XRING 01. After mo...
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • 🎮 การกลับมาของเกมในอาณาจักร AI ของ Nvidia
    แม้ว่า Nvidia จะทำรายได้มหาศาลจากธุรกิจ AI data center แต่ไตรมาสล่าสุดกลับมีเซอร์ไพรส์จาก แผนกเกมมิ่ง ที่ทำรายได้สูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

    นักวิเคราะห์ชี้ว่า "Blackwell ramp" หรือการเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ อย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดย Nvidia อ้างว่า ประสิทธิภาพของ GPU รุ่นใหม่ดีขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อใช้ร่วมกับ DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG)

    อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจริงกลับไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา

    อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกมองข้ามคือ การนำ GPU ระดับสูงไปใช้ในงาน AI ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กลับลดจำนวน GPU ที่เข้าถึงเกมเมอร์จริง ๆ ส่งผลให้ ราคาสูงขึ้นและเกิดภาวะขาดแคลน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia ทำรายได้จากเกมมิ่งสูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% จากปีที่แล้ว
    - "Blackwell ramp" ช่วยให้ GPU รุ่นใหม่เปิดตัวเร็วขึ้นและกระตุ้นยอดขาย
    - DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - GPU ระดับสูงถูกนำไปใช้ในงาน AI มากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
    - แม้รายได้จากเกมจะสูงขึ้น แต่ยังคิดเป็นเพียง 8.5% ของรายได้ทั้งหมดของ Nvidia

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผลการทดสอบจริงไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา
    - การนำ GPU ไปใช้ในงาน AI ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาสูงขึ้นสำหรับเกมเมอร์
    - Nvidia เผชิญกับข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปยังจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ในอนาคต
    - CEO Jensen Huang เตือนว่าจีนกำลังพัฒนา GPU ของตัวเองเพื่อแข่งขันกับ Nvidia

    แม้ว่า เกมมิ่งจะกลับมาเป็นจุดสนใจ แต่ Nvidia ยังคงมุ่งเน้นไปที่ AI infrastructure ซึ่งอาจทำให้เกมเมอร์ต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและการขาดแคลน GPU อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าคู่แข่งจากจีนจะสามารถพัฒนา GPU ที่แข่งขันได้หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108143-gaming-makes-comeback-nvidia-ai-dominated-empire.html
    🎮 การกลับมาของเกมในอาณาจักร AI ของ Nvidia แม้ว่า Nvidia จะทำรายได้มหาศาลจากธุรกิจ AI data center แต่ไตรมาสล่าสุดกลับมีเซอร์ไพรส์จาก แผนกเกมมิ่ง ที่ทำรายได้สูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน นักวิเคราะห์ชี้ว่า "Blackwell ramp" หรือการเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ อย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดย Nvidia อ้างว่า ประสิทธิภาพของ GPU รุ่นใหม่ดีขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อใช้ร่วมกับ DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG) อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจริงกลับไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกมองข้ามคือ การนำ GPU ระดับสูงไปใช้ในงาน AI ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กลับลดจำนวน GPU ที่เข้าถึงเกมเมอร์จริง ๆ ส่งผลให้ ราคาสูงขึ้นและเกิดภาวะขาดแคลน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia ทำรายได้จากเกมมิ่งสูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% จากปีที่แล้ว - "Blackwell ramp" ช่วยให้ GPU รุ่นใหม่เปิดตัวเร็วขึ้นและกระตุ้นยอดขาย - DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - GPU ระดับสูงถูกนำไปใช้ในงาน AI มากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น - แม้รายได้จากเกมจะสูงขึ้น แต่ยังคิดเป็นเพียง 8.5% ของรายได้ทั้งหมดของ Nvidia ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผลการทดสอบจริงไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา - การนำ GPU ไปใช้ในงาน AI ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาสูงขึ้นสำหรับเกมเมอร์ - Nvidia เผชิญกับข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปยังจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ในอนาคต - CEO Jensen Huang เตือนว่าจีนกำลังพัฒนา GPU ของตัวเองเพื่อแข่งขันกับ Nvidia แม้ว่า เกมมิ่งจะกลับมาเป็นจุดสนใจ แต่ Nvidia ยังคงมุ่งเน้นไปที่ AI infrastructure ซึ่งอาจทำให้เกมเมอร์ต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและการขาดแคลน GPU อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าคู่แข่งจากจีนจะสามารถพัฒนา GPU ที่แข่งขันได้หรือไม่ https://www.techspot.com/news/108143-gaming-makes-comeback-nvidia-ai-dominated-empire.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Gaming makes a comeback in Nvidia's AI-dominated empire
    As for what's behind the surge, analysts says it's all got to do with Nvidia's "Blackwell ramp." The new GPUs may be rolling out faster than any...
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • ☕ Java ครบรอบ 30 ปี: ภาษาที่ไม่มีวันตาย
    Java ฉลองครบรอบ 30 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวโดย Sun Microsystems เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดยยังคงเป็นหนึ่งในภาษาการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก

    Java ถูกพัฒนาขึ้นโดย James Gosling และทีมงานที่ Sun Microsystems โดยมีเป้าหมายแรกเริ่มเพื่อใช้กับ ระบบโทรทัศน์แบบอินเทอร์แอคทีฟและอุปกรณ์ฝังตัว ก่อนจะเปลี่ยนไปเน้นที่ แอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ต

    จุดเด่นของ Java คือ ความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี Java Virtual Machine (JVM) ด้วยแนวคิด "Write Once, Run Anywhere"

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Java เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดย Sun Microsystems
    - James Gosling ออกแบบ Java ให้เป็น "C++ ที่ปลอดภัยกว่า"
    - Java มีความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ทำให้สามารถรันบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี JVM
    - Sun Microsystems เปิด OpenJDK ในปี 2006 เพื่อให้ Java เป็นโอเพ่นซอร์ส
    - Oracle ซื้อ Sun Microsystems ในปี 2010 และเปลี่ยนแปลงนโยบายการใช้งาน Java

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Oracle มีการเปลี่ยนแปลงด้านลิขสิทธิ์ ทำให้บางองค์กรต้องหาทางเลือกอื่น เช่น OpenJDK จากผู้ให้บริการรายอื่น
    - แม้ Java จะยังคงได้รับความนิยม แต่ต้องแข่งขันกับภาษาใหม่ ๆ เช่น Python และ JavaScript
    - การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น Cloud Computing อาจทำให้ Java ต้องปรับตัวต่อไป
    - ต้องติดตามว่า Java จะสามารถรักษาความนิยมในยุค AI และ Quantum Computing ได้หรือไม่

    Java ยังคงเป็น ภาษาหลักในระบบองค์กร, Big Data และ Cloud Computing แม้จะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่ ความเสถียรและความเข้ากันได้ย้อนหลัง ทำให้ Java ยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับนักพัฒนา

    https://www.techspot.com/news/108136-java-turns-30-shows-no-signs-slowing-down.html
    ☕ Java ครบรอบ 30 ปี: ภาษาที่ไม่มีวันตาย Java ฉลองครบรอบ 30 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวโดย Sun Microsystems เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดยยังคงเป็นหนึ่งในภาษาการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก Java ถูกพัฒนาขึ้นโดย James Gosling และทีมงานที่ Sun Microsystems โดยมีเป้าหมายแรกเริ่มเพื่อใช้กับ ระบบโทรทัศน์แบบอินเทอร์แอคทีฟและอุปกรณ์ฝังตัว ก่อนจะเปลี่ยนไปเน้นที่ แอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ต จุดเด่นของ Java คือ ความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี Java Virtual Machine (JVM) ด้วยแนวคิด "Write Once, Run Anywhere" ✅ ข้อมูลจากข่าว - Java เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดย Sun Microsystems - James Gosling ออกแบบ Java ให้เป็น "C++ ที่ปลอดภัยกว่า" - Java มีความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ทำให้สามารถรันบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี JVM - Sun Microsystems เปิด OpenJDK ในปี 2006 เพื่อให้ Java เป็นโอเพ่นซอร์ส - Oracle ซื้อ Sun Microsystems ในปี 2010 และเปลี่ยนแปลงนโยบายการใช้งาน Java ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Oracle มีการเปลี่ยนแปลงด้านลิขสิทธิ์ ทำให้บางองค์กรต้องหาทางเลือกอื่น เช่น OpenJDK จากผู้ให้บริการรายอื่น - แม้ Java จะยังคงได้รับความนิยม แต่ต้องแข่งขันกับภาษาใหม่ ๆ เช่น Python และ JavaScript - การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น Cloud Computing อาจทำให้ Java ต้องปรับตัวต่อไป - ต้องติดตามว่า Java จะสามารถรักษาความนิยมในยุค AI และ Quantum Computing ได้หรือไม่ Java ยังคงเป็น ภาษาหลักในระบบองค์กร, Big Data และ Cloud Computing แม้จะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่ ความเสถียรและความเข้ากันได้ย้อนหลัง ทำให้ Java ยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับนักพัฒนา https://www.techspot.com/news/108136-java-turns-30-shows-no-signs-slowing-down.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Java turns 30 and shows no signs of slowing down
    Java's origins trace back to the early 1990s, when a team at Sun Microsystems led by James Gosling set out to develop a language for interactive television...
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • 📱 Xiaomi 16: สมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025
    Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi 16 ในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้

    Xiaomi 16 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ดีไซน์แบบ dual-tone glass และ metal finish ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED ที่รองรับ 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology

    ระบบกล้องของ Xiaomi 16 ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ 50MP สามตัว ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว, เลนส์ ultra-wide และเลนส์ telephoto ที่มี AI-assisted macro support

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Xiaomi 16 ใช้ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm
    - หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED พร้อม 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology
    - ระบบกล้องประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 50MP สามตัว พร้อม AI-assisted macro support
    - แบตเตอรี่ 6,800mAh รองรับการชาร์จเร็ว 100W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย
    - ดีไซน์ dual-tone glass และ metal finish ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Elite 2 จะสามารถแข่งขันกับ Apple A19 ได้หรือไม่
    - การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 อาจทำให้ Xiaomi 16 ถูกเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง
    - ต้องรอดูว่าระบบ AI-assisted macro จะสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายได้จริงหรือไม่
    - ราคาของ Xiaomi 16 อาจสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการใช้วัสดุระดับพรีเมียม

    Xiaomi 16 อาจเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 โดยเน้น AI integration และประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างไร

    https://computercity.com/phones/xiaomi-16-the-next-flagship-powerhouse-arrives-late-2025
    📱 Xiaomi 16: สมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025 Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi 16 ในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้ Xiaomi 16 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ดีไซน์แบบ dual-tone glass และ metal finish ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED ที่รองรับ 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology ระบบกล้องของ Xiaomi 16 ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ 50MP สามตัว ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว, เลนส์ ultra-wide และเลนส์ telephoto ที่มี AI-assisted macro support ✅ ข้อมูลจากข่าว - Xiaomi 16 ใช้ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm - หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED พร้อม 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology - ระบบกล้องประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 50MP สามตัว พร้อม AI-assisted macro support - แบตเตอรี่ 6,800mAh รองรับการชาร์จเร็ว 100W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย - ดีไซน์ dual-tone glass และ metal finish ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Elite 2 จะสามารถแข่งขันกับ Apple A19 ได้หรือไม่ - การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 อาจทำให้ Xiaomi 16 ถูกเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง - ต้องรอดูว่าระบบ AI-assisted macro จะสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายได้จริงหรือไม่ - ราคาของ Xiaomi 16 อาจสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการใช้วัสดุระดับพรีเมียม Xiaomi 16 อาจเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 โดยเน้น AI integration และประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างไร https://computercity.com/phones/xiaomi-16-the-next-flagship-powerhouse-arrives-late-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Xiaomi 16: The Next Flagship Powerhouse Arrives Late 2025
    Xiaomi is once again poised to shake up the premium smartphone market with the upcoming launch of the Xiaomi 16, expected to debut in October 2025. Building
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • 🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI
    ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย

    Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น

    นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร
    - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น
    - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้
    - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้
    - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด
    - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini
    - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม

    คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม ✅ ข้อมูลจากข่าว - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้ - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้ - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Judge in Google case questions future of search amid rise of AI
    WASHINGTON (Reuters) -A judge asked the U.S. Department of Justice on Friday how much room there would be for new search engines to emerge given the rise of artificial intelligence, as antitrust enforcers press for Alphabet's Google to take dramatic measures to restore competition in online search.
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • 🌍 จีนปรับนโยบายส่งออกแร่หายากเพื่อช่วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป หลังจากที่มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานานและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

    แร่หายากเป็น วัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางทหาร โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การปรับนโยบายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่าง เจ้าหน้าที่จีนและสมาชิกหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง สายการผลิตในยุโรปอาจต้องหยุดชะงัก

    อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - จีนผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป
    - มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานาน และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมกับหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    - สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลว่าจีนจะได้รับผลตอบแทนอะไรจากยุโรป ในการผ่อนปรนนโยบายนี้
    - การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจทำให้เกิดความสับสนในกระบวนการศุลกากร และต้องใช้เวลาปรับตัว
    - สหรัฐฯ และจีนยังคงอยู่ในสงครามการค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกแร่หายากในอนาคต
    - บริษัทที่ต้องการนำเข้าแร่หายากยังต้องผ่านกระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนแล้ว

    🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    การปรับนโยบายของจีนอาจช่วยให้ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และพันธมิตรยังคงได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก ซึ่งอาจทำให้ต้องหาทางเลือกอื่นในการจัดหาวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิป

    จีนกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยุโรป ในขณะที่ยังคงควบคุมการส่งออกไปยังประเทศที่เป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยี
    🌍 จีนปรับนโยบายส่งออกแร่หายากเพื่อช่วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป หลังจากที่มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานานและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน แร่หายากเป็น วัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางทหาร โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การปรับนโยบายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่าง เจ้าหน้าที่จีนและสมาชิกหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง สายการผลิตในยุโรปอาจต้องหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - จีนผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก เพื่อช่วยเหลือบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีนและยุโรป - มาตรการเดิมทำให้กระบวนการอนุมัติใช้เวลานาน และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน - การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมกับหอการค้ายุโรป ซึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - สหรัฐฯ, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลว่าจีนจะได้รับผลตอบแทนอะไรจากยุโรป ในการผ่อนปรนนโยบายนี้ - การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจทำให้เกิดความสับสนในกระบวนการศุลกากร และต้องใช้เวลาปรับตัว - สหรัฐฯ และจีนยังคงอยู่ในสงครามการค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกแร่หายากในอนาคต - บริษัทที่ต้องการนำเข้าแร่หายากยังต้องผ่านกระบวนการอนุมัติที่ซับซ้อน แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนแล้ว 🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การปรับนโยบายของจีนอาจช่วยให้ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และพันธมิตรยังคงได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก ซึ่งอาจทำให้ต้องหาทางเลือกอื่นในการจัดหาวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิป จีนกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยุโรป ในขณะที่ยังคงควบคุมการส่งออกไปยังประเทศที่เป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยี
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • บีวายดี (BYD) สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการยานยนต์จีนอีกครั้ง หลังจากประกาศปรับลดราคาครั้งใหญ่ครอบคลุมรถยนต์ถึง 22 รุ่น โดยรุ่นที่ได้รับส่วนลดมากที่สุด ได้แก่ Seal 07 DM-i (รุ่น 1.5L 125km) ที่ลดลงถึง 53,000 หยวน หรือประมาณ 241,792 บาท* นอกจากนี้ รุ่น Qin PLUS DM-i และ Qin L DM-i ก็มีราคาลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ราคารถเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 63,800–79,800 หยวน หรือประมาณ 291,063 –364,052 บาท

    การปรับลดราคาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามในรอบ 2 เดือนของบีวายดี สะท้อนแรงกดดันที่บริษัทเผชิญในด้านยอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดภายในประเทศ แม้ว่ายอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนจะอยู่ที่ 1.38 ล้านคัน แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะในประเทศ ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านคัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 275,000 คัน ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายรายปีที่ตั้งไว้ 5.5 ล้านคัน และจำเป็นต้องมียอดขายเฉลี่ยวันละกว่า 15,000 คันในช่วงที่เหลือของปี

    แม้ภาพรวมยอดขายจะดูแข็งแกร่ง แต่บีวายดีกลับเผชิญแรงแข่งขันจากทั้งผู้ผลิตจีนรายอื่นและบริษัทรถยนต์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถราคาประหยัด เช่น รถยนต์รุ่นเรือธงอย่าง Han DM, Song PLUS DM และ Qin PLUS DM ก็เผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งใหม่ เช่น Geely Xingyao 8ที่มีราคาถูกกว่าถึง 53,000 หยวน หรือ 241,792 บาท และ Chery Fengyun A9 ส่วนในตลาดรถยนต์ ICE แบรนด์ต่างชาติอย่าง Volkswagen, Honda และ Buick ก็เร่งเคลียร์สต๊อกด้วยการหั่นราคาอย่างหนัก ทำให้ความได้เปรียบด้านราคาของบีวายดีลดลง
    ทันทีหลังประกาศลดราคาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นของบีวายดีในตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยในตลาดฮ่องกงราคาลดลงถึง 8.6% และในตลาด A-share ลดลงกว่า 6% ภายในเวลา 3 วัน มูลค่าบริษัทหายไปราว 1 แสนล้านหยวน นักลงทุนตื่นตระหนกกับแนวโน้มกำไรของบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามราคา ขณะที่หุ้นของบริษัทรถยนต์รายอื่น เช่น Geely, Great Wall, Seres, Changan และ SAIC ก็ร่วงตามไปในระดับ 2–5%

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000050149

    #MGROnline #บีวายดี #ยานยนต์จีน
    บีวายดี (BYD) สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการยานยนต์จีนอีกครั้ง หลังจากประกาศปรับลดราคาครั้งใหญ่ครอบคลุมรถยนต์ถึง 22 รุ่น โดยรุ่นที่ได้รับส่วนลดมากที่สุด ได้แก่ Seal 07 DM-i (รุ่น 1.5L 125km) ที่ลดลงถึง 53,000 หยวน หรือประมาณ 241,792 บาท* นอกจากนี้ รุ่น Qin PLUS DM-i และ Qin L DM-i ก็มีราคาลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ราคารถเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 63,800–79,800 หยวน หรือประมาณ 291,063 –364,052 บาท • การปรับลดราคาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามในรอบ 2 เดือนของบีวายดี สะท้อนแรงกดดันที่บริษัทเผชิญในด้านยอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดภายในประเทศ แม้ว่ายอดขายรวมในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนจะอยู่ที่ 1.38 ล้านคัน แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะในประเทศ ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านคัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 275,000 คัน ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายรายปีที่ตั้งไว้ 5.5 ล้านคัน และจำเป็นต้องมียอดขายเฉลี่ยวันละกว่า 15,000 คันในช่วงที่เหลือของปี • แม้ภาพรวมยอดขายจะดูแข็งแกร่ง แต่บีวายดีกลับเผชิญแรงแข่งขันจากทั้งผู้ผลิตจีนรายอื่นและบริษัทรถยนต์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถราคาประหยัด เช่น รถยนต์รุ่นเรือธงอย่าง Han DM, Song PLUS DM และ Qin PLUS DM ก็เผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งใหม่ เช่น Geely Xingyao 8ที่มีราคาถูกกว่าถึง 53,000 หยวน หรือ 241,792 บาท และ Chery Fengyun A9 ส่วนในตลาดรถยนต์ ICE แบรนด์ต่างชาติอย่าง Volkswagen, Honda และ Buick ก็เร่งเคลียร์สต๊อกด้วยการหั่นราคาอย่างหนัก ทำให้ความได้เปรียบด้านราคาของบีวายดีลดลง ทันทีหลังประกาศลดราคาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นของบีวายดีในตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยในตลาดฮ่องกงราคาลดลงถึง 8.6% และในตลาด A-share ลดลงกว่า 6% ภายในเวลา 3 วัน มูลค่าบริษัทหายไปราว 1 แสนล้านหยวน นักลงทุนตื่นตระหนกกับแนวโน้มกำไรของบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามราคา ขณะที่หุ้นของบริษัทรถยนต์รายอื่น เช่น Geely, Great Wall, Seres, Changan และ SAIC ก็ร่วงตามไปในระดับ 2–5% • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000050149 • #MGROnline #บีวายดี #ยานยนต์จีน
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 ซึ่งเป็น AI workstation GPU ที่ออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดจีน โดยชิปนี้จะเป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ และเป็นทางเลือกแทน NVIDIA Blackwell

    ตลาด AI ในจีนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ NVIDIA อาจต้องลดการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ ในขณะเดียวกัน Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่อาจเข้ามาแทนที่ NVIDIA และ AMD ในตลาดจีน

    AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขายหลักของ Radeon AI PRO R9700 อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยังคงได้เปรียบในด้าน ซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ ที่แข็งแกร่งกว่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AMD เตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 เพื่อเจาะตลาดจีน
    - ชิปนี้เป็น รุ่นปรับลดสเปก ให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ
    - NVIDIA อาจต้องลดธุรกิจในจีน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้า
    - Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ในตลาด AI ของจีน
    - AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขาย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AMD มีอิทธิพลในตลาดจีนน้อยกว่า NVIDIA ซึ่งอาจทำให้การเจาะตลาดเป็นเรื่องยาก
    - ข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการพัฒนา AI chips ในอนาคต
    - Huawei กำลังขยายอิทธิพลในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้ AMD และ NVIDIA แข่งขันได้ยากขึ้น
    - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเปกและประสิทธิภาพของ Radeon AI PRO R9700

    AMD กำลังพยายามขยายตลาด AI ในจีน แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากข้อจำกัดทางการค้าและการแข่งขันที่รุนแรงจาก Huawei และ NVIDIA

    https://wccftech.com/amd-to-launch-a-china-specific-ai-chip-option-to-rival-nvidia/
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 ซึ่งเป็น AI workstation GPU ที่ออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดจีน โดยชิปนี้จะเป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ และเป็นทางเลือกแทน NVIDIA Blackwell ตลาด AI ในจีนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ NVIDIA อาจต้องลดการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ ในขณะเดียวกัน Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่อาจเข้ามาแทนที่ NVIDIA และ AMD ในตลาดจีน AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขายหลักของ Radeon AI PRO R9700 อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยังคงได้เปรียบในด้าน ซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ ที่แข็งแกร่งกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD เตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 เพื่อเจาะตลาดจีน - ชิปนี้เป็น รุ่นปรับลดสเปก ให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ - NVIDIA อาจต้องลดธุรกิจในจีน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้า - Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ในตลาด AI ของจีน - AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AMD มีอิทธิพลในตลาดจีนน้อยกว่า NVIDIA ซึ่งอาจทำให้การเจาะตลาดเป็นเรื่องยาก - ข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการพัฒนา AI chips ในอนาคต - Huawei กำลังขยายอิทธิพลในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้ AMD และ NVIDIA แข่งขันได้ยากขึ้น - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเปกและประสิทธิภาพของ Radeon AI PRO R9700 AMD กำลังพยายามขยายตลาด AI ในจีน แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากข้อจำกัดทางการค้าและการแข่งขันที่รุนแรงจาก Huawei และ NVIDIA https://wccftech.com/amd-to-launch-a-china-specific-ai-chip-option-to-rival-nvidia/
    WCCFTECH.COM
    AMD to Launch a "China-Specific" AI Chip Option To Rival NVIDIA & Huawei; Expected to Be a Cut-Down Version of the Radeon AI PRO R9700
    AMD plans to focus on the China AI markets with its "Radeon PRO" workstation GPUs, which comply with US regulations.
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจับมือกันระหว่าง Telegram และ xAI ของ Elon Musk เพื่อกระจายการใช้งาน Grok ในแพลตฟอร์มแชทที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก นับเป็นดีลที่อาจส่งผลต่อวงการ AI อย่างมีนัยสำคัญ

    Grok เป็น AI แชตบอทที่พัฒนาโดย xAI มีแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง ChatGPT หรือ Gemini โดย Grok มีแนวโน้มจะเน้นการตอบกลับแบบไม่เหมือนใครและเน้นการเสียดสีและความขบขัน

    การขยายฐานผู้ใช้ผ่าน Telegram อาจช่วยให้ xAI ได้ข้อมูลการโต้ตอบจากผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และอาจเป็นแนวทางเดียวกับที่ Meta ใช้ข้อมูลสาธารณะจากผู้ใช้เพื่อฝึก AI ของตน


    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - xAI จ่ายเงิน 300 ล้านเหรียญ ให้ Telegram เพื่อเปิดตัว Grok ในแพลตฟอร์ม
    - ดีลนี้มีอายุ 1 ปี และ Telegram จะได้รับ ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการสมัครสมาชิกผ่านแอป
    - Elon Musk กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ Durov ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในหลักการแล้ว
    - xAI หวังใช้ข้อมูลที่ Telegram อาจให้มาเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อาจเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจาก X มีนโยบายการใช้โพสต์สาธารณะเพื่อฝึก AI แต่ยังไม่ชัดเจนว่า xAI จะใช้ข้อมูลจาก Telegram ในลักษณะเดียวกันหรือไม่
    - นักลงทุนที่สนใจ AI ของ Musk ควรติดตามรายละเอียดดีลนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการ
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังดุเดือด บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Google, และ Meta ต่างเร่งพัฒนา AI ของตน การที่ xAI เข้าสู่ Telegram อาจเป็นความท้าทายทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ

    นี่เป็นก้าวสำคัญของ xAI และ Telegram ในการนำ AI สู่แพลตฟอร์มแชทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการใช้ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลและผลกระทบต่อผู้ใช้อาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telegram-musk039s-xai-partner-to-distribute-grok-to-messaging-app039s-users
    ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการจับมือกันระหว่าง Telegram และ xAI ของ Elon Musk เพื่อกระจายการใช้งาน Grok ในแพลตฟอร์มแชทที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก นับเป็นดีลที่อาจส่งผลต่อวงการ AI อย่างมีนัยสำคัญ Grok เป็น AI แชตบอทที่พัฒนาโดย xAI มีแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง ChatGPT หรือ Gemini โดย Grok มีแนวโน้มจะเน้นการตอบกลับแบบไม่เหมือนใครและเน้นการเสียดสีและความขบขัน การขยายฐานผู้ใช้ผ่าน Telegram อาจช่วยให้ xAI ได้ข้อมูลการโต้ตอบจากผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาโมเดล AI และอาจเป็นแนวทางเดียวกับที่ Meta ใช้ข้อมูลสาธารณะจากผู้ใช้เพื่อฝึก AI ของตน ✅ ข้อมูลจากข่าว - xAI จ่ายเงิน 300 ล้านเหรียญ ให้ Telegram เพื่อเปิดตัว Grok ในแพลตฟอร์ม - ดีลนี้มีอายุ 1 ปี และ Telegram จะได้รับ ครึ่งหนึ่งของรายได้จากการสมัครสมาชิกผ่านแอป - Elon Musk กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ Durov ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในหลักการแล้ว - xAI หวังใช้ข้อมูลที่ Telegram อาจให้มาเพื่อพัฒนาโมเดล AI ของตน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อาจเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจาก X มีนโยบายการใช้โพสต์สาธารณะเพื่อฝึก AI แต่ยังไม่ชัดเจนว่า xAI จะใช้ข้อมูลจาก Telegram ในลักษณะเดียวกันหรือไม่ - นักลงทุนที่สนใจ AI ของ Musk ควรติดตามรายละเอียดดีลนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาอย่างเป็นทางการ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังดุเดือด บริษัทต่างๆ เช่น OpenAI, Google, และ Meta ต่างเร่งพัฒนา AI ของตน การที่ xAI เข้าสู่ Telegram อาจเป็นความท้าทายทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ นี่เป็นก้าวสำคัญของ xAI และ Telegram ในการนำ AI สู่แพลตฟอร์มแชทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการใช้ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลและผลกระทบต่อผู้ใช้อาจต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telegram-musk039s-xai-partner-to-distribute-grok-to-messaging-app039s-users
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telegram, Musk-owned xAI partner to distribute Grok to messaging app's users
    (Reuters) -Elon Musk's AI startup xAI will pay Telegram $300 million to deploy its Grok chatbot on the messaging app, aiming to tap the platform's more than one billion users and sharpen its competitive edge in the booming artificial intelligence market.
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

    รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร
    ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น
    - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น

    ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ

    ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว"
    - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน

    ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
    - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป

    ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้
    - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว" - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้ - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Report claims Washington measures could be bolstering China's chip market
    China's chip industry could emerge more resilient from U.S. sanctions
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • Google จับมือ TSMC ผลิตชิป Tensor G5 บนกระบวนการ 3nm

    Google กำลังเปลี่ยนพันธมิตรด้านการผลิตชิปจาก Samsung ไปเป็น TSMC โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารของ Google ได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อเจรจาข้อตกลงที่อาจมีระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย Tensor G5 ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Google และ TSMC
    ✅ Tensor G4 จะเป็นชิปสุดท้ายที่ผลิตโดย Samsung ก่อนที่ Google จะเปลี่ยนไปใช้ TSMC
    - คาดว่า Pixel 10 จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Tensor G5

    ✅ TSMC มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีเหนือ Samsung โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต 3nm
    - Samsung ยังคงมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิต (yield) ในกระบวนการ 3nm GAA

    ✅ Google อาจใช้ชิป Tensor ที่ผลิตโดย TSMC ไปจนถึง Pixel 14
    - ทำให้ สามารถแข่งขันกับ Apple, Qualcomm และ MediaTek ได้ดีขึ้น

    ✅ TSMC เริ่มรับคำสั่งผลิตเวเฟอร์ 2nm แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในตลาดเซมิคอนดักเตอร์
    - คาดว่า บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มใช้กระบวนการ 2nm ในปี 2026

    ✅ แม้ว่า Tensor G5 จะใช้กระบวนการ 3nm รุ่นที่สอง แต่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ใช้ 3nm รุ่นที่สาม
    - ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีขึ้น

    https://wccftech.com/google-partnership-with-tsmc-for-making-pixel-smartphone-chips-lasting-5-years/
    Google จับมือ TSMC ผลิตชิป Tensor G5 บนกระบวนการ 3nm Google กำลังเปลี่ยนพันธมิตรด้านการผลิตชิปจาก Samsung ไปเป็น TSMC โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารของ Google ได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อเจรจาข้อตกลงที่อาจมีระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย Tensor G5 ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Google และ TSMC ✅ Tensor G4 จะเป็นชิปสุดท้ายที่ผลิตโดย Samsung ก่อนที่ Google จะเปลี่ยนไปใช้ TSMC - คาดว่า Pixel 10 จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Tensor G5 ✅ TSMC มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีเหนือ Samsung โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต 3nm - Samsung ยังคงมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิต (yield) ในกระบวนการ 3nm GAA ✅ Google อาจใช้ชิป Tensor ที่ผลิตโดย TSMC ไปจนถึง Pixel 14 - ทำให้ สามารถแข่งขันกับ Apple, Qualcomm และ MediaTek ได้ดีขึ้น ✅ TSMC เริ่มรับคำสั่งผลิตเวเฟอร์ 2nm แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ - คาดว่า บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มใช้กระบวนการ 2nm ในปี 2026 ✅ แม้ว่า Tensor G5 จะใช้กระบวนการ 3nm รุ่นที่สอง แต่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ใช้ 3nm รุ่นที่สาม - ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีขึ้น https://wccftech.com/google-partnership-with-tsmc-for-making-pixel-smartphone-chips-lasting-5-years/
    WCCFTECH.COM
    Google Executives Reportedly Visited TSMC To Secure A Chipset Deal For Pixel Smartphones; Partnership May Last An Estimated Five Years, With The Tensor G5 Being The Company’s First 3nm SoC
    A report claims that Google executives recently visited Taiwan to form a partnership for up to 5 years in making Pixel smartphone chipsets
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์ โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 512 Views 0 Reviews
  • Intel เปิดตัว Core Ultra 200: โปรเซสเซอร์เวิร์กสเตชันราคาประหยัดที่มาพร้อมประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง

    Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 200 สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปเวิร์กสเตชัน โดยชูจุดเด่นด้าน ประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งรวมถึง Core Ultra 200S สำหรับเดสก์ท็อป และ Core Ultra 200HX และ 200H สำหรับแล็ปท็อป

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Core Ultra 200
    ✅ Core Ultra 200S ให้ประสิทธิภาพมัลติเธรดสูงกว่า Ryzen 9 9950X ถึง 13%
    - ทดสอบด้วย Cinebench Multicore 2024

    ✅ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า Ryzen 9 9950X ถึง 11% ที่ 125W TDP
    - ช่วยให้ การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ รองรับหน่วยความจำ DDR5 EEC สูงสุด 256GB-6400
    - พร้อม WiFi 6E และฟีเจอร์ Intel vPro สำหรับการจัดการระยะไกล

    ✅ Core Ultra 200HX ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า Ryzen AI 9 HX 375 ถึง 42% ในงานมัลติเธรด
    - และ สูงกว่า 8% ในงานซิงเกิลเธรด

    ✅ Core Ultra 200H มีแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 21 ชั่วโมง
    - พร้อม Arc 140T iGPU สำหรับงานมืออาชีพและการเล่นเกม

    ✅ HP ZBook Furey 18 เป็นแล็ปท็อปเวิร์กสเตชันรุ่นแรกที่ใช้ Core Ultra 200HX
    - มีกำหนดวางจำหน่าย มิถุนายน 2025

    https://wccftech.com/intel-entry-level-workstation-desktops-laptops-core-ultra-200-arrow-lake-cpus/
    Intel เปิดตัว Core Ultra 200: โปรเซสเซอร์เวิร์กสเตชันราคาประหยัดที่มาพร้อมประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 200 สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปเวิร์กสเตชัน โดยชูจุดเด่นด้าน ประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งรวมถึง Core Ultra 200S สำหรับเดสก์ท็อป และ Core Ultra 200HX และ 200H สำหรับแล็ปท็อป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Core Ultra 200 ✅ Core Ultra 200S ให้ประสิทธิภาพมัลติเธรดสูงกว่า Ryzen 9 9950X ถึง 13% - ทดสอบด้วย Cinebench Multicore 2024 ✅ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า Ryzen 9 9950X ถึง 11% ที่ 125W TDP - ช่วยให้ การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ รองรับหน่วยความจำ DDR5 EEC สูงสุด 256GB-6400 - พร้อม WiFi 6E และฟีเจอร์ Intel vPro สำหรับการจัดการระยะไกล ✅ Core Ultra 200HX ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า Ryzen AI 9 HX 375 ถึง 42% ในงานมัลติเธรด - และ สูงกว่า 8% ในงานซิงเกิลเธรด ✅ Core Ultra 200H มีแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 21 ชั่วโมง - พร้อม Arc 140T iGPU สำหรับงานมืออาชีพและการเล่นเกม ✅ HP ZBook Furey 18 เป็นแล็ปท็อปเวิร์กสเตชันรุ่นแรกที่ใช้ Core Ultra 200HX - มีกำหนดวางจำหน่าย มิถุนายน 2025 https://wccftech.com/intel-entry-level-workstation-desktops-laptops-core-ultra-200-arrow-lake-cpus/
    WCCFTECH.COM
    Intel Announces Entry-Level "Core Ultra 200" Workstation Desktop And Laptop CPUs
    Intel has unveiled a wide range of entry-level workstation solutions for consumers, featuring the Intel Arrow Lake "Core Ultra 200" CPUs.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU

    AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070
    ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K
    - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น

    ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ
    - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41%
    - ในแคนาดา แพงกว่า 34%
    - ในเยอรมนี แพงกว่า 26%
    - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18%

    ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB
    - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI

    ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม
    - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K)

    ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD
    - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า

    https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070 ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41% - ในแคนาดา แพงกว่า 34% - ในเยอรมนี แพงกว่า 26% - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18% ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K) ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070
    We're revisiting the Radeon RX 9070 XT vs GeForce RTX 5070, now with updated drivers, pricing shifts, and a massive 57-game benchmark at 1440p and 4K to...
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • งาน Dell Technologies World 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ณ ลาสเวกัส มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ที่เน้นเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับองค์กร ดังนี้:
    1️⃣ Dell AI Factory with NVIDIA 2.0
    - อัปเกรดจากเวอร์ชันแรกที่เปิดตัวในปี 2024 เป็นโซลูชันที่รวมโครงสร้างพื้นฐาน AI อันทรงพลังและประหยัดพลังงาน รองรับการประมวลผล AI ในระดับองค์กร
    - รองรับการใช้งาน Large Language Models (LLMs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบน On-Premises ถูกกว่าการใช้ Public Cloud สูงสุดถึง 62%
    - รองรับ GPU สูงสุด 256 ตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge เพื่อประมวลผล AI ขนาดใหญ่
    2️⃣ เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่
    - ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI โดยเฉพาะ รองรับ NVIDIA GPUs เช่น GB10 และ GB300 รวมถึง RTX Pro Enterprise Server Edition สำหรับงาน AI ในระดับองค์กร
    - มีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับ AI Factories
    3️⃣ Dell Project Lightning
    - ระบบไฟล์แบบ Parallel ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วย Throughput สูงกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า ช่วยเร่งการฝึกอบรม AI และจัดการเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน
    - เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น Recommendation Engines และ Semantic Search
    4️⃣ Dell Data Lakehouse Enhancements
    - ปรับปรุงเพื่อลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์ AI ช่วยให้สร้างและจัดการชุดข้อมูลที่พร้อมสำหรับ AI ได้ง่ายขึ้น รองรับ use cases เช่น การตรวจจับเจตนาของลูกค้า
    5️⃣ พีซี AI รุ่นใหม่
    - เปิดตัวพีซีเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม Qualcomm AI Accelerator แบบ Discrete เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI ที่ Edge
    - Dell Pro Max และ Pro Max Plus รุ่นใหม่ ใช้ชิป Qualcomm แทน NVIDIA เพื่อการประมวลผล AI ที่ Edge อย่างมีประสิทธิภาพ
    6️⃣ Dell Linear Pluggable Optics
    - เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลด Latency และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับ High Performance Computing (HPC) และ AI Fabrics
    7️⃣ Dell AI Security and Resiliency Services
    - บริการด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นสำหรับ AI คาดว่าจะวางจำหน่ายในบางประเทศตั้งแต่มิถุนายน 2568
    8️⃣ จอภาพและอุปกรณ์ใหม่
    - จอ Dell UltraSharp 32 4K Thunderbolt Hub Monitor: จอแรกของโลกที่มี IPS Black Contrast Ratio 3000:1 ได้รับคะแนน 5 ดาวด้าน Eye Comfort
    - จอ Dell 32 Plus 4K QD-OLED Monitor: มาพร้อม 3D Spatial Audio และ Dolby Vision
    - Area-51 Desktop และ Laptop (16 และ 18 นิ้ว): ออกแบบใหม่สำหรับเกมเมอร์ ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงและดีไซน์ Sci-Fi
    9️⃣ Dell NativeEdge AI Updates
    - อัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ AI ที่ Edge วางจำหน่ายแล้วในบางประเทศ
    ℹ️ℹ️ หมายเหตุ ℹ️ℹ️
    - งานนี้เน้นหนักไปที่ AI และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง NVIDIA, AMD, Intel, และ Qualcomm เพื่อเสริมแกร่งโซลูชัน
    - ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เน้นการใช้งานในระดับองค์กร แต่ก็มีบางส่วน เช่น จอภาพและพีซี Area-51 ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคและเกมเมอร์
    - ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาจมีการอัปเดตเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านเว็บไซต์ Dell หรือ session recaps จากงาน

    งาน Dell Technologies World 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ณ ลาสเวกัส มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ที่เน้นเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับองค์กร ดังนี้: 1️⃣ Dell AI Factory with NVIDIA 2.0 - อัปเกรดจากเวอร์ชันแรกที่เปิดตัวในปี 2024 เป็นโซลูชันที่รวมโครงสร้างพื้นฐาน AI อันทรงพลังและประหยัดพลังงาน รองรับการประมวลผล AI ในระดับองค์กร - รองรับการใช้งาน Large Language Models (LLMs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบน On-Premises ถูกกว่าการใช้ Public Cloud สูงสุดถึง 62% - รองรับ GPU สูงสุด 256 ตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge เพื่อประมวลผล AI ขนาดใหญ่ 2️⃣ เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่ - ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI โดยเฉพาะ รองรับ NVIDIA GPUs เช่น GB10 และ GB300 รวมถึง RTX Pro Enterprise Server Edition สำหรับงาน AI ในระดับองค์กร - มีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับ AI Factories 3️⃣ Dell Project Lightning - ระบบไฟล์แบบ Parallel ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วย Throughput สูงกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า ช่วยเร่งการฝึกอบรม AI และจัดการเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน - เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น Recommendation Engines และ Semantic Search 4️⃣ Dell Data Lakehouse Enhancements - ปรับปรุงเพื่อลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์ AI ช่วยให้สร้างและจัดการชุดข้อมูลที่พร้อมสำหรับ AI ได้ง่ายขึ้น รองรับ use cases เช่น การตรวจจับเจตนาของลูกค้า 5️⃣ พีซี AI รุ่นใหม่ - เปิดตัวพีซีเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม Qualcomm AI Accelerator แบบ Discrete เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI ที่ Edge - Dell Pro Max และ Pro Max Plus รุ่นใหม่ ใช้ชิป Qualcomm แทน NVIDIA เพื่อการประมวลผล AI ที่ Edge อย่างมีประสิทธิภาพ 6️⃣ Dell Linear Pluggable Optics - เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลด Latency และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับ High Performance Computing (HPC) และ AI Fabrics 7️⃣ Dell AI Security and Resiliency Services - บริการด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นสำหรับ AI คาดว่าจะวางจำหน่ายในบางประเทศตั้งแต่มิถุนายน 2568 8️⃣ จอภาพและอุปกรณ์ใหม่ - จอ Dell UltraSharp 32 4K Thunderbolt Hub Monitor: จอแรกของโลกที่มี IPS Black Contrast Ratio 3000:1 ได้รับคะแนน 5 ดาวด้าน Eye Comfort - จอ Dell 32 Plus 4K QD-OLED Monitor: มาพร้อม 3D Spatial Audio และ Dolby Vision - Area-51 Desktop และ Laptop (16 และ 18 นิ้ว): ออกแบบใหม่สำหรับเกมเมอร์ ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงและดีไซน์ Sci-Fi 9️⃣ Dell NativeEdge AI Updates - อัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ AI ที่ Edge วางจำหน่ายแล้วในบางประเทศ ℹ️ℹ️ หมายเหตุ ℹ️ℹ️ - งานนี้เน้นหนักไปที่ AI และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง NVIDIA, AMD, Intel, และ Qualcomm เพื่อเสริมแกร่งโซลูชัน - ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เน้นการใช้งานในระดับองค์กร แต่ก็มีบางส่วน เช่น จอภาพและพีซี Area-51 ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคและเกมเมอร์ - ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาจมีการอัปเดตเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านเว็บไซต์ Dell หรือ session recaps จากงาน
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • Nvidia DGX B200 ทำลายสถิติ AI ด้วยความเร็วกว่า 1,000 TPS ต่อผู้ใช้

    Nvidia สร้างสถิติใหม่ในวงการ AI โดยทำลายกำแพง 1,000 tokens per second (TPS) ต่อผู้ใช้ ด้วย DGX B200 ซึ่งใช้ GPU Blackwell จำนวน 8 ตัว และสามารถ ทำงานร่วมกับโมเดล Llama 4 Maverick ของ Meta ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ DGX B200 และสถิติใหม่ของ Nvidia
    ✅ DGX B200 ใช้ GPU Blackwell จำนวน 8 ตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล
    - ทำให้ สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า SambaNova ซึ่งเคยครองสถิติเดิม

    ✅ Nvidia ทำลายสถิติเดิมที่ 792 TPS/user ของ SambaNova ด้วยคะแนน 1,038 TPS/user
    - เพิ่มขึ้น 31% จากสถิติเดิม

    ✅ ใช้เทคนิค TensorRT และ Eagle-3 เพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผล
    - ช่วยให้ สามารถคาดการณ์ tokens ล่วงหน้าและลดเวลาตอบสนองของ AI

    ✅ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: Amazon และ Groq ทำได้เพียง 300 TPS/user
    - ส่วน Google Vertex, Deepinfra และ Azure ทำได้ต่ำกว่า 200 TPS/user

    ✅ ใช้ FP8 data types และ Mixture of Experts AI เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
    - ทำให้ การตอบสนองของ AI มีความถูกต้องมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dgx-b200-blackwell-node-sets-world-record-breaking-over-1-000-tps-user
    Nvidia DGX B200 ทำลายสถิติ AI ด้วยความเร็วกว่า 1,000 TPS ต่อผู้ใช้ Nvidia สร้างสถิติใหม่ในวงการ AI โดยทำลายกำแพง 1,000 tokens per second (TPS) ต่อผู้ใช้ ด้วย DGX B200 ซึ่งใช้ GPU Blackwell จำนวน 8 ตัว และสามารถ ทำงานร่วมกับโมเดล Llama 4 Maverick ของ Meta ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ DGX B200 และสถิติใหม่ของ Nvidia ✅ DGX B200 ใช้ GPU Blackwell จำนวน 8 ตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล - ทำให้ สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า SambaNova ซึ่งเคยครองสถิติเดิม ✅ Nvidia ทำลายสถิติเดิมที่ 792 TPS/user ของ SambaNova ด้วยคะแนน 1,038 TPS/user - เพิ่มขึ้น 31% จากสถิติเดิม ✅ ใช้เทคนิค TensorRT และ Eagle-3 เพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผล - ช่วยให้ สามารถคาดการณ์ tokens ล่วงหน้าและลดเวลาตอบสนองของ AI ✅ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: Amazon และ Groq ทำได้เพียง 300 TPS/user - ส่วน Google Vertex, Deepinfra และ Azure ทำได้ต่ำกว่า 200 TPS/user ✅ ใช้ FP8 data types และ Mixture of Experts AI เพื่อเพิ่มความแม่นยำ - ทำให้ การตอบสนองของ AI มีความถูกต้องมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dgx-b200-blackwell-node-sets-world-record-breaking-over-1-000-tps-user
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • AMD ปกป้องการใช้ VRAM 8GB บน GPU สำหรับเกม 1080p

    AMD เปิดตัว Radeon RX 9060 XT ที่งาน Computex 2025 โดยมีสองรุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่น 16GB ราคา $349 และรุ่น 8GB ราคา $299 ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ความเพียงพอของ VRAM 8GB สำหรับการเล่นเกมในปัจจุบัน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Radeon RX 9060 XT
    ✅ AMD เปิดตัว RX 9060 XT สองรุ่น: 16GB และ 8GB
    - รุ่น 16GB มีราคาแพงกว่ารุ่น 8GB ประมาณ 16.7%

    ✅ AMD ชี้ว่า VRAM 8GB ยังเพียงพอสำหรับเกม 1080p
    - Frank Azor ระบุว่าผู้เล่น eSports ส่วนใหญ่ใช้กราฟิกต่ำเพื่อเพิ่ม FPS และลด Latency

    ✅ RX 9060 XT 16GB คาดว่าจะเร็วกว่ารุ่น 8GB ของ RTX 5060 Ti
    - AMD อ้างว่า RX 9060 XT 16GB มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งที่มีราคา $379

    ✅ AMD ให้ทางเลือกแก่ผู้ใช้ที่ต้องการ VRAM มากขึ้น
    - หาก 8GB ไม่เพียงพอ ก็สามารถเลือกซื้อรุ่น 16GB ได้

    ✅ ตลาดเกม 1080p ยังมีความต้องการสูงสำหรับ GPU ที่มี VRAM 8GB
    - AMD ยืนยันว่าการผลิตรุ่น 8GB มีเหตุผลทางการตลาด

    ℹ️ℹ️ สำหรับลุงแล้ว แนะนำ 16GB เลยครับ ใช้ยาวๆ

    https://www.neowin.net/news/amd-defends-8gb-vram-on-1080p-gpus-explains-how-its-actually-more-than-enough/
    AMD ปกป้องการใช้ VRAM 8GB บน GPU สำหรับเกม 1080p AMD เปิดตัว Radeon RX 9060 XT ที่งาน Computex 2025 โดยมีสองรุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่น 16GB ราคา $349 และรุ่น 8GB ราคา $299 ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ความเพียงพอของ VRAM 8GB สำหรับการเล่นเกมในปัจจุบัน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Radeon RX 9060 XT ✅ AMD เปิดตัว RX 9060 XT สองรุ่น: 16GB และ 8GB - รุ่น 16GB มีราคาแพงกว่ารุ่น 8GB ประมาณ 16.7% ✅ AMD ชี้ว่า VRAM 8GB ยังเพียงพอสำหรับเกม 1080p - Frank Azor ระบุว่าผู้เล่น eSports ส่วนใหญ่ใช้กราฟิกต่ำเพื่อเพิ่ม FPS และลด Latency ✅ RX 9060 XT 16GB คาดว่าจะเร็วกว่ารุ่น 8GB ของ RTX 5060 Ti - AMD อ้างว่า RX 9060 XT 16GB มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งที่มีราคา $379 ✅ AMD ให้ทางเลือกแก่ผู้ใช้ที่ต้องการ VRAM มากขึ้น - หาก 8GB ไม่เพียงพอ ก็สามารถเลือกซื้อรุ่น 16GB ได้ ✅ ตลาดเกม 1080p ยังมีความต้องการสูงสำหรับ GPU ที่มี VRAM 8GB - AMD ยืนยันว่าการผลิตรุ่น 8GB มีเหตุผลทางการตลาด ℹ️ℹ️ สำหรับลุงแล้ว แนะนำ 16GB เลยครับ ใช้ยาวๆ https://www.neowin.net/news/amd-defends-8gb-vram-on-1080p-gpus-explains-how-its-actually-more-than-enough/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD defends 8GB VRAM on 1080p GPUs, explains how it's actually more than enough
    AMD defends itself against those who are saying 8GB VRAM is too little these days. The company explains why 8 Gigs is still relevant and good.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • FTC ยุติคดีเกี่ยวกับการเข้าซื้อ Activision Blizzard ของ Microsoft

    คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ประกาศยุติคดีที่พยายามขัดขวางการเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ของ Microsoft โดยระบุว่า การดำเนินคดีต่อไปไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการยุติคดีของ FTC
    ✅ FTC ตัดสินใจยุติคดีหลังจากแพ้การอุทธรณ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025
    - ศาลปฏิเสธคำร้องของ FTC ที่ต้องการระงับการเข้าซื้อกิจการชั่วคราว

    ✅ Microsoft ปิดดีลการเข้าซื้อ Activision Blizzard ตั้งแต่ปี 2023
    - ทำให้ FTC ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อไป

    ✅ Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการตัดสินใจของ FTC เป็น "ชัยชนะสำหรับผู้เล่นทั่วประเทศ"
    - เขายังกล่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลในวอชิงตัน ดี.ซี.

    ✅ FTC ภายใต้การนำของ Andrew Ferguson กำลังปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินคดี
    - มุ่งเน้นไปที่ คดีที่สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี Donald Trump

    ✅ FTC เคยกล่าวหาว่าการเข้าซื้อกิจการนี้จะทำให้ Microsoft มีอำนาจเหนือคู่แข่งในตลาดเกม
    - โดยเฉพาะ Xbox และบริการเกมบนคลาวด์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/ftc-drops-case-over-microsoft039s-acquisition-of-activision-blizzard
    FTC ยุติคดีเกี่ยวกับการเข้าซื้อ Activision Blizzard ของ Microsoft คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ประกาศยุติคดีที่พยายามขัดขวางการเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ของ Microsoft โดยระบุว่า การดำเนินคดีต่อไปไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการยุติคดีของ FTC ✅ FTC ตัดสินใจยุติคดีหลังจากแพ้การอุทธรณ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 - ศาลปฏิเสธคำร้องของ FTC ที่ต้องการระงับการเข้าซื้อกิจการชั่วคราว ✅ Microsoft ปิดดีลการเข้าซื้อ Activision Blizzard ตั้งแต่ปี 2023 - ทำให้ FTC ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อไป ✅ Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการตัดสินใจของ FTC เป็น "ชัยชนะสำหรับผู้เล่นทั่วประเทศ" - เขายังกล่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลในวอชิงตัน ดี.ซี. ✅ FTC ภายใต้การนำของ Andrew Ferguson กำลังปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินคดี - มุ่งเน้นไปที่ คดีที่สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี Donald Trump ✅ FTC เคยกล่าวหาว่าการเข้าซื้อกิจการนี้จะทำให้ Microsoft มีอำนาจเหนือคู่แข่งในตลาดเกม - โดยเฉพาะ Xbox และบริการเกมบนคลาวด์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/ftc-drops-case-over-microsoft039s-acquisition-of-activision-blizzard
    WWW.THESTAR.COM.MY
    FTC drops case over Microsoft's $69 billion Activision Blizzard deal
    (Reuters) - The U.S. Federal Trade Commission dropped a case that sought to block Microsoft's $69 billion purchase of "Call of Duty" maker Activision Blizzard, saying on Thursday that pursuing the case against the long-closed deal was not in the public interest.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
More Results