• 10Web เปิดตัว AI Website Builder API เพื่อยกระดับการสร้างเว็บไซต์ 10Web ได้เปิดตัว AI Website Builder API ซึ่งช่วยให้ นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บไซต์ WordPress ที่สมบูรณ์แบบได้จากข้อความที่ป้อนเข้าไป โดย API นี้ใช้ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นก่อนที่ Generative AI จะได้รับความนิยม

    นอกจากนี้ API ยังสามารถ สร้างเว็บไซต์ที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ รองรับอีคอมเมิร์ซ และโฮสต์บนโครงสร้างพื้นฐานของ 10Web โดยใช้ WooCommerce สำหรับการจัดการสินค้า, การชำระเงิน และการจัดส่ง

    ✅ API สามารถสร้างเว็บไซต์ WordPress ที่สมบูรณ์แบบจากข้อความที่ป้อนเข้าไป
    - ใช้ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นก่อนที่ Generative AI จะได้รับความนิยม

    ✅ เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นสามารถปรับแต่งได้เต็มรูปแบบและรองรับอีคอมเมิร์ซ
    - ใช้ WooCommerce สำหรับการจัดการสินค้า, การชำระเงิน และการจัดส่ง

    ✅ API ใช้โมเดล AI หลายตัว เช่น Google Gemini, OpenAI และ Anthropic
    - แต่ละโมเดล ถูกฝึกให้ทำงานเฉพาะด้านภายในระบบสร้างเว็บไซต์

    ✅ 10Web AI Co-Pilot ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขเลย์เอาต์และตั้งค่าวิดเจ็ตแบบเรียลไทม์
    - ใช้ ภาษาธรรมชาติในการสั่งงาน

    ✅ บริษัทมีแผนขยายฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น เครื่องมือจัดการธุรกิจและอีคอมเมิร์ซที่ดีขึ้น
    - จะเปิดตัว AI Co-Pilot สำหรับการแก้ไขหน้าเว็บในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/10web-aims-to-take-ai-website-building-to-the-next-level-with-new-api
    10Web เปิดตัว AI Website Builder API เพื่อยกระดับการสร้างเว็บไซต์ 10Web ได้เปิดตัว AI Website Builder API ซึ่งช่วยให้ นักพัฒนาสามารถสร้างเว็บไซต์ WordPress ที่สมบูรณ์แบบได้จากข้อความที่ป้อนเข้าไป โดย API นี้ใช้ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นก่อนที่ Generative AI จะได้รับความนิยม นอกจากนี้ API ยังสามารถ สร้างเว็บไซต์ที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ รองรับอีคอมเมิร์ซ และโฮสต์บนโครงสร้างพื้นฐานของ 10Web โดยใช้ WooCommerce สำหรับการจัดการสินค้า, การชำระเงิน และการจัดส่ง ✅ API สามารถสร้างเว็บไซต์ WordPress ที่สมบูรณ์แบบจากข้อความที่ป้อนเข้าไป - ใช้ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นก่อนที่ Generative AI จะได้รับความนิยม ✅ เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นสามารถปรับแต่งได้เต็มรูปแบบและรองรับอีคอมเมิร์ซ - ใช้ WooCommerce สำหรับการจัดการสินค้า, การชำระเงิน และการจัดส่ง ✅ API ใช้โมเดล AI หลายตัว เช่น Google Gemini, OpenAI และ Anthropic - แต่ละโมเดล ถูกฝึกให้ทำงานเฉพาะด้านภายในระบบสร้างเว็บไซต์ ✅ 10Web AI Co-Pilot ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขเลย์เอาต์และตั้งค่าวิดเจ็ตแบบเรียลไทม์ - ใช้ ภาษาธรรมชาติในการสั่งงาน ✅ บริษัทมีแผนขยายฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น เครื่องมือจัดการธุรกิจและอีคอมเมิร์ซที่ดีขึ้น - จะเปิดตัว AI Co-Pilot สำหรับการแก้ไขหน้าเว็บในอนาคต https://www.techradar.com/pro/10web-aims-to-take-ai-website-building-to-the-next-level-with-new-api
    WWW.TECHRADAR.COM
    10Web aims to take AI website building to the next level with new API
    With the API, website developers can build fully-fledged WordPress sites by chatting to the bot
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Chrome และ Safari เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด จากการวิจัยของ Surfshark พบว่า Google Chrome และ Apple Safari เป็นเบราว์เซอร์ที่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด โดย Chrome รวบรวมข้อมูลถึง 20 ประเภท รวมถึง ข้อมูลติดต่อ, ตำแหน่งที่ตั้ง, ประวัติการเข้าชม และเนื้อหาของผู้ใช้

    Microsoft Bing ตามมาเป็นอันดับสอง โดยเก็บข้อมูล 12 ประเภท ขณะที่ Pi Browser อยู่ในอันดับสามด้วย 9 ประเภท Safari และ Firefox เก็บข้อมูล 8 ประเภท ส่วน Brave และ Tor เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลน้อยที่สุด

    ✅ Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลมากที่สุด โดยรวบรวมข้อมูลถึง 20 ประเภท
    - รวมถึง ข้อมูลติดต่อ, ตำแหน่งที่ตั้ง, ประวัติการเข้าชม และเนื้อหาของผู้ใช้
    - เป็นเบราว์เซอร์เดียวที่ เก็บข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและบัญชีธนาคาร

    ✅ Microsoft Bing เป็นอันดับสอง โดยเก็บข้อมูล 12 ประเภท
    - รวมถึง ข้อมูลผู้ใช้, ประวัติการค้นหา และข้อมูลโฆษณา

    ✅ Pi Browser อยู่ในอันดับสาม โดยเก็บข้อมูล 9 ประเภท
    - เช่น ประวัติการเข้าชม, ประวัติการค้นหา และข้อมูลโฆษณา

    ✅ Safari และ Firefox เก็บข้อมูล 8 ประเภท
    - รวมถึง ข้อมูลการใช้งานและตัวระบุอุปกรณ์

    ✅ Brave และ Tor เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลน้อยที่สุด
    - Brave เก็บเพียงตัวระบุและข้อมูลการใช้งาน
    - Tor ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้เลย

    https://www.techradar.com/pro/security/these-are-the-worst-web-browsers-for-sucking-up-all-your-data-so-you-may-want-to-stop-using-them
    Chrome และ Safari เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด จากการวิจัยของ Surfshark พบว่า Google Chrome และ Apple Safari เป็นเบราว์เซอร์ที่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด โดย Chrome รวบรวมข้อมูลถึง 20 ประเภท รวมถึง ข้อมูลติดต่อ, ตำแหน่งที่ตั้ง, ประวัติการเข้าชม และเนื้อหาของผู้ใช้ Microsoft Bing ตามมาเป็นอันดับสอง โดยเก็บข้อมูล 12 ประเภท ขณะที่ Pi Browser อยู่ในอันดับสามด้วย 9 ประเภท Safari และ Firefox เก็บข้อมูล 8 ประเภท ส่วน Brave และ Tor เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลน้อยที่สุด ✅ Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลมากที่สุด โดยรวบรวมข้อมูลถึง 20 ประเภท - รวมถึง ข้อมูลติดต่อ, ตำแหน่งที่ตั้ง, ประวัติการเข้าชม และเนื้อหาของผู้ใช้ - เป็นเบราว์เซอร์เดียวที่ เก็บข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและบัญชีธนาคาร ✅ Microsoft Bing เป็นอันดับสอง โดยเก็บข้อมูล 12 ประเภท - รวมถึง ข้อมูลผู้ใช้, ประวัติการค้นหา และข้อมูลโฆษณา ✅ Pi Browser อยู่ในอันดับสาม โดยเก็บข้อมูล 9 ประเภท - เช่น ประวัติการเข้าชม, ประวัติการค้นหา และข้อมูลโฆษณา ✅ Safari และ Firefox เก็บข้อมูล 8 ประเภท - รวมถึง ข้อมูลการใช้งานและตัวระบุอุปกรณ์ ✅ Brave และ Tor เป็นเบราว์เซอร์ที่เก็บข้อมูลน้อยที่สุด - Brave เก็บเพียงตัวระบุและข้อมูลการใช้งาน - Tor ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้เลย https://www.techradar.com/pro/security/these-are-the-worst-web-browsers-for-sucking-up-all-your-data-so-you-may-want-to-stop-using-them
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ่งบอกว่าไม่เชื่อมือทีมเจรจา

    “ทักษิณ”ร้องต่อศาลอาญา ขอเดินทางออกนอกประเทศ ไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจาเรื่องขึ้นภาษีส่งออก กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลุ้นผลศาลบ่ายวันนี้

    https://web.facebook.com/share/p/1Ey2UGED46/
    บ่งบอกว่าไม่เชื่อมือทีมเจรจา “ทักษิณ”ร้องต่อศาลอาญา ขอเดินทางออกนอกประเทศ ไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจาเรื่องขึ้นภาษีส่งออก กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลุ้นผลศาลบ่ายวันนี้ https://web.facebook.com/share/p/1Ey2UGED46/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

    ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม

    ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์
    - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน
    - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS

    ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย
    - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์
    - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง
    - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

    ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง
    - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่
    - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner
    - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน

    ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์
    - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล
    - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB
    - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์

    ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด
    - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์
    - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์
    - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก

    ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้

    ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

    https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์ - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์ - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่ - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์ - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์ ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์ - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์ - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Best Network Security Software for Protecting Your Digital Assets (2025)
    In 2025, cyber threats have grown more advanced than ever, with AI-driven malware, phishing-as-a-service kits, and zero-day exploits targeting everyone from
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ส.อ.ชัยบุญ นวนจันทร์" สังกัด ร.23 พัน.4 คือ "ทหารไทย" ใจกล้า ที่ปะทะคารมกับ "ทหารเขมร" ขณะยกพวกป่วนปราสาทตาเมือนธมจนทหารเขมรต้องถอยกรูด

    ขณะที่ทหารเขมรต้องถอยเพราะทหารไทย แต่นายภูมิธรรม "นักการเมืองไทย" ที่ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับมีคำสั่งให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยของไทยเพื่อลดการปะทะลง

    แต่เหตุการณ์ปัจจุบันขณะนี้มีรายงานจาก คนไทยที่ขึ้นไปเที่ยวกลับพบว่า จนท. ทหารไทยยังอยู่ตรึงกำลังครบ ไม่มีทหารคนไหนถอยลงมาแม้แต่คนเดียว

    เครดิตคลิปจากเพจ Siam Drama Addict V3
    https://web.facebook.com/share/p/1KnsC2mkBD/
    "ส.อ.ชัยบุญ นวนจันทร์" สังกัด ร.23 พัน.4 คือ "ทหารไทย" ใจกล้า ที่ปะทะคารมกับ "ทหารเขมร" ขณะยกพวกป่วนปราสาทตาเมือนธมจนทหารเขมรต้องถอยกรูด ขณะที่ทหารเขมรต้องถอยเพราะทหารไทย แต่นายภูมิธรรม "นักการเมืองไทย" ที่ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับมีคำสั่งให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยของไทยเพื่อลดการปะทะลง แต่เหตุการณ์ปัจจุบันขณะนี้มีรายงานจาก คนไทยที่ขึ้นไปเที่ยวกลับพบว่า จนท. ทหารไทยยังอยู่ตรึงกำลังครบ ไม่มีทหารคนไหนถอยลงมาแม้แต่คนเดียว เครดิตคลิปจากเพจ Siam Drama Addict V3 https://web.facebook.com/share/p/1KnsC2mkBD/
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เพิ่ม SafeLinks protection ให้กับ Microsoft 365 Copilot Chat เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้จากลิงก์ที่เป็นอันตราย โดยฟีเจอร์นี้จะ ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์ และแสดงคำเตือนหากพบว่าลิงก์มีความเสี่ยง

    SafeLinks protection พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app โดยไม่ต้องตั้งค่าหรือกำหนดค่าเพิ่มเติม

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่ม time-of-click URL reputation checks ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนหากลิงก์ที่ Copilot ให้มานั้นเป็นอันตราย และในอนาคต SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel

    ✅ SafeLinks protection ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์
    - หากพบว่าลิงก์เป็นอันตราย จะแสดงคำเตือนและป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์
    - พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app

    ✅ time-of-click URL reputation checks เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้
    - ตรวจสอบลิงก์ที่ Copilot ให้มา และแจ้งเตือนหากพบว่ามีความเสี่ยง

    ✅ Microsoft Defender for Office 365 Security Center จะสร้างรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคาม
    - ผู้ใช้สามารถ ติดตามภัยคุกคามที่ตรวจพบและการดำเนินการที่เกิดขึ้น

    ✅ SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel ในอนาคต
    - เพิ่มความปลอดภัยให้กับ การใช้งาน Copilot ในแอปพลิเคชัน Microsoft 365

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-chat-gets-safelinks-protection-and-more/
    Microsoft ได้เพิ่ม SafeLinks protection ให้กับ Microsoft 365 Copilot Chat เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้จากลิงก์ที่เป็นอันตราย โดยฟีเจอร์นี้จะ ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์ และแสดงคำเตือนหากพบว่าลิงก์มีความเสี่ยง SafeLinks protection พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app โดยไม่ต้องตั้งค่าหรือกำหนดค่าเพิ่มเติม นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่ม time-of-click URL reputation checks ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนหากลิงก์ที่ Copilot ให้มานั้นเป็นอันตราย และในอนาคต SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel ✅ SafeLinks protection ตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์แบบเรียลไทม์ - หากพบว่าลิงก์เป็นอันตราย จะแสดงคำเตือนและป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ - พร้อมใช้งานบน Copilot Chat ใน Desktop, Web, Outlook Mobile, Teams Mobile และ Microsoft 365 Copilot Mobile app ✅ time-of-click URL reputation checks เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ - ตรวจสอบลิงก์ที่ Copilot ให้มา และแจ้งเตือนหากพบว่ามีความเสี่ยง ✅ Microsoft Defender for Office 365 Security Center จะสร้างรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคาม - ผู้ใช้สามารถ ติดตามภัยคุกคามที่ตรวจพบและการดำเนินการที่เกิดขึ้น ✅ SafeLinks protection จะถูกนำไปใช้กับ Copilot App Chats ใน Word, PowerPoint และ Excel ในอนาคต - เพิ่มความปลอดภัยให้กับ การใช้งาน Copilot ในแอปพลิเคชัน Microsoft 365 https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-chat-gets-safelinks-protection-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 Copilot Chat gets SafeLinks protection and more
    Microsoft has bolstered the security of M365 Copilot Chat by integrating SafeLinks for eligible customers. It has added a more basic link checking feature for non-customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาวอิสราเอลที่กำลังเป็นข่าวดังตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากคลิปวิดีโอที่เธอกำลังโต้เถียงกับใครบางคนและใช้คำพูดที่ว่า "เงินฉันสร้างประเทศของคุณ"

    ตอนนี้เธอกำลังเจอทัวร์ลงยับ ๆ ในทุกแพลตฟอร์ม และเพิ่งออกมาเคลื่อนไหว โดยแปลได้ประมาณนี้ครับ
    "สวัสดี ฉันคือผู้หญิงในวิดีโอ"

    "ก่อนอื่นขอชี้แจงว่า ประโยคที่พูดนั้นไม่ได้ถูกใช้ในบริบทที่ถูกต้อง ความตั้งใจของฉันคือการบอกว่า ชาวอิสราเอลมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทย"

    "นั่นเพราะฉันได้รับประสบการณ์ความรุนแรงทั้งทางกายและทางวาจา ที่เกิดจากความโกรธแค้นชาวอิสราเอลทุกคนที่มาท่องเที่ยวในไทย"

    "คนถ่ายวิดีโอไม่ใช่พนักงานในร้านอาหารแต่เป็นแขก ในคาเฟ่ฉันได้รับอนุญาตให้ใส่รองเท้าเพราะฉันเจ็บเท้า"

    "คนถ่ายวิดีโอและเพื่อนของเธอใช้ความรุนแรงเพื่อไล่ฉันออกจากคาเฟ่ แม้ว่าฉันจะออกจากร้านเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวก็ตาม"

    "วิดีโอนี้ถูกบิดเบือนและไม่ได้แสดงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับฉันเลย"

    https://web.facebook.com/share/p/1AFP7wUb8A/
    สาวอิสราเอลที่กำลังเป็นข่าวดังตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากคลิปวิดีโอที่เธอกำลังโต้เถียงกับใครบางคนและใช้คำพูดที่ว่า "เงินฉันสร้างประเทศของคุณ" ตอนนี้เธอกำลังเจอทัวร์ลงยับ ๆ ในทุกแพลตฟอร์ม และเพิ่งออกมาเคลื่อนไหว โดยแปลได้ประมาณนี้ครับ "สวัสดี ฉันคือผู้หญิงในวิดีโอ" "ก่อนอื่นขอชี้แจงว่า ประโยคที่พูดนั้นไม่ได้ถูกใช้ในบริบทที่ถูกต้อง ความตั้งใจของฉันคือการบอกว่า ชาวอิสราเอลมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทย" "นั่นเพราะฉันได้รับประสบการณ์ความรุนแรงทั้งทางกายและทางวาจา ที่เกิดจากความโกรธแค้นชาวอิสราเอลทุกคนที่มาท่องเที่ยวในไทย" "คนถ่ายวิดีโอไม่ใช่พนักงานในร้านอาหารแต่เป็นแขก ในคาเฟ่ฉันได้รับอนุญาตให้ใส่รองเท้าเพราะฉันเจ็บเท้า" "คนถ่ายวิดีโอและเพื่อนของเธอใช้ความรุนแรงเพื่อไล่ฉันออกจากคาเฟ่ แม้ว่าฉันจะออกจากร้านเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวก็ตาม" "วิดีโอนี้ถูกบิดเบือนและไม่ได้แสดงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับฉันเลย" https://web.facebook.com/share/p/1AFP7wUb8A/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • Perplexity AI กำลังเปิดตัว Comet ซึ่งเป็น เว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Google Chrome และช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Comet จะสามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้ เพื่อให้สามารถตอบคำถามตามบริบทได้ เช่น หากผู้ใช้ถามว่า "ฉันดูข้อมูลเกี่ยวกับนากทะเลเมื่อวันอังคารที่แล้วใช่ไหม?" Comet จะสามารถค้นหาบทความที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน

    นอกจากนี้ Comet ยังมี การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รวมถึง ระบบบล็อกโฆษณาในตัว และ ตัวเลือกในการปิดการแชร์ข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้

    ✅ Comet เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
    - ออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
    - สามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้

    ✅ สามารถค้นหาข้อมูลตามบริบทโดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน
    - ตัวอย่างเช่น ค้นหาบทความเกี่ยวกับนากทะเลที่ผู้ใช้ดูเมื่อวันอังคาร
    - ลดความยุ่งยากในการค้นหาข้อมูล

    ✅ มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและระบบบล็อกโฆษณาในตัว
    - ผู้ใช้สามารถ ปิดการแชร์ข้อมูลได้
    - มี ระบบบล็อกโฆษณาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

    ✅ Perplexity CEO ระบุว่า Comet จะสามารถแข่งขันกับ Chrome ได้
    - กล่าวว่า "Chrome กำลังจะหมดความนิยม"
    - Comet จะช่วยให้ การเปิดแท็บเก่าทำได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/perplexity-ais-comet-browser-will-streak-across-the-web-this-month
    Perplexity AI กำลังเปิดตัว Comet ซึ่งเป็น เว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Google Chrome และช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Comet จะสามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้ เพื่อให้สามารถตอบคำถามตามบริบทได้ เช่น หากผู้ใช้ถามว่า "ฉันดูข้อมูลเกี่ยวกับนากทะเลเมื่อวันอังคารที่แล้วใช่ไหม?" Comet จะสามารถค้นหาบทความที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน นอกจากนี้ Comet ยังมี การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รวมถึง ระบบบล็อกโฆษณาในตัว และ ตัวเลือกในการปิดการแชร์ข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้ ✅ Comet เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI - ออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น - สามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้ ✅ สามารถค้นหาข้อมูลตามบริบทโดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน - ตัวอย่างเช่น ค้นหาบทความเกี่ยวกับนากทะเลที่ผู้ใช้ดูเมื่อวันอังคาร - ลดความยุ่งยากในการค้นหาข้อมูล ✅ มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและระบบบล็อกโฆษณาในตัว - ผู้ใช้สามารถ ปิดการแชร์ข้อมูลได้ - มี ระบบบล็อกโฆษณาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ✅ Perplexity CEO ระบุว่า Comet จะสามารถแข่งขันกับ Chrome ได้ - กล่าวว่า "Chrome กำลังจะหมดความนิยม" - Comet จะช่วยให้ การเปิดแท็บเก่าทำได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/perplexity-ais-comet-browser-will-streak-across-the-web-this-month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Socket ได้ค้นพบ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตราย ซึ่งใช้ เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญและสื่อสารกับผู้โจมตี โดยแพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง และบางแพ็กเกจอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 4 ปี

    แพ็กเกจที่เป็นอันตรายเหล่านี้มีชื่อคล้ายกับแพ็กเกจ Coffin ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Coffin-Codes-Pro, Coffin-Codes, NET2, Coffin-Codes-NET, Coffin-Codes-2022, Coffin2022 และ Coffin-Grave รวมถึง cfc-bsb ซึ่งทั้งหมดถูกลบออกจาก PyPI แล้ว

    ✅ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตรายใช้เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูล
    - ใช้ บัญชี Gmail ที่มีรหัสผ่านฝังอยู่ในโค้ด
    - สร้าง ช่องทางสื่อสารผ่าน WebSockets เพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์

    ✅ แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง
    - บางแพ็กเกจอยู่บน PyPI นานถึง 4 ปี
    - ส่วนใหญ่เป็น การลอกเลียนแบบแพ็กเกจ Coffin

    ✅ Socket รายงานแพ็กเกจเหล่านี้ไปยัง PyPI และช่วยให้ถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม
    - แม้ว่าจะถูกลบไปแล้ว แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว
    - ผู้ใช้ที่ติดตั้งแพ็กเกจเหล่านี้ต้อง ลบออกทันทีและเปลี่ยนรหัสผ่าน

    ✅ เป้าหมายหลักของมัลแวร์คือการขโมยข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี
    - พบว่ามัลแวร์ส่งข้อมูลไปยัง บัญชี Gmail ที่มีคำว่า "blockchain" และ "bitcoin"

    https://www.techradar.com/pro/security/gmail-servers-hijacked-by-malicious-pypi-packages-to-spread-havoc-heres-how-to-stay-safe
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Socket ได้ค้นพบ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตราย ซึ่งใช้ เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญและสื่อสารกับผู้โจมตี โดยแพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง และบางแพ็กเกจอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 4 ปี แพ็กเกจที่เป็นอันตรายเหล่านี้มีชื่อคล้ายกับแพ็กเกจ Coffin ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Coffin-Codes-Pro, Coffin-Codes, NET2, Coffin-Codes-NET, Coffin-Codes-2022, Coffin2022 และ Coffin-Grave รวมถึง cfc-bsb ซึ่งทั้งหมดถูกลบออกจาก PyPI แล้ว ✅ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตรายใช้เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูล - ใช้ บัญชี Gmail ที่มีรหัสผ่านฝังอยู่ในโค้ด - สร้าง ช่องทางสื่อสารผ่าน WebSockets เพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ ✅ แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง - บางแพ็กเกจอยู่บน PyPI นานถึง 4 ปี - ส่วนใหญ่เป็น การลอกเลียนแบบแพ็กเกจ Coffin ✅ Socket รายงานแพ็กเกจเหล่านี้ไปยัง PyPI และช่วยให้ถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม - แม้ว่าจะถูกลบไปแล้ว แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว - ผู้ใช้ที่ติดตั้งแพ็กเกจเหล่านี้ต้อง ลบออกทันทีและเปลี่ยนรหัสผ่าน ✅ เป้าหมายหลักของมัลแวร์คือการขโมยข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี - พบว่ามัลแวร์ส่งข้อมูลไปยัง บัญชี Gmail ที่มีคำว่า "blockchain" และ "bitcoin" https://www.techradar.com/pro/security/gmail-servers-hijacked-by-malicious-pypi-packages-to-spread-havoc-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • Epic Games ได้ประกาศ นโยบายแบ่งรายได้ใหม่ สำหรับ Epic Games Store โดยจะ ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม ซึ่งเป็นความพยายามในการแข่งขันกับ Steam ที่ยังคงมี โมเดลแบ่งรายได้แบบขั้นบันได

    ก่อนหน้านี้ Epic Games Store มี ค่าธรรมเนียม 12% สำหรับทุกยอดขาย แต่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาจะได้รับรายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม และจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12% เฉพาะยอดขายที่เกินจากนั้น

    นอกจากนี้ Epic ยังเปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Webshop" ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Epic Games Store และขายเกมโดยตรงให้กับผู้เล่น โดยไม่ต้องผ่านร้านค้าแอปแบบดั้งเดิม

    ✅ Epic Games Store ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม
    - นักพัฒนาจะได้รับ รายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรก
    - รายได้ที่เกินจากนั้นจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12%

    ✅ เปรียบเทียบกับโมเดลแบ่งรายได้ของ Steam
    - Steam คิดค่าธรรมเนียม 30% สำหรับ 10 ล้านดอลลาร์แรก
    - ลดลงเหลือ 25% หลังจากยอดขายเกิน 10 ล้านดอลลาร์
    - ลดลงเหลือ 20% เมื่อยอดขายถึง 50 ล้านดอลลาร์

    ✅ Epic เปิดตัวฟีเจอร์ "Webshop" สำหรับนักพัฒนา
    - นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบน Epic Games Store
    - ผู้เล่นสามารถ ซื้อเกมโดยตรงจากนักพัฒนา

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม
    - อาจช่วยให้นักพัฒนา โดยเฉพาะอินดี้เกมสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
    - อาจทำให้ Steam ต้องปรับโมเดลแบ่งรายได้เพื่อแข่งขัน

    https://www.techspot.com/news/107797-epic-challenges-steam-zero-percent-fee-first-1.html
    Epic Games ได้ประกาศ นโยบายแบ่งรายได้ใหม่ สำหรับ Epic Games Store โดยจะ ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม ซึ่งเป็นความพยายามในการแข่งขันกับ Steam ที่ยังคงมี โมเดลแบ่งรายได้แบบขั้นบันได ก่อนหน้านี้ Epic Games Store มี ค่าธรรมเนียม 12% สำหรับทุกยอดขาย แต่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักพัฒนาจะได้รับรายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม และจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12% เฉพาะยอดขายที่เกินจากนั้น นอกจากนี้ Epic ยังเปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Webshop" ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Epic Games Store และขายเกมโดยตรงให้กับผู้เล่น โดยไม่ต้องผ่านร้านค้าแอปแบบดั้งเดิม ✅ Epic Games Store ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกของแต่ละเกม - นักพัฒนาจะได้รับ รายได้เต็มจำนวนสำหรับ 1 ล้านดอลลาร์แรก - รายได้ที่เกินจากนั้นจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 12% ✅ เปรียบเทียบกับโมเดลแบ่งรายได้ของ Steam - Steam คิดค่าธรรมเนียม 30% สำหรับ 10 ล้านดอลลาร์แรก - ลดลงเหลือ 25% หลังจากยอดขายเกิน 10 ล้านดอลลาร์ - ลดลงเหลือ 20% เมื่อยอดขายถึง 50 ล้านดอลลาร์ ✅ Epic เปิดตัวฟีเจอร์ "Webshop" สำหรับนักพัฒนา - นักพัฒนาสามารถ สร้างร้านค้าของตัวเองบน Epic Games Store - ผู้เล่นสามารถ ซื้อเกมโดยตรงจากนักพัฒนา ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม - อาจช่วยให้นักพัฒนา โดยเฉพาะอินดี้เกมสามารถทำกำไรได้มากขึ้น - อาจทำให้ Steam ต้องปรับโมเดลแบ่งรายได้เพื่อแข่งขัน https://www.techspot.com/news/107797-epic-challenges-steam-zero-percent-fee-first-1.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Epic challenges Steam with zero percent fee for first $1 million per game
    Epic Games recently announced a new revenue policy for its digital game store. Starting in June, the company will implement a developer-friendly change: any new payment processed...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Windows App บนเว็บ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เปิดแอปจากระยะไกลได้ง่ายขึ้น และ พิมพ์เอกสารไปยังเครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จริง

    Windows App เป็นแอปที่รวมบริการต่าง ๆ เช่น Windows 365 Cloud PCs, Azure Virtual Desktop และ Microsoft Dev Box โดยการอัปเดตล่าสุดช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเปิดแอปจากระยะไกลโดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์ และสามารถ สลับไปใช้แอปเดสก์ท็อปได้อย่างราบรื่น

    ✅ เพิ่มฟีเจอร์ Remote App Launcher
    - ผู้ใช้สามารถ เปิดแอปจากระยะไกลโดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์
    - มีปุ่มใหม่ใน แถบเครื่องมือของเว็บไคลเอนต์

    ✅ ปรับปรุงการพิมพ์เอกสารจาก Windows App บนเว็บ
    - สามารถ พิมพ์เอกสารไปยังเครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จริง
    - ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการพิมพ์จากเซสชันระยะไกล

    ✅ เพิ่มตัวเลือกสลับไปใช้แอปเดสก์ท็อป
    - ผู้ใช้สามารถ เลือก "Connect in desktop app" เพื่อเปิดเซสชันในแอปเดสก์ท็อป
    - รองรับ การใช้งานหลายหน้าจอ

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และองค์กร
    - ช่วยให้ การทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - ลดข้อจำกัดในการใช้งาน Windows App ผ่านเว็บ

    https://www.neowin.net/news/microsoft-brings-new-features-and-enhancements-to-windows-app-on-web/
    Microsoft ได้เปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Windows App บนเว็บ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เปิดแอปจากระยะไกลได้ง่ายขึ้น และ พิมพ์เอกสารไปยังเครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จริง Windows App เป็นแอปที่รวมบริการต่าง ๆ เช่น Windows 365 Cloud PCs, Azure Virtual Desktop และ Microsoft Dev Box โดยการอัปเดตล่าสุดช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเปิดแอปจากระยะไกลโดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์ และสามารถ สลับไปใช้แอปเดสก์ท็อปได้อย่างราบรื่น ✅ เพิ่มฟีเจอร์ Remote App Launcher - ผู้ใช้สามารถ เปิดแอปจากระยะไกลโดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์ - มีปุ่มใหม่ใน แถบเครื่องมือของเว็บไคลเอนต์ ✅ ปรับปรุงการพิมพ์เอกสารจาก Windows App บนเว็บ - สามารถ พิมพ์เอกสารไปยังเครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จริง - ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการพิมพ์จากเซสชันระยะไกล ✅ เพิ่มตัวเลือกสลับไปใช้แอปเดสก์ท็อป - ผู้ใช้สามารถ เลือก "Connect in desktop app" เพื่อเปิดเซสชันในแอปเดสก์ท็อป - รองรับ การใช้งานหลายหน้าจอ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และองค์กร - ช่วยให้ การทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพมากขึ้น - ลดข้อจำกัดในการใช้งาน Windows App ผ่านเว็บ https://www.neowin.net/news/microsoft-brings-new-features-and-enhancements-to-windows-app-on-web/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft brings new features and enhancements to Windows App on web
    The Windows Remote Desktop app has been retired. Its replacement, the shiny new Windows App, is getting new features in the web version, including Remote App Launcher and printing support.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีทำpcb จาก 3D resin printer จะเป็นแบบ DLP หรือ SLA ก็ได้
    https://youtu.be/-Qeq7ZgUOuE?si=peawebjWDgbXmkYT
    วิธีทำpcb จาก 3D resin printer จะเป็นแบบ DLP หรือ SLA ก็ได้ https://youtu.be/-Qeq7ZgUOuE?si=peawebjWDgbXmkYT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศว่า Project for the web และแอป Project และ Roadmap ใน Microsoft Teams จะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้ Planner ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ไว้ในที่เดียว

    Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Project for the web, Project ใน Teams และ Roadmap ใน Teams ทำงานแยกจาก Planner แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน

    อย่างไรก็ตาม Planner จะไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่เคยมีใน Project for the web เช่น Roadmaps และการนำเข้าไฟล์ .mpp ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันเหล่านี้

    ✅ Project for the web และแอปที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก
    - Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้ Planner เป็นแพลตฟอร์มหลัก
    - รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner

    ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - ลดความสับสนของผู้ใช้ที่ต้องเลือกใช้หลายแพลตฟอร์ม
    - Planner มีฟีเจอร์เดียวกับ Project for the web แต่รวมอยู่ในระบบเดียว

    ✅ ฟีเจอร์ที่ Planner ไม่มี
    - Roadmaps จะไม่สามารถเปิดได้ใน Planner
    - การนำเข้าไฟล์ .mpp จาก Project desktop ไม่สามารถทำได้โดยตรง

    ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    - Microsoft แนะนำให้ใช้ Planner Portfolio แทน Roadmaps
    - สามารถใช้ Planner Power Apps เพื่อย้ายข้อมูลจาก Project desktop

    https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-transition-set-for-august-here-is-what-will-be-retired/
    Microsoft ได้ประกาศว่า Project for the web และแอป Project และ Roadmap ใน Microsoft Teams จะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้ Planner ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ไว้ในที่เดียว Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Project for the web, Project ใน Teams และ Roadmap ใน Teams ทำงานแยกจาก Planner แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม Planner จะไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่เคยมีใน Project for the web เช่น Roadmaps และการนำเข้าไฟล์ .mpp ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันเหล่านี้ ✅ Project for the web และแอปที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก - Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้ Planner เป็นแพลตฟอร์มหลัก - รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - ลดความสับสนของผู้ใช้ที่ต้องเลือกใช้หลายแพลตฟอร์ม - Planner มีฟีเจอร์เดียวกับ Project for the web แต่รวมอยู่ในระบบเดียว ✅ ฟีเจอร์ที่ Planner ไม่มี - Roadmaps จะไม่สามารถเปิดได้ใน Planner - การนำเข้าไฟล์ .mpp จาก Project desktop ไม่สามารถทำได้โดยตรง ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ - Microsoft แนะนำให้ใช้ Planner Portfolio แทน Roadmaps - สามารถใช้ Planner Power Apps เพื่อย้ายข้อมูลจาก Project desktop https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-transition-set-for-august-here-is-what-will-be-retired/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Planner transition set for August, here is what will be retired
    Microsoft has announced that it will transition more people to Planner in August while retiring several other apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla กำลังเผชิญกับ ความท้าทายครั้งใหญ่ หาก Google ถูกบังคับให้ยุติข้อตกลงด้านการค้นหา เนื่องจาก รายได้ของ Mozilla กว่า 80% มาจาก Google ซึ่งอาจส่งผลให้ Firefox และ Gecko engine ต้องลดขนาดการดำเนินงานลง

    Mozilla ระบุว่า Firefox เป็นเบราว์เซอร์อิสระที่ไม่มีระบบปฏิบัติการหรืออุปกรณ์ของตัวเอง ทำให้ต้องพึ่งพารายได้จากการค้นหาเป็นหลัก หากไม่มีเงินทุนจาก Google อาจต้อง ลดการสนับสนุนโครงการสำคัญ เช่น Gecko ซึ่งเป็น browser engine เดียวที่แข่งขันกับ Chromium และ WebKit

    นอกจากนี้ Mozilla ยังเคยทดลองเปลี่ยน เครื่องมือค้นหาหลักจาก Google เป็น Yahoo ระหว่างปี 2014-2017 แต่พบว่าผู้ใช้จำนวนมาก ไม่พอใจกับคุณภาพของ Yahoo และบางส่วนเลือก เปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์อื่นแทน

    ✅ Mozilla พึ่งพารายได้จาก Google เป็นหลัก
    - รายได้กว่า 80% มาจากข้อตกลงกับ Google
    - หาก Google ถูกบังคับให้ยุติข้อตกลง Mozilla อาจต้อง ลดขนาดการดำเนินงาน

    ✅ ผลกระทบต่อ Firefox และ Gecko engine
    - Firefox ไม่มี ระบบปฏิบัติการหรืออุปกรณ์ของตัวเอง
    - Gecko เป็น browser engine เดียวที่แข่งขันกับ Chromium และ WebKit

    ✅ การทดลองใช้ Yahoo เป็นเครื่องมือค้นหา
    - Mozilla เปลี่ยนจาก Google เป็น Yahoo ระหว่างปี 2014-2017
    - ผู้ใช้จำนวนมาก ไม่พอใจกับคุณภาพของ Yahoo และบางส่วน เปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์อื่น

    ✅ ความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์
    - Mozilla ระบุว่า การบังคับให้ Google ยุติข้อตกลงอาจทำให้ Microsoft ได้เปรียบ
    - อาจส่งผลให้ ตลาดเบราว์เซอร์ถูกครอบงำโดยบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่ราย

    https://www.neowin.net/news/senior-mozilla-exec-explains-how-firefox-dies-without-google-and-its-not-just-the-money/
    Mozilla กำลังเผชิญกับ ความท้าทายครั้งใหญ่ หาก Google ถูกบังคับให้ยุติข้อตกลงด้านการค้นหา เนื่องจาก รายได้ของ Mozilla กว่า 80% มาจาก Google ซึ่งอาจส่งผลให้ Firefox และ Gecko engine ต้องลดขนาดการดำเนินงานลง Mozilla ระบุว่า Firefox เป็นเบราว์เซอร์อิสระที่ไม่มีระบบปฏิบัติการหรืออุปกรณ์ของตัวเอง ทำให้ต้องพึ่งพารายได้จากการค้นหาเป็นหลัก หากไม่มีเงินทุนจาก Google อาจต้อง ลดการสนับสนุนโครงการสำคัญ เช่น Gecko ซึ่งเป็น browser engine เดียวที่แข่งขันกับ Chromium และ WebKit นอกจากนี้ Mozilla ยังเคยทดลองเปลี่ยน เครื่องมือค้นหาหลักจาก Google เป็น Yahoo ระหว่างปี 2014-2017 แต่พบว่าผู้ใช้จำนวนมาก ไม่พอใจกับคุณภาพของ Yahoo และบางส่วนเลือก เปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์อื่นแทน ✅ Mozilla พึ่งพารายได้จาก Google เป็นหลัก - รายได้กว่า 80% มาจากข้อตกลงกับ Google - หาก Google ถูกบังคับให้ยุติข้อตกลง Mozilla อาจต้อง ลดขนาดการดำเนินงาน ✅ ผลกระทบต่อ Firefox และ Gecko engine - Firefox ไม่มี ระบบปฏิบัติการหรืออุปกรณ์ของตัวเอง - Gecko เป็น browser engine เดียวที่แข่งขันกับ Chromium และ WebKit ✅ การทดลองใช้ Yahoo เป็นเครื่องมือค้นหา - Mozilla เปลี่ยนจาก Google เป็น Yahoo ระหว่างปี 2014-2017 - ผู้ใช้จำนวนมาก ไม่พอใจกับคุณภาพของ Yahoo และบางส่วน เปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์อื่น ✅ ความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ - Mozilla ระบุว่า การบังคับให้ Google ยุติข้อตกลงอาจทำให้ Microsoft ได้เปรียบ - อาจส่งผลให้ ตลาดเบราว์เซอร์ถูกครอบงำโดยบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่ราย https://www.neowin.net/news/senior-mozilla-exec-explains-how-firefox-dies-without-google-and-its-not-just-the-money/
    WWW.NEOWIN.NET
    Senior Mozilla exec explains how Firefox dies without Google and it's not just the money
    Things do not look too good for Mozilla. The Firefox browser maker has explained how a lack of Google funding can kill it, and it's not just due to the money.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • SAP ได้เปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยระดับสูงสุดใน NetWeaver Visual Composer ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันธุรกิจ โดยช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า CVE-2025-31324 และมีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 เนื่องจากผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Metadata Uploader ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ Visual Composer ไม่มีการป้องกันด้วยการอนุญาตที่เหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย เช่น web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ได้

    SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในปลายเดือนเมษายน และแนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีจริง โดยมีองค์กรกว่า 1,200 แห่ง ที่อาจได้รับผลกระทบ รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500

    ✅ ช่องโหว่ใน NetWeaver Visual Composer
    - CVE-2025-31324 มีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10
    - ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน

    ✅ ผลกระทบต่อองค์กร
    - มีองค์กรกว่า 1,200 แห่งที่อาจได้รับผลกระทบ
    - รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500

    ✅ การตอบสนองของ SAP
    - SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในปลายเดือนเมษายน
    - แนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด

    ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง
    - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่ออัปโหลด web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่

    https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-vulnerability-puts-over-1200-sap-netweaver-servers-at-risk-of-hijacking
    SAP ได้เปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยระดับสูงสุดใน NetWeaver Visual Composer ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันธุรกิจ โดยช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า CVE-2025-31324 และมีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 เนื่องจากผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Metadata Uploader ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ Visual Composer ไม่มีการป้องกันด้วยการอนุญาตที่เหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย เช่น web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ได้ SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในปลายเดือนเมษายน และแนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้ในการโจมตีจริง โดยมีองค์กรกว่า 1,200 แห่ง ที่อาจได้รับผลกระทบ รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ✅ ช่องโหว่ใน NetWeaver Visual Composer - CVE-2025-31324 มีคะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 - ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อองค์กร - มีองค์กรกว่า 1,200 แห่งที่อาจได้รับผลกระทบ - รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ✅ การตอบสนองของ SAP - SAP ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ในปลายเดือนเมษายน - แนะนำให้ผู้ใช้ดำเนินการอัปเดตโดยเร็วที่สุด ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่ออัปโหลด web shells ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-vulnerability-puts-over-1200-sap-netweaver-servers-at-risk-of-hijacking
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • VeriSource ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริหารสวัสดิการพนักงานในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ 4 ล้านคน ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมที่ 55,000 คน เมื่อปีที่แล้ว

    ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วย ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลปรากฏบน dark web

    VeriSource ได้เสนอ บริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นมาตรการที่ล่าช้า แต่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้

    ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของ 4 ล้านคนถูกขโมย เพิ่มขึ้นจาก 55,000 คนเมื่อปีที่แล้ว

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN)

    ✅ การตอบสนองของ VeriSource
    - เสนอบริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน
    - ให้บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล

    ✅ สถานะของข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
    - ข้อมูลยังไม่ปรากฏบน dark web

    https://www.techradar.com/pro/security/verisource-bumps-up-potential-victim-count-of-data-breach-to-4-million
    VeriSource ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริหารสวัสดิการพนักงานในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ 4 ล้านคน ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมที่ 55,000 คน เมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วย ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลปรากฏบน dark web VeriSource ได้เสนอ บริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นมาตรการที่ล่าช้า แต่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้ ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของ 4 ล้านคนถูกขโมย เพิ่มขึ้นจาก 55,000 คนเมื่อปีที่แล้ว ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย - ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) ✅ การตอบสนองของ VeriSource - เสนอบริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน - ให้บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ✅ สถานะของข้อมูลที่ถูกขโมย - ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด - ข้อมูลยังไม่ปรากฏบน dark web https://www.techradar.com/pro/security/verisource-bumps-up-potential-victim-count-of-data-breach-to-4-million
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบเทคนิคการโจมตีทางไซเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Data Splicing Attacks ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือป้องกันการสูญเสียข้อมูล (DLP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโจมตีนี้ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน

    การโจมตีนี้ยังใช้ช่องทางการสื่อสารทางเลือก เช่น gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัยอย่าง WhatsApp และ Telegram เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Angry Magpie เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ในระบบของตน

    ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่
    - ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสในเบราว์เซอร์
    - ข้อมูลถูกประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน

    ✅ ช่องทางการสื่อสารทางเลือก
    - ใช้ gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัย เช่น WhatsApp และ Telegram
    - หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections

    ✅ การพัฒนาเครื่องมือ Angry Magpie
    - เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่
    - ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบระบบในสถานการณ์ที่สมจริง

    ✅ ผลกระทบต่อองค์กร
    - การโจมตีนี้สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือ DLP และ EPP ได้
    - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลในองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/thousands-of-businesses-at-risk-worldwide-as-new-data-exfiltration-technique-uncovered-heres-what-you-need-to-know
    บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบเทคนิคการโจมตีทางไซเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Data Splicing Attacks ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือป้องกันการสูญเสียข้อมูล (DLP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโจมตีนี้ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน การโจมตีนี้ยังใช้ช่องทางการสื่อสารทางเลือก เช่น gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัยอย่าง WhatsApp และ Telegram เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Angry Magpie เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ในระบบของตน ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่ - ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสในเบราว์เซอร์ - ข้อมูลถูกประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน ✅ ช่องทางการสื่อสารทางเลือก - ใช้ gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัย เช่น WhatsApp และ Telegram - หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections ✅ การพัฒนาเครื่องมือ Angry Magpie - เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ - ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบระบบในสถานการณ์ที่สมจริง ✅ ผลกระทบต่อองค์กร - การโจมตีนี้สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือ DLP และ EPP ได้ - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลในองค์กร https://www.techradar.com/pro/thousands-of-businesses-at-risk-worldwide-as-new-data-exfiltration-technique-uncovered-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Enterprise browser could become the next battleground for hackers looking to exfiltrate data
    Browser vulnerabilities render DLP tools ineffective as new data exfiltration attacks emerge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนามบินพาโร ภูฏาน ปัจจุบันมีเพียงนักบิน 50 คนทั่วโลกที่ได้รับการฝึกอบรมและได้ใบอนุญาตพิเศษให้นักบินสามารถ landing และ take off

    สนามบินพาโร (Paro International Airport
    เป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศภูฏาน อยู่ห่างจากตัวเมืองพาโรประมาณ 6 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงทิมพูประมาณ 54 กิโลเมตร
    สนามบินนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกริมแม่น้ำพาโรชู (Paro Chhu) ที่ระดับความสูงประมาณ 7,332 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล หรือเกือบเท่ากับดอยอินทนนท์ที่สูง 8,415 ฟุต และมีความยาวเพียง 7,431 ฟุตเท่านั้น (สนามบินดอนเมืองมีรันเวย์ยาว 12,139 ฟุต)

    สนามบินพาโรได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสนามบินที่ท้าทายและอันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากล้อมรอบด้วยภูเขาสูงถึง 5,500 เมตร (18,000 ฟุต) ลักษณะภูมิประเทศที่ซับซ้อนและการไม่มีระบบนำร่องอัตโนมัติ (Instrument Landing System, ILS) ทำให้การบินขึ้นและลงต้องอาศัยการบินด้วยสายตา (Visual Flight Rules, VFR) เท่านั้น นักบินที่สามารถลงที่สนามบินนี้ได้ต้องผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางและได้รับใบอนุญาตพิเศษ โดยในปี 2024 มีนักบินเพียง 50 คนทั่วโลกที่ได้รับการรับรองให้ทำการบินลงที่สนามบินพาโร

    การบินเข้าสู่สนามบินพาโรเป็นความท้าทายสำหรับนักบินและเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างที่สุดของผู้โดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเที่ยวบินประวัติศาสตร์นี้ นับว่าเป็นพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งทางด้านการบินของทั้งสองพระองค์ และนับว่าเป็นโอกาสที่สำคัญและพิเศษที่สุดในชีวิตของผู้โดยสารเกียรติยศในครั้งนี้ครับ

    พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร
    ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

    เครดิตคลิปวิดีโอจากเพจ เชียร์ลุง2
    https://web.facebook.com/share/v/1EKtinGXmz/
    สนามบินพาโร ภูฏาน ปัจจุบันมีเพียงนักบิน 50 คนทั่วโลกที่ได้รับการฝึกอบรมและได้ใบอนุญาตพิเศษให้นักบินสามารถ landing และ take off สนามบินพาโร (Paro International Airport เป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศภูฏาน อยู่ห่างจากตัวเมืองพาโรประมาณ 6 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงทิมพูประมาณ 54 กิโลเมตร สนามบินนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกริมแม่น้ำพาโรชู (Paro Chhu) ที่ระดับความสูงประมาณ 7,332 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล หรือเกือบเท่ากับดอยอินทนนท์ที่สูง 8,415 ฟุต และมีความยาวเพียง 7,431 ฟุตเท่านั้น (สนามบินดอนเมืองมีรันเวย์ยาว 12,139 ฟุต) สนามบินพาโรได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสนามบินที่ท้าทายและอันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากล้อมรอบด้วยภูเขาสูงถึง 5,500 เมตร (18,000 ฟุต) ลักษณะภูมิประเทศที่ซับซ้อนและการไม่มีระบบนำร่องอัตโนมัติ (Instrument Landing System, ILS) ทำให้การบินขึ้นและลงต้องอาศัยการบินด้วยสายตา (Visual Flight Rules, VFR) เท่านั้น นักบินที่สามารถลงที่สนามบินนี้ได้ต้องผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางและได้รับใบอนุญาตพิเศษ โดยในปี 2024 มีนักบินเพียง 50 คนทั่วโลกที่ได้รับการรับรองให้ทำการบินลงที่สนามบินพาโร การบินเข้าสู่สนามบินพาโรเป็นความท้าทายสำหรับนักบินและเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างที่สุดของผู้โดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเที่ยวบินประวัติศาสตร์นี้ นับว่าเป็นพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งทางด้านการบินของทั้งสองพระองค์ และนับว่าเป็นโอกาสที่สำคัญและพิเศษที่สุดในชีวิตของผู้โดยสารเกียรติยศในครั้งนี้ครับ พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เครดิตคลิปวิดีโอจากเพจ เชียร์ลุง2 https://web.facebook.com/share/v/1EKtinGXmz/
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เอาเข้าจริงๆ&ถึงวันจริงๆ รอดหมดเชื่อสิ,ดูแค่สามารถเข้าประเทศได้และไม่ติดคุกเลยก็ด้วย,เลี้ยงหลานแต่สามารถเชื่อมโยงประสานงานด้านการเมืองได้สาระพัดกระทั่งสามารถให้พรรคการเมืองหลายๆพรรคมาหาได้อย่างมืดฟ้าทลายอากาศก็ว่า.
    ..สรุปปาหี่แหกตาประชาชนปั่นกระแสโกลาหลเหมือนเดิม,ลัทธิตาเดียว&deep stateในไทยอุ้มค้ำชูปกติ&รอดนอนพักเดินเล่นอย่างสบายๆ ขนาดเอากลับไทยได้ยังทำได้ เขาเดินเกมส์เหมือนคนไทยกินหญ้าทั้งประเทศไทยล่ะ,ชาวบ้านในสายตาชนชั้นคนปกครองเขามองว่าไร้ค่านะ.,หมากในการขึ้นครองอำนาจนั่งปกครองเท่านั้นหรือทาสขี้ข้าทั้งหมดในสายตาพวกมัน,ดูยึดอำนาจสิ เจ้าสัวร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งตรึม,ยึดอำนาจห่าอะไร ไม่ยึดคืนวัตถุดิบจำเป็นลดต้นทุนชีวิตค่าใช้จ่ายคนไทยทั้งประเทศเลยซึ่งต่างชาติปล้นชิงเอาไปทางกฎหมายที่มิชอบทั้งนั้น.อาทิบ่อน้ำมันล่ะตย.ชัดเจนโคตรๆ.



    https://youtube.com/live/v-Vpu-viKa4?si=fX8Sn64GweBOeVuv
    ..เอาเข้าจริงๆ&ถึงวันจริงๆ รอดหมดเชื่อสิ,ดูแค่สามารถเข้าประเทศได้และไม่ติดคุกเลยก็ด้วย,เลี้ยงหลานแต่สามารถเชื่อมโยงประสานงานด้านการเมืองได้สาระพัดกระทั่งสามารถให้พรรคการเมืองหลายๆพรรคมาหาได้อย่างมืดฟ้าทลายอากาศก็ว่า. ..สรุปปาหี่แหกตาประชาชนปั่นกระแสโกลาหลเหมือนเดิม,ลัทธิตาเดียว&deep stateในไทยอุ้มค้ำชูปกติ&รอดนอนพักเดินเล่นอย่างสบายๆ ขนาดเอากลับไทยได้ยังทำได้ เขาเดินเกมส์เหมือนคนไทยกินหญ้าทั้งประเทศไทยล่ะ,ชาวบ้านในสายตาชนชั้นคนปกครองเขามองว่าไร้ค่านะ.,หมากในการขึ้นครองอำนาจนั่งปกครองเท่านั้นหรือทาสขี้ข้าทั้งหมดในสายตาพวกมัน,ดูยึดอำนาจสิ เจ้าสัวร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งตรึม,ยึดอำนาจห่าอะไร ไม่ยึดคืนวัตถุดิบจำเป็นลดต้นทุนชีวิตค่าใช้จ่ายคนไทยทั้งประเทศเลยซึ่งต่างชาติปล้นชิงเอาไปทางกฎหมายที่มิชอบทั้งนั้น.อาทิบ่อน้ำมันล่ะตย.ชัดเจนโคตรๆ. https://youtube.com/live/v-Vpu-viKa4?si=fX8Sn64GweBOeVuv
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • SAP NetWeaver ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก กำลังเผชิญกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่สำคัญในส่วนประกอบ Visual Composer โดยช่องโหว่นี้ได้รับการติดตามในชื่อ CVE-2025-31324 และมีคะแนนความรุนแรงสูงสุดที่ 10 บนมาตราส่วน CVSS

    ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายไปยังเซิร์ฟเวอร์ SAP NetWeaver และรันโค้ดระยะไกลได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบทั้งหมดและการติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม

    SAP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวผ่าน SAP Security Note 3594142 และแนะนำให้ผู้ใช้งานติดตั้งแพตช์ทันที หากไม่สามารถติดตั้งได้ ควรปิดการใช้งานหรือจำกัดการเข้าถึงส่วนประกอบที่มีช่องโหว่ตามคำแนะนำใน SAP Note 3596125

    การโจมตีที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่นี้ถูกตรวจพบโดยนักวิจัยจาก ReliaQuest ซึ่งพบว่าผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่อวาง JSP web shells บนเซิร์ฟเวอร์ SAP โดย web shells เหล่านี้ทำหน้าที่เป็น backdoor ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งเพิ่มเติมหรืออัปโหลดไฟล์ที่ไม่ได้รับอนุญาต

    ✅ ช่องโหว่ใน Visual Composer
    - เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายและรันโค้ดระยะไกล
    - ช่องโหว่ได้รับคะแนนความรุนแรงสูงสุดที่ 10 บนมาตราส่วน CVSS

    ✅ การตอบสนองของ SAP
    - ออกแพตช์แก้ไขผ่าน SAP Security Note 3594142
    - แนะนำให้ปิดการใช้งานหรือจำกัดการเข้าถึงส่วนประกอบที่มีช่องโหว่

    ✅ การโจมตีที่เกี่ยวข้อง
    - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่อวาง JSP web shells บนเซิร์ฟเวอร์ SAP
    - web shells ทำหน้าที่เป็น backdoor ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งเพิ่มเติม

    ✅ ผลกระทบต่อระบบ SAP NetWeaver
    - ช่องโหว่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงระบบทั้งหมดและการติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม

    https://www.csoonline.com/article/3971211/sap-netweaver-customers-urged-to-deploy-patch-for-critical-zero-day-vulnerability.html
    SAP NetWeaver ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก กำลังเผชิญกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่สำคัญในส่วนประกอบ Visual Composer โดยช่องโหว่นี้ได้รับการติดตามในชื่อ CVE-2025-31324 และมีคะแนนความรุนแรงสูงสุดที่ 10 บนมาตราส่วน CVSS ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนสามารถอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายไปยังเซิร์ฟเวอร์ SAP NetWeaver และรันโค้ดระยะไกลได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบทั้งหมดและการติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม SAP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวผ่าน SAP Security Note 3594142 และแนะนำให้ผู้ใช้งานติดตั้งแพตช์ทันที หากไม่สามารถติดตั้งได้ ควรปิดการใช้งานหรือจำกัดการเข้าถึงส่วนประกอบที่มีช่องโหว่ตามคำแนะนำใน SAP Note 3596125 การโจมตีที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่นี้ถูกตรวจพบโดยนักวิจัยจาก ReliaQuest ซึ่งพบว่าผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่อวาง JSP web shells บนเซิร์ฟเวอร์ SAP โดย web shells เหล่านี้ทำหน้าที่เป็น backdoor ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งเพิ่มเติมหรืออัปโหลดไฟล์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ✅ ช่องโหว่ใน Visual Composer - เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีอัปโหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายและรันโค้ดระยะไกล - ช่องโหว่ได้รับคะแนนความรุนแรงสูงสุดที่ 10 บนมาตราส่วน CVSS ✅ การตอบสนองของ SAP - ออกแพตช์แก้ไขผ่าน SAP Security Note 3594142 - แนะนำให้ปิดการใช้งานหรือจำกัดการเข้าถึงส่วนประกอบที่มีช่องโหว่ ✅ การโจมตีที่เกี่ยวข้อง - ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เพื่อวาง JSP web shells บนเซิร์ฟเวอร์ SAP - web shells ทำหน้าที่เป็น backdoor ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งเพิ่มเติม ✅ ผลกระทบต่อระบบ SAP NetWeaver - ช่องโหว่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงระบบทั้งหมดและการติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม https://www.csoonline.com/article/3971211/sap-netweaver-customers-urged-to-deploy-patch-for-critical-zero-day-vulnerability.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    SAP NetWeaver customers urged to deploy patch for critical zero-day vulnerability
    The unrestricted file upload flaw is likely being exploited by an initial access broker to deploy JSP web shells that grant full access to servers and allow installing additional malware payloads.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • [ ราชอาณาจักร​ภูฏาน ประดับพระบรมฉายาลักษณ์​ และธงชาติไทย เตรียม​การรับเสด็จ​ฯ ในหลวง-พระราชินี ]
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือน ราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๕- ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน

    https://web.facebook.com/share/p/1EbSg5mS71/
    [ ราชอาณาจักร​ภูฏาน ประดับพระบรมฉายาลักษณ์​ และธงชาติไทย เตรียม​การรับเสด็จ​ฯ ในหลวง-พระราชินี ] . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือน ราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๕- ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน https://web.facebook.com/share/p/1EbSg5mS71/
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ปรับปรุงความสามารถของ Copilot ใน Word เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ้างอิงข้อมูล โดยผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารขนาดใหญ่และโฟลเดอร์ทั้งหมดได้ ซึ่งช่วยให้การสร้างและตรวจสอบเอกสารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การอัปเดตนี้ยังรวมถึงการรองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุดถึง 1.5 ล้านคำ หรือ 3,000 หน้า และการอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการ ในฟีเจอร์ Draft with Copilot

    ✅ การอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ทั้งหมด
    - ผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ใน OneDrive หรือ SharePoint
    - หากโฟลเดอร์มีไฟล์มากกว่า 10 ไฟล์ Copilot จะเลือกอ้างอิงจากไฟล์ล่าสุด 10 ไฟล์

    ✅ รองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์
    - รองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุด 1.5 ล้านคำหรือ 3,000 หน้า
    - สามารถอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการในฟีเจอร์ Draft with Copilot

    ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ ใน Word
    - การจัดการโน้ตเสียง (voice notes) ที่ดีขึ้น
    - การถอดเสียงเป็นเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าหรือแบบกำหนดเอง

    ✅ การเปิดตัวฟีเจอร์ใน Word for the Web
    - ฟีเจอร์การอ้างอิงโฟลเดอร์พร้อมใช้งานใน Word for the Web แล้ว
    - การรองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายน 2025

    https://www.neowin.net/news/microsoft-now-lets-you-reference-massive-documents-and-entire-folders-in-word/
    Microsoft ได้ปรับปรุงความสามารถของ Copilot ใน Word เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ้างอิงข้อมูล โดยผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารขนาดใหญ่และโฟลเดอร์ทั้งหมดได้ ซึ่งช่วยให้การสร้างและตรวจสอบเอกสารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การอัปเดตนี้ยังรวมถึงการรองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุดถึง 1.5 ล้านคำ หรือ 3,000 หน้า และการอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการ ในฟีเจอร์ Draft with Copilot ✅ การอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ทั้งหมด - ผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ใน OneDrive หรือ SharePoint - หากโฟลเดอร์มีไฟล์มากกว่า 10 ไฟล์ Copilot จะเลือกอ้างอิงจากไฟล์ล่าสุด 10 ไฟล์ ✅ รองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์ - รองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุด 1.5 ล้านคำหรือ 3,000 หน้า - สามารถอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการในฟีเจอร์ Draft with Copilot ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ ใน Word - การจัดการโน้ตเสียง (voice notes) ที่ดีขึ้น - การถอดเสียงเป็นเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าหรือแบบกำหนดเอง ✅ การเปิดตัวฟีเจอร์ใน Word for the Web - ฟีเจอร์การอ้างอิงโฟลเดอร์พร้อมใช้งานใน Word for the Web แล้ว - การรองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายน 2025 https://www.neowin.net/news/microsoft-now-lets-you-reference-massive-documents-and-entire-folders-in-word/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft now lets you reference massive documents and entire folders in Word
    Microsoft is making some changes to Copilot in Word, allowing you to reference entire folders and much larger documents.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงใน Webex ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถใช้ Remote Code Execution (RCE) ผ่านลิงก์เชิญประชุมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2024-20236 และได้รับคะแนนความรุนแรง 8.8/10 ตามมาตรฐาน CVSS

    ✅ ช่องโหว่ CVE-2024-20236 เป็นปัญหาการตรวจสอบข้อมูลที่ไม่เพียงพอ
    - ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน custom URL parser ของแอป Webex
    - ผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้คลิกลิงก์ประชุมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ

    ✅ ช่องโหว่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้
    - หากผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบมากับลิงก์ประชุม อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งได้ด้วยสิทธิ์ของผู้ใช้

    ✅ Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่แล้ว
    - ไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาชั่วคราว ดังนั้นผู้ใช้ต้องอัปเดต Webex เพื่อป้องกันการโจมตี

    ✅ Cisco ยังแก้ไขช่องโหว่อื่นๆ อีกสองรายการ
    - CVE-2025-20178 (คะแนน 6.0/10) เป็นช่องโหว่ Privilege Escalation ใน Secure Networks Analytics
    - CVE-2025-20150 (คะแนน 5.3/10) เป็นช่องโหว่ใน Nexus Dashboard ที่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถตรวจสอบบัญชี LDAP ได้

    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-webex-security-flaw-could-let-hackers-hijack-your-system-via-a-meeting-invite
    Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงใน Webex ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถใช้ Remote Code Execution (RCE) ผ่านลิงก์เชิญประชุมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น CVE-2024-20236 และได้รับคะแนนความรุนแรง 8.8/10 ตามมาตรฐาน CVSS ✅ ช่องโหว่ CVE-2024-20236 เป็นปัญหาการตรวจสอบข้อมูลที่ไม่เพียงพอ - ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน custom URL parser ของแอป Webex - ผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้คลิกลิงก์ประชุมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ✅ ช่องโหว่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้ - หากผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบมากับลิงก์ประชุม อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งได้ด้วยสิทธิ์ของผู้ใช้ ✅ Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่แล้ว - ไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาชั่วคราว ดังนั้นผู้ใช้ต้องอัปเดต Webex เพื่อป้องกันการโจมตี ✅ Cisco ยังแก้ไขช่องโหว่อื่นๆ อีกสองรายการ - CVE-2025-20178 (คะแนน 6.0/10) เป็นช่องโหว่ Privilege Escalation ใน Secure Networks Analytics - CVE-2025-20150 (คะแนน 5.3/10) เป็นช่องโหว่ใน Nexus Dashboard ที่ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถตรวจสอบบัญชี LDAP ได้ https://www.techradar.com/pro/security/cisco-webex-security-flaw-could-let-hackers-hijack-your-system-via-a-meeting-invite
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคณะเจรจาเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการปรับขึ้นภาษีกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมเจรจาในวันที่ 23 เม.ย. นี้ โดยเตรียมหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง หลังจากเดินทางกลับมาก่อน ซึ่งกระทรวงกลาโหมไทยและกองทัพสหรัฐไม่มีปัญหาอะไร และยังดำรงความสัมพันธ์ในการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สนับสนุนและดูแลกันอย่างดีมาตลอด

    ส่วนข่าวลือที่รัฐบาลอาจสั่งให้ กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินเอฟ 16 ของสหรัฐแทนเครื่องบินกริฟเพ้นท์ ของสวีเดนที่กองทัพอากาศได้คัดเลือกแบบไว้แล้วนั้น ได้เรียนไปแล้วว่าเงื่อนไขนี้ไม่สามารถทำได้

    "เคยได้พูดคุยกับทางสหรัฐฯ ซึ่งได้มาเสนอโครงการเอฟ 16 ให้ไทยแต่เงื่อนไขสำคัญที่เสนอมาคือการให้เรากู้เงินจากธนาคารของสหรัฐเพื่อนำมาซื้อเอฟ 16 ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนั้นในการใช้เงินกู้มาซื้อขณะที่บ้านเรายังมีปัญหาเรื่องอื่นๆอยู่" นายภูมิธรรม กล่าว

    ทั้งนี้ในภาพรวมกองทัพอากาศมีเอฟ 16 ประจำการ2 ฝูงบิน กริฟเพ้นท์ 1 ฝูงบิน ส่วนกริฟเพ้นท์อีก 1 ฝูง เรายังไม่ได้ตัดสินใจและยังไม่ได้มีการเสนออะไรทั้งสิ้นเข้า ครม. เป็นเพียงความต้องการของกองทัพอากาศ ซึ่งเราก็รับฟัง

    ส่วนแนวคิดการจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-130 เพื่อทดแทนของเก่าที่จะประจำการอยู่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงจะไปคิดล่วงหน้าไม่ได้ รอให้มีความชัดเจนในเรื่องข้อต่อรอง และจำเป็นต้องทำอะไร รวมทั้งสิ่งใดที่เราทำแล้วได้ประโยชน์กับประเทศ ไม่กระทบกระเทือนกับแผนปฏิรูปแห่งชาติของกระทรวงกลาโหม

    https://web.facebook.com/share/p/167ogoUnjM/
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคณะเจรจาเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการปรับขึ้นภาษีกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมเจรจาในวันที่ 23 เม.ย. นี้ โดยเตรียมหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง หลังจากเดินทางกลับมาก่อน ซึ่งกระทรวงกลาโหมไทยและกองทัพสหรัฐไม่มีปัญหาอะไร และยังดำรงความสัมพันธ์ในการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สนับสนุนและดูแลกันอย่างดีมาตลอด ส่วนข่าวลือที่รัฐบาลอาจสั่งให้ กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินเอฟ 16 ของสหรัฐแทนเครื่องบินกริฟเพ้นท์ ของสวีเดนที่กองทัพอากาศได้คัดเลือกแบบไว้แล้วนั้น ได้เรียนไปแล้วว่าเงื่อนไขนี้ไม่สามารถทำได้ "เคยได้พูดคุยกับทางสหรัฐฯ ซึ่งได้มาเสนอโครงการเอฟ 16 ให้ไทยแต่เงื่อนไขสำคัญที่เสนอมาคือการให้เรากู้เงินจากธนาคารของสหรัฐเพื่อนำมาซื้อเอฟ 16 ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนั้นในการใช้เงินกู้มาซื้อขณะที่บ้านเรายังมีปัญหาเรื่องอื่นๆอยู่" นายภูมิธรรม กล่าว ทั้งนี้ในภาพรวมกองทัพอากาศมีเอฟ 16 ประจำการ2 ฝูงบิน กริฟเพ้นท์ 1 ฝูงบิน ส่วนกริฟเพ้นท์อีก 1 ฝูง เรายังไม่ได้ตัดสินใจและยังไม่ได้มีการเสนออะไรทั้งสิ้นเข้า ครม. เป็นเพียงความต้องการของกองทัพอากาศ ซึ่งเราก็รับฟัง ส่วนแนวคิดการจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-130 เพื่อทดแทนของเก่าที่จะประจำการอยู่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงจะไปคิดล่วงหน้าไม่ได้ รอให้มีความชัดเจนในเรื่องข้อต่อรอง และจำเป็นต้องทำอะไร รวมทั้งสิ่งใดที่เราทำแล้วได้ประโยชน์กับประเทศ ไม่กระทบกระเทือนกับแผนปฏิรูปแห่งชาติของกระทรวงกลาโหม https://web.facebook.com/share/p/167ogoUnjM/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ

    หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน

    กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่

    จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568
    ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน)

    หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568

    รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่:
    1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย
    2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต
    3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง
    4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม
    5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร
    6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ
    7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ.
    8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ

    สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย
    1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์
    2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
    3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ)

    .
    เครดิต:
    https://web.facebook.com/roytunpd
    การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่ จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568 ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน) หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่: 1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย 2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต 3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง 4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร 6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ 7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ. 8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย 1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ 2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร 3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ) . เครดิต: https://web.facebook.com/roytunpd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts