• โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯบอกว่า "จะเป็นความคิดที่ดี" สำหรับแคนาดา ในการเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา พูดหยอกล้ออีกรอบบนสื่อสังคมออนไลน์ว่า "ชาวแคนาดาจำนวนมาก" ก็ขานรับด้วยความยินดีกับแนวคิดนี้ ในขณะที่ออตตาวากำลังตกอยู่ท่ามกลางความปั่นป่วนจากวิกฤตทางการเมือง
    .
    "ชาวแคนาดาจำนวนมากต้องการให้แคนาดาเป็นรัฐที่51" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "พวกเขาจะประหยัดเงินอย่างมหาศาลในด้านภาษีและการคุ้มกันทางทหาร ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี รัฐที่51!"
    .
    โพสต์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นติดตลกต่อสาธารณะต่อแนวคิดดังกล่าว ซึ่งบางส่วนมอบว่าเป็นมุกตลกที่ไม่ชวนขำเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามหลังการลาออกจากตำแหน่งอย่างน่าตกตะลึงของรองนายกรัฐมนตรีแคนาดาเมื่อวันจันทร์(16ธ.ค.)
    .
    กระนั้นผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักวิจัยตลาด Leger ที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์ พบว่ามีชาวแคนาดาถึง 13% ที่สนับสนุนแนวคิดเข้าร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านทางใต้
    .
    ก่อนหน้านี้ครั้งที่ ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นแบบเดียวกันกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระหว่างการรับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักตากอากาศในมาร์อาโก ในฟลอริดา เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน มีรายงานว่ามันเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมโต๊ะ
    .
    ในครั้งนั้น ทรัมป์ ขู่แบบหยอกๆว่า แคนาดาควรกลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา จนกว่าประเทศแห่งนี้จะจัดการระงับกระแสการไหลบ่าเข้ามาของพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและพวกขนยาเสพติดข้ามชายแดนติดกับสหรัฐฯ
    .
    ตามรายงานของฟ็อกซ์นิวส์ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าการรวมประเทศของทั้ง 2 ชาติ จะไม่ใช่แค่สามารถคลี่คลายความกังวลของเขาเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าเฟนทานิล แต่ยังอาจช่วยสกัดการอพยพผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาสาหัสสากรรจ์ตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ
    .
    ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ขู่รีดภาษี 25% ต่อสินค้าต่างๆ ที่นำเข้ามาจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโก ครั้งที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งแล้ว แก้แค้นกรณีผู้อพยพผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับ "อาชญากรรมและยาเสพติด" ที่ไหลบ่าข้ามชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ เข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    คำพูดของทรัมป์ในตอนนั้น สร้างความตกใจในแคนาดา ด้วยบางส่วนแสดงความคิดเห็นว่ามัน "ไม่ใช่เรื่องตลก" เป็นเรื่องน่าอายและเป็นคำขู่ที่ไม่อ่อนโยน ที่หลุดออกมาจากปากของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    นับตั้งแต่นั้น ทรัมป์ พาดพิง ทรูโด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ในฐานะผู้ว่าการรัฐแคนาดา ตำแหน่งที่ใช้เรียกผู้นำรัฐต่างๆใน 50 รัฐของสหรัฐฯ
    .
    มุกตลกนี้เริ่มก่อความกังวลมากยิ่งขึ้นแก่ชาวแคนาดา ตามหลังการลาออกอย่างน่าประหลาดในของ คริสเทีย ฟรีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ฉุดให้ประเทศดำดิ่งสู่วิกฤตทางการเมืองในสัปดาห์นี้
    .
    รัฐมนตรีรายนี้ระบุในจดหมายลาออกว่า เธอและทรูโด มีความเห็นไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับแนวทางตอบโต้คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ และการบริการจัดหารแนวโน้มสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
    .
    กว่า 75% ของการส่งออกของแคนา เป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และแรงงานแคนาดาเกือบ 2 ล้านตำแหน่ง ต้องพึ่งพิงการค้า
    .
    ฟรีแลนด์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุด และเป็นพันธมิตรมายาวนานของทรูโด ขณะที่รัฐบาลเสรีนิยมของเขา เริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นหลังบริหารประเทศได้ 9 ปี และกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเมื่อต้นปี หลังพรรคประชาธิปไตยใหม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ทำให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่เผชิญกระแสเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหนักขึ้นเรื่อยๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121643
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯบอกว่า "จะเป็นความคิดที่ดี" สำหรับแคนาดา ในการเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา พูดหยอกล้ออีกรอบบนสื่อสังคมออนไลน์ว่า "ชาวแคนาดาจำนวนมาก" ก็ขานรับด้วยความยินดีกับแนวคิดนี้ ในขณะที่ออตตาวากำลังตกอยู่ท่ามกลางความปั่นป่วนจากวิกฤตทางการเมือง . "ชาวแคนาดาจำนวนมากต้องการให้แคนาดาเป็นรัฐที่51" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "พวกเขาจะประหยัดเงินอย่างมหาศาลในด้านภาษีและการคุ้มกันทางทหาร ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี รัฐที่51!" . โพสต์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นติดตลกต่อสาธารณะต่อแนวคิดดังกล่าว ซึ่งบางส่วนมอบว่าเป็นมุกตลกที่ไม่ชวนขำเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามหลังการลาออกจากตำแหน่งอย่างน่าตกตะลึงของรองนายกรัฐมนตรีแคนาดาเมื่อวันจันทร์(16ธ.ค.) . กระนั้นผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักวิจัยตลาด Leger ที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์ พบว่ามีชาวแคนาดาถึง 13% ที่สนับสนุนแนวคิดเข้าร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ . ก่อนหน้านี้ครั้งที่ ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นแบบเดียวกันกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระหว่างการรับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักตากอากาศในมาร์อาโก ในฟลอริดา เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน มีรายงานว่ามันเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมโต๊ะ . ในครั้งนั้น ทรัมป์ ขู่แบบหยอกๆว่า แคนาดาควรกลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา จนกว่าประเทศแห่งนี้จะจัดการระงับกระแสการไหลบ่าเข้ามาของพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและพวกขนยาเสพติดข้ามชายแดนติดกับสหรัฐฯ . ตามรายงานของฟ็อกซ์นิวส์ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าการรวมประเทศของทั้ง 2 ชาติ จะไม่ใช่แค่สามารถคลี่คลายความกังวลของเขาเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าเฟนทานิล แต่ยังอาจช่วยสกัดการอพยพผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาสาหัสสากรรจ์ตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ . ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ขู่รีดภาษี 25% ต่อสินค้าต่างๆ ที่นำเข้ามาจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโก ครั้งที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งแล้ว แก้แค้นกรณีผู้อพยพผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับ "อาชญากรรมและยาเสพติด" ที่ไหลบ่าข้ามชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ เข้าสู่สหรัฐฯ . คำพูดของทรัมป์ในตอนนั้น สร้างความตกใจในแคนาดา ด้วยบางส่วนแสดงความคิดเห็นว่ามัน "ไม่ใช่เรื่องตลก" เป็นเรื่องน่าอายและเป็นคำขู่ที่ไม่อ่อนโยน ที่หลุดออกมาจากปากของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ . นับตั้งแต่นั้น ทรัมป์ พาดพิง ทรูโด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ในฐานะผู้ว่าการรัฐแคนาดา ตำแหน่งที่ใช้เรียกผู้นำรัฐต่างๆใน 50 รัฐของสหรัฐฯ . มุกตลกนี้เริ่มก่อความกังวลมากยิ่งขึ้นแก่ชาวแคนาดา ตามหลังการลาออกอย่างน่าประหลาดในของ คริสเทีย ฟรีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ฉุดให้ประเทศดำดิ่งสู่วิกฤตทางการเมืองในสัปดาห์นี้ . รัฐมนตรีรายนี้ระบุในจดหมายลาออกว่า เธอและทรูโด มีความเห็นไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับแนวทางตอบโต้คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ และการบริการจัดหารแนวโน้มสงครามการค้ากับสหรัฐฯ . กว่า 75% ของการส่งออกของแคนา เป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และแรงงานแคนาดาเกือบ 2 ล้านตำแหน่ง ต้องพึ่งพิงการค้า . ฟรีแลนด์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุด และเป็นพันธมิตรมายาวนานของทรูโด ขณะที่รัฐบาลเสรีนิยมของเขา เริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นหลังบริหารประเทศได้ 9 ปี และกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเมื่อต้นปี หลังพรรคประชาธิปไตยใหม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ทำให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่เผชิญกระแสเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหนักขึ้นเรื่อยๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121643 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน
    .
    คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
    .
    เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ
    .
    คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน
    .
    ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา
    .
    ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน
    .
    ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง
    .
    ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้
    .
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ"
    .
    "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ"
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน . คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า . เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน . ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา . ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน . ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง . ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้ . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ" . "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ" . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้เผยได้ร่างโรดแมปเตรียมพร้อมไว้แล้วกรณีที่ทรัมป์ฟื้นการเจรจานิวเคลียร์กับเปียงยาง แต่ยอมรับว่า สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองทำให้การติดต่อประสานงานกับทีมงานของว่าที่ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ สะดุด
    .
    ในวันพุธ (18 ธ.ค.) ที่งานแถลงข่าวร่วมต่อสื่อต่างประเทศซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศ และชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ พยายามฟื้นความมั่นใจของชาติพันธมิตรและนักลงทุนในตลาด นับจากที่ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล พยายามประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. และดึงประเทศเข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี
    .
    โชเผยว่า เกาหลีใต้ได้สร้างเครือข่ายและช่องทางสื่อสารกับทีมหาเสียงของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา “ที่แข็งแกร่งกว่าประเทศใดๆ” ทว่า การประกาศกฎอัยการศึกทำให้เครือข่ายและช่องทางเหล่านั้นสะดุดและบ่อนทำลายโมเมนตัมทางการเมืองระหว่างสองฝ่าย
    .
    ทีมงานของโชยังร่างโรดแมปสำหรับความเป็นไปได้ที่วอชิงตันและเปียงยางอาจฟื้นการเจรจานิวเคลียร์ โดยอ้างอิงการที่ทรัมป์เลือกอดีตผู้นำหน่วยข่าวกรองเป็นผู้แทนภารกิจพิเศษที่รวมถึงนโยบายต่อเกาหลีเหนือ
    .
    ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เปียงยางเพิกเฉยต่อการทาบทามเพื่อฟื้นการเจรจาโดยปราศจากเงื่อนไขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ทีมงานของทรัมป์พยายามหาทางเจรจาโดยตรงกับคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อลดความเสี่ยงในการปะทะทางทหาร
    .
    นอกจากนั้นทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า ต้องการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่โชเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักพักจนกว่าจะเกิดขึ้นจริง และจำเป็นต้องหาทางตอบโต้กรณีที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซียควบคู่กับการเฝ้าติดตามสถานการณ์
    .
    ในส่วนจีนนั้น โชเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถูกคาดหมายว่า จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในเกาหลีใต้ปีหน้า ซึ่งจะถือเป็นการเยือนโซลครั้งแรกของประมุขจีนในรอบ 11 ปี
    .
    เขายังกล่าวถึงการที่จีนตัดสินใจขยายมาตรการเดินทางเข้าเกาหลีใต้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าว่า เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงระหว่างกันและความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ และเสริมว่า โซลกำลังสำรวจความเป็นไปได้สำหรับมาตรการเดียวกัน
    .
    ทั้งนี้ นอกจากต้องพยายามควบคุมผลกระทบจากวิกฤตการเมืองต่อตลาดการเงินและตลาดปริวรรตเงินตราแล้ว เกาหลีใต้ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนกับอเมริกาภายใต้คณะบริหารของทรัมป์
    .
    ภายหลังความพยายามในการประกาศกฎอัยการศึกของยุนที่ถูกสภาลงมติถอดถอนเมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) และขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้นั้น วอชิงตันได้วิจารณ์สถานการณ์การเมืองของเกาหลีใต้อย่างตรงไปตรงมาผิดปกติ โดยเคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ระบุว่า การตัดสินใจของยุน “ผิดพลาดร้ายแรง”
    .
    ทางด้านชอย รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ แถลงว่า รัฐบาลจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และรับมือความผันผวนรุนแรงในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างเต็มที่
    .
    โชและชอยเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีที่คัดค้านแผนการประกาศกฎอัยการศึกของยุนอย่างเปิดเผยระหว่างการประชุมกลางดึกก่อนที่ยุนจะประกาศคำสั่งนี้ไม่นาน
    .
    ระหว่างให้การต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โชกล่าวว่า ได้เตือนว่า การประกาศกฎอัยการศึกอาจทำลายความสำเร็จที่เกาหลีใต้สร้างสมมาตลอด 70 ปี แต่ยุนไม่สนใจคำขอร้องของตนให้ทบทวนการตัดสินใจ
    .
    โชกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ครั้งล่าสุดที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในเกาหลีใต้คือปี 1979 ซึ่งเขาได้เข้าทำงานในกระทรวงต่างประเทศ และสำทับว่า เขา “อึ้ง” กับการตัดสินใจดังกล่าวและไม่นึกไม่ฝันว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 45 ปีต่อมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121640
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้เผยได้ร่างโรดแมปเตรียมพร้อมไว้แล้วกรณีที่ทรัมป์ฟื้นการเจรจานิวเคลียร์กับเปียงยาง แต่ยอมรับว่า สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองทำให้การติดต่อประสานงานกับทีมงานของว่าที่ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ สะดุด . ในวันพุธ (18 ธ.ค.) ที่งานแถลงข่าวร่วมต่อสื่อต่างประเทศซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศ และชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ พยายามฟื้นความมั่นใจของชาติพันธมิตรและนักลงทุนในตลาด นับจากที่ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล พยายามประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. และดึงประเทศเข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี . โชเผยว่า เกาหลีใต้ได้สร้างเครือข่ายและช่องทางสื่อสารกับทีมหาเสียงของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา “ที่แข็งแกร่งกว่าประเทศใดๆ” ทว่า การประกาศกฎอัยการศึกทำให้เครือข่ายและช่องทางเหล่านั้นสะดุดและบ่อนทำลายโมเมนตัมทางการเมืองระหว่างสองฝ่าย . ทีมงานของโชยังร่างโรดแมปสำหรับความเป็นไปได้ที่วอชิงตันและเปียงยางอาจฟื้นการเจรจานิวเคลียร์ โดยอ้างอิงการที่ทรัมป์เลือกอดีตผู้นำหน่วยข่าวกรองเป็นผู้แทนภารกิจพิเศษที่รวมถึงนโยบายต่อเกาหลีเหนือ . ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เปียงยางเพิกเฉยต่อการทาบทามเพื่อฟื้นการเจรจาโดยปราศจากเงื่อนไขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ทีมงานของทรัมป์พยายามหาทางเจรจาโดยตรงกับคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อลดความเสี่ยงในการปะทะทางทหาร . นอกจากนั้นทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า ต้องการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่โชเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักพักจนกว่าจะเกิดขึ้นจริง และจำเป็นต้องหาทางตอบโต้กรณีที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซียควบคู่กับการเฝ้าติดตามสถานการณ์ . ในส่วนจีนนั้น โชเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถูกคาดหมายว่า จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในเกาหลีใต้ปีหน้า ซึ่งจะถือเป็นการเยือนโซลครั้งแรกของประมุขจีนในรอบ 11 ปี . เขายังกล่าวถึงการที่จีนตัดสินใจขยายมาตรการเดินทางเข้าเกาหลีใต้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าว่า เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงระหว่างกันและความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ และเสริมว่า โซลกำลังสำรวจความเป็นไปได้สำหรับมาตรการเดียวกัน . ทั้งนี้ นอกจากต้องพยายามควบคุมผลกระทบจากวิกฤตการเมืองต่อตลาดการเงินและตลาดปริวรรตเงินตราแล้ว เกาหลีใต้ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนกับอเมริกาภายใต้คณะบริหารของทรัมป์ . ภายหลังความพยายามในการประกาศกฎอัยการศึกของยุนที่ถูกสภาลงมติถอดถอนเมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) และขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้นั้น วอชิงตันได้วิจารณ์สถานการณ์การเมืองของเกาหลีใต้อย่างตรงไปตรงมาผิดปกติ โดยเคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ระบุว่า การตัดสินใจของยุน “ผิดพลาดร้ายแรง” . ทางด้านชอย รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ แถลงว่า รัฐบาลจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และรับมือความผันผวนรุนแรงในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างเต็มที่ . โชและชอยเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีที่คัดค้านแผนการประกาศกฎอัยการศึกของยุนอย่างเปิดเผยระหว่างการประชุมกลางดึกก่อนที่ยุนจะประกาศคำสั่งนี้ไม่นาน . ระหว่างให้การต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โชกล่าวว่า ได้เตือนว่า การประกาศกฎอัยการศึกอาจทำลายความสำเร็จที่เกาหลีใต้สร้างสมมาตลอด 70 ปี แต่ยุนไม่สนใจคำขอร้องของตนให้ทบทวนการตัดสินใจ . โชกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ครั้งล่าสุดที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในเกาหลีใต้คือปี 1979 ซึ่งเขาได้เข้าทำงานในกระทรวงต่างประเทศ และสำทับว่า เขา “อึ้ง” กับการตัดสินใจดังกล่าวและไม่นึกไม่ฝันว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 45 ปีต่อมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121640 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้แทนยูเอ็นเตือนความขัดแย้งในซีเรีย “ยังไม่จบ” แม้ระบอบอัสซาดล่มสลาย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในที่ราบสูงโกลัน รวมทั้งยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและสำทับว่า การยกเลิกมาตรการแซงก์ชันคือกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือซีเรีย
    .
    เกียร์ เพเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำซีเรีย แถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับกลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกลุ่มนักรบเคิร์ด โดยเตือนว่า มีการสู้รบกันอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขณะนี้มีการต่ออายุข้อตกลงออกไปอีก 5 วัน แต่เขายังกังวลเกี่ยวกับรายงานการสู้รบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นหายนะ
    .
    หลังการแถลงของเพเดอร์เซนไม่นาน อเมริกาประกาศว่า ได้ผลักดันให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงระหว่างนักรบที่สนับสนุนตุรกีกับนักรบเคิร์ดในซีเรียที่เมืองแมนบิจไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้
    .
    เพเดอร์เซนตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียกว่า 350 ระลอกภายหลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดล่ม ซึ่งทำให้พลเรือนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และบ่อนทำลายแนวโน้มการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น
    .
    เขายังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ยึดครองในที่ราบสูงโกลันในซีเรียตามที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศก่อนหน้านี้ซึ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งขอให้ยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย
    .
    เพเดอร์เซนเสริมว่า เขาได้พบผู้นำใหม่ของซีเรีย รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบคุกใต้ดินและสถานที่ทรมานและประหารชีวิตในเรือนจำเซดนายาภายใต้ระบอบอัสซาด
    .
    ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นผู้นี้เรียกร้องการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับซีเรีย และยุติมาตรการแซงก์ชันเพื่อเปิดทางสำหรับการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่ย่อยยับจากสงคราม
    .
    ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเรียกร้องให้มีการดำเนินการกระบวนการทางการเมืองที่รวมคนทุกกลุ่มและนำโดยชาวซีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด
    .
    ขณะนี้ ชาติตะวันตกหลายแห่งรีบรุดติดต่อกับกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำเข้ายึดกรุงดามัสกัส แม้กลุ่มกบฏนี้มีรากเหง้ามาจากเครือข่ายอัล-กออิดะห์สาขาซีเรีย รวมทั้งยังถูกชาติตะวันตกส่วนใหญ่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม
    .
    ทอม เฟลตเชอร์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนคนใหม่ของยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสนามรบในซีเรียไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความยากลำบากของประชาชนเกือบ 13 ล้านคนที่เผชิญความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน นอกจากนั้นชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคนยังต้องทิ้งถิ่นฐานในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
    .
    เฟลตเชอร์เสริมว่า ได้พบผู้ปกครองใหม่ของซีเรียที่แสดงความมุ่งมั่นในการขยายโครงการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า สถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม และจำเป็นต้องหาทางคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว
    .
    ทางด้านลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำยูเอ็น แสดงความยินดีกับการล่มสลายของระบอบอัสซาด แต่เตือนว่า ซีเรียอาจกลายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121639
    ..............
    Sondhi X
    ผู้แทนยูเอ็นเตือนความขัดแย้งในซีเรีย “ยังไม่จบ” แม้ระบอบอัสซาดล่มสลาย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในที่ราบสูงโกลัน รวมทั้งยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและสำทับว่า การยกเลิกมาตรการแซงก์ชันคือกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือซีเรีย . เกียร์ เพเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำซีเรีย แถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับกลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกลุ่มนักรบเคิร์ด โดยเตือนว่า มีการสู้รบกันอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขณะนี้มีการต่ออายุข้อตกลงออกไปอีก 5 วัน แต่เขายังกังวลเกี่ยวกับรายงานการสู้รบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นหายนะ . หลังการแถลงของเพเดอร์เซนไม่นาน อเมริกาประกาศว่า ได้ผลักดันให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงระหว่างนักรบที่สนับสนุนตุรกีกับนักรบเคิร์ดในซีเรียที่เมืองแมนบิจไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้ . เพเดอร์เซนตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียกว่า 350 ระลอกภายหลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดล่ม ซึ่งทำให้พลเรือนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และบ่อนทำลายแนวโน้มการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น . เขายังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ยึดครองในที่ราบสูงโกลันในซีเรียตามที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศก่อนหน้านี้ซึ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งขอให้ยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย . เพเดอร์เซนเสริมว่า เขาได้พบผู้นำใหม่ของซีเรีย รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบคุกใต้ดินและสถานที่ทรมานและประหารชีวิตในเรือนจำเซดนายาภายใต้ระบอบอัสซาด . ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นผู้นี้เรียกร้องการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับซีเรีย และยุติมาตรการแซงก์ชันเพื่อเปิดทางสำหรับการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่ย่อยยับจากสงคราม . ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเรียกร้องให้มีการดำเนินการกระบวนการทางการเมืองที่รวมคนทุกกลุ่มและนำโดยชาวซีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด . ขณะนี้ ชาติตะวันตกหลายแห่งรีบรุดติดต่อกับกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำเข้ายึดกรุงดามัสกัส แม้กลุ่มกบฏนี้มีรากเหง้ามาจากเครือข่ายอัล-กออิดะห์สาขาซีเรีย รวมทั้งยังถูกชาติตะวันตกส่วนใหญ่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม . ทอม เฟลตเชอร์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนคนใหม่ของยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสนามรบในซีเรียไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความยากลำบากของประชาชนเกือบ 13 ล้านคนที่เผชิญความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน นอกจากนั้นชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคนยังต้องทิ้งถิ่นฐานในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ . เฟลตเชอร์เสริมว่า ได้พบผู้ปกครองใหม่ของซีเรียที่แสดงความมุ่งมั่นในการขยายโครงการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า สถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม และจำเป็นต้องหาทางคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว . ทางด้านลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำยูเอ็น แสดงความยินดีกับการล่มสลายของระบอบอัสซาด แต่เตือนว่า ซีเรียอาจกลายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121639 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง
    .
    หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.)
    .
    ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้
    .
    นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน
    .
    นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง
    .
    ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242
    ..............
    Sondhi X
    จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง . หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม . เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.) . ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้ . นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน . เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย . การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน . นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง . ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯระบุไม่เกี่ยวข้องในเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงรายหนึ่งของรัสเซีย ในปฏิบัติการที่ยูเครนกล่าวอ้างความรับผิดชอบ แต่ประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนของนายพลรายนี้
    .
    "ผมสามารถบอกกับพวกคุณได้ว่า สหรัฐฯ ไม่ทราบเรื่องล่วงหน้าและไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารอิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้าหน่วยอาวุธเคมีของกองทัพรัสเซีย
    .
    แต่ มิลเลอร์ ชี้ถึงคำประเมินของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ที่ว่า คิริลลอฟ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่สุดของรัสเซียที่ถูกลอบสังหารนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน เป็นคนออกคำสั่งให้ใช้สารควบคุมจลาจลในสมรภูมิรบ ซึ่งละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธเคมี "เขาเป็นนายพลที่เกี่ยวข้องกับความโหดร้ายป่าเถื่อนต่างๆ เขาเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธเคมีกับกองทัพยูเครน"
    .
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาพันธมิตรตะวันตกของยูเครน เป็นผู้สมคบคิดในเหตุลอบสังหารอย่างเลือดเย็นในกรุงมองโก ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าอเมริกา "ไม่ทราบปฏิบัติการนี้ล่วงหน้า และเราไม่สนับสนุนหรือให้สิทธิความเคลื่อนไหวลักษณะนี้"
    .
    เหตุลอบสังหารเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างความสำเร็จของทหารรัสเซียในยูเครน หลังจากปฏิบัติการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ที่ฝักใฝ่ตะวันตก ลากยาวมาใกล้ครบ 3 ปีแล้ว
    .
    คิริลลอฟ วัย 54 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายอาวุธเคมี ชีวภาพและรังสีวิทยาของกองทัพรัสเซีย และเมื่อเร็วๆ นี้ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร ต่อคำกล่าวหาใช้อาวุธเคมีในยูเครน
    .
    แหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคงยูเครน (SBU) บอกกับเอเอฟพี ว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดลอบสังหาร ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษ" พร้อมเรียก คาริลลอฟ ว่าเป็น "อาชญากรสงคราม"
    .
    คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ระบุว่า "วัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนในรถสกูตเตอร์คันหนึ่งที่จอดใกล้ทางเข้าของอาคารที่พักอาศัย ถูกจุดชนวนขึ้นในตอนเช้าวันที่ 17 ธันวาคม บนถนนรยาซานสกี ในมอสโก"
    .
    แรงระเบิดทำให้บานกระจกหน้าต่างของอาคารแตกกระจัดกระจาย และประตูหน้าได้รับความเสียหายรุนแรง ตามรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ
    .
    เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่า พวกเขากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุโจมตีก่อการร้าย แต่แหล่งข่าวของ SBU ตอบโต้ว่า "คาริลลอฟ เป็นอาชญากรและเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม เนื่องจากเขาเป็นคนออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับกองทัพยูเครน มันคือจุดสิ้นสุดการรอคอยของชาวยูเครนที่ถูกฆ่าอย่างไร้เกียรติ การลงโทษอาชญากรรมสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" แหล่งข่าวระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121240
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯระบุไม่เกี่ยวข้องในเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงรายหนึ่งของรัสเซีย ในปฏิบัติการที่ยูเครนกล่าวอ้างความรับผิดชอบ แต่ประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนของนายพลรายนี้ . "ผมสามารถบอกกับพวกคุณได้ว่า สหรัฐฯ ไม่ทราบเรื่องล่วงหน้าและไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารอิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้าหน่วยอาวุธเคมีของกองทัพรัสเซีย . แต่ มิลเลอร์ ชี้ถึงคำประเมินของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ที่ว่า คิริลลอฟ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่สุดของรัสเซียที่ถูกลอบสังหารนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน เป็นคนออกคำสั่งให้ใช้สารควบคุมจลาจลในสมรภูมิรบ ซึ่งละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธเคมี "เขาเป็นนายพลที่เกี่ยวข้องกับความโหดร้ายป่าเถื่อนต่างๆ เขาเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธเคมีกับกองทัพยูเครน" . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาพันธมิตรตะวันตกของยูเครน เป็นผู้สมคบคิดในเหตุลอบสังหารอย่างเลือดเย็นในกรุงมองโก ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าอเมริกา "ไม่ทราบปฏิบัติการนี้ล่วงหน้า และเราไม่สนับสนุนหรือให้สิทธิความเคลื่อนไหวลักษณะนี้" . เหตุลอบสังหารเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างความสำเร็จของทหารรัสเซียในยูเครน หลังจากปฏิบัติการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ที่ฝักใฝ่ตะวันตก ลากยาวมาใกล้ครบ 3 ปีแล้ว . คิริลลอฟ วัย 54 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายอาวุธเคมี ชีวภาพและรังสีวิทยาของกองทัพรัสเซีย และเมื่อเร็วๆ นี้ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร ต่อคำกล่าวหาใช้อาวุธเคมีในยูเครน . แหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคงยูเครน (SBU) บอกกับเอเอฟพี ว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดลอบสังหาร ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษ" พร้อมเรียก คาริลลอฟ ว่าเป็น "อาชญากรสงคราม" . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ระบุว่า "วัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนในรถสกูตเตอร์คันหนึ่งที่จอดใกล้ทางเข้าของอาคารที่พักอาศัย ถูกจุดชนวนขึ้นในตอนเช้าวันที่ 17 ธันวาคม บนถนนรยาซานสกี ในมอสโก" . แรงระเบิดทำให้บานกระจกหน้าต่างของอาคารแตกกระจัดกระจาย และประตูหน้าได้รับความเสียหายรุนแรง ตามรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ . เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่า พวกเขากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุโจมตีก่อการร้าย แต่แหล่งข่าวของ SBU ตอบโต้ว่า "คาริลลอฟ เป็นอาชญากรและเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม เนื่องจากเขาเป็นคนออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับกองทัพยูเครน มันคือจุดสิ้นสุดการรอคอยของชาวยูเครนที่ถูกฆ่าอย่างไร้เกียรติ การลงโทษอาชญากรรมสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" แหล่งข่าวระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121240 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว
    .
    พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย
    .
    เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น
    .
    สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว
    .
    ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น
    .
    สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน
    .
    ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ
    .
    ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน
    .
    การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ
    .
    ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม
    .
    บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236
    ..............
    Sondhi X
    นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว . พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย . เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น . สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว . ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น . สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน . ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ . ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน . การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ . ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม . บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวแสดงความหวังว่า คณะบริหารใหม่ของอเมริกาจะ “ตัดสินใจถูกต้อง” และร่วมมือกับปักกิ่งซึ่งจะทำให้สามารถบรรลุ “สิ่งต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก” ขณะที่ก่อนหน้านั้นไม่นาน โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า สี จิ้นผิง เคยเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขา แต่ความสัมพันธ์ที่ดีนี้มีอันร้าวฉานเนื่องจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19
    .
    สองประเทศเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 1 และ 2 ของโลก งัดข้อกันหลากหลายประเด็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องการค้า เทคโนโลยี สิทธิมนุษยชน จนถึงเรื่องไต้หวัน
    .
    โดยเฉพาะในเรื่องหลังนี้ จีนถือว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของตน และไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อาจต้องใช้กำลังเข้ายึดในวันใดวันหนึ่ง ขณะที่อเมริกาแม้ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ก็ผ่านกฎหมายให้เข้าช่วยเหลือไต้หวัน รวมทั้งทำข้อตกลงขายอาวุธให้ไทเปป้องกันตนเองได้
    .
    ณ งานประชุมสำคัญที่ปักกิ่งในวันอังคาร (17) หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน พูดว่า นโยบายของจีนต่ออเมริกา “ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” ในระหว่างที่เขากล่าวปราศรัยเปิดงานคราวนี้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายมุ่งสะท้อนถึงผลงานทางการทูตของแดนมังกรในรอบปีที่ผ่านมา ตลอดจนความคาดหวังต่างๆ สำหรับอนาคต
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศจีนระบุว่า จากการปฏิบัติงานของคณะทำงานต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนการร่วมมือกันในการควบคุมการลักลอบขนยาเสพติดข้ามพรมแดนเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อสองประเทศร่วมมือกัน จีนและอเมริกาก็สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่มากมาย
    .
    หวังยังแสดงความหวังว่า คณะบริหารของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะ “เลือกถูก” ด้วยการร่วมมือกับจีนเดินไปในทิศทางเดียวกัน เอาชนะอุปสรรค และมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีเสถียรภาพ ราบรื่น และยั่งยืน
    .
    อย่างไรก็ดี เขายังคงกล่าวย้ำเตือนในเรื่องไต้หวัน โดยบอกว่า ปักกิ่ง “คัดค้านอย่างเด็ดเดี่ยวต่อการกดขี่อย่างผิดกฎหมายและไม่มีเหตุผลของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าแทรกแซงอย่างหยาบคายในกิจการภายในของจีน” ซึ่งก็รวมทั้งเรื่องสถานะของเกาะไต้หวัน
    .
    ขณะเดียวกัน ในการปราศรัยคราวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้วาดภาพของโลกที่มืดมนลงกว่าเดิม โดยที่มีการสู้รบขัดแย้งกันเพิ่มมากขึ้น
    .
    เขากล่าวเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์โลกที่มีความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งพัวพันกันอย่างยุ่งเหยิง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้น เวลาเดียวกันนั้น กระแสการแยกตัดขาดจากกันและการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานก็กำลังรุนแรงขึ้น ก่อนจะสำทับว่า ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายและความขัดแย้งทั่วโลก จีนจะยังคงเป็นพลังส่งเสริมสันติภาพต่อไป
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (16) ทรัมป์ได้จัดแถลงข่าวครั้งแรกนับจากชนะการเลือกตั้งเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว ณ รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก รัฐฟลอริดา ของเขา โดยช่วงหนึ่งได้บอกว่า เขากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยเป็นเพื่อนกัน และเอ่ยชื่นชมว่า ประมุขจีนว่าเป็นคนที่น่าทึ่งมาก แต่แล้วความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างกันก็มีอันร้าวฉานนับจากโควิด-19 ระบาด
    .
    ทรัมป์เปิดเผยในสัปดาห์ที่แล้วว่า สี เป็นผู้นำต่างประเทศคนหนึ่งในหลายๆ คนที่เขาได้เชื้อเชิญให้มาร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของเขาที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 20 ม.ค. ที่จะถึงนี้ โดยรายงานข่าวระบุว่าเขาได้เชิญ สี ตั้งแต่ไม่กี่วันหลังการเลือกตั้งตอนต้นเดือน พ.ย. ด้วยซ้ำ ทว่ายังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประมุขจีนจะตอบรับหรือไม่ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามในวันจันทร์ (16) เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทรัมป์ก็ตอบเลี่ยงๆ ว่า “โควิดไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ (ระหว่างตัวเขากับสี) สิ้นสุดลง แต่มันก็กลายเป็นก้าวเดินที่ต้องก้าวไกลเกินไปสำหรับผม”
    .
    อย่างไรก็ดี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกายังคงพูดในแง่ดีว่า “จีนกับสหรัฐฯสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาทุกๆ อย่างของโลก คุณลองคิดดูสิ” และย้ำว่า “ดังนั้น มันจึงมีความสำคัญมาก และเขาก็เคยเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม”
    .
    กระนั้น พวกนักวิเคราะห์จำนวนมากยังคงมองว่า ดูเหมือนคำพูดและการกระทำของทรัมป์จะตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง โดยที่ก่อนหน้านี้เขาเสนอชื่อผู้ที่มีจุดยืนแข็งกร้าวกับจีนเข้ารับบทบาทสำคัญในทีมงานด้านการทูตและเศรษฐกิจของเขา ส่งสัญญาณว่า จะมีการเผชิญหน้ากับจีนที่เป็นศัตรูเชิงยุทธศาสตร์หลักของอเมริกามากกว่าสมัยทรัมป์ 1.0 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้า ซึ่งสร้างความปั่นป่วนยุ่งเยิกให้แก่ห่วงโซ่อุปทานโลก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศจากการทำให้เงินเฟ้อและดอกเบี้ยพุ่งขึ้น
    .
    ทรัมป์ยังประกาศว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนอีก 10% จาก 60% ที่ขู่ไว้แต่แรก เพื่อกดดันให้จีนพยายามมากขึ้นในการสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ทางด้านจีนเตรียมพร้อมตอบโต้คณะบริหารของทรัมป์แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟันเช่นเดียวกัน และกำลังรวบรวมเครื่องมือต่อรองเพื่อเริ่มต้นการเจรจา ซึ่งรวมถึงประเด็นทางการค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121237
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวแสดงความหวังว่า คณะบริหารใหม่ของอเมริกาจะ “ตัดสินใจถูกต้อง” และร่วมมือกับปักกิ่งซึ่งจะทำให้สามารถบรรลุ “สิ่งต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก” ขณะที่ก่อนหน้านั้นไม่นาน โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า สี จิ้นผิง เคยเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขา แต่ความสัมพันธ์ที่ดีนี้มีอันร้าวฉานเนื่องจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 . สองประเทศเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 1 และ 2 ของโลก งัดข้อกันหลากหลายประเด็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องการค้า เทคโนโลยี สิทธิมนุษยชน จนถึงเรื่องไต้หวัน . โดยเฉพาะในเรื่องหลังนี้ จีนถือว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของตน และไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อาจต้องใช้กำลังเข้ายึดในวันใดวันหนึ่ง ขณะที่อเมริกาแม้ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ก็ผ่านกฎหมายให้เข้าช่วยเหลือไต้หวัน รวมทั้งทำข้อตกลงขายอาวุธให้ไทเปป้องกันตนเองได้ . ณ งานประชุมสำคัญที่ปักกิ่งในวันอังคาร (17) หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน พูดว่า นโยบายของจีนต่ออเมริกา “ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” ในระหว่างที่เขากล่าวปราศรัยเปิดงานคราวนี้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายมุ่งสะท้อนถึงผลงานทางการทูตของแดนมังกรในรอบปีที่ผ่านมา ตลอดจนความคาดหวังต่างๆ สำหรับอนาคต . รัฐมนตรีต่างประเทศจีนระบุว่า จากการปฏิบัติงานของคณะทำงานต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนการร่วมมือกันในการควบคุมการลักลอบขนยาเสพติดข้ามพรมแดนเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อสองประเทศร่วมมือกัน จีนและอเมริกาก็สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่มากมาย . หวังยังแสดงความหวังว่า คณะบริหารของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะ “เลือกถูก” ด้วยการร่วมมือกับจีนเดินไปในทิศทางเดียวกัน เอาชนะอุปสรรค และมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีเสถียรภาพ ราบรื่น และยั่งยืน . อย่างไรก็ดี เขายังคงกล่าวย้ำเตือนในเรื่องไต้หวัน โดยบอกว่า ปักกิ่ง “คัดค้านอย่างเด็ดเดี่ยวต่อการกดขี่อย่างผิดกฎหมายและไม่มีเหตุผลของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าแทรกแซงอย่างหยาบคายในกิจการภายในของจีน” ซึ่งก็รวมทั้งเรื่องสถานะของเกาะไต้หวัน . ขณะเดียวกัน ในการปราศรัยคราวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้วาดภาพของโลกที่มืดมนลงกว่าเดิม โดยที่มีการสู้รบขัดแย้งกันเพิ่มมากขึ้น . เขากล่าวเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์โลกที่มีความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งพัวพันกันอย่างยุ่งเหยิง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้น เวลาเดียวกันนั้น กระแสการแยกตัดขาดจากกันและการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานก็กำลังรุนแรงขึ้น ก่อนจะสำทับว่า ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายและความขัดแย้งทั่วโลก จีนจะยังคงเป็นพลังส่งเสริมสันติภาพต่อไป . ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (16) ทรัมป์ได้จัดแถลงข่าวครั้งแรกนับจากชนะการเลือกตั้งเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว ณ รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก รัฐฟลอริดา ของเขา โดยช่วงหนึ่งได้บอกว่า เขากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยเป็นเพื่อนกัน และเอ่ยชื่นชมว่า ประมุขจีนว่าเป็นคนที่น่าทึ่งมาก แต่แล้วความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างกันก็มีอันร้าวฉานนับจากโควิด-19 ระบาด . ทรัมป์เปิดเผยในสัปดาห์ที่แล้วว่า สี เป็นผู้นำต่างประเทศคนหนึ่งในหลายๆ คนที่เขาได้เชื้อเชิญให้มาร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของเขาที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 20 ม.ค. ที่จะถึงนี้ โดยรายงานข่าวระบุว่าเขาได้เชิญ สี ตั้งแต่ไม่กี่วันหลังการเลือกตั้งตอนต้นเดือน พ.ย. ด้วยซ้ำ ทว่ายังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประมุขจีนจะตอบรับหรือไม่ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามในวันจันทร์ (16) เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทรัมป์ก็ตอบเลี่ยงๆ ว่า “โควิดไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ (ระหว่างตัวเขากับสี) สิ้นสุดลง แต่มันก็กลายเป็นก้าวเดินที่ต้องก้าวไกลเกินไปสำหรับผม” . อย่างไรก็ดี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกายังคงพูดในแง่ดีว่า “จีนกับสหรัฐฯสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาทุกๆ อย่างของโลก คุณลองคิดดูสิ” และย้ำว่า “ดังนั้น มันจึงมีความสำคัญมาก และเขาก็เคยเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม” . กระนั้น พวกนักวิเคราะห์จำนวนมากยังคงมองว่า ดูเหมือนคำพูดและการกระทำของทรัมป์จะตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง โดยที่ก่อนหน้านี้เขาเสนอชื่อผู้ที่มีจุดยืนแข็งกร้าวกับจีนเข้ารับบทบาทสำคัญในทีมงานด้านการทูตและเศรษฐกิจของเขา ส่งสัญญาณว่า จะมีการเผชิญหน้ากับจีนที่เป็นศัตรูเชิงยุทธศาสตร์หลักของอเมริกามากกว่าสมัยทรัมป์ 1.0 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้า ซึ่งสร้างความปั่นป่วนยุ่งเยิกให้แก่ห่วงโซ่อุปทานโลก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศจากการทำให้เงินเฟ้อและดอกเบี้ยพุ่งขึ้น . ทรัมป์ยังประกาศว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนอีก 10% จาก 60% ที่ขู่ไว้แต่แรก เพื่อกดดันให้จีนพยายามมากขึ้นในการสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ทางด้านจีนเตรียมพร้อมตอบโต้คณะบริหารของทรัมป์แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟันเช่นเดียวกัน และกำลังรวบรวมเครื่องมือต่อรองเพื่อเริ่มต้นการเจรจา ซึ่งรวมถึงประเด็นทางการค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121237 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกผ่านไปยังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ว่าควรเตรียมพร้อมสำหรับทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการยุติสงครามในยูเครนที่ลากยาวมานานเกือบ 3 ปี
    .
    "ต้องทำข้อตกลง" ทรัมป์ กล่าวระหว่างแถลงข่าว ณ สโมสรมาร์อาลาโกของเขา ในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา พร้อมบอกต่อว่าเขาจะพูดคุยกับปูตินและเซเลนกสกี เกี่ยวกับการนำพาสงครามในยูเครนไปสู่จุดจบ และบอกว่าเขารู้สึกเป็นทุกข์กับภาพแห่งการสังหารหมู่จากความขัดแย้งนี้ "มันต้องหยุดลง"
    .
    ทรัมป์ ไม่ได้ตอบตรงๆ เมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่ายูเครนควรยอมสละดินแดนให้รัสเซีย ส่วนหนึ่งในเจรจาต่อรองเพื่อยุติสงคราม โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้บอกแต่เพียงว่าดินแดนส่วนใหญ่ในความขัดแย้ง เหลือแต่ซากปรักหักพังและมันจะต้องใช้เวลาในการบูรณะฟื้นูนานกว่า 1 ศตวรรษ "ที่ผมหมายถึงคือ เมืองต่างๆ ไม่เหลืออาคารยืนตระหง่านอีกแล้ว มันเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง"
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่าเขาได้เห็นภาพถ่ายในสมรภูมิรบที่มีศพเกลื่อนไปหมด ซึ่งมันทำให้เขาย้อนนึกถึงภาพถ่ายอันน่าสยดสยองของสงครามกลางเมืองอเมริการะหว่างปี 1861-1865
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยบอกว่าเขาอยากให้สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เขาบอกกับนิตยสารไทม์ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าตนเอง "มีแผนที่ดีมากๆ" ที่จะช่วยให้ความขัดแย้งยุติลง แต่หากเขาเผยแพร่มันในตอนนี้ "มันจะกลายเป็นแผนที่เกือบจะไร้ค่า"
    .
    ท่าทีของทรัมป์ต่อสงครามในยูเครน มีขึ้นในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเดียวกัน ว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี จะไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนหน้า ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มตีตัวออกห่างจากผู้นำยูเครน
    .
    ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เมื่อเดือนที่แล้ว จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม ณ พิธี ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
    .
    ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ทรัมป์ จัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง และระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะเชิญเซเลนสกี ร่วมพิธีสาบานตนหรือไม่ ทรัมป์ ตอบว่า "ไม่ ผมไม่ได้เชิญเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาอยากมา ผมก็อยากมีเขาอยู่ร่วมด้วย"
    .
    ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนรายงานว่า ทรัมป์ ได้เชิญ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เข้าร่วมพิธีสาบานตนด้วย ทั้งนี้มีข่าวว่ามีการเชื้อเชิญตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไม่นานหลังจาก ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สี จะตอบรับคำเชิญหรือไม่
    .
    กระนั้นก็ตาม สำนักข่าวซีบีเอสรายงานว่า ในเบื้องต้นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯพร้อมด้วยคู่สมรส คาดหมายว่าจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ ในแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120828
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกผ่านไปยังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ว่าควรเตรียมพร้อมสำหรับทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการยุติสงครามในยูเครนที่ลากยาวมานานเกือบ 3 ปี . "ต้องทำข้อตกลง" ทรัมป์ กล่าวระหว่างแถลงข่าว ณ สโมสรมาร์อาลาโกของเขา ในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา พร้อมบอกต่อว่าเขาจะพูดคุยกับปูตินและเซเลนกสกี เกี่ยวกับการนำพาสงครามในยูเครนไปสู่จุดจบ และบอกว่าเขารู้สึกเป็นทุกข์กับภาพแห่งการสังหารหมู่จากความขัดแย้งนี้ "มันต้องหยุดลง" . ทรัมป์ ไม่ได้ตอบตรงๆ เมื่อถูกถามว่า เขาเชื่อหรือไม่ว่ายูเครนควรยอมสละดินแดนให้รัสเซีย ส่วนหนึ่งในเจรจาต่อรองเพื่อยุติสงคราม โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้บอกแต่เพียงว่าดินแดนส่วนใหญ่ในความขัดแย้ง เหลือแต่ซากปรักหักพังและมันจะต้องใช้เวลาในการบูรณะฟื้นูนานกว่า 1 ศตวรรษ "ที่ผมหมายถึงคือ เมืองต่างๆ ไม่เหลืออาคารยืนตระหง่านอีกแล้ว มันเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง" . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่าเขาได้เห็นภาพถ่ายในสมรภูมิรบที่มีศพเกลื่อนไปหมด ซึ่งมันทำให้เขาย้อนนึกถึงภาพถ่ายอันน่าสยดสยองของสงครามกลางเมืองอเมริการะหว่างปี 1861-1865 . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยบอกว่าเขาอยากให้สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เขาบอกกับนิตยสารไทม์ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าตนเอง "มีแผนที่ดีมากๆ" ที่จะช่วยให้ความขัดแย้งยุติลง แต่หากเขาเผยแพร่มันในตอนนี้ "มันจะกลายเป็นแผนที่เกือบจะไร้ค่า" . ท่าทีของทรัมป์ต่อสงครามในยูเครน มีขึ้นในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเดียวกัน ว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี จะไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนหน้า ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มตีตัวออกห่างจากผู้นำยูเครน . ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เมื่อเดือนที่แล้ว จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม ณ พิธี ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. . ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ทรัมป์ จัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง และระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะเชิญเซเลนสกี ร่วมพิธีสาบานตนหรือไม่ ทรัมป์ ตอบว่า "ไม่ ผมไม่ได้เชิญเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาอยากมา ผมก็อยากมีเขาอยู่ร่วมด้วย" . ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนรายงานว่า ทรัมป์ ได้เชิญ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เข้าร่วมพิธีสาบานตนด้วย ทั้งนี้มีข่าวว่ามีการเชื้อเชิญตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไม่นานหลังจาก ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สี จะตอบรับคำเชิญหรือไม่ . กระนั้นก็ตาม สำนักข่าวซีบีเอสรายงานว่า ในเบื้องต้นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯพร้อมด้วยคู่สมรส คาดหมายว่าจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ ในแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120828 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนเปิดเผยกองกำลังของพวกเขาเล่นงานทหารเกาหลีเหนือจนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย หลังมอสโกใช้กำลังพลของเปียงยางเหล่านี้เข้าสู้รบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ดินแดนที่ถูกเคียฟยึดครอง ความเคลื่อนไหวที่นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการขยายวงสงครามที่อันตราย
    .
    ทหารจากเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย ถูกส่งเข้ามาเสริมขุมกำลังของกองกำลังรัสเซีย ในนั้นรวมถึงแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน บริเวณที่มอสโกกำลังตีโต้กลับทวงคืนดินแดน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมรุกรานแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    .
    "เมื่อวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม หน่วยทหารจากเกาหลีเหนือประสบความสูญเสียอย่างมากแถวๆ หมู่บ้านเพลคโฮโว โวรอซช์บา และ มาร์ตีนอฟกา ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 นาย" หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนระบุ
    .
    ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยทหารต่างๆ ของรัสเซีย กำลังถูกเติมเต็มด้วยกำลังพลจากเกาหลีเหนือ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกคาดหมายว่าเปียงยางได้ส่งทหารอย่างน้อย 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับยูเครน
    .
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) บอกเช่นกันว่าทหารเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมวงการสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัสเซียในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรก และยืนยันข้อมูลที่ว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในสนามรบ
    .
    "เราประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือได้ร่วมสู้รบในแคว้นคูร์สก์ เราพบสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ" พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ
    .
    ขณะเดียวกัน ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ ในจันทร์ (16 ธ.ค.) ประเทศต่างๆ 10 ชาติ และสหภาพยุโรป เรียกการเข้าร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือในสงครามของรัสเซียในยูเครน เป็นการขยายวงที่อันตราย
    .
    เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ที่เนื้อหาในนั้นยังระบุด้วยว่าพวกเขา "รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนทางการเมือง การทหารและทางเศรษฐใดๆ ที่รัสเซียอาจมอบให้แก่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงอาวุธทำลายล้าง"
    .
    คำแถลงของสำนักงานข่าวกรองทหารของยูเครน เกี่ยวกับตัวเลขความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ มีขึ้่นหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่ารัสเซียกำลังใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากเป็นครั้งแรก ในปฏิบัติการจู่โจมในแคว้นคูร์สก์
    .
    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอ้างด้วยว่าเขาได้ยินมาว่าบางทีทหารเกาหลีเหนือยังอาจถูกใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของแนวหน้าด้วย และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลเหล่านี้สามารถสังเกตเห็นได้ชัด
    .
    รัสเซียและเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารแน่นแฟ้นขึ้นนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน
    .
    กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนถิ่นฐานเล็กๆ บางส่วนในแคว้นคูร์สก์กลับมาได้แล้ว
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่างกองทัพยูเครนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เคียฟยึดครองดินแดนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้ราว 800 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากคำกล่าวอ้างครั้งก่อน ที่บอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่ราว 1,400 ตารางกิโลเมตร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120826
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนเปิดเผยกองกำลังของพวกเขาเล่นงานทหารเกาหลีเหนือจนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย หลังมอสโกใช้กำลังพลของเปียงยางเหล่านี้เข้าสู้รบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ดินแดนที่ถูกเคียฟยึดครอง ความเคลื่อนไหวที่นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการขยายวงสงครามที่อันตราย . ทหารจากเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย ถูกส่งเข้ามาเสริมขุมกำลังของกองกำลังรัสเซีย ในนั้นรวมถึงแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน บริเวณที่มอสโกกำลังตีโต้กลับทวงคืนดินแดน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมรุกรานแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา . "เมื่อวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม หน่วยทหารจากเกาหลีเหนือประสบความสูญเสียอย่างมากแถวๆ หมู่บ้านเพลคโฮโว โวรอซช์บา และ มาร์ตีนอฟกา ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 นาย" หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนระบุ . ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยทหารต่างๆ ของรัสเซีย กำลังถูกเติมเต็มด้วยกำลังพลจากเกาหลีเหนือ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกคาดหมายว่าเปียงยางได้ส่งทหารอย่างน้อย 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับยูเครน . กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) บอกเช่นกันว่าทหารเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมวงการสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัสเซียในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรก และยืนยันข้อมูลที่ว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในสนามรบ . "เราประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือได้ร่วมสู้รบในแคว้นคูร์สก์ เราพบสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ" พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ . ขณะเดียวกัน ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ ในจันทร์ (16 ธ.ค.) ประเทศต่างๆ 10 ชาติ และสหภาพยุโรป เรียกการเข้าร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือในสงครามของรัสเซียในยูเครน เป็นการขยายวงที่อันตราย . เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ที่เนื้อหาในนั้นยังระบุด้วยว่าพวกเขา "รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนทางการเมือง การทหารและทางเศรษฐใดๆ ที่รัสเซียอาจมอบให้แก่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงอาวุธทำลายล้าง" . คำแถลงของสำนักงานข่าวกรองทหารของยูเครน เกี่ยวกับตัวเลขความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ มีขึ้่นหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่ารัสเซียกำลังใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากเป็นครั้งแรก ในปฏิบัติการจู่โจมในแคว้นคูร์สก์ . นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอ้างด้วยว่าเขาได้ยินมาว่าบางทีทหารเกาหลีเหนือยังอาจถูกใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของแนวหน้าด้วย และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลเหล่านี้สามารถสังเกตเห็นได้ชัด . รัสเซียและเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารแน่นแฟ้นขึ้นนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน . กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนถิ่นฐานเล็กๆ บางส่วนในแคว้นคูร์สก์กลับมาได้แล้ว . เมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่างกองทัพยูเครนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เคียฟยึดครองดินแดนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้ราว 800 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากคำกล่าวอ้างครั้งก่อน ที่บอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่ราว 1,400 ตารางกิโลเมตร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120826 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ของเกาหลีใต้ ที่ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังคงปฏิเสธหมายเรียกไปให้ปากคำของเจ้าหน้าที่สอบสวนทีมต่างๆ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยว่าเริ่มดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาจะรับรองหรือปฏิเสธการถอดถอนประธานาธิบดีผู้นี้แล้วตั้งแต่วันจันทร์ (16 ธ.ค.)
    .
    ลี จิน โฆษกศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ แถลงในวันจันทร์ (16) ว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เวลานี้มีด้วยกัน 6 คน เริ่มการพิจารณาหารือแล้วเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการ หลังจากรัฐสภาลงมติถอดถอนยุนเมื่อวันเสาร์ (14) ที่ผ่านมา โดยจะจัดทำประชาพิจารณ์ครั้งแรกในวันที่ 27 ที่จะถึงนี้ เพื่อเตรียมการรับรองประเด็นสำคัญทางกฎหมายและกำหนดกรอบการการดำเนินการต่างๆ
    .
    ศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือนเพื่อตัดสินว่า จะยืนตามมติของรัฐสภาหรือไม่ และหากวินิจฉัยเห็นชอบให้ถอดถอนยุน เกาหลีใต้ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายในเวลา 2 เดือน
    .
    ครั้งล่าสุดที่มีการพิจารณาเรื่องเช่นนี้ คือในปี 2017 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาราว 3 เดือน ก็สามารถประกาศคำตัดสินยืนยันให้ถอดถอน พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีในขณะนั้น ซึ่งถูกสภาลงมติถอดถอนจากกรณีการใช้อำนาจโดยมิชอบ
    .
    นอกจากถูกรัฐสภาลงมติให้เข้าสู่กระบวนการถูกถอดถอนแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ จัดการสอบสวนเขาคู่ขนานไปด้วย ทำให้ ยุน ที่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ยังอาจถูกตั้งข้อหากบฏจากการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกหลายคน
    .
    ทางด้านตำรวจเผยว่า ทีมสอบสวนร่วมระหว่างตำรวจ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้เรียกยุนมาสอบปากคำวันพุธ (18) นี้ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้นำในการประกาศกฎอัยการศึกอย่างผิดกฎหมาย ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีปฏิเสธไม่ยอมรับหมายเรียก โดยอ้างว่า ไม่อยู่ในสถานะที่จะทำได้ และสำนักงานปราบปรามการทุจริตแจ้งว่า จะส่งหมายเรียกผ่านจดหมายลงทะเบียนด่วนอีกครั้ง
    .
    สำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของเกาหลีใต้รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางเจ้าหน้าที่สอบสวนพยายามส่งหมายเรียกยุนไปให้ปากคำ ด้วยการส่งเจ้านห้าที่เดินทางไปที่สำนักงานประธานาธิบดีและที่บ้านพักประจำตำแหน่ง ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีไม่ยอมรับหมายดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเดียวกัน
    .
    เช่นเดียวกับสำนักงานอัยการที่ต้องออกหมายเรียกยุนครั้งที่ 2 ในวันจันทร์เพื่อให้เขาไปให้ปากคำเกี่ยวกับข้อกล่าวหากบฏและการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลังจากถูกปฏิเสธไปเมื่อวันอาทิตย์ (15) โดยอ้างว่า กำลังจัดทีมกฎหมายเพื่อสู้คดี ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า หากยุนยังปฏิเสธอีก จะมีการออกหมายจับต่อไป
    .
    สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ยุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของประเทศ ก่อนที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ได้แต่งตั้งคิม ฮองอิล อดีตอัยการ เป็นผู้นำของทีมทนายความรับมือทั้งในกรณีการถูกถอดถอนและการถูกสอบสวนคดีอาญา
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (15) ได้จับกุมอดีตผู้บัญชาการและผู้บัญชาการคนปัจจุบัน ของกองบัญชาการข่าวกรองกลาโหม ฐานเกี่ยวข้องพัวพันกับข้อกล่าวหาเป็นกบฏของยุน
    .
    สำนักงานอัยการยังเปิดเผยว่า กำลังขอหมายจับ กว็อก จองกึน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งกองกำลังพิเศษไปยังรัฐสภาระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่สภา
    .
    ทางด้านพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ต้นสังกัดของยุนนั้น เมื่อวันจันทร์ ฮัน ด็องฮุน หัวหน้าพรรค ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งให้การสนับสนุนการถอดถอนยุน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึก
    .
    ฮันยังประณามกลุ่มสุดโต่ง โดยเฉพาะพวกนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่คอยกระพือข่าวเท็จทางโซเชียลมีเดียว่า มีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร จึงทำให้พีพีพีพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนว่า ลัทธิอนุรักษนิยมอาจหมดอนาคตในเกาหลีใต้ หากพีพีพียังคงหนุนหลังคนเหล่านี้
    .
    ทั้งนี้ ในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือน เหตุผลหนึ่งที่ยุนยกมาเป็นข้ออ้าง คือเรื่องระบบการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ไม่โปร่งใส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120822
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ของเกาหลีใต้ ที่ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังคงปฏิเสธหมายเรียกไปให้ปากคำของเจ้าหน้าที่สอบสวนทีมต่างๆ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยว่าเริ่มดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาจะรับรองหรือปฏิเสธการถอดถอนประธานาธิบดีผู้นี้แล้วตั้งแต่วันจันทร์ (16 ธ.ค.) . ลี จิน โฆษกศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ แถลงในวันจันทร์ (16) ว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญที่เวลานี้มีด้วยกัน 6 คน เริ่มการพิจารณาหารือแล้วเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการ หลังจากรัฐสภาลงมติถอดถอนยุนเมื่อวันเสาร์ (14) ที่ผ่านมา โดยจะจัดทำประชาพิจารณ์ครั้งแรกในวันที่ 27 ที่จะถึงนี้ เพื่อเตรียมการรับรองประเด็นสำคัญทางกฎหมายและกำหนดกรอบการการดำเนินการต่างๆ . ศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือนเพื่อตัดสินว่า จะยืนตามมติของรัฐสภาหรือไม่ และหากวินิจฉัยเห็นชอบให้ถอดถอนยุน เกาหลีใต้ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายในเวลา 2 เดือน . ครั้งล่าสุดที่มีการพิจารณาเรื่องเช่นนี้ คือในปี 2017 ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาราว 3 เดือน ก็สามารถประกาศคำตัดสินยืนยันให้ถอดถอน พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีในขณะนั้น ซึ่งถูกสภาลงมติถอดถอนจากกรณีการใช้อำนาจโดยมิชอบ . นอกจากถูกรัฐสภาลงมติให้เข้าสู่กระบวนการถูกถอดถอนแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ จัดการสอบสวนเขาคู่ขนานไปด้วย ทำให้ ยุน ที่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ยังอาจถูกตั้งข้อหากบฏจากการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกหลายคน . ทางด้านตำรวจเผยว่า ทีมสอบสวนร่วมระหว่างตำรวจ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้เรียกยุนมาสอบปากคำวันพุธ (18) นี้ ในข้อกล่าวหาเป็นผู้นำในการประกาศกฎอัยการศึกอย่างผิดกฎหมาย ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีปฏิเสธไม่ยอมรับหมายเรียก โดยอ้างว่า ไม่อยู่ในสถานะที่จะทำได้ และสำนักงานปราบปรามการทุจริตแจ้งว่า จะส่งหมายเรียกผ่านจดหมายลงทะเบียนด่วนอีกครั้ง . สำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของเกาหลีใต้รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางเจ้าหน้าที่สอบสวนพยายามส่งหมายเรียกยุนไปให้ปากคำ ด้วยการส่งเจ้านห้าที่เดินทางไปที่สำนักงานประธานาธิบดีและที่บ้านพักประจำตำแหน่ง ทว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีไม่ยอมรับหมายดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลเดียวกัน . เช่นเดียวกับสำนักงานอัยการที่ต้องออกหมายเรียกยุนครั้งที่ 2 ในวันจันทร์เพื่อให้เขาไปให้ปากคำเกี่ยวกับข้อกล่าวหากบฏและการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลังจากถูกปฏิเสธไปเมื่อวันอาทิตย์ (15) โดยอ้างว่า กำลังจัดทีมกฎหมายเพื่อสู้คดี ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า หากยุนยังปฏิเสธอีก จะมีการออกหมายจับต่อไป . สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ยุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของประเทศ ก่อนที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ได้แต่งตั้งคิม ฮองอิล อดีตอัยการ เป็นผู้นำของทีมทนายความรับมือทั้งในกรณีการถูกถอดถอนและการถูกสอบสวนคดีอาญา . ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (15) ได้จับกุมอดีตผู้บัญชาการและผู้บัญชาการคนปัจจุบัน ของกองบัญชาการข่าวกรองกลาโหม ฐานเกี่ยวข้องพัวพันกับข้อกล่าวหาเป็นกบฏของยุน . สำนักงานอัยการยังเปิดเผยว่า กำลังขอหมายจับ กว็อก จองกึน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งกองกำลังพิเศษไปยังรัฐสภาระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่สภา . ทางด้านพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ต้นสังกัดของยุนนั้น เมื่อวันจันทร์ ฮัน ด็องฮุน หัวหน้าพรรค ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งให้การสนับสนุนการถอดถอนยุน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศกฎอัยการศึก . ฮันยังประณามกลุ่มสุดโต่ง โดยเฉพาะพวกนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่คอยกระพือข่าวเท็จทางโซเชียลมีเดียว่า มีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร จึงทำให้พีพีพีพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนว่า ลัทธิอนุรักษนิยมอาจหมดอนาคตในเกาหลีใต้ หากพีพีพียังคงหนุนหลังคนเหล่านี้ . ทั้งนี้ ในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือน เหตุผลหนึ่งที่ยุนยกมาเป็นข้ออ้าง คือเรื่องระบบการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ไม่โปร่งใส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120822 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการใหม่ของซีเรีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกร้องประชาคมนานาชาติเข้าแทรกแซงและช่วยพวกเขาหยุดการโจมตีของอิสราเอล จากเสียงวิงวอนของอาบู โมฮัมหมัด อัล-โจลานี ผู้นำกลุ่มนักรบฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS)
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเรีย ทีวี ชาแนล ที่มีสำนักงานในอิสตันบูล ทาง อัล-โจลานี ซึ่งมีชื่อจริงว่า อาเหม็ด อัล-ชารา ได้พูดถึงอิสราเอลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้าควบคุมประเทศแห่งนี้
    .
    พวกกลุ่มติดอาวุธที่นำโดย HTS บุกจู่โจมสายฟ้าแลบเล่นงานกองกำลังอิสราเอลในเดือนพฤศจิกายน ยึดเมืองสำคัญๆและรุกคืบเข้าสู่กรุงดามัสกัส ทั้งนี้ตามหลังการล่มสลายของกองทัพซีเรีย ทางอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และได้รับอนุมัติลี้ภัยในรัสเซีย
    .
    อัล-โจลานี ระบุว่า "คำกล่าวอ้างของอิสราเอลนั้นเบาบางมาก" และ "ไม่สามารถอ้างความชอบธรรมในการล่วงละเมิดต่างๆนานาของพวกเขาเร็วๆนี้" โดยผู้นำกลุ่ม HTS เน้นย้ำด้วยว่าอิสราเอล "ข้ามเส้นตายของการเจรจาพูดคุย" ในประเทศแห่งนี้ ซึ่งอาจเสี่ยงทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคลุกลามบานปลาย
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ อิสราเอลเปิดปฏิบัติการใหญ่ มีรายงานว่าโจมตีคลังอาวุธและเรือนาวีที่เป็นของกองทัพของอัสซีด ก่อนที่พวกกลุ่มต่อต้านติดอาวุธจะเข้ายึดครองประเทศแห่งนี้
    .
    นอกจากนี้แล้ว ทหารอิสราเอลยังคงปักหลักไม่ยอมล่าถอยกลับออกจากเขตกันชนที่ลาดตระเวนโดยสหประชาชาติ ระหว่างอิสราเอลกับซีเรีย อ้างว่ามันเป็นปฏิบัติการชั่วคราว "ในเขตป้องกันตนเอง" ทางใต้ของซีเรีย เพื่อป้องกันภัยคุกคามก่อการร้ายใดๆ
    .
    ทางโฆษกกลุ่ม HTS เมื่อวันพุธที่แล้ว(11ธ.ค.) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ชาแนล 4 ไม่ได้ประณามด้วยความเดือดดาลต่อการโจมตีของอิสราเอล โดยเพียงแค่บอกว่าทางกลุ่ม "ต้องการให้ทุกฝ่ายเคารพอธิปไตยใหม่ของซีเรีย"
    .
    อัล-โจลานี เรียกร้องประชาคมนานาชาติเข้าแทรกแซง และทึกทักเอาว่ามันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของประชาคมนานาชาติต่อสถานการณ์ที่ลุกลามนี้ นอกจากนี้แล้วทางผู้นำกลุ่ม HTS เชื่อว่าหนทางเดียวที่จะรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพก็คือการหาทางออกผ่านการทูต และห่างไกลจากเหตุการณ์ทางทหารที่ขาดความรอบคอบใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120424
    ..............
    Sondhi X
    ทางการใหม่ของซีเรีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกร้องประชาคมนานาชาติเข้าแทรกแซงและช่วยพวกเขาหยุดการโจมตีของอิสราเอล จากเสียงวิงวอนของอาบู โมฮัมหมัด อัล-โจลานี ผู้นำกลุ่มนักรบฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเรีย ทีวี ชาแนล ที่มีสำนักงานในอิสตันบูล ทาง อัล-โจลานี ซึ่งมีชื่อจริงว่า อาเหม็ด อัล-ชารา ได้พูดถึงอิสราเอลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้าควบคุมประเทศแห่งนี้ . พวกกลุ่มติดอาวุธที่นำโดย HTS บุกจู่โจมสายฟ้าแลบเล่นงานกองกำลังอิสราเอลในเดือนพฤศจิกายน ยึดเมืองสำคัญๆและรุกคืบเข้าสู่กรุงดามัสกัส ทั้งนี้ตามหลังการล่มสลายของกองทัพซีเรีย ทางอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และได้รับอนุมัติลี้ภัยในรัสเซีย . อัล-โจลานี ระบุว่า "คำกล่าวอ้างของอิสราเอลนั้นเบาบางมาก" และ "ไม่สามารถอ้างความชอบธรรมในการล่วงละเมิดต่างๆนานาของพวกเขาเร็วๆนี้" โดยผู้นำกลุ่ม HTS เน้นย้ำด้วยว่าอิสราเอล "ข้ามเส้นตายของการเจรจาพูดคุย" ในประเทศแห่งนี้ ซึ่งอาจเสี่ยงทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคลุกลามบานปลาย . ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ อิสราเอลเปิดปฏิบัติการใหญ่ มีรายงานว่าโจมตีคลังอาวุธและเรือนาวีที่เป็นของกองทัพของอัสซีด ก่อนที่พวกกลุ่มต่อต้านติดอาวุธจะเข้ายึดครองประเทศแห่งนี้ . นอกจากนี้แล้ว ทหารอิสราเอลยังคงปักหลักไม่ยอมล่าถอยกลับออกจากเขตกันชนที่ลาดตระเวนโดยสหประชาชาติ ระหว่างอิสราเอลกับซีเรีย อ้างว่ามันเป็นปฏิบัติการชั่วคราว "ในเขตป้องกันตนเอง" ทางใต้ของซีเรีย เพื่อป้องกันภัยคุกคามก่อการร้ายใดๆ . ทางโฆษกกลุ่ม HTS เมื่อวันพุธที่แล้ว(11ธ.ค.) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ชาแนล 4 ไม่ได้ประณามด้วยความเดือดดาลต่อการโจมตีของอิสราเอล โดยเพียงแค่บอกว่าทางกลุ่ม "ต้องการให้ทุกฝ่ายเคารพอธิปไตยใหม่ของซีเรีย" . อัล-โจลานี เรียกร้องประชาคมนานาชาติเข้าแทรกแซง และทึกทักเอาว่ามันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของประชาคมนานาชาติต่อสถานการณ์ที่ลุกลามนี้ นอกจากนี้แล้วทางผู้นำกลุ่ม HTS เชื่อว่าหนทางเดียวที่จะรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพก็คือการหาทางออกผ่านการทูต และห่างไกลจากเหตุการณ์ทางทหารที่ขาดความรอบคอบใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120424 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังรัสเซียทำลายเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน "แพทริออต" 4 หน่วย ที่บรรดาตะวันตกจัดหาให้แก่ยูเครน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางปฏิบัติการรุกคืบที่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
    .
    ถ้อยแถลงของกองทัพรัสเซียระบุว่า เครื่องบินกองทัพอากาศ 4 ลำ รวมถึงโดรนและกองปืนใหญ่ ได้ทำลายยานยนต์ควบคุมการรบ, สถานีเรดาร์ AN/MPQ-65 จำนวน 1 สถานี และแท่นยิงระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแพทริออต 4 ชุด ที่ผลิตในอเมริกา
    .
    นอกเหนือจากนี้แล้ว ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารรัสเซียยังปลดปล่อยหมู่บ้าน 2 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตส์ก หนึ่งในนั้นได้แก่หมู่บ้านเวเซลี ไก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางใต้ราว 10 กิโลเมตร และหมู่บ้านปุชคิโน ที่อยู่ห่างจากเมืองโปครอฟส์ก ไปทางใต้ราวๆ 15 กิโลเมตร
    .
    ที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนคุ้มกันอย่างหนาแน่นป้องกันเมืองโครัคโฮโว หนึ่งในพื้นที่ชุมชนใหญ่ๆไม่กี่แห่งที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ ในภูมิภาคดอนบาส โดยถิ่นพักอาศัยใหญ่ที่สุดที่อยู่ภายใต้การยูเครนคือเมืองโปครอฟส์ก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางเหนือราว 30 กิโลเมตร
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้คำจำกัดความพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดสำหรับกองกำลังเคียฟ
    .
    ในช่วง 2 เดือนหลังสุด กองทัพรัสเซียสามารถรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ความเป็นปรปักษ์เริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยึดครองดินแดนได้ราวๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร
    .
    ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางสัปดาห์ เซเลนสกี แสดงความผิดหวังกับบรรดาผู้บริจาคอาวุธตะวันตก ต่อกรณีที่ไม่ยอมทำตามเสียงเรียกร้องของเขาที่ขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม เนื่องจากยูเครนกำลังเผชิญความท้าทายต่างๆนานาในสมรภูมิรบ และกำลังดิ้นรนปกป้องตำแหน่งสำคัญๆจากการโจมตีพิสัยไกล
    .
    ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน เซเลนสกีบอกว่ายูเครนต้องการระบบแพทริออต 25 หน่วย เพื่อต้านทานการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเเผยว่ากำลังมีความพยายามในการให้ได้มาซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยๆ "20 หน่วย" และเน้นว่าระบบแพทริออต คือตัวเลือกลำดับต้นๆที่ร้องขอไป
    .
    พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเน้นย้ำว่าไม่มีความช่วยเหลือทางทหารของตะวันตกใดๆที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของความขัดแย้ง และความพยายามดังกล่าวรังแต่จะทำให้สงครามยืดเยื้อ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120426
    ..............
    Sondhi X
    กองกำลังรัสเซียทำลายเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน "แพทริออต" 4 หน่วย ที่บรรดาตะวันตกจัดหาให้แก่ยูเครน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางปฏิบัติการรุกคืบที่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย . ถ้อยแถลงของกองทัพรัสเซียระบุว่า เครื่องบินกองทัพอากาศ 4 ลำ รวมถึงโดรนและกองปืนใหญ่ ได้ทำลายยานยนต์ควบคุมการรบ, สถานีเรดาร์ AN/MPQ-65 จำนวน 1 สถานี และแท่นยิงระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแพทริออต 4 ชุด ที่ผลิตในอเมริกา . นอกเหนือจากนี้แล้ว ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารรัสเซียยังปลดปล่อยหมู่บ้าน 2 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตส์ก หนึ่งในนั้นได้แก่หมู่บ้านเวเซลี ไก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางใต้ราว 10 กิโลเมตร และหมู่บ้านปุชคิโน ที่อยู่ห่างจากเมืองโปครอฟส์ก ไปทางใต้ราวๆ 15 กิโลเมตร . ที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนคุ้มกันอย่างหนาแน่นป้องกันเมืองโครัคโฮโว หนึ่งในพื้นที่ชุมชนใหญ่ๆไม่กี่แห่งที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ ในภูมิภาคดอนบาส โดยถิ่นพักอาศัยใหญ่ที่สุดที่อยู่ภายใต้การยูเครนคือเมืองโปครอฟส์ก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคูรัคโฮโว ไปทางเหนือราว 30 กิโลเมตร . เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้คำจำกัดความพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดสำหรับกองกำลังเคียฟ . ในช่วง 2 เดือนหลังสุด กองทัพรัสเซียสามารถรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ความเป็นปรปักษ์เริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยึดครองดินแดนได้ราวๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร . ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางสัปดาห์ เซเลนสกี แสดงความผิดหวังกับบรรดาผู้บริจาคอาวุธตะวันตก ต่อกรณีที่ไม่ยอมทำตามเสียงเรียกร้องของเขาที่ขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม เนื่องจากยูเครนกำลังเผชิญความท้าทายต่างๆนานาในสมรภูมิรบ และกำลังดิ้นรนปกป้องตำแหน่งสำคัญๆจากการโจมตีพิสัยไกล . ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน เซเลนสกีบอกว่ายูเครนต้องการระบบแพทริออต 25 หน่วย เพื่อต้านทานการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเเผยว่ากำลังมีความพยายามในการให้ได้มาซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยๆ "20 หน่วย" และเน้นว่าระบบแพทริออต คือตัวเลือกลำดับต้นๆที่ร้องขอไป . พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเน้นย้ำว่าไม่มีความช่วยเหลือทางทหารของตะวันตกใดๆที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของความขัดแย้ง และความพยายามดังกล่าวรังแต่จะทำให้สงครามยืดเยื้อ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120426 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหมัด อัล-ชารา ผู้นำตัวจริงของซีเรีย ชี้อิสราเอลแค่อ้างความมั่นคงของตัวเองเพื่อโจมตีซีเรีย กระนั้น เขาไม่คิดสร้างความขัดแย้งเพิ่มแต่จะมุ่งฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำหนักจากระบอบอัสซาด ด้านอเมริกาเผยได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏซีเรียที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายแล้ว
    .
    ชารา หรือที่รู้จักกันในชื่ออบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกลุ่มฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำการยึดอำนาจอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของซีเรีย ทีวี สถานีที่สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด เมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่า ข้ออ้างของอิสราเอลในการบุกโจมตีซีเรียฟังไม่ขึ้นมากขึ้นทุกที
    .
    ผู้นำกลุ่มกบฏผู้นี้สำทับว่า อิสราเอลละเมิดข้อตกลงถอนทหารในซีเรียอย่างชัดเจน ซึ่งเสี่ยงปลุกเร้าให้เกิดสถานการณ์รุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลครั้งใหม่
    .
    อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่า ความอ่อนล้าจากสงครามและความขัดแย้งมานานหลายปีไม่เอื้ออำนวยให้ซีเรียเข้าสู่ความขัดแย้งอีก แต่ภารกิจสำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูบูรณะประเทศและเสถียรภาพ และยังบอกว่า แนวทางทางการทูตเป็นวิธีเดียวในการรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพ รวมถึงสถานการณ์อันตรายทางทหารที่ไม่สามารถคำนวณได้
    .
    ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลบุกเข้าสู่เขตกันชนที่แบ่งแยกกองกำลังอิสราเอลกับซีเรียในบริเวณที่ราบสูงโกลันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสหประชาชาติ ระบุว่า เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงปี 1974
    .
    อิสราเอลซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในที่ราบสูงโกลันมาตั้งแต่ปีดังกล่าว รวมทั้งประกาศผนวนดินแดนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตนแม้นานาชาติไม่รับรอง อ้างว่า สำหรับการยกทัพเข้าเขตกันชนเป็นการปฏิบัติการชั่วคราวและจำกัด ภายใต้เป้าหมายในการป้องกันตัวเองขณะที่สถานการณ์ในซีเรียไร้ความแน่นอน
    .
    ทั้งนี้ ภายหลังจากระบอบอัสซาดถูกโค่นล้มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (8) อิสราเอลก็ได้เร่งระดมโจมตีทางอากาศต่อโครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั่วซีเรียหลายร้อยระลอก รวมทั้งส่งกำลังทหารรุกเข้าหลายพื้นที่ในซีเรีย รวมถึงภูเขาเฮอร์มอนด้านที่มองเห็นกรุงดามัสกัส
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า อเมริกาได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏเอชทีเอส รวมถึงฝ่ายต่างๆ ในซีเรีย แต่ไม่ได้ระบุว่า การติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร นอกจากนั้นยังเป็นที่น่าสังเกตว่า อเมริกาและประเทศตะวันตกหลายแห่งยังคงขึ้นบัญชีเอชทีเอสเป็นกลุ่มก่อการร้ายมาตั้งแต่ปี 2018
    .
    เมื่อวันเสาร์เช่นกัน นักการทูตจากอเมริกา ตุรกี สหภาพยุโรป (อียู) และประเทศอาหรับได้ร่วมหารือกันที่จอร์แดนเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย และออกคำแถลงย้ำให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อชาวซีเรียในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้เพื่อสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง มั่นคงปลอดภัย และมีสันติภาพ
    .
    คำแถลงยังเรียกร้องให้มีกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่นำโดยชาวซีเรียเพื่อสร้างรัฐบาลที่ยอมรับคนทุกกลุ่มและทุกนิกายศาสนาผ่านกระบวนการที่โปร่งใส และย้ำว่า ซีเรียได้รับโอกาสในการยุติช่วงเวลาหลายทศวรรษของการถูกโดดเดี่ยว
    .
    บลิงเคนสำทับว่า ยินดีกับท่าทีที่เป็นบวกบางอย่างที่กลุ่มกบฏซีเรียประกาศในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญคือการกระทำที่ยั่งยืน และหากการเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปด้วยดี อเมริกาจะทบทวนมาตรการแซงก์ชันและมาตรการอื่นๆ ที่บังคับใช้กับซีเรีย
    .
    เกียร์ ปีเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของยูเอ็น เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่จอร์แดนหารือเพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและรับประกันว่า สถาบันรัฐของซีเรียจะไม่ล่มสลาย
    .
    ทางด้านตุรกีนั้นได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในดามัสกัสอีกครั้ง โดยรายงานระบุว่า อังการามีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งในซีเรียในอดีตที่ผ่านมา และมีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศนี้ ตลอดจนถึงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มติดอาวุธหลายแห่ง และร่วมมือกับเอชทีเอสอย่างต่อเนื่อง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120417
    ..............
    Sondhi X
    อาหมัด อัล-ชารา ผู้นำตัวจริงของซีเรีย ชี้อิสราเอลแค่อ้างความมั่นคงของตัวเองเพื่อโจมตีซีเรีย กระนั้น เขาไม่คิดสร้างความขัดแย้งเพิ่มแต่จะมุ่งฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำหนักจากระบอบอัสซาด ด้านอเมริกาเผยได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏซีเรียที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายแล้ว . ชารา หรือที่รู้จักกันในชื่ออบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกลุ่มฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำการยึดอำนาจอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของซีเรีย ทีวี สถานีที่สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด เมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่า ข้ออ้างของอิสราเอลในการบุกโจมตีซีเรียฟังไม่ขึ้นมากขึ้นทุกที . ผู้นำกลุ่มกบฏผู้นี้สำทับว่า อิสราเอลละเมิดข้อตกลงถอนทหารในซีเรียอย่างชัดเจน ซึ่งเสี่ยงปลุกเร้าให้เกิดสถานการณ์รุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลครั้งใหม่ . อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่า ความอ่อนล้าจากสงครามและความขัดแย้งมานานหลายปีไม่เอื้ออำนวยให้ซีเรียเข้าสู่ความขัดแย้งอีก แต่ภารกิจสำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูบูรณะประเทศและเสถียรภาพ และยังบอกว่า แนวทางทางการทูตเป็นวิธีเดียวในการรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพ รวมถึงสถานการณ์อันตรายทางทหารที่ไม่สามารถคำนวณได้ . ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลบุกเข้าสู่เขตกันชนที่แบ่งแยกกองกำลังอิสราเอลกับซีเรียในบริเวณที่ราบสูงโกลันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสหประชาชาติ ระบุว่า เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงปี 1974 . อิสราเอลซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในที่ราบสูงโกลันมาตั้งแต่ปีดังกล่าว รวมทั้งประกาศผนวนดินแดนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตนแม้นานาชาติไม่รับรอง อ้างว่า สำหรับการยกทัพเข้าเขตกันชนเป็นการปฏิบัติการชั่วคราวและจำกัด ภายใต้เป้าหมายในการป้องกันตัวเองขณะที่สถานการณ์ในซีเรียไร้ความแน่นอน . ทั้งนี้ ภายหลังจากระบอบอัสซาดถูกโค่นล้มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (8) อิสราเอลก็ได้เร่งระดมโจมตีทางอากาศต่อโครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั่วซีเรียหลายร้อยระลอก รวมทั้งส่งกำลังทหารรุกเข้าหลายพื้นที่ในซีเรีย รวมถึงภูเขาเฮอร์มอนด้านที่มองเห็นกรุงดามัสกัส . ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า อเมริกาได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏเอชทีเอส รวมถึงฝ่ายต่างๆ ในซีเรีย แต่ไม่ได้ระบุว่า การติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร นอกจากนั้นยังเป็นที่น่าสังเกตว่า อเมริกาและประเทศตะวันตกหลายแห่งยังคงขึ้นบัญชีเอชทีเอสเป็นกลุ่มก่อการร้ายมาตั้งแต่ปี 2018 . เมื่อวันเสาร์เช่นกัน นักการทูตจากอเมริกา ตุรกี สหภาพยุโรป (อียู) และประเทศอาหรับได้ร่วมหารือกันที่จอร์แดนเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย และออกคำแถลงย้ำให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อชาวซีเรียในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้เพื่อสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง มั่นคงปลอดภัย และมีสันติภาพ . คำแถลงยังเรียกร้องให้มีกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่นำโดยชาวซีเรียเพื่อสร้างรัฐบาลที่ยอมรับคนทุกกลุ่มและทุกนิกายศาสนาผ่านกระบวนการที่โปร่งใส และย้ำว่า ซีเรียได้รับโอกาสในการยุติช่วงเวลาหลายทศวรรษของการถูกโดดเดี่ยว . บลิงเคนสำทับว่า ยินดีกับท่าทีที่เป็นบวกบางอย่างที่กลุ่มกบฏซีเรียประกาศในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญคือการกระทำที่ยั่งยืน และหากการเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปด้วยดี อเมริกาจะทบทวนมาตรการแซงก์ชันและมาตรการอื่นๆ ที่บังคับใช้กับซีเรีย . เกียร์ ปีเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของยูเอ็น เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่จอร์แดนหารือเพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและรับประกันว่า สถาบันรัฐของซีเรียจะไม่ล่มสลาย . ทางด้านตุรกีนั้นได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในดามัสกัสอีกครั้ง โดยรายงานระบุว่า อังการามีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งในซีเรียในอดีตที่ผ่านมา และมีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศนี้ ตลอดจนถึงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มติดอาวุธหลายแห่ง และร่วมมือกับเอชทีเอสอย่างต่อเนื่อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120417 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่ออนาคตทางการเมือง หลังเขาถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง ในการโหวตครั้งที่ 2 ของรัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้าน ต่อการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับในช่วงสั้นๆ ความเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศ
    .
    ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินใจว่าจะรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากเก้าอี้หรือไม่ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งใน 6 เดือนข้างหน้า และถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นชอบมติถอดถอน เมื่อนั้นก็จะมีการเลือกตั้งใหม่
    .
    นายกรัฐมนตรีนายฮัน ด็อก-ซู ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากยุน ก้าวมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี ในระหว่างที่ ยุน ยังคงอยู่ในตำแหน่ง แต่อำนาจประธานาธิบดีของเขาถูกพักเอาไว้ ในขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทาง
    .
    "ผมจะใช้ทุกความเข้มแข็งที่ผมมีและทุกความพยายามในการรักษาเสถียรภาพแก่รัฐบาล" ฮันบอกกับผู้สื่อข่าวหลังการโหวต
    .
    วิกฤตการเมืองครั้งนี้ อันนำมาซึ่งการลาออกและการจับกุมเจ้าหน้าที่กลาโหมและเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงหลายรายก่อความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของเกาหลีใต้ในการป้องปรามเกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงเวลาที่ เปียงยาง กำลังยกระดับคลังแสงและกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นกับรัสเซีย
    .
    ยุน ถือเป็นประธานาธิบดีอนุรักษนิยมคนที่ 2 ติดต่อกันที่ถูกถอดถอนในเกาหลีใต้ หลังจากพัค กึน-ฮเย ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งในปี 2017 ทั้งนี้ ยุน ถูกยื่นถอดถอนครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่รอดพ้นมาได้สืบเนื่องจากสมาชิกพรรคของเขาส่วนใหญ่บอตคอตการลงมติ ส่งผลให้องค์ประชุมไม่ครบ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ก็เขาถูกถอดถอนในการลงมติรอบ 2
    .
    "แม้ว่าผมจะหยุดแล้วในตอนนี้ แต่การเดินทางเคียงข้างประชาชนของผมในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในการมุ่งหน้าสู่อนาคต จะไม่มีวันหยุดลง ผมจะไม่มีวันยอมแพ้" ยุนกล่าว
    .
    บรรดาผู้ประท้วงใกล้อาคารรัฐสภาที่สนับสนุนการถอดถอนยุน ส่งเสียงยินดีอย่างกึกก้องขานรับข่าวการลงมติถอดถอน สวนทางกับบรรยากาศของที่ชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนยุน
    .
    ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีครั้งนี้มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันโหวตเห็นชอบ 204 เสียง คัดค้าน 85 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และมีคะแนนโหวตที่เป็นโมฆะ (nullified) อีก 8 เสียง
    .
    ส.ส.พรรคพลังประชาชน (PPP) ที่เป็นฝั่งรัฐบาลประกาศไม่บอยคอตการโหวตเหมือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมี ส.ส.อย่างน้อย 12 คนที่ช่วยโหวตสนับสนุนญัตติถอดถอนของฝ่ายค้าน เปิดทางสำหรับการได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ที่จำเป็นสำหรับการถอดถอน ในสมัชชาที่มีทั้งหมด 300 ที่นั่ง และมีพรรค PPP ครองเสียงข้างมากด้วยจำนวน 192 เสียง
    .
    ยุน สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เมื่อเขาประกาศกฎอัยการศึก ให้อำนาจฉุกเฉินอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในการขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และพิชิตการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
    .
    อย่างไรก็ตาม เขายกเลิกประกาศดังกล่าวเพียงแค่อีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาขัดขืนทหารและตำรวจ ลงมติคัดค้านอัยการศึก แต่มันฉุดให้ประเทศแห่งนี้ดำดิ่งสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญและโหมกระพือเสียงเรียกร้องอย่างกว้างขวางให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ในเหตุผลที่ว่าเขาละเมิดกฎหมาย
    .
    ต่อมา ยุน ออกมาขอโทษ แต่ปกป้องการตัดสินใจของตนเอง แต่เมินเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง กระตุ้นให้บรรดาพรรคฝ่ายค้ายยื่นถอดถอน ภายใต้การสนับสนุนของผู้ชุมนุมจำนวนมาก
    .
    นอกจากนี้ ยุน ยังอยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามคำกล่าวหาก่อกบฏจากการประกาศอัยการศึก และเจ้าหน้าที่สั่งห้ามเขาเดินทางออกนอกประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120164
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่ออนาคตทางการเมือง หลังเขาถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง ในการโหวตครั้งที่ 2 ของรัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้าน ต่อการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับในช่วงสั้นๆ ความเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศ . ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินใจว่าจะรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากเก้าอี้หรือไม่ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งใน 6 เดือนข้างหน้า และถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นชอบมติถอดถอน เมื่อนั้นก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ . นายกรัฐมนตรีนายฮัน ด็อก-ซู ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากยุน ก้าวมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี ในระหว่างที่ ยุน ยังคงอยู่ในตำแหน่ง แต่อำนาจประธานาธิบดีของเขาถูกพักเอาไว้ ในขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทาง . "ผมจะใช้ทุกความเข้มแข็งที่ผมมีและทุกความพยายามในการรักษาเสถียรภาพแก่รัฐบาล" ฮันบอกกับผู้สื่อข่าวหลังการโหวต . วิกฤตการเมืองครั้งนี้ อันนำมาซึ่งการลาออกและการจับกุมเจ้าหน้าที่กลาโหมและเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงหลายรายก่อความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของเกาหลีใต้ในการป้องปรามเกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงเวลาที่ เปียงยาง กำลังยกระดับคลังแสงและกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นกับรัสเซีย . ยุน ถือเป็นประธานาธิบดีอนุรักษนิยมคนที่ 2 ติดต่อกันที่ถูกถอดถอนในเกาหลีใต้ หลังจากพัค กึน-ฮเย ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งในปี 2017 ทั้งนี้ ยุน ถูกยื่นถอดถอนครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่รอดพ้นมาได้สืบเนื่องจากสมาชิกพรรคของเขาส่วนใหญ่บอตคอตการลงมติ ส่งผลให้องค์ประชุมไม่ครบ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ก็เขาถูกถอดถอนในการลงมติรอบ 2 . "แม้ว่าผมจะหยุดแล้วในตอนนี้ แต่การเดินทางเคียงข้างประชาชนของผมในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในการมุ่งหน้าสู่อนาคต จะไม่มีวันหยุดลง ผมจะไม่มีวันยอมแพ้" ยุนกล่าว . บรรดาผู้ประท้วงใกล้อาคารรัฐสภาที่สนับสนุนการถอดถอนยุน ส่งเสียงยินดีอย่างกึกก้องขานรับข่าวการลงมติถอดถอน สวนทางกับบรรยากาศของที่ชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนยุน . ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีครั้งนี้มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันโหวตเห็นชอบ 204 เสียง คัดค้าน 85 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และมีคะแนนโหวตที่เป็นโมฆะ (nullified) อีก 8 เสียง . ส.ส.พรรคพลังประชาชน (PPP) ที่เป็นฝั่งรัฐบาลประกาศไม่บอยคอตการโหวตเหมือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมี ส.ส.อย่างน้อย 12 คนที่ช่วยโหวตสนับสนุนญัตติถอดถอนของฝ่ายค้าน เปิดทางสำหรับการได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ที่จำเป็นสำหรับการถอดถอน ในสมัชชาที่มีทั้งหมด 300 ที่นั่ง และมีพรรค PPP ครองเสียงข้างมากด้วยจำนวน 192 เสียง . ยุน สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เมื่อเขาประกาศกฎอัยการศึก ให้อำนาจฉุกเฉินอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในการขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และพิชิตการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง . อย่างไรก็ตาม เขายกเลิกประกาศดังกล่าวเพียงแค่อีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาขัดขืนทหารและตำรวจ ลงมติคัดค้านอัยการศึก แต่มันฉุดให้ประเทศแห่งนี้ดำดิ่งสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญและโหมกระพือเสียงเรียกร้องอย่างกว้างขวางให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ในเหตุผลที่ว่าเขาละเมิดกฎหมาย . ต่อมา ยุน ออกมาขอโทษ แต่ปกป้องการตัดสินใจของตนเอง แต่เมินเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง กระตุ้นให้บรรดาพรรคฝ่ายค้ายยื่นถอดถอน ภายใต้การสนับสนุนของผู้ชุมนุมจำนวนมาก . นอกจากนี้ ยุน ยังอยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามคำกล่าวหาก่อกบฏจากการประกาศอัยการศึก และเจ้าหน้าที่สั่งห้ามเขาเดินทางออกนอกประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120164 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 589 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกคำสั่งให้ทหารของประเทศเตรียมพร้อมสำหรับปักหลักอยู่ในดินแดนของซีเรียที่เพิ่งบุกยึดมาได้ใหม่ ตลอดทั้งฤดูหนาว แม้นานาชาติส่งเสียงเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ถอนกำลังออกมา
    .
    กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) บุกยึดเขตกันชนปลอดทหาร (DMZ) ตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย ที่กำหนดขึ้นในปี 1974 และรุกเข้าไปเกินกว่าพื้นที่ของที่ราบสูงโกลัน ที่พวกเขายึดครองอย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2967 ในขณะที่ คาทซ์ บอกเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า IDF จะจัดตั้งเขตป้องกันตนเองชั่วคราวในภาคใต้ของซีเรีย สกัดภัยคุกคามก่อการร้ายใดๆ ตามหลังการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-ฮัสซาด แห่งซีเรีย
    .
    ในวันศุกร์ (12ธ.ค.) คาทซ์ บอกว่าได้สั่งการให้ IDF จัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะสม และให้ทหารเตรียมพร้อมเป็นพิเศษสำหรับการยังคงปักหลักอยู่ในแถบภูเขาเฮอร์มอน ภายในรัสเซีย
    .
    ภูเขาเฮอร์มอน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอน คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถมองไปได้ไกลเกินกรุงดามัสกัส ในฐานะภูเขาสูงที่สุดในซีเรีย มันมีที่ราบสูงแห่งหนึ่งสำหรับสังเกตการณ์ทั่วภูมิภาค ในนั้นรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ในเลบานอน และหากติดตั้งเรดาร์บนภูเขาแห่งนี้ อิสราเอลจะสามารถสังเกตการณ์พื้นที่ได้กว้างขวางขึ้นอย่างมาก
    .
    "สืบเนื่องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย การยึดครองจุดสูงสุดของภูเขาเฮอร์มอน มีความสำคัญใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของเรา" คาทซ์กล่าว ตามรายงานของสื่อมวลชน
    .
    มีรายงานว่าเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล บอกกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าอิสราเอลจะยังคงอยู่ในเขตกันชน "จนกว่าจะมีกองกำลังที่มีประสิทธิภาพเข้าสนับสนุนข้อตกลงสงบศึกปี 1974 ที่หยุดความขัดแย้งระหว่างซีเรียและอิสราเอล
    .
    อิสราเอลเริ่มความเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นในซีเรีย หลังจากพวกฝ่ายค้านติดอาวุธ ที่มีกลุ่มญิฮาด กบฏฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) เป็นหัวหอก เปิดปฏิบัติการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบเล่นงานกองกำลังรัฐบาล จนนำมาซึ่งการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัสซาด และทำให้อดีตประธานาธิบดีรายนี้ต้องไปลี้ภัยในรัสเซีย
    .
    จากคำกล่าวอ้างของ IDF ระบุว่าปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ทั่วซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ทำลายสินทรัพย์ทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศอันครอบคลุมของซีเรีย ฝูงบินของกองทัพอากาศอย่างน้อย 5 ฝูงบิน และโรงงานผลิตขีปนาวุธแห่งหนึ่ง "ราว 90% ของขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ยิงจากพื้นผิวสู่อากาศของซีเรียถูกกำจัดแล้ว"
    .
    การรุกรานของอิสราเอลเรียกเสียงประณามของนานาชาติ โดยทางสหประชาชาติบอกว่ามันละเมิดข้อตกลงถอนกำลัง และในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) ทางสหประชาชาติเรียกร้องทุกฝ่ายให้ "หยุดทุกการประจำการโดยไม่ได้รับอนุญาตในดินแดนแยกแห่งนี้"
    .
    สหรัฐฯ ปกป้องอิสราเอลต่อการรุกรานทางทหารเข้าไปยังซีเรีย อ้างว่าปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการป้องกันตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120165
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกคำสั่งให้ทหารของประเทศเตรียมพร้อมสำหรับปักหลักอยู่ในดินแดนของซีเรียที่เพิ่งบุกยึดมาได้ใหม่ ตลอดทั้งฤดูหนาว แม้นานาชาติส่งเสียงเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ถอนกำลังออกมา . กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) บุกยึดเขตกันชนปลอดทหาร (DMZ) ตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย ที่กำหนดขึ้นในปี 1974 และรุกเข้าไปเกินกว่าพื้นที่ของที่ราบสูงโกลัน ที่พวกเขายึดครองอย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2967 ในขณะที่ คาทซ์ บอกเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า IDF จะจัดตั้งเขตป้องกันตนเองชั่วคราวในภาคใต้ของซีเรีย สกัดภัยคุกคามก่อการร้ายใดๆ ตามหลังการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-ฮัสซาด แห่งซีเรีย . ในวันศุกร์ (12ธ.ค.) คาทซ์ บอกว่าได้สั่งการให้ IDF จัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะสม และให้ทหารเตรียมพร้อมเป็นพิเศษสำหรับการยังคงปักหลักอยู่ในแถบภูเขาเฮอร์มอน ภายในรัสเซีย . ภูเขาเฮอร์มอน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอน คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถมองไปได้ไกลเกินกรุงดามัสกัส ในฐานะภูเขาสูงที่สุดในซีเรีย มันมีที่ราบสูงแห่งหนึ่งสำหรับสังเกตการณ์ทั่วภูมิภาค ในนั้นรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ในเลบานอน และหากติดตั้งเรดาร์บนภูเขาแห่งนี้ อิสราเอลจะสามารถสังเกตการณ์พื้นที่ได้กว้างขวางขึ้นอย่างมาก . "สืบเนื่องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย การยึดครองจุดสูงสุดของภูเขาเฮอร์มอน มีความสำคัญใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของเรา" คาทซ์กล่าว ตามรายงานของสื่อมวลชน . มีรายงานว่าเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล บอกกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าอิสราเอลจะยังคงอยู่ในเขตกันชน "จนกว่าจะมีกองกำลังที่มีประสิทธิภาพเข้าสนับสนุนข้อตกลงสงบศึกปี 1974 ที่หยุดความขัดแย้งระหว่างซีเรียและอิสราเอล . อิสราเอลเริ่มความเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นในซีเรีย หลังจากพวกฝ่ายค้านติดอาวุธ ที่มีกลุ่มญิฮาด กบฏฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) เป็นหัวหอก เปิดปฏิบัติการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบเล่นงานกองกำลังรัฐบาล จนนำมาซึ่งการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัสซาด และทำให้อดีตประธานาธิบดีรายนี้ต้องไปลี้ภัยในรัสเซีย . จากคำกล่าวอ้างของ IDF ระบุว่าปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ทั่วซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ทำลายสินทรัพย์ทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศอันครอบคลุมของซีเรีย ฝูงบินของกองทัพอากาศอย่างน้อย 5 ฝูงบิน และโรงงานผลิตขีปนาวุธแห่งหนึ่ง "ราว 90% ของขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ยิงจากพื้นผิวสู่อากาศของซีเรียถูกกำจัดแล้ว" . การรุกรานของอิสราเอลเรียกเสียงประณามของนานาชาติ โดยทางสหประชาชาติบอกว่ามันละเมิดข้อตกลงถอนกำลัง และในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) ทางสหประชาชาติเรียกร้องทุกฝ่ายให้ "หยุดทุกการประจำการโดยไม่ได้รับอนุญาตในดินแดนแยกแห่งนี้" . สหรัฐฯ ปกป้องอิสราเอลต่อการรุกรานทางทหารเข้าไปยังซีเรีย อ้างว่าปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการป้องกันตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120165 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 611 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ
    .
    "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม
    .
    เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย"
    .
    เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย
    .
    รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา
    .
    ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม
    .
    เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก
    .
    เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่
    .
    อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ
    .
    ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย
    .
    "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว
    .
    เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ . "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม . เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย" . เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย . รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา . ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม . เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก . เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่ . อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ . ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย . "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว . เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ฮุนมาเนต แจงระเอียด...!!! เกาะกูด อยู่ระหว่างเจรจา... ##
    ..
    ..
    ฮุนมาเนต บอกว่า เกาะกูด ยังไม่ใช่ของ ประเทศไทย เพราะ...
    .
    การเจรจาระหว่าง กัมพูชา และ ไทย ยังคงดำเนินต่อไป และ ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ
    .
    ดังนั้นการอ้างว่า กัมพูชา เสีย เกาะกูด ให้ ไทย นั้นไม่มีมูลความจริง...!!!
    .
    เราจะไม่สูญเสีย ดินแดน หรือ อธิปไตย...!!!
    .
    ฮุนมาเนต บอกว่า การเจรจาเรื่อ เกาะกูด เขาให้ความสำคัญต่อ บูรณภาพแห่งดินแดน อธิปไตยของ ชาติ เป็นอย่างแรก...!!!
    .
    https://sondhitalk.com/detail/9670000119176?fbclid=IwY2xjawHKF3FleHRuA2FlbQIxMAABHeMtBpb9Dgh63V6hR9PiPSLsNU63Ovaoo74Hrs4vjIBQD19tpV5wrndMvQ_aem__Ic_ZjGOzN6ZFx29j6Fi0w
    .
    https://www.khmertimeskh.com/501596196/opposition-abroad-accused-of-provoking-border-dispute-over-koh-kut/?fbclid=IwY2xjawHKF3pleHRuA2FlbQIxMAABHW1fHP3AI8dndh27bhqEiQhu8_ynUXXmYqR9bXQPbx18B673kW4z7rZGqA_aem_qul_Uet2JEdPqZI9HY3NsA#google_vignette
    .
    https://www.nationthailand.com/news/asean/40043498?fbclid=IwY2xjawHKF4dleHRuA2FlbQIxMAABHTnok7IsOjxo8wRMcglgOVDJP5mOUVTa_jZvwlLO7ncuRGmmcrFgU_k35w_aem_JLYEYDFWT8UXRuaat446FA
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=HYukCpVtIC0
    ## ฮุนมาเนต แจงระเอียด...!!! เกาะกูด อยู่ระหว่างเจรจา... ## .. .. ฮุนมาเนต บอกว่า เกาะกูด ยังไม่ใช่ของ ประเทศไทย เพราะ... . การเจรจาระหว่าง กัมพูชา และ ไทย ยังคงดำเนินต่อไป และ ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ . ดังนั้นการอ้างว่า กัมพูชา เสีย เกาะกูด ให้ ไทย นั้นไม่มีมูลความจริง...!!! . เราจะไม่สูญเสีย ดินแดน หรือ อธิปไตย...!!! . ฮุนมาเนต บอกว่า การเจรจาเรื่อ เกาะกูด เขาให้ความสำคัญต่อ บูรณภาพแห่งดินแดน อธิปไตยของ ชาติ เป็นอย่างแรก...!!! . https://sondhitalk.com/detail/9670000119176?fbclid=IwY2xjawHKF3FleHRuA2FlbQIxMAABHeMtBpb9Dgh63V6hR9PiPSLsNU63Ovaoo74Hrs4vjIBQD19tpV5wrndMvQ_aem__Ic_ZjGOzN6ZFx29j6Fi0w . https://www.khmertimeskh.com/501596196/opposition-abroad-accused-of-provoking-border-dispute-over-koh-kut/?fbclid=IwY2xjawHKF3pleHRuA2FlbQIxMAABHW1fHP3AI8dndh27bhqEiQhu8_ynUXXmYqR9bXQPbx18B673kW4z7rZGqA_aem_qul_Uet2JEdPqZI9HY3NsA#google_vignette . https://www.nationthailand.com/news/asean/40043498?fbclid=IwY2xjawHKF4dleHRuA2FlbQIxMAABHTnok7IsOjxo8wRMcglgOVDJP5mOUVTa_jZvwlLO7ncuRGmmcrFgU_k35w_aem_JLYEYDFWT8UXRuaat446FA . https://www.youtube.com/watch?v=HYukCpVtIC0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 272 : “นายกทับซ้อน” ปัณหาใหญ่ประเทศไทย (Full)

    - ฟันธง “แตงโม” ถูกฆาตกรรม
    - “เกาะกูด” พื้นที่ทับซ้อน กับ นายกทับซ้อน
    - ลูกหนี้ หรือ ข้าทาสแบงก์ ?
    - เบื้องหลัง “ซีเรียแตก”
    - อะไรจะเกิดถ้าจีนหยุดซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ?

    #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง #sondhitalk. #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #SondhiApp #สนธิเล่าเรื่อง #แตงโมนิดา
    #ใครฆ่าแตงโม #MOU44 #เกาะกูด #นายกทับซ้อน #ลูกหนี้ #ซีเรียแตก
    Sondhitalk EP 272 : “นายกทับซ้อน” ปัณหาใหญ่ประเทศไทย (Full) - ฟันธง “แตงโม” ถูกฆาตกรรม - “เกาะกูด” พื้นที่ทับซ้อน กับ นายกทับซ้อน - ลูกหนี้ หรือ ข้าทาสแบงก์ ? - เบื้องหลัง “ซีเรียแตก” - อะไรจะเกิดถ้าจีนหยุดซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ? #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง #sondhitalk. #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #SondhiApp #สนธิเล่าเรื่อง #แตงโมนิดา #ใครฆ่าแตงโม #MOU44 #เกาะกูด #นายกทับซ้อน #ลูกหนี้ #ซีเรียแตก
    Like
    Love
    Angry
    32
    6 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1670 มุมมอง 291 4 รีวิว
  • สำนักข่าวกัมพูชาหลายแห่งรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนเกาะกูดกับไทย โดยระบุอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ประนีประนอมบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักร
    .
    ผู้นำเขมรได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. โดยระบุว่าการเจรจาประเด็นเรื่องชายแดนต้องใช้เวลาและการเตรียมการอย่างรอบคอบ
    .
    “สิ่งนี้คือความรับผิดชอบของเรา และเราจะไม่สูญเสียดินแดนหรืออธิปไตย โปรดไว้ใจเราในเรื่องนี้” ผู้นำกัมพูชา กล่าว
    .
    ฮุน มาเนต กล่าวเสริมว่ารัฐบาลกัมพูชาใช้วิถีทางที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบและมีวุฒิภาวะ ไม่ตอบสนองอย่างหุนหันพลันแล่น
    .
    “ปัญหาเกาะกูดต้องได้รับการแก้ไขอย่างมีวุฒิภาวะทางการเมืองและความรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของชาติเป็นอย่างแรก” ฮุน มาเนต กล่าว
    .
    นายกรัฐมนตรีกัมพูชาชี้แจงว่า การเจรจาระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ดังนั้นการอ้างว่าเสียเกาะกูดให้ไทยนั้นไม่มีมูลความจริง และย้ำว่าการตอบสนองอย่างใจเย็นของรัฐบาลนั้นเป็นความตั้งใจ ด้วยมีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาผ่านช่องทางทางการทูต มากกว่าที่จะเพิ่มความตึงเครียด
    .
    “การคิดถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราต้องเข้าใจว่าเมื่อใดควรดำเนินการและดำเนินการอย่างไร” ฮุน มาเนต ระบุ
    .
    รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยการใช้กลไกอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก หรือกลไกสื่อ ฮุน มาเนต กล่าวเสริม และว่ากลไกการแก้ไขอย่างเป็นทางการคือกลไกที่ตกลงกันโดยรัฐบาลกัมพูชาและไทย คือคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการเทคนิคร่วม (JTC) ซึ่งคณะกรรมการเหล่านี้ทำหน้าที่เจรจาเรื่องการกำหนดเขตแดนทางบกและกำหนดเขตแดนทางทะเล
    .
    “ขณะนี้ชายแดนกัมพูชา-ไทย บรรลุข้อตกลงเพียงพรมแดนทางบก ที่ครอบคลุมระยะทาง 805 กิโลเมตร และหลักเขต 73 หลัก รัฐบาลของทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงไปแล้ว 42 หลัก” ฮุน มาเนต กล่าว และว่าประเด็นเรื่องเกาะกูดยังอยู่ระหว่างเจรจา ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ ดังนั้น เกาะนี้จึงยังไม่ถูกยกให้ใคร
    .
    เขายอมรับว่ามีความคิดเห็นและคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูดจากไทย แต่เน้นย้ำว่ารัฐบาลจะไม่นำไฟเข้ามาในบ้านของตัวเอง
    .
    ฮุน มาเนต เสริมว่ากัมพูชาและไทยได้เจรจากันมาตั้งแต่ปี 2549 เกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน แต่การหารือเกี่ยวกับดินแดนทางบกและทางทะเลยังไม่เสร็จสิ้นและยังคงดำเนินต่อไป
    .
    ขณะเดียวกัน ฮุนเซน ประธานสภาสูงของกัมพูชา ได้วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองฝ่ายค้านในต่างประเทศที่พยายามเปลี่ยนประเด็นเกาะกูดให้กลายเป็นความขัดแย้งชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยผ่านการยุยงปลุกปั่นประชาชน แม้ว่าสองรัฐบาลจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยสันติ
    .
    ทั้งนี้ อดีตผู้นำเขมรยังได้กล่าวย้อนถึงเรื่องการเจรจาร่วมกันกับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการเจาะน้ำมันที่เกาะกูด แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในแผนนี้ และในปี 2544 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ แต่ไม่มีการหารืออย่างละเอียดในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา
    .
    “รัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แต่ในไทย กลุ่มหัวรุนแรงเรียกร้องให้รัฐบาลอ้างสิทธิเกาะกูดจากกัมพูชา ขณะที่กลุ่มฝ่ายค้านหัวรุนแรงของกัมพูชาในต่างประเทศเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟ้องศาลระหว่างประเทศเพื่อเรียกร้องเกาะกูดคืน” ฮุนเซน กล่าว
    .
    ฮุนเซนกล่าวว่า ความพยายามของฝ่ายค้านในต่างประเทศครั้งนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อประเทศ
    .
    “ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กลุ่มฝ่ายค้านกดดันประชาชนและขัดขวางไม่ให้พวกเขาอยู่กันอย่างสันติ ด้วยการปลุกระดมให้เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องตราพวกเขาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะพวกเขากำลังยุยงให้เกิดความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างกัมพูชาและไทย” อดีตผู้นำเขมร กล่าว
    .
    นอกจากนี้ ฮุนเซนยังเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาและชาวไทยเชื่อมั่นในรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายในการแก้ไขปัญหาเกาะกูดด้วยสันติวิธี และขอให้กองทัพบกและกองทัพเรือกัมพูชาไม่ระดมกำลังเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว
    .
    อดีตผู้นำเขมรเตือนว่าบาดแผลจากสงครามที่ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือน และปราสาทตากระบัย และความทุกข์ทรมานของประชาชนกัมพูชาและไทยจากการสูญเสียคนรักหรือได้รับบาดเจ็บจากสงครามเหล่านั้นยังคงไม่สิ้นสุด
    .
    “การยุติข้อพิพาทจะดำเนินต่อไป แต่ด้วยการเจรจา เรายังไม่ได้ใช้ความเป็นไปได้ทั้งหมดของการเจรจาทวิภาคี” ฮุนเซน กล่าว.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119176
    ..............
    Sondhi X
    สำนักข่าวกัมพูชาหลายแห่งรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนเกาะกูดกับไทย โดยระบุอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ประนีประนอมบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักร . ผู้นำเขมรได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. โดยระบุว่าการเจรจาประเด็นเรื่องชายแดนต้องใช้เวลาและการเตรียมการอย่างรอบคอบ . “สิ่งนี้คือความรับผิดชอบของเรา และเราจะไม่สูญเสียดินแดนหรืออธิปไตย โปรดไว้ใจเราในเรื่องนี้” ผู้นำกัมพูชา กล่าว . ฮุน มาเนต กล่าวเสริมว่ารัฐบาลกัมพูชาใช้วิถีทางที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบและมีวุฒิภาวะ ไม่ตอบสนองอย่างหุนหันพลันแล่น . “ปัญหาเกาะกูดต้องได้รับการแก้ไขอย่างมีวุฒิภาวะทางการเมืองและความรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของชาติเป็นอย่างแรก” ฮุน มาเนต กล่าว . นายกรัฐมนตรีกัมพูชาชี้แจงว่า การเจรจาระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ดังนั้นการอ้างว่าเสียเกาะกูดให้ไทยนั้นไม่มีมูลความจริง และย้ำว่าการตอบสนองอย่างใจเย็นของรัฐบาลนั้นเป็นความตั้งใจ ด้วยมีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาผ่านช่องทางทางการทูต มากกว่าที่จะเพิ่มความตึงเครียด . “การคิดถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราต้องเข้าใจว่าเมื่อใดควรดำเนินการและดำเนินการอย่างไร” ฮุน มาเนต ระบุ . รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยการใช้กลไกอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก หรือกลไกสื่อ ฮุน มาเนต กล่าวเสริม และว่ากลไกการแก้ไขอย่างเป็นทางการคือกลไกที่ตกลงกันโดยรัฐบาลกัมพูชาและไทย คือคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการเทคนิคร่วม (JTC) ซึ่งคณะกรรมการเหล่านี้ทำหน้าที่เจรจาเรื่องการกำหนดเขตแดนทางบกและกำหนดเขตแดนทางทะเล . “ขณะนี้ชายแดนกัมพูชา-ไทย บรรลุข้อตกลงเพียงพรมแดนทางบก ที่ครอบคลุมระยะทาง 805 กิโลเมตร และหลักเขต 73 หลัก รัฐบาลของทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงไปแล้ว 42 หลัก” ฮุน มาเนต กล่าว และว่าประเด็นเรื่องเกาะกูดยังอยู่ระหว่างเจรจา ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ ดังนั้น เกาะนี้จึงยังไม่ถูกยกให้ใคร . เขายอมรับว่ามีความคิดเห็นและคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูดจากไทย แต่เน้นย้ำว่ารัฐบาลจะไม่นำไฟเข้ามาในบ้านของตัวเอง . ฮุน มาเนต เสริมว่ากัมพูชาและไทยได้เจรจากันมาตั้งแต่ปี 2549 เกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน แต่การหารือเกี่ยวกับดินแดนทางบกและทางทะเลยังไม่เสร็จสิ้นและยังคงดำเนินต่อไป . ขณะเดียวกัน ฮุนเซน ประธานสภาสูงของกัมพูชา ได้วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองฝ่ายค้านในต่างประเทศที่พยายามเปลี่ยนประเด็นเกาะกูดให้กลายเป็นความขัดแย้งชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยผ่านการยุยงปลุกปั่นประชาชน แม้ว่าสองรัฐบาลจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยสันติ . ทั้งนี้ อดีตผู้นำเขมรยังได้กล่าวย้อนถึงเรื่องการเจรจาร่วมกันกับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการเจาะน้ำมันที่เกาะกูด แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในแผนนี้ และในปี 2544 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ แต่ไม่มีการหารืออย่างละเอียดในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา . “รัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แต่ในไทย กลุ่มหัวรุนแรงเรียกร้องให้รัฐบาลอ้างสิทธิเกาะกูดจากกัมพูชา ขณะที่กลุ่มฝ่ายค้านหัวรุนแรงของกัมพูชาในต่างประเทศเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟ้องศาลระหว่างประเทศเพื่อเรียกร้องเกาะกูดคืน” ฮุนเซน กล่าว . ฮุนเซนกล่าวว่า ความพยายามของฝ่ายค้านในต่างประเทศครั้งนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อประเทศ . “ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กลุ่มฝ่ายค้านกดดันประชาชนและขัดขวางไม่ให้พวกเขาอยู่กันอย่างสันติ ด้วยการปลุกระดมให้เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องตราพวกเขาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะพวกเขากำลังยุยงให้เกิดความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างกัมพูชาและไทย” อดีตผู้นำเขมร กล่าว . นอกจากนี้ ฮุนเซนยังเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาและชาวไทยเชื่อมั่นในรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายในการแก้ไขปัญหาเกาะกูดด้วยสันติวิธี และขอให้กองทัพบกและกองทัพเรือกัมพูชาไม่ระดมกำลังเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว . อดีตผู้นำเขมรเตือนว่าบาดแผลจากสงครามที่ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือน และปราสาทตากระบัย และความทุกข์ทรมานของประชาชนกัมพูชาและไทยจากการสูญเสียคนรักหรือได้รับบาดเจ็บจากสงครามเหล่านั้นยังคงไม่สิ้นสุด . “การยุติข้อพิพาทจะดำเนินต่อไป แต่ด้วยการเจรจา เรายังไม่ได้ใช้ความเป็นไปได้ทั้งหมดของการเจรจาทวิภาคี” ฮุนเซน กล่าว. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119176 .............. Sondhi X
    Angry
    Like
    Yay
    Haha
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ระบุการโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เป็นผลลัพธ์ของแผนการหนึ่งของสหรัฐฯ และอิสราเอล
    .
    นอกจากนี้ คอเมเนอี ยังบอกด้วยว่ามีเพื่อนบ้านซีเรียอีกชาติหนึ่งที่มีบทบาทในเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาไม่เอ่ยชื่อประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์เชื่อว่าน่าจะเป็นตุรกี ที่ให้การสนับสนุนพวกกบฏต่อต้านอัสซาด
    .
    การที่อัสซาดถูกโค่นจากอำนาจ ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ "กลุ่มอักษะแห่งการต่อต้าน (Axis of Resistance) พันธมิตรทางการเมืองและการทหารที่ต่อต้านอิทธิพลของอิสราเอลและสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง
    .
    "สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรีย ส่วนใหญ่แล้วเป็นการวางแผนในห้องบัญชาการในอเมริกาและอิสราเอล เรามีหลักฐานในเรื่องนี้ รัฐบาลเพื่อนบ้านชาติหนึ่งของซีเรียก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน" คอเมเนอีกล่าว ในถ้อยแถลงที่สื่อมวลชนแห่งรัฐอิหร่านรายงาน "เพื่อนบ้านแห่งนี้มีบทบาทอย่างชัดเจน และยังคงทำเช่นนั้น"
    .
    ตุรกี ชาติสมาชิกนาโต ควบคุมดินแดนอันกว้างขวางทางเหนือของซีเรีย หลังรุกรานข้ามชายแดนหลายครั้งเข้าไปจัดการกับพวก YPG กลุ่มติดอาวุธซีเรีย-เคิร์ด ขณะเดียวกัน ตุรกี ก็เป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญของกลุ่มต่อต้านต่างๆ ที่มีเป้าหมายโค่นล้มอัสซาด นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในปี 2011
    .
    อิหร่าน ใช้เงินไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพยุงอัสซาด ระหว่างสงครามและส่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม เข้าไปยังซีเรีย เพื่อรักษาอำนาจให้พันธมิตรรายนี้
    .
    ไม่กี่ชั่วโมงหลังการล่มสลายของอัสซาด ทางอิหร่านระบุว่าพวกเขาคาดหมายว่าความสัมพันธ์กับดามัสกัสจะเดินหน้าต่อไปบนพื้นฐานของแนวทางที่ชาญฉลาดและมองการไกลของทั้ง 2 ประเทศ และเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นตัวแทนของทุกภาคส่วนในสังคมซีเรีย
    .
    ในถ้อยแถลง คอเมเนอี บอกว่าพันธมิตรที่นำโดยอิหร่าน จะเดินหน้าเสริมความเข้มแข็งทั่วทั้งภูมิภาค "ยิ่งคุณออกแรงกดดันมากเท่าไหร่ การต่อต้านที่เข้มแข็งขึ้นก็จะตามมา ยิ่งคุณก่ออาชญากรรมมากเท่าไหร่ ความแน่วแน่ยิ่งขึ้นก็จะตามมา ยิ่งคุณสู้รบมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งขยายวง" ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าว "อิหร่านจะแข็งแกร่งและทรงพลัง และจะเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119174
    ..............
    Sondhi X
    อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ระบุการโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เป็นผลลัพธ์ของแผนการหนึ่งของสหรัฐฯ และอิสราเอล . นอกจากนี้ คอเมเนอี ยังบอกด้วยว่ามีเพื่อนบ้านซีเรียอีกชาติหนึ่งที่มีบทบาทในเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาไม่เอ่ยชื่อประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์เชื่อว่าน่าจะเป็นตุรกี ที่ให้การสนับสนุนพวกกบฏต่อต้านอัสซาด . การที่อัสซาดถูกโค่นจากอำนาจ ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ "กลุ่มอักษะแห่งการต่อต้าน (Axis of Resistance) พันธมิตรทางการเมืองและการทหารที่ต่อต้านอิทธิพลของอิสราเอลและสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง . "สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรีย ส่วนใหญ่แล้วเป็นการวางแผนในห้องบัญชาการในอเมริกาและอิสราเอล เรามีหลักฐานในเรื่องนี้ รัฐบาลเพื่อนบ้านชาติหนึ่งของซีเรียก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน" คอเมเนอีกล่าว ในถ้อยแถลงที่สื่อมวลชนแห่งรัฐอิหร่านรายงาน "เพื่อนบ้านแห่งนี้มีบทบาทอย่างชัดเจน และยังคงทำเช่นนั้น" . ตุรกี ชาติสมาชิกนาโต ควบคุมดินแดนอันกว้างขวางทางเหนือของซีเรีย หลังรุกรานข้ามชายแดนหลายครั้งเข้าไปจัดการกับพวก YPG กลุ่มติดอาวุธซีเรีย-เคิร์ด ขณะเดียวกัน ตุรกี ก็เป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญของกลุ่มต่อต้านต่างๆ ที่มีเป้าหมายโค่นล้มอัสซาด นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นในปี 2011 . อิหร่าน ใช้เงินไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพยุงอัสซาด ระหว่างสงครามและส่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม เข้าไปยังซีเรีย เพื่อรักษาอำนาจให้พันธมิตรรายนี้ . ไม่กี่ชั่วโมงหลังการล่มสลายของอัสซาด ทางอิหร่านระบุว่าพวกเขาคาดหมายว่าความสัมพันธ์กับดามัสกัสจะเดินหน้าต่อไปบนพื้นฐานของแนวทางที่ชาญฉลาดและมองการไกลของทั้ง 2 ประเทศ และเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นตัวแทนของทุกภาคส่วนในสังคมซีเรีย . ในถ้อยแถลง คอเมเนอี บอกว่าพันธมิตรที่นำโดยอิหร่าน จะเดินหน้าเสริมความเข้มแข็งทั่วทั้งภูมิภาค "ยิ่งคุณออกแรงกดดันมากเท่าไหร่ การต่อต้านที่เข้มแข็งขึ้นก็จะตามมา ยิ่งคุณก่ออาชญากรรมมากเท่าไหร่ ความแน่วแน่ยิ่งขึ้นก็จะตามมา ยิ่งคุณสู้รบมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งขยายวง" ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าว "อิหร่านจะแข็งแกร่งและทรงพลัง และจะเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119174 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้ตกอยู่ในภาวะ "ยุ่งเหยิง" หลังจากประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพุธ(11ธ.ค.) ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในชาติคู่อริ พร้อมชี้ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากพวกเผด็จการฟาสซิสต์ ขณะที่รอยเตอร์ระบุคำสั่งส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยางเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายประกาศอัยการศึกนั่นเอง
    .
    ประธานาธิบดียุน ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันอังคารที่แล้ว(3ธ.ค.) ส่งกองกำลังพิเศษและเฮลิคอปเตอร์ไปยังอาคารรัฐสภา ก่อนถูกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติบีบให้ถอนประกาศดังกล่าาว สถานการณ์ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งๆที่เชื่อว่ามีเสถียรภาพในประชาธิปไตย
    .
    "มีเหตุการณ์อันน่าช็อค หุ่นเชิดยุน ซ็อกยอล ซึ่งกำลังเผชิญกับการถอดถอนและวิกฤตการปกครอง ประกาศอัยการศึกอย่างกะทันหัน กวัดแกว่งปืนและมีดของเผด็จการฟาสซิสต์ ก่อความยุ่งเหยิงทั่วเกาหลีใต้" สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงาน "ประชาคมนานาชาติกำลังจับตาอย่างเคร่งเครียด ด้วยคำประเมินว่าเหตุการณ์อัยการศึกเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอในสังคมเกาหลีใต้"
    .
    นอกจากนี้แล้วรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือยังได้อ้างผู้สัดทัดกรณี ให้คำจำกัดความการประกาศอัยการศึกอย่างฉับพลันของยุน ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่จนตรอก และบอกว่าชีวิตทางการเมืองของยุน ซ็อกยอล คงพบจุดจบเร็ววันนี้
    .
    ในประกาศอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ยุนอ้างว่าเพื่อปกป้องเกาหลีใต้ "จากภัยคุกคามโดยกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ และกำจัดเครือข่ายต่อต้านรัฐที่ปล้นสะดมเสรีภาพและความผาสุกของประชาชน"
    .
    ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี ดำดิ่งสู่ระดับต่ำที่สุดหนหน่งในรอบหลายปี ด้วยเกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นชัดๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ
    .
    นอกจากนี้แล้วเกาหลีเหนือยังเล่นงานเกาหลีใต้ด้วยบอลลูนขยะมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ในสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการแก้แค้นกรณีที่บรรดานักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ ทำการโฆษณาชวนเชื่อครั้งใหญ่ต่อต้านเปียงยาง
    .
    เกาหลีเหนือ กลายเป็นหนึ่งในผู้ส่งเสียงสนับสนุนและหนุนหลังรายสำคัญของรัสเซีย ในปฏิบัติการรุกรานยูเครน โดยสหรัฐฯและเกาหลีใต้กล่าวหาเปียงยาง ส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับเคียฟ
    .
    คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งถูกจับในวันอังคาร(10ธ.ค.) เคยถูกพวกสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกล่าวหาว่า เรียกร้องให้โจมตีที่ตั้งต่างๆที่เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนบรรทุกขยะออกมา และมีข่าวว่าคำสั่งดังกล่าวในตอนนั้นของ ยอง-ฮยุน ถูกปฏิเสธโดยบรรดาผู้บังคับบัญชาของเขาเอง
    .
    นอกจากนี้แล้วยังมีคำกล่าวหาว่าเขาออกคำสั่งให้ส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ดูเหมือนเป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศกฎอัยการศึก ตามรายงานของรอยเตอร์
    .
    ประธานาธิบดียุน รอดมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์(7ธ.ค.) แม้มีเกาหลีใต้หลายหมื่นคนฝ่าอากาศเย็น ออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ฝ่ายค้านมีแผนผลักดันให้มีการลงมติในญัตติถอดถอนยุนอีกรอบในวันเสาร์นี้(14ธ.ค.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119175
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้ตกอยู่ในภาวะ "ยุ่งเหยิง" หลังจากประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพุธ(11ธ.ค.) ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในชาติคู่อริ พร้อมชี้ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากพวกเผด็จการฟาสซิสต์ ขณะที่รอยเตอร์ระบุคำสั่งส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยางเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายประกาศอัยการศึกนั่นเอง . ประธานาธิบดียุน ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันอังคารที่แล้ว(3ธ.ค.) ส่งกองกำลังพิเศษและเฮลิคอปเตอร์ไปยังอาคารรัฐสภา ก่อนถูกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติบีบให้ถอนประกาศดังกล่าาว สถานการณ์ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งๆที่เชื่อว่ามีเสถียรภาพในประชาธิปไตย . "มีเหตุการณ์อันน่าช็อค หุ่นเชิดยุน ซ็อกยอล ซึ่งกำลังเผชิญกับการถอดถอนและวิกฤตการปกครอง ประกาศอัยการศึกอย่างกะทันหัน กวัดแกว่งปืนและมีดของเผด็จการฟาสซิสต์ ก่อความยุ่งเหยิงทั่วเกาหลีใต้" สื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือรายงาน "ประชาคมนานาชาติกำลังจับตาอย่างเคร่งเครียด ด้วยคำประเมินว่าเหตุการณ์อัยการศึกเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอในสังคมเกาหลีใต้" . นอกจากนี้แล้วรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือยังได้อ้างผู้สัดทัดกรณี ให้คำจำกัดความการประกาศอัยการศึกอย่างฉับพลันของยุน ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่จนตรอก และบอกว่าชีวิตทางการเมืองของยุน ซ็อกยอล คงพบจุดจบเร็ววันนี้ . ในประกาศอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ยุนอ้างว่าเพื่อปกป้องเกาหลีใต้ "จากภัยคุกคามโดยกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ และกำจัดเครือข่ายต่อต้านรัฐที่ปล้นสะดมเสรีภาพและความผาสุกของประชาชน" . ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี ดำดิ่งสู่ระดับต่ำที่สุดหนหน่งในรอบหลายปี ด้วยเกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นชัดๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ . นอกจากนี้แล้วเกาหลีเหนือยังเล่นงานเกาหลีใต้ด้วยบอลลูนขยะมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ในสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการแก้แค้นกรณีที่บรรดานักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ ทำการโฆษณาชวนเชื่อครั้งใหญ่ต่อต้านเปียงยาง . เกาหลีเหนือ กลายเป็นหนึ่งในผู้ส่งเสียงสนับสนุนและหนุนหลังรายสำคัญของรัสเซีย ในปฏิบัติการรุกรานยูเครน โดยสหรัฐฯและเกาหลีใต้กล่าวหาเปียงยาง ส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับเคียฟ . คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งถูกจับในวันอังคาร(10ธ.ค.) เคยถูกพวกสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกล่าวหาว่า เรียกร้องให้โจมตีที่ตั้งต่างๆที่เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนบรรทุกขยะออกมา และมีข่าวว่าคำสั่งดังกล่าวในตอนนั้นของ ยอง-ฮยุน ถูกปฏิเสธโดยบรรดาผู้บังคับบัญชาของเขาเอง . นอกจากนี้แล้วยังมีคำกล่าวหาว่าเขาออกคำสั่งให้ส่งโดรนไปยังกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ดูเหมือนเป็นความพยายามยั่วยุความขัดแย้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศกฎอัยการศึก ตามรายงานของรอยเตอร์ . ประธานาธิบดียุน รอดมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์(7ธ.ค.) แม้มีเกาหลีใต้หลายหมื่นคนฝ่าอากาศเย็น ออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ฝ่ายค้านมีแผนผลักดันให้มีการลงมติในญัตติถอดถอนยุนอีกรอบในวันเสาร์นี้(14ธ.ค.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119175 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทเปกล่าวหาจีนขยายการซ้อมรบรอบไต้หวันในเวลานี้ เพื่อขีด “เส้นแดง” ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นการต้อนรับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกา พร้อมตราหน้าปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา” ขณะที่จีนฟาดกลับ บอก “คนนอก” และ “พวกแบ่งแยกดินแดน” กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพช่องแคบไต้หวัน ย้ำพร้อมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
    .
    ไต้หวันกำลังเร่งออกมากล่าวหาว่า จีนกำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีการจำลองสถานการณ์ทั้งการโจมตีเรือต่างชาติเพื่อไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาแทรกแซง และการปิดเส้นทางเดินเรือรอบเกาะไต้หวัน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงเมื่อวันพุธ (11 ธ.ค.)ว่า การที่จีนเพิ่มกิจกรรมทางทหารรอบเกาะไต้หวันเช่นนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา”
    .
    ส่วนเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งของไต้หวันกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ เช่นกันว่า จีนเริ่มวางแผนการซ้อมรบนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อโชว์ว่า จีนสามารถปิดล้อมไต้หวันและ “ขีดเส้นแดง” ห้ามชาติภายนอกเข้ามาล่วงล้ำแทรกแซง ก่อนหน้าที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า
    .
    เจ้าหน้าที่อาวุโสไต้หวันผู้นี้อธิบายว่า ในการซ้อมรบคราวนี้ เรือของกองทัพจีนได้ฝึกซ้อมจำลองการโจมตีเรือต่างชาติที่จะรุกล้ำเข้ามา ขณะที่เรือหน่วยยามฝั่งฝึกการสกัดเรือสินค้า และขัดขวางและปิดกั้นเส้นทางเดินเรือ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้นี้สำทับว่า จีนยังได้ร่วมซ้อมรบกับรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    ไทเประบุว่า การซ้อมรบทางทะเลครั้งนี้ใหญ่กว่าเมื่อปี 2022 ที่ปักกิ่งตอบโต้การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบใหญ่ที่สุดของจีนรอบเกาะไต้หวัน
    .
    ด้าน ชู เสี่ยวหวง นักวิเคราะห์ทางการทหารในไทเป ชี้ว่า การซ้อมรบของจีนเป็นการประกาศความพร้อมในการสู้รบอย่างแท้จริง โดยในทะเลจีนตะวันออกนั้น ดูเหมือนจีนกำลังเตรียมปฏิบัติการทางอากาศขนาดใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเรืออเมริกา ขณะที่การเคลื่อนกองเรือขนาดใหญ่เข้ามาทางตะวันออกของไต้หวัน บ่งชี้ยุทธศาสตร์การปิดล้อมเกาะ ตัดขาดชีพจรทางเศรษฐกิจและทรัพยากรสำคัญ
    .
    กระนั้น เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งของอเมริกา กล่าวว่า เวลานี้จีนเพิ่มการเคลื่อนพลเข้ามาในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้จริงๆ แต่ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการซ้อมรบใหญ่หลายครั้งที่ผ่านมา
    .
    เห็นกันว่าการเยือนประเทศในแถบแปซิฟิกของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันก่อนหน้านี้ ที่มีการแวะที่ฮาวายและเกาะกวมของสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องที่สร้างความเดือดดาลให้ปักกิ่งที่อ้ากรรมสิทธิ์เหนือไต้หวัน
    .
    อย่างไรก็ดี สำหรับฝ่ายปักกิ่งเองนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศจากกองทัพจีนหรือสื่อของทางการปักกิ่ง เกี่ยวกับการเพิ่มกิจกรรมทางทหารอย่างคึกคัก ทั้งในทะเลจีนตะวันออก ช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ หรือมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกคราวนี้
    .
    ปกติแล้วจีนมักประกาศแจ้งล่วงหน้าเรื่องการซ้อมรบ แต่เจ้าหน้าที่ไต้หวันอธิบายว่า การที่ปักกิ่งนิ่งเงียบในครั้งนี้อาจเนื่องมาจากไม่ต้องการบดบังความสำคัญของการประชุมทบทวนผลงานทางเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งเป็นการประชุมแบบปิดลับของพวกผู้นำจีนที่กำหนดจัดขึ้นในวันพุธ (11 )
    .
    สำหรับปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการของปักกิ่งนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธว่า การก่อกวนสันติภาพและเสถียรภาพช่องแคบไต้หวันเป็นงานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ
    .
    เมื่อถูกถามว่า การซ้อมรบเป็นการขีดเส้นแดงก่อนที่ทรัมป์จะกลับสู่ทำเนียบขาวหรือไม่ เหมาตอบว่า ประเด็นไต้หวันถือเป็นเส้นตายในความสัมพันธ์ปักกิ่ง-วอชิงตันที่ไม่ควรก้าวล่วงอยู่แล้ว และเป็นจุดยืนอันถาวรของจีน
    .
    วันเดียวกันนั้น ทางด้าน จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นในระยะนี้ ได้กล่าวตอบว่า จีนจะดำเนินมาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ และสำทับว่า รัฐบาลจีนเพิ่มการเฝ้าระวังแนวโน้มที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันกำลังสมคบคิดกับต่างชาติ
    .
    ไต้หวันระบุว่า จีนเวลานี้กำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยมีการระดมเรือจากองทัพเรือจำนวน 60 ลำและเรือของหน่วยยามฝั่งอีก 30 ลำ เคลื่อนเข้ามาใกล้แนว “ห่วงโซ่เกาะชั้นที่หนึ่ง” ตั้งแต่หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ลงมาจนถึงทะเลจีนใต้
    .
    ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า ในวันพุธได้ตรวจพบเครื่องบินจีนรอบเกาะไต้หวัน 53 ลำ เพิ่มขึ้นจาก 47 ลำเมื่อวันอังคาร
    .
    คาเรน กัว โฆษกสำนักงานประธานาธิบดีไต้หวัน แถลงว่า กิจกรรมทางทหารของจีนเป็นอุปสรรคต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างโจ่งแจ้ง และปักกิ่งควรยุติการยั่วยุทั้งหมดทันที พร้อมย้ำว่า การเดินทางไปต่างประเทศของประธานาธิบดีไต้หวันเป็นธรรมเนียมปกติ และจีนไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างในการยั่วยุ
    .
    วันเดียวกันนั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากฐานทัพอเมริกันในญี่ปุ่นว่า อเมริกากำลังจับตากิจกรรมล่าสุดของจีน และรับประกันว่า จะไม่มีใครทำอะไรที่ทำให้สถานะดั้งเดิมในช่องแคบไต้หวันเปลี่ยนแปลง รวมทั้งจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้ไต้หวันสามารถป้องกันตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119170
    ..............
    Sondhi X
    ไทเปกล่าวหาจีนขยายการซ้อมรบรอบไต้หวันในเวลานี้ เพื่อขีด “เส้นแดง” ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นการต้อนรับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกา พร้อมตราหน้าปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา” ขณะที่จีนฟาดกลับ บอก “คนนอก” และ “พวกแบ่งแยกดินแดน” กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพช่องแคบไต้หวัน ย้ำพร้อมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ . ไต้หวันกำลังเร่งออกมากล่าวหาว่า จีนกำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีการจำลองสถานการณ์ทั้งการโจมตีเรือต่างชาติเพื่อไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาแทรกแซง และการปิดเส้นทางเดินเรือรอบเกาะไต้หวัน . กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงเมื่อวันพุธ (11 ธ.ค.)ว่า การที่จีนเพิ่มกิจกรรมทางทหารรอบเกาะไต้หวันเช่นนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา” . ส่วนเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งของไต้หวันกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ เช่นกันว่า จีนเริ่มวางแผนการซ้อมรบนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อโชว์ว่า จีนสามารถปิดล้อมไต้หวันและ “ขีดเส้นแดง” ห้ามชาติภายนอกเข้ามาล่วงล้ำแทรกแซง ก่อนหน้าที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า . เจ้าหน้าที่อาวุโสไต้หวันผู้นี้อธิบายว่า ในการซ้อมรบคราวนี้ เรือของกองทัพจีนได้ฝึกซ้อมจำลองการโจมตีเรือต่างชาติที่จะรุกล้ำเข้ามา ขณะที่เรือหน่วยยามฝั่งฝึกการสกัดเรือสินค้า และขัดขวางและปิดกั้นเส้นทางเดินเรือ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้นี้สำทับว่า จีนยังได้ร่วมซ้อมรบกับรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว . ไทเประบุว่า การซ้อมรบทางทะเลครั้งนี้ใหญ่กว่าเมื่อปี 2022 ที่ปักกิ่งตอบโต้การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบใหญ่ที่สุดของจีนรอบเกาะไต้หวัน . ด้าน ชู เสี่ยวหวง นักวิเคราะห์ทางการทหารในไทเป ชี้ว่า การซ้อมรบของจีนเป็นการประกาศความพร้อมในการสู้รบอย่างแท้จริง โดยในทะเลจีนตะวันออกนั้น ดูเหมือนจีนกำลังเตรียมปฏิบัติการทางอากาศขนาดใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเรืออเมริกา ขณะที่การเคลื่อนกองเรือขนาดใหญ่เข้ามาทางตะวันออกของไต้หวัน บ่งชี้ยุทธศาสตร์การปิดล้อมเกาะ ตัดขาดชีพจรทางเศรษฐกิจและทรัพยากรสำคัญ . กระนั้น เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งของอเมริกา กล่าวว่า เวลานี้จีนเพิ่มการเคลื่อนพลเข้ามาในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้จริงๆ แต่ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการซ้อมรบใหญ่หลายครั้งที่ผ่านมา . เห็นกันว่าการเยือนประเทศในแถบแปซิฟิกของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันก่อนหน้านี้ ที่มีการแวะที่ฮาวายและเกาะกวมของสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องที่สร้างความเดือดดาลให้ปักกิ่งที่อ้ากรรมสิทธิ์เหนือไต้หวัน . อย่างไรก็ดี สำหรับฝ่ายปักกิ่งเองนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศจากกองทัพจีนหรือสื่อของทางการปักกิ่ง เกี่ยวกับการเพิ่มกิจกรรมทางทหารอย่างคึกคัก ทั้งในทะเลจีนตะวันออก ช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ หรือมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกคราวนี้ . ปกติแล้วจีนมักประกาศแจ้งล่วงหน้าเรื่องการซ้อมรบ แต่เจ้าหน้าที่ไต้หวันอธิบายว่า การที่ปักกิ่งนิ่งเงียบในครั้งนี้อาจเนื่องมาจากไม่ต้องการบดบังความสำคัญของการประชุมทบทวนผลงานทางเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งเป็นการประชุมแบบปิดลับของพวกผู้นำจีนที่กำหนดจัดขึ้นในวันพุธ (11 ) . สำหรับปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการของปักกิ่งนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธว่า การก่อกวนสันติภาพและเสถียรภาพช่องแคบไต้หวันเป็นงานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ . เมื่อถูกถามว่า การซ้อมรบเป็นการขีดเส้นแดงก่อนที่ทรัมป์จะกลับสู่ทำเนียบขาวหรือไม่ เหมาตอบว่า ประเด็นไต้หวันถือเป็นเส้นตายในความสัมพันธ์ปักกิ่ง-วอชิงตันที่ไม่ควรก้าวล่วงอยู่แล้ว และเป็นจุดยืนอันถาวรของจีน . วันเดียวกันนั้น ทางด้าน จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นในระยะนี้ ได้กล่าวตอบว่า จีนจะดำเนินมาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ และสำทับว่า รัฐบาลจีนเพิ่มการเฝ้าระวังแนวโน้มที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันกำลังสมคบคิดกับต่างชาติ . ไต้หวันระบุว่า จีนเวลานี้กำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยมีการระดมเรือจากองทัพเรือจำนวน 60 ลำและเรือของหน่วยยามฝั่งอีก 30 ลำ เคลื่อนเข้ามาใกล้แนว “ห่วงโซ่เกาะชั้นที่หนึ่ง” ตั้งแต่หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ลงมาจนถึงทะเลจีนใต้ . ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า ในวันพุธได้ตรวจพบเครื่องบินจีนรอบเกาะไต้หวัน 53 ลำ เพิ่มขึ้นจาก 47 ลำเมื่อวันอังคาร . คาเรน กัว โฆษกสำนักงานประธานาธิบดีไต้หวัน แถลงว่า กิจกรรมทางทหารของจีนเป็นอุปสรรคต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างโจ่งแจ้ง และปักกิ่งควรยุติการยั่วยุทั้งหมดทันที พร้อมย้ำว่า การเดินทางไปต่างประเทศของประธานาธิบดีไต้หวันเป็นธรรมเนียมปกติ และจีนไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างในการยั่วยุ . วันเดียวกันนั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากฐานทัพอเมริกันในญี่ปุ่นว่า อเมริกากำลังจับตากิจกรรมล่าสุดของจีน และรับประกันว่า จะไม่มีใครทำอะไรที่ทำให้สถานะดั้งเดิมในช่องแคบไต้หวันเปลี่ยนแปลง รวมทั้งจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้ไต้หวันสามารถป้องกันตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119170 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ส่งเสียงเตือนไปยังสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกระพือสงครามการค้ารอบใหม่ ระบุจะ "ไม่มีผู้ชนะ" แม้ในขณะเดียวกันผู้นำรายนี้ประกาศกร้าวจะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
    .
    ประธานธิบดีสี แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ระหว่างพบปะกับเหล่าผู้นำสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงเวิลด์แบงก์ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หนึ่งวันหลังจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของจีน แถลงสืบสวนบริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ฐานต้องสงสัยละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    .
    การตรวจสอบดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญในการต่อสู้ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อครองความเป็นเจ้าปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเชื่อว่ามีความสำคัญยิ่งสำหรับปกป้องความมั่นคงของชาติ แม้กระทั่งก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวก็ตาม
    .
    "สงครามรีดภาษี สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีล้วนแต่สวนทางกับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์และกฎหมายทางเศรษฐกิจ และจะไม่มีผู้ชนะ" สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี สื่อมวลชนหแงรัฐของจีน รายงานโดยอ้างคำกล่าวของสี
    .
    สี บอกต่อว่า "การปิดกั้นลานบ้านเล็กๆ ด้วยกำแพงสูงลิ่ว การแยกและทำลายห่วงโซ่อุปทาน จะสร้างความเจ็บปวดแก่คนอื่นๆ และไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง จีนเชื่อเสมอว่าถ้าจีนดีโลกก็ดีด้วย และเมื่อโลกดี จีนก็ดียิ่งขึ้นไปอีก" เขากล่าว
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เคยใช้คำพูดเกี่ยวกับ "ลานบ้านเล็กๆ และกำแพงสูง" จำกัดความยุทธศาสตร์หนึ่งที่จะเปิดทางให้การค้าส่วนใหญ่กับจีนดำเนินไปตามปกติ แต่จะกำหนดข้อจำกัดกับสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ อย่างเช่นเซมิคอนดัคเตอร์ ที่เชื่อว่าอาจถูกนำไปใช้งานด้านการทหาร
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไบเดน แถลงมาตรการควบคุมการส่งออกรอบที่ 3 ในรอบหลายปี จำกัดปักกิ่งจากการเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายสิบรุ่นและชิปความจำล้ำสมัย เช่นเดียวกับกำหนดมาตรการควบคุมบริษัทจีนมากกว่า 100 แห่ง
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า จีนจะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอีก 10% เพิ่มเติมจากระดับภาษีใดๆ ในปัจจุบัน จนกว่าปักกิ่งจะสกัดไม่ให้กระแสยาผิดกฎหมายไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซี ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ทรัมป์ บอกว่าเขาและสี "ได้พูดคุยสื่อสารกัน" ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ขณะที่โฆษกระทรวงการต่างประเทศจีน ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธใดๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการสนทนาระหว่าง 2 ฝ่าย
    .
    จึง พึ่งพิงการส่งออก โดยเฉพาะกับคู่ค้ารายใหญ่อย่างเช่นสหรัฐฯ เป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในระหว่างที่อุปสงค์ภายในประเทศดำดิ่ง สืบเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยข้อมูลของทางการที่เผยแพร่ออกมาในวันอังคาร (10 ธ.ค.) พบว่าการส่งออกลดลงอย่างมาก ส่วนการนำเข้าก็หดตัวอย่างไม่คาดคิดเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118740
    ..............
    Sondhi X
    สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ส่งเสียงเตือนไปยังสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกระพือสงครามการค้ารอบใหม่ ระบุจะ "ไม่มีผู้ชนะ" แม้ในขณะเดียวกันผู้นำรายนี้ประกาศกร้าวจะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ . ประธานธิบดีสี แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ระหว่างพบปะกับเหล่าผู้นำสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงเวิลด์แบงก์ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หนึ่งวันหลังจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของจีน แถลงสืบสวนบริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ฐานต้องสงสัยละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด . การตรวจสอบดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญในการต่อสู้ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อครองความเป็นเจ้าปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเชื่อว่ามีความสำคัญยิ่งสำหรับปกป้องความมั่นคงของชาติ แม้กระทั่งก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวก็ตาม . "สงครามรีดภาษี สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีล้วนแต่สวนทางกับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์และกฎหมายทางเศรษฐกิจ และจะไม่มีผู้ชนะ" สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี สื่อมวลชนหแงรัฐของจีน รายงานโดยอ้างคำกล่าวของสี . สี บอกต่อว่า "การปิดกั้นลานบ้านเล็กๆ ด้วยกำแพงสูงลิ่ว การแยกและทำลายห่วงโซ่อุปทาน จะสร้างความเจ็บปวดแก่คนอื่นๆ และไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง จีนเชื่อเสมอว่าถ้าจีนดีโลกก็ดีด้วย และเมื่อโลกดี จีนก็ดียิ่งขึ้นไปอีก" เขากล่าว . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เคยใช้คำพูดเกี่ยวกับ "ลานบ้านเล็กๆ และกำแพงสูง" จำกัดความยุทธศาสตร์หนึ่งที่จะเปิดทางให้การค้าส่วนใหญ่กับจีนดำเนินไปตามปกติ แต่จะกำหนดข้อจำกัดกับสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ อย่างเช่นเซมิคอนดัคเตอร์ ที่เชื่อว่าอาจถูกนำไปใช้งานด้านการทหาร . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไบเดน แถลงมาตรการควบคุมการส่งออกรอบที่ 3 ในรอบหลายปี จำกัดปักกิ่งจากการเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายสิบรุ่นและชิปความจำล้ำสมัย เช่นเดียวกับกำหนดมาตรการควบคุมบริษัทจีนมากกว่า 100 แห่ง . ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า จีนจะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอีก 10% เพิ่มเติมจากระดับภาษีใดๆ ในปัจจุบัน จนกว่าปักกิ่งจะสกัดไม่ให้กระแสยาผิดกฎหมายไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซี ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ทรัมป์ บอกว่าเขาและสี "ได้พูดคุยสื่อสารกัน" ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ขณะที่โฆษกระทรวงการต่างประเทศจีน ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธใดๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการสนทนาระหว่าง 2 ฝ่าย . จึง พึ่งพิงการส่งออก โดยเฉพาะกับคู่ค้ารายใหญ่อย่างเช่นสหรัฐฯ เป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในระหว่างที่อุปสงค์ภายในประเทศดำดิ่ง สืบเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยข้อมูลของทางการที่เผยแพร่ออกมาในวันอังคาร (10 ธ.ค.) พบว่าการส่งออกลดลงอย่างมาก ส่วนการนำเข้าก็หดตัวอย่างไม่คาดคิดเมื่อเดือนที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118740 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 625 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลานี้กองทัพยูเครนใกล้ล่มสลายโดยสิ้นเชิง จากคำอวดอ้างของเซอร์เกย์ นารีสคิน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) พร้อมระบุรัฐบาลปัจจุบันของยูเครน สูญเสียความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ และไม่เหมาะสำหรับการเจรจา
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสารรัสเซีย Razvedchik ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) นารีสคิน เน้นย้ำว่าความขัดแย้งยูเครนโดยพื้นฐานแล้ว ไม่ใช่การสู้รบกับเคียฟ แต่เป็นการต่อสู้กับตะวันตกร่วม โดยมีเสรีภาพและอธิปไตยของรัสเซียเป็นเดิมพัน
    .
    หัวหน้าหน่วยข่าวกรองรายนี้มองในแง่บวกเกี่ยวกับความก้าวหน้าของรัสเซียในสมรภูมิรบ โดยบอกว่า "สถานการณ์ในแนวหน้าไม่ได้อยู่ข้างเคียฟ การเริ่มต้นเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ทั้งหมดเป็นของเรา เราเข้าใกล้บรรลุเป้าหมายของเรา ในขณะที่กองทัพยูเครนอยู่บนขอบเหวแห่งการล่มสลาย"
    .
    นอกจากนี้ นารีสคิน บอกต่อว่าระบบการปกครองของประธานธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี สูญเสียความชอบธรรมตามกฎหมายโดยสิ้นเชิงแล้ว และมันส่งผลต่อความสามารถในการเจรจาของพวกเขา "วาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของผู้นำยูเครนหมดไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเขาปฏิเสธจัดการเลือกตั้ง อ้างถึงกฎอัยการศึกที่บังคับใช้อยู่"
    .
    กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบรรดาผู้บัญชาการทหารของยูเครน ต่างส่งเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนกำลังพลและความอ่อนล้าในกำลังพลของพวกเขา แม้ได้ปรับลดอายุเกณฑ์ทหารลงจาก 27 ปี เหลือ 25 ปี และกระชับกฎระเบียบด้านระดมพลเข้มงวดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
    .
    มอสโกบอกว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาในความขัดแย้ง คือความเป็นกลางของเคียฟ ปลดอาวุธและกำจัดนาซีในยูเครน นอกจากนี้รัสเซียยังส่งสัญญาณว่าพร้อมประกาศหยุดยิงในทันที และเจรจาสันติภาพอย่างเร็วที่สุด หากยูเครนถอนตัวออกจากดินแดนของรัสเซียทั้งหมด ในนั้นรวมถึงแคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคียร์ซอน และซาโปริซเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118738
    ..............
    Sondhi X
    เวลานี้กองทัพยูเครนใกล้ล่มสลายโดยสิ้นเชิง จากคำอวดอ้างของเซอร์เกย์ นารีสคิน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) พร้อมระบุรัฐบาลปัจจุบันของยูเครน สูญเสียความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ และไม่เหมาะสำหรับการเจรจา . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสารรัสเซีย Razvedchik ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) นารีสคิน เน้นย้ำว่าความขัดแย้งยูเครนโดยพื้นฐานแล้ว ไม่ใช่การสู้รบกับเคียฟ แต่เป็นการต่อสู้กับตะวันตกร่วม โดยมีเสรีภาพและอธิปไตยของรัสเซียเป็นเดิมพัน . หัวหน้าหน่วยข่าวกรองรายนี้มองในแง่บวกเกี่ยวกับความก้าวหน้าของรัสเซียในสมรภูมิรบ โดยบอกว่า "สถานการณ์ในแนวหน้าไม่ได้อยู่ข้างเคียฟ การเริ่มต้นเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ทั้งหมดเป็นของเรา เราเข้าใกล้บรรลุเป้าหมายของเรา ในขณะที่กองทัพยูเครนอยู่บนขอบเหวแห่งการล่มสลาย" . นอกจากนี้ นารีสคิน บอกต่อว่าระบบการปกครองของประธานธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี สูญเสียความชอบธรรมตามกฎหมายโดยสิ้นเชิงแล้ว และมันส่งผลต่อความสามารถในการเจรจาของพวกเขา "วาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของผู้นำยูเครนหมดไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเขาปฏิเสธจัดการเลือกตั้ง อ้างถึงกฎอัยการศึกที่บังคับใช้อยู่" . กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบรรดาผู้บัญชาการทหารของยูเครน ต่างส่งเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนกำลังพลและความอ่อนล้าในกำลังพลของพวกเขา แม้ได้ปรับลดอายุเกณฑ์ทหารลงจาก 27 ปี เหลือ 25 ปี และกระชับกฎระเบียบด้านระดมพลเข้มงวดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา . มอสโกบอกว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาในความขัดแย้ง คือความเป็นกลางของเคียฟ ปลดอาวุธและกำจัดนาซีในยูเครน นอกจากนี้รัสเซียยังส่งสัญญาณว่าพร้อมประกาศหยุดยิงในทันที และเจรจาสันติภาพอย่างเร็วที่สุด หากยูเครนถอนตัวออกจากดินแดนของรัสเซียทั้งหมด ในนั้นรวมถึงแคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคียร์ซอน และซาโปริซเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118738 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 558 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts