• หมอปลายนี้ก็ดีนะ ทายถูกแผ่นดินไหว สตง.บวกพระสงฆ์สีกาด้วยไม่รู้,ต้องให้คนระบบแบบกลุ่มเหนือมนุษย์คนเขากะลาฟังธงใช้จิตทางระบบจักรวาลตัดสินด้วย,พาคนทะลุไปหลากหลายดวงดาวฝ่ายแสงที่มาทำภาระกิจตรึมแล้ว,ส่วนหมอปลายส่วนตัวหมอปลายเองจะชื่นชอบแบบในอดีตที่เคยๆชอบเดอะสีแดงด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน ในหลายๆคลิปในอดีตจะเอียงๆช่วยเดอะทำนายไปทางตระกูลโทนี่ เชียร์กลายๆยิ่งยุคเสื้อแดงเรืองอำนาจในอดีตจะโดดเด่นกว่าปัจจุบันอีก,แนวใครแนวมันแต่หมอปลายก็ใกล้เคียงหลายเรื่อง,เสียดายน่าจะฟันธงชัดเจนไปเลย,ว่าเขมรจะล้มสลายมั้ยแบบลาว เวียดนาม มาแบ่งพื้นที่ปกครองด้วย อเมริกามาแทรกแซงในภูมิภาคนี้ไม่ได้ ต้องแก้หมากเกมส์อเมริกาอย่างไรหรือใครคิดร้ายไทยบ้างคนทรยศไทยมีใครบ้าง ระบุให้คนไทยเจ้าหน้าที่ไทยที่รักชาติบ้านเมืองไทยจัดการพวกนี้ด้วยเลย ตัดตอนมิให้คำทำนายเกิดจริงสร้างภัยพิบัติได้ก็สามารถระงับเหตุได้,คือแก้จากหนักเป็นเบา ให้ไทยชนะศัตรูข้าศึกได้ง่ายๆไม่เสียเลือดเนื้อก็ได้,คำทำนายต้องมีตัวเปิดคำทำนายจริงแต่ตัวแก้ก็ต้องมีด้วย,ทำนายล้วนหน้าได้ก่อนเกิด เช่นฮุนเซนเป็นเหตุหายนะ ถ้าขีปนาวุธไทยถล่มเขมรเสียหายหนัก,วิธีชนะเขมรแบบเสียหายชีวิตคนน้อยไม่บ้าบอว่าอย่ายิงก็ทำนายวิธีแก้คือเด็ดหัวคนต้นเหตุคนสองคนคือฮุนเซนกับฮุนมาเนตทันทีก็จบ ระเบิดบ้านฮุนเซนบ้านเดียวจบ ไม่ต้องระเบิดทั้งประเทศ แบบนี้สมควรแก้ข่วยคลายหนักให้เบาต่อวิถีทำนายได้,ก็คนไทยเหมือนจะปกป้องเหี้ยกั๊กคำทำนายอะไรฮุนเซนฮุนมาเนตมัน,เขมรชนะไทย,โหรคนทำนายก็ไม่รอดที่เป็นคนไทยเหมือนกัน,มันอาจฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุไทยแบบไม่กระพริบตาแบบฆ่าล้างยุคเขมรแดง,ดูโรงพยาบาลดูปั้มน้ำมันที่7/11ไปเปิดสิดูโรงเรียนบ้านเรือนประชาชนมันสั่งยิงฆ่าคนไทยบริสุทธิ์แบบไม่กระพริบตานะ,แล้วมาบอกว่าอย่ายิงอย่าระเบิดเขมรเลย เก็บไว้เป็นอนุสาวรีย์เถอะแต่ไม่ทำนายบอกวิธีกำจัดข้าศึกศัตรูภัยคุกคามรุกรานความปลอดภัยคนไทยอธิปไตยไทย ฆ่าคนไทยง่ายๆฟรีๆได้เหรอ,ทำนายว่าภูเขาไฟระเบิดคือระเบิด มิอาจแก้คำทำนายจริงได้หรอก แล้วมาเปลี่ยนบอกว่าเป็นระเบิดแทน มันผิดคำทำนายมากแต่เตะเข้าทำนายตนด้วยมิควรนะ,ทำนายผิดคือผิด,ไม่ตรงคือไม่ตรง,อย่ายิงเลยเก็บไว้ให้ลูกหลานดูเถอะ พูดแบบสไตล์นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเลยแบบอย่าตอบโต้เขมรเลย ยุทธปืนคอประมาณนั้น,ถ้าไทยเราแพ้สงครามลูกหลานเราอย่าหวังจะรอดชีวิตจากปลายกระบอกปืนพวกเขมรนี้,มีตายกับเป็นทาสในการปกครองของมันล่ะ,ไม่มีคำสัจะใดๆจากโจรเขมรด้วย,จีนแท้ช่วยตังลงทุนในเขมรมันเกือบสองแสนล้านเหรียญยังหักหลังทรยศเนรคุณได้ไปเข้ากับอเมริกาเฉย,ทำไมไม่ทำนายล่วงหน้าว่าเขมรจะเข้ากับอเมริกา อเมริกาจะตั้งใจยึดพังงาเป็นฐานทัพรบกับจีน ฟันธงแบบนี้ช่วยประเทศชาติหาทางแก้นะ,แล้วอาจทำนายทางแก้ให้คือทหารยึดอำนาจเลยก็ว่าไปแบบนี้,คือโหรไทยเราแต่ละคนผีบ้ามาก กั้กวิธีแก้แต่แสดงคือสะแดง แสดงความสามารถว่าจะเกิดแบบนี้ๆในไทยนะ,แต่ไม่เด็ดขาดบอกทางแก้ไขช่วยประเทศชาติเอาชนะข้าศึกศัตรูเลย.คือตรองในวิถีมุมมองภาพใหญ่คือชาตินะ ถ้าโชว์เพาว์มาร่วมวงกล้าทำนายสงครามการรบต้องบอกวิธีแก้เป็นคุณต่อชาติบ้านเมืองให้ทหารพระราชาเราด้วยจะชนะแบบใดแก้ข้าศึกศัตรูแบบแนะนำองค์ดำจะรบอย่างไรให้ชนะพม่า,ในเวลานี้จะรบอย่างไรให้ชนะเขมร,มิใช่บอกอย่ายิงออกมาเลย,อย่าปล่อยออกมาเลย,หนึ่งออกสื่อบอกศัตรูข้าศึกล่วงหน้าว่าฉันทำนายช่วยเขมรแล้วนะว่าไทยมีระเบิดใหญ่ยังไม่ปล่อยออกมาผ่านวิถีทำนายตน,สมมุติเราคือพวกมองว่าทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรา ได้การข่าวมาว่าทหารไทยมีระเบิดยักษ์ย้ายรอการทิ้ง จะบอกเหี้ยเขมรอังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้ได้นะให้เห็นข่าวนี้ พอดีเลยคนไทยงงงายโหรทำนายกูไปจ้างโหรฝ่ายกูปล่อยข่าวนี้ผ่านวิถีทำนายดีกว่า อังเคิลกูจะได้เตรียมรับมือได้ไม่เสียทีที่กูเดอะแก๊งคณะกูหาแดกบนแผ่นดินนี้มายาวนานทรยศไส้ศึกต่อแผ่นดินไทยนี้มานานก็ว่า,นี้มโนสไตล์นี้ก็ว่า,อย่าลืมว่าdeep state มันมีคนของมันทุกๆวงการนะ มันวางคนมีคนของมันทุกๆวงการในไทยแค่จะหยิบมาใช้จังหวะไหนแค่นั้น.



    https://youtube.com/shorts/Tk69lUT0vpk?si=vQrecFab2qhmGY7d
    หมอปลายนี้ก็ดีนะ ทายถูกแผ่นดินไหว สตง.บวกพระสงฆ์สีกาด้วยไม่รู้,ต้องให้คนระบบแบบกลุ่มเหนือมนุษย์คนเขากะลาฟังธงใช้จิตทางระบบจักรวาลตัดสินด้วย,พาคนทะลุไปหลากหลายดวงดาวฝ่ายแสงที่มาทำภาระกิจตรึมแล้ว,ส่วนหมอปลายส่วนตัวหมอปลายเองจะชื่นชอบแบบในอดีตที่เคยๆชอบเดอะสีแดงด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน ในหลายๆคลิปในอดีตจะเอียงๆช่วยเดอะทำนายไปทางตระกูลโทนี่ เชียร์กลายๆยิ่งยุคเสื้อแดงเรืองอำนาจในอดีตจะโดดเด่นกว่าปัจจุบันอีก,แนวใครแนวมันแต่หมอปลายก็ใกล้เคียงหลายเรื่อง,เสียดายน่าจะฟันธงชัดเจนไปเลย,ว่าเขมรจะล้มสลายมั้ยแบบลาว เวียดนาม มาแบ่งพื้นที่ปกครองด้วย อเมริกามาแทรกแซงในภูมิภาคนี้ไม่ได้ ต้องแก้หมากเกมส์อเมริกาอย่างไรหรือใครคิดร้ายไทยบ้างคนทรยศไทยมีใครบ้าง ระบุให้คนไทยเจ้าหน้าที่ไทยที่รักชาติบ้านเมืองไทยจัดการพวกนี้ด้วยเลย ตัดตอนมิให้คำทำนายเกิดจริงสร้างภัยพิบัติได้ก็สามารถระงับเหตุได้,คือแก้จากหนักเป็นเบา ให้ไทยชนะศัตรูข้าศึกได้ง่ายๆไม่เสียเลือดเนื้อก็ได้,คำทำนายต้องมีตัวเปิดคำทำนายจริงแต่ตัวแก้ก็ต้องมีด้วย,ทำนายล้วนหน้าได้ก่อนเกิด เช่นฮุนเซนเป็นเหตุหายนะ ถ้าขีปนาวุธไทยถล่มเขมรเสียหายหนัก,วิธีชนะเขมรแบบเสียหายชีวิตคนน้อยไม่บ้าบอว่าอย่ายิงก็ทำนายวิธีแก้คือเด็ดหัวคนต้นเหตุคนสองคนคือฮุนเซนกับฮุนมาเนตทันทีก็จบ ระเบิดบ้านฮุนเซนบ้านเดียวจบ ไม่ต้องระเบิดทั้งประเทศ แบบนี้สมควรแก้ข่วยคลายหนักให้เบาต่อวิถีทำนายได้,ก็คนไทยเหมือนจะปกป้องเหี้ยกั๊กคำทำนายอะไรฮุนเซนฮุนมาเนตมัน,เขมรชนะไทย,โหรคนทำนายก็ไม่รอดที่เป็นคนไทยเหมือนกัน,มันอาจฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุไทยแบบไม่กระพริบตาแบบฆ่าล้างยุคเขมรแดง,ดูโรงพยาบาลดูปั้มน้ำมันที่7/11ไปเปิดสิดูโรงเรียนบ้านเรือนประชาชนมันสั่งยิงฆ่าคนไทยบริสุทธิ์แบบไม่กระพริบตานะ,แล้วมาบอกว่าอย่ายิงอย่าระเบิดเขมรเลย เก็บไว้เป็นอนุสาวรีย์เถอะแต่ไม่ทำนายบอกวิธีกำจัดข้าศึกศัตรูภัยคุกคามรุกรานความปลอดภัยคนไทยอธิปไตยไทย ฆ่าคนไทยง่ายๆฟรีๆได้เหรอ,ทำนายว่าภูเขาไฟระเบิดคือระเบิด มิอาจแก้คำทำนายจริงได้หรอก แล้วมาเปลี่ยนบอกว่าเป็นระเบิดแทน มันผิดคำทำนายมากแต่เตะเข้าทำนายตนด้วยมิควรนะ,ทำนายผิดคือผิด,ไม่ตรงคือไม่ตรง,อย่ายิงเลยเก็บไว้ให้ลูกหลานดูเถอะ พูดแบบสไตล์นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเลยแบบอย่าตอบโต้เขมรเลย ยุทธปืนคอประมาณนั้น,ถ้าไทยเราแพ้สงครามลูกหลานเราอย่าหวังจะรอดชีวิตจากปลายกระบอกปืนพวกเขมรนี้,มีตายกับเป็นทาสในการปกครองของมันล่ะ,ไม่มีคำสัจะใดๆจากโจรเขมรด้วย,จีนแท้ช่วยตังลงทุนในเขมรมันเกือบสองแสนล้านเหรียญยังหักหลังทรยศเนรคุณได้ไปเข้ากับอเมริกาเฉย,ทำไมไม่ทำนายล่วงหน้าว่าเขมรจะเข้ากับอเมริกา อเมริกาจะตั้งใจยึดพังงาเป็นฐานทัพรบกับจีน ฟันธงแบบนี้ช่วยประเทศชาติหาทางแก้นะ,แล้วอาจทำนายทางแก้ให้คือทหารยึดอำนาจเลยก็ว่าไปแบบนี้,คือโหรไทยเราแต่ละคนผีบ้ามาก กั้กวิธีแก้แต่แสดงคือสะแดง แสดงความสามารถว่าจะเกิดแบบนี้ๆในไทยนะ,แต่ไม่เด็ดขาดบอกทางแก้ไขช่วยประเทศชาติเอาชนะข้าศึกศัตรูเลย.คือตรองในวิถีมุมมองภาพใหญ่คือชาตินะ ถ้าโชว์เพาว์มาร่วมวงกล้าทำนายสงครามการรบต้องบอกวิธีแก้เป็นคุณต่อชาติบ้านเมืองให้ทหารพระราชาเราด้วยจะชนะแบบใดแก้ข้าศึกศัตรูแบบแนะนำองค์ดำจะรบอย่างไรให้ชนะพม่า,ในเวลานี้จะรบอย่างไรให้ชนะเขมร,มิใช่บอกอย่ายิงออกมาเลย,อย่าปล่อยออกมาเลย,หนึ่งออกสื่อบอกศัตรูข้าศึกล่วงหน้าว่าฉันทำนายช่วยเขมรแล้วนะว่าไทยมีระเบิดใหญ่ยังไม่ปล่อยออกมาผ่านวิถีทำนายตน,สมมุติเราคือพวกมองว่าทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรา ได้การข่าวมาว่าทหารไทยมีระเบิดยักษ์ย้ายรอการทิ้ง จะบอกเหี้ยเขมรอังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้ได้นะให้เห็นข่าวนี้ พอดีเลยคนไทยงงงายโหรทำนายกูไปจ้างโหรฝ่ายกูปล่อยข่าวนี้ผ่านวิถีทำนายดีกว่า อังเคิลกูจะได้เตรียมรับมือได้ไม่เสียทีที่กูเดอะแก๊งคณะกูหาแดกบนแผ่นดินนี้มายาวนานทรยศไส้ศึกต่อแผ่นดินไทยนี้มานานก็ว่า,นี้มโนสไตล์นี้ก็ว่า,อย่าลืมว่าdeep state มันมีคนของมันทุกๆวงการนะ มันวางคนมีคนของมันทุกๆวงการในไทยแค่จะหยิบมาใช้จังหวะไหนแค่นั้น. https://youtube.com/shorts/Tk69lUT0vpk?si=vQrecFab2qhmGY7d
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงสงบศึกกับไทยและกัมพูชา ได้โหมกระพือคำถามเกี่ยวกับเหตุผลของอเมริกาในการเข้ามายุ่งเกี่ยวความขัดแย้งนี้ ในนั้นรวมถึงประเด็นทรัพยากรทางธรรมชาติอันมหาศาลในพื้นที่พิพาทเกาะกูด และจากการค้นข่าวเก่าของทาง mgronline พบว่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งรื้อฟื้นการเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับการสำรวจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง ท่ามกลางการเฝ้ามองตาเป็นมันของบรรดาบริษัทต่างชาติ แถมยังมีรายงานด้วยว่าทางกัมพูชาได้มอบสัมปทานแก่บริษัทยักษ์ใหญ่ในนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073336

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หลังสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงสงบศึกกับไทยและกัมพูชา ได้โหมกระพือคำถามเกี่ยวกับเหตุผลของอเมริกาในการเข้ามายุ่งเกี่ยวความขัดแย้งนี้ ในนั้นรวมถึงประเด็นทรัพยากรทางธรรมชาติอันมหาศาลในพื้นที่พิพาทเกาะกูด และจากการค้นข่าวเก่าของทาง mgronline พบว่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งรื้อฟื้นการเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับการสำรวจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง ท่ามกลางการเฝ้ามองตาเป็นมันของบรรดาบริษัทต่างชาติ แถมยังมีรายงานด้วยว่าทางกัมพูชาได้มอบสัมปทานแก่บริษัทยักษ์ใหญ่ในนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073336 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/poAiU3YWKgw?si=NQpDmGWIVFbhnehx
    https://youtu.be/poAiU3YWKgw?si=NQpDmGWIVFbhnehx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความมั่งคั่งและอำนาจของฮุน เซน บนความแร้นแค้นของประชาชนกัมพูชา

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000072757
    ความมั่งคั่งและอำนาจของฮุน เซน บนความแร้นแค้นของประชาชนกัมพูชา บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000072757
    MGRONLINE.COM
    ความมั่งคั่งและอำนาจของฮุน เซน บนความแร้นแค้นของประชาชนกัมพูชา
    ความมั่งคั่งและอำนาจของฮุน เซน บนความแร้นแค้นของประชาชนกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Di9AiI1EtCI?si=eXRMgy_S2pkd8FDx
    https://youtu.be/Di9AiI1EtCI?si=eXRMgy_S2pkd8FDx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว


  • ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา

    บทความโดย สุรวิชช์ วีรวรรณ

    และคำแปลเขมร

    ហ៊ុន សែន និងចក្រវិថីទុនពណ៌ប្រផេះ

    ក្នុងរយៈពេលប៉ុន្មានឆ្នាំចុងក្រោយនេះ ពិភពលោកបានផ្តោតទស្សនៈទៅលើប្រទេសកម្ពុជា មិនមែនថាជាប្រទេសដែលរួចផុតពីសង្គ្រាមស៊ីវិលទេ ប៉ុន្តែជាស្តាប់នៃអាជីវកម្មឧក្រិដ្ឋកម្មសាយបឺ និងបណ្តាញទុនប្រផេះដែលកំពុងលើកកំពស់អំណាចឲ្យក្រុមមនុស្សមួយចំនួននៅក្រោមរបាំងនៃ “សេដ្ឋកិច្ចពិសេស” និងកាស៊ីណូតាមព្រំដែន។ ប្រជាជនជាងម៉ឺននាក់ពីចិន ថៃ មីយ៉ាន់ម៉ា ឡាវ វៀតណាម និងហ្វ៊ីលីពីន ត្រូវបានបញ្ឆោតឲ្យធ្វើការនៅក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលបោកប្រាស់តាមអនឡាញ និងត្រូវគេបង្ខំទុកឲ្យធ្វើការដូចជាឈ្លក់បម្រើក្នុងប្រព័ន្ធពាណិជ្ជកម្មទំនើបដែលមិនស្មើភាពនឹងសិទ្ធិមនុស្សទេ។

    នៅកណ្តាលប្រព័ន្ធនេះគឺជាគ្រួសាររបស់អតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន សែន ដែលគ្រប់គ្រងប្រទេសកម្ពុជាមកជិត៤០ឆ្នាំ។ ទោះបីជានៅឆ្នាំ២០២៣ លោកបានបញ្ជូនអំណាចទៅឲ្យកូនប្រុសឈ្មោះ ហ៊ុន ម៉ាណែត ក៏ដោយ តែលោកនៅតែជាអ្នកគ្រប់គ្រងខាងក្រោយនៃរបប “ទុនកូនចៅ” និងការផ្តល់អំណាចដល់ក្រុមមនុស្សមួយតិចតួច។ សេដ្ឋកិច្ចកម្ពុជា ត្រូវបានប្រើជាឧបករណ៍សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ និងអំណាច “ឧកញ៉ា” បានក្លាយជានិមិត្តសញ្ញានៃសិទ្ធិពិសេស និងភាពលើសច្បាប់។

    មជ្ឈមណ្ឌលដ៏សំខាន់មួយនៃទុនប្រផេះ គឺក្រុមហ៊ុន “Huione Group” ដែលមានមូលដ្ឋាននៅភ្នំពេញ។ ក្រុមហ៊ុននេះមានអាជីវកម្មសំខាន់ៗដូចជា Huione Pay, Huione Crypto និង Huione Guarantee ដែលត្រូវបានប្រើប្រាស់ដើម្បីលាងប្រាក់ និងផ្លាស់ប្តូរព័ត៌មានបោកប្រាស់ជាសកល។ អង្គការសហប្រជាជាតិ និងយោងតាមរបាយការណ៍សន្តិសុខសហរដ្ឋអាមេរិក បានបង្ហាញថា Huione Guarantee មានប្រតិបត្តិការពាណិជ្ជកម្មរហូតដល់ ២៤,០០០–២៧,០០០លានដុល្លារចាប់តាំងពីឆ្នាំ ២០២១ ហើយគឺជាមជ្ឈមណ្ឌលលាងប្រាក់ធំបំផុតលើពិភពលោក។ មនុស្សដែលពាក់ពន្ធ័ជាមួយក្រុមនេះគឺ “ហ៊ុន តូ” ប្អូនបង្កាត់នាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន ម៉ាណែត និងជាហៅថ្លៃរបស់ ហ៊ុន សែន។

    ក្រៅពី ហ៊ុន តូ មានក្រុមទុនធំៗទៀតដែលជាប់ទាក់ទងជាមួយគ្រួសារហ៊ុន រួមមាន “លី យុងផាត់” (Ly Yong Phat) ដែលជាអ្នកលេងអាជីវកម្មជនជាតិភាគច្រើនកម្ពុជា-ថៃ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន LYP Group និងសេដ្ឋកិច្ចពិសេសនៅខេត្ត Koh Kong និងបើកដំណើរការកាស៊ីណូជាច្រើន។ ក្នុងឆ្នាំ២០២៤ រដ្ឋាភិបាលអាមេរិកបានចេញវិធានការផ្ដន្ទាទោសលី យុងផាត់ក្រោមច្បាប់ Global Magnitsky Act ដោយសារ ជាប់ពាក់ពន្ធ័នឹងការបង្ខំឲ្យប្រើប្រាស់កម្លាំងពលកម្មក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលស្កែម (scam center)។

    លី យុងផាត់ មិនមែនត្រឹមជាអ្នកគាំទ្ររដ្ឋាភិបាលទេ ប៉ុន្តែគាត់មានការតភ្ជាប់គ្រួសារនឹង ហ៊ុន សែន តាមរយៈកូនស្រីរបស់គាត់ដែលរៀបការជាមួយហ៊ុន ជា (Hun Chea) ដែលជាកូនប្រុសរបស់ហ៊ុន សែន។ គាត់ក្លាយជាសមាជិកសំខាន់ម្នាក់នៃ “រាជវង្សអំណាច” ដែលទទួលបានសិទ្ធិពិសេសគ្រប់វិស័យ។

    អ្នកមានឥទ្ធិពលទៀតគឺ “កុក អាន” (Kok An) ជាជនជាតិចិន ដែលជាសមាជិកព្រឹទ្ធសភា CPP និងម្ចាស់កាស៊ីណូ Crown Casino នៅទីក្រុង Poipet និង Sihanoukville។ គាត់ត្រូវបានចោទថាពាក់ពន្ធ័នឹងការជួញដូរមនុស្ស និងកម្លាំងពលកម្មខុសច្បាប់ ប៉ុន្តែម្ចាស់អំណាចមិនសូវចាត់ការណ៍ទេ។

    Try Pheap គឺជាអ្នកធ្វើអាជីវកម្មធំម្នាក់ទៀតដែលបានទទួលសិទិ្ធប្រើប្រាស់ដីព្រៃធំៗ និងធនធានធម្មជាតិ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Try Pheap Group និងដឹកនាំសេដ្ឋកិច្ចពិសេស Thmor Da ដែលត្រូវបានយោងថាជាគេហដ្ឋានស្កែម។ គាត់ត្រូវបានអាមេរិកផ្ដន្ទាទោសនៅឆ្នាំ ២០១៩ ដោយសារ ទោសកាត់បន្ថយព្រៃឈើខុសច្បាប់ លាងប្រាក់ និងការគំរាមដល់សហគមន៍ជនជាតិដើម។

    Chen Zhi ជាជនជាតិចិនទទួលសញ្ជាតិកម្ពុជា និងជាប្រធានក្រុមហ៊ុន Prince Group។ គាត់បានទទួលតំណែងឧកញ៉ា និងសិទ្ធិពិសេសក្នុងគម្រោងអភិវឌ្ឍន៍នៅតាមបណ្តាខេត្ត ជាពិសេស Sihanoukville ដែលត្រូវបានចោទថាជាគេហដ្ឋាននៃមជ្ឈមណ្ឌលស្កែមធំបំផុតក្នុងប្រទេស។

    តំណែង “ឧកញ៉ា” ដែលអោយដល់មនុស្សទាំងនេះ គឺជាការពង្រឹងសិទ្ធិពិសេសលើច្បាប់។ ទោះបីជាតំណែងនេះជាសិទ្ធិផ្ដល់ដោយព្រះមហាក្សត្រដល់អ្នកឧបត្ថម្ភសាធារណៈ ក្នុងជាក់ស្ដែង វាបានក្លាយជារបប “ទិញអំណាច” ហើយជាសញ្ញានៃការបំប្លែងរដ្ឋឲ្យក្លាយជាគ្រឿងចក្រ សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ។

    ក្រៅពីក្រុមដែលជាប់នឹងគ្រួសារ ហ៊ុន នៅមានឧកញ៉ាផ្សេងទៀតដែលពាក់ពន្ធ័នឹងការលួចលេចដូចជា:

    Choeung Sopheap និង Lau Meng Khin ម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Pheapimex ដែលត្រូវបានចោទថាបង្ខំរំលោភដីសហគមន៍
    Leng Channa ដែលត្រូវដកឋានៈឧកញ៉ា ពីបទលួចលះលុយក្នុងគម្រោងអចលនទ្រព្យ
    Heng Sithy ដែលបង្ហាញអំពើអាសន្នក្នុងប្រព័ន្ធកាស៊ីណូ
    Srey Sina ដែលត្រូវទោសជាប់ជាប់ពន្ធនាគារៗជីវិតពីបទបាញ់សម្លាប់ពលរដ្ឋ

    នេះជាភស្តុតាងថា “ឧកញ៉ា” មិនមែនជាតំណែងសេដ្ឋកិច្ចសង្គមទេ ប៉ុន្តែជាឧបករណ៍អោយអំណាចប្រើច្បាប់ទៅរកផលប្រយោជន៍ផ្ទាល់ខ្លួន។

    អង្គការ UNODC, Human Rights Watch, Humanity Research Consultancy និងសារព័ត៌មានអន្តរជាតិមួយចំនួនរួមទាំង The Times, Reuters, Asia Financial, Wired និង The Guardian បានរាយការណ៍ថា ប្រព័ន្ធស្កែមនេះពាក់ពន្ធ័ជាស្ថាពរជាមួយរដ្ឋកម្ពុជា និងត្រូវការការពារដោយច្បាប់។ វាមានការប្រើប្រាស់បច្ចេកវិទ្យាចុងក្រោយដូចជា AI និង Deepfake ដើម្បីបង្កើនភាពជឿជាក់ និងរបៀបលាងប្រាក់តាមតម្លៃឌីជីថលរួមមាន Huione Pay និង Huione Crypto។

    ចំណាត់ការរដ្ឋបាលរបស់កម្ពុជា មិនសូវបង្ហាញភាពស្មោះត្រង់នៃការតវ៉ា ស្កែមទេ។ ជាធម្មតា រដ្ឋធ្វើការចាប់ឲ្យឃុំខ្លួនតែពលកម្មក្រោម ប៉ុន្តែឱ្យអ្នកដឹកនាំស្កែមគេចផុតពីការចោទប្រកាន់ ទោះមានភស្តុតាងពីជនរងគ្រោះក៏ដោយ។

    អ្វីដែលគួរឱ្យបារម្ភខ្លាំងនោះគឺ ប្រព័ន្ធនយោបាយកំពុងរលាយចូលទៅក្នុងទុនប្រផេះ។ ការត្រួតពិនិត្យដោយអង្គការឯករាជ្យមិនអាចដំណើរការបានពេញលេញទេ ព្រោះក្រុមទុននេះគឺជាអ្នកជួយជ្រោមជ្រែង CPP និងគ្រួសារហ៊ុនតាមរយៈទុនគាំទ្រការអភិវឌ្ឍន៍ និងសេដ្ឋកិច្ចរដ្ឋ។

    ក្រោមរូបរាងនៃសេដ្ឋកិច្ចបើកចំហនិងការអភិវឌ្ឍ ប្រទេសកម្ពុជាកំពុងដើរចូលទៅក្នុងរដ្ឋដែលក្លាយជាឧបករណ៍របស់ទុនឯកជនដែលគ្មានការទទួលខុសត្រូវ ខណៈពលរដ្ឋកំពុងរងគ្រោះនិងគ្មាននរណារងចាំ ក្នុងភាពងងឹតនៃពាណិជ្ជកម្មបោកប្រាស់ដែលមាន “ក្សត្រជាព្រះវិញ្ញាណ” និង “ទុនប្រផេះ” ជាអ្នកនាំផ្លូវ។


    Surawich Verawan

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000072299
    ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา บทความโดย สุรวิชช์ วีรวรรณ และคำแปลเขมร ហ៊ុន សែន និងចក្រវិថីទុនពណ៌ប្រផេះ ក្នុងរយៈពេលប៉ុន្មានឆ្នាំចុងក្រោយនេះ ពិភពលោកបានផ្តោតទស្សនៈទៅលើប្រទេសកម្ពុជា មិនមែនថាជាប្រទេសដែលរួចផុតពីសង្គ្រាមស៊ីវិលទេ ប៉ុន្តែជាស្តាប់នៃអាជីវកម្មឧក្រិដ្ឋកម្មសាយបឺ និងបណ្តាញទុនប្រផេះដែលកំពុងលើកកំពស់អំណាចឲ្យក្រុមមនុស្សមួយចំនួននៅក្រោមរបាំងនៃ “សេដ្ឋកិច្ចពិសេស” និងកាស៊ីណូតាមព្រំដែន។ ប្រជាជនជាងម៉ឺននាក់ពីចិន ថៃ មីយ៉ាន់ម៉ា ឡាវ វៀតណាម និងហ្វ៊ីលីពីន ត្រូវបានបញ្ឆោតឲ្យធ្វើការនៅក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលបោកប្រាស់តាមអនឡាញ និងត្រូវគេបង្ខំទុកឲ្យធ្វើការដូចជាឈ្លក់បម្រើក្នុងប្រព័ន្ធពាណិជ្ជកម្មទំនើបដែលមិនស្មើភាពនឹងសិទ្ធិមនុស្សទេ។ នៅកណ្តាលប្រព័ន្ធនេះគឺជាគ្រួសាររបស់អតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន សែន ដែលគ្រប់គ្រងប្រទេសកម្ពុជាមកជិត៤០ឆ្នាំ។ ទោះបីជានៅឆ្នាំ២០២៣ លោកបានបញ្ជូនអំណាចទៅឲ្យកូនប្រុសឈ្មោះ ហ៊ុន ម៉ាណែត ក៏ដោយ តែលោកនៅតែជាអ្នកគ្រប់គ្រងខាងក្រោយនៃរបប “ទុនកូនចៅ” និងការផ្តល់អំណាចដល់ក្រុមមនុស្សមួយតិចតួច។ សេដ្ឋកិច្ចកម្ពុជា ត្រូវបានប្រើជាឧបករណ៍សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ និងអំណាច “ឧកញ៉ា” បានក្លាយជានិមិត្តសញ្ញានៃសិទ្ធិពិសេស និងភាពលើសច្បាប់។ មជ្ឈមណ្ឌលដ៏សំខាន់មួយនៃទុនប្រផេះ គឺក្រុមហ៊ុន “Huione Group” ដែលមានមូលដ្ឋាននៅភ្នំពេញ។ ក្រុមហ៊ុននេះមានអាជីវកម្មសំខាន់ៗដូចជា Huione Pay, Huione Crypto និង Huione Guarantee ដែលត្រូវបានប្រើប្រាស់ដើម្បីលាងប្រាក់ និងផ្លាស់ប្តូរព័ត៌មានបោកប្រាស់ជាសកល។ អង្គការសហប្រជាជាតិ និងយោងតាមរបាយការណ៍សន្តិសុខសហរដ្ឋអាមេរិក បានបង្ហាញថា Huione Guarantee មានប្រតិបត្តិការពាណិជ្ជកម្មរហូតដល់ ២៤,០០០–២៧,០០០លានដុល្លារចាប់តាំងពីឆ្នាំ ២០២១ ហើយគឺជាមជ្ឈមណ្ឌលលាងប្រាក់ធំបំផុតលើពិភពលោក។ មនុស្សដែលពាក់ពន្ធ័ជាមួយក្រុមនេះគឺ “ហ៊ុន តូ” ប្អូនបង្កាត់នាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន ម៉ាណែត និងជាហៅថ្លៃរបស់ ហ៊ុន សែន។ ក្រៅពី ហ៊ុន តូ មានក្រុមទុនធំៗទៀតដែលជាប់ទាក់ទងជាមួយគ្រួសារហ៊ុន រួមមាន “លី យុងផាត់” (Ly Yong Phat) ដែលជាអ្នកលេងអាជីវកម្មជនជាតិភាគច្រើនកម្ពុជា-ថៃ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន LYP Group និងសេដ្ឋកិច្ចពិសេសនៅខេត្ត Koh Kong និងបើកដំណើរការកាស៊ីណូជាច្រើន។ ក្នុងឆ្នាំ២០២៤ រដ្ឋាភិបាលអាមេរិកបានចេញវិធានការផ្ដន្ទាទោសលី យុងផាត់ក្រោមច្បាប់ Global Magnitsky Act ដោយសារ ជាប់ពាក់ពន្ធ័នឹងការបង្ខំឲ្យប្រើប្រាស់កម្លាំងពលកម្មក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលស្កែម (scam center)។ លី យុងផាត់ មិនមែនត្រឹមជាអ្នកគាំទ្ររដ្ឋាភិបាលទេ ប៉ុន្តែគាត់មានការតភ្ជាប់គ្រួសារនឹង ហ៊ុន សែន តាមរយៈកូនស្រីរបស់គាត់ដែលរៀបការជាមួយហ៊ុន ជា (Hun Chea) ដែលជាកូនប្រុសរបស់ហ៊ុន សែន។ គាត់ក្លាយជាសមាជិកសំខាន់ម្នាក់នៃ “រាជវង្សអំណាច” ដែលទទួលបានសិទ្ធិពិសេសគ្រប់វិស័យ។ អ្នកមានឥទ្ធិពលទៀតគឺ “កុក អាន” (Kok An) ជាជនជាតិចិន ដែលជាសមាជិកព្រឹទ្ធសភា CPP និងម្ចាស់កាស៊ីណូ Crown Casino នៅទីក្រុង Poipet និង Sihanoukville។ គាត់ត្រូវបានចោទថាពាក់ពន្ធ័នឹងការជួញដូរមនុស្ស និងកម្លាំងពលកម្មខុសច្បាប់ ប៉ុន្តែម្ចាស់អំណាចមិនសូវចាត់ការណ៍ទេ។ Try Pheap គឺជាអ្នកធ្វើអាជីវកម្មធំម្នាក់ទៀតដែលបានទទួលសិទិ្ធប្រើប្រាស់ដីព្រៃធំៗ និងធនធានធម្មជាតិ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Try Pheap Group និងដឹកនាំសេដ្ឋកិច្ចពិសេស Thmor Da ដែលត្រូវបានយោងថាជាគេហដ្ឋានស្កែម។ គាត់ត្រូវបានអាមេរិកផ្ដន្ទាទោសនៅឆ្នាំ ២០១៩ ដោយសារ ទោសកាត់បន្ថយព្រៃឈើខុសច្បាប់ លាងប្រាក់ និងការគំរាមដល់សហគមន៍ជនជាតិដើម។ Chen Zhi ជាជនជាតិចិនទទួលសញ្ជាតិកម្ពុជា និងជាប្រធានក្រុមហ៊ុន Prince Group។ គាត់បានទទួលតំណែងឧកញ៉ា និងសិទ្ធិពិសេសក្នុងគម្រោងអភិវឌ្ឍន៍នៅតាមបណ្តាខេត្ត ជាពិសេស Sihanoukville ដែលត្រូវបានចោទថាជាគេហដ្ឋាននៃមជ្ឈមណ្ឌលស្កែមធំបំផុតក្នុងប្រទេស។ តំណែង “ឧកញ៉ា” ដែលអោយដល់មនុស្សទាំងនេះ គឺជាការពង្រឹងសិទ្ធិពិសេសលើច្បាប់។ ទោះបីជាតំណែងនេះជាសិទ្ធិផ្ដល់ដោយព្រះមហាក្សត្រដល់អ្នកឧបត្ថម្ភសាធារណៈ ក្នុងជាក់ស្ដែង វាបានក្លាយជារបប “ទិញអំណាច” ហើយជាសញ្ញានៃការបំប្លែងរដ្ឋឲ្យក្លាយជាគ្រឿងចក្រ សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ។ ក្រៅពីក្រុមដែលជាប់នឹងគ្រួសារ ហ៊ុន នៅមានឧកញ៉ាផ្សេងទៀតដែលពាក់ពន្ធ័នឹងការលួចលេចដូចជា: Choeung Sopheap និង Lau Meng Khin ម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Pheapimex ដែលត្រូវបានចោទថាបង្ខំរំលោភដីសហគមន៍ Leng Channa ដែលត្រូវដកឋានៈឧកញ៉ា ពីបទលួចលះលុយក្នុងគម្រោងអចលនទ្រព្យ Heng Sithy ដែលបង្ហាញអំពើអាសន្នក្នុងប្រព័ន្ធកាស៊ីណូ Srey Sina ដែលត្រូវទោសជាប់ជាប់ពន្ធនាគារៗជីវិតពីបទបាញ់សម្លាប់ពលរដ្ឋ នេះជាភស្តុតាងថា “ឧកញ៉ា” មិនមែនជាតំណែងសេដ្ឋកិច្ចសង្គមទេ ប៉ុន្តែជាឧបករណ៍អោយអំណាចប្រើច្បាប់ទៅរកផលប្រយោជន៍ផ្ទាល់ខ្លួន។ អង្គការ UNODC, Human Rights Watch, Humanity Research Consultancy និងសារព័ត៌មានអន្តរជាតិមួយចំនួនរួមទាំង The Times, Reuters, Asia Financial, Wired និង The Guardian បានរាយការណ៍ថា ប្រព័ន្ធស្កែមនេះពាក់ពន្ធ័ជាស្ថាពរជាមួយរដ្ឋកម្ពុជា និងត្រូវការការពារដោយច្បាប់។ វាមានការប្រើប្រាស់បច្ចេកវិទ្យាចុងក្រោយដូចជា AI និង Deepfake ដើម្បីបង្កើនភាពជឿជាក់ និងរបៀបលាងប្រាក់តាមតម្លៃឌីជីថលរួមមាន Huione Pay និង Huione Crypto។ ចំណាត់ការរដ្ឋបាលរបស់កម្ពុជា មិនសូវបង្ហាញភាពស្មោះត្រង់នៃការតវ៉ា ស្កែមទេ។ ជាធម្មតា រដ្ឋធ្វើការចាប់ឲ្យឃុំខ្លួនតែពលកម្មក្រោម ប៉ុន្តែឱ្យអ្នកដឹកនាំស្កែមគេចផុតពីការចោទប្រកាន់ ទោះមានភស្តុតាងពីជនរងគ្រោះក៏ដោយ។ អ្វីដែលគួរឱ្យបារម្ភខ្លាំងនោះគឺ ប្រព័ន្ធនយោបាយកំពុងរលាយចូលទៅក្នុងទុនប្រផេះ។ ការត្រួតពិនិត្យដោយអង្គការឯករាជ្យមិនអាចដំណើរការបានពេញលេញទេ ព្រោះក្រុមទុននេះគឺជាអ្នកជួយជ្រោមជ្រែង CPP និងគ្រួសារហ៊ុនតាមរយៈទុនគាំទ្រការអភិវឌ្ឍន៍ និងសេដ្ឋកិច្ចរដ្ឋ។ ក្រោមរូបរាងនៃសេដ្ឋកិច្ចបើកចំហនិងការអភិវឌ្ឍ ប្រទេសកម្ពុជាកំពុងដើរចូលទៅក្នុងរដ្ឋដែលក្លាយជាឧបករណ៍របស់ទុនឯកជនដែលគ្មានការទទួលខុសត្រូវ ខណៈពលរដ្ឋកំពុងរងគ្រោះនិងគ្មាននរណារងចាំ ក្នុងភាពងងឹតនៃពាណិជ្ជកម្មបោកប្រាស់ដែលមាន “ក្សត្រជាព្រះវិញ្ញាណ” និង “ទុនប្រផេះ” ជាអ្នកនាំផ្លូវ។ — Surawich Verawan คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000072299
    MGRONLINE.COM
    ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโลกเริ่มจับตา “กัมพูชา” ไม่ใช่ในฐานะประเทศที่พ้นจากสงครามกลางเมืองแต่ในฐานะ “ศูนย์กลางของอาชญากรรมไซเบอร์” และ “ธุรกิจสแกม”ระดับโลกซึ่งมีเครือข่ายทุนแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากของนักธุรกิจสัมปทานเขตเศรษฐกิจพิเศษและ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเงามืด: เมื่อ Scattered Spider ใช้โทรศัพท์แทนมัลแวร์เพื่อยึดระบบเสมือน

    Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงจากการโจมตีองค์กรใหญ่ เช่น MGM Resorts และ Harrods โดยใช้เทคนิคที่ไม่ต้องพึ่งช่องโหว่ซอฟต์แวร์ แต่ใช้ “social engineering” ผ่านการโทรศัพท์ไปยัง Help Desk เพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชี Active Directory

    เมื่อได้สิทธิ์เข้าระบบแล้ว พวกเขาจะค้นหาข้อมูลภายใน เช่น รายชื่อผู้ดูแลระบบ vSphere และกลุ่มสิทธิ์ระดับสูง แล้วโทรอีกครั้งเพื่อขอรีเซ็ตรหัสของผู้ดูแลระบบ จากนั้นใช้สิทธิ์ที่ได้เข้าไปยึด VMware vCenter Server Appliance (VCSA) และเปิดช่องทาง SSH บน ESXi hypervisor เพื่อควบคุมระบบทั้งหมด

    พวกเขายังใช้เครื่องมือถูกกฎหมายอย่าง Teleport เพื่อสร้างช่องทางสื่อสารแบบเข้ารหัสที่หลบเลี่ยงไฟร์วอลล์ และทำการโจมตีแบบ “disk-swap” โดยปิด VM ของ Domain Controller แล้วถอดดิสก์ไปติดตั้งบน VM ที่ควบคุมเอง เพื่อขโมยฐานข้อมูล NTDS.dit ของ Active Directory

    ก่อนจะปล่อยแรนซัมแวร์ พวกเขายังลบงานสำรองข้อมูลและ snapshot ทั้งหมด เพื่อให้เหยื่อไม่มีทางกู้คืนได้ และสุดท้ายก็เข้ารหัสไฟล์ VM ทั้งหมดจากระดับ hypervisor โดยใช้สิทธิ์ root ผ่าน SSH

    Scattered Spider (UNC3944) ใช้ social engineering เพื่อยึดระบบ VMware vSphere
    เริ่มจากโทรหา Help Desk เพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชี AD
    ใช้ข้อมูลจากการเจาะระบบภายในเพื่อยกระดับสิทธิ์

    กลุ่มนี้ใช้เครื่องมือถูกกฎหมาย เช่น Teleport เพื่อสร้างช่องทางควบคุมแบบเข้ารหัส
    ติดตั้งบน VCSA เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจาก firewall และ EDR
    สร้างช่องทางควบคุมระยะไกลแบบถาวร

    เทคนิค “disk-swap” ใช้ในการขโมยฐานข้อมูล Active Directory โดยไม่ถูกตรวจจับ
    ปิด VM ของ Domain Controller แล้วถอดดิสก์ไปติดตั้งบน VM ที่ควบคุม
    ขโมยไฟล์ NTDS.dit โดยไม่ผ่านระบบปฏิบัติการของ VM

    ก่อนปล่อยแรนซัมแวร์ กลุ่มนี้จะลบงานสำรองข้อมูลทั้งหมด
    ลบ backup jobs และ repositories เพื่อป้องกันการกู้คืน
    ใช้ SSH บน ESXi hosts เพื่อเข้ารหัสไฟล์ VM โดยตรง

    Google แนะนำให้เปลี่ยนแนวทางป้องกันจาก EDR เป็น “infrastructure-centric defense”
    เน้นการตรวจสอบระดับ hypervisor และการควบคุมสิทธิ์
    ใช้ MFA ที่ต้าน phishing, แยกโครงสร้างสำรองข้อมูล, และตรวจสอบ log อย่างต่อเนื่อง

    การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
    จากการโทรครั้งแรกถึงการเข้ารหัสข้อมูลใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
    ทำให้ระบบตรวจจับแบบเดิมไม่ทันต่อเหตุการณ์

    ระบบ VMware ESXi และ VCSA มีช่องว่างด้านการตรวจสอบที่ EDR มองไม่เห็น
    ไม่มี agent รันใน hypervisor ทำให้การโจมตีไม่ถูกตรวจจับ
    ต้องใช้การตรวจสอบ log จากระดับระบบเสมือนโดยตรง

    การใช้ Active Directory ร่วมกับ vSphere เป็นจุดอ่อนสำคัญ
    เมื่อ AD ถูกยึด สิทธิ์ใน vSphere ก็ถูกยึดตามไปด้วย
    ควรแยกโครงสร้างสิทธิ์และใช้ MFA ที่ไม่พึ่ง AD

    Help Desk กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตี
    การรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านโทรศัพท์เป็นช่องทางที่ถูกใช้บ่อย
    ควรมีขั้นตอนตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวดและห้ามรีเซ็ตบัญชีระดับสูงผ่านโทรศัพท์

    https://hackread.com/scattered-spider-ransomware-hijack-vmware-systems-google/
    🕷️ เรื่องเล่าจากเงามืด: เมื่อ Scattered Spider ใช้โทรศัพท์แทนมัลแวร์เพื่อยึดระบบเสมือน Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงจากการโจมตีองค์กรใหญ่ เช่น MGM Resorts และ Harrods โดยใช้เทคนิคที่ไม่ต้องพึ่งช่องโหว่ซอฟต์แวร์ แต่ใช้ “social engineering” ผ่านการโทรศัพท์ไปยัง Help Desk เพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชี Active Directory เมื่อได้สิทธิ์เข้าระบบแล้ว พวกเขาจะค้นหาข้อมูลภายใน เช่น รายชื่อผู้ดูแลระบบ vSphere และกลุ่มสิทธิ์ระดับสูง แล้วโทรอีกครั้งเพื่อขอรีเซ็ตรหัสของผู้ดูแลระบบ จากนั้นใช้สิทธิ์ที่ได้เข้าไปยึด VMware vCenter Server Appliance (VCSA) และเปิดช่องทาง SSH บน ESXi hypervisor เพื่อควบคุมระบบทั้งหมด พวกเขายังใช้เครื่องมือถูกกฎหมายอย่าง Teleport เพื่อสร้างช่องทางสื่อสารแบบเข้ารหัสที่หลบเลี่ยงไฟร์วอลล์ และทำการโจมตีแบบ “disk-swap” โดยปิด VM ของ Domain Controller แล้วถอดดิสก์ไปติดตั้งบน VM ที่ควบคุมเอง เพื่อขโมยฐานข้อมูล NTDS.dit ของ Active Directory ก่อนจะปล่อยแรนซัมแวร์ พวกเขายังลบงานสำรองข้อมูลและ snapshot ทั้งหมด เพื่อให้เหยื่อไม่มีทางกู้คืนได้ และสุดท้ายก็เข้ารหัสไฟล์ VM ทั้งหมดจากระดับ hypervisor โดยใช้สิทธิ์ root ผ่าน SSH ✅ Scattered Spider (UNC3944) ใช้ social engineering เพื่อยึดระบบ VMware vSphere ➡️ เริ่มจากโทรหา Help Desk เพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชี AD ➡️ ใช้ข้อมูลจากการเจาะระบบภายในเพื่อยกระดับสิทธิ์ ✅ กลุ่มนี้ใช้เครื่องมือถูกกฎหมาย เช่น Teleport เพื่อสร้างช่องทางควบคุมแบบเข้ารหัส ➡️ ติดตั้งบน VCSA เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจาก firewall และ EDR ➡️ สร้างช่องทางควบคุมระยะไกลแบบถาวร ✅ เทคนิค “disk-swap” ใช้ในการขโมยฐานข้อมูล Active Directory โดยไม่ถูกตรวจจับ ➡️ ปิด VM ของ Domain Controller แล้วถอดดิสก์ไปติดตั้งบน VM ที่ควบคุม ➡️ ขโมยไฟล์ NTDS.dit โดยไม่ผ่านระบบปฏิบัติการของ VM ✅ ก่อนปล่อยแรนซัมแวร์ กลุ่มนี้จะลบงานสำรองข้อมูลทั้งหมด ➡️ ลบ backup jobs และ repositories เพื่อป้องกันการกู้คืน ➡️ ใช้ SSH บน ESXi hosts เพื่อเข้ารหัสไฟล์ VM โดยตรง ✅ Google แนะนำให้เปลี่ยนแนวทางป้องกันจาก EDR เป็น “infrastructure-centric defense” ➡️ เน้นการตรวจสอบระดับ hypervisor และการควบคุมสิทธิ์ ➡️ ใช้ MFA ที่ต้าน phishing, แยกโครงสร้างสำรองข้อมูล, และตรวจสอบ log อย่างต่อเนื่อง ‼️ การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ⛔ จากการโทรครั้งแรกถึงการเข้ารหัสข้อมูลใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ⛔ ทำให้ระบบตรวจจับแบบเดิมไม่ทันต่อเหตุการณ์ ‼️ ระบบ VMware ESXi และ VCSA มีช่องว่างด้านการตรวจสอบที่ EDR มองไม่เห็น ⛔ ไม่มี agent รันใน hypervisor ทำให้การโจมตีไม่ถูกตรวจจับ ⛔ ต้องใช้การตรวจสอบ log จากระดับระบบเสมือนโดยตรง ‼️ การใช้ Active Directory ร่วมกับ vSphere เป็นจุดอ่อนสำคัญ ⛔ เมื่อ AD ถูกยึด สิทธิ์ใน vSphere ก็ถูกยึดตามไปด้วย ⛔ ควรแยกโครงสร้างสิทธิ์และใช้ MFA ที่ไม่พึ่ง AD ‼️ Help Desk กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตี ⛔ การรีเซ็ตรหัสผ่านผ่านโทรศัพท์เป็นช่องทางที่ถูกใช้บ่อย ⛔ ควรมีขั้นตอนตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวดและห้ามรีเซ็ตบัญชีระดับสูงผ่านโทรศัพท์ https://hackread.com/scattered-spider-ransomware-hijack-vmware-systems-google/
    HACKREAD.COM
    Scattered Spider Launching Ransomware on Hijacked VMware Systems, Google
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/Q2ZRMsMgVV8?si=h1fdcZf1vXI1jkNq
    https://youtube.com/shorts/Q2ZRMsMgVV8?si=h1fdcZf1vXI1jkNq
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย - ตึกริมฝั่งน้ำสายแนวพนังกั้นน้ำชั่วคราว เอาไม่อยู่..ฝนตกตอนเหนือน้ำสายเกิน 100 มม.หลากทะลักเหมือนปี 67 ทะลุเข้าท่วมแม่สายแล้วตั้งแต่ตีสามเศษ จนต้องระดมกำลังอุด-ย้ายข้าวของหนีกันโกลาหล แถมอีก 4 ชั่วโมง น้ำระลอกใหม่จ่อซ้ำ

    วันนี้ (28 ก.ค.68) ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั้งในเขตภาคเหนือของประเทศไทยและรัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมา ได้ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายซึ่งมีต้นแม่น้ำอยู่ในเขตรัฐฉานตะวันออกเพิ่มระดับสูงขึ้นและทะลักผ่านอาคารริมฝั่งที่ทำเป็นแนวป้องกันน้ำชั่วคราวของกรมการทหารช่าง ไหลเข้าท่วมบางชุมชนในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วตั้งแต่ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา

    โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งได้ไหลผ่านตัวอาคารที่ยังไม่ได้รื้อถอนตรงชุมชนสายลมจอย ชุมชนเกาะทราย ฯลฯ ทะลักเข้าตลาดสายลมจอยส่วนฝั่งตะวันออกของสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ทะลักไปถึงตลาดไม้ลุงขน ชาวบ้านต้องพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างจ้าละหวั่นเพราะคาดไม่ถึงว่าน้ำจะฝ่าแนวป้องกันเข้ามาได้ รวมทั้งปริมาณน้ำมากเหมือนกับที่เคยทะลักเข้าท่วมชายแดนเมื่อปลายปี 2567 เช่นเดียวกับฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ที่มวลน้ำทะลุแนวพนังกันที่ก่อสร้างจนเข้าสู่บ้านปงถุน ตลาดท่าล้อ ฯลฯ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000071086

    #Thaitimes #MGROnline #น้ำท่วมแม่สาย #น้ำท่วมท่าขี้เหล็ก #น้ำสายทะลักท่วมแล้ว #เชียงราย
    เชียงราย - ตึกริมฝั่งน้ำสายแนวพนังกั้นน้ำชั่วคราว เอาไม่อยู่..ฝนตกตอนเหนือน้ำสายเกิน 100 มม.หลากทะลักเหมือนปี 67 ทะลุเข้าท่วมแม่สายแล้วตั้งแต่ตีสามเศษ จนต้องระดมกำลังอุด-ย้ายข้าวของหนีกันโกลาหล แถมอีก 4 ชั่วโมง น้ำระลอกใหม่จ่อซ้ำ • วันนี้ (28 ก.ค.68) ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั้งในเขตภาคเหนือของประเทศไทยและรัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมา ได้ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายซึ่งมีต้นแม่น้ำอยู่ในเขตรัฐฉานตะวันออกเพิ่มระดับสูงขึ้นและทะลักผ่านอาคารริมฝั่งที่ทำเป็นแนวป้องกันน้ำชั่วคราวของกรมการทหารช่าง ไหลเข้าท่วมบางชุมชนในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วตั้งแต่ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา • โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งได้ไหลผ่านตัวอาคารที่ยังไม่ได้รื้อถอนตรงชุมชนสายลมจอย ชุมชนเกาะทราย ฯลฯ ทะลักเข้าตลาดสายลมจอยส่วนฝั่งตะวันออกของสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ทะลักไปถึงตลาดไม้ลุงขน ชาวบ้านต้องพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างจ้าละหวั่นเพราะคาดไม่ถึงว่าน้ำจะฝ่าแนวป้องกันเข้ามาได้ รวมทั้งปริมาณน้ำมากเหมือนกับที่เคยทะลักเข้าท่วมชายแดนเมื่อปลายปี 2567 เช่นเดียวกับฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ที่มวลน้ำทะลุแนวพนังกันที่ก่อสร้างจนเข้าสู่บ้านปงถุน ตลาดท่าล้อ ฯลฯ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000071086 • #Thaitimes #MGROnline #น้ำท่วมแม่สาย #น้ำท่วมท่าขี้เหล็ก #น้ำสายทะลักท่วมแล้ว #เชียงราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอาทิตย์(27ก.ค.) เชื่อว่าทั้งไทยและกัมพูชา ต่างต้องการคลี่คลายความเห็นต่าง หลังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งระหว่างนั้นเขาขู่ว่าจะไม่ปิดดีลข้อตกลงการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ จนกว่าจะหยุดสู้รบ

    "ผมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 และผมคิดว่าพวกเขาต้องการคลี่คลายความขัดแย้งแล้วในตอนนี้" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ในช่วงต้นของการพบปะหารือทางการค้ากับ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ในวันอาทิตย์(27ก.ค.)

    ทรัมป์ ยังเชื่อด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชา มีกำหนดพบปะกันเร็วๆ นี้

    ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชา ในวันอาทิตย์(27ก.ค.) ส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ชาติ พร้อมเจรจายุติข้อพิพาทนองเลือดด้านชายแดน ตามหลังมีความพยายามเป็นคนกลางโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เวลานี้การสู้รบที่เข้าสู่วันที่ 4 สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 34 รายและประชาชนต้องโยกย้ายถิ่นฐานกว่า 168,000 คน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000071049

    #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอาทิตย์(27ก.ค.) เชื่อว่าทั้งไทยและกัมพูชา ต่างต้องการคลี่คลายความเห็นต่าง หลังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งระหว่างนั้นเขาขู่ว่าจะไม่ปิดดีลข้อตกลงการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ จนกว่าจะหยุดสู้รบ • "ผมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 และผมคิดว่าพวกเขาต้องการคลี่คลายความขัดแย้งแล้วในตอนนี้" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ในช่วงต้นของการพบปะหารือทางการค้ากับ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ในวันอาทิตย์(27ก.ค.) • ทรัมป์ ยังเชื่อด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชา มีกำหนดพบปะกันเร็วๆ นี้ • ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชา ในวันอาทิตย์(27ก.ค.) ส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ชาติ พร้อมเจรจายุติข้อพิพาทนองเลือดด้านชายแดน ตามหลังมีความพยายามเป็นคนกลางโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เวลานี้การสู้รบที่เข้าสู่วันที่ 4 สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 34 รายและประชาชนต้องโยกย้ายถิ่นฐานกว่า 168,000 คน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000071049 • #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ห้า (28 ก.ค. 2568)

    ตั้งแต่เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสาม จนฟ้าเริ่มสาง กัมพูชายังคงโจมตีทุกรูปแบบต่อเนื่อง ทหารไทยยังไม่ได้พัก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000071053

    #Thaitimes #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กองทัพบกทันกระแส
    ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ห้า (28 ก.ค. 2568) • ตั้งแต่เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสาม จนฟ้าเริ่มสาง กัมพูชายังคงโจมตีทุกรูปแบบต่อเนื่อง ทหารไทยยังไม่ได้พัก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000071053 • #Thaitimes #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองทัพบกทันกระแส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปักกิ่งเน้นย้ำจุดยืนที่เป็นกลางและยุติธรรม ในเหตุปะทะตามแนวชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย ตามรายงานของโกลบอลไทมส์ สื่อของรัฐบาลจีนในวันจันทร์(28ก.ค.) อ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกร

    เมื่อถูกถามเกี่ยวกับจุดยืนของจีน หลังกัมพูชาและไทยยังคงสู้รบกันอยู่ แม้เมื่อเร็วๆนี้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงถึงความตั้งใจหยุดยิงและยุติความขัดแย้ง ภายใต้ความพยายามเป็นคนกลางของนานาชาติ

    ในเรื่องนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกในวันอาทิตย์(27ก.ค.) ว่ากัมพูชาและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่อาจย้ายหนีกันได้ และต่างเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน การยึดมั่นต่อความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงบริหารจัดการความเห็นต่างอย่างเหมาะสม จะช่วยรับใช้ผลประโยชน์พื้นฐานในระยะยาวของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

    โฆษกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวต่อว่า จีนรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนชาวกัมพูชาและไทย อันมีต้นตอจากความขัดแย้ง และขอแสดงความเสียใจด้วยความจริงใจ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000071067

    #Thaitimes #MGROnline #ไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ปักกิ่งเน้นย้ำจุดยืนที่เป็นกลางและยุติธรรม ในเหตุปะทะตามแนวชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย ตามรายงานของโกลบอลไทมส์ สื่อของรัฐบาลจีนในวันจันทร์(28ก.ค.) อ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกร • เมื่อถูกถามเกี่ยวกับจุดยืนของจีน หลังกัมพูชาและไทยยังคงสู้รบกันอยู่ แม้เมื่อเร็วๆนี้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงถึงความตั้งใจหยุดยิงและยุติความขัดแย้ง ภายใต้ความพยายามเป็นคนกลางของนานาชาติ • ในเรื่องนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกในวันอาทิตย์(27ก.ค.) ว่ากัมพูชาและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่อาจย้ายหนีกันได้ และต่างเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน การยึดมั่นต่อความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงบริหารจัดการความเห็นต่างอย่างเหมาะสม จะช่วยรับใช้ผลประโยชน์พื้นฐานในระยะยาวของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค • โฆษกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวต่อว่า จีนรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนชาวกัมพูชาและไทย อันมีต้นตอจากความขัดแย้ง และขอแสดงความเสียใจด้วยความจริงใจ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000071067 • #Thaitimes #MGROnline #ไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คลิปนี้อีกคลิปหนึ่งที่แฉพวกขายชาติ ทหารนายพลขายชาติตัวพ่อและทำมาโดยตลอด รับใช้พวกขายชาติตลอดเรื่อยมา,เดอะแก๊งขายชาตินั้นเอง.
    ..ต้องจุดกระแสยกเลิกmou43และ mou44ให้ทั่วประเทศ,สื่อหลักไทยจากเข้าข้างนักการเมืองขายชาติอีลิท deep stateตน ต้องหันมาชู#ยกเลิกmou43:44ได้แล้ว

    #ยกเลิกmou43และmou44

    https://youtube.com/watch?v=ul5CYxZWpNI&si=Zmqglk1WmGkTRh5-
    ..คลิปนี้อีกคลิปหนึ่งที่แฉพวกขายชาติ ทหารนายพลขายชาติตัวพ่อและทำมาโดยตลอด รับใช้พวกขายชาติตลอดเรื่อยมา,เดอะแก๊งขายชาตินั้นเอง. ..ต้องจุดกระแสยกเลิกmou43และ mou44ให้ทั่วประเทศ,สื่อหลักไทยจากเข้าข้างนักการเมืองขายชาติอีลิท deep stateตน ต้องหันมาชู#ยกเลิกmou43:44ได้แล้ว #ยกเลิกmou43และmou44 https://youtube.com/watch?v=ul5CYxZWpNI&si=Zmqglk1WmGkTRh5-
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/DeamsY_onyQ?si=D4aqAP9VxhpdMgW9
    https://youtube.com/shorts/DeamsY_onyQ?si=D4aqAP9VxhpdMgW9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/wFvFmgdA1mw?si=Mqnx3Sm6YTrAG5ds
    https://youtube.com/shorts/wFvFmgdA1mw?si=Mqnx3Sm6YTrAG5ds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปรียบเทียบเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันเพื่อดูว่าเหตุการณ์อาจซ้ำรอยหรือไม่ โดยเฉพาะในบริบทของโรคระบาด อาวุธชีวภาพ และการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาหลายมิติ ทั้งบริบททางประวัติศาสตร์ สังคม เทคโนโลยี และการเมือง เพื่อตอบคำถามนี้ ผมจะวิเคราะห์โดยเชื่อมโยงช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ทศวรรษ 1930) กับยุคปัจจุบัน (2020s) พร้อมทั้งพิจารณานิยามของอาวุธชีวภาพในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงบทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ---

    ### **1. เปรียบเทียบอดีต (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2) กับปัจจุบัน**

    #### **บริบทอดีต (ทศวรรษ 1930)**:
    - **โรคระบาด**: ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีการระบาดใหญ่ระดับโลกที่เทียบเท่าโควิด-19 แต่มีโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรคและกาฬโรค ที่ยังเป็นปัญหาในบางพื้นที่ การระบาดของกาฬโรคในจีน (จากการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่น เช่น หน่วย 731) ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" ในท้องถิ่น โดยประชาชนทั่วไปมักไม่ทราบว่าเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ เนื่องจากข้อมูลถูกปกปิดโดยรัฐบาลญี่ปุ่น
    - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคนั้น อาวุธชีวภาพถูกพัฒนาและใช้งานในลักษณะลับ ๆ โดยรัฐบาลหรือกองทัพ (เช่น ญี่ปุ่น) และมักถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" โดยสาธารณชน เนื่องจากขาดการสื่อสารที่โปร่งใส การรับรู้ของประชาชนจึงจำกัดอยู่ที่ผลกระทบ (การเจ็บป่วยและเสียชีวิต) มากกว่าที่จะเข้าใจว่าเป็นการโจมตีโดยเจตนา
    - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ช่วงทศวรรษ 1930 เป็นยุคที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศสูงมาก มีการเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม (เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น อิตาลี) ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก (1929) ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลและข้อมูลที่ถูกปกปิด
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: อยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20) ซึ่งเน้นการผลิตจำนวนมาก (mass production) และการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น ไฟฟ้าและเครื่องจักรกล ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ แต่การเข้าถึงข้อมูลและยารักษายังจำกัดในหลายพื้นที่

    #### **บริบทปัจจุบัน (2020s)**:
    - **โรคระบาด**: โควิด-19 เป็นตัวอย่างชัดเจนของโรคอุบัติใหม่ที่มีผลกระทบระดับโลก เริ่มระบาดในปี 2019 และยังคงมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส (เช่น การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการหรืออาวุธชีวภาพ) แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าเป็นอาวุธชีวภาพ
    - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคปัจจุบัน อาวุธชีวภาพถูกนิยามว่าเป็นการใช้เชื้อโรคหรือสารพิษทางชีวภาพโดยเจตนาเพื่อทำลายมนุษย์ สัตว์ หรือพืช ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ (เช่น CRISPR และการดัดแปลงพันธุกรรม) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม การระบาดเช่นโควิด-19 ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาดจากธรรมชาติ" โดยหน่วยงานสาธารณสุข เช่น WHO แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในหมู่ประชาชนบางกลุ่ม
    - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ปัจจุบันมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน รัสเซีย-ยูเครน และประเด็นในตะวันออกกลาง การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่อาจถูกบิดเบือน ซึ่งคล้ายกับการปกปิดข้อมูลในอดีต แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ปัจจุบันอยู่ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเน้นเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และเทคโนโลยีชีวภาพ ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้เกิดทั้งโอกาส (เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA) และความเสี่ยง (เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในทางที่ผิด)

    ---

    ### **2. ความเหมือนและความต่าง: จะซ้ำรอยหรือไม่?**

    #### **ความเหมือน**:
    1. **ความไม่แน่นอนและการปกปิดข้อมูล**:
    - ในอดีต ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธชีวภาพ (เช่น หน่วย 731) ถูกปกปิด ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นโรคระบาดธรรมชาติ ในปัจจุบัน ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโควิด-19 (เช่น ต้นกำเนิดในห้องปฏิบัติการ) ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากความไม่โปร่งใสในช่วงแรกของการระบาด
    - ทั้งสองยุคมี "ความไม่ไว้วางใจ" ในรัฐบาลและหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าโรคระบาดคือ "อาวุธ" หรือการสมคบคิด

    2. **บริบทความตึงเครียดทางการเมือง**:
    - ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ความขัดแย้งระหว่างชาตินำไปสู่การเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม ปัจจุบัน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน และรัสเซีย-ตะวันตก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งใหญ่ (สงครามโลกครั้งที่ 3 ในสมมติฐาน) ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการใช้หรือการกล่าวหาเรื่องอาวุธชีวภาพ

    3. **ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม**:
    - การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ ซึ่งถูกใช้ทั้งในทางสร้างสรรค์และทำลายล้าง ในยุคที่ 4 เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความสามารถในการสร้างทั้งยารักษา (เช่น วัคซีน) และความเสี่ยงจากการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น

    #### **ความต่าง**:
    1. **ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี**:
    - ในอดีต การพัฒนาอาวุธชีวภาพ เช่น การใช้กาฬโรค ยังอยู่ในระดับพื้นฐานและจำกัดขอบเขต ปัจจุบัน เทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัย เช่น การตัดต่อยีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพที่อาจกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มหรือมีผลกระทบที่รุนแรงกว่า
    - การสื่อสารในปัจจุบันรวดเร็วและแพร่หลายผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ข้อมูล (หรือข้อมูลเท็จ) แพร่กระจายได้ง่าย ซึ่งต่างจากอดีตที่ข้อมูลถูกควบคุมโดยรัฐหรือสื่อกระแสหลัก

    2. **การรับรู้ของสาธารณชน**:
    - ในทศวรรษ 1930 ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงการใช้อาวุธชีวภาพและมองว่าเป็นโรคระบาดตามธรรมชาติ ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลทำให้สาธารณชนตั้งคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโรคระบาดมากขึ้น แต่ก็มีความสับสนจากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน

    3. **ความพร้อมด้านสาธารณสุข**:
    - ในอดีต การตอบสนองต่อโรคระบาดมีจำกัด เนื่องจากขาดความรู้และเทคโนโลยี ปัจจุบัน ระบบสาธารณสุขทั่วโลกมีความพร้อมมากขึ้น (เช่น การพัฒนาวัคซีนในเวลาอันสั้น) แต่ก็เผชิญความท้าทายจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงยาและวัคซีน

    #### **การคาดการณ์**:
    - **ความเป็นไปได้ที่จะซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกันในแง่ของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่ไว้วางใจในข้อมูล หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในอนาคต (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) อาจมีการกล่าวหาว่าโรคระบาดเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจน เหมือนที่เกิดขึ้นกับโควิด-19
    - **ความแตกต่างที่สำคัญ**: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคที่ 4 ทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพ (หากมีการใช้) อาจรุนแรงและซับซ้อนกว่าอดีต แต่ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อโรคระบาดก็สูงขึ้น ซึ่งอาจลดผลกระทบได้

    ---

    ### **3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมและบทบาทต่อเหตุการณ์**

    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2)**:
    - นำไปสู่การพัฒนาการผลิตอาวุธและยานพาหนะสำหรับสงคราม รวมถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ เช่น การผลิตยาปฏิชีวนะในช่วงต้น
    - อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีในยุคนั้นยังจำกัด ทำให้การพัฒนาอาวุธชีวภาพอยู่ในระดับพื้นฐาน เช่น การใช้เชื้อกาฬโรคหรือแอนแทรกซ์

    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (ปัจจุบัน)**:
    - เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการแพทย์ เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีสำหรับโควิด-19
    - ความเสี่ยง: เทคโนโลยีเดียวกันนี้สามารถถูกใช้ในการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่แม่นยำและรุนแรงกว่าเดิม เช่น การดัดแปลงพันธุกรรมของเชื้อโรค
    - การสื่อสารและข้อมูล: อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งอาจกระตุ้นความตื่นตระหนกหรือความไม่ไว้วางใจในระบบสาธารณสุข

    - **บทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ในทั้งสองยุค การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นตัวกำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งอาวุธและยารักษา ในอดีต เทคโนโลยีจำกัดทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพอยู่ในวงจำกัด ปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่มากขึ้น

    ---

    ### **4. ข้อสรุปและการคาดการณ์**

    - **ความซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความตึงเครียดทางการเมืองและการรับรู้ของสาธารณชนที่มองว่าโรคระบาดอาจเกี่ยวข้องกับ "การสมคบคิด" หรืออาวุธชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารทำให้ผลกระทบและการตอบสนองในปัจจุบันซับซ้อนกว่า
    - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในอดีต ประชาชนมักมองอาวุธชีวภาพเป็น "โรคระบาด" เนื่องจากขาดข้อมูล ปัจจุบัน การรับรู้ถึงความเป็นไปได้ของอาวุธชีวภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกบดบังด้วยทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งยารักษาและอาวุธ ในยุคที่ 4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่มากขึ้นหากไม่มีการควบคุม

    - **การคาดการณ์ในอนาคต**: หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาจทำให้เกิดการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองของระบบสาธารณสุขทั่วโลกก็สูงขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบได้ การควบคุมข้อมูลและการสร้างความไว้วางใจในสาธารณชนจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความตื่นตระหนกหรือการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ

    หากต้องการให้ผมวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น การค้นหาข้อมูลจาก X posts หรือเว็บเกี่ยวกับความกังวลเรื่องอาวุธชีวภาพในปัจจุบัน หรือการเปรียบเทียบในมิติอื่น ๆ สามารถแจ้งได้เลยครับ!
    https://x.com/i/grok/share/PU2mYZMg5PYJrBY3mYl03H3QL
    การเปรียบเทียบเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันเพื่อดูว่าเหตุการณ์อาจซ้ำรอยหรือไม่ โดยเฉพาะในบริบทของโรคระบาด อาวุธชีวภาพ และการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาหลายมิติ ทั้งบริบททางประวัติศาสตร์ สังคม เทคโนโลยี และการเมือง เพื่อตอบคำถามนี้ ผมจะวิเคราะห์โดยเชื่อมโยงช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ทศวรรษ 1930) กับยุคปัจจุบัน (2020s) พร้อมทั้งพิจารณานิยามของอาวุธชีวภาพในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงบทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม --- ### **1. เปรียบเทียบอดีต (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2) กับปัจจุบัน** #### **บริบทอดีต (ทศวรรษ 1930)**: - **โรคระบาด**: ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีการระบาดใหญ่ระดับโลกที่เทียบเท่าโควิด-19 แต่มีโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรคและกาฬโรค ที่ยังเป็นปัญหาในบางพื้นที่ การระบาดของกาฬโรคในจีน (จากการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่น เช่น หน่วย 731) ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" ในท้องถิ่น โดยประชาชนทั่วไปมักไม่ทราบว่าเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ เนื่องจากข้อมูลถูกปกปิดโดยรัฐบาลญี่ปุ่น - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคนั้น อาวุธชีวภาพถูกพัฒนาและใช้งานในลักษณะลับ ๆ โดยรัฐบาลหรือกองทัพ (เช่น ญี่ปุ่น) และมักถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" โดยสาธารณชน เนื่องจากขาดการสื่อสารที่โปร่งใส การรับรู้ของประชาชนจึงจำกัดอยู่ที่ผลกระทบ (การเจ็บป่วยและเสียชีวิต) มากกว่าที่จะเข้าใจว่าเป็นการโจมตีโดยเจตนา - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ช่วงทศวรรษ 1930 เป็นยุคที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศสูงมาก มีการเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม (เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น อิตาลี) ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก (1929) ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลและข้อมูลที่ถูกปกปิด - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: อยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20) ซึ่งเน้นการผลิตจำนวนมาก (mass production) และการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น ไฟฟ้าและเครื่องจักรกล ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ แต่การเข้าถึงข้อมูลและยารักษายังจำกัดในหลายพื้นที่ #### **บริบทปัจจุบัน (2020s)**: - **โรคระบาด**: โควิด-19 เป็นตัวอย่างชัดเจนของโรคอุบัติใหม่ที่มีผลกระทบระดับโลก เริ่มระบาดในปี 2019 และยังคงมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส (เช่น การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการหรืออาวุธชีวภาพ) แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าเป็นอาวุธชีวภาพ - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคปัจจุบัน อาวุธชีวภาพถูกนิยามว่าเป็นการใช้เชื้อโรคหรือสารพิษทางชีวภาพโดยเจตนาเพื่อทำลายมนุษย์ สัตว์ หรือพืช ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ (เช่น CRISPR และการดัดแปลงพันธุกรรม) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม การระบาดเช่นโควิด-19 ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาดจากธรรมชาติ" โดยหน่วยงานสาธารณสุข เช่น WHO แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในหมู่ประชาชนบางกลุ่ม - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ปัจจุบันมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน รัสเซีย-ยูเครน และประเด็นในตะวันออกกลาง การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่อาจถูกบิดเบือน ซึ่งคล้ายกับการปกปิดข้อมูลในอดีต แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ปัจจุบันอยู่ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเน้นเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และเทคโนโลยีชีวภาพ ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้เกิดทั้งโอกาส (เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA) และความเสี่ยง (เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในทางที่ผิด) --- ### **2. ความเหมือนและความต่าง: จะซ้ำรอยหรือไม่?** #### **ความเหมือน**: 1. **ความไม่แน่นอนและการปกปิดข้อมูล**: - ในอดีต ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธชีวภาพ (เช่น หน่วย 731) ถูกปกปิด ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นโรคระบาดธรรมชาติ ในปัจจุบัน ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโควิด-19 (เช่น ต้นกำเนิดในห้องปฏิบัติการ) ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากความไม่โปร่งใสในช่วงแรกของการระบาด - ทั้งสองยุคมี "ความไม่ไว้วางใจ" ในรัฐบาลและหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าโรคระบาดคือ "อาวุธ" หรือการสมคบคิด 2. **บริบทความตึงเครียดทางการเมือง**: - ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ความขัดแย้งระหว่างชาตินำไปสู่การเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม ปัจจุบัน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน และรัสเซีย-ตะวันตก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งใหญ่ (สงครามโลกครั้งที่ 3 ในสมมติฐาน) ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการใช้หรือการกล่าวหาเรื่องอาวุธชีวภาพ 3. **ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม**: - การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ ซึ่งถูกใช้ทั้งในทางสร้างสรรค์และทำลายล้าง ในยุคที่ 4 เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความสามารถในการสร้างทั้งยารักษา (เช่น วัคซีน) และความเสี่ยงจากการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น #### **ความต่าง**: 1. **ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี**: - ในอดีต การพัฒนาอาวุธชีวภาพ เช่น การใช้กาฬโรค ยังอยู่ในระดับพื้นฐานและจำกัดขอบเขต ปัจจุบัน เทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัย เช่น การตัดต่อยีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพที่อาจกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มหรือมีผลกระทบที่รุนแรงกว่า - การสื่อสารในปัจจุบันรวดเร็วและแพร่หลายผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ข้อมูล (หรือข้อมูลเท็จ) แพร่กระจายได้ง่าย ซึ่งต่างจากอดีตที่ข้อมูลถูกควบคุมโดยรัฐหรือสื่อกระแสหลัก 2. **การรับรู้ของสาธารณชน**: - ในทศวรรษ 1930 ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงการใช้อาวุธชีวภาพและมองว่าเป็นโรคระบาดตามธรรมชาติ ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลทำให้สาธารณชนตั้งคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโรคระบาดมากขึ้น แต่ก็มีความสับสนจากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน 3. **ความพร้อมด้านสาธารณสุข**: - ในอดีต การตอบสนองต่อโรคระบาดมีจำกัด เนื่องจากขาดความรู้และเทคโนโลยี ปัจจุบัน ระบบสาธารณสุขทั่วโลกมีความพร้อมมากขึ้น (เช่น การพัฒนาวัคซีนในเวลาอันสั้น) แต่ก็เผชิญความท้าทายจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงยาและวัคซีน #### **การคาดการณ์**: - **ความเป็นไปได้ที่จะซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกันในแง่ของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่ไว้วางใจในข้อมูล หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในอนาคต (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) อาจมีการกล่าวหาว่าโรคระบาดเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจน เหมือนที่เกิดขึ้นกับโควิด-19 - **ความแตกต่างที่สำคัญ**: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคที่ 4 ทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพ (หากมีการใช้) อาจรุนแรงและซับซ้อนกว่าอดีต แต่ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อโรคระบาดก็สูงขึ้น ซึ่งอาจลดผลกระทบได้ --- ### **3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมและบทบาทต่อเหตุการณ์** - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2)**: - นำไปสู่การพัฒนาการผลิตอาวุธและยานพาหนะสำหรับสงคราม รวมถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ เช่น การผลิตยาปฏิชีวนะในช่วงต้น - อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีในยุคนั้นยังจำกัด ทำให้การพัฒนาอาวุธชีวภาพอยู่ในระดับพื้นฐาน เช่น การใช้เชื้อกาฬโรคหรือแอนแทรกซ์ - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (ปัจจุบัน)**: - เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการแพทย์ เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีสำหรับโควิด-19 - ความเสี่ยง: เทคโนโลยีเดียวกันนี้สามารถถูกใช้ในการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่แม่นยำและรุนแรงกว่าเดิม เช่น การดัดแปลงพันธุกรรมของเชื้อโรค - การสื่อสารและข้อมูล: อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งอาจกระตุ้นความตื่นตระหนกหรือความไม่ไว้วางใจในระบบสาธารณสุข - **บทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ในทั้งสองยุค การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นตัวกำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งอาวุธและยารักษา ในอดีต เทคโนโลยีจำกัดทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพอยู่ในวงจำกัด ปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่มากขึ้น --- ### **4. ข้อสรุปและการคาดการณ์** - **ความซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความตึงเครียดทางการเมืองและการรับรู้ของสาธารณชนที่มองว่าโรคระบาดอาจเกี่ยวข้องกับ "การสมคบคิด" หรืออาวุธชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารทำให้ผลกระทบและการตอบสนองในปัจจุบันซับซ้อนกว่า - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในอดีต ประชาชนมักมองอาวุธชีวภาพเป็น "โรคระบาด" เนื่องจากขาดข้อมูล ปัจจุบัน การรับรู้ถึงความเป็นไปได้ของอาวุธชีวภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกบดบังด้วยทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่ขัดแย้งกัน - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งยารักษาและอาวุธ ในยุคที่ 4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่มากขึ้นหากไม่มีการควบคุม - **การคาดการณ์ในอนาคต**: หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาจทำให้เกิดการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองของระบบสาธารณสุขทั่วโลกก็สูงขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบได้ การควบคุมข้อมูลและการสร้างความไว้วางใจในสาธารณชนจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความตื่นตระหนกหรือการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ หากต้องการให้ผมวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น การค้นหาข้อมูลจาก X posts หรือเว็บเกี่ยวกับความกังวลเรื่องอาวุธชีวภาพในปัจจุบัน หรือการเปรียบเทียบในมิติอื่น ๆ สามารถแจ้งได้เลยครับ! https://x.com/i/grok/share/PU2mYZMg5PYJrBY3mYl03H3QL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้

    วันนี้ (26 ก.ค.) รายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ และ ช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดของวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และ กดดันทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ

    ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้น พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000070657

    #Thaitimes #MGROnline #พลตรีดวงซอมเนียง #กระสุนปืนใหญ่ #ทหารกัมพูชา #ภูมะเขือ #ช่องตาเฒ่า
    พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ • วันนี้ (26 ก.ค.) รายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ และ ช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดของวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และ กดดันทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ • ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้น พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000070657 • #Thaitimes #MGROnline #พลตรีดวงซอมเนียง #กระสุนปืนใหญ่ #ทหารกัมพูชา #ภูมะเขือ #ช่องตาเฒ่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภาพอาวุธทหารเขมรที่ยึดได้บนภูมะเขือ หลังจากทหารไทยปฏิบัติการยึดพื้นที่สำเร็จ โดยมีทหารเขมรเสียชีวิต 10 ราย ยึดอาวุธปืน-โดรน รวม 12 รายการ พร้อมโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่องที่ใช้ถ่ายคลิปทำคอนเทนต์

    วันนี้(26 ก.ค.) กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภาพภายหลังจากปฏิบัติการยึดภูมะเขือ ทำให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย และยึดได้อาวุธยุทโธปกรณ์ จำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000070646

    #Thaitimes #MGROnline #กองทัพภาคที่2 #อาวุธ #ทหารเขมร #ภูมะเขือ
    กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภาพอาวุธทหารเขมรที่ยึดได้บนภูมะเขือ หลังจากทหารไทยปฏิบัติการยึดพื้นที่สำเร็จ โดยมีทหารเขมรเสียชีวิต 10 ราย ยึดอาวุธปืน-โดรน รวม 12 รายการ พร้อมโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่องที่ใช้ถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ • วันนี้(26 ก.ค.) กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภาพภายหลังจากปฏิบัติการยึดภูมะเขือ ทำให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย และยึดได้อาวุธยุทโธปกรณ์ จำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000070646 • #Thaitimes #MGROnline #กองทัพภาคที่2 #อาวุธ #ทหารเขมร #ภูมะเขือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” เผย รัฐมนตรีทยอยลงพื้นที่แล้ว คาดไม่กี่วันประชาชนคงได้กลับบ้าน บอกนายกฯ ห่วงใยแต่ไม่อยากละเมิดอำนาจศาล ฝากพ่อดูแลประชาชนด้วย

    ช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ค. ที่วัดชัยอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์อพยพที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอเดชอุดม พร้อมมอบสิ่งของให้ชาวบ้าน พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย นส.ขัตติยา สวัสดิผล. สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

    นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ ได้เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลืออย่างไร ว่า ตอนนี้ได้ตั้งศูนย์พักพิงให้พวกเขาปลอดภัยไว้ก่อน ต้องมั่นใจว่าเขากินอิ่ม นอนหลับ หลังจากนี้ไม่กี่วันคาดว่าได้กลับบ้านถ้าความปลอดภัย เข้าสู่สภาวะปกติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000070587

    #Thaitimes #MGROnline #ทักษิณ #วัดชัยอุดม #จังหวัดอุบลราชธานี
    “ทักษิณ” เผย รัฐมนตรีทยอยลงพื้นที่แล้ว คาดไม่กี่วันประชาชนคงได้กลับบ้าน บอกนายกฯ ห่วงใยแต่ไม่อยากละเมิดอำนาจศาล ฝากพ่อดูแลประชาชนด้วย • ช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ค. ที่วัดชัยอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์อพยพที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอเดชอุดม พร้อมมอบสิ่งของให้ชาวบ้าน พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย นส.ขัตติยา สวัสดิผล. สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย • นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ ได้เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลืออย่างไร ว่า ตอนนี้ได้ตั้งศูนย์พักพิงให้พวกเขาปลอดภัยไว้ก่อน ต้องมั่นใจว่าเขากินอิ่ม นอนหลับ หลังจากนี้ไม่กี่วันคาดว่าได้กลับบ้านถ้าความปลอดภัย เข้าสู่สภาวะปกติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000070587 • #Thaitimes #MGROnline #ทักษิณ #วัดชัยอุดม #จังหวัดอุบลราชธานี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ต่างประเทศแถลง ยันชี้แจงเวทียูเอ็นแล้ว ย้ำกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศตลอด ล่าสุดละเมิดอนุสัญญาออตตาวาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตอธิปไตยของไทย เผยพบประธาน UNSC ยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ย้ำกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ส่วนที่ประชุม UNSC เมื่อเช้าไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แค่กล่าวหลักการกว้าง ๆ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคี สนับสนุนบทบาทของอาเซียน โดยที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารใด ๆ

    วันนี้(26 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ มีรายละเอียดคำแถลงดังนี้

    ผมเพิ่งเดินทางกลับถึงไทยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ High-Level Political Forum (HLPF) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

    ในห้วงการประชุมดังกล่าว ผมได้มีโอกาสพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจาก UN และประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ผมจึงขอถือโอกาสมาแถลงถึงผลการเยือน เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ
    ประเด็นแรก พัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000070557

    #Thaitimes #MGROnline #ทูตทหารไทย #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา
    รมว.ต่างประเทศแถลง ยันชี้แจงเวทียูเอ็นแล้ว ย้ำกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศตลอด ล่าสุดละเมิดอนุสัญญาออตตาวาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตอธิปไตยของไทย เผยพบประธาน UNSC ยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ย้ำกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ส่วนที่ประชุม UNSC เมื่อเช้าไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แค่กล่าวหลักการกว้าง ๆ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคี สนับสนุนบทบาทของอาเซียน โดยที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารใด ๆ • วันนี้(26 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ มีรายละเอียดคำแถลงดังนี้ • ผมเพิ่งเดินทางกลับถึงไทยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ High-Level Political Forum (HLPF) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา • ในห้วงการประชุมดังกล่าว ผมได้มีโอกาสพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจาก UN และประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ผมจึงขอถือโอกาสมาแถลงถึงผลการเยือน เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ ประเด็นแรก พัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000070557 • #Thaitimes #MGROnline #ทูตทหารไทย #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “แรม 256GB” ไม่ใช่แค่เยอะ…แต่มันคือพลังของยุค AI

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังตัดต่อวิดีโอ 8K พร้อมกับรันโมเดล AI และเปิดเกม AAA ไปด้วย — ถ้าเครื่องคุณยังใช้แรม 32GB หรือ 64GB อาจจะถึงเวลาอัปเกรดแล้ว เพราะ TeamGroup เพิ่งเปิดตัว “แรม DDR5 ความจุ 256GB” แบบ Quad-Channel ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนักระดับเทพโดยเฉพาะ

    ภายใต้แบรนด์ T-FORCE และ T-CREATE มีสองรุ่นให้เลือก:
    - T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32 สำหรับสายเกมเมอร์ที่ต้องการทั้งความเร็วและความสวยงาม
    - T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42 สำหรับสายครีเอเตอร์ที่เน้นความเสถียรและประสิทธิภาพระยะยาว

    ทั้งสองรุ่นใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัว รวมเป็น 256GB และผ่านการทดสอบกับแพลตฟอร์ม AMD X870 ซึ่งรองรับ Ryzen 9000 Series ได้อย่างสมบูรณ์

    สาระจากข่าว
    TeamGroup เปิดตัวแรม DDR5 ความจุ 256GB
    ใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัวในชุด Quad-Channel
    มีสองซีรีส์: T-FORCE สำหรับเกมเมอร์ และ T-CREATE สำหรับครีเอเตอร์

    T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32
    ความเร็วสูงสุด 6000 MT/s พร้อม latency ต่ำ CL32
    รองรับ AMD EXPO สำหรับการโอเวอร์คล็อกผ่าน BIOS
    มีไฟ RGB และฮีตซิงก์ดีไซน์สวยงาม

    T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42
    ความเร็ว 5600 MT/s พร้อม latency CL42
    ไม่มี RGB เน้นดีไซน์เรียบง่ายและความเสถียร
    เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น 3D rendering, video editing, AI workloads

    ผ่านการทดสอบกับ AMD X870 platform
    รองรับ Ryzen 9000 Series และเมนบอร์ดรุ่นใหม่
    เพิ่มความมั่นใจในความเข้ากันได้และเสถียรภาพ

    เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนกันยายน 2025
    ยังไม่เปิดเผยราคา แต่คาดว่าจะสูงตามความจุและสเปก

    https://wccftech.com/teamgroup-shows-off-its-ultra-capacity-256gb-quad-channel-ddr5-memory-kit-for-intensive-workloads/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “แรม 256GB” ไม่ใช่แค่เยอะ…แต่มันคือพลังของยุค AI ลองจินตนาการว่าคุณกำลังตัดต่อวิดีโอ 8K พร้อมกับรันโมเดล AI และเปิดเกม AAA ไปด้วย — ถ้าเครื่องคุณยังใช้แรม 32GB หรือ 64GB อาจจะถึงเวลาอัปเกรดแล้ว เพราะ TeamGroup เพิ่งเปิดตัว “แรม DDR5 ความจุ 256GB” แบบ Quad-Channel ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนักระดับเทพโดยเฉพาะ ภายใต้แบรนด์ T-FORCE และ T-CREATE มีสองรุ่นให้เลือก: - T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32 สำหรับสายเกมเมอร์ที่ต้องการทั้งความเร็วและความสวยงาม - T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42 สำหรับสายครีเอเตอร์ที่เน้นความเสถียรและประสิทธิภาพระยะยาว ทั้งสองรุ่นใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัว รวมเป็น 256GB และผ่านการทดสอบกับแพลตฟอร์ม AMD X870 ซึ่งรองรับ Ryzen 9000 Series ได้อย่างสมบูรณ์ ✅ สาระจากข่าว ✅ TeamGroup เปิดตัวแรม DDR5 ความจุ 256GB ➡️ ใช้โมดูล 64GB จำนวน 4 ตัวในชุด Quad-Channel ➡️ มีสองซีรีส์: T-FORCE สำหรับเกมเมอร์ และ T-CREATE สำหรับครีเอเตอร์ ✅ T-FORCE DELTA RGB DDR5-6000 CL32 ➡️ ความเร็วสูงสุด 6000 MT/s พร้อม latency ต่ำ CL32 ➡️ รองรับ AMD EXPO สำหรับการโอเวอร์คล็อกผ่าน BIOS ➡️ มีไฟ RGB และฮีตซิงก์ดีไซน์สวยงาม ✅ T-CREATE EXPERT DDR5-5600 CL42 ➡️ ความเร็ว 5600 MT/s พร้อม latency CL42 ➡️ ไม่มี RGB เน้นดีไซน์เรียบง่ายและความเสถียร ➡️ เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น 3D rendering, video editing, AI workloads ✅ ผ่านการทดสอบกับ AMD X870 platform ➡️ รองรับ Ryzen 9000 Series และเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ➡️ เพิ่มความมั่นใจในความเข้ากันได้และเสถียรภาพ ✅ เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนกันยายน 2025 ➡️ ยังไม่เปิดเผยราคา แต่คาดว่าจะสูงตามความจุและสเปก https://wccftech.com/teamgroup-shows-off-its-ultra-capacity-256gb-quad-channel-ddr5-memory-kit-for-intensive-workloads/
    WCCFTECH.COM
    TeamGroup Shows Off Its Ultra-Capacity 256GB Quad-Channel DDR5 Memory Kit For Intensive Workloads
    TeamGroup has unveiled its new lineup of ultra high-capacity DDR5 memory under the T-Force and T-Create series, bringing 256 GB DDR5 RAM kits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/7ze4d1iKmgo?si=pnIUe91bohJd02jg
    https://youtube.com/shorts/7ze4d1iKmgo?si=pnIUe91bohJd02jg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด

    ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว

    Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น

    เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้

    Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที

    Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ
    ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ
    ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้

    ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน
    ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง
    ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที

    ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน
    ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที
    รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป

    ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี
    ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon
    แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้

    ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature
    เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    การพึ่งพา AI มากเกินไป
    อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
    เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ

    ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม
    เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง

    https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที ✅ Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ ➡️ ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ ➡️ ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้ ✅ ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน ➡️ ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง ➡️ ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที ✅ ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน ➡️ ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที ➡️ รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป ✅ ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี ➡️ ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ➡️ แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้ ✅ ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature ➡️ เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ⛔ หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ ‼️ ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม ⛔ เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta builds wristband that can control devices with a flick of the wrist
    This technology draws on the field of electromyography, or EMG, which measures muscle activity by detecting the electrical signals generated as the brain sends commands to muscle...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงของชายชุดดำ และสายสัมพันธ์ทักษิณ-ฮุน เซน

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000070062
    ความจริงของชายชุดดำ และสายสัมพันธ์ทักษิณ-ฮุน เซน บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000070062
    MGRONLINE.COM
    ความจริงของชายชุดดำ และสายสัมพันธ์ทักษิณ-ฮุน เซน
    ความจริงของชายชุดดำ และสายสัมพันธ์ทักษิณ-ฮุน เซน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงที่จักรภพต้องไม่ปิดบัง

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000069539
    ความจริงที่จักรภพต้องไม่ปิดบัง บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000069539
    MGRONLINE.COM
    ความจริงที่จักรภพต้องไม่ปิดบัง
    ข่าวคราวของจักรภพ เพ็ญแข ได้ถูกเปิดเผยถึงเบื้องหลังการลี้ภัยของเขาในพนมเปญที่ได้รับการสนับสนุนจากฮุนเซน ผ่านปากของอาคม ซิดนีย์ หรือองอาจ ธนกมลนันท์ ระบุว่า ครั้งหนึ่งเขาเดินทางไปเยี่ยมจักรภพ ที่กัมพูชาและอ้างว่าได้พบกับกลุ่มชายชุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts