• รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้
    .
    ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง
    .
    ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้
    .
    ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ
    .
    สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง
    .
    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ
    .
    จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า
    .
    เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106
    .......
    Sondhi X
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้ . ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง . ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้ . ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ . สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง . ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ . จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า . เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106 ....... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    หวั่นซ้ำรอยลูกสาวหัวเว่ย! จีนสั่ง ‘นักวิจัย-ผู้นำธุรกิจเอไอ’ หลีกเลี่ยงเดินทางไปสหรัฐฯ-ชาติพันธมิตร
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้กล่าวว่าการเปิดตัวของ GPT-4.5 ต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากขาดแคลนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) ที่จำเป็นต่อการใช้งานโมเดลนี้ อย่างไรก็ตาม มีการเตรียมส่งมอบ GPUs หลายหมื่นตัวในสัปดาห์หน้าเพื่อรองรับการขยายโมเดล GPT-4.5 ให้แก่ผู้ใช้ทั่วไป

    เรื่องที่น่าสนใจคือ OpenAI และ Microsoft กำลังสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีโครงการขยายศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ทั่วโลกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล AI อย่างมากมาย

    นอกจากนั้น บริษัทผู้ผลิตชิป Nvidia ก็กำลังมีความต้องการสูงเนื่องจากหน่วยประมวลผลรุ่น Blackwell ของพวกเขาถูกขายหมดจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ Microsoft CEO Satya Nadella กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างระบบ AI มากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันโมเดล AI ก็กำลังพัฒนาและต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ความเป็นจริงที่น่าตื่นเต้นคือการพัฒนา AI อย่าง GPT-4.5 ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างมากเช่นกัน ทำให้การใช้งานโมเดลนี้จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนา AI ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-has-run-out-of-gpus-says-sam-altman-gpt-4-5-rollout-delayed-due-to-lack-of-processing-power
    Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้กล่าวว่าการเปิดตัวของ GPT-4.5 ต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากขาดแคลนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) ที่จำเป็นต่อการใช้งานโมเดลนี้ อย่างไรก็ตาม มีการเตรียมส่งมอบ GPUs หลายหมื่นตัวในสัปดาห์หน้าเพื่อรองรับการขยายโมเดล GPT-4.5 ให้แก่ผู้ใช้ทั่วไป เรื่องที่น่าสนใจคือ OpenAI และ Microsoft กำลังสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีโครงการขยายศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ทั่วโลกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล AI อย่างมากมาย นอกจากนั้น บริษัทผู้ผลิตชิป Nvidia ก็กำลังมีความต้องการสูงเนื่องจากหน่วยประมวลผลรุ่น Blackwell ของพวกเขาถูกขายหมดจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ Microsoft CEO Satya Nadella กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างระบบ AI มากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันโมเดล AI ก็กำลังพัฒนาและต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเป็นจริงที่น่าตื่นเต้นคือการพัฒนา AI อย่าง GPT-4.5 ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างมากเช่นกัน ทำให้การใช้งานโมเดลนี้จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนา AI ในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-has-run-out-of-gpus-says-sam-altman-gpt-4-5-rollout-delayed-due-to-lack-of-processing-power
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้เปิดตัวโมเดล GPT-4.5 ซึ่งมีชื่อรหัสว่า "Orion" โดยโมเดลนี้เป็นโมเดลสุดท้ายที่ไม่ได้ใช้การคิดอย่างลำดับขั้น (non-chain-of-thought) แต่จะนำเสนอมิติใหม่ในเรื่องความสามารถในการสนทนาและความแม่นยำในการตอบคำถาม

    เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2025 OpenAI ได้ประกาศเปิดตัว GPT-4.5 ในรูปแบบวิจัย ซึ่ง OpenAI อ้างว่าเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดและมีความรู้มากที่สุดในขณะนี้ ผู้ใช้ควรคาดหวังถึงการปรับปรุงโดยรวมในการใช้งาน GPT-4.5 ซึ่งรวมถึงการลดการสร้างเนื้อหาที่ผิดพลาด (hallucinations) ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของคำถาม และการตอบคำถามที่ตรงกับเจตนาของผู้ใช้มากขึ้น

    การทดสอบและความสามารถในการให้เหตุผล - แม้ว่า GPT-4.5 จะไม่มีการคิดอย่างลำดับขั้น แต่มีการปรับปรุงในเรื่องการให้เหตุผลที่ดีกว่าและการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น เช่น ในการสาธิต AI ของ ChatGPT ถูกขอให้สร้างข้อความที่มีลักษณะเป็นการเกลียดชัง โดย GPT-4.5 สามารถตอบคำถามได้หลายทางเลือกและไม่กล่าวถึงความเกลียดชังตรงๆ แต่แสดงความผิดหวังในพฤติกรรมของผู้ใช้แทน

    การทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmarks) - GPT-4.5 ได้รับการทดสอบในการทดสอบเบนช์มาร์กหลายรายการ เช่น Competition Math, PhD-level Science Questions และ SWE-Bench ซึ่ง GPT-4.5 ทำได้ดีกว่า GPT-4o และเกือบเท่ากับ o3-mini ในบางรายการทดสอบ เช่น SWE-Lancer Diamond และ MMMLU ที่เป็นการทดสอบการเขียนโค้ดและการใช้ภาษาแบบหลายภาษา

    ความปลอดภัยและการใช้งาน - OpenAI ยืนยันว่าโมเดล GPT-4.5 ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและมีการใช้เทคนิคการดูแลใหม่ๆ ร่วมกับการเรียนรู้จากความคิดเห็นของมนุษย์ (RLHF) โมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ระดับ Pro ก่อนในช่วงการวิจัย จากนั้นจะเปิดให้ใช้สำหรับผู้ใช้ระดับ Plus และ Team ในสัปดาห์ถัดไป รวมถึง Enterprise และ Edu ในสัปดาห์ถัดมา

    ความสามารถในการสนทนาที่ดีขึ้น - OpenAI อธิบายว่า GPT-4.5 มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้การสนทนารู้สึกเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิคเช่นการเล่นคำ (alliteration) ทำให้ตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ

    https://www.zdnet.com/article/openai-finally-unveils-gpt-4-5-heres-what-it-can-do/
    OpenAI ได้เปิดตัวโมเดล GPT-4.5 ซึ่งมีชื่อรหัสว่า "Orion" โดยโมเดลนี้เป็นโมเดลสุดท้ายที่ไม่ได้ใช้การคิดอย่างลำดับขั้น (non-chain-of-thought) แต่จะนำเสนอมิติใหม่ในเรื่องความสามารถในการสนทนาและความแม่นยำในการตอบคำถาม เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2025 OpenAI ได้ประกาศเปิดตัว GPT-4.5 ในรูปแบบวิจัย ซึ่ง OpenAI อ้างว่าเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดและมีความรู้มากที่สุดในขณะนี้ ผู้ใช้ควรคาดหวังถึงการปรับปรุงโดยรวมในการใช้งาน GPT-4.5 ซึ่งรวมถึงการลดการสร้างเนื้อหาที่ผิดพลาด (hallucinations) ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของคำถาม และการตอบคำถามที่ตรงกับเจตนาของผู้ใช้มากขึ้น การทดสอบและความสามารถในการให้เหตุผล - แม้ว่า GPT-4.5 จะไม่มีการคิดอย่างลำดับขั้น แต่มีการปรับปรุงในเรื่องการให้เหตุผลที่ดีกว่าและการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น เช่น ในการสาธิต AI ของ ChatGPT ถูกขอให้สร้างข้อความที่มีลักษณะเป็นการเกลียดชัง โดย GPT-4.5 สามารถตอบคำถามได้หลายทางเลือกและไม่กล่าวถึงความเกลียดชังตรงๆ แต่แสดงความผิดหวังในพฤติกรรมของผู้ใช้แทน การทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmarks) - GPT-4.5 ได้รับการทดสอบในการทดสอบเบนช์มาร์กหลายรายการ เช่น Competition Math, PhD-level Science Questions และ SWE-Bench ซึ่ง GPT-4.5 ทำได้ดีกว่า GPT-4o และเกือบเท่ากับ o3-mini ในบางรายการทดสอบ เช่น SWE-Lancer Diamond และ MMMLU ที่เป็นการทดสอบการเขียนโค้ดและการใช้ภาษาแบบหลายภาษา ความปลอดภัยและการใช้งาน - OpenAI ยืนยันว่าโมเดล GPT-4.5 ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและมีการใช้เทคนิคการดูแลใหม่ๆ ร่วมกับการเรียนรู้จากความคิดเห็นของมนุษย์ (RLHF) โมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ระดับ Pro ก่อนในช่วงการวิจัย จากนั้นจะเปิดให้ใช้สำหรับผู้ใช้ระดับ Plus และ Team ในสัปดาห์ถัดไป รวมถึง Enterprise และ Edu ในสัปดาห์ถัดมา ความสามารถในการสนทนาที่ดีขึ้น - OpenAI อธิบายว่า GPT-4.5 มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้การสนทนารู้สึกเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิคเช่นการเล่นคำ (alliteration) ทำให้ตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ https://www.zdnet.com/article/openai-finally-unveils-gpt-4-5-heres-what-it-can-do/
    WWW.ZDNET.COM
    OpenAI finally unveils GPT-4.5. Here's what it can do
    OpenAI says its latest model is more conversational and even hallucinates less. Here's how to access it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้นำเอาฟีเจอร์ Voice และ Think Deeper ที่ขับเคลื่อนโดยโมเดล OpenAI มาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้งานฟรี ฟีเจอร์ Voice ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Copilot แทนการพิมพ์คำถาม ส่วน Think Deeper ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Copilot สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การพิจารณาว่าจะใช้เงินที่ได้มาจากการประกันเพื่อต่อเติมบ้านหรือซื้อเครื่องปั่นไฟ

    การที่ Microsoft ทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรี จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและการใช้งาน AI ให้กับผู้ใช้มากขึ้น และช่วยกดดันคู่แข่งอื่นๆ ที่ยังคงล็อกฟีเจอร์หลังเพย์วอลล์

    สำหรับผู้ที่จ่ายเงินเพื่อใช้ Copilot Pro ยังคงได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนและมีการเข้าถึงที่รวดเร็วกว่าในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง รวมถึงการรวมฟีเจอร์ AI เพิ่มเติมในแอปพลิเคชัน Microsoft 365

    แนวคิดนี้ของ Microsoft แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการทำให้ AI มีประโยชน์และเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น โดยหวังว่าการทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรีจะช่วยให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับ Copilot มากขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-think-microsoft-is-smart-to-follow-openai-in-making-these-premium-features-free
    Microsoft ได้นำเอาฟีเจอร์ Voice และ Think Deeper ที่ขับเคลื่อนโดยโมเดล OpenAI มาให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้งานฟรี ฟีเจอร์ Voice ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Copilot แทนการพิมพ์คำถาม ส่วน Think Deeper ถูกออกแบบมาเพื่อให้ Copilot สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การพิจารณาว่าจะใช้เงินที่ได้มาจากการประกันเพื่อต่อเติมบ้านหรือซื้อเครื่องปั่นไฟ การที่ Microsoft ทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรี จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและการใช้งาน AI ให้กับผู้ใช้มากขึ้น และช่วยกดดันคู่แข่งอื่นๆ ที่ยังคงล็อกฟีเจอร์หลังเพย์วอลล์ สำหรับผู้ที่จ่ายเงินเพื่อใช้ Copilot Pro ยังคงได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนและมีการเข้าถึงที่รวดเร็วกว่าในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง รวมถึงการรวมฟีเจอร์ AI เพิ่มเติมในแอปพลิเคชัน Microsoft 365 แนวคิดนี้ของ Microsoft แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการทำให้ AI มีประโยชน์และเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น โดยหวังว่าการทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้งานได้ฟรีจะช่วยให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับ Copilot มากขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-think-microsoft-is-smart-to-follow-openai-in-making-these-premium-features-free
    WWW.TECHRADAR.COM
    I think Microsoft is smart to follow OpenAI in making these premium features free
    The AI assistant's OpenAI-powered voice and deep thinking features are now available to anyone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้มีการเปิดตัว Nextcloud Hub 10 ซึ่งเป็นโซลูชันคลาวด์แบบทำเอง (DIY cloud) ที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร Nextcloud Hub 10 มาพร้อมกับเครื่องมือและแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานสำนักงานทุกประเภท เช่น การจัดเก็บไฟล์ วิดีโอคอลและแชท การจัดการปฏิทินและอีเมล รวมถึงผู้ช่วย AI ที่เชื่อมต่อกับโมเดลภาษา AI ได้หลากหลาย

    หนึ่งในจุดเด่นของ Nextcloud Hub 10 คือความสามารถในการเชื่อมต่อกับบริการ AI เช่น OpenAI รวมถึงการใช้งาน LocalAI และ Ollama ที่สามารถรันโมเดลภาษา AI เช่น LLama 3.1, DeepSeek R1, หรือ Mistral ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสรุปการสนทนาอีเมล แนะนำการเขียนเอกสาร แปลงและแปลข้อความแชท รวมถึงสร้างภาพได้

    Nextcloud Hub 10 ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น การเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับการเข้าถึงไฟล์ที่เข้ารหัสผ่านเว็บและการสนทนาวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มและการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแชร์ไฟล์และจัดการทีม

    Dirk Schrödter รัฐมนตรีว่าการดิจิทัลของรัฐ Schleswig-Holstein ประเทศเยอรมนี กล่าวถึง Nextcloud ว่า "เราจะให้บริการ AI แก่เพื่อนร่วมงานในรัฐโดยตรงที่สถานที่ทำงาน เราต้องการส่งเสริมการพัฒนาบริการที่มีความเป็นส่วนตัวและเปิดเผย รวมถึงการใช้บริการ AI ที่มีอยู่ เช่น ChatGPT"

    อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง Nextcloud Hub 10 อาจมีความซับซ้อนอยู่บ้าง ผู้ใช้บางคนอาจพบปัญหาในการติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์บางประเภท ดังนั้นจึงแนะนำให้รอการอัปเดตครั้งถัดไปก่อนที่จะติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานอยู่

    https://www.zdnet.com/article/nextcloud-challenges-cloud-powers-with-hub-10-release/
    ได้มีการเปิดตัว Nextcloud Hub 10 ซึ่งเป็นโซลูชันคลาวด์แบบทำเอง (DIY cloud) ที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร Nextcloud Hub 10 มาพร้อมกับเครื่องมือและแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานสำนักงานทุกประเภท เช่น การจัดเก็บไฟล์ วิดีโอคอลและแชท การจัดการปฏิทินและอีเมล รวมถึงผู้ช่วย AI ที่เชื่อมต่อกับโมเดลภาษา AI ได้หลากหลาย หนึ่งในจุดเด่นของ Nextcloud Hub 10 คือความสามารถในการเชื่อมต่อกับบริการ AI เช่น OpenAI รวมถึงการใช้งาน LocalAI และ Ollama ที่สามารถรันโมเดลภาษา AI เช่น LLama 3.1, DeepSeek R1, หรือ Mistral ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสรุปการสนทนาอีเมล แนะนำการเขียนเอกสาร แปลงและแปลข้อความแชท รวมถึงสร้างภาพได้ Nextcloud Hub 10 ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น การเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับการเข้าถึงไฟล์ที่เข้ารหัสผ่านเว็บและการสนทนาวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มและการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความสามารถในการแชร์ไฟล์และจัดการทีม Dirk Schrödter รัฐมนตรีว่าการดิจิทัลของรัฐ Schleswig-Holstein ประเทศเยอรมนี กล่าวถึง Nextcloud ว่า "เราจะให้บริการ AI แก่เพื่อนร่วมงานในรัฐโดยตรงที่สถานที่ทำงาน เราต้องการส่งเสริมการพัฒนาบริการที่มีความเป็นส่วนตัวและเปิดเผย รวมถึงการใช้บริการ AI ที่มีอยู่ เช่น ChatGPT" อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง Nextcloud Hub 10 อาจมีความซับซ้อนอยู่บ้าง ผู้ใช้บางคนอาจพบปัญหาในการติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์บางประเภท ดังนั้นจึงแนะนำให้รอการอัปเดตครั้งถัดไปก่อนที่จะติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานอยู่ https://www.zdnet.com/article/nextcloud-challenges-cloud-powers-with-hub-10-release/
    WWW.ZDNET.COM
    Nextcloud challenges cloud powers with Hub 10 release
    Don't trust Google Docs or Microsoft 365 with your work, but still want to use the cloud for your personal or professional work? Then give Nextcloud Hub 10 a try and run your own software-as-a-service cloud.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropicบริษัทเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Claude 3.7 Sonnet โมเดลใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีชื่อว่า Claude Code ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาและอ่านโค้ด แก้ไขไฟล์ และทดสอบซอฟต์แวร์

    Anthropic อ้างว่า Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนมากขึ้น Jared Kaplan ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของ Anthropic กล่าวว่า โมเดลใหม่นี้มีการพัฒนาโดยใช้ "hybrid reasoning model" ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่รวดเร็วและสามารถจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น

    โมเดล Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการปรับตัวตามปัญหาของลูกค้า และตอบสนองความต้องการในการพัฒนาโค้ดได้อย่างเหมาะสม นอกจากการพัฒนาโค้ดแล้ว โมเดลนี้ยังสามารถจัดการกับการวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหาทางคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนได้อีกด้วย

    การเปิดตัวโมเดลใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังแข่งขันกันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูงและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยี AI อย่างมหาศาล Anthropic ได้รับการสนับสนุนจาก Amazon และ Google-parent Alphabet ซึ่งทำให้บริษัทสามารถพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/26/anthropic-releases-its-smartest-ai-model
    Anthropicบริษัทเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Claude 3.7 Sonnet โมเดลใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีชื่อว่า Claude Code ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาและอ่านโค้ด แก้ไขไฟล์ และทดสอบซอฟต์แวร์ Anthropic อ้างว่า Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนมากขึ้น Jared Kaplan ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของ Anthropic กล่าวว่า โมเดลใหม่นี้มีการพัฒนาโดยใช้ "hybrid reasoning model" ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่รวดเร็วและสามารถจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น โมเดล Claude 3.7 Sonnet นี้มีความสามารถในการปรับตัวตามปัญหาของลูกค้า และตอบสนองความต้องการในการพัฒนาโค้ดได้อย่างเหมาะสม นอกจากการพัฒนาโค้ดแล้ว โมเดลนี้ยังสามารถจัดการกับการวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหาทางคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนได้อีกด้วย การเปิดตัวโมเดลใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังแข่งขันกันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูงและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยี AI อย่างมหาศาล Anthropic ได้รับการสนับสนุนจาก Amazon และ Google-parent Alphabet ซึ่งทำให้บริษัทสามารถพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/26/anthropic-releases-its-smartest-ai-model
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Anthropic releases its 'smartest' AI model
    OpenAI rival Anthropic on Monday released what it said is its smartest artificial intelligence model to date, particularly when it comes to computer coding.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้ประกาศแผนการเปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลหลักในการพัฒนา AI ของพวกเขาให้เป็นสาธารณะตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ก้าวนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทอื่นๆ เช่น OpenAI และ Meta Platforms Inc. ยังไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลของพวกเขาในระดับนี้

    DeepSeek ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 เดือนที่แล้ว และได้สร้างความฮือฮาใน Silicon Valley ด้วยโมเดล AI ที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทประกาศบนแพลตฟอร์ม X ว่าโค้ดที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดเก็บไว้ใน repository ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดและปรับปรุงได้โดยนักพัฒนาและนักวิจัยทั่วโลก ความเคลื่อนไหวนี้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ DeepSeek ที่จะใช้แนวทางการพัฒนา AI แบบโอเพนซอร์ส

    นอกจากนี้ DeepSeek ยังวางแผนที่จะเปิดเผยวิธีการพัฒนาและจัดการโค้ด รวมถึงข้อมูลที่ใช้ในการสร้างโมเดล AI ด้วย ความโปร่งใสนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในรัฐบาลต่างๆ จากสหรัฐฯ ถึงออสเตรเลีย

    "เราคือทีมเล็กที่กำลังสำรวจ AGI ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เราจะเปิดเผยซอร์สโค้ด 5 repository และแชร์ความก้าวหน้าอย่างเปิดเผย" DeepSeek ประกาศผ่าน X

    ในขณะที่บริษัทใหญ่เช่น Baidu และ OpenAI ยังคงเก็บรักษาข้อมูล AI ของพวกเขาเป็นความลับ การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek ทำให้เห็นถึงการแข่งขันระหว่างสหรัฐและจีนในการพัฒนาโมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

    ความก้าวหน้าของ DeepSeek ได้บังคับให้คู่แข่งที่เก่าแก่กว่าเช่น Baidu Inc. นำแนวทางโอเพนซอร์สมาใช้ แต่คู่แข่งในระดับโลกเช่น OpenAI และ Anthropic ยังคงเก็บรักษาโมเดล AI และข้อมูลของพวกเขาเป็นความลับ DeepSeek ที่มีจุดเริ่มต้นจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์เชิงปริมาณที่บริหารโดยผู้ก่อตั้ง Liang Wenfeng ยังไม่ได้เปิดเผยการสนับสนุนจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีความกดดันน้อยลงในการสร้างโมเดลรายได้

    การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek นี้อาจส่งผลให้มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นและการนำเทคโนโลยีของพวกเขาไปใช้อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นการแข่งขันและความกังวลเรื่องความปลอดภัยในระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step
    DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้ประกาศแผนการเปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลหลักในการพัฒนา AI ของพวกเขาให้เป็นสาธารณะตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ก้าวนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทอื่นๆ เช่น OpenAI และ Meta Platforms Inc. ยังไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลของพวกเขาในระดับนี้ DeepSeek ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 เดือนที่แล้ว และได้สร้างความฮือฮาใน Silicon Valley ด้วยโมเดล AI ที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทประกาศบนแพลตฟอร์ม X ว่าโค้ดที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดเก็บไว้ใน repository ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดและปรับปรุงได้โดยนักพัฒนาและนักวิจัยทั่วโลก ความเคลื่อนไหวนี้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ DeepSeek ที่จะใช้แนวทางการพัฒนา AI แบบโอเพนซอร์ส นอกจากนี้ DeepSeek ยังวางแผนที่จะเปิดเผยวิธีการพัฒนาและจัดการโค้ด รวมถึงข้อมูลที่ใช้ในการสร้างโมเดล AI ด้วย ความโปร่งใสนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในรัฐบาลต่างๆ จากสหรัฐฯ ถึงออสเตรเลีย "เราคือทีมเล็กที่กำลังสำรวจ AGI ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เราจะเปิดเผยซอร์สโค้ด 5 repository และแชร์ความก้าวหน้าอย่างเปิดเผย" DeepSeek ประกาศผ่าน X ในขณะที่บริษัทใหญ่เช่น Baidu และ OpenAI ยังคงเก็บรักษาข้อมูล AI ของพวกเขาเป็นความลับ การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek ทำให้เห็นถึงการแข่งขันระหว่างสหรัฐและจีนในการพัฒนาโมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ความก้าวหน้าของ DeepSeek ได้บังคับให้คู่แข่งที่เก่าแก่กว่าเช่น Baidu Inc. นำแนวทางโอเพนซอร์สมาใช้ แต่คู่แข่งในระดับโลกเช่น OpenAI และ Anthropic ยังคงเก็บรักษาโมเดล AI และข้อมูลของพวกเขาเป็นความลับ DeepSeek ที่มีจุดเริ่มต้นจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์เชิงปริมาณที่บริหารโดยผู้ก่อตั้ง Liang Wenfeng ยังไม่ได้เปิดเผยการสนับสนุนจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีความกดดันน้อยลงในการสร้างโมเดลรายได้ การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek นี้อาจส่งผลให้มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นและการนำเทคโนโลยีของพวกเขาไปใช้อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นการแข่งขันและความกังวลเรื่องความปลอดภัยในระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step
    WWW.THESTAR.COM.MY
    DeepSeek promises to share even more AI code in a rare step
    Chinese AI sensation DeepSeek plans to release key codes and data to the public starting next week, an unusual step to share more of its core technology than rivals such as OpenAI have done.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alibaba Cloud ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านคลาวด์คอมพิวติ้งของ Alibaba Group ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ชื่อว่า Animate Anyone 2 โมเดลนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอนิเมชันตัวละครที่เสมือนจริงจากภาพนิ่งและวิดีโอเพียงหนึ่งคลิปได้อย่างง่ายดาย

    Animate Anyone 2 สามารถประมวลผลสัญญาณการเคลื่อนไหวและสัญญาณสิ่งแวดล้อมจากเนื้อหาที่เป็นแหล่งอ้างอิง เช่น วิดีโอต้นฉบับ เพื่อสร้างคลิปใหม่ที่มีความสมจริงสูง เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการสร้างแอนิเมชันตัวละครในอดีตที่ใช้เพียงสัญญาณการเคลื่อนไหวเท่านั้น โมเดลนี้ช่วยให้ตัวละครสามารถแสดงการเคลื่อนไหวที่สมจริงและประสานกับสิ่งแวดล้อมเดิมได้อย่างไม่มีสะดุด

    โมเดลนี้สร้างขึ้นจากเวอร์ชันแรกของ Animate Anyone ที่ประกาศเปิดตัวในปลายปี 2023 ซึ่งเน้นการสร้างวิดีโอตัวละครจากภาพนิ่ง หลังจากนั้น OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ก็ได้เปิดตัวโมเดล Sora ที่สามารถสร้างวิดีโอจากข้อความได้ ทำให้เกิดการแข่งขันในวงการเทคโนโลยี AI ของบริษัทใหญ่ในจีนและสตาร์ทอัพหลายแห่ง

    นอกจากนี้ Animate Anyone 2 ยังมีความสามารถในการสร้างการโต้ตอบระหว่างตัวละครโดยรักษาความสมเหตุสมผลของการเคลื่อนไหวและความสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมด้วย ทีมวิจัยจาก Tongyi Lab ซึ่งเป็นหน่วยวิจัยและพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของ Alibaba Cloud ได้นำเสนอผลการศึกษานี้ใน arXiv ซึ่งเป็นแหล่งเก็บข้อมูลงานวิจัยแบบโอเพนซอร์ส

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ByteDance บริษัทเจ้าของ TikTok ก็เพิ่งเปิดตัวโมเดลมัลติโมดัลชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถเปลี่ยนภาพและเสียงให้เป็นวิดีโอที่ดูสมจริง การเปิดตัวโมเดลเหล่านี้ทำให้วงการสื่อและโฆษณามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนที่โมเดล Sora ยังไม่สามารถใช้งานได้

    เพื่อทดสอบวิธีการของ Animate Anyone 2 ในหลายสถานการณ์ ทีมวิจัยได้เก็บรวบรวมวิดีโอตัวละคร 100,000 คลิปจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงหลายประเภทของฉาก การกระทำ และการโต้ตอบระหว่างคนและวัตถุ อย่างไรก็ตาม การใช้โมเดลวีดีโอเจเนอเรชันเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงที่จะมีการแพร่กระจายวิดีโอ deepfake เพิ่มขึ้น

    Liang Haisheng ผู้เชี่ยวชาญด้านโฆษณาจากปักกิ่งกล่าวว่า แม้ว่าเครื่องมือสร้างวิดีโอเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการทำวิดีโอตัวอย่างเพื่อเสนอไอเดียให้กับลูกค้า แต่พวกมันยังขาดความสามารถในการแสดงอารมณ์และการแสดงหน้าที่ละเอียดอ่อนของมนุษย์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/21/alibaba-cloud-ai-model-animate-anyone-2-simplifies-making-of-lifelike-character-animation
    Alibaba Cloud ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านคลาวด์คอมพิวติ้งของ Alibaba Group ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ชื่อว่า Animate Anyone 2 โมเดลนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอนิเมชันตัวละครที่เสมือนจริงจากภาพนิ่งและวิดีโอเพียงหนึ่งคลิปได้อย่างง่ายดาย Animate Anyone 2 สามารถประมวลผลสัญญาณการเคลื่อนไหวและสัญญาณสิ่งแวดล้อมจากเนื้อหาที่เป็นแหล่งอ้างอิง เช่น วิดีโอต้นฉบับ เพื่อสร้างคลิปใหม่ที่มีความสมจริงสูง เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการสร้างแอนิเมชันตัวละครในอดีตที่ใช้เพียงสัญญาณการเคลื่อนไหวเท่านั้น โมเดลนี้ช่วยให้ตัวละครสามารถแสดงการเคลื่อนไหวที่สมจริงและประสานกับสิ่งแวดล้อมเดิมได้อย่างไม่มีสะดุด โมเดลนี้สร้างขึ้นจากเวอร์ชันแรกของ Animate Anyone ที่ประกาศเปิดตัวในปลายปี 2023 ซึ่งเน้นการสร้างวิดีโอตัวละครจากภาพนิ่ง หลังจากนั้น OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ก็ได้เปิดตัวโมเดล Sora ที่สามารถสร้างวิดีโอจากข้อความได้ ทำให้เกิดการแข่งขันในวงการเทคโนโลยี AI ของบริษัทใหญ่ในจีนและสตาร์ทอัพหลายแห่ง นอกจากนี้ Animate Anyone 2 ยังมีความสามารถในการสร้างการโต้ตอบระหว่างตัวละครโดยรักษาความสมเหตุสมผลของการเคลื่อนไหวและความสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมด้วย ทีมวิจัยจาก Tongyi Lab ซึ่งเป็นหน่วยวิจัยและพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของ Alibaba Cloud ได้นำเสนอผลการศึกษานี้ใน arXiv ซึ่งเป็นแหล่งเก็บข้อมูลงานวิจัยแบบโอเพนซอร์ส สิ่งที่น่าสนใจคือ ByteDance บริษัทเจ้าของ TikTok ก็เพิ่งเปิดตัวโมเดลมัลติโมดัลชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถเปลี่ยนภาพและเสียงให้เป็นวิดีโอที่ดูสมจริง การเปิดตัวโมเดลเหล่านี้ทำให้วงการสื่อและโฆษณามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนที่โมเดล Sora ยังไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อทดสอบวิธีการของ Animate Anyone 2 ในหลายสถานการณ์ ทีมวิจัยได้เก็บรวบรวมวิดีโอตัวละคร 100,000 คลิปจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงหลายประเภทของฉาก การกระทำ และการโต้ตอบระหว่างคนและวัตถุ อย่างไรก็ตาม การใช้โมเดลวีดีโอเจเนอเรชันเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงที่จะมีการแพร่กระจายวิดีโอ deepfake เพิ่มขึ้น Liang Haisheng ผู้เชี่ยวชาญด้านโฆษณาจากปักกิ่งกล่าวว่า แม้ว่าเครื่องมือสร้างวิดีโอเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการทำวิดีโอตัวอย่างเพื่อเสนอไอเดียให้กับลูกค้า แต่พวกมันยังขาดความสามารถในการแสดงอารมณ์และการแสดงหน้าที่ละเอียดอ่อนของมนุษย์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/21/alibaba-cloud-ai-model-animate-anyone-2-simplifies-making-of-lifelike-character-animation
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba Cloud AI model Animate Anyone 2 simplifies making of lifelike character animation
    China appears to have upped the ante in this field of generative AI, which is poised to disrupt the entertainment and advertising industries.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นเรื่องน่าปวดหัวจริงๆ ครับ สำหรับการสู้กันของอาจารย์และ AI เพื่อที่จะทดสอบลูกศิษย์ว่ามีความรู้จริงๆ หรือเปล่า

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย Minnesota ซึ่งนักศึกษาชื่อ Haishan Yang กำลังฟ้องร้องมหาวิทยาลัยหลังจากที่เขาถูกไล่ออกในปีที่แล้ว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเขียนเรียงความสำหรับการสอบ Yang อายุ 33 ปี เป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่สอง ขณะกำลังเดินทางไปประเทศโมร็อกโกในช่วงฤดูร้อนปี 2024 เขาได้ทำการสอบที่ต้องเขียนเรียงความ 3 ชิ้นภายในเวลา 8 ชั่วโมง

    ถึงแม้ว่า Yang จะได้รับอนุญาตให้ใช้บันทึก รายงาน และหนังสือได้ แต่เครื่องมือ AI ถูกห้ามใช้ ทุกคณะบัณฑิตที่ตรวจสอบข้อสอบของ Yang แสดงความกังวลว่าเรียงความไม่ใช่ผลงานของเขาเอง พวกเขาชี้ถึงคำตอบที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้ถูกสอนในชั้นเรียน รวมทั้งการใช้ตัวย่อที่ไม่ค่อยพบในสาขานี้ แต่ปรากฏในคำตอบที่ถูกสร้างขึ้นโดย ChatGPT เป็นประจำ

    นอกจากนี้ สองคณาจารย์ยังได้นำคำถามเรียงความไปให้ ChatGPT เพื่อเปรียบเทียบกับคำตอบของ Yang พบว่าการจัดรูปแบบ การใช้ภาษา และเนื้อหาเหมือนกันอย่างมาก ซึ่งศาสตราจารย์ Peter Huckfeldt ได้เขียนจดหมายถึงคณะกรรมการการพิจารณาว่า “ผมประหลาดใจในความคล้ายคลึงกันระหว่างสองสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปได้”

    Yang อ้างว่าเหตุนี้เกิดจากการที่ OpenAI ใช้แหล่งข้อมูลเดียวกันกับเขา และกล่าวว่าคณาจารย์อาจแก้ไขคำตอบของ ChatGPT เพื่อให้ดูเหมือนกับคำตอบของเขา นอกจากนี้ยังกล่าวถึงปัญหาวิธีการตรวจสอบการใช้ AI ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือและมีอคติ โดยเฉพาะกับคนที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรก

    Yang กล่าวถึงประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้ช่วยวิจัยที่ได้รับการตัดการสนับสนุนทางการเงินจากมหาวิทยาลัยเนื่องจากการแสดงความเห็นไม่ดี หลังจากที่เขาโต้แย้งและชนะคดี มหาวิทยาลัย

    ลุงรู้เรื่องปัญหาแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกเฉยๆ สำหรับนักเรียนในระดับ ม.ต้น - ป.ตรี แต่นี่มัน ป.เอกเลยนะ Yang คงต้องเข้าใจสิว่าเขาปล่อยผ่านไม่ได้ง่ายๆ ส่วนการพรูฟที่ดีที่สุดในความคิดของลุงคือคือการทดสอบแบบถามตอบปากเปล่านี่แหละ

    https://www.techspot.com/news/106881-university-minnesota-sued-student-who-ai-expulsion-part.html
    เป็นเรื่องน่าปวดหัวจริงๆ ครับ สำหรับการสู้กันของอาจารย์และ AI เพื่อที่จะทดสอบลูกศิษย์ว่ามีความรู้จริงๆ หรือเปล่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย Minnesota ซึ่งนักศึกษาชื่อ Haishan Yang กำลังฟ้องร้องมหาวิทยาลัยหลังจากที่เขาถูกไล่ออกในปีที่แล้ว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเขียนเรียงความสำหรับการสอบ Yang อายุ 33 ปี เป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่สอง ขณะกำลังเดินทางไปประเทศโมร็อกโกในช่วงฤดูร้อนปี 2024 เขาได้ทำการสอบที่ต้องเขียนเรียงความ 3 ชิ้นภายในเวลา 8 ชั่วโมง ถึงแม้ว่า Yang จะได้รับอนุญาตให้ใช้บันทึก รายงาน และหนังสือได้ แต่เครื่องมือ AI ถูกห้ามใช้ ทุกคณะบัณฑิตที่ตรวจสอบข้อสอบของ Yang แสดงความกังวลว่าเรียงความไม่ใช่ผลงานของเขาเอง พวกเขาชี้ถึงคำตอบที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้ถูกสอนในชั้นเรียน รวมทั้งการใช้ตัวย่อที่ไม่ค่อยพบในสาขานี้ แต่ปรากฏในคำตอบที่ถูกสร้างขึ้นโดย ChatGPT เป็นประจำ นอกจากนี้ สองคณาจารย์ยังได้นำคำถามเรียงความไปให้ ChatGPT เพื่อเปรียบเทียบกับคำตอบของ Yang พบว่าการจัดรูปแบบ การใช้ภาษา และเนื้อหาเหมือนกันอย่างมาก ซึ่งศาสตราจารย์ Peter Huckfeldt ได้เขียนจดหมายถึงคณะกรรมการการพิจารณาว่า “ผมประหลาดใจในความคล้ายคลึงกันระหว่างสองสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปได้” Yang อ้างว่าเหตุนี้เกิดจากการที่ OpenAI ใช้แหล่งข้อมูลเดียวกันกับเขา และกล่าวว่าคณาจารย์อาจแก้ไขคำตอบของ ChatGPT เพื่อให้ดูเหมือนกับคำตอบของเขา นอกจากนี้ยังกล่าวถึงปัญหาวิธีการตรวจสอบการใช้ AI ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือและมีอคติ โดยเฉพาะกับคนที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรก Yang กล่าวถึงประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้ช่วยวิจัยที่ได้รับการตัดการสนับสนุนทางการเงินจากมหาวิทยาลัยเนื่องจากการแสดงความเห็นไม่ดี หลังจากที่เขาโต้แย้งและชนะคดี มหาวิทยาลัย ลุงรู้เรื่องปัญหาแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกเฉยๆ สำหรับนักเรียนในระดับ ม.ต้น - ป.ตรี แต่นี่มัน ป.เอกเลยนะ Yang คงต้องเข้าใจสิว่าเขาปล่อยผ่านไม่ได้ง่ายๆ ส่วนการพรูฟที่ดีที่สุดในความคิดของลุงคือคือการทดสอบแบบถามตอบปากเปล่านี่แหละ https://www.techspot.com/news/106881-university-minnesota-sued-student-who-ai-expulsion-part.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    University of Minnesota sued by student who says AI expulsion was part of a conspiracy
    Haishan Yang was working toward his second PhD from the University of Minnesota when he was expelled last year. It's alleged that he used artificial intelligence tools...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดังของจีนวางแผนที่จะเผยแพร่โค้ดและข้อมูลสำคัญต่อสาธารณชนตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการแบ่งปันเทคโนโลยีหลักมากกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAIสตาร์ทอัพอายุ 20 เดือนรายนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซิลิคอนวัลเลย์ด้วยความซับซ้อนของโมเดล AI เมื่อเดือนที่แล้ว วางแผนที่จะเผยแพร่คลังโค้ดของตนให้กับนักพัฒนาและนักวิจัยทุกคน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและสร้างหรือปรับปรุงโค้ดเบื้องหลัง R1 หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับได้ โดยบริษัทได้ระบุไว้ในโพสต์บน Xhttps://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-21/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step?srnd=homepage-asia
    DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดังของจีนวางแผนที่จะเผยแพร่โค้ดและข้อมูลสำคัญต่อสาธารณชนตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการแบ่งปันเทคโนโลยีหลักมากกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAIสตาร์ทอัพอายุ 20 เดือนรายนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซิลิคอนวัลเลย์ด้วยความซับซ้อนของโมเดล AI เมื่อเดือนที่แล้ว วางแผนที่จะเผยแพร่คลังโค้ดของตนให้กับนักพัฒนาและนักวิจัยทุกคน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและสร้างหรือปรับปรุงโค้ดเบื้องหลัง R1 หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับได้ โดยบริษัทได้ระบุไว้ในโพสต์บน Xhttps://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-21/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step?srnd=homepage-asia
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta ซึ่งกำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องกลุ่มในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ได้ถูกกล่าวหาว่าดาวน์โหลดหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 82TB จากเว็บไซต์เงาเช่น Anna’s Archive, Z-Library, และ LibGen เพื่อฝึก AI ของตน ข้อมูลจากเอกสารศาลระบุว่า Meta ทำการฝึก AI ของตนโดยใช้ข้อมูลที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากเว็บไซต์เหล่านี้

    การเปิดเผยข้อมูลภายในองค์กรระบุว่า มีพนักงานบางคนที่แสดงความกังวลในเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2022 หนึ่งในนั้นได้กล่าวว่า "เราไม่ควรใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์" ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า "การใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์ควรจะเกินกว่าขอบเขตทางจริยธรรมของเรา"

    ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเหล่านี้ Meta ก็ยังดำเนินการต่อไปและพยายามปิดบังการกระทำดังกล่าว ในเดือนเมษายน 2023 พนักงานคนหนึ่งเตือนว่าไม่ควรใช้ที่อยู่ IP ขององค์กรในการเข้าถึงเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า "การดาวน์โหลดไฟล์ Torrent จากคอมพิวเตอร์องค์กรรู้สึกไม่เหมาะสม" พร้อมกับใส่สัญลักษณ์หัวเราะ

    มีรายงานเพิ่มเติมว่าในเดือนมกราคม 2023 มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้เข้าร่วมการประชุมที่แสดงความต้องการที่จะนำ AI มาใช้ในบริษัทถึงแม้ว่าจะมีข้อคัดค้านภายใน

    นอกจากนี้ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายในเรื่องการฝึก AI OpenAI ก็ถูกฟ้องร้องหลายครั้งเนื่องจากการใช้หนังสือที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นเดียวกับ Nvidia ที่ถูกตรวจสอบเรื่องการฝึกโมเดล NeMo ของตนด้วยหนังสือเกือบ 200,000 เล่ม และการรวบรวมวิดีโอมากกว่า 426,000 ชั่วโมงต่อวันเพื่อการพัฒนา AI

    https://www.techradar.com/pro/meta-purportedly-trained-its-ai-on-more-than-80tb-of-pirated-content-and-then-open-sourced-llama-for-the-greater-good
    Meta ซึ่งกำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องกลุ่มในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ได้ถูกกล่าวหาว่าดาวน์โหลดหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 82TB จากเว็บไซต์เงาเช่น Anna’s Archive, Z-Library, และ LibGen เพื่อฝึก AI ของตน ข้อมูลจากเอกสารศาลระบุว่า Meta ทำการฝึก AI ของตนโดยใช้ข้อมูลที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากเว็บไซต์เหล่านี้ การเปิดเผยข้อมูลภายในองค์กรระบุว่า มีพนักงานบางคนที่แสดงความกังวลในเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2022 หนึ่งในนั้นได้กล่าวว่า "เราไม่ควรใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์" ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า "การใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์ควรจะเกินกว่าขอบเขตทางจริยธรรมของเรา" ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเหล่านี้ Meta ก็ยังดำเนินการต่อไปและพยายามปิดบังการกระทำดังกล่าว ในเดือนเมษายน 2023 พนักงานคนหนึ่งเตือนว่าไม่ควรใช้ที่อยู่ IP ขององค์กรในการเข้าถึงเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า "การดาวน์โหลดไฟล์ Torrent จากคอมพิวเตอร์องค์กรรู้สึกไม่เหมาะสม" พร้อมกับใส่สัญลักษณ์หัวเราะ มีรายงานเพิ่มเติมว่าในเดือนมกราคม 2023 มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้เข้าร่วมการประชุมที่แสดงความต้องการที่จะนำ AI มาใช้ในบริษัทถึงแม้ว่าจะมีข้อคัดค้านภายใน นอกจากนี้ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายในเรื่องการฝึก AI OpenAI ก็ถูกฟ้องร้องหลายครั้งเนื่องจากการใช้หนังสือที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นเดียวกับ Nvidia ที่ถูกตรวจสอบเรื่องการฝึกโมเดล NeMo ของตนด้วยหนังสือเกือบ 200,000 เล่ม และการรวบรวมวิดีโอมากกว่า 426,000 ชั่วโมงต่อวันเพื่อการพัฒนา AI https://www.techradar.com/pro/meta-purportedly-trained-its-ai-on-more-than-80tb-of-pirated-content-and-then-open-sourced-llama-for-the-greater-good
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงเวลานี้ AI กำลังเป็นปัจจัยที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงวงการการจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) อย่างมาก จากข้อมูลของผู้บริหารระดับสูงจาก Microsoft การใช้ AI ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดอุปสรรคในการแข่งขันกับธนาคารที่มีอยู่เดิม

    รายละเอียดที่น่าสนใจ
    - ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: Martin Moeller หัวหน้าแผนก AI & GenAI สำหรับบริการทางการเงินของ EMEA ที่ Microsoft กล่าวถึงความสามารถของ AI ในการลดต้นทุนการดำเนินงาน และการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว เช่น Klarna ผู้ให้บริการชำระเงินของสวีเดนได้ใช้ AI จาก OpenAI มาตั้งแต่ต้นปี 2024 และช่วยทำงานแทนพนักงานถึง 700 คน
    - ความสามารถในการแข่งขัน: AI มีความสามารถในการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการใหม่เข้าสู่ตลาดการเงินได้ง่ายขึ้น เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตเมื่อหลายสิบปีก่อน
    - การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้า: AI ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการจัดการการลงทุนด้วยตัวเอง ทำให้ธนาคารหลายแห่งต้องพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ AI เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง
    - อนาคตของ AI ในการจัดการความมั่งคั่ง: แม้ว่าในปัจจุบัน AI ยังไม่สามารถให้คำแนะนำในการลงทุนได้โดยตรง แต่ในอนาคตที่ไม่ไกล เราจะได้เห็นการพัฒนาของ "Agentic AI" ที่สามารถตัดสินใจโดยอิสระโดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีในอีกประมาณสองปีข้างหน้า

    สรุปภาพรวม AI กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการความมั่งคั่ง ซึ่งมีศักยภาพในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการและธนาคาร นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าติดตามในวงการการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/14/ai-to-transform-wealth-management-microsoft-executive-says
    ในช่วงเวลานี้ AI กำลังเป็นปัจจัยที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงวงการการจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) อย่างมาก จากข้อมูลของผู้บริหารระดับสูงจาก Microsoft การใช้ AI ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดอุปสรรคในการแข่งขันกับธนาคารที่มีอยู่เดิม รายละเอียดที่น่าสนใจ - ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: Martin Moeller หัวหน้าแผนก AI & GenAI สำหรับบริการทางการเงินของ EMEA ที่ Microsoft กล่าวถึงความสามารถของ AI ในการลดต้นทุนการดำเนินงาน และการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว เช่น Klarna ผู้ให้บริการชำระเงินของสวีเดนได้ใช้ AI จาก OpenAI มาตั้งแต่ต้นปี 2024 และช่วยทำงานแทนพนักงานถึง 700 คน - ความสามารถในการแข่งขัน: AI มีความสามารถในการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการใหม่เข้าสู่ตลาดการเงินได้ง่ายขึ้น เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตเมื่อหลายสิบปีก่อน - การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้า: AI ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการจัดการการลงทุนด้วยตัวเอง ทำให้ธนาคารหลายแห่งต้องพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ AI เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง - อนาคตของ AI ในการจัดการความมั่งคั่ง: แม้ว่าในปัจจุบัน AI ยังไม่สามารถให้คำแนะนำในการลงทุนได้โดยตรง แต่ในอนาคตที่ไม่ไกล เราจะได้เห็นการพัฒนาของ "Agentic AI" ที่สามารถตัดสินใจโดยอิสระโดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีในอีกประมาณสองปีข้างหน้า สรุปภาพรวม AI กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการความมั่งคั่ง ซึ่งมีศักยภาพในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการและธนาคาร นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าติดตามในวงการการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/14/ai-to-transform-wealth-management-microsoft-executive-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI to transform wealth management, Microsoft executive says
    ZURICH (Reuters) - Artificial intelligence will bring major upheaval to wealth management, a Microsoft executive said, as the technology's potential to process information vastly reduces the hurdles required to compete with established banks.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเกี่ยวกับการหารายได้เสริมด้วย Operator ของ OpenAI ในยุคที่ AI กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก OpenAI ได้เปิดตัว Operator ซึ่งเป็น AI ที่สามารถทำงานบนเว็บได้ ตั้งแต่การกรอกฟอร์มไปจนถึงการสั่งของชำ โดยมีค่าใช้จ่ายเดือนละ $200 ซึ่งมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา

    Operator คือเอเจนต์ AI ที่พัฒนาโดย OpenAI ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานต่างๆ บนเว็บ เช่น กรอกฟอร์ม สั่งของชำ และทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้เบราว์เซอร์โดยการคลิก พิมพ์ และเลื่อนหน้าเว็บ เหมือนที่มนุษย์ทำได้ โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Computer Using Agent (CUA) ร่วมกับความสามารถในการวิเคราะห์ขั้นสูงของ GPT-4 ซึ่งทำให้ Operator เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้

    คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Operator
    - ช่วยประหยัดเวลา: Operator สามารถทำงานซ้ำๆ ที่ใช้เวลานานแทนเราได้ เช่น การหาข้อมูลสินค้าใน Amazon และการทำวิจัยผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้เรามีเวลามากขึ้นสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
    - การทำงานที่หลากหลาย: นอกจากจะช่วยในการซื้อของหรือทำงานพื้นฐานแล้ว Operator ยังสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ด้วย เช่น การสร้างมีม หรือการทำตลาดด้วยการส่งข้อความส่วนตัวไปยังลูกค้าผ่าน LinkedIn
    - การรวมศูนย์ข้อมูล: Operator สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ทุกอย่างอยู่ในที่เดียว ไม่ต้องใช้แอปหลายๆ ตัว

    โอกาสในการหารายได้เสริม
    - บริการอัตโนมัติด้วย AI: นำเสนอการบริการที่ช่วยทำงานซ้ำๆ ให้กับธุรกิจต่างๆ เช่น การกรอกข้อมูล การตอบอีเมล หรือการให้บริการลูกค้า
    - การสร้างโอกาสทางการขายและการตลาด: ใช้ Operator เพื่อส่งข้อความส่วนตัวถึงลูกค้าหรือผู้สนใจใน LinkedIn
    - การค้าออนไลน์: ใช้ Operator เพื่ออัปเดตและเพิ่มประสิทธิภาพของการลงขายสินค้าใน eBay, Amazon หรือ Shopify

    ข้อดีและข้อเสียของ Operator
    - ข้อดี: ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานหรือผู้พัฒนาเครื่องมือ
    - ข้อเสีย: บางครั้ง AI อาจทำงานผิดพลาดหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และต้องรอการยืนยันจากผู้ใช้

    ดังนั้น, Operator ของ OpenAI นับเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการหารายได้เสริมได้อย่างมาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน

    https://www.zdnet.com/article/3-genius-side-hustles-you-can-start-with-openais-operator-right-now/
    ข่าวเกี่ยวกับการหารายได้เสริมด้วย Operator ของ OpenAI ในยุคที่ AI กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก OpenAI ได้เปิดตัว Operator ซึ่งเป็น AI ที่สามารถทำงานบนเว็บได้ ตั้งแต่การกรอกฟอร์มไปจนถึงการสั่งของชำ โดยมีค่าใช้จ่ายเดือนละ $200 ซึ่งมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา Operator คือเอเจนต์ AI ที่พัฒนาโดย OpenAI ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานต่างๆ บนเว็บ เช่น กรอกฟอร์ม สั่งของชำ และทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้เบราว์เซอร์โดยการคลิก พิมพ์ และเลื่อนหน้าเว็บ เหมือนที่มนุษย์ทำได้ โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Computer Using Agent (CUA) ร่วมกับความสามารถในการวิเคราะห์ขั้นสูงของ GPT-4 ซึ่งทำให้ Operator เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้ คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Operator - ช่วยประหยัดเวลา: Operator สามารถทำงานซ้ำๆ ที่ใช้เวลานานแทนเราได้ เช่น การหาข้อมูลสินค้าใน Amazon และการทำวิจัยผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้เรามีเวลามากขึ้นสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ - การทำงานที่หลากหลาย: นอกจากจะช่วยในการซื้อของหรือทำงานพื้นฐานแล้ว Operator ยังสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ด้วย เช่น การสร้างมีม หรือการทำตลาดด้วยการส่งข้อความส่วนตัวไปยังลูกค้าผ่าน LinkedIn - การรวมศูนย์ข้อมูล: Operator สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ทุกอย่างอยู่ในที่เดียว ไม่ต้องใช้แอปหลายๆ ตัว โอกาสในการหารายได้เสริม - บริการอัตโนมัติด้วย AI: นำเสนอการบริการที่ช่วยทำงานซ้ำๆ ให้กับธุรกิจต่างๆ เช่น การกรอกข้อมูล การตอบอีเมล หรือการให้บริการลูกค้า - การสร้างโอกาสทางการขายและการตลาด: ใช้ Operator เพื่อส่งข้อความส่วนตัวถึงลูกค้าหรือผู้สนใจใน LinkedIn - การค้าออนไลน์: ใช้ Operator เพื่ออัปเดตและเพิ่มประสิทธิภาพของการลงขายสินค้าใน eBay, Amazon หรือ Shopify ข้อดีและข้อเสียของ Operator - ข้อดี: ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานหรือผู้พัฒนาเครื่องมือ - ข้อเสีย: บางครั้ง AI อาจทำงานผิดพลาดหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และต้องรอการยืนยันจากผู้ใช้ ดังนั้น, Operator ของ OpenAI นับเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการหารายได้เสริมได้อย่างมาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน https://www.zdnet.com/article/3-genius-side-hustles-you-can-start-with-openais-operator-right-now/
    WWW.ZDNET.COM
    3 genius side hustles you can start with OpenAI's Operator right now
    I tested Operator to see if it's worth $200 a month. Here's what I found (and why I kept my subscription).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการรายงานว่าเด็กที่ถูกใช้ในทางไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น 12% จากปี 2022 ถึง 2023 ข้อมูลจากศูนย์แห่งชาติเพื่อเด็กที่สูญหายและถูกใช้ในทางที่ผิดแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในด้านนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น Alphabet Inc, OpenAI, Roblox Cor. และ Discord ได้ร่วมกันสร้างโครงการใหม่ชื่อว่า "ROOST" ที่รวบรวมเงินได้กว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 120.71 ล้านบาท) เพื่อสร้างเครื่องมือโอเพนซอร์ซสำหรับการปรับปรุงความปลอดภัยของเด็กออนไลน์

    โครงการ ROOST มีเป้าหมายที่จะเร่งการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของเด็กออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และทำให้เทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับความปลอดภัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/13/roblox-joins-tech-companies-in-new-fund-to-protect-kids-online
    เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการรายงานว่าเด็กที่ถูกใช้ในทางไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น 12% จากปี 2022 ถึง 2023 ข้อมูลจากศูนย์แห่งชาติเพื่อเด็กที่สูญหายและถูกใช้ในทางที่ผิดแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในด้านนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น Alphabet Inc, OpenAI, Roblox Cor. และ Discord ได้ร่วมกันสร้างโครงการใหม่ชื่อว่า "ROOST" ที่รวบรวมเงินได้กว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 120.71 ล้านบาท) เพื่อสร้างเครื่องมือโอเพนซอร์ซสำหรับการปรับปรุงความปลอดภัยของเด็กออนไลน์ โครงการ ROOST มีเป้าหมายที่จะเร่งการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของเด็กออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และทำให้เทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับความปลอดภัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/13/roblox-joins-tech-companies-in-new-fund-to-protect-kids-online
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Roblox joins tech companies in new fund to protect kids online
    Experts in child safety, open-source technology and countering violent extremism are contributing to the effort.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก
    .
    ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้
    .
    BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ
    .
    ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น
    .
    เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12)
    .
    BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง
    .
    ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ
    .
    การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน
    .
    เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown
    .
    นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง
    .
    ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11)
    .
    งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส”
    .
    ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร
    .
    ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms
    .
    ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA
    .
    ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน
    .
    เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว
    .
    ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306
    ..............
    Sondhi X
    เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก . ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ . BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ . ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น . เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12) . BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง . ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ . การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน . เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown . นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ . “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง . ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11) . งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส” . ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร . ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms . ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA . ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน . เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว . ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2325 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ มีคำตัดสินที่สำคัญในวงการเทคโนโลยีและกฎหมายที่มีผลกระทบใหญ่ในอนาคต คำตัดสินนี้เป็นกรณีแรกที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกา โดยศาลรัฐบาลกลางในเดลาแวร์ได้ตัดสินให้ Thomson Reuters ชนะคดีที่ฟ้องร้อง Ross Intelligence ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลการวิจัยกฎหมายของ Thomson Reuters ชื่อว่า Westlaw เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ด้านกฎหมายที่เป็นคู่แข่งกัน

    ศาลปฏิเสธข้ออ้างการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) ของ Ross Intelligence ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่บริษัท AI มักใช้ในการโต้เถียงเรื่องลิขสิทธิ์ โดยผู้พิพากษา Stephanos Bibas กล่าวในคำตัดสินว่า "ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆ ของ Ross ที่สมเหตุสมผล ผมปฏิเสธทั้งหมด"

    คดีนี้เน้นไปที่ AI ที่ไม่ได้สร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลเดิม เช่น โมเดลภาษาใหญ่ (large language models) แต่ใช้ข้อมูลโดยตรงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นคู่แข่ง คำตัดสินนี้อาจมีผลกระทบที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม AI และอาจทำให้การโต้เถียงเรื่องการใช้งานที่เป็นธรรมยากขึ้นสำหรับบริษัทที่กำลังพัฒนาระบบ AI อื่นๆ เช่น OpenAI, Microsoft และ Meta Platforms

    การตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาลิขสิทธิ์ในยุคที่ AI มีบทบาทมากขึ้น และทำให้เราเห็นว่าศาลยังคงเคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์

    https://www.techspot.com/news/106738-federal-judge-rules-against-ai-company-major-copyright.html
    เมื่อไม่นานมานี้ มีคำตัดสินที่สำคัญในวงการเทคโนโลยีและกฎหมายที่มีผลกระทบใหญ่ในอนาคต คำตัดสินนี้เป็นกรณีแรกที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกา โดยศาลรัฐบาลกลางในเดลาแวร์ได้ตัดสินให้ Thomson Reuters ชนะคดีที่ฟ้องร้อง Ross Intelligence ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลการวิจัยกฎหมายของ Thomson Reuters ชื่อว่า Westlaw เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ด้านกฎหมายที่เป็นคู่แข่งกัน ศาลปฏิเสธข้ออ้างการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) ของ Ross Intelligence ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่บริษัท AI มักใช้ในการโต้เถียงเรื่องลิขสิทธิ์ โดยผู้พิพากษา Stephanos Bibas กล่าวในคำตัดสินว่า "ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆ ของ Ross ที่สมเหตุสมผล ผมปฏิเสธทั้งหมด" คดีนี้เน้นไปที่ AI ที่ไม่ได้สร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลเดิม เช่น โมเดลภาษาใหญ่ (large language models) แต่ใช้ข้อมูลโดยตรงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นคู่แข่ง คำตัดสินนี้อาจมีผลกระทบที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม AI และอาจทำให้การโต้เถียงเรื่องการใช้งานที่เป็นธรรมยากขึ้นสำหรับบริษัทที่กำลังพัฒนาระบบ AI อื่นๆ เช่น OpenAI, Microsoft และ Meta Platforms การตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาลิขสิทธิ์ในยุคที่ AI มีบทบาทมากขึ้น และทำให้เราเห็นว่าศาลยังคงเคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ https://www.techspot.com/news/106738-federal-judge-rules-against-ai-company-major-copyright.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Federal judge delivers first major AI copyright ruling against startup
    The case, filed in 2020, accused Ross Intelligence of reproducing materials from Thomson Reuters' Westlaw legal research database to build a competing AI-powered legal platform. Judge Bibas...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • Adobe ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างคลิปวิดีโอ? ซึ่งเครื่องมือนี้มีชื่อว่า "Firefly Video Model" และมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Sora จาก OpenAI และอีกหลายๆ บริษัทที่ให้บริการสร้างวิดีโอด้วย AI เช่น Runway และ Meta ที่กำลังพัฒนาโมเดลวิดีโอ AI ของตนเอง

    ข้อดีของ Firefly Video Model คือสามารถสร้างคลิปวิดีโอที่มีความละเอียดสูงถึง 1080p ภายใน 5 วินาที ซึ่งถึงแม้ว่าคลิปที่สร้างจาก OpenAI จะยาวได้ถึง 20 วินาที แต่คลิปที่สร้างจาก Firefly จะเน้นคุณภาพที่ดีมากกว่า โดย Adobe ระบุว่าการสร้างคลิปที่มีความยาวสั้นแต่มีคุณภาพดีจะดีกว่าการสร้างคลิปยาวแต่ไม่มีคุณภาพ

    สำหรับการกำหนดราคาของ Firefly Video Model นั้นผู้ใช้สามารถสร้างคลิป 20 คลิปต่อเดือนในราคา $9.99 และ 70 คลิปในราคา $29.99 ซึ่งเทียบกับ OpenAI ที่มีราคาเริ่มต้นที่ $20 ต่อเดือน สำหรับ 50 วิดีโอ แต่ในความละเอียดต่ำกว่า และมีแพลนราคาสูงสุด $200 สำหรับวิดีโอที่มีความยาวและความละเอียดสูง

    ยังมีแผนราคาสำหรับผู้ใช้ระดับสูงหรือสตูดิโอที่กำลังพัฒนาอยู่ และคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดราคาภายในปีนี้ Alexandru Costin รองประธานฝ่าย Generative AI ของ Adobe กล่าวว่าบริษัทกำลังพัฒนาวิดีโอ 4K โดยเน้นคุณภาพของการเคลื่อนไหวและการสร้างคลิปที่ดูสมจริงมากกว่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/12/adobe-launches-ai-video-tool-to-compete-with-openai
    Adobe ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างคลิปวิดีโอ? ซึ่งเครื่องมือนี้มีชื่อว่า "Firefly Video Model" และมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Sora จาก OpenAI และอีกหลายๆ บริษัทที่ให้บริการสร้างวิดีโอด้วย AI เช่น Runway และ Meta ที่กำลังพัฒนาโมเดลวิดีโอ AI ของตนเอง ข้อดีของ Firefly Video Model คือสามารถสร้างคลิปวิดีโอที่มีความละเอียดสูงถึง 1080p ภายใน 5 วินาที ซึ่งถึงแม้ว่าคลิปที่สร้างจาก OpenAI จะยาวได้ถึง 20 วินาที แต่คลิปที่สร้างจาก Firefly จะเน้นคุณภาพที่ดีมากกว่า โดย Adobe ระบุว่าการสร้างคลิปที่มีความยาวสั้นแต่มีคุณภาพดีจะดีกว่าการสร้างคลิปยาวแต่ไม่มีคุณภาพ สำหรับการกำหนดราคาของ Firefly Video Model นั้นผู้ใช้สามารถสร้างคลิป 20 คลิปต่อเดือนในราคา $9.99 และ 70 คลิปในราคา $29.99 ซึ่งเทียบกับ OpenAI ที่มีราคาเริ่มต้นที่ $20 ต่อเดือน สำหรับ 50 วิดีโอ แต่ในความละเอียดต่ำกว่า และมีแพลนราคาสูงสุด $200 สำหรับวิดีโอที่มีความยาวและความละเอียดสูง ยังมีแผนราคาสำหรับผู้ใช้ระดับสูงหรือสตูดิโอที่กำลังพัฒนาอยู่ และคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดราคาภายในปีนี้ Alexandru Costin รองประธานฝ่าย Generative AI ของ Adobe กล่าวว่าบริษัทกำลังพัฒนาวิดีโอ 4K โดยเน้นคุณภาพของการเคลื่อนไหวและการสร้างคลิปที่ดูสมจริงมากกว่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/12/adobe-launches-ai-video-tool-to-compete-with-openai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Adobe launches AI video tool to compete with OpenAI
    (Reuters) - Adobe on Wednesday released the first public version of an artificial intelligence tool that can generate video clips and revealed how much it will charge, but said it will not set pricing for major users such as studios until later this year.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้ไหมว่าบริษัทที่เป็นผู้ชนะในสงคราม AI ที่แท้จริงไม่ใช่ OpenAI, Meta, Google หรือแม้แต่ DeepSeek? บริษัทที่ทำเงินจาก AI ได้มหาศาลแต่แทบไม่มีคนพูดถึงกลับเป็น Reddit!

    เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? การที่ AI ต้องการข้อมูลที่มาจากการสนทนาจริง ๆ ของมนุษย์เพื่อฝึกฝนตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และ Reddit มีชุดข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกที่มีการสนทนาจริง ๆ ของมนุษย์ ดังนั้นเมื่อ AI ต้องการเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์และต้องการข้อมูลที่เป็นธรรมชาติ Reddit จึงกลายเป็นแหล่งที่มีค่ามาก

    ในเดือนพฤษภาคม 2024 Reddit ได้เซ็นสัญญาขายสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลให้กับ OpenAI ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้ไตรมาสแรกที่มีกำไรในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ด้วยการเติบโตของรายได้ถึง 68% โดยมีรายได้ 348.4 ล้านดอลลาร์และมีกำไรสุทธิ 29.9 ล้านดอลลาร์ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Reddit เพิ่มขึ้นถึง 236%

    การเติบโตของรายได้นี้มาจากการโฆษณาและการให้สิทธิ์การใช้ข้อมูล AI ที่จ่ายราคาแพงเพื่อใช้ข้อมูลของ Reddit อย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ Reddit กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่

    โดยที่แพลตฟอร์ม Reddit มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนที่มีการใช้งานจริงจาก 430 ล้านคนในปี 2019 เป็น 1.21 พันล้านคนในปลายปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการเชื่อมต่อมนุษย์ที่แท้จริงและไม่ถูกบังคับโดยอัลกอริทึม

    https://www.zdnet.com/article/the-billion-dollar-ai-company-no-one-is-talking-about-why-you-should-care/
    รู้ไหมว่าบริษัทที่เป็นผู้ชนะในสงคราม AI ที่แท้จริงไม่ใช่ OpenAI, Meta, Google หรือแม้แต่ DeepSeek? บริษัทที่ทำเงินจาก AI ได้มหาศาลแต่แทบไม่มีคนพูดถึงกลับเป็น Reddit! เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? การที่ AI ต้องการข้อมูลที่มาจากการสนทนาจริง ๆ ของมนุษย์เพื่อฝึกฝนตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และ Reddit มีชุดข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกที่มีการสนทนาจริง ๆ ของมนุษย์ ดังนั้นเมื่อ AI ต้องการเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์และต้องการข้อมูลที่เป็นธรรมชาติ Reddit จึงกลายเป็นแหล่งที่มีค่ามาก ในเดือนพฤษภาคม 2024 Reddit ได้เซ็นสัญญาขายสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลให้กับ OpenAI ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้ไตรมาสแรกที่มีกำไรในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ด้วยการเติบโตของรายได้ถึง 68% โดยมีรายได้ 348.4 ล้านดอลลาร์และมีกำไรสุทธิ 29.9 ล้านดอลลาร์ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Reddit เพิ่มขึ้นถึง 236% การเติบโตของรายได้นี้มาจากการโฆษณาและการให้สิทธิ์การใช้ข้อมูล AI ที่จ่ายราคาแพงเพื่อใช้ข้อมูลของ Reddit อย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ Reddit กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ โดยที่แพลตฟอร์ม Reddit มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนที่มีการใช้งานจริงจาก 430 ล้านคนในปี 2019 เป็น 1.21 พันล้านคนในปลายปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการเชื่อมต่อมนุษย์ที่แท้จริงและไม่ถูกบังคับโดยอัลกอริทึม https://www.zdnet.com/article/the-billion-dollar-ai-company-no-one-is-talking-about-why-you-should-care/
    WWW.ZDNET.COM
    The billion-dollar AI company no one is talking about - and why you should care
    While AI giants burn cash, one company quietly makes billions without the hype. Here's why every business should take note.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI และ Broadcom กำลังร่วมมือกันพัฒนาหน่วยประมวลผล AI ที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลการออกแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และจะส่งให้กับ TSMC เพื่อผลิต โดยมีเป้าหมายในการผลิตขนาดใหญ่ในปี 2026 นี่เป็นการดำเนินการที่ OpenAI ทำเพื่อตอบสนองต่อคู่แข่งอย่าง Google, Meta, และ Microsoft ที่มีหน่วยประมวลผล AI ของตัวเอง

    หน่วยประมวลผลนี้จะใช้การออกแบบที่เรียกว่า systolic array ซึ่งมีโครงสร้างเป็นตารางขององค์ประกอบการประมวลผลที่จัดเรียงกันเป็นแถวและคอลัมน์ เพื่อให้ข้อมูลไหลผ่านในลักษณะเหมือนกระบวนการสืบทอด (pipelining) และใช้หน่วยความจำ HBM อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า OpenAI จะใช้ HBM3E หรือ HBM4

    การพัฒนาหน่วยประมวลผล AI โดยเฉพาะเป็นกระบวนการที่ใช้ทุนสูง แต่หากประสบความสำเร็จ จะช่วยลดต้นทุนการทำงานของ AI และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานและตลาดโดยรวม ปัจจุบัน ความต้องการหน่วยประมวลผล AI ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทใหญ่ต่างๆ ต้องการหน่วยประมวลผลจำนวนมากในการฝึกและรันโมเดล AI ที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-and-broadcom-to-finalize-custom-ai-processor-in-the-coming-months-say-industry-sources
    OpenAI และ Broadcom กำลังร่วมมือกันพัฒนาหน่วยประมวลผล AI ที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลการออกแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และจะส่งให้กับ TSMC เพื่อผลิต โดยมีเป้าหมายในการผลิตขนาดใหญ่ในปี 2026 นี่เป็นการดำเนินการที่ OpenAI ทำเพื่อตอบสนองต่อคู่แข่งอย่าง Google, Meta, และ Microsoft ที่มีหน่วยประมวลผล AI ของตัวเอง หน่วยประมวลผลนี้จะใช้การออกแบบที่เรียกว่า systolic array ซึ่งมีโครงสร้างเป็นตารางขององค์ประกอบการประมวลผลที่จัดเรียงกันเป็นแถวและคอลัมน์ เพื่อให้ข้อมูลไหลผ่านในลักษณะเหมือนกระบวนการสืบทอด (pipelining) และใช้หน่วยความจำ HBM อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า OpenAI จะใช้ HBM3E หรือ HBM4 การพัฒนาหน่วยประมวลผล AI โดยเฉพาะเป็นกระบวนการที่ใช้ทุนสูง แต่หากประสบความสำเร็จ จะช่วยลดต้นทุนการทำงานของ AI และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานและตลาดโดยรวม ปัจจุบัน ความต้องการหน่วยประมวลผล AI ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทใหญ่ต่างๆ ต้องการหน่วยประมวลผลจำนวนมากในการฝึกและรันโมเดล AI ที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-and-broadcom-to-finalize-custom-ai-processor-in-the-coming-months-say-industry-sources
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้พูดถึงการพัฒนาล่าสุดของ Cerebras Systems โดยเฉพาะการเปิดตัว DeepSeek R1 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาใหญ่ที่ลดต้นทุนการฝึกโมเดลถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับโมเดลที่มีอยู่ในตลาดเช่น OpenAI's GPTo1 ทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น

    Andrew Feldman CEO ของ Cerebras อธิบายว่า ความเร็วของระบบ CS-3 ของบริษัทสามารถรัน DeepSeek ได้เร็วกว่าบริษัทอื่น ๆ ถึง 57 เท่า โดยที่ AI โมเดลอื่นอย่าง OpenAI GPTo1 ใช้เวลานานกว่า 22 วินาทีในการทำงานเดียวกันในขณะที่ DeepSeek ที่รันบน Cerebras ใช้เวลาเพียง 1.5 วินาทีเท่านั้น ความเร็วนี้เป็นผลมาจากการใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก WSE-3 ของบริษัท

    นอกจากนี้ Cerebras ยังเน้นย้ำว่าความสำเร็จของ DeepSeek เป็นชัยชนะใหญ่สำหรับ AI ที่โอเพนซอร์ส เนื่องจากทำให้การพัฒนาโมเดลที่ก้าวหน้าโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่เป็นไปได้ง่ายขึ้น

    นอกเหนือจากประเด็นเทคโนโลยีแล้ว Feldman ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการลดต้นทุนการคำนวณ ซึ่งทำให้ตลาดของ AI ขยายตัวอย่างมาก ทุกครั้งที่ต้นทุนลดลง ตลาดจะใหญ่ขึ้น อย่างเช่นการลดราคาของคอมพิวเตอร์ x86 ที่ทำให้ขายได้มากขึ้นและถูกใช้งานมากขึ้น

    สำหรับอนาคต Feldman คาดการณ์ว่าจะมีการสร้างระบบ AI ที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

    เปรียบเทียบเหมือนกับที่คุณมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องในบ้าน เช่น โทรศัพท์มือถือ ทีวี เครื่องซักผ้า ฯลฯ การลดต้นทุนการคำนวณจะทำให้ AI แพร่หลายยิ่งขึ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานที่ไม่สามารถทำได้มาก่อน

    https://www.zdnet.com/article/cerebras-ceo-on-deepseek-every-time-computing-gets-cheaper-the-market-gets-bigger/
    บทความนี้พูดถึงการพัฒนาล่าสุดของ Cerebras Systems โดยเฉพาะการเปิดตัว DeepSeek R1 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาใหญ่ที่ลดต้นทุนการฝึกโมเดลถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับโมเดลที่มีอยู่ในตลาดเช่น OpenAI's GPTo1 ทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น Andrew Feldman CEO ของ Cerebras อธิบายว่า ความเร็วของระบบ CS-3 ของบริษัทสามารถรัน DeepSeek ได้เร็วกว่าบริษัทอื่น ๆ ถึง 57 เท่า โดยที่ AI โมเดลอื่นอย่าง OpenAI GPTo1 ใช้เวลานานกว่า 22 วินาทีในการทำงานเดียวกันในขณะที่ DeepSeek ที่รันบน Cerebras ใช้เวลาเพียง 1.5 วินาทีเท่านั้น ความเร็วนี้เป็นผลมาจากการใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก WSE-3 ของบริษัท นอกจากนี้ Cerebras ยังเน้นย้ำว่าความสำเร็จของ DeepSeek เป็นชัยชนะใหญ่สำหรับ AI ที่โอเพนซอร์ส เนื่องจากทำให้การพัฒนาโมเดลที่ก้าวหน้าโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่เป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกเหนือจากประเด็นเทคโนโลยีแล้ว Feldman ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการลดต้นทุนการคำนวณ ซึ่งทำให้ตลาดของ AI ขยายตัวอย่างมาก ทุกครั้งที่ต้นทุนลดลง ตลาดจะใหญ่ขึ้น อย่างเช่นการลดราคาของคอมพิวเตอร์ x86 ที่ทำให้ขายได้มากขึ้นและถูกใช้งานมากขึ้น สำหรับอนาคต Feldman คาดการณ์ว่าจะมีการสร้างระบบ AI ที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เปรียบเทียบเหมือนกับที่คุณมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องในบ้าน เช่น โทรศัพท์มือถือ ทีวี เครื่องซักผ้า ฯลฯ การลดต้นทุนการคำนวณจะทำให้ AI แพร่หลายยิ่งขึ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานที่ไม่สามารถทำได้มาก่อน https://www.zdnet.com/article/cerebras-ceo-on-deepseek-every-time-computing-gets-cheaper-the-market-gets-bigger/
    WWW.ZDNET.COM
    Cerebras CEO on DeepSeek: Every time computing gets cheaper, the market gets bigger
    The economic breakthrough of DeepSeek's techniques will lead not only to an expansion of AI use but a continued arms race to achieve breakthroughs, says CEO Andrew Feldman.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ที่ได้เสนอซื้อ OpenAI ด้วยมูลค่า 97.4 พันล้านดอลลาร์ ผ่านกลุ่มนักลงทุนหลายราย โดยเป็นการเสนอซื้อโดยไม่ได้รับเชิญ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นระหว่าง Elon Musk และ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI

    การเสนอนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI ได้เปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นบริษัทเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Public Benefit Corporation - PBC) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หน้าที่หลักที่เกี่ยวข้องกับ AI ของบริษัทอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายที่แสวงหาผลกำไร ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่แสวงหาผลกำไรยังคงถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของในองค์กรที่แสวงหาผลกำไร

    Sam Altman ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ Elon Musk โดยกล่าวว่า "ขอบคุณ แต่ไม่เอา" พร้อมเสนอว่าจะซื้อ Twitter/X ในราคา 9.74 พันล้านดอลลาร์แทน Elon Musk ได้ตอบกลับอย่างสั้น ๆ ว่า "พวกขี้โกง"

    https://wccftech.com/elon-musk-tries-to-buy-openai-reportedly-offers-97-4-billion-via-a-consortium-of-investors/
    Elon Musk ที่ได้เสนอซื้อ OpenAI ด้วยมูลค่า 97.4 พันล้านดอลลาร์ ผ่านกลุ่มนักลงทุนหลายราย โดยเป็นการเสนอซื้อโดยไม่ได้รับเชิญ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นระหว่าง Elon Musk และ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI การเสนอนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI ได้เปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเป็นบริษัทเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Public Benefit Corporation - PBC) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หน้าที่หลักที่เกี่ยวข้องกับ AI ของบริษัทอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายที่แสวงหาผลกำไร ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่แสวงหาผลกำไรยังคงถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของในองค์กรที่แสวงหาผลกำไร Sam Altman ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ Elon Musk โดยกล่าวว่า "ขอบคุณ แต่ไม่เอา" พร้อมเสนอว่าจะซื้อ Twitter/X ในราคา 9.74 พันล้านดอลลาร์แทน Elon Musk ได้ตอบกลับอย่างสั้น ๆ ว่า "พวกขี้โกง" https://wccftech.com/elon-musk-tries-to-buy-openai-reportedly-offers-97-4-billion-via-a-consortium-of-investors/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk Tries To Buy OpenAI, Sam Altman Says "No Thankyou" And Offers To Buy Twitter/X
    Elon Musk has submitted an unsolicited buyout offer to OpenAI via a consortium of investors, to the tune of $97.4 billion.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าการออกแบบจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทาง TSMC อาจเริ่มกระบวนการ "tape-out" ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025

    OpenAI ตั้งใจที่จะลดการพึ่งพา GPU ของ NVIDIA โดยมีการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะซึ่งจะมีบทบาทจำกัดในระยะแรก โดยหลักๆ จะใช้ในการรันโมเดล AI อย่างไรก็ตาม กระบวนการ tape-out นั้นจะใช้เวลา 6 เดือนและต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ และหากกระบวนการนี้ล้มเหลว จะต้องทำการ tape-out อีกครั้งเพื่อตรวจสอบปัญหา

    OpenAI คาดว่าจะเริ่มการผลิตชิป AI ในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรของ TSMC รวมถึงสถาปัตยกรรม systolic array และหน่วยความจำ High Bandwidth Memory (HBM) ที่ NVIDIA ใช้ใน GPU ของตนเอง

    การพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เพราะทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการรันโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่นยังช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมกระบวนการพัฒนาของตนเองมากขึ้น

    โดยสรุป OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้การรันโมเดล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่น

    https://wccftech.com/openai-finalizing-custom-ai-chip-design-tape-out-at-tsmc-may-happen-in-h1-2025/
    OpenAI ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าการออกแบบจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทาง TSMC อาจเริ่มกระบวนการ "tape-out" ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 OpenAI ตั้งใจที่จะลดการพึ่งพา GPU ของ NVIDIA โดยมีการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะซึ่งจะมีบทบาทจำกัดในระยะแรก โดยหลักๆ จะใช้ในการรันโมเดล AI อย่างไรก็ตาม กระบวนการ tape-out นั้นจะใช้เวลา 6 เดือนและต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ และหากกระบวนการนี้ล้มเหลว จะต้องทำการ tape-out อีกครั้งเพื่อตรวจสอบปัญหา OpenAI คาดว่าจะเริ่มการผลิตชิป AI ในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรของ TSMC รวมถึงสถาปัตยกรรม systolic array และหน่วยความจำ High Bandwidth Memory (HBM) ที่ NVIDIA ใช้ใน GPU ของตนเอง การพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เพราะทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการรันโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่นยังช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมกระบวนการพัฒนาของตนเองมากขึ้น โดยสรุป OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้การรันโมเดล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่น https://wccftech.com/openai-finalizing-custom-ai-chip-design-tape-out-at-tsmc-may-happen-in-h1-2025/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI Is In The Process Of Finalizing The Design Of Its Custom AI Chip In The Next Few Months, Tape-Out Process At TSMC Could Commence From H1 2025
    The first custom AI chip from OpenAI could materialize, with the company reportedly finalizing the design in the next few months
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แลกกันคนละหมัด!"

    อีลอน มัสก์ อยากซื้อ OpenAI โดยยื่นข้อเสนอในราคา 97,400 ล้านเหรียญสหรัฐ (3.3 ล้านล้านบาท) นอกจาก Sam Altman ไม่ขายให้แล้ว ยังแสบไม่แพ้กัน โดยยื่นข้อเสนอขอซื้อ Twitter ในราคา 9,740 ล้าน (3.3 แสนล้านบาท) เหรียญสหรัฐ
    "แลกกันคนละหมัด!" อีลอน มัสก์ อยากซื้อ OpenAI โดยยื่นข้อเสนอในราคา 97,400 ล้านเหรียญสหรัฐ (3.3 ล้านล้านบาท) นอกจาก Sam Altman ไม่ขายให้แล้ว ยังแสบไม่แพ้กัน โดยยื่นข้อเสนอขอซื้อ Twitter ในราคา 9,740 ล้าน (3.3 แสนล้านบาท) เหรียญสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องนี้เป็นเรื่องของการแข่งขันในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าการลงทุนใน AI ของบริษัทเหล่านี้จะเกิน 320 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา

    ในบทความนี้กล่าวถึงว่า Amazon ได้ประกาศการลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นการขยายบริการคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 77 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และ 48 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 CEO ของ Amazon, Andy Jassy, อธิบายว่ามีสัญญาณความต้องการที่ชัดเจนในด้าน AI

    Google โดย Alphabet ก็ไม่ได้น้อยหน้า Sundar Pichai CEO ของ Alphabet กล่าวว่าจะลงทุน 75 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เพื่อทำให้ AI เข้าถึงได้มากขึ้น Microsoft ก็ตั้งเป้าหมายการลงทุน 80 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายแพลตฟอร์ม Azure และ Meta ประกาศจะลงทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI โดยมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาการโฆษณาและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

    มีตัวอย่างที่น่าสนใจคือ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีนที่มี AI ที่สามารถเปรียบเทียบกับ Google และ OpenAI ในราคาที่ถูกกว่ามาก แม้จะมีความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถและค่าใช้จ่ายของ DeepSeek แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ยังคงยืนหยัดในการลงทุนและการวิจัยในเทคโนโลยี AI ของตน

    ผู้เชี่ยวชาญจาก RBC Capital Markets กล่าวถึงความเป็นไปได้ของ 'AI winter' ที่อาจเกิดขึ้น แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงมองว่า AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลก และไม่สามารถหยุดการลงทุนได้

    https://www.techspot.com/news/106700-amazon-google-microsoft-meta-push-ai-spending-new.html
    เรื่องนี้เป็นเรื่องของการแข่งขันในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าการลงทุนใน AI ของบริษัทเหล่านี้จะเกิน 320 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ในบทความนี้กล่าวถึงว่า Amazon ได้ประกาศการลงทุนกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นการขยายบริการคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 77 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และ 48 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 CEO ของ Amazon, Andy Jassy, อธิบายว่ามีสัญญาณความต้องการที่ชัดเจนในด้าน AI Google โดย Alphabet ก็ไม่ได้น้อยหน้า Sundar Pichai CEO ของ Alphabet กล่าวว่าจะลงทุน 75 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เพื่อทำให้ AI เข้าถึงได้มากขึ้น Microsoft ก็ตั้งเป้าหมายการลงทุน 80 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายแพลตฟอร์ม Azure และ Meta ประกาศจะลงทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI โดยมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาการโฆษณาและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ มีตัวอย่างที่น่าสนใจคือ DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีนที่มี AI ที่สามารถเปรียบเทียบกับ Google และ OpenAI ในราคาที่ถูกกว่ามาก แม้จะมีความสงสัยเกี่ยวกับความสามารถและค่าใช้จ่ายของ DeepSeek แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ยังคงยืนหยัดในการลงทุนและการวิจัยในเทคโนโลยี AI ของตน ผู้เชี่ยวชาญจาก RBC Capital Markets กล่าวถึงความเป็นไปได้ของ 'AI winter' ที่อาจเกิดขึ้น แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงมองว่า AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลก และไม่สามารถหยุดการลงทุนได้ https://www.techspot.com/news/106700-amazon-google-microsoft-meta-push-ai-spending-new.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon, Google, Microsoft, and Meta push AI spending to new heights, set to surpass $320 billion this year
    Amazon has set the bar exceptionally high, announcing an unprecedented investment of over $100 billion in infrastructure, primarily focused on expanding its cloud computing arm, Amazon Web...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีความพยายามของกลุ่มนักวิจัยที่สร้างโมเดล AI ซึ่งมีความสามารถในการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพ คล้ายกับโมเดลของ OpenAI ชื่อ o1 แต่ใช้งบประมาณต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ นักวิจัยจาก Stanford และมหาวิทยาลัย Washington ได้พัฒนาโมเดลชื่อ "s1" โดยใช้เทคนิคการปรับแต่งแบบพิเศษ

    แทนที่จะฝึกโมเดลใหม่ตั้งแต่ต้นซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง พวกเขาใช้โมเดลภาษาที่มีอยู่แล้วและทำการปรับแต่งโดยใช้วิธีการกลั่นแบบมีการสอน เทคนิคนี้ช่วยให้โมเดล s1 สามารถสร้างผลลัพธ์ที่คล้ายกับโมเดลของ Google ที่มีชื่อว่า Gemini 2.0 Flash Thinking Experimental โดยการฝึกโมเดล s1 นี้ใช้เวลาเพียง 30 นาทีและใช้ GPU จำนวน 16 ตัว การเช่า GPU นี้มีค่าใช้จ่ายรวมต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ

    นอกจากนี้ นักวิจัยยังค้นพบวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของ s1 โดยให้โมเดลรอเล็กน้อยก่อนที่จะให้คำตอบสุดท้าย ทำให้มีเวลามากขึ้นในการตรวจสอบและปรับปรุงคำตอบ อย่างไรก็ตาม การใช้โมเดลของ Google เป็นครูสอนอาจทำให้เกิดข้อสงสัยในความสามารถในการขยายผลของโมเดล s1 และอาจเกิดปัญหาด้านลิขสิทธิ์

    https://www.techspot.com/news/106676-researchers-create-reasoning-model-under-50-performs-similar.html
    มีความพยายามของกลุ่มนักวิจัยที่สร้างโมเดล AI ซึ่งมีความสามารถในการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพ คล้ายกับโมเดลของ OpenAI ชื่อ o1 แต่ใช้งบประมาณต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ นักวิจัยจาก Stanford และมหาวิทยาลัย Washington ได้พัฒนาโมเดลชื่อ "s1" โดยใช้เทคนิคการปรับแต่งแบบพิเศษ แทนที่จะฝึกโมเดลใหม่ตั้งแต่ต้นซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง พวกเขาใช้โมเดลภาษาที่มีอยู่แล้วและทำการปรับแต่งโดยใช้วิธีการกลั่นแบบมีการสอน เทคนิคนี้ช่วยให้โมเดล s1 สามารถสร้างผลลัพธ์ที่คล้ายกับโมเดลของ Google ที่มีชื่อว่า Gemini 2.0 Flash Thinking Experimental โดยการฝึกโมเดล s1 นี้ใช้เวลาเพียง 30 นาทีและใช้ GPU จำนวน 16 ตัว การเช่า GPU นี้มีค่าใช้จ่ายรวมต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ นักวิจัยยังค้นพบวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของ s1 โดยให้โมเดลรอเล็กน้อยก่อนที่จะให้คำตอบสุดท้าย ทำให้มีเวลามากขึ้นในการตรวจสอบและปรับปรุงคำตอบ อย่างไรก็ตาม การใช้โมเดลของ Google เป็นครูสอนอาจทำให้เกิดข้อสงสัยในความสามารถในการขยายผลของโมเดล s1 และอาจเกิดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ https://www.techspot.com/news/106676-researchers-create-reasoning-model-under-50-performs-similar.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers create reasoning model for under $50, performs similar to OpenAI's o1
    Stanford and University of Washington researchers devised a technique to create a new AI model dubbed "s1." They have already open-sourced it on GitHub, along with the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts