• “YouTube เพิ่มปุ่ม ‘ซ่อน’ สำหรับหน้าจอแนะนำท้ายคลิป — ปรับประสบการณ์ผู้ชมให้สะอาดขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ”

    หนึ่งในความรำคาญที่ผู้ใช้ YouTube เจอมานาน คือหน้าจอแนะนำวิดีโอและปุ่มสมัครที่โผล่มาในช่วงท้ายคลิป ซึ่งมักจะบังฉากจบหรือเนื้อหาสำคัญที่ผู้ชมอยากดูให้ครบ ล่าสุด YouTube ได้ตอบรับเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Hide” หรือ “ซ่อน” ที่ให้ผู้ชมกดปิดหน้าจอแนะนำเหล่านั้นได้ทันที

    ปุ่ม “Hide” จะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอวิดีโอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้นมา และเมื่อกดแล้ว หน้าจอแนะนำจะหายไปทันทีจากวิดีโอนั้น อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังไม่สามารถตั้งค่าให้ซ่อนแบบถาวรได้ ผู้ใช้ต้องกดซ่อนใหม่ทุกครั้งเมื่อดูวิดีโอใหม่ ซึ่ง YouTube ยอมรับว่าเป็นการออกแบบโดยตั้งใจ เพื่อรักษาอัตราการดูต่อเนื่อง (watch time) บนแพลตฟอร์ม

    นอกจากนี้ YouTube ยังได้ปรับปรุงประสบการณ์บนเดสก์ท็อป โดยยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” ที่เคยทำงานเมื่อผู้ใช้เอาเมาส์ไปวางบนโลโก้วิดีโอ ซึ่งเคยเป็นช่องทางสมัครสมาชิกที่ซ้ำซ้อน เพราะมีปุ่มสมัครอยู่ใต้หน้าจออยู่แล้ว

    จากการทดลองของ YouTube พบว่าการเพิ่มปุ่ม “Hide” ทำให้ยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5% และการยกเลิกปุ่มสมัครจากโลโก้ส่งผลต่อยอดสมัครสมาชิกเพียง 0.05% เท่านั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อครีเอเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    YouTube เพิ่มปุ่ม “Hide” สำหรับซ่อนหน้าจอแนะนำท้ายคลิป
    ปุ่มจะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้น
    การซ่อนมีผลเฉพาะวิดีโอที่กำลังดู ต้องกดใหม่ทุกครั้ง
    ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานทั้งบนเว็บและแอปมือถือ
    YouTube ยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” บนเดสก์ท็อป
    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ทั่วโลก
    ผลกระทบต่อยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5%
    ผลกระทบต่อยอดสมัครสมาชิกจากโลโก้ลดลงเพียง 0.05%
    YouTube ยืนยันว่าครีเอเตอร์ยังสามารถใช้ end-screen ได้ตามปกติ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    End-screen เป็นเครื่องมือที่ครีเอเตอร์ใช้เพื่อเพิ่มยอดวิวและการมีส่วนร่วม
    การปรับปรุง UI แบบนี้ช่วยลดความรำคาญและเพิ่มความพึงพอใจของผู้ชม
    หลายแพลตฟอร์มเริ่มให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์การรับชมมากขึ้น เช่น Netflix ที่ให้ข้าม intro หรือ credits
    การออกแบบแบบ “opt-in per video” เป็นแนวทางที่แพลตฟอร์มใช้เพื่อรักษาสมดุลระหว่าง UX และ engagement
    ฟีเจอร์ “Hide” อาจเปิดทางให้ YouTube พัฒนาโหมด “clean view” สำหรับผู้ใช้ในอนาคต

    https://securityonline.info/finally-youtube-adds-hide-button-for-end-screen-pop-ups-to-improve-viewer-experience/
    🎬 “YouTube เพิ่มปุ่ม ‘ซ่อน’ สำหรับหน้าจอแนะนำท้ายคลิป — ปรับประสบการณ์ผู้ชมให้สะอาดขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ” หนึ่งในความรำคาญที่ผู้ใช้ YouTube เจอมานาน คือหน้าจอแนะนำวิดีโอและปุ่มสมัครที่โผล่มาในช่วงท้ายคลิป ซึ่งมักจะบังฉากจบหรือเนื้อหาสำคัญที่ผู้ชมอยากดูให้ครบ ล่าสุด YouTube ได้ตอบรับเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Hide” หรือ “ซ่อน” ที่ให้ผู้ชมกดปิดหน้าจอแนะนำเหล่านั้นได้ทันที ปุ่ม “Hide” จะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอวิดีโอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้นมา และเมื่อกดแล้ว หน้าจอแนะนำจะหายไปทันทีจากวิดีโอนั้น อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังไม่สามารถตั้งค่าให้ซ่อนแบบถาวรได้ ผู้ใช้ต้องกดซ่อนใหม่ทุกครั้งเมื่อดูวิดีโอใหม่ ซึ่ง YouTube ยอมรับว่าเป็นการออกแบบโดยตั้งใจ เพื่อรักษาอัตราการดูต่อเนื่อง (watch time) บนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ YouTube ยังได้ปรับปรุงประสบการณ์บนเดสก์ท็อป โดยยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” ที่เคยทำงานเมื่อผู้ใช้เอาเมาส์ไปวางบนโลโก้วิดีโอ ซึ่งเคยเป็นช่องทางสมัครสมาชิกที่ซ้ำซ้อน เพราะมีปุ่มสมัครอยู่ใต้หน้าจออยู่แล้ว จากการทดลองของ YouTube พบว่าการเพิ่มปุ่ม “Hide” ทำให้ยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5% และการยกเลิกปุ่มสมัครจากโลโก้ส่งผลต่อยอดสมัครสมาชิกเพียง 0.05% เท่านั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อครีเอเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ YouTube เพิ่มปุ่ม “Hide” สำหรับซ่อนหน้าจอแนะนำท้ายคลิป ➡️ ปุ่มจะปรากฏที่มุมขวาบนของหน้าจอเมื่อมี end-screen โผล่ขึ้น ➡️ การซ่อนมีผลเฉพาะวิดีโอที่กำลังดู ต้องกดใหม่ทุกครั้ง ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานทั้งบนเว็บและแอปมือถือ ➡️ YouTube ยกเลิกฟีเจอร์ “hover-to-subscribe” บนเดสก์ท็อป ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ทั่วโลก ➡️ ผลกระทบต่อยอดวิวจาก end-screen ลดลงเพียง 1.5% ➡️ ผลกระทบต่อยอดสมัครสมาชิกจากโลโก้ลดลงเพียง 0.05% ➡️ YouTube ยืนยันว่าครีเอเตอร์ยังสามารถใช้ end-screen ได้ตามปกติ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ End-screen เป็นเครื่องมือที่ครีเอเตอร์ใช้เพื่อเพิ่มยอดวิวและการมีส่วนร่วม ➡️ การปรับปรุง UI แบบนี้ช่วยลดความรำคาญและเพิ่มความพึงพอใจของผู้ชม ➡️ หลายแพลตฟอร์มเริ่มให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์การรับชมมากขึ้น เช่น Netflix ที่ให้ข้าม intro หรือ credits ➡️ การออกแบบแบบ “opt-in per video” เป็นแนวทางที่แพลตฟอร์มใช้เพื่อรักษาสมดุลระหว่าง UX และ engagement ➡️ ฟีเจอร์ “Hide” อาจเปิดทางให้ YouTube พัฒนาโหมด “clean view” สำหรับผู้ใช้ในอนาคต https://securityonline.info/finally-youtube-adds-hide-button-for-end-screen-pop-ups-to-improve-viewer-experience/
    SECURITYONLINE.INFO
    Finally! YouTube Adds 'Hide' Button for End-Screen Pop-Ups to Improve Viewer Experience
    YouTube is rolling out a new 'Hide' button to dismiss end-of-video pop-up recommendations, a long-requested feature that improves the viewing experience.
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • “อินเทอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน? — เมื่อข้อมูลทะลุ 181 Zettabytes และโลกต้องจ่ายด้วยพลังงานและน้ำมหาศาล”

    ลองจินตนาการว่าในเวลาเพียงหนึ่งนาทีของอินเทอร์เน็ต มีการสตรีม Netflix กว่าล้านชั่วโมง อัปโหลดวิดีโอ YouTube หลายพันชั่วโมง และโพสต์ภาพบน Instagram นับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวินาที

    ข้อมูลทั่วโลกในปี 2024 มีปริมาณถึง 149 Zettabytes และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 181 Zettabytesภายในสิ้นปี 20252 โดยบางการคาดการณ์อาจอยู่ที่ 175 ZB แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง Zettabyte หนึ่งเท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes — ขนาดที่สมองมนุษย์แทบจินตนาการไม่ออก

    แต่การวัด “ขนาดของอินเทอร์เน็ต” ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณข้อมูล เพราะยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google หรือ search engine เช่น ฐานข้อมูลส่วนตัว แอปพลิเคชัน และเครือข่ายปิด ซึ่งเรียกรวมกันว่า “Deep Web” และยังมี “Dark Web” ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกกว่านั้นอีก

    ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นทุกวันกว่า 402 ล้าน Terabytes จากโพสต์โซเชียลมีเดีย วิดีโอ อุปกรณ์ IoT รถยนต์อัจฉริยะ และระบบคลาวด์ แม้แต่ CERN ก็ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งเทียบได้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

    แต่เบื้องหลังโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่อาจมองข้าม — ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 2% ของทั้งโลก และบางแห่งใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน แม้บางบริษัทจะเริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีวันหยุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 181 Zettabytes
    หนึ่ง Zettabyte เท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes
    ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นกว่า 402 ล้าน Terabytes ต่อวัน
    CERN ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์

    ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง
    Deep Web และ Dark Web ไม่สามารถเข้าถึงผ่าน search engine
    แอปพลิเคชันและเครือข่ายปิดมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ถูกนับรวม
    ขนาดของอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถวัดได้แน่นอน

    ผลกระทบทางกายภาพจากข้อมูล
    ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าราว 2% ของโลก
    บางศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน
    Amazon เริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” เพื่อช่วยลดผลกระทบ
    Cloud storage ช่วยแบ่งเบาภาระจากศูนย์ข้อมูล แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IDC คาดว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มเป็น 394 Zettabytes ภายในปี 2028
    การเติบโตของ AI และ IoT เป็นตัวเร่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    การวัดขนาดอินเทอร์เน็ตต้องพิจารณา 5V: Volume, Variety, Velocity, Value, Veracity
    การใช้ข้อมูลเพื่อการวิจัย การตลาด และ AI มีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องแลกด้วยทรัพยากร

    https://www.slashgear.com/1970107/how-big-is-the-internet-data-size/
    🌐 “อินเทอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน? — เมื่อข้อมูลทะลุ 181 Zettabytes และโลกต้องจ่ายด้วยพลังงานและน้ำมหาศาล” ลองจินตนาการว่าในเวลาเพียงหนึ่งนาทีของอินเทอร์เน็ต มีการสตรีม Netflix กว่าล้านชั่วโมง อัปโหลดวิดีโอ YouTube หลายพันชั่วโมง และโพสต์ภาพบน Instagram นับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวินาที ข้อมูลทั่วโลกในปี 2024 มีปริมาณถึง 149 Zettabytes และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 181 Zettabytesภายในสิ้นปี 20252 โดยบางการคาดการณ์อาจอยู่ที่ 175 ZB แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง Zettabyte หนึ่งเท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes — ขนาดที่สมองมนุษย์แทบจินตนาการไม่ออก แต่การวัด “ขนาดของอินเทอร์เน็ต” ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณข้อมูล เพราะยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google หรือ search engine เช่น ฐานข้อมูลส่วนตัว แอปพลิเคชัน และเครือข่ายปิด ซึ่งเรียกรวมกันว่า “Deep Web” และยังมี “Dark Web” ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกกว่านั้นอีก ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นทุกวันกว่า 402 ล้าน Terabytes จากโพสต์โซเชียลมีเดีย วิดีโอ อุปกรณ์ IoT รถยนต์อัจฉริยะ และระบบคลาวด์ แม้แต่ CERN ก็ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งเทียบได้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่เบื้องหลังโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่อาจมองข้าม — ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 2% ของทั้งโลก และบางแห่งใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน แม้บางบริษัทจะเริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีวันหยุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 181 Zettabytes ➡️ หนึ่ง Zettabyte เท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes ➡️ ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นกว่า 402 ล้าน Terabytes ต่อวัน ➡️ CERN ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์ ✅ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง ➡️ Deep Web และ Dark Web ไม่สามารถเข้าถึงผ่าน search engine ➡️ แอปพลิเคชันและเครือข่ายปิดมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ถูกนับรวม ➡️ ขนาดของอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถวัดได้แน่นอน ✅ ผลกระทบทางกายภาพจากข้อมูล ➡️ ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าราว 2% ของโลก ➡️ บางศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน ➡️ Amazon เริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” เพื่อช่วยลดผลกระทบ ➡️ Cloud storage ช่วยแบ่งเบาภาระจากศูนย์ข้อมูล แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IDC คาดว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มเป็น 394 Zettabytes ภายในปี 2028 ➡️ การเติบโตของ AI และ IoT เป็นตัวเร่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ การวัดขนาดอินเทอร์เน็ตต้องพิจารณา 5V: Volume, Variety, Velocity, Value, Veracity ➡️ การใช้ข้อมูลเพื่อการวิจัย การตลาด และ AI มีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องแลกด้วยทรัพยากร https://www.slashgear.com/1970107/how-big-is-the-internet-data-size/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Big Is The Internet? Here's How Much Data Is On It - SlashGear
    We may use the internet every day, but we take the massive resource for granted. How much data is actually on the internet and how is it quantified?
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • “TikTok กินเน็ตเท่าไหร่ต่อชั่วโมง? — เมื่อการเลื่อนฟีดกลายเป็นภัยเงียบสำหรับคนใช้แพ็กเกจจำกัด”

    หลายคนอาจไม่รู้ว่าแค่เลื่อนฟีด TikTok ไปเรื่อย ๆ ก็สามารถใช้ดาต้าไปได้หลายร้อยเมกะไบต์ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อวิดีโอที่แสดงผลมีคุณภาพสูงและโหลดแบบอัตโนมัติ ล่าสุดมีการทดสอบโดยตั้งค่าแอปให้เลื่อนอัตโนมัติและใช้โหมดคุณภาพ Auto พบว่า TikTok ใช้ดาต้าประมาณ 323 MB ต่อชั่วโมง

    แม้ตัวเลขนี้จะไม่สูงเท่าการดูวิดีโอแบบ HD บน YouTube หรือ Netflix แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ใช้แพ็กเกจรายเดือนแบบจำกัดต้องระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้เน็ตมือถือหรือ Wi-Fi แบบมีการคิดตามปริมาณการใช้งาน

    นอกจากคุณภาพวิดีโอแล้ว ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการใช้ดาต้า ได้แก่ การตั้งค่าในแอป เช่น การเปิดใช้งาน Data Saver หรือการใช้ TikTok Lite ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ออกแบบมาให้ใช้ดาต้าน้อยลง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อนหรืออินเทอร์เน็ตจำกัด

    อีกทางเลือกหนึ่งคือการดาวน์โหลดวิดีโอไว้ดูแบบออฟไลน์ ซึ่งสามารถโหลดได้ระหว่าง 50–200 คลิป แต่ต้องทำผ่าน Wi-Fi ที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะการดาวน์โหลดผ่านเน็ตมือถืออาจใช้ดาต้ามากกว่าการดูแบบสตรีมสดเสียอีก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TikTok ใช้ดาต้าประมาณ 323 MB ต่อชั่วโมงเมื่อดูวิดีโอแบบ Auto quality
    การใช้ดาต้าขึ้นอยู่กับคุณภาพวิดีโอและการตั้งค่าในแอป
    โหมด Data Saver ช่วยลดการใช้ดาต้าโดยลดคุณภาพวิดีโอและโหลดช้าลง
    TikTok Lite ใช้ดาต้าน้อยกว่าเวอร์ชันปกติ เหมาะกับพื้นที่สัญญาณอ่อน

    ทางเลือกในการประหยัดดาต้า
    ปรับคุณภาพวิดีโอให้ต่ำที่สุดเท่าที่รับได้
    ใช้ TikTok Lite สำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีเน็ตจำกัด
    เปิดใช้งาน Data Saver เพื่อควบคุมการโหลดวิดีโอ
    ดาวน์โหลดวิดีโอไว้ดูแบบออฟไลน์ผ่าน Wi-Fi ที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TikTok มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1.8 พันล้านคนในปี 2025 และใช้เวลาเฉลี่ย 95–105 นาทีต่อวันต่อคน
    TikTok Lite มียอดดาวน์โหลดทะลุ 100 ล้านครั้งในตลาดเกิดใหม่
    ผู้ใช้ Gen Z มากกว่า 70% ใช้ TikTok หลายครั้งต่อวัน และ 30% ใช้เป็นแหล่งข่าวหลัก
    TikTok มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุดในโฆษณาเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ

    https://www.slashgear.com/1968580/tiktok-data-usage-per-hour/
    📱 “TikTok กินเน็ตเท่าไหร่ต่อชั่วโมง? — เมื่อการเลื่อนฟีดกลายเป็นภัยเงียบสำหรับคนใช้แพ็กเกจจำกัด” หลายคนอาจไม่รู้ว่าแค่เลื่อนฟีด TikTok ไปเรื่อย ๆ ก็สามารถใช้ดาต้าไปได้หลายร้อยเมกะไบต์ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อวิดีโอที่แสดงผลมีคุณภาพสูงและโหลดแบบอัตโนมัติ ล่าสุดมีการทดสอบโดยตั้งค่าแอปให้เลื่อนอัตโนมัติและใช้โหมดคุณภาพ Auto พบว่า TikTok ใช้ดาต้าประมาณ 323 MB ต่อชั่วโมง แม้ตัวเลขนี้จะไม่สูงเท่าการดูวิดีโอแบบ HD บน YouTube หรือ Netflix แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ใช้แพ็กเกจรายเดือนแบบจำกัดต้องระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้เน็ตมือถือหรือ Wi-Fi แบบมีการคิดตามปริมาณการใช้งาน นอกจากคุณภาพวิดีโอแล้ว ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการใช้ดาต้า ได้แก่ การตั้งค่าในแอป เช่น การเปิดใช้งาน Data Saver หรือการใช้ TikTok Lite ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ออกแบบมาให้ใช้ดาต้าน้อยลง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อนหรืออินเทอร์เน็ตจำกัด อีกทางเลือกหนึ่งคือการดาวน์โหลดวิดีโอไว้ดูแบบออฟไลน์ ซึ่งสามารถโหลดได้ระหว่าง 50–200 คลิป แต่ต้องทำผ่าน Wi-Fi ที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะการดาวน์โหลดผ่านเน็ตมือถืออาจใช้ดาต้ามากกว่าการดูแบบสตรีมสดเสียอีก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TikTok ใช้ดาต้าประมาณ 323 MB ต่อชั่วโมงเมื่อดูวิดีโอแบบ Auto quality ➡️ การใช้ดาต้าขึ้นอยู่กับคุณภาพวิดีโอและการตั้งค่าในแอป ➡️ โหมด Data Saver ช่วยลดการใช้ดาต้าโดยลดคุณภาพวิดีโอและโหลดช้าลง ➡️ TikTok Lite ใช้ดาต้าน้อยกว่าเวอร์ชันปกติ เหมาะกับพื้นที่สัญญาณอ่อน ✅ ทางเลือกในการประหยัดดาต้า ➡️ ปรับคุณภาพวิดีโอให้ต่ำที่สุดเท่าที่รับได้ ➡️ ใช้ TikTok Lite สำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีเน็ตจำกัด ➡️ เปิดใช้งาน Data Saver เพื่อควบคุมการโหลดวิดีโอ ➡️ ดาวน์โหลดวิดีโอไว้ดูแบบออฟไลน์ผ่าน Wi-Fi ที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TikTok มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1.8 พันล้านคนในปี 2025 และใช้เวลาเฉลี่ย 95–105 นาทีต่อวันต่อคน ➡️ TikTok Lite มียอดดาวน์โหลดทะลุ 100 ล้านครั้งในตลาดเกิดใหม่ ➡️ ผู้ใช้ Gen Z มากกว่า 70% ใช้ TikTok หลายครั้งต่อวัน และ 30% ใช้เป็นแหล่งข่าวหลัก ➡️ TikTok มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุดในโฆษณาเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ https://www.slashgear.com/1968580/tiktok-data-usage-per-hour/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Here's How Much Data TikTok Uses Per Hour - SlashGear
    If you've ever wondered if the constant scroll of TikTok videos takes a toll on your data usage, we have the answer. We tested how much data the video app uses.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • “React ชนะเพราะความเคยชิน ไม่ใช่คุณภาพ — เมื่อการเลือกแบบอัตโนมัติกลายเป็นตัวขวางนวัตกรรมของเว็บ”

    Loren Stewart นักพัฒนาและนักเขียนสายเทคโนโลยี ได้เขียนบทความวิจารณ์ที่สะเทือนวงการ frontend ว่า “React ไม่ได้ชนะเพราะดีที่สุด แต่ชนะเพราะกลายเป็นค่าเริ่มต้น” ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาเว็บในปัจจุบันติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ และขาดการทดลองกับแนวทางใหม่ที่อาจดีกว่า

    เขาอธิบายว่าเมื่อทีมเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ มักจะเลือก React โดยไม่ถามว่า “อะไรเหมาะกับงานนี้” แต่กลับเริ่มต้นด้วย “ใช้ React เพราะทุกคนรู้จัก” ซึ่งสร้างวงจรที่ตอกย้ำตัวเองผ่านการจ้างงาน ไลบรารี และความเคยชินของทีม

    React ไม่ได้แย่ — แต่การเลือก React โดยไม่พิจารณาทางเลือกอื่นคือปัญหา เพราะมันทำให้เฟรมเวิร์กที่มีนวัตกรรมจริง เช่น Svelte, Solid และ Qwik ไม่ได้รับโอกาส ทั้งที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น:
    - Svelte ใช้การ compile ล่วงหน้าแทน virtual DOM
    - Solid ใช้ reactivity แบบละเอียดโดยไม่ต้อง reconcile
    - Qwik ใช้ resumability เพื่อเริ่มต้นแอปทันทีโดยไม่ต้อง hydrate

    Stewart ยังชี้ว่า React เองก็มีข้อจำกัด เช่น virtual DOM ที่กลายเป็น overhead ในยุคปัจจุบัน, hooks ที่ซับซ้อนเกินไป, และ Server Components ที่เพิ่มความยุ่งยากด้านสถาปัตยกรรม

    เขาเสนอว่าเราควรเลือกเฟรมเวิร์กจาก “ข้อจำกัดของงาน” ไม่ใช่ “ความเคยชินของทีม” และควรเปิดพื้นที่ให้เฟรมเวิร์กใหม่ได้เติบโต เช่น ทดลองในส่วนที่ไม่สำคัญก่อน หรือสอนแนวคิด framework-agnostic ในหลักสูตรการศึกษา

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    React กลายเป็นตัวเลือกเริ่มต้นโดยไม่พิจารณาทางเลือกอื่น
    การเลือก React แบบอัตโนมัติทำให้เฟรมเวิร์กใหม่ไม่ถูกทดลอง
    React มีข้อจำกัด เช่น virtual DOM, hooks ที่ซับซ้อน, และ Server Components ที่เพิ่มความยุ่งยาก
    การเลือกเฟรมเวิร์กควรพิจารณาจากข้อจำกัดของงาน ไม่ใช่ความเคยชิน

    ทางเลือกที่มีนวัตกรรมสูง
    Svelte ใช้การ compile ล่วงหน้า — ลด runtime overhead
    Solid ใช้ reactivity แบบละเอียด — อัปเดตเฉพาะ DOM ที่เปลี่ยน
    Qwik ใช้ resumability — โหลดเฉพาะสิ่งที่จำเป็นในแต่ละ interaction
    ทั้งสามเฟรมเวิร์กมี API ที่เล็กกว่าและง่ายต่อการเรียนรู้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Svelte ลดขนาด bundle ได้ถึง 60–70% เมื่อเทียบกับ React
    Solid ถูกใช้งานโดยบริษัทใหญ่ เช่น Netflix และ Cloudflare2
    Qwik มี startup time ที่เร็วที่สุดใน benchmark ปี 2025
    React ยังมีข้อดีด้าน ecosystem แต่ก็สร้าง inertia ที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง

    https://www.lorenstew.art/blog/react-won-by-default/
    🧠 “React ชนะเพราะความเคยชิน ไม่ใช่คุณภาพ — เมื่อการเลือกแบบอัตโนมัติกลายเป็นตัวขวางนวัตกรรมของเว็บ” Loren Stewart นักพัฒนาและนักเขียนสายเทคโนโลยี ได้เขียนบทความวิจารณ์ที่สะเทือนวงการ frontend ว่า “React ไม่ได้ชนะเพราะดีที่สุด แต่ชนะเพราะกลายเป็นค่าเริ่มต้น” ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาเว็บในปัจจุบันติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ และขาดการทดลองกับแนวทางใหม่ที่อาจดีกว่า เขาอธิบายว่าเมื่อทีมเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ มักจะเลือก React โดยไม่ถามว่า “อะไรเหมาะกับงานนี้” แต่กลับเริ่มต้นด้วย “ใช้ React เพราะทุกคนรู้จัก” ซึ่งสร้างวงจรที่ตอกย้ำตัวเองผ่านการจ้างงาน ไลบรารี และความเคยชินของทีม React ไม่ได้แย่ — แต่การเลือก React โดยไม่พิจารณาทางเลือกอื่นคือปัญหา เพราะมันทำให้เฟรมเวิร์กที่มีนวัตกรรมจริง เช่น Svelte, Solid และ Qwik ไม่ได้รับโอกาส ทั้งที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น: - Svelte ใช้การ compile ล่วงหน้าแทน virtual DOM - Solid ใช้ reactivity แบบละเอียดโดยไม่ต้อง reconcile - Qwik ใช้ resumability เพื่อเริ่มต้นแอปทันทีโดยไม่ต้อง hydrate Stewart ยังชี้ว่า React เองก็มีข้อจำกัด เช่น virtual DOM ที่กลายเป็น overhead ในยุคปัจจุบัน, hooks ที่ซับซ้อนเกินไป, และ Server Components ที่เพิ่มความยุ่งยากด้านสถาปัตยกรรม เขาเสนอว่าเราควรเลือกเฟรมเวิร์กจาก “ข้อจำกัดของงาน” ไม่ใช่ “ความเคยชินของทีม” และควรเปิดพื้นที่ให้เฟรมเวิร์กใหม่ได้เติบโต เช่น ทดลองในส่วนที่ไม่สำคัญก่อน หรือสอนแนวคิด framework-agnostic ในหลักสูตรการศึกษา ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ React กลายเป็นตัวเลือกเริ่มต้นโดยไม่พิจารณาทางเลือกอื่น ➡️ การเลือก React แบบอัตโนมัติทำให้เฟรมเวิร์กใหม่ไม่ถูกทดลอง ➡️ React มีข้อจำกัด เช่น virtual DOM, hooks ที่ซับซ้อน, และ Server Components ที่เพิ่มความยุ่งยาก ➡️ การเลือกเฟรมเวิร์กควรพิจารณาจากข้อจำกัดของงาน ไม่ใช่ความเคยชิน ✅ ทางเลือกที่มีนวัตกรรมสูง ➡️ Svelte ใช้การ compile ล่วงหน้า — ลด runtime overhead ➡️ Solid ใช้ reactivity แบบละเอียด — อัปเดตเฉพาะ DOM ที่เปลี่ยน ➡️ Qwik ใช้ resumability — โหลดเฉพาะสิ่งที่จำเป็นในแต่ละ interaction ➡️ ทั้งสามเฟรมเวิร์กมี API ที่เล็กกว่าและง่ายต่อการเรียนรู้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Svelte ลดขนาด bundle ได้ถึง 60–70% เมื่อเทียบกับ React ➡️ Solid ถูกใช้งานโดยบริษัทใหญ่ เช่น Netflix และ Cloudflare2 ➡️ Qwik มี startup time ที่เร็วที่สุดใน benchmark ปี 2025 ➡️ React ยังมีข้อดีด้าน ecosystem แต่ก็สร้าง inertia ที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง https://www.lorenstew.art/blog/react-won-by-default/
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • “Firefox 143 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว พร้อมลูกเล่นใหม่ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ”

    Mozilla ปล่อย Firefox 143 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2025 โดยแม้จะเป็นอัปเดตขนาดเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายระบบ Fingerprinting Protection ด้วยฟังก์ชันใหม่ชื่อ “Suspected Fingerprinters” ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามผู้ใช้ผ่านข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถบล็อกได้โดยตรง โดย Firefox จะรายงานค่าคงที่ของหลายแอตทริบิวต์เพื่อหลอกระบบติดตามให้เข้าใจผิด

    อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงตัวอย่างกล้องเมื่อเว็บไซต์ร้องขอสิทธิ์ใช้งานกล้อง — มีประโยชน์มากเมื่อผู้ใช้มีหลายกล้องเชื่อมต่อ และต้องการเลือกกล้องที่ถูกต้องก่อนอนุญาต

    สำหรับผู้ใช้โหมด Private Browsing ตอนนี้ Firefox จะถามว่าต้องการเก็บหรือจะลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดหลังจากออกจากโหมดหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ใช้มากขึ้น

    ฝั่ง Android ก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC, แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมปุ่ม pause/resume/retry/cancel และสามารถตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่าโดยตรง

    สำหรับนักพัฒนา Firefox 143 เพิ่มความสามารถในการแสดงข้อความ debug แบบไม่รวมกลุ่ม เพื่อให้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน และรองรับ CSS ใหม่ เช่น <color> ใน <input type=color>, การจัดการ grid ที่แม่นยำขึ้น และ pseudo-element ใหม่ ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Firefox 143
    เพิ่ม “Suspected Fingerprinters” เพื่อขยายการป้องกันการติดตามแบบ fingerprinting
    แสดงตัวอย่างกล้องในหน้าขอสิทธิ์ใช้งาน — เลือกกล้องได้ก่อนอนุญาต
    ถามผู้ใช้ว่าจะเก็บหรือลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดในโหมด Private Browsing
    ลบฟีเจอร์ “Website Advertising Preferences” ออกจากหน้าความเป็นส่วนตัว

    การปรับปรุงบน Android
    รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC
    แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการทำงาน
    ตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่า
    เปิดเว็บที่เกี่ยวข้องเมื่อแตะ notification หลังปิดหรือรีสตาร์ทแอป

    ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา
    ปิดการรวมข้อความ debug ที่คล้ายกัน — แสดงข้อความทั้งหมด
    รองรับ CSS <color> ใน <input type=color>
    ปรับปรุงการจัดขนาด grid ให้ตรงกับสเปก CSS Grid
    เพิ่ม ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Fingerprinting คือเทคนิคติดตามผู้ใช้ผ่านค่าฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์ เช่น GPU, font, screen size
    xHE-AAC เป็น codec เสียงคุณภาพสูงที่ใช้ในสตรีมมิ่งยุคใหม่ เช่น Netflix และ YouTube
    DNS over HTTPS ช่วยป้องกันการดักฟัง DNS โดย ISP หรือบุคคลที่สาม
    CSS ::details-content ช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ UI แบบ accordion ได้ง่ายขึ้น

    https://9to5linux.com/firefox-143-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    🦊 “Firefox 143 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว พร้อมลูกเล่นใหม่ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ” Mozilla ปล่อย Firefox 143 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2025 โดยแม้จะเป็นอัปเดตขนาดเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายระบบ Fingerprinting Protection ด้วยฟังก์ชันใหม่ชื่อ “Suspected Fingerprinters” ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามผู้ใช้ผ่านข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถบล็อกได้โดยตรง โดย Firefox จะรายงานค่าคงที่ของหลายแอตทริบิวต์เพื่อหลอกระบบติดตามให้เข้าใจผิด อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงตัวอย่างกล้องเมื่อเว็บไซต์ร้องขอสิทธิ์ใช้งานกล้อง — มีประโยชน์มากเมื่อผู้ใช้มีหลายกล้องเชื่อมต่อ และต้องการเลือกกล้องที่ถูกต้องก่อนอนุญาต สำหรับผู้ใช้โหมด Private Browsing ตอนนี้ Firefox จะถามว่าต้องการเก็บหรือจะลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดหลังจากออกจากโหมดหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ใช้มากขึ้น ฝั่ง Android ก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC, แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมปุ่ม pause/resume/retry/cancel และสามารถตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่าโดยตรง สำหรับนักพัฒนา Firefox 143 เพิ่มความสามารถในการแสดงข้อความ debug แบบไม่รวมกลุ่ม เพื่อให้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน และรองรับ CSS ใหม่ เช่น <color> ใน <input type=color>, การจัดการ grid ที่แม่นยำขึ้น และ pseudo-element ใหม่ ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Firefox 143 ➡️ เพิ่ม “Suspected Fingerprinters” เพื่อขยายการป้องกันการติดตามแบบ fingerprinting ➡️ แสดงตัวอย่างกล้องในหน้าขอสิทธิ์ใช้งาน — เลือกกล้องได้ก่อนอนุญาต ➡️ ถามผู้ใช้ว่าจะเก็บหรือลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดในโหมด Private Browsing ➡️ ลบฟีเจอร์ “Website Advertising Preferences” ออกจากหน้าความเป็นส่วนตัว ✅ การปรับปรุงบน Android ➡️ รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC ➡️ แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการทำงาน ➡️ ตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่า ➡️ เปิดเว็บที่เกี่ยวข้องเมื่อแตะ notification หลังปิดหรือรีสตาร์ทแอป ✅ ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา ➡️ ปิดการรวมข้อความ debug ที่คล้ายกัน — แสดงข้อความทั้งหมด ➡️ รองรับ CSS <color> ใน <input type=color> ➡️ ปรับปรุงการจัดขนาด grid ให้ตรงกับสเปก CSS Grid ➡️ เพิ่ม ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Fingerprinting คือเทคนิคติดตามผู้ใช้ผ่านค่าฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์ เช่น GPU, font, screen size ➡️ xHE-AAC เป็น codec เสียงคุณภาพสูงที่ใช้ในสตรีมมิ่งยุคใหม่ เช่น Netflix และ YouTube ➡️ DNS over HTTPS ช่วยป้องกันการดักฟัง DNS โดย ISP หรือบุคคลที่สาม ➡️ CSS ::details-content ช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ UI แบบ accordion ได้ง่ายขึ้น https://9to5linux.com/firefox-143-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    Firefox 143 Is Now Available for Download, This Is What's New - 9to5Linux
    Firefox 143 open-source web browser is now available for download with various new features and improvements.
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • Highlight Words In Action : August 2025

    bipartisan
    adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions

    From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution.

    bounty
    noun: a premium or reward, especially one offered by a government

    From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022.

    breach
    noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise

    Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms.

    cartography
    noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction

    From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way.

    civil liberty
    noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government

    From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech.

    confiscate
    verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use

    From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day.

    defraud
    verb: to deprive of a right, money, or property by fraud

    From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment.

    embezzlement
    noun: the stealing of money entrusted to one’s care

    From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses.

    Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.”

    fairway
    noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens

    From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows.

    forage
    verb: to wander or go in search of provisions

    From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed.

    franchise
    noun: Sports. a professional sports team

    From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions.

    geriatric
    adjective: noting or relating to aged people or animals

    From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts.

    Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric.

    iguana
    noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail

    From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans.

    inaccessible
    adjective: not accessible; unapproachable

    From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older.

    magnitude
    noun: greatness of size or amount

    From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid.

    manipulate
    verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage

    From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently.

    mush
    verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs)

    From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs.

    ovine
    adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep

    From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.”

    pontiff
    noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome

    From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery.

    populism
    noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism

    From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class.

    prescription
    noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy

    From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed.

    pristine
    adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied

    From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming.

    prolong
    verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer

    From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule.

    recruit
    verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer

    From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities.

    reinstate
    verb: to put back or establish again, as in a former position or state

    From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December.

    repatriation
    noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin

    From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold.

    serenade
    verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music

    From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories.

    tuition
    noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university

    From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy.

    unredacted
    adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible

    From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : August 2025 bipartisan adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution. bounty noun: a premium or reward, especially one offered by a government From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022. breach noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms. cartography noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way. civil liberty noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech. confiscate verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day. defraud verb: to deprive of a right, money, or property by fraud From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment. embezzlement noun: the stealing of money entrusted to one’s care From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses. Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.” fairway noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows. forage verb: to wander or go in search of provisions From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed. franchise noun: Sports. a professional sports team From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions. geriatric adjective: noting or relating to aged people or animals From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts. Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric. iguana noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans. inaccessible adjective: not accessible; unapproachable From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older. magnitude noun: greatness of size or amount From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid. manipulate verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently. mush verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs) From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs. ovine adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.” pontiff noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery. populism noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class. prescription noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed. pristine adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming. prolong verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule. recruit verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities. reinstate verb: to put back or establish again, as in a former position or state From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December. repatriation noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold. serenade verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories. tuition noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy. unredacted adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 734 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “EU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจาก Big Tech” แล้วจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนโครงข่าย?

    หลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในยุโรป เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica และ Telecom Italia เรียกร้องให้ EU บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ (Google, Meta, Netflix, Microsoft, Amazon ฯลฯ) จ่าย “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” เพราะพวกเขาใช้แบนด์วิดธ์มหาศาลจากโครงข่ายที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนเอง

    แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า “fair share funding” แต่ Big Tech โต้กลับว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และชี้ว่าพวกเขาก็ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองเช่นกัน

    ล่าสุด EU ออกมายืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับแนวคิดนี้ โดยอ้างอิงจาก White Paper ที่ตีพิมพ์เมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสรุปว่า “การเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน”

    แทนที่จะเก็บเงินจาก Big Tech EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย รองรับ 5G, 6G, cloud และ edge computing โดยเน้นการลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน

    EU ปฏิเสธแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายจาก Big Tech เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน 5G และ broadband
    อ้างอิงจาก White Paper ปี 2024 ที่สรุปว่าแนวคิดนี้ไม่ยั่งยืน
    Big Tech มองว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และไม่เป็นธรรม

    ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรปเรียกร้องให้ Big Tech จ่าย “fair share” เพราะใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก
    เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica, Telecom Italia
    ชี้ว่า Big Tech สร้างภาระให้กับโครงข่ายโดยไม่ช่วยลงทุน

    EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในไตรมาส 4 ปี 2025
    มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย
    ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน

    Digital Networks Act จะเป็น “regulation” ที่มีผลบังคับใช้โดยตรงในทุกประเทศสมาชิก EU
    คล้ายกับ GDPR, Digital Services Act และ AI Act
    ไม่ใช่ “directive” ที่ต้องรอการนำไปใช้ในแต่ละประเทศ

    เป้าหมายของ Digital Networks Act คือการสร้างตลาดเดียวด้านการเชื่อมต่อ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุโรป
    ปรับปรุงการจัดสรรคลื่นความถี่, ลดความซับซ้อนของการอนุญาต
    ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เครือข่ายแบบ cloud และ edge computing

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/network-fee-on-big-tech-not-a-viable-solution-to-boost-eu-digital-rollout-eu-says
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “EU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจาก Big Tech” แล้วจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนโครงข่าย? หลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในยุโรป เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica และ Telecom Italia เรียกร้องให้ EU บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ (Google, Meta, Netflix, Microsoft, Amazon ฯลฯ) จ่าย “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” เพราะพวกเขาใช้แบนด์วิดธ์มหาศาลจากโครงข่ายที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนเอง แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า “fair share funding” แต่ Big Tech โต้กลับว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และชี้ว่าพวกเขาก็ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองเช่นกัน ล่าสุด EU ออกมายืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับแนวคิดนี้ โดยอ้างอิงจาก White Paper ที่ตีพิมพ์เมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสรุปว่า “การเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน” แทนที่จะเก็บเงินจาก Big Tech EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย รองรับ 5G, 6G, cloud และ edge computing โดยเน้นการลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ✅ EU ปฏิเสธแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายจาก Big Tech เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน 5G และ broadband ➡️ อ้างอิงจาก White Paper ปี 2024 ที่สรุปว่าแนวคิดนี้ไม่ยั่งยืน ➡️ Big Tech มองว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และไม่เป็นธรรม ✅ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรปเรียกร้องให้ Big Tech จ่าย “fair share” เพราะใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก ➡️ เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica, Telecom Italia ➡️ ชี้ว่า Big Tech สร้างภาระให้กับโครงข่ายโดยไม่ช่วยลงทุน ✅ EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในไตรมาส 4 ปี 2025 ➡️ มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย ➡️ ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ✅ Digital Networks Act จะเป็น “regulation” ที่มีผลบังคับใช้โดยตรงในทุกประเทศสมาชิก EU ➡️ คล้ายกับ GDPR, Digital Services Act และ AI Act ➡️ ไม่ใช่ “directive” ที่ต้องรอการนำไปใช้ในแต่ละประเทศ ✅ เป้าหมายของ Digital Networks Act คือการสร้างตลาดเดียวด้านการเชื่อมต่อ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุโรป ➡️ ปรับปรุงการจัดสรรคลื่นความถี่, ลดความซับซ้อนของการอนุญาต ➡️ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เครือข่ายแบบ cloud และ edge computing https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/network-fee-on-big-tech-not-a-viable-solution-to-boost-eu-digital-rollout-eu-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Network fee on Big Tech not a viable solution to boost EU digital rollout, EU says
    BRUSSELS (Reuters) -The European Commission does not think that imposing a network fee on Big Tech companies is a viable solution to the debate over who should fund the rollout of 5G and broadband, a spokesman for the EU executive said on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกดิจิทัล: เมื่อ “บ้านของเรา” อาจไม่ใช่ที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลของเรา

    ลองจินตนาการว่าคุณซื้อหนังสือดิจิทัลจาก Kindle มา 400 เล่ม แล้ววันหนึ่ง Amazon ประกาศว่าไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้อีกต่อไป คุณยังเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น—แปลว่าคุณไม่ได้ “เป็นเจ้าของ” หนังสือเหล่านั้นจริงๆ แต่แค่ “เช่า” สิทธิ์ในการอ่าน

    นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามว่า “เรายังเป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเองอยู่หรือเปล่า?” และนำไปสู่การทดลองของผู้เขียนบทความ ที่ตัดสินใจสร้าง “คลาวด์ส่วนตัว” ขึ้นมาเองในบ้าน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส เช่น Immich (แทน Google Photos), Nextcloud (แทน Google Drive), Jellyfin (แทน Netflix) และ Audiobookshelf (แทน Audible)

    แต่หลังจากลงทุนลงแรงไปหลายสัปดาห์ เขากลับพบว่าแม้จะได้อิสระและความเป็นเจ้าของ แต่การดูแลระบบทั้งหมดด้วยตัวเองนั้น “ไม่ใช่อนาคตที่เหมาะกับทุกคน”

    Amazon ปรับนโยบาย Kindle: ผู้ใช้ไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือได้อีก
    ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น
    Amazon เปลี่ยนคำว่า “ซื้อหนังสือ” เป็น “ซื้อสิทธิ์การใช้งาน”

    แนวคิด Self-Hosting คือการตั้งเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ด้วยตัวเอง
    ใช้ฮาร์ดแวร์ของตนเอง ติดตั้งระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน
    ดูแลความปลอดภัย การสำรองข้อมูล และการอัปเดตทั้งหมดด้วยตัวเอง

    ผู้เขียนสร้างคลาวด์ส่วนตัวด้วยเซิร์ฟเวอร์ Lenovo และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส
    ใช้ Proxmox, Docker, Snapraid, MergerFS และ Tailscale
    ติดตั้งบริการต่างๆ เช่น Immich, Jellyfin, Nextcloud และ Audiobookshelf

    ข้อดีของ Self-Hosting คือความเป็นเจ้าของและความยืดหยุ่น
    ไม่มีการเก็บข้อมูลโดยบริษัทใหญ่
    สามารถปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ

    Self-Hosting ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคสูงและเวลามาก
    การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ใช้เวลาหลายสัปดาห์
    ต้องเข้าใจ Docker, Linux, VPN และระบบไฟล์

    ความผิดพลาดในการตั้งค่าอาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือระบบล่ม
    ไม่มีทีมซัพพอร์ตเหมือนบริการคลาวด์
    ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองเมื่อเกิดปัญหา

    การดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเป็นภาระที่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
    ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์และตรวจสอบความปลอดภัยสม่ำเสมอ
    หากไม่มีเวลาหรือความรู้ อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์

    แม้จะปลอดภัยจากบริษัทใหญ่ แต่ก็เสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หากตั้งค่าไม่ดี
    การเปิดพอร์ตหรือใช้รหัสผ่านอ่อนอาจถูกแฮกได้ง่าย
    ต้องมีระบบสำรองข้อมูลและไฟร์วอลล์ที่ดี

    https://www.drewlyton.com/story/the-future-is-not-self-hosted/
    🏠 เรื่องเล่าจากโลกดิจิทัล: เมื่อ “บ้านของเรา” อาจไม่ใช่ที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลของเรา ลองจินตนาการว่าคุณซื้อหนังสือดิจิทัลจาก Kindle มา 400 เล่ม แล้ววันหนึ่ง Amazon ประกาศว่าไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้อีกต่อไป คุณยังเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น—แปลว่าคุณไม่ได้ “เป็นเจ้าของ” หนังสือเหล่านั้นจริงๆ แต่แค่ “เช่า” สิทธิ์ในการอ่าน นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามว่า “เรายังเป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเองอยู่หรือเปล่า?” และนำไปสู่การทดลองของผู้เขียนบทความ ที่ตัดสินใจสร้าง “คลาวด์ส่วนตัว” ขึ้นมาเองในบ้าน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส เช่น Immich (แทน Google Photos), Nextcloud (แทน Google Drive), Jellyfin (แทน Netflix) และ Audiobookshelf (แทน Audible) แต่หลังจากลงทุนลงแรงไปหลายสัปดาห์ เขากลับพบว่าแม้จะได้อิสระและความเป็นเจ้าของ แต่การดูแลระบบทั้งหมดด้วยตัวเองนั้น “ไม่ใช่อนาคตที่เหมาะกับทุกคน” ✅ Amazon ปรับนโยบาย Kindle: ผู้ใช้ไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือได้อีก ➡️ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหนังสือได้ผ่านแอป Kindle เท่านั้น ➡️ Amazon เปลี่ยนคำว่า “ซื้อหนังสือ” เป็น “ซื้อสิทธิ์การใช้งาน” ✅ แนวคิด Self-Hosting คือการตั้งเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ด้วยตัวเอง ➡️ ใช้ฮาร์ดแวร์ของตนเอง ติดตั้งระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน ➡️ ดูแลความปลอดภัย การสำรองข้อมูล และการอัปเดตทั้งหมดด้วยตัวเอง ✅ ผู้เขียนสร้างคลาวด์ส่วนตัวด้วยเซิร์ฟเวอร์ Lenovo และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ➡️ ใช้ Proxmox, Docker, Snapraid, MergerFS และ Tailscale ➡️ ติดตั้งบริการต่างๆ เช่น Immich, Jellyfin, Nextcloud และ Audiobookshelf ✅ ข้อดีของ Self-Hosting คือความเป็นเจ้าของและความยืดหยุ่น ➡️ ไม่มีการเก็บข้อมูลโดยบริษัทใหญ่ ➡️ สามารถปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ ‼️ Self-Hosting ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคสูงและเวลามาก ⛔ การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และบริการต่างๆ ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ⛔ ต้องเข้าใจ Docker, Linux, VPN และระบบไฟล์ ‼️ ความผิดพลาดในการตั้งค่าอาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือระบบล่ม ⛔ ไม่มีทีมซัพพอร์ตเหมือนบริการคลาวด์ ⛔ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองเมื่อเกิดปัญหา ‼️ การดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเป็นภาระที่ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ต้องอัปเดตซอฟต์แวร์และตรวจสอบความปลอดภัยสม่ำเสมอ ⛔ หากไม่มีเวลาหรือความรู้ อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ‼️ แม้จะปลอดภัยจากบริษัทใหญ่ แต่ก็เสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หากตั้งค่าไม่ดี ⛔ การเปิดพอร์ตหรือใช้รหัสผ่านอ่อนอาจถูกแฮกได้ง่าย ⛔ ต้องมีระบบสำรองข้อมูลและไฟร์วอลล์ที่ดี https://www.drewlyton.com/story/the-future-is-not-self-hosted/
    WWW.DREWLYTON.COM
    The Future is NOT Self-Hosted
    Hey friends 👋, A few months ago, Amazon announced that Kindle users would no longer be able to download and back up their book libraries to their computers. Thankfully, I still have access to my library because I saw this video by Jared Henderson warning of the change and downloaded all
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • ย้อนกลับไปยุคแรก ๆ ของ YouTube ค่ายหนังฟ้องกันระนาวว่ามีแต่ของละเมิด แต่ปัจจุบัน YouTube กลับกลายเป็นพันธมิตรรายใหญ่ของ Hollywood ทั้งในแง่สตรีมมิ่งและโฆษณา → แต่เบื้องหลังก็ยังมี “คลิปผิดลิขสิทธิ์” ถูกอัปขึ้นแทบตลอดเวลา

    ล่าสุดบริษัท Adalytics วิเคราะห์ข้อมูลจากคลิปกว่า 9,000 รายการที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ → พบว่ามีทั้ง หนังใหม่ในโรง, Netflix Original, การ์ตูนดังอย่าง Family Guy, และฟุตบอลมหาลัยในสหรัฐฯ → รวมยอดวิวทะลุ 250 ล้านครั้ง! → เช่น ไลฟ์แอ็กชันเรื่อง Lilo & Stitch ของ Disney ที่เพิ่งฉายพฤษภาคม 2025 มีคนดูเถื่อนใน YouTube ไปแล้วกว่า 200,000 ราย!

    YouTube บอกว่าตัวเองมีระบบ Content ID ตรวจจับอัตโนมัติ → ปีที่ผ่านมา “สแกนได้ 2.2 พันล้านคลิป” → โดยเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเลือก “ปล่อยให้ดูฟรี (เพื่อรับโฆษณา)” หรือ “ลบออก” ได้ → ปรากฏว่า 90% ของวิดีโอที่ตรวจเจอ…ยังอยู่บนแพลตฟอร์ม

    แต่ Adalytics บอกว่า…ผู้ลงโฆษณาไม่รู้เลยว่าโฆษณาของตัวเองไปโชว์ในคลิปละเมิด → แถม 60% ของโฆษณาหายไปเพราะคลิปถูกลบแล้ว ทำให้สถิติหาย–เงินหาย → ระบบรายงานของ YouTube ก็ไม่โปร่งใสเท่าที่ควร

    Adalytics พบคลิปละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่า 9,000 รายการบน YouTube (ก.ค. 2024 – พ.ค. 2025)  
    • มีหนังในโรง, Netflix Exclusive, การ์ตูนดัง, ฟุตบอลถ่ายทอดสด  
    • รวมกันยอดวิวกว่า 250 ล้านครั้ง

    YouTube ยืนยันใช้ Content ID ตรวจจับ → พบคลิปน่าสงสัย 2.2 พันล้านรายการต่อปี  
    • เจ้าของลิขสิทธิ์เลือกได้: ลบ / หรือเปิดให้ดูต่อแต่เก็บโฆษณา  
    • 90% ของคลิปที่ตรวจเจอ “ยังอยู่ในระบบ”

    คลิปตัวอย่าง: ไลฟ์แอ็กชัน Lilo & Stitch ถูกอัปโหลดก่อนหนังเข้าฉายไม่กี่วัน → ยอดดูเกิน 200,000

    YouTube ไม่วิเคราะห์เองว่าคลิปไหน “ผิด” → ขึ้นกับผู้ถือสิทธิ์เป็นคนจัดการ

    https://www.techspot.com/news/108578-youtube-hosts-thousands-pirated-films-tv-shows-any.html
    ย้อนกลับไปยุคแรก ๆ ของ YouTube ค่ายหนังฟ้องกันระนาวว่ามีแต่ของละเมิด แต่ปัจจุบัน YouTube กลับกลายเป็นพันธมิตรรายใหญ่ของ Hollywood ทั้งในแง่สตรีมมิ่งและโฆษณา → แต่เบื้องหลังก็ยังมี “คลิปผิดลิขสิทธิ์” ถูกอัปขึ้นแทบตลอดเวลา ล่าสุดบริษัท Adalytics วิเคราะห์ข้อมูลจากคลิปกว่า 9,000 รายการที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ → พบว่ามีทั้ง หนังใหม่ในโรง, Netflix Original, การ์ตูนดังอย่าง Family Guy, และฟุตบอลมหาลัยในสหรัฐฯ → รวมยอดวิวทะลุ 250 ล้านครั้ง! → เช่น ไลฟ์แอ็กชันเรื่อง Lilo & Stitch ของ Disney ที่เพิ่งฉายพฤษภาคม 2025 มีคนดูเถื่อนใน YouTube ไปแล้วกว่า 200,000 ราย! YouTube บอกว่าตัวเองมีระบบ Content ID ตรวจจับอัตโนมัติ → ปีที่ผ่านมา “สแกนได้ 2.2 พันล้านคลิป” → โดยเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเลือก “ปล่อยให้ดูฟรี (เพื่อรับโฆษณา)” หรือ “ลบออก” ได้ → ปรากฏว่า 90% ของวิดีโอที่ตรวจเจอ…ยังอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่ Adalytics บอกว่า…ผู้ลงโฆษณาไม่รู้เลยว่าโฆษณาของตัวเองไปโชว์ในคลิปละเมิด → แถม 60% ของโฆษณาหายไปเพราะคลิปถูกลบแล้ว ทำให้สถิติหาย–เงินหาย → ระบบรายงานของ YouTube ก็ไม่โปร่งใสเท่าที่ควร ✅ Adalytics พบคลิปละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่า 9,000 รายการบน YouTube (ก.ค. 2024 – พ.ค. 2025)   • มีหนังในโรง, Netflix Exclusive, การ์ตูนดัง, ฟุตบอลถ่ายทอดสด   • รวมกันยอดวิวกว่า 250 ล้านครั้ง ✅ YouTube ยืนยันใช้ Content ID ตรวจจับ → พบคลิปน่าสงสัย 2.2 พันล้านรายการต่อปี   • เจ้าของลิขสิทธิ์เลือกได้: ลบ / หรือเปิดให้ดูต่อแต่เก็บโฆษณา   • 90% ของคลิปที่ตรวจเจอ “ยังอยู่ในระบบ” ✅ คลิปตัวอย่าง: ไลฟ์แอ็กชัน Lilo & Stitch ถูกอัปโหลดก่อนหนังเข้าฉายไม่กี่วัน → ยอดดูเกิน 200,000 ✅ YouTube ไม่วิเคราะห์เองว่าคลิปไหน “ผิด” → ขึ้นกับผู้ถือสิทธิ์เป็นคนจัดการ https://www.techspot.com/news/108578-youtube-hosts-thousands-pirated-films-tv-shows-any.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    YouTube hosts thousands of pirated films and TV shows at any given moment
    According to new research by Adalytics, YouTube continues to host a significant amount of "premium" content despite its ongoing efforts to curb copyright infringement. In a study...
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM

    แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control

    Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง

    สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง

    ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ  
    • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร

    ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต  
    • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS

    Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน  
    • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง

    Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor  
    • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ

    การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model  
    • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์

    องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance  
    • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input

    ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:  
    • สแกน model file แบบเฉพาะทาง  
    • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)  
    • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source

    ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:  
    • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน

    https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    หลังจากงาน RSA Conference 2025 หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ข่าว AI น่ากลัวไปหมด” — ทั้ง deepfakes, hallucination, model leak, และ supply chain attack แบบใหม่ ๆ ที่อิง LLM แต่ Tony Martin-Vegue วิศวกรด้านความเสี่ยงของ Netflix บอกว่า สิ่งที่ CISO ต้องทำไม่ใช่ตื่นตระหนก แต่คือ กลับมาใช้วิธีคิดเดิม ๆ ที่เคยได้ผล — รู้ว่า AI ถูกใช้ที่ไหน โดยใคร และกับข้อมูลชนิดไหน แล้วค่อยวาง control Rob T. Lee จาก SANS ก็แนะนำว่า CISO ต้อง “ใช้ AI เองทุกวัน” จนเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก่อนจะไปออกนโยบาย ส่วน Chris Hetner จาก NACD ก็เตือนว่าปัญหาไม่ใช่ AI แต่คือความวุ่นวายใน echo chamber ของวงการไซเบอร์เอง สุดท้าย Diana Kelley แห่ง Protect AI บอกว่า “อย่ารอจนโดน MSA (Model Serialization Attack)” ควรเริ่มวางแผนความปลอดภัยเฉพาะทางสำหรับ LLM แล้ว — ทั้งการสแกน model, ตรวจ typosquatting และจัดการ data flow จากต้นทาง ✅ ไม่ต้องตื่นตระหนกกับความเสี่ยงจาก LLM — แต่ให้กลับมาโฟกัสที่ security fundamentals ที่ใช้ได้เสมอ   • เช่น เข้าใจว่า AI ถูกใช้อย่างไร, ที่ไหน, โดยใคร, เพื่ออะไร ✅ ควรใช้แนวทางเดียวกับการบริหารความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่ในอดีต   • เช่น BYOD, คลาวด์, SaaS ✅ Rob T. Lee (SANS) แนะนำให้ผู้บริหาร Cyber ลองใช้งาน AI จริงในชีวิตประจำวัน   • จะช่วยให้รู้ว่าควรตั้ง control อย่างไรในบริบทองค์กรจริง ✅ Chris Hetner (NACD) เตือนว่า FUD (ความกลัว, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย) มาจาก echo chamber และ vendor   • CISO ควรพากลับมาโฟกัสที่ profile ความเสี่ยง, asset, และผลกระทบ ✅ การปกป้อง AI = ต้องรู้ว่าใช้ข้อมูลชนิดใด feed เข้า model   • เช่น ข้อมูล HR, ลูกค้า, ผลิตภัณฑ์ ✅ องค์กรต้องรู้ว่า “ใครใช้ AI บ้าง และใช้กับข้อมูลไหน” → เพื่อวาง data governance   • เช่น ใช้ scanning, encryption, redaction, การอนุญาต data input ✅ ควรปกป้อง “ตัว model” ด้วยการ:   • สแกน model file แบบเฉพาะทาง   • ป้องกัน typosquatting, neural backdoor, MSA (Model Serialization Attack)   • ตรวจสอบ supply chain model โดยเฉพาะ open-source ✅ ตัวอย่างองค์กรที่เปลี่ยนโครงสร้างแล้ว:   • Moderna รวม HR + IT เป็นตำแหน่งเดียว เพื่อดูแลทั้ง “คน + agent AI” พร้อมกัน https://www.csoonline.com/article/4006436/llms-hype-versus-reality-what-cisos-should-focus-on.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    LLMs hype versus reality: What CISOs should focus on
    In an overly reactive market to the risks posed by large language models (LLMs), CISO’s need not panic. Here are four common-sense security fundamentals to support AI-enabled business operations across the enterprise.
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน

    ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ

    โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม

    นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้

    ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว

    และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท

    สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน

    แต่!!

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา

    สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด

    โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด

    ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้

    แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก

    ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน

    ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย

    ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น

    และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่

    เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน

    คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง?

    สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม

    ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation

    และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด

    ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด

    สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่

    ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต

    เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้

    ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น

    ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา

    ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

    แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย

    หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้ ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน แต่!! สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้ แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่ เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง? สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่ ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่ ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้ ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 Reviews
  • ปกติเวลาเรามีปัญหาใช้บริการ Netflix, Apple, Microsoft หรือธนาคารต่าง ๆ ก็จะเข้า Google แล้วพิมพ์ “เบอร์ฝ่ายซัพพอร์ต” ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้แฮกเกอร์รู้ทันคนแล้ว!

    Malwarebytes ออกมาเตือนว่า มิจฉาชีพซื้อโฆษณาบน Google แล้วใส่พารามิเตอร์พิเศษลงในลิงก์ ที่พาไปยังหน้าเว็บซัพพอร์ตจริงของแบรนด์ แต่จะฝัง เบอร์โทรปลอมไว้ในช่องค้นหาด้านบนของหน้าเว็บนั้น

    พูดง่าย ๆ คือ ลิงก์โฆษณาพาไปเว็บจริง แต่เนื้อหาเหมือน “ถูกฉีดข้อความ” ให้แสดงเบอร์หลอกไว้ตรงหน้า — ผู้ใช้ที่รีบโทร อาจโดนหลอกเอาข้อมูลบัญชี บัตรเครดิต หรือกู้เงินในชื่อเราได้ง่าย ๆ เลย

    เป้าหมายที่โดนบ่อยมีทั้ง Netflix, Apple, Facebook, PayPal, Microsoft, HP, Bank of America ฯลฯ โดยเฉพาะเว็บ Apple ที่แทบตรวจจับไม่ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง

    แฮกเกอร์ฝังเบอร์หลอกในหน้าเว็บซัพพอร์ตจริง โดยใช้ลิงก์โฆษณา Google Ads  
    • ใช้ query string ปลอมให้ช่องค้นหาบนหน้าเว็บแสดงเบอร์โทรหลอก

    เว็บแบรนด์ดังที่ตกเป็นเป้า ได้แก่:  
    • Apple, Netflix, PayPal, Microsoft, Facebook, Bank of America, HP

    ผู้ใช้เข้าเว็บจริงแต่เห็นเบอร์ปลอม คิดว่าเป็นของบริษัท และโทรหาแก๊งหลอกลวงโดยไม่รู้ตัว  
    • มิจฉาชีพจะพยายามล้วงข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร, login credentials

    Malwarebytes ระบุว่า “Browser Guard” สามารถตรวจจับกลโกงลักษณะนี้ได้ในบางกรณี  
    • ช่วยแจ้งเตือนเมื่อหน้าเว็บมีพารามิเตอร์หรือข้อความแฝงผิดปกติ

    ตัวอย่างลักษณะ URL และพฤติกรรมที่ควรระวัง:  
    • มีเบอร์โทรต่อท้าย URL ของหน้าเว็บ  
    • มีคำเตือนรุนแรงผิดปกติ เช่น “Call now to avoid account lock”  
    • มีอักขระพิเศษใน URL เช่น %20 หรือพารามิเตอร์ยาวผิดปกติ  
    • หน้า search ของเว็บแสดงผลทันทีแม้ยังไม่ได้พิมพ์

    อย่าโทรเบอร์ใด ๆ ที่พบจากโฆษณาหรือหน้าค้นหาโดยไม่ตรวจสอบก่อน  
    • ให้เช็กเบอร์จากช่องทางที่ยืนยันแล้ว เช่น อีเมลเก่า, แอปทางการ, โซเชียลทางการ หรือ Wikipedia

    อย่าเชื่อเว็บที่คลิกเข้าไปจาก Google โดยไม่ตรวจสอบ URL ให้แน่ชัด  
    • แม้จะดูเป็นเว็บจริง แต่พารามิเตอร์ในลิงก์อาจถูกฉีดข้อมูลเข้ามา

    ถ้าฝ่ายซัพพอร์ตถามข้อมูลการเงินที่ไม่เกี่ยวกับปัญหา อย่าตอบ — ควรวางสายทันที  
    • แบรนด์จริงไม่ควรขอรหัสผ่านหรือ OTP ผ่านการโทรปกติ

    หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จากอีเมลหรือโฆษณาที่พยายามสร้างความเร่งรีบ  
    • อาทิ “บัญชีจะถูกลบถ้าไม่ยืนยันใน 24 ชั่วโมง”

    https://www.techspot.com/news/108384-scammers-hijack-real-support-pages-show-fake-phone.html
    ปกติเวลาเรามีปัญหาใช้บริการ Netflix, Apple, Microsoft หรือธนาคารต่าง ๆ ก็จะเข้า Google แล้วพิมพ์ “เบอร์ฝ่ายซัพพอร์ต” ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้แฮกเกอร์รู้ทันคนแล้ว! Malwarebytes ออกมาเตือนว่า มิจฉาชีพซื้อโฆษณาบน Google แล้วใส่พารามิเตอร์พิเศษลงในลิงก์ ที่พาไปยังหน้าเว็บซัพพอร์ตจริงของแบรนด์ แต่จะฝัง เบอร์โทรปลอมไว้ในช่องค้นหาด้านบนของหน้าเว็บนั้น พูดง่าย ๆ คือ ลิงก์โฆษณาพาไปเว็บจริง แต่เนื้อหาเหมือน “ถูกฉีดข้อความ” ให้แสดงเบอร์หลอกไว้ตรงหน้า — ผู้ใช้ที่รีบโทร อาจโดนหลอกเอาข้อมูลบัญชี บัตรเครดิต หรือกู้เงินในชื่อเราได้ง่าย ๆ เลย เป้าหมายที่โดนบ่อยมีทั้ง Netflix, Apple, Facebook, PayPal, Microsoft, HP, Bank of America ฯลฯ โดยเฉพาะเว็บ Apple ที่แทบตรวจจับไม่ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง ✅ แฮกเกอร์ฝังเบอร์หลอกในหน้าเว็บซัพพอร์ตจริง โดยใช้ลิงก์โฆษณา Google Ads   • ใช้ query string ปลอมให้ช่องค้นหาบนหน้าเว็บแสดงเบอร์โทรหลอก ✅ เว็บแบรนด์ดังที่ตกเป็นเป้า ได้แก่:   • Apple, Netflix, PayPal, Microsoft, Facebook, Bank of America, HP ✅ ผู้ใช้เข้าเว็บจริงแต่เห็นเบอร์ปลอม คิดว่าเป็นของบริษัท และโทรหาแก๊งหลอกลวงโดยไม่รู้ตัว   • มิจฉาชีพจะพยายามล้วงข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร, login credentials ✅ Malwarebytes ระบุว่า “Browser Guard” สามารถตรวจจับกลโกงลักษณะนี้ได้ในบางกรณี   • ช่วยแจ้งเตือนเมื่อหน้าเว็บมีพารามิเตอร์หรือข้อความแฝงผิดปกติ ✅ ตัวอย่างลักษณะ URL และพฤติกรรมที่ควรระวัง:   • มีเบอร์โทรต่อท้าย URL ของหน้าเว็บ   • มีคำเตือนรุนแรงผิดปกติ เช่น “Call now to avoid account lock”   • มีอักขระพิเศษใน URL เช่น %20 หรือพารามิเตอร์ยาวผิดปกติ   • หน้า search ของเว็บแสดงผลทันทีแม้ยังไม่ได้พิมพ์ ‼️ อย่าโทรเบอร์ใด ๆ ที่พบจากโฆษณาหรือหน้าค้นหาโดยไม่ตรวจสอบก่อน   • ให้เช็กเบอร์จากช่องทางที่ยืนยันแล้ว เช่น อีเมลเก่า, แอปทางการ, โซเชียลทางการ หรือ Wikipedia ‼️ อย่าเชื่อเว็บที่คลิกเข้าไปจาก Google โดยไม่ตรวจสอบ URL ให้แน่ชัด   • แม้จะดูเป็นเว็บจริง แต่พารามิเตอร์ในลิงก์อาจถูกฉีดข้อมูลเข้ามา ‼️ ถ้าฝ่ายซัพพอร์ตถามข้อมูลการเงินที่ไม่เกี่ยวกับปัญหา อย่าตอบ — ควรวางสายทันที   • แบรนด์จริงไม่ควรขอรหัสผ่านหรือ OTP ผ่านการโทรปกติ ‼️ หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จากอีเมลหรือโฆษณาที่พยายามสร้างความเร่งรีบ   • อาทิ “บัญชีจะถูกลบถ้าไม่ยืนยันใน 24 ชั่วโมง” https://www.techspot.com/news/108384-scammers-hijack-real-support-pages-show-fake-phone.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scammers hijack real support pages to show fake phone numbers
    Many people likely understand that they should verify URLs when visiting sites for banks, tech companies, and other critical services to avoid fraudulent links. While steering clear...
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • ใครอยากต่อเนื่องจากหนังสงครามส่งด่วนใน Netflix ก็มาฟังเรื่องราวของ Unicorn 4 ตัวของเมืองไทย
    https://www.youtube.com/watch?v=FVjVtv5Hsko
    ใครอยากต่อเนื่องจากหนังสงครามส่งด่วนใน Netflix ก็มาฟังเรื่องราวของ Unicorn 4 ตัวของเมืองไทย https://www.youtube.com/watch?v=FVjVtv5Hsko
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • บันทึกความเร็วใหม่ของอินเทอร์เน็ต: 1.02 เพตะบิตต่อวินาที
    นักวิจัยจาก สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติญี่ปุ่น (NICT) ร่วมกับ Sumitomo Electric Industries ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่าน สายไฟเบอร์ออปติก ด้วยความเร็ว 1.02 เพตะบิตต่อวินาที ซึ่งมากพอที่จะดาวน์โหลด ภาพยนตร์ทั้งหมดบน Netflix ได้ถึง 30 รอบ

    สายไฟเบอร์ออปติกที่ใช้ในงานวิจัยนี้มี 19 คอร์ ซึ่งแต่ละคอร์ทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งข้อมูลแยกกัน เปรียบเสมือน ทางหลวง 19 เลน ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสายไฟเบอร์แบบดั้งเดิม

    เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานได้บน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างภายในเพื่อ ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - NICT และ Sumitomo Electric Industries สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่านไฟเบอร์ออปติก
    - ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 1.02 เพตะบิตต่อวินาที
    - ใช้สายไฟเบอร์แบบ 19 คอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถส่งข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
    - เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานบน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล
    - ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับไฟเบอร์รุ่นก่อนหน้า

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีความเร็วสูง แต่ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการขยายสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - การนำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรมต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้รองรับการผลิตจำนวนมาก
    - ต้องติดตามว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงเมื่อใด
    - การขยายเครือข่ายระดับเพตะบิตอาจต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานใหม่ในบางพื้นที่

    เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับเพตะบิตกลายเป็นความจริง และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเครือข่ายที่สามารถรองรับข้อมูลระดับศูนย์ข้อมูลทั้งแห่งได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

    https://www.techspot.com/news/108133-ultra-fast-fiber-sets-global-speed-record-102.html
    🚀 บันทึกความเร็วใหม่ของอินเทอร์เน็ต: 1.02 เพตะบิตต่อวินาที นักวิจัยจาก สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติญี่ปุ่น (NICT) ร่วมกับ Sumitomo Electric Industries ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่าน สายไฟเบอร์ออปติก ด้วยความเร็ว 1.02 เพตะบิตต่อวินาที ซึ่งมากพอที่จะดาวน์โหลด ภาพยนตร์ทั้งหมดบน Netflix ได้ถึง 30 รอบ สายไฟเบอร์ออปติกที่ใช้ในงานวิจัยนี้มี 19 คอร์ ซึ่งแต่ละคอร์ทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งข้อมูลแยกกัน เปรียบเสมือน ทางหลวง 19 เลน ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสายไฟเบอร์แบบดั้งเดิม เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานได้บน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างภายในเพื่อ ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - NICT และ Sumitomo Electric Industries สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลผ่านไฟเบอร์ออปติก - ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 1.02 เพตะบิตต่อวินาที - ใช้สายไฟเบอร์แบบ 19 คอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถส่งข้อมูลได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม - เทคโนโลยีนี้สามารถทำงานบน C และ L bands ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล - ลดการสูญเสียสัญญาณลง 40% เมื่อเทียบกับไฟเบอร์รุ่นก่อนหน้า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีความเร็วสูง แต่ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการขยายสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น - การนำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรมต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้รองรับการผลิตจำนวนมาก - ต้องติดตามว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงเมื่อใด - การขยายเครือข่ายระดับเพตะบิตอาจต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานใหม่ในบางพื้นที่ เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับเพตะบิตกลายเป็นความจริง และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเครือข่ายที่สามารถรองรับข้อมูลระดับศูนย์ข้อมูลทั้งแห่งได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง https://www.techspot.com/news/108133-ultra-fast-fiber-sets-global-speed-record-102.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Ultra-fast fiber sets global speed record: 1.02 petabits per second over continental distance
    At the heart of this breakthrough – driven by Japan's National Institute of Information and Communications Technology (NICT) and Sumitomo Electric Industries – is a 19-core optical...
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • ผู้กำกับเกม Avowed ลาออกจาก Obsidian Entertainment เพื่อเข้าร่วม Netflix Games

    Carrie Patel ผู้กำกับเกม Avowed ของ Obsidian Entertainment ประกาศลาออกจากสตูดิโอหลังจากทำงานมานานกว่า 12 ปี โดยเธอจะเข้ารับตำแหน่ง Game Director ที่ Night School Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอเกมของ Netflix

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Carrie Patel
    Carrie Patel เคยเป็นนักเขียนและนักออกแบบเนื้อเรื่องให้กับเกม RPG ชื่อดังหลายเกม
    - รวมถึง Pillars of Eternity, The Outer Worlds และ Avowed

    เธอได้รับตำแหน่ง Game Director ครั้งแรกใน The Outer Worlds: Peril on Gorgon expansion
    - และต่อมา เป็นผู้กำกับเกม Avowed ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2025

    Night School Studio เป็นผู้พัฒนาเกมอินดี้ที่ Netflix เข้าซื้อกิจการในปี 2021
    - มีผลงานเกมดัง เช่น Oxenfree, Afterparty และ Oxenfree II: Lost Signals

    Obsidian Entertainment ยังคงเดินหน้าพัฒนาเกมใหม่ เช่น The Outer Worlds 2
    - ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2025 โดยมี Brandon Adler เป็นผู้กำกับ

    Obsidian ประกาศแผนอัปเดตเกม Avowed รวมถึงโหมด New Game+, อาวุธใหม่ และความสามารถใหม่
    - เพื่อ เพิ่มประสบการณ์การเล่นให้กับผู้เล่น

    https://www.neowin.net/news/obsidian-director-behind-avowed-leaves-studio-to-take-position-at-netflix-games/
    ผู้กำกับเกม Avowed ลาออกจาก Obsidian Entertainment เพื่อเข้าร่วม Netflix Games Carrie Patel ผู้กำกับเกม Avowed ของ Obsidian Entertainment ประกาศลาออกจากสตูดิโอหลังจากทำงานมานานกว่า 12 ปี โดยเธอจะเข้ารับตำแหน่ง Game Director ที่ Night School Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอเกมของ Netflix 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Carrie Patel ✅ Carrie Patel เคยเป็นนักเขียนและนักออกแบบเนื้อเรื่องให้กับเกม RPG ชื่อดังหลายเกม - รวมถึง Pillars of Eternity, The Outer Worlds และ Avowed ✅ เธอได้รับตำแหน่ง Game Director ครั้งแรกใน The Outer Worlds: Peril on Gorgon expansion - และต่อมา เป็นผู้กำกับเกม Avowed ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2025 ✅ Night School Studio เป็นผู้พัฒนาเกมอินดี้ที่ Netflix เข้าซื้อกิจการในปี 2021 - มีผลงานเกมดัง เช่น Oxenfree, Afterparty และ Oxenfree II: Lost Signals ✅ Obsidian Entertainment ยังคงเดินหน้าพัฒนาเกมใหม่ เช่น The Outer Worlds 2 - ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2025 โดยมี Brandon Adler เป็นผู้กำกับ ✅ Obsidian ประกาศแผนอัปเดตเกม Avowed รวมถึงโหมด New Game+, อาวุธใหม่ และความสามารถใหม่ - เพื่อ เพิ่มประสบการณ์การเล่นให้กับผู้เล่น https://www.neowin.net/news/obsidian-director-behind-avowed-leaves-studio-to-take-position-at-netflix-games/
    WWW.NEOWIN.NET
    Obsidian director behind Avowed leaves studio to take position at Netflix Games
    Obsidian Entertainment's latest RPG, Avowed, was released only a few months ago, and its director has now announced that she is moving over to Netflix's gaming division.
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • Google ได้เปิดตัว 100 Zeros ซึ่งเป็นโครงการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ใหม่ โดยร่วมมือกับ Range Media Partners ซึ่งเป็นบริษัทด้านความสามารถและการผลิตที่มีผลงานในภาพยนตร์ เช่น A Complete Unknown และ Longlegs

    โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่สามารถใช้เทคโนโลยี AI และ Spatial Computing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสานโลกจริงกับโลกเสมือน นอกจากนี้ Google ยังต้องการ เพิ่มการยอมรับและการใช้งานบริการใหม่ ๆ เช่น Gemini ซึ่งเป็นคู่แข่งของ ChatGPT

    แม้ว่าจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิง แต่ Google ไม่ได้วางแผนให้ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักในการเผยแพร่ผลงานของ 100 Zeros โดยตั้งเป้าหมายที่จะ ขายโปรเจกต์ให้กับสตูดิโอและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix

    Google เปิดตัวโครงการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ใหม่
    - ร่วมมือกับ Range Media Partners
    - สนับสนุน การใช้เทคโนโลยี AI และ Spatial Computing

    เป้าหมายของโครงการ
    - เพิ่มการยอมรับและการใช้งาน บริการใหม่ ๆ เช่น Gemini
    - สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย

    ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุน
    - Cuckoo ซึ่งเป็นภาพยนตร์สยองขวัญอินดี้
    - Sweetwater และ LUCID ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับ AI

    Google ไม่ได้วางแผนให้ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักของโครงการ
    - ตั้งเป้าหมายที่จะ ขายโปรเจกต์ให้กับสตูดิโอและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/google-has-launched-new-film-and-tv-production-wing-business-insider-reports
    Google ได้เปิดตัว 100 Zeros ซึ่งเป็นโครงการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ใหม่ โดยร่วมมือกับ Range Media Partners ซึ่งเป็นบริษัทด้านความสามารถและการผลิตที่มีผลงานในภาพยนตร์ เช่น A Complete Unknown และ Longlegs โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่สามารถใช้เทคโนโลยี AI และ Spatial Computing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสานโลกจริงกับโลกเสมือน นอกจากนี้ Google ยังต้องการ เพิ่มการยอมรับและการใช้งานบริการใหม่ ๆ เช่น Gemini ซึ่งเป็นคู่แข่งของ ChatGPT แม้ว่าจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิง แต่ Google ไม่ได้วางแผนให้ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักในการเผยแพร่ผลงานของ 100 Zeros โดยตั้งเป้าหมายที่จะ ขายโปรเจกต์ให้กับสตูดิโอและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix ✅ Google เปิดตัวโครงการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ใหม่ - ร่วมมือกับ Range Media Partners - สนับสนุน การใช้เทคโนโลยี AI และ Spatial Computing ✅ เป้าหมายของโครงการ - เพิ่มการยอมรับและการใช้งาน บริการใหม่ ๆ เช่น Gemini - สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ✅ ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุน - Cuckoo ซึ่งเป็นภาพยนตร์สยองขวัญอินดี้ - Sweetwater และ LUCID ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับ AI ✅ Google ไม่ได้วางแผนให้ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักของโครงการ - ตั้งเป้าหมายที่จะ ขายโปรเจกต์ให้กับสตูดิโอและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/google-has-launched-new-film-and-tv-production-wing-business-insider-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google has launched new film and TV production wing, Business Insider reports
    (Reuters) -Google has launched a new film and TV production initiative to scout projects it could fund or co-produce, Business Insider reported, a move that could help it capitalize on an industry reeling from rising production costs and potential U.S. tariffs.
    0 Comments 0 Shares 498 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเวน (TU/e) ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลไร้สายผ่าน แสงอินฟราเรด ด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที ซึ่งเทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ

    เทคโนโลยีนี้ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนา การสื่อสารด้วยแสงในอากาศ (Free-Space Optical Communication - FSO) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่มีสัญญาณรบกวน

    นักวิจัยส่งข้อมูลไร้สายด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที
    - เทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ
    - ใช้ แสงอินฟราเรดแทนสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุ

    เทคโนโลยี Free-Space Optical Communication (FSO)
    - ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision
    - ส่งข้อมูลผ่าน ลำแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็น

    ข้อดีของเทคโนโลยีนี้
    - ไม่มี สัญญาณรบกวนจากคลื่นวิทยุ
    - สามารถเพิ่ม จำนวนช่องสัญญาณได้ไม่จำกัด

    แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - อาจถูกนำไปใช้ใน เครือข่าย 5G และ 6G
    - สามารถช่วย เชื่อมต่อพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.techradar.com/pro/wi-fi-more-like-wow-fi-researchers-transmit-almost-2-million-netflix-hd-streams-simultaneously-using-a-single-beam-of-infrared-light
    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเวน (TU/e) ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลไร้สายผ่าน แสงอินฟราเรด ด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที ซึ่งเทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ เทคโนโลยีนี้ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนา การสื่อสารด้วยแสงในอากาศ (Free-Space Optical Communication - FSO) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่มีสัญญาณรบกวน ✅ นักวิจัยส่งข้อมูลไร้สายด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที - เทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ - ใช้ แสงอินฟราเรดแทนสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุ ✅ เทคโนโลยี Free-Space Optical Communication (FSO) - ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision - ส่งข้อมูลผ่าน ลำแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็น ✅ ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ - ไม่มี สัญญาณรบกวนจากคลื่นวิทยุ - สามารถเพิ่ม จำนวนช่องสัญญาณได้ไม่จำกัด ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - อาจถูกนำไปใช้ใน เครือข่าย 5G และ 6G - สามารถช่วย เชื่อมต่อพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน https://www.techradar.com/pro/wi-fi-more-like-wow-fi-researchers-transmit-almost-2-million-netflix-hd-streams-simultaneously-using-a-single-beam-of-infrared-light
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการใช้ AI ในการคัดเลือกลูกสุนัขที่มีศักยภาพในการเป็นสุนัขนำทางหรือสุนัขบริการ โดยการวิจัยจากมหาวิทยาลัย East London พบว่า AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80% ในระยะเวลา 12 เดือน การใช้ AI ช่วยลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทั้งด้านอารมณ์และการเงิน

    AI ทำงานโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกสุนัขผ่านแบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัขในช่วงอายุ 6 เดือนและ 12 เดือน AI สามารถตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่แม้แต่ผู้ฝึกสุนัขที่มีประสบการณ์อาจมองข้าม

    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก เช่น The Seeing Eye และ Canine Companions ซึ่งเป็นทีมที่ปรากฏในสารคดี Netflix เรื่อง Inside the Mind of a Dog

    ความแม่นยำของ AI
    - AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80%
    - ลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข

    การวิเคราะห์พฤติกรรม
    - ใช้แบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัข
    - AI ตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่ผู้ฝึกอาจมองข้าม

    การสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก
    - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก The Seeing Eye และ Canine Companions
    - องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในวงการฝึกสุนัขนำทาง

    เป้าหมายของโครงการ
    - เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกสุนัขนำทาง
    - ลดผลกระทบด้านอารมณ์และการเงินจากการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึก

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/ai-is-better-at-picking-which-puppy-will-make-a-good-guide-dog-than-humans-are
    บทความนี้กล่าวถึงการใช้ AI ในการคัดเลือกลูกสุนัขที่มีศักยภาพในการเป็นสุนัขนำทางหรือสุนัขบริการ โดยการวิจัยจากมหาวิทยาลัย East London พบว่า AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80% ในระยะเวลา 12 เดือน การใช้ AI ช่วยลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทั้งด้านอารมณ์และการเงิน AI ทำงานโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกสุนัขผ่านแบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัขในช่วงอายุ 6 เดือนและ 12 เดือน AI สามารถตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่แม้แต่ผู้ฝึกสุนัขที่มีประสบการณ์อาจมองข้าม โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก เช่น The Seeing Eye และ Canine Companions ซึ่งเป็นทีมที่ปรากฏในสารคดี Netflix เรื่อง Inside the Mind of a Dog ✅ ความแม่นยำของ AI - AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80% - ลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข ✅ การวิเคราะห์พฤติกรรม - ใช้แบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัข - AI ตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่ผู้ฝึกอาจมองข้าม ✅ การสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก The Seeing Eye และ Canine Companions - องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในวงการฝึกสุนัขนำทาง ✅ เป้าหมายของโครงการ - เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกสุนัขนำทาง - ลดผลกระทบด้านอารมณ์และการเงินจากการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึก https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/ai-is-better-at-picking-which-puppy-will-make-a-good-guide-dog-than-humans-are
    0 Comments 0 Shares 330 Views 0 Reviews
  • TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นสหรัฐฯ โดย 47% ของวัยรุ่น ที่เข้าร่วมการสำรวจระบุว่า TikTok เป็นแอปโปรดของพวกเขา ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติของ Snapchat ในปี 2017 แม้ว่าอนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ จะยังไม่แน่นอน แต่แพลตฟอร์มนี้ยังคงครองใจวัยรุ่นและมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว

    TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นสหรัฐฯ
    - 47% ของวัยรุ่น ระบุว่า TikTok เป็นแอปโปรดของพวกเขา
    - อัตราความนิยมเพิ่มขึ้นจาก 39% ในการสำรวจครั้งก่อน

    TikTok แซงหน้า Snapchat และ Instagram
    - Snapchat เคยได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2017 แต่ปัจจุบันมีเพียง 14% ของวัยรุ่นที่เลือกใช้
    - Instagram ยังคงอยู่ในอันดับสาม โดยมี 28% ของวัยรุ่นที่ชื่นชอบ แต่มีแนวโน้มลดลง

    Instagram ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากที่สุดต่อเดือน
    - 87% ของวัยรุ่น ใช้งาน Instagram เป็นประจำทุกเดือน
    - TikTok มีอัตราการใช้งานรายเดือนอยู่ที่ 79% และ Snapchat อยู่ที่ 72%

    วัยรุ่นสหรัฐฯ ใช้เวลาใน Netflix มากกว่า YouTube
    - 31% ของวัยรุ่น ใช้เวลาใน Netflix มากกว่าบน YouTube ซึ่งมีเพียง 26%
    - แนวโน้มนี้แตกต่างจากเกาหลีใต้ ซึ่ง YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/in-the-us-tiktok-is-by-far-the-most-popular-social-media-platform-among-teenagers
    TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นสหรัฐฯ โดย 47% ของวัยรุ่น ที่เข้าร่วมการสำรวจระบุว่า TikTok เป็นแอปโปรดของพวกเขา ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติของ Snapchat ในปี 2017 แม้ว่าอนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ จะยังไม่แน่นอน แต่แพลตฟอร์มนี้ยังคงครองใจวัยรุ่นและมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ✅ TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นสหรัฐฯ - 47% ของวัยรุ่น ระบุว่า TikTok เป็นแอปโปรดของพวกเขา - อัตราความนิยมเพิ่มขึ้นจาก 39% ในการสำรวจครั้งก่อน ✅ TikTok แซงหน้า Snapchat และ Instagram - Snapchat เคยได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2017 แต่ปัจจุบันมีเพียง 14% ของวัยรุ่นที่เลือกใช้ - Instagram ยังคงอยู่ในอันดับสาม โดยมี 28% ของวัยรุ่นที่ชื่นชอบ แต่มีแนวโน้มลดลง ✅ Instagram ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากที่สุดต่อเดือน - 87% ของวัยรุ่น ใช้งาน Instagram เป็นประจำทุกเดือน - TikTok มีอัตราการใช้งานรายเดือนอยู่ที่ 79% และ Snapchat อยู่ที่ 72% ✅ วัยรุ่นสหรัฐฯ ใช้เวลาใน Netflix มากกว่า YouTube - 31% ของวัยรุ่น ใช้เวลาใน Netflix มากกว่าบน YouTube ซึ่งมีเพียง 26% - แนวโน้มนี้แตกต่างจากเกาหลีใต้ ซึ่ง YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/in-the-us-tiktok-is-by-far-the-most-popular-social-media-platform-among-teenagers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    In the US, TikTok is by far the most popular social media platform among teenagers
    It's a new milestone. While TikTok's future in the United States remains somewhat shaky, the Chinese platform is now the favorite social network among teenagers there.
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • การสำรวจล่าสุดโดย Piper Sandler เผยให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มวัยรุ่นสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของ iPhone และบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเขา

    ความนิยมของ iPhone:
    - 88% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เป็นเจ้าของ iPhone และ 25% วางแผนที่จะอัปเกรดเป็น iPhone 17 ภายในสิ้นปีนี้
    - ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 85% ในปี 2024 และ 66% เมื่อสิบปีก่อน

    การใช้โซเชียลมีเดีย:
    - Instagram เป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 87% ของวัยรุ่นใช้ทุกเดือน
    - TikTok และ Snapchat ตามมาเป็นอันดับสองและสามที่ 79% และ 72% ตามลำดับ

    การใช้บริการดิจิทัล:
    - วัยรุ่นใช้ Uber (76%) และ DoorDash (73%) เป็นประจำสำหรับการเดินทางและสั่งอาหาร
    - Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 31% ใช้งานทุกวัน

    การฟังเพลง:
    - Spotify เป็นแอปสตรีมมิ่งเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 65% ของวัยรุ่นใช้งาน และ 45% มีการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน

    การเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR:
    - 31% ของวัยรุ่นเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR โดยส่วนใหญ่เป็น Meta/Oculus ในขณะที่ Apple Vision Pro มีเพียง 1%

    https://www.techspot.com/news/107496-teens-tech-almost-90-own-iphones-most-use.html
    การสำรวจล่าสุดโดย Piper Sandler เผยให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มวัยรุ่นสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของ iPhone และบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเขา ✅ ความนิยมของ iPhone: - 88% ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ เป็นเจ้าของ iPhone และ 25% วางแผนที่จะอัปเกรดเป็น iPhone 17 ภายในสิ้นปีนี้ - ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 85% ในปี 2024 และ 66% เมื่อสิบปีก่อน ✅ การใช้โซเชียลมีเดีย: - Instagram เป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 87% ของวัยรุ่นใช้ทุกเดือน - TikTok และ Snapchat ตามมาเป็นอันดับสองและสามที่ 79% และ 72% ตามลำดับ ✅ การใช้บริการดิจิทัล: - วัยรุ่นใช้ Uber (76%) และ DoorDash (73%) เป็นประจำสำหรับการเดินทางและสั่งอาหาร - Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 31% ใช้งานทุกวัน ✅ การฟังเพลง: - Spotify เป็นแอปสตรีมมิ่งเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 65% ของวัยรุ่นใช้งาน และ 45% มีการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน ✅ การเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR: - 31% ของวัยรุ่นเป็นเจ้าของอุปกรณ์ VR โดยส่วนใหญ่เป็น Meta/Oculus ในขณะที่ Apple Vision Pro มีเพียง 1% https://www.techspot.com/news/107496-teens-tech-almost-90-own-iphones-most-use.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Teens and tech: Almost 90% own iPhones, most use Instagram and Spotify
    According to the latest survey by American investment bank Piper Sandler, 88 percent of US teens own an iPhone, and 25 percent plan to upgrade to the...
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • ป้ายโฆษณาเชิญชวนให้ชาวยูเครนที่มีอายุระหว่าง 18 - 24 ปี เข้าร่วมต่อสู้ในแนวหน้า

    ของขวัญคือ Netflix Premium 185 ปี พร้อมเงิน 1,000,000 Ukrainian hryvnia หรือประมาณ 812,454 บาท
    ป้ายโฆษณาเชิญชวนให้ชาวยูเครนที่มีอายุระหว่าง 18 - 24 ปี เข้าร่วมต่อสู้ในแนวหน้า ของขวัญคือ Netflix Premium 185 ปี พร้อมเงิน 1,000,000 Ukrainian hryvnia หรือประมาณ 812,454 บาท
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงปัญหาที่ธุรกิจทั่วโลกเผชิญในปี 2024 จากการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น โดยพบว่าองค์กรต่าง ๆ ได้รับอีเมลกว่า 20.5 พันล้านฉบับ ซึ่งประมาณ 36.9% ของอีเมลทั้งหมดเป็นอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ และในจำนวนนี้ 2.3% หรือกว่า 427 ล้านฉบับ เป็นอีเมลที่มีเนื้อหามุ่งร้าย เช่น ฟิชชิงและการโจมตีด้วย URL อันตราย

    == แนวโน้มการโจมตีที่น่าสนใจ ==
    1) ฟิชชิงยังคงครองสัดส่วนมากที่สุด
    - ฟิชชิงคิดเป็น 1 ใน 3 ของการโจมตีทั้งหมด โดยอาศัยการหลอกล่อให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บไซต์จริง เช่น อีเมลปลอมจากแบรนด์ชื่อดังอย่าง DHL และ Netflix

    2) การใช้ Reverse Proxy เพื่อขโมยข้อมูลรับรอง
    - เทคนิคใหม่นี้สามารถเลี่ยงระบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2FA) ได้ โดยอาศัยหน้าเข้าสู่ระบบปลอมและเครื่องมืออย่าง Evilginx เพื่อดักจับข้อมูลการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์

    3) URL อันตรายเพิ่มขึ้น
    - URL อันตรายมีสัดส่วนถึง 22.7% ของกลยุทธ์การโจมตี ซึ่งเป็นการพุ่งเป้าผู้ใช้งานมากกว่าการแนบไฟล์ไวรัสในอดีต

    == อุตสาหกรรมที่ตกเป็นเป้าหมาย ==
    ธุรกิจในกลุ่มเหมืองแร่ ความบันเทิง และการผลิตถูกระบุว่าเผชิญความเสี่ยงสูงที่สุด โดยมีการโจมตีแบบ ransomware และ double-extortion scams อย่างต่อเนื่อง

    == การตอบโต้และแนวทางป้องกัน ==
    - ใช้ระบบกรองอีเมลขั้นสูง
    - พัฒนามาตรการยืนยันตัวตนหลายชั้นที่สามารถต้านการโจมตี 2FA ได้
    - ฝึกอบรมพนักงานให้สามารถระบุอีเมลฟิชชิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ซีอีโอของ Hornetsecurity ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์โจมตีที่เน้นใช้ social engineering มากขึ้น เป็นความท้าทายที่ทำให้องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย โดยการสร้างความเข้าใจว่าพนักงานทุกคนมีบทบาทสำคัญในป้องกันภัยไซเบอร์

    https://www.techradar.com/pro/security/over-400-million-unwanted-and-malicious-emails-were-received-by-businesses
    ข่าวนี้พูดถึงปัญหาที่ธุรกิจทั่วโลกเผชิญในปี 2024 จากการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น โดยพบว่าองค์กรต่าง ๆ ได้รับอีเมลกว่า 20.5 พันล้านฉบับ ซึ่งประมาณ 36.9% ของอีเมลทั้งหมดเป็นอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ และในจำนวนนี้ 2.3% หรือกว่า 427 ล้านฉบับ เป็นอีเมลที่มีเนื้อหามุ่งร้าย เช่น ฟิชชิงและการโจมตีด้วย URL อันตราย == แนวโน้มการโจมตีที่น่าสนใจ == 1) ฟิชชิงยังคงครองสัดส่วนมากที่สุด - ฟิชชิงคิดเป็น 1 ใน 3 ของการโจมตีทั้งหมด โดยอาศัยการหลอกล่อให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บไซต์จริง เช่น อีเมลปลอมจากแบรนด์ชื่อดังอย่าง DHL และ Netflix 2) การใช้ Reverse Proxy เพื่อขโมยข้อมูลรับรอง - เทคนิคใหม่นี้สามารถเลี่ยงระบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2FA) ได้ โดยอาศัยหน้าเข้าสู่ระบบปลอมและเครื่องมืออย่าง Evilginx เพื่อดักจับข้อมูลการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ 3) URL อันตรายเพิ่มขึ้น - URL อันตรายมีสัดส่วนถึง 22.7% ของกลยุทธ์การโจมตี ซึ่งเป็นการพุ่งเป้าผู้ใช้งานมากกว่าการแนบไฟล์ไวรัสในอดีต == อุตสาหกรรมที่ตกเป็นเป้าหมาย == ธุรกิจในกลุ่มเหมืองแร่ ความบันเทิง และการผลิตถูกระบุว่าเผชิญความเสี่ยงสูงที่สุด โดยมีการโจมตีแบบ ransomware และ double-extortion scams อย่างต่อเนื่อง == การตอบโต้และแนวทางป้องกัน == - ใช้ระบบกรองอีเมลขั้นสูง - พัฒนามาตรการยืนยันตัวตนหลายชั้นที่สามารถต้านการโจมตี 2FA ได้ - ฝึกอบรมพนักงานให้สามารถระบุอีเมลฟิชชิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซีอีโอของ Hornetsecurity ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์โจมตีที่เน้นใช้ social engineering มากขึ้น เป็นความท้าทายที่ทำให้องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย โดยการสร้างความเข้าใจว่าพนักงานทุกคนมีบทบาทสำคัญในป้องกันภัยไซเบอร์ https://www.techradar.com/pro/security/over-400-million-unwanted-and-malicious-emails-were-received-by-businesses
    0 Comments 0 Shares 571 Views 0 Reviews
  • Adrian Kingsley-Hughes นักเขียนจาก ZDNET ได้พบว่าแท็บเล็ตราคาถูกอย่าง Blackview Tab 90 กลับทำให้เขาใช้มันมากกว่า iPad Pro ของเขาเสียอีก แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้ในระบบปฏิบัติการ iOS และ iPadOS มาก็ตาม

    Adrian เล่าถึงความประทับใจที่ได้จาก Blackview Tab 90 โดยชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการใช้แท็บเล็ตนี้สำหรับการดูคอนเทนต์และเล่นโซเชียลมีเดีย แม้ว่า Blackview Tab 90 จะมีหน้าจอความละเอียดต่ำกว่า iPad Pro คือ 800 x 1280 พิกเซล แต่กลับพบว่ามันเพียงพอสำหรับการดูวิดีโอจาก YouTube และ Netflix แถมยังรองรับการสตรีมมิ่งเนื้อหาความคมชัดสูง (HD) จากบริการต่างๆ เช่น Netflix, HBO, และ Amazon Prime ด้วย

    แท็บเล็ตรุ่นนี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Unisoc Tiger T606 แบบ octa-core, RAM 4GB (สามารถเพิ่มได้ถึง 8GB), และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128GB ซึ่งพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ขนาด 8,200mAh ยังสามารถใช้งานได้ถึง 10 ชั่วโมง แต่การชาร์จไฟค่อนข้างช้า โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการชาร์จเต็ม

    หนึ่งในเหตุผลที่ Adrian ชอบใช้ Blackview Tab 90 มากกว่า iPad Pro คือความรู้สึกที่แท็บเล็ตรุ่นนี้ให้เมื่อถืออยู่ในมือ โดยที่มีความบางและน้ำหนักเบากว่า แม้ว่าความจริงแล้ว iPad Pro จะบางกว่าถ้าถอดออกจากเคส แต่ Blackview Tab 90 ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในบ้าน เช่น ในครัว โรงรถ หรือห้องทำงาน

    ในราคาประมาณ $150 Blackview Tab 90 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มองหาแท็บเล็ตราคาประหยัดและมีฟีเจอร์ที่คุ้มค่า

    https://www.zdnet.com/article/i-use-this-cheap-android-tablet-more-than-my-ipad-pro-and-dont-regret-it/
    Adrian Kingsley-Hughes นักเขียนจาก ZDNET ได้พบว่าแท็บเล็ตราคาถูกอย่าง Blackview Tab 90 กลับทำให้เขาใช้มันมากกว่า iPad Pro ของเขาเสียอีก แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้ในระบบปฏิบัติการ iOS และ iPadOS มาก็ตาม Adrian เล่าถึงความประทับใจที่ได้จาก Blackview Tab 90 โดยชี้ให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการใช้แท็บเล็ตนี้สำหรับการดูคอนเทนต์และเล่นโซเชียลมีเดีย แม้ว่า Blackview Tab 90 จะมีหน้าจอความละเอียดต่ำกว่า iPad Pro คือ 800 x 1280 พิกเซล แต่กลับพบว่ามันเพียงพอสำหรับการดูวิดีโอจาก YouTube และ Netflix แถมยังรองรับการสตรีมมิ่งเนื้อหาความคมชัดสูง (HD) จากบริการต่างๆ เช่น Netflix, HBO, และ Amazon Prime ด้วย แท็บเล็ตรุ่นนี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Unisoc Tiger T606 แบบ octa-core, RAM 4GB (สามารถเพิ่มได้ถึง 8GB), และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128GB ซึ่งพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ขนาด 8,200mAh ยังสามารถใช้งานได้ถึง 10 ชั่วโมง แต่การชาร์จไฟค่อนข้างช้า โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการชาร์จเต็ม หนึ่งในเหตุผลที่ Adrian ชอบใช้ Blackview Tab 90 มากกว่า iPad Pro คือความรู้สึกที่แท็บเล็ตรุ่นนี้ให้เมื่อถืออยู่ในมือ โดยที่มีความบางและน้ำหนักเบากว่า แม้ว่าความจริงแล้ว iPad Pro จะบางกว่าถ้าถอดออกจากเคส แต่ Blackview Tab 90 ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในบ้าน เช่น ในครัว โรงรถ หรือห้องทำงาน ในราคาประมาณ $150 Blackview Tab 90 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มองหาแท็บเล็ตราคาประหยัดและมีฟีเจอร์ที่คุ้มค่า https://www.zdnet.com/article/i-use-this-cheap-android-tablet-more-than-my-ipad-pro-and-dont-regret-it/
    WWW.ZDNET.COM
    I use this cheap Android tablet more than my iPad Pro - and don't regret it
    Looking for a budget-friendly tablet? The Blackview Tab 90 delivers great entertainment without breaking the bank.
    0 Comments 0 Shares 526 Views 0 Reviews
  • ในปัจจุบัน (ข้อมูล截至ปี 2024) รายการทีวีดิจิตอลยังคงมีอยู่และเป็นส่วนสำคัญของการแพร่ภาพโทรทัศน์ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ชมกำลังส่งผลต่ออุตสาหกรรมนี้

    ### สถานการณ์ของทีวีดิจิตอลในปัจจุบัน:
    1. **ยังคงมีอยู่**: ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย รายการทีวีดิจิตอลยังคงแพร่ภาพอยู่ และมีผู้ชมจำนวนหนึ่งที่ยังคงรับชมผ่านช่องทางนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ยากหรือไม่สะดวกในการใช้บริการสตรีมมิง

    2. **การแข่งขันจากสตรีมมิง**: บริการสตรีมมิงเช่น Netflix, YouTube, Disney+ และอื่นๆ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ผู้ชมบางส่วนหันไปใช้บริการเหล่านี้แทนการดูทีวีดิจิตอล

    3. **การปรับตัวของสถานีโทรทัศน์**: สถานีโทรทัศน์หลายแห่งกำลังปรับตัวโดยการนำเนื้อหาไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อดึงดูดผู้ชมรุ่นใหม่ที่ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต

    4. **นโยบายของรัฐบาล**: ในบางประเทศ รัฐบาลยังคงสนับสนุนการแพร่ภาพทีวีดิจิตอลเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงได้อย่างทั่วถึง

    ### อนาคตของทีวีดิจิตอล:
    - **ลดความสำคัญลง**: คาดว่าในอนาคตทีวีดิจิตอลอาจลดความสำคัญลง เนื่องจากผู้ชมหันไปใช้บริการออนไลน์มากขึ้น
    - **การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี**: เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น 5G และ AI อาจส่งผลต่อรูปแบบการบริโภคสื่อ ทำให้ทีวีดิจิตอลต้องปรับตัวเพื่อให้ทันสมัย

    สรุป: รายการทีวีดิจิตอลยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน แต่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไป ในอนาคตอาจมีการปรับตัวหรือลดบทบาทลงตามสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
    ในปัจจุบัน (ข้อมูล截至ปี 2024) รายการทีวีดิจิตอลยังคงมีอยู่และเป็นส่วนสำคัญของการแพร่ภาพโทรทัศน์ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ชมกำลังส่งผลต่ออุตสาหกรรมนี้ ### สถานการณ์ของทีวีดิจิตอลในปัจจุบัน: 1. **ยังคงมีอยู่**: ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย รายการทีวีดิจิตอลยังคงแพร่ภาพอยู่ และมีผู้ชมจำนวนหนึ่งที่ยังคงรับชมผ่านช่องทางนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ยากหรือไม่สะดวกในการใช้บริการสตรีมมิง 2. **การแข่งขันจากสตรีมมิง**: บริการสตรีมมิงเช่น Netflix, YouTube, Disney+ และอื่นๆ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ผู้ชมบางส่วนหันไปใช้บริการเหล่านี้แทนการดูทีวีดิจิตอล 3. **การปรับตัวของสถานีโทรทัศน์**: สถานีโทรทัศน์หลายแห่งกำลังปรับตัวโดยการนำเนื้อหาไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อดึงดูดผู้ชมรุ่นใหม่ที่ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 4. **นโยบายของรัฐบาล**: ในบางประเทศ รัฐบาลยังคงสนับสนุนการแพร่ภาพทีวีดิจิตอลเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงได้อย่างทั่วถึง ### อนาคตของทีวีดิจิตอล: - **ลดความสำคัญลง**: คาดว่าในอนาคตทีวีดิจิตอลอาจลดความสำคัญลง เนื่องจากผู้ชมหันไปใช้บริการออนไลน์มากขึ้น - **การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี**: เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น 5G และ AI อาจส่งผลต่อรูปแบบการบริโภคสื่อ ทำให้ทีวีดิจิตอลต้องปรับตัวเพื่อให้ทันสมัย สรุป: รายการทีวีดิจิตอลยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน แต่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไป ในอนาคตอาจมีการปรับตัวหรือลดบทบาทลงตามสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เผยแพร่บทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗ มีเนื้อหา ดังนี้

    ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต ให้จำคุก อาจารย์พิรงรอง รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กันระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ ของสาธารณะ จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้


    ๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗

    “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

    ๒) กฎหมายมีช่องว่าง ???

    ถาม : TRUE ID ที่อ้างว่าตนถูกอาจารย์พิรงรอง ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเสียหายนั้น เขาเสนอบริการอะไร ต่อเราครับ
    ตอบ : เขาทำแพลตฟอร์ม ที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือ มีกล่องสัญญาณ รวมเอารายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิลทีวี ถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอ ตามเวลาที่ ทีวีเขาถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้ มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือ เข้าถึงได้โดยเสรี เช่น TRUE ID

    ถาม : กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ

    ตอบ : กิจการแบบ OTT นี้ อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่า รัฐควรมีอำนาจควบคุม หรือไม่ อย่างไร

    ถาม : อาจารย์ว่าเราควรมีไหม

    ตอบ : อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งบางรัฐเขาก็ทำได้แค่ ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น

    ถาม : เมื่อยังไม่มีกฎหมาย แล้วมันเกิดคดีระหว่างทรู กับอาจารย์พิรงรอง ได้อย่างไร
    ตอบ : มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช. ว่า OTT ของทรู มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการอยู่ด้วยทุกครั้ง ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค

    ถาม : อ้าว…เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา ใจคอคุณจะต้องบริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่น สิครับ
    ตอบ : ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้ ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกัน ว่า เรายังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป แต่ปรากฏว่า อาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ ที่ตนเป็นประธาน เพื่อผลักดัน จัดการกับ TRUE ID ให้ได้

    ๓) ยุทธการตลบหลัง!
    ถาม : เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช. จะไปจัดการเขาได้อย่างไร
    ตอบ : หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์ อาจารย์พิรงรอง ก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี เตือนไปยังทีวีทั้งหมด ทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ล ได้ว่า คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้ และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วย ไม่ได้

    ถาม : หมายความว่า จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธ ไม่ให้พวก OTT เอารายการของตน ไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ
    ตอบ : ถูกต้องครับ เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป “ตลบหลัง” บีบทีวีทั้งหลาย ให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้ ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นาน ในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึง ทีวี ๑๒๗ เจ้า เมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จนได้

    ๔) ล้มยักษ์!


    ถาม : เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไร ก็ไปให้ศาลปกครองชี้ขาดได้ ทำไม ทรู มาฟ้องเป็นคดีอาญา เอาถึงติดคุก ๒ ปี แบบนี้
    ตอบ : มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สอง เตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ครั้งนี้เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวี ผ่านช่องทางอื่น เช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตด้วย จากนั้นก็เลยระบุถึง TRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขออนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบ และทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย

    พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการประชุม เพิ่มความลงไปอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้ ระบุ กรณี TRUE ID ลงไปในคำเตือนด้วย



    ถาม : เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ คือ ที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย
    ตอบ : ครับ คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เราต้องเตียมตัว “ล้มยักษ์” พอศาล ถามว่า “ยักษ์” ในที่นี้คือใคร อาจารย์ก็รับกับศาลว่า ตนหมายถึง TRUE ID เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาล ว่า กสทช. คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรู โดยเฉพาะ

    ทรู เขาเห็นว่า อยู่ดีๆ มาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่า ยังไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่า กสทช. ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ OTT เลย การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆ ในคำเตือนอย่างนี้ ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พากันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มาฟ้อง ๑๕๗ ในที่สุด

    ถาม : เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้ ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอใน กสทช. ต้องส่งมาให้ TRUE แน่ๆ เลย
    ตอบ : ผมพอรู้จักคนใน กสทช.อยู่บ้าง ได้เช็กกับเขาแล้ว พบว่า เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเองครับ เพราะชั้นแรก ทรู ฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือเท่านั้น ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอาเทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธาน ที่สั่งไว้อย่างนี้ ทรูเลยหันมาฟ้องอาจารย์พิรงรอง ในที่สุด

    ๕) “ความผิด” ตามคำพิพากษา


    ถาม : สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้ ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร
    ตอบ : ที่ชัดเป็นข้อแรก คือ การตีความกฎหมายทีวี ไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้ มันมีประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมากว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้องผ่านมติ กสทช.ก่อน อนุกรรมการที่คุมทีวี ไม่มีอำนาจชี้ขาดเอง เตือนเองได้เลย ตรงจุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน

    ถาม : แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จ ล่ะครับ
    ตอบ : นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมไม่ได้มีมติอย่างนั้น และค้านกันไว้ระงมว่า ทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้ ก็ไม่ยอมเชื่อ

    ถาม : แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช.
    ตอบ : เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น เพราะระดับ รองเลขาฯ กสทช. ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติดราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็เลยโดนฟ้องไปด้วย

    ถาม : ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุก ผิด ๑๕๗ เลยหรือครับ
    ตอบ : มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น แต่มันมีเจตนาพิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย การทำรายงานการประชุมเป็นเท็จ ดื้อดึง เติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง ด้วยคำรับว่าจะ “ล้มยักษ์” นั้น มันแสดงชัดเจนว่า งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรู เท่านั้น จริงๆ
    แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้ดูดีขึ้น เที่ยงธรรมขึ้น ก็ตาม แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว

    ถาม : ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริต ไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ
    ตอบ : “ตัวการกระทำ” มันนอกกฎหมายจริงๆ ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขาเสียหายชัดเจน ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ทราบจริงๆ ว่า ใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์ พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร

    คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็นความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม แต่ตำแหน่ง กสทช.ที่คุณเข้ามานั่งนั้น มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรืองแสงด้วยตัวเองไม่ได้ อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมาย และต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง

    ถาม : ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของท่านผู้กำกับนั้นถูกต้องก็จริง แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ
    ตอบ : ถูกต้อง…ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ

    คุณดูสิ… ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลย เห็นไหม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร ?????
    นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เผยแพร่บทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗ มีเนื้อหา ดังนี้ ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต ให้จำคุก อาจารย์พิรงรอง รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กันระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ ของสาธารณะ จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้ ๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ” ๒) กฎหมายมีช่องว่าง ??? ถาม : TRUE ID ที่อ้างว่าตนถูกอาจารย์พิรงรอง ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเสียหายนั้น เขาเสนอบริการอะไร ต่อเราครับ ตอบ : เขาทำแพลตฟอร์ม ที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือ มีกล่องสัญญาณ รวมเอารายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิลทีวี ถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอ ตามเวลาที่ ทีวีเขาถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้ มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือ เข้าถึงได้โดยเสรี เช่น TRUE ID ถาม : กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ ตอบ : กิจการแบบ OTT นี้ อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่า รัฐควรมีอำนาจควบคุม หรือไม่ อย่างไร ถาม : อาจารย์ว่าเราควรมีไหม ตอบ : อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งบางรัฐเขาก็ทำได้แค่ ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น ถาม : เมื่อยังไม่มีกฎหมาย แล้วมันเกิดคดีระหว่างทรู กับอาจารย์พิรงรอง ได้อย่างไร ตอบ : มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช. ว่า OTT ของทรู มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการอยู่ด้วยทุกครั้ง ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ถาม : อ้าว…เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา ใจคอคุณจะต้องบริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่น สิครับ ตอบ : ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้ ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกัน ว่า เรายังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป แต่ปรากฏว่า อาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ ที่ตนเป็นประธาน เพื่อผลักดัน จัดการกับ TRUE ID ให้ได้ ๓) ยุทธการตลบหลัง! ถาม : เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช. จะไปจัดการเขาได้อย่างไร ตอบ : หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์ อาจารย์พิรงรอง ก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี เตือนไปยังทีวีทั้งหมด ทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ล ได้ว่า คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้ และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วย ไม่ได้ ถาม : หมายความว่า จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธ ไม่ให้พวก OTT เอารายการของตน ไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ ตอบ : ถูกต้องครับ เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป “ตลบหลัง” บีบทีวีทั้งหลาย ให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้ ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นาน ในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึง ทีวี ๑๒๗ เจ้า เมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จนได้ ๔) ล้มยักษ์! ถาม : เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไร ก็ไปให้ศาลปกครองชี้ขาดได้ ทำไม ทรู มาฟ้องเป็นคดีอาญา เอาถึงติดคุก ๒ ปี แบบนี้ ตอบ : มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สอง เตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ครั้งนี้เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวี ผ่านช่องทางอื่น เช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตด้วย จากนั้นก็เลยระบุถึง TRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขออนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบ และทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการประชุม เพิ่มความลงไปอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้ ระบุ กรณี TRUE ID ลงไปในคำเตือนด้วย ถาม : เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ คือ ที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย ตอบ : ครับ คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เราต้องเตียมตัว “ล้มยักษ์” พอศาล ถามว่า “ยักษ์” ในที่นี้คือใคร อาจารย์ก็รับกับศาลว่า ตนหมายถึง TRUE ID เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาล ว่า กสทช. คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรู โดยเฉพาะ ทรู เขาเห็นว่า อยู่ดีๆ มาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่า ยังไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่า กสทช. ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ OTT เลย การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆ ในคำเตือนอย่างนี้ ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พากันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มาฟ้อง ๑๕๗ ในที่สุด ถาม : เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้ ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอใน กสทช. ต้องส่งมาให้ TRUE แน่ๆ เลย ตอบ : ผมพอรู้จักคนใน กสทช.อยู่บ้าง ได้เช็กกับเขาแล้ว พบว่า เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเองครับ เพราะชั้นแรก ทรู ฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือเท่านั้น ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอาเทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธาน ที่สั่งไว้อย่างนี้ ทรูเลยหันมาฟ้องอาจารย์พิรงรอง ในที่สุด ๕) “ความผิด” ตามคำพิพากษา ถาม : สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้ ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร ตอบ : ที่ชัดเป็นข้อแรก คือ การตีความกฎหมายทีวี ไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้ มันมีประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมากว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้องผ่านมติ กสทช.ก่อน อนุกรรมการที่คุมทีวี ไม่มีอำนาจชี้ขาดเอง เตือนเองได้เลย ตรงจุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน ถาม : แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จ ล่ะครับ ตอบ : นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมไม่ได้มีมติอย่างนั้น และค้านกันไว้ระงมว่า ทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้ ก็ไม่ยอมเชื่อ ถาม : แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช. ตอบ : เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น เพราะระดับ รองเลขาฯ กสทช. ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติดราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็เลยโดนฟ้องไปด้วย ถาม : ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุก ผิด ๑๕๗ เลยหรือครับ ตอบ : มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น แต่มันมีเจตนาพิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย การทำรายงานการประชุมเป็นเท็จ ดื้อดึง เติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง ด้วยคำรับว่าจะ “ล้มยักษ์” นั้น มันแสดงชัดเจนว่า งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรู เท่านั้น จริงๆ แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้ดูดีขึ้น เที่ยงธรรมขึ้น ก็ตาม แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว ถาม : ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริต ไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ ตอบ : “ตัวการกระทำ” มันนอกกฎหมายจริงๆ ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขาเสียหายชัดเจน ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ทราบจริงๆ ว่า ใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์ พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็นความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม แต่ตำแหน่ง กสทช.ที่คุณเข้ามานั่งนั้น มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรืองแสงด้วยตัวเองไม่ได้ อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมาย และต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง ถาม : ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของท่านผู้กำกับนั้นถูกต้องก็จริง แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ ตอบ : ถูกต้อง…ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ คุณดูสิ… ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลย เห็นไหม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร ?????
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 816 Views 0 Reviews
More Results