• "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว"
    เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล.
    ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์
    .
    "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด
    .
    วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน
    .
    เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว
    .
    เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่
    .
    ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย
    .
    ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์
    .
    แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น
    .
    "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง
    .
    หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา
    .
    ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว
    .
    เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา
    .
    พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้
    .
    Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด

    https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0

    #Thaitimes
    "ปานเทพ" น็อก "ทนายปาเกียว" เปิดสัญญาเด็ด โยงปม 71ล. ย้ำ "เมียตั้ม" รู้เห็นเงินโกงหวยออนไลน์ . "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ออกรายการโหนกระแส ย้อนรอยที่มาคดีเงิน 71 ล้านบาท ย้ำไม่ใช่ให้โดยเสน่หา ไม่ใช่ทั้งกู้และยืมเงิน สัญญาชัดคุณอ้อยกับผู้ผลิตแพลตฟอร์ม ไม่มีทนายตั้มเกี่ยวข้อง ชี้ถ้ามีไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่เรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว ถูกอายัดทรัพย์ ส่วนที่อ้างว่าภรรยาไม่รู้นั้นไม่จริง ยังไงก็รับทราบโดยตลอด . วันนี้ (13 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย และคณะมาร้องเรียนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เนื่องจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีเครือข่ายมาก ถ้าจะมีใครสักคนสามารถเปิดความจริงและต่อสู้ผ่านสื่อน่าจะเป็นค่ายผู้จัดการ ระหว่างนั้นก็เก็บข้อมูล คลิปทั้งหมด แต่ไม่คิดจะเปิดในช่วงแรก เพราะรอให้คดีนี้เข้าสู่ตำรวจสอบสวนกลาง แล้วจะเปิดประเด็นก่อน . เมื่อนายษิทราและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2567 และนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถามว่าทำไมนายษิทราจึงรวย มีของแบรนด์เนม นายษิทราหลุดมาว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งในตอนเช้านายษิทราโทรศัพท์ไปหาทนายความของ น.ส.จตุพร เพราะรู้ว่ามีการแจ้งความและรู้ว่ามีเรื่องต่อกัน และเมื่อเห็นว่านายษิทราอาศัยรายการดังกล่าวสร้างภาพ และฟอกตัวว่าไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เครือผู้จัดการตัดสินใจเปิดข้อมูลในช่วงบ่าย โดยนำข้อมูลในรายการไปลงปิดท้ายด้วย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจเปิดประเด็น และจะเปิดสักวันหนึ่งเมื่อคดีคืบหน้าจากทั้งสองฝั่งแล้ว . เมื่อเปิดข้อมูล ปรากฎว่านายษิทราไปพาดพิงนายสนธิท้าว่าใครแพ้จะให้ดื่มน้ำปัสสาวะ 71 แก้ว ทำให้ต้องเปิดข้อมูลทั้งหมด แล้วนายษิทราก็เงียบหายไป ต่อมานายษิทราไปออกรายการของ อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบปราม อ้างว่าให้โดยเสน่หาโดยไม่มีเงื่อนไข และจะมีการจ่ายภาษี 5% ของรายได้ที่เกิน 10 ล้านบาท คำถามก็คือที่กล่าวว่าให้โดยเสน่หามาตลอด เพิ่งมาเปลี่ยนในรายการวานนี้ (12 พ.ย.) ว่าเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน ตกลงเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน หรือเงินยืมเพื่อการลงทุนกันแน่ . ส่วนกรณีที่นายษิทราเคยนำโทรศัพท์มือถือไปให้ อ.ยิ่งศักดิ์อ่าน และนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา นำเอกสารมาให้นายกรรชัย และนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความอ่าน อ้างว่าเป็นแชตสำคัญ ตนรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นแชตนี้ ไม่ใช่แชตระหว่างนายษิทรากับคุณอ้อย และรู้ว่าไม่สามารถจะเป็นไม้เด็ดได้ หากเป็นไม้เด็ดจริงคงไม่อยู่ในเรือนจำ ประกันตัวไม่ได้ และอายัดทรัพย์ หลักฐานนี้เป็นการสร้างวาทกรรมการพิมพ์ไลน์ของทนายตั้มเพื่อคุยกับคุณน้อย เลขาส่วนตัว เพื่อสมอ้างว่าได้คุยกับคุณอ้อยแล้ว และข้อความไม่ได้แปลว่าสำเร็จแล้วโดยนายษิทรา เป็นการขอให้คุณน้อยไปเจรจากับคุณอ้อยอีกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ได้เห็นด้วย . ทั้งนี้ บทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 28-30 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นมีการตกลงกันที่ไม่ใช่ในแชต นายษิทราอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา 3 ครั้ง โดยจ่ายภาษี 5% แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เหลือแค่ 2 อย่าง คือการกู้เงินหรือยืมเงิน พลิกไปพลิกมา ทั้งที่การกู้เงินต้องมีสัญญา ส่วนการลงทุนต้องมีผลตอบแทนและสัดส่วนหุ้นชัดเจน หากเป็นการยืมเพื่อลงทุน ก็ถือว่าเป็นการกู้อยู่ดี นายษิทราเป็นนักกฎหมาย เป็นคู่สัญญาในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมต้องรู้ว่าจะต้องร่างสัญญากู้เงิน แต่กลับไม่มี แสดงว่าไม่ใช่การกู้ยืมเงิน ส่วนการลงทุน มีการจดทะเบียนทรัพย์สินหรือไม่ ในแชตไลน์นำไปสู่การอ้างว่าจะทำแอปฯ หวยออนไลน์ . แต่ที่ไม่เปิดนอกจากโต้ไม่ได้แล้ว ยังอวดอ้างว่ามีเส้นสายในการรับสัมปทานหวยออนไลน์ ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากจะพูดคนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ข้อกฎหมาย และหลงเชื่อว่ามีเส้นสาย มีคอนเนกชัน มีระบบสัมปทานที่จะทำได้ ก็เลยไม่กล้าเปิด อีกทั้งการลงทุนต้องมีหุ้นในสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางไม่มีสัญญาเพราะนายษิทราเป็นนักกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณอ้อย จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอ้อยเดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตแอปพลิเคชัน ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ลงนามจริงวันที่ 5 ก.พ. 2566 ทำขึ้นระหว่างคุณอ้อยกับบริษัทผู้รับจ้างผลิตแอปพลิเคชัน แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของนายษิทรา ที่อ้างว่าเป็นการกู้ยืมเงินจึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น . "คนเราจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับสัญญา ไม่ใช่แชตไลน์คุย เพราะการแชตไลน์คุย คุณอ้างหลักฐานพิมพ์เองว่าตกลงกันแล้วอะไรก็ได้ คุณคุยกับเลขาฯ ไม่ได้คุยกับพี่อ้อยด้วย แต่ผลลัพธ์คือเซ็นสัญญาที่ไม่มีชื่อทนายตั้มเกี่ยวข้องเลย จะมาอ้างว่าเงินกู้ยืมก็ไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีชื่อคุณแม้แต่คำเดียว และที่สำคัญ สัญญานี้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจากสำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม ทั้งสิ้น" นายปานเทพ กล่าว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า ใครเป็นคนสั่งให้ทำสัญญานี้ และสัญญานี้คุณอ้อยให้ทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงหน่วยงานราชการฝรั่งเศส นำเงินมาให้นายษิทราจริงหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีเพราะมีการแอบอ้างว่าสัญญาทำขึ้นเพื่อเป็นนิติกรรมอำพราง เรื่องนี้มีสัญญาชัดเจน คุณอ้อยมาประเทศไทยวันที่ 2-8 ก.พ. 2566 ภายใต้สัญญานี้ เมื่อกลับไปประเทศฝรั่งเศสก็ไปทำเรื่องถอนเงิน เตรียมขายหลักทรัพย์เพื่อโอนเงินมา เพราะเป็นทรัพย์สินของเขาเอง และการโอนเงินจากฝรั่งเศสมายังประเทศไทย ถ้าเป็นทรัพย์สินของตัวเองไม่ต้องเสียภาษี จ่ายแค่ธรรมเนียม รวมทั้งเงินทำบุญและใช้ส่วนตัวก็หลักการเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องสร้างนิติกรรมอำพราง . หลังจากนั้นจึงนำเงินไปให้นายษิทราเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 เพราะนายษิทราอ้างว่าเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายษิทราเป็นคนติดต่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันเอง และติดต่อคุณอ้อยโดยไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเจอกัน โดยอ้างว่ารับเงินมาแล้วไปดำเนินการต่อ เพราะฉะนั้นเงิน 71 ล้านบาทจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามสัญญาฉบับดังกล่าว และสัญญาดังกล่าวระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ก.พ. 2566 แต่โอนเงินเข้ามาไม่ทัน ต้องเป็นวันรุ่งขึ้น จึงสอดคล้องกับสัญญานี้ โดยที่คุณอ้อยหลงเชื่อว่าควรจะเป็นทรัพย์สินที่เดินหน้าทำสลากออนไลน์เพราะหลงเชื่อนายษิทรา . ทั้งนี้ นายษิทราอ้างในไลน์ตลอดว่าทำสลากออนไลน์ พอได้เงินมาเสร็จหลังจากนั้นถอนเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด กรณีนี้จึงเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกคุณอ้อย เพราะเมื่อบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันไม่ได้เงินก็ถามว่า ไหนสัญญาบอกว่าจะได้รับเงิน นายษิทรากล่าวว่า คุณอ้อยยกเลิกสัญญาแล้ว ทั้งที่คุณอ้อยไม่ได้ยกเลิกและจ่ายเงินไปแล้ว แต่บริษัทไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงิน และเมื่อไม่มีการโอนเงินก็ยุติสัญญา เดิมนายษิทราและภรรยาไปขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในราคา 43 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 2566 นำเงินก้อนนี้เปลี่ยนจากสินเชื่อกลายเป็นซื้อเงินสด เพราะได้เงินมาจากคุณอ้อย กรณีนี้ถ้าทำกันถึงขนาดนี้คิดว่าเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะชี้ขาดว่าใครเป็นคู่สัญญาและเจ้าของทรัพย์สิน แต่นายษิทราเป็นตัวกลางกลับนำเงินตรงนี้ไปใช้ส่วนตัวซื้อบ้านซึ่งไม่เกี่ยว . เมื่อทีมกฎหมายของนายษิทราส่งข้อความไปยังนายกรรชัย ถามว่า รู้เรื่องการโอนเงินไปยังล่ามที่ชื่อจุ๋ม ซึ่งถูกหัก 40% หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ทรัพย์สินไม่ใช่คนอื่น เป็นคุณอ้อยโดยตรง แล้วชื่อบัญชีเป็นคุณอ้อย ชื่อสัญญาเป็นคุณอ้อย จะเป็นสัญญาคนอื่นในการโอนตรงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าตั้งใจโอนเงินเป็นทรัพย์สินของเขาเอง . นายปานเทพ กล่าวว่า จากนั้นใกล้ปลายปี 2566 ก็เริ่มคิดเรื่องภาษีว่านายษิทราจะนำเงินที่มา 71 ล้านบาทเป็นอย่างไร จึงมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า ขอผ่านเงินสัก 70 ล้านบาทได้ไหม เพื่อที่จะมีบันทึกโดยไม่บอกที่มาที่ไป ต่อมาไม่มีความคืบหน้า มาเจรจาอีกครั้ง 27 ก.พ. 2567 ใกล้ถึงรอบวงจ่ายภาษี นายษิทราเสนอว่าจะเอาเงินผ่านโดยไม่บอกว่าเป็นสัญญาเดิม ครั้งที่หนึ่ง 30 ล้านบาท ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งที่สาม 11 ล้านบาท แล้วจะให้ค่าตอบแทน 10 ล้านบาท บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันจึงคิดว่ายอดใกล้ 71 ล้านบาท สงสัยจะฟอกเงินและบริษัทฯ จะเป็นแพะ จึงปฎิเสธ ซึ่งมีบทสนทนา . พอถึงช่วงที่จะส่งมอบแอปพลิเคชัน กลับไม่มีการส่งมอบ คุณอ้อยจึงดำเนินการทำโนติสถึงนายษิทรา และเมื่อนายษิทราไม่สามารถนำส่งได้ ทั้งที่ได้ดำเนินการและรับเงินไปแล้ว อีกทั้งนายษิทราบอกเองว่าเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้ ทำไมถึงยังไม่ได้ ปรากฎว่านายษิทราแชตไลน์ไปพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันว่า มีแพลตฟอร์มนาคี ชื่อเหมือนกันแต่โลโก้เป็นสีเขียว อ้างว่าไปจ้างเขาทำมาเอง เหมือนถูกเลียนแบบ นายษิทราให้ช่วยนำแอปพลิเคชันนี้ส่งให้คุณอ้อย แต่บริษัทปฎิเสธทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ และไม่ใช่แอปฯ ของบริษัท จะไปหลอกคุณอ้อยแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไม่ทำ เรื่องแบบนี้เป็นการให้โดยเสน่หาได้อย่างไร ให้เพื่อการลงทุนได้อย่างไรเพราะไม่มีของสักอย่างแล้วอุปโลกน์เป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าฉ้อโกงหรือไม่ . นายปานเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายนายษิทรามีความคิดที่จะประกันตัวนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยา โดยอ้างว่าแค่รับเงินมาซื้อบ้าน ไม่รับรู้ที่ไปที่มา ตนอยากจะบอกว่าไม่จริง เพราะตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ป่านนี้รู้แล้วว่ามีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ และแชตไลน์ทั้งหมดไปหมดแล้ว ยังไงนางปทิตตาอยู่ในคณะทำงานเรื่องหวยออนไลน์และรับทราบโดยตลอด ไม่ใช่ไม่รับรู้ ลองไปยื่นประกันตัวดู ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานพอที่จะยืนยันได้ว่า นางปทิตตารับรู้โดยตลอดในธุรกรรมนี้ อย่างน้อยที่บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น ไม่จริง รู้แน่นอน หลักฐานตำรวจเขาน่าจะมีในตอนนี้ . Live โหนกระแส อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาแล้ว เชื่อทนายปาเกียวกำลังพลิกคดี มั่นใจเมียตั้มมีรู้เห็นทั้งหมด https://www.youtube.com/watch?v=7X__nPHGDD0 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 693 มุมมอง 1 รีวิว
  • #เป็นคำถามที่ดี
    อธิบายแบบนี้ มันมี 2 สเต็ป
    1. เริ่มต้น โดยที่จริงๆแล้ว น้องแน๊กชาลีสำหรับพี่คิงส์ก่อนหน้านี้ ก็เป็นน้องคนนึงที่เราเห็นในวงการบันเทิง มาปฏิสัมพันธ์กับกามิน เห็นผ่านๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ไม่ได้เป็นด้อม ที่มีความผูกพันเหมือนหลายๆคน แต่เหตุการณ์มันเริ่มต้นคือ วันที่แน๊กออกมาไลฟ์ตั้งแต่ค่ำยันเช้า พี่คิงส์มาเปิดตอนแปดโมงแล้ว ก็เลยสงสัยว่าใครทำให้น้องคนนี้ตกอยู่ในสภาพนี้ นั่นหละนิสัยที่ไม่ยอมให้ความสงสัยค้าคา ก็เลยเริ่มขุดข้อมูล และแล้วด้วยการมองเห็น ข บ ก ของโจ ในการให้ร้ายต่อแน๊ก สร้างเครือข่าย ทำให้คนไทยด้วยกัน เข้าใจแน็กผิด แต่พี่คิงส์มีข้อมูลที่มันสวนทาง และยิ่งขุด ยิ่งรู้จักคนไทย ที่ชื่อแน๊กชาลีมากขึ้น ทำให้เข้าใจสถานการณ์ ว่าน้อง ต้องอดทนแค่ไหน ในขณะที่ต้องย้อมกับแฟนคลับชาวไทย ถ้าไม่มีใครออกมาปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะทำ ถึงขนาดวางเรื่องการเมืองที่นำเสนอเรื่องเอ็กคลูซีฟ การวิเคราะห์ ที่แม่นยำ 99% จนแฟนเพจถามตลอดว่าเลขงวดนี้จะออกอะไร แฟนเพจดั้งเดิมช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ทุกคน เราจึงไม่ต้องการแสง เพราะเรามีแสงของตัวเราเองมานานมากแล้ว และไม่เคยให้ความสำคัญกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมาย ให้คนไทยได้รู้ว่าใครที่คิดร้ายกับคนในประเทศ ใครกำลังทำอะไรที่คนไทยเสียประโยชน์ นั่นคือความสำเร็จที่เราภูมิใจ
    2. เมื่อขุดไปเรื่อยๆ เพื่อตอบข้อสงสัยว่า ข บ ก นำโดยโจ มีใครเป็นเครือข่าย และเค้าทำเพื่ออะไร ก็ไปเจอกับสิ่งที่อึ้ง ที่มันเป็นเรื่องระดับ ฟอกข้ามชาติ บิ๊กแม็ต พีเค ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ในเวลานี้ ยุโปร ตะวันออกลาง และเอเชียหลายประเทศ กำลังตื่นตัว แต่ประเทศไทย แทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เท่าที่ดู ก็จะมีแค่สื่อตำนาน อย่าง สนธิ ที่ได้ข้อมูลมาในชุดเดียวกัน แต่มีข้อมูลที่ลึกกว่าคิงส์โพธิ์แดงหลายสิบเท่า และมีความกล้าที่จะเปิดเผย
    ดังนั้น มาส่วนของคำถาม
    ว่า พี่คิงส์ไม่กลัวเหรอ
    ตอบ
    พี่คิงส์ อาจมีความไม่เหมือนกับคนทั่วไปอยู่ 1 ข้อ
    พี่คิงส์คิดว่า คนเราอายุขัยแค่ 70-80 ปี
    ยังไง วันหนึ่งก็ไม่มีเราอยู่บนโลกนี้แน่นอน
    ดังนั้น คุณค่าของชีวิต มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ
    เราอยู่นานแค่ไหน แต่การทำชีวิต 1 ชีวิตให้มีค่า
    มันขึ้นกับว่า เราอยู่เพื่อใครตะหาก
    ประเด็นการออกมาช่วยน้องชาลี พี่คิงส์ถูกให้ร้ายต่างๆนานา
    ว่าอยากได้ยอดไลค์บ้าง อยากดังบ้าง ซึ่งพวกนี้
    ไม่เคยรู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงมาก่อน
    ไม่เคยรู้ว่าเราสู้กับใครมาบ้าง
    ไม่เคยรู้ว่าคลิปที่เราสร้าง โพสที่เราเปิดข้อมูล
    มีคนดูกี่แสน และหลายคลิปก็ทะลุล้าน เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
    จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องหาอะไรมาอธิบาย
    มีแค่ข้อเดียวคือ ถ้าไม่ปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะปกป้องเรา
    และที่ลึกไปถึงกลุ่มทุนดาร์คที่ซัพพอตโจ และเครือข่าย
    ต้องสังเคราะห์ให้ลึกซึ้งก่อนว่า
    เงินดาร์ค ที่ว่าได้มายังไง
    1. การพานัน
    2. ค้ามานุษย์
    3. คอเซ็งเทอร์
    4. ยาเฉพติค
    นี่คือส่วนหลักๆของเงินดาร์ค ที่มันจะเอามาใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการฟอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้น มีก็เหมือนไม่มี ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกประเทศต่างจับตาเรื่องนี้กันทั้งนั้น
    และข้อมูลที่พี่คิงส์ฯได้เปิดไปแล้วนั้น ว่าทั้งสหรัฐ ทั้งตุรกี ทั้งจีน ทั้งไต้หวัน ต่างตื่นตัวกันมาก กลุ่มเงินดาร์ค ใช้จังหวะที่ชาลีและคนไทยเข้าใจผิดไม่คิดว่าสิ่งที่กามินทำนั้น คือการแสดงที่มีเอเจนซี่กำกับอยู่ และมีชื่อเสียงก้องประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วางแผนไกลถึงขนาดจะใช้ไทยเป็นฐานใหญ่ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา มีการนำเงินเข้าสู่ระบบ ตต. และฟอกไปแล้วจำนวนมหาศาล ผ่านการแต่งบช ว่าได้รับผลประโยชน์จากของขวัญในตน. สอดแทรกกับของขวัญจริงที่คนไทยส่งให้ด้วยความเอ็นดู
    คำถาม ถ้าพี่คิงส์ไม่เปิดเผยเรื่องนี้แบบตรงๆ
    ป่านนี้ พีเค บิ๊กแม็ต ก็กระหึ่มอยู่ เงินดาร์คก็ยังฟอกกันได้อย่างเฟื่องฟู
    และประเทศเราก็จะกลายเป็น ฐานใหญ่เงินดาร์คไปแล้วก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ มีเอเจนซี่ เริ่มเข้ามาเตรียมหาตัวแสดง และปั้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการ ฟอกให้ขาว
    ดังนั้น ถ้าการที่เพจนี้ ได้ต่อสู้แล้วช่วยคนไทยได้ทั้งประเทศ
    อย่าถามว่ากลัวมั๊ย ต้องถามว่าคุ้มมั๊ย
    ถ้าคุณได้ใช้ชีวิตของคุณ ช่วยคนไทยได้กว่า 70 ล้านคน
    ซึ่งพี่คิงส์ มีคำตอบกับตัวเองแล้วว่า "คุ้มค่า"
    ขอตอบรอบนี้รอบเดียวนะครับ
    ถึงจะไม่ได้ทำทุกอย่างดีหมดถูกต้องหมดมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา
    แต่สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มั่นใจว่า "ถูกต้องที่สุด" แล้วจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เป็นคำถามที่ดี อธิบายแบบนี้ มันมี 2 สเต็ป 1. เริ่มต้น โดยที่จริงๆแล้ว น้องแน๊กชาลีสำหรับพี่คิงส์ก่อนหน้านี้ ก็เป็นน้องคนนึงที่เราเห็นในวงการบันเทิง มาปฏิสัมพันธ์กับกามิน เห็นผ่านๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ไม่ได้เป็นด้อม ที่มีความผูกพันเหมือนหลายๆคน แต่เหตุการณ์มันเริ่มต้นคือ วันที่แน๊กออกมาไลฟ์ตั้งแต่ค่ำยันเช้า พี่คิงส์มาเปิดตอนแปดโมงแล้ว ก็เลยสงสัยว่าใครทำให้น้องคนนี้ตกอยู่ในสภาพนี้ นั่นหละนิสัยที่ไม่ยอมให้ความสงสัยค้าคา ก็เลยเริ่มขุดข้อมูล และแล้วด้วยการมองเห็น ข บ ก ของโจ ในการให้ร้ายต่อแน๊ก สร้างเครือข่าย ทำให้คนไทยด้วยกัน เข้าใจแน็กผิด แต่พี่คิงส์มีข้อมูลที่มันสวนทาง และยิ่งขุด ยิ่งรู้จักคนไทย ที่ชื่อแน๊กชาลีมากขึ้น ทำให้เข้าใจสถานการณ์ ว่าน้อง ต้องอดทนแค่ไหน ในขณะที่ต้องย้อมกับแฟนคลับชาวไทย ถ้าไม่มีใครออกมาปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะทำ ถึงขนาดวางเรื่องการเมืองที่นำเสนอเรื่องเอ็กคลูซีฟ การวิเคราะห์ ที่แม่นยำ 99% จนแฟนเพจถามตลอดว่าเลขงวดนี้จะออกอะไร แฟนเพจดั้งเดิมช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ทุกคน เราจึงไม่ต้องการแสง เพราะเรามีแสงของตัวเราเองมานานมากแล้ว และไม่เคยให้ความสำคัญกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมาย ให้คนไทยได้รู้ว่าใครที่คิดร้ายกับคนในประเทศ ใครกำลังทำอะไรที่คนไทยเสียประโยชน์ นั่นคือความสำเร็จที่เราภูมิใจ 2. เมื่อขุดไปเรื่อยๆ เพื่อตอบข้อสงสัยว่า ข บ ก นำโดยโจ มีใครเป็นเครือข่าย และเค้าทำเพื่ออะไร ก็ไปเจอกับสิ่งที่อึ้ง ที่มันเป็นเรื่องระดับ ฟอกข้ามชาติ บิ๊กแม็ต พีเค ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ในเวลานี้ ยุโปร ตะวันออกลาง และเอเชียหลายประเทศ กำลังตื่นตัว แต่ประเทศไทย แทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เท่าที่ดู ก็จะมีแค่สื่อตำนาน อย่าง สนธิ ที่ได้ข้อมูลมาในชุดเดียวกัน แต่มีข้อมูลที่ลึกกว่าคิงส์โพธิ์แดงหลายสิบเท่า และมีความกล้าที่จะเปิดเผย ดังนั้น มาส่วนของคำถาม ว่า พี่คิงส์ไม่กลัวเหรอ ตอบ พี่คิงส์ อาจมีความไม่เหมือนกับคนทั่วไปอยู่ 1 ข้อ พี่คิงส์คิดว่า คนเราอายุขัยแค่ 70-80 ปี ยังไง วันหนึ่งก็ไม่มีเราอยู่บนโลกนี้แน่นอน ดังนั้น คุณค่าของชีวิต มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ เราอยู่นานแค่ไหน แต่การทำชีวิต 1 ชีวิตให้มีค่า มันขึ้นกับว่า เราอยู่เพื่อใครตะหาก ประเด็นการออกมาช่วยน้องชาลี พี่คิงส์ถูกให้ร้ายต่างๆนานา ว่าอยากได้ยอดไลค์บ้าง อยากดังบ้าง ซึ่งพวกนี้ ไม่เคยรู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงมาก่อน ไม่เคยรู้ว่าเราสู้กับใครมาบ้าง ไม่เคยรู้ว่าคลิปที่เราสร้าง โพสที่เราเปิดข้อมูล มีคนดูกี่แสน และหลายคลิปก็ทะลุล้าน เป็นเรื่องปกติไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องหาอะไรมาอธิบาย มีแค่ข้อเดียวคือ ถ้าไม่ปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะปกป้องเรา และที่ลึกไปถึงกลุ่มทุนดาร์คที่ซัพพอตโจ และเครือข่าย ต้องสังเคราะห์ให้ลึกซึ้งก่อนว่า เงินดาร์ค ที่ว่าได้มายังไง 1. การพานัน 2. ค้ามานุษย์ 3. คอเซ็งเทอร์ 4. ยาเฉพติค นี่คือส่วนหลักๆของเงินดาร์ค ที่มันจะเอามาใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการฟอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้น มีก็เหมือนไม่มี ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกประเทศต่างจับตาเรื่องนี้กันทั้งนั้น และข้อมูลที่พี่คิงส์ฯได้เปิดไปแล้วนั้น ว่าทั้งสหรัฐ ทั้งตุรกี ทั้งจีน ทั้งไต้หวัน ต่างตื่นตัวกันมาก กลุ่มเงินดาร์ค ใช้จังหวะที่ชาลีและคนไทยเข้าใจผิดไม่คิดว่าสิ่งที่กามินทำนั้น คือการแสดงที่มีเอเจนซี่กำกับอยู่ และมีชื่อเสียงก้องประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วางแผนไกลถึงขนาดจะใช้ไทยเป็นฐานใหญ่ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา มีการนำเงินเข้าสู่ระบบ ตต. และฟอกไปแล้วจำนวนมหาศาล ผ่านการแต่งบช ว่าได้รับผลประโยชน์จากของขวัญในตน. สอดแทรกกับของขวัญจริงที่คนไทยส่งให้ด้วยความเอ็นดู คำถาม ถ้าพี่คิงส์ไม่เปิดเผยเรื่องนี้แบบตรงๆ ป่านนี้ พีเค บิ๊กแม็ต ก็กระหึ่มอยู่ เงินดาร์คก็ยังฟอกกันได้อย่างเฟื่องฟู และประเทศเราก็จะกลายเป็น ฐานใหญ่เงินดาร์คไปแล้วก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ มีเอเจนซี่ เริ่มเข้ามาเตรียมหาตัวแสดง และปั้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการ ฟอกให้ขาว ดังนั้น ถ้าการที่เพจนี้ ได้ต่อสู้แล้วช่วยคนไทยได้ทั้งประเทศ อย่าถามว่ากลัวมั๊ย ต้องถามว่าคุ้มมั๊ย ถ้าคุณได้ใช้ชีวิตของคุณ ช่วยคนไทยได้กว่า 70 ล้านคน ซึ่งพี่คิงส์ มีคำตอบกับตัวเองแล้วว่า "คุ้มค่า" ขอตอบรอบนี้รอบเดียวนะครับ ถึงจะไม่ได้ทำทุกอย่างดีหมดถูกต้องหมดมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มั่นใจว่า "ถูกต้องที่สุด" แล้วจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2803 มุมมอง 0 รีวิว