• #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองยิงวัตถุมงคล คุณลุงผู้เขียนเบ่าให้ฟังว่า สมัยย้อนหลังไป 50 ปี ..คือ เสกเสร็จได้รับปุ๊ป ลองยิงกันหลังวัดนั่นเลย...มีทั้งแบบ ออก ไม่ออก และออก แต่ไม่โดน แม้จะยิงระยะ แค่ 2 ฟุต. นัยว่าดีทาง แคล้วคลาด..และการลองยิงก็มีต่อเนื่องมาตลอด..แต่ส่วนใหญ่ กระจาย...ทีนี้ พอมีรูปแบบธุรกิจมามากเข้า...กลุ่มสายตรงเขาเสียหาย..วิธีนี้เลยค่อยหายไป...น้าชายผู้เขียน เคยโดนยิง 3 นัด ไม่เข้า 2 เป็นรอยไหม้ เสื้อขาด ที่ลำตัว และเข้า 1 นัด ที่ขา...ห้อยองค์เดียวเลย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี..อ๋อ ย้อนนิด ที่จ่อยิงแล้วไม่โดน คือ เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยลาด สงขลา ปี 09 เป็นพระเข้าทรงแบบหลวงปู่ทวด คณะลุงของผู้เขียนเป็นผู้ลองด้วยตนเอง.เพราะอยู่ร่วมพิธี.ด้วย.มีเรื่องเบ่าเยอะเลย พุทธคุณ ประสบการณ์ ...แต่เรื่องที่ฟังต่อๆกันมา โดยนิสัยส่วนตัว ไม่ค่อยนำข้อมูลนั้นมาถ่ายทอดต่อ เพราะไม่รู้ว่า มันคือ การตลาดไหม ต้องเอาแบบจากคนที่ประสบมาจริงๆ ...
    ลองยิงวัตถุมงคล คุณลุงผู้เขียนเบ่าให้ฟังว่า สมัยย้อนหลังไป 50 ปี ..คือ เสกเสร็จได้รับปุ๊ป ลองยิงกันหลังวัดนั่นเลย...มีทั้งแบบ ออก ไม่ออก และออก แต่ไม่โดน แม้จะยิงระยะ แค่ 2 ฟุต. นัยว่าดีทาง แคล้วคลาด..และการลองยิงก็มีต่อเนื่องมาตลอด..แต่ส่วนใหญ่ กระจาย...ทีนี้ พอมีรูปแบบธุรกิจมามากเข้า...กลุ่มสายตรงเขาเสียหาย..วิธีนี้เลยค่อยหายไป...น้าชายผู้เขียน เคยโดนยิง 3 นัด ไม่เข้า 2 เป็นรอยไหม้ เสื้อขาด ที่ลำตัว และเข้า 1 นัด ที่ขา...ห้อยองค์เดียวเลย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี..อ๋อ ย้อนนิด ที่จ่อยิงแล้วไม่โดน คือ เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยลาด สงขลา ปี 09 เป็นพระเข้าทรงแบบหลวงปู่ทวด คณะลุงของผู้เขียนเป็นผู้ลองด้วยตนเอง.เพราะอยู่ร่วมพิธี.ด้วย.มีเรื่องเบ่าเยอะเลย พุทธคุณ ประสบการณ์ ...แต่เรื่องที่ฟังต่อๆกันมา โดยนิสัยส่วนตัว ไม่ค่อยนำข้อมูลนั้นมาถ่ายทอดต่อ เพราะไม่รู้ว่า มันคือ การตลาดไหม ต้องเอาแบบจากคนที่ประสบมาจริงๆ ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระนเรศวร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เป็นอีกท่านที่กราบได้สนิทใจ ท่านเป็นสายปฏิบัติ วัตถุมงคลของท่านไปทาง บุญยฤทธิ์ ไม่ใช่แนว อิทธิฤทธิ์ ตีฟันแทงยิงไม่เข้า ..คนเลยไม่ค่อยกล่าวถึง..อนุมานได้ว่า วัตถุมงคลของท่าน ไปทาง เมตตา ร่มเย็น แคล้วคลาด แบบของหลวงปู่โต๊ะ..วัตถุมงคลรุ่น ท่านประมวล รุจนเสรี เป็นผู้สร้างสมัยเป็น อธิบดีกรมการปกครอง..ปลุกเสก 2 วาระ วาระแรก สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร และมาปลุกเสกรอบ 2 ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี..แต่นับเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจรัญ.อีกรุ่นนึง เพราะส่วนนึงได้ให้ท่านไว้ เอาไปแจก ผู้คนก็ได้รับจากท่านมากมาย...และมีประสบการณ์ด้วย......หาอ่านใน google ค้นหาคำว่า เหรียญพระนเรศวรหลวงพ่อจรัญ..เป็นที่น่าเสียดาย มีคนเล่าให้ผู้เขียนฟังหลายครั้ง ว่า กลุ่มสายตรงในเฟส มีการกีดกันคนขายขาจร โพสไปก็ไม่ค่อยอนุมัติ จะขายแต่ของคนพวกเขา กลุ่มเขา ออกตัวก่อนฟังเขาเล่ามา จริงเท็จไม่ยืนยันข้อมูล.. .
    พระนเรศวร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เป็นอีกท่านที่กราบได้สนิทใจ ท่านเป็นสายปฏิบัติ วัตถุมงคลของท่านไปทาง บุญยฤทธิ์ ไม่ใช่แนว อิทธิฤทธิ์ ตีฟันแทงยิงไม่เข้า ..คนเลยไม่ค่อยกล่าวถึง..อนุมานได้ว่า วัตถุมงคลของท่าน ไปทาง เมตตา ร่มเย็น แคล้วคลาด แบบของหลวงปู่โต๊ะ..วัตถุมงคลรุ่น ท่านประมวล รุจนเสรี เป็นผู้สร้างสมัยเป็น อธิบดีกรมการปกครอง..ปลุกเสก 2 วาระ วาระแรก สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร และมาปลุกเสกรอบ 2 ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี..แต่นับเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจรัญ.อีกรุ่นนึง เพราะส่วนนึงได้ให้ท่านไว้ เอาไปแจก ผู้คนก็ได้รับจากท่านมากมาย...และมีประสบการณ์ด้วย......หาอ่านใน google ค้นหาคำว่า เหรียญพระนเรศวรหลวงพ่อจรัญ..เป็นที่น่าเสียดาย มีคนเล่าให้ผู้เขียนฟังหลายครั้ง ว่า กลุ่มสายตรงในเฟส มีการกีดกันคนขายขาจร โพสไปก็ไม่ค่อยอนุมัติ จะขายแต่ของคนพวกเขา กลุ่มเขา ออกตัวก่อนฟังเขาเล่ามา จริงเท็จไม่ยืนยันข้อมูล.. .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ปี2536 มีเรื่องเล่าจากลูกศิษย์ว่า เมื่อครั้งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวังสะพุง หลังจากที่ท่านหยอกล้อกับหมอและพยาบาลว่าขอกลับวัดไปพักฟื้น เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลมีผีมาขอส่วนบุญเยอะ จนหมอและพยาบาลเกิดอาการขนหัวลุก ร้องขอวัตถุมงคลจากท่าน ท่านจึงให้เอาเหรียญบาตรน้ำมนต์มาแจกเพื่อติดตัวกันผีกัน
    เหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ปี2536 มีเรื่องเล่าจากลูกศิษย์ว่า เมื่อครั้งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวังสะพุง หลังจากที่ท่านหยอกล้อกับหมอและพยาบาลว่าขอกลับวัดไปพักฟื้น เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลมีผีมาขอส่วนบุญเยอะ จนหมอและพยาบาลเกิดอาการขนหัวลุก ร้องขอวัตถุมงคลจากท่าน ท่านจึงให้เอาเหรียญบาตรน้ำมนต์มาแจกเพื่อติดตัวกันผีกัน
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • คนจีน (บางส่วน) มีความเชื่อว่า ถ้าเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่พลังจิตของท่าน จะเขื่อมต่อกับวัตถุมงคลของท่านได้...ถ้าท่านใด ยังไม่มีพระในดวงใจ ที่ปฏิบัติดี ก็แนะนำครับ
    คนจีน (บางส่วน) มีความเชื่อว่า ถ้าเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่พลังจิตของท่าน จะเขื่อมต่อกับวัตถุมงคลของท่านได้...ถ้าท่านใด ยังไม่มีพระในดวงใจ ที่ปฏิบัติดี ก็แนะนำครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี พิมพ์ยืน ด้านหลังมีเกศา และ จีวรของหลวงตา

    หลวงตามหาบัว เป็นศิษย์องค์สำคัญในพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    คุณอุดมศิลป์ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ได้นำมาให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงตาเช่นกัน

    คุณอุดมศิลป์ เล่าว่า เมื่อครั้งที่ไปอินเดียได้เก็บรวบรวมดินจากสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พุทธคยา ค้นศรีมหาโพธิ์ ฯลฯ

    หลังจากกลับมาไทยได้นำเอาดินเหล่านี้ไปไว้ที่วัดอโศการามของท่านพ่อลี ปรากฎว่า ดินที่รวบรวมมานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยมากจึงนำมาเป็นมวลสารจัดสร้างวัตถุมงคลเป็นพระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัวพิมพ์ยืนและนั่งสมาธิ เมื่อสร้างเสร็จแล้วนำมาขอให้หลวงตามหาบัวอฐิษฐานจิตปลุกเสก ซึ่งหลวงตาเมตตาอฐิษฐานนานถึง20นาที

    ต่อมาคุณอุดมศิลป์ได้นำพระบางส่วนถวายหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง หนองวัวซอ อุดรธานีศิษย์ของหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านพอได้รับก็เก็บรักษาพระรุ่นนี้เอาไว้ในกุฏิของท่านอย่างดี ไม่ได้นำมาแจกจ่ายให้ใครเลย

    จนกระทั่งนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ หลวงปู่ลีได้นำออกมามอบให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งพอได้รับพระรุ่นนี้อาราธนาขึ้นคอก็ปรากฎเกิดเรื่องราวปาฎิหารย์โดยไม่คาดคิด ฟันแทงไม่เข้า หลังจากลูกศิษย์รายนี้ถูกชาย3คนที่ใช้มีดดาบเป็นอาวุธฟันแทงไม่เข้า และ สามารถแย่งอาวุธมาได้อีกต่างหากโดยเจ้าตัวไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย

    ความสวยงามของพุทธศิลป์องค์นี้จะเห็นผิวพระมีคราบสีของดินที่ขึ้นเองตามธรรมชาติตรงจีวรของหลวงตาซึ่งแตกต่างจากพระองค์อื่นๆในรุ่นนี้



    ✨พระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี พิมพ์ยืน ด้านหลังมีเกศา และ จีวรของหลวงตา หลวงตามหาบัว เป็นศิษย์องค์สำคัญในพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต คุณอุดมศิลป์ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ได้นำมาให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงตาเช่นกัน คุณอุดมศิลป์ เล่าว่า เมื่อครั้งที่ไปอินเดียได้เก็บรวบรวมดินจากสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พุทธคยา ค้นศรีมหาโพธิ์ ฯลฯ หลังจากกลับมาไทยได้นำเอาดินเหล่านี้ไปไว้ที่วัดอโศการามของท่านพ่อลี ปรากฎว่า ดินที่รวบรวมมานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยมากจึงนำมาเป็นมวลสารจัดสร้างวัตถุมงคลเป็นพระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัวพิมพ์ยืนและนั่งสมาธิ เมื่อสร้างเสร็จแล้วนำมาขอให้หลวงตามหาบัวอฐิษฐานจิตปลุกเสก ซึ่งหลวงตาเมตตาอฐิษฐานนานถึง20นาที ต่อมาคุณอุดมศิลป์ได้นำพระบางส่วนถวายหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง หนองวัวซอ อุดรธานีศิษย์ของหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านพอได้รับก็เก็บรักษาพระรุ่นนี้เอาไว้ในกุฏิของท่านอย่างดี ไม่ได้นำมาแจกจ่ายให้ใครเลย จนกระทั่งนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ หลวงปู่ลีได้นำออกมามอบให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งพอได้รับพระรุ่นนี้อาราธนาขึ้นคอก็ปรากฎเกิดเรื่องราวปาฎิหารย์โดยไม่คาดคิด ฟันแทงไม่เข้า หลังจากลูกศิษย์รายนี้ถูกชาย3คนที่ใช้มีดดาบเป็นอาวุธฟันแทงไม่เข้า และ สามารถแย่งอาวุธมาได้อีกต่างหากโดยเจ้าตัวไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย ความสวยงามของพุทธศิลป์องค์นี้จะเห็นผิวพระมีคราบสีของดินที่ขึ้นเองตามธรรมชาติตรงจีวรของหลวงตาซึ่งแตกต่างจากพระองค์อื่นๆในรุ่นนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นสิ่งนึง...ผม "คลื่นไส้" มากกว่าเห็นคนขายพระเก๊อีก....พระเก๊ ทำให้เซียนมีคุณค่าขึ้นมา...ถ้าไม่มีของเก๊ จะมีเซียนไปทำไม?
    ... หลายคนต้นทุนทางสังคมน้อยกว่าเขา ความรู้ ทุนทรัพย์ ขายกำไร วันต่อวัน 2_300 หาเลี้ยงครอบครัว ...ผมเข้าใจ และรับได้....ถ้าขายของเก๊ในราคาวัดใจ ...ถ้าแบบขายของเก๊แล้วรับประกันสิ..น่าด่า...
    ...กลับมาสิ่งที่ "คลื่นไส้" มากที่สุด...คือ สร้างเพจ ..รับการสนับสนุน (เสียเงินบูสเพจ) ...ขายพระใหม่ พระแท้ ออกวัด ที่เพิ่งสร้างไม่นาน.....แต่ live อวดสรรพคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....บวกราคาไป จากออกวัด 300 ขาย 699 ยัน พันกว่าบาท.....สร้างนิทาน เรื่องราว อิทธิปาฏิหาริย์สารพัด...ทำนอง แค่มีติดตัว ขี้เกียจ...ก็รวยได้ (อันนี้เข้าขั้นทุเรศ) ......บางเพจ สร้างเอง เสกเอง มีไปขอถ่ายรูปกับเกจิดังๆมาประกอบทำโฆษณา....ทุนเหรียญละ ปั๊ม20_30 ขาย 6-700 .....ไม่ต้องจัดพิธีบวงสรวงใดๆ บางคนอ้างว่า เข้า 10 พิธี 100 พิธี...ใครจะรู้....บางคนเข้าพิธีจริง...คือ แอบเอาลังไปวาง...ในพิธี..มีทั้งขออนุญาตและไม่ขอ....จนเสร็จพิธี...ตามหาเจ้าของลังไม่เจอ...ก็มีกันบ่อยๆ......
    ...เจ้าพ่อเจ้าแม่ ไบ้หวย (บางคน) ก็สร้างความร่ำรวย ด้วยแนวทางนี้ ...คือ ขายวัตถุมงคล...และมาในแนวเดียวกัน...คือ พุทธคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....
    เห็นสิ่งนึง...ผม "คลื่นไส้" มากกว่าเห็นคนขายพระเก๊อีก....พระเก๊ ทำให้เซียนมีคุณค่าขึ้นมา...ถ้าไม่มีของเก๊ จะมีเซียนไปทำไม? ... หลายคนต้นทุนทางสังคมน้อยกว่าเขา ความรู้ ทุนทรัพย์ ขายกำไร วันต่อวัน 2_300 หาเลี้ยงครอบครัว ...ผมเข้าใจ และรับได้....ถ้าขายของเก๊ในราคาวัดใจ ...ถ้าแบบขายของเก๊แล้วรับประกันสิ..น่าด่า... ...กลับมาสิ่งที่ "คลื่นไส้" มากที่สุด...คือ สร้างเพจ ..รับการสนับสนุน (เสียเงินบูสเพจ) ...ขายพระใหม่ พระแท้ ออกวัด ที่เพิ่งสร้างไม่นาน.....แต่ live อวดสรรพคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....บวกราคาไป จากออกวัด 300 ขาย 699 ยัน พันกว่าบาท.....สร้างนิทาน เรื่องราว อิทธิปาฏิหาริย์สารพัด...ทำนอง แค่มีติดตัว ขี้เกียจ...ก็รวยได้ (อันนี้เข้าขั้นทุเรศ) ......บางเพจ สร้างเอง เสกเอง มีไปขอถ่ายรูปกับเกจิดังๆมาประกอบทำโฆษณา....ทุนเหรียญละ ปั๊ม20_30 ขาย 6-700 .....ไม่ต้องจัดพิธีบวงสรวงใดๆ บางคนอ้างว่า เข้า 10 พิธี 100 พิธี...ใครจะรู้....บางคนเข้าพิธีจริง...คือ แอบเอาลังไปวาง...ในพิธี..มีทั้งขออนุญาตและไม่ขอ....จนเสร็จพิธี...ตามหาเจ้าของลังไม่เจอ...ก็มีกันบ่อยๆ...... ...เจ้าพ่อเจ้าแม่ ไบ้หวย (บางคน) ก็สร้างความร่ำรวย ด้วยแนวทางนี้ ...คือ ขายวัตถุมงคล...และมาในแนวเดียวกัน...คือ พุทธคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีครับ

    ผม "อู๋" สุวิชชา ขอเปิด "ห้องพระ" ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

    การเปิดเพจ"ห้องพระ"ขึ้นมาใน"Thaitime" ผมได้แรงบันดาลใจและการสนับสนุนจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และเจ้านาย ผู้มีธรรมนำหน้าและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ"พระสายกรรมฐาน" หรือ พระป่า สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อย่างลึกซึ้ง

    ผมรู้สึกทึ่งที่คุณสนธิจดจำธรรมคำสอน ปฎิปทา และ ชื่อฉายาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้แม่นจำมาก ทุกครั้งที่คุณสนธิเมตตาให้พระเครื่องผมมาแล้วบอกเล่าด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งทำใหรู้สึกตัวเองมีความรู้น้อยนิดมา มาก

    ผมจึงบอกกับตัวเองว่าผมจะต้องเรียนรู้เรื่องพระเครื่องให้รู้เรื่องบ้าง เพื่อจะได้คุยและซักถามคุณสนธิได้สักนิดหน่อยก็ยังดี

    ตลอด3ปีที่ผ่านมานี้ผมจึงชอบที่จะเรียนรู้และศึกษารวมไปถึงมีโอกาสสะสมพระเครื่องอยู่บ้างครับ

    ห้องพระห้องนี้จะเป็นห้องของทุกคน สามารถเข้ามาได้เสมอครับ จะด้วยวัตถุประสงค์ใด เข้ามาพูดคุยกัน ศึกษาเรียนรู้พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปัน บูชา รวมไปถึงการเปิดประมูลไปด้วยกันนะครับ

    แล้วเจอกันทุกๆวันครับ
    สวัสดีครับ ผม "อู๋" สุวิชชา ขอเปิด "ห้องพระ" ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ การเปิดเพจ"ห้องพระ"ขึ้นมาใน"Thaitime" ผมได้แรงบันดาลใจและการสนับสนุนจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และเจ้านาย ผู้มีธรรมนำหน้าและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ"พระสายกรรมฐาน" หรือ พระป่า สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อย่างลึกซึ้ง ผมรู้สึกทึ่งที่คุณสนธิจดจำธรรมคำสอน ปฎิปทา และ ชื่อฉายาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้แม่นจำมาก ทุกครั้งที่คุณสนธิเมตตาให้พระเครื่องผมมาแล้วบอกเล่าด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งทำใหรู้สึกตัวเองมีความรู้น้อยนิดมา มาก ผมจึงบอกกับตัวเองว่าผมจะต้องเรียนรู้เรื่องพระเครื่องให้รู้เรื่องบ้าง เพื่อจะได้คุยและซักถามคุณสนธิได้สักนิดหน่อยก็ยังดี ตลอด3ปีที่ผ่านมานี้ผมจึงชอบที่จะเรียนรู้และศึกษารวมไปถึงมีโอกาสสะสมพระเครื่องอยู่บ้างครับ ห้องพระห้องนี้จะเป็นห้องของทุกคน สามารถเข้ามาได้เสมอครับ จะด้วยวัตถุประสงค์ใด เข้ามาพูดคุยกัน ศึกษาเรียนรู้พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปัน บูชา รวมไปถึงการเปิดประมูลไปด้วยกันนะครับ แล้วเจอกันทุกๆวันครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งจับหมอดูฮวงจุ้ย หลังยายวัย 77 ปี ถูกหมอดูฮวงจุ้ยหลอกทำพิธี สูญ 66 ล้าน ทั้งโรยผงกระดูกผี แก้คุณไสย ลั่น หลงคำพูดจา ลั่น “ทำกับคนแก่ได้อย่างไร เงินที่เอาไปหมดจนเกลี้ยงบัญชี“

    วันนี้ (4 พ.ย.) เพจ “บิ๊กเกรียน” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ที่คุณยายวัย 77 ปี ท่านหนึ่ง ถูกหลอก ดูฮวงจุ้ย และ ค่าเช่าวัตถุมงคล รวมทั้งค่าทำพิธีเป็นเงินสูงถึง 66 ล้าน โดยโพสต์ระบุว่า หมอดูฮวงจุ้ยช่องดังป้ายยาคุณยายกับลูกสาวรวม66ล้านบาทเกลี้ยงบัญชี โดยคุณยายวัย 77 ปีเห็น หมอดู ฮวงจุ้ย ในทีวีดิจิทัล ช่องดัง หลงเชื่อ เลยติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ย ที่บ้าน เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2567 แค่เรียกมาดูแต่คุณยายกับลูกสาวเหมือนถูกป้ายยา โดนค่าต่างๆ เพื่อใช้ ดูฮวงจุ้ย และ ค่า วัตถุมงคล ค่าทำพิธี ครั้งแรกรวมแล้ว 1.3 ล้านบาท

    จากนั้น จ่ายยิบจ่ายย่อย หมอดูฮวงจุ้ย อ้างเป็นค่า ค่าทำพิธี 9 แสน ค่าภาษีอากร นำเข้า 6 แสน ค่าพระผงกระดูกผี 4.4 ล้าน ค่านิมนต์ ค่าพระทำพิธี 6 หมื่น ค่าพิธีล่มศาล 2 ล้าน ค่าซื้อที่ดิน สุสาน 4 แสน ค่าสิงห์ 2 ตัว 1.2 ล้าน โดยที่แพงสุด ค่าหินแกะสลักศักดิ์ นำเข้าจากเมื่องจีน 38 ล้านบาท แต่ไม่เห็นของ ซึ่งตลอดเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม ยอมรวม จ่ายไป 66 ล้านบาท

    โดยคุณยาย เผยว่ามาทุกครั้ง ต้องโอนเงินจ่ายทุกครั้ง อ้างต้องปรับเปลี่ยน ฮวงจุ้ย แก้ คุณไสย ทำพิธีต่างๆ พอทวงถาม ว่าพิธีจะเริ่มเมื่อไร ของเซ่นไหว้ วัตถุ มงคลที่สั่งไปจะมาวันไหน กลับสร้างความไม่พอใจ ให้หมอดูฮวงจุ้นช่องดัง เกิดอารมณ์ เกรี้ยวกราด จึงรู้ว่า โดนหลอกแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000106138

    #MGROnline #ตี่ลี่ฮวงจุ้ย #หมอดูฮวงจุ้ย
    แจ้งจับหมอดูฮวงจุ้ย หลังยายวัย 77 ปี ถูกหมอดูฮวงจุ้ยหลอกทำพิธี สูญ 66 ล้าน ทั้งโรยผงกระดูกผี แก้คุณไสย ลั่น หลงคำพูดจา ลั่น “ทำกับคนแก่ได้อย่างไร เงินที่เอาไปหมดจนเกลี้ยงบัญชี“ • วันนี้ (4 พ.ย.) เพจ “บิ๊กเกรียน” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ที่คุณยายวัย 77 ปี ท่านหนึ่ง ถูกหลอก ดูฮวงจุ้ย และ ค่าเช่าวัตถุมงคล รวมทั้งค่าทำพิธีเป็นเงินสูงถึง 66 ล้าน โดยโพสต์ระบุว่า หมอดูฮวงจุ้ยช่องดังป้ายยาคุณยายกับลูกสาวรวม66ล้านบาทเกลี้ยงบัญชี โดยคุณยายวัย 77 ปีเห็น หมอดู ฮวงจุ้ย ในทีวีดิจิทัล ช่องดัง หลงเชื่อ เลยติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ย ที่บ้าน เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2567 แค่เรียกมาดูแต่คุณยายกับลูกสาวเหมือนถูกป้ายยา โดนค่าต่างๆ เพื่อใช้ ดูฮวงจุ้ย และ ค่า วัตถุมงคล ค่าทำพิธี ครั้งแรกรวมแล้ว 1.3 ล้านบาท • จากนั้น จ่ายยิบจ่ายย่อย หมอดูฮวงจุ้ย อ้างเป็นค่า ค่าทำพิธี 9 แสน ค่าภาษีอากร นำเข้า 6 แสน ค่าพระผงกระดูกผี 4.4 ล้าน ค่านิมนต์ ค่าพระทำพิธี 6 หมื่น ค่าพิธีล่มศาล 2 ล้าน ค่าซื้อที่ดิน สุสาน 4 แสน ค่าสิงห์ 2 ตัว 1.2 ล้าน โดยที่แพงสุด ค่าหินแกะสลักศักดิ์ นำเข้าจากเมื่องจีน 38 ล้านบาท แต่ไม่เห็นของ ซึ่งตลอดเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม ยอมรวม จ่ายไป 66 ล้านบาท • โดยคุณยาย เผยว่ามาทุกครั้ง ต้องโอนเงินจ่ายทุกครั้ง อ้างต้องปรับเปลี่ยน ฮวงจุ้ย แก้ คุณไสย ทำพิธีต่างๆ พอทวงถาม ว่าพิธีจะเริ่มเมื่อไร ของเซ่นไหว้ วัตถุ มงคลที่สั่งไปจะมาวันไหน กลับสร้างความไม่พอใจ ให้หมอดูฮวงจุ้นช่องดัง เกิดอารมณ์ เกรี้ยวกราด จึงรู้ว่า โดนหลอกแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000106138 • #MGROnline #ตี่ลี่ฮวงจุ้ย #หมอดูฮวงจุ้ย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำการตลาดวัตถุมงคล (พระแท้สร้างใหม่) ก็อวยคุณวิเศษเข้าไป เน้นเรื่องรวยๆ ถูกหวยเข้าไว้....ได้ผลเสมอมา ...จำข่าวที่วัดนึงสร้างความเชื่อที่ว่า เงิน ซื้อบุญ ซื้อทางไปสวรรค์ได้...ยังทำสำเร็จมาแล้ว...แบบมโหฬาร.ได้ไหม? .
    ทำการตลาดวัตถุมงคล (พระแท้สร้างใหม่) ก็อวยคุณวิเศษเข้าไป เน้นเรื่องรวยๆ ถูกหวยเข้าไว้....ได้ผลเสมอมา ...จำข่าวที่วัดนึงสร้างความเชื่อที่ว่า เงิน ซื้อบุญ ซื้อทางไปสวรรค์ได้...ยังทำสำเร็จมาแล้ว...แบบมโหฬาร.ได้ไหม? .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 2 . อีกท่านนึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านให้ข้างบน เสก ...คือ อาราธนาคุณพระพุทธเจ้า และเทพเทวาทั้งหลาย....มาช่วย..
    ...อีกท่าน หลวงปู่โต๊ะ คนที่เคยอยู่ร่วมพิธี ปลุกเสกหมู่ เล่าว่า เกจิรูปอื่น เสก 10-15 นาที ก็ลุกไป...บางคนนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุข....แต่หลวงปู่โต๊ะนั่งหลับตา...ไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อย...และอยู่จนจบพิธี....ทุกครั้ง.
    ..ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน..ต่อให้ท่องคาถา 100 บท...จิตไม่นิ่ง ก็ไม่เป็นสมาธิ ...เมื่อไม่เป็นสมาธิ ก็ไม่มีพลังอะไร.....เหมือนท่อง ก. _ ฮ ...คงเพียงเท่านั้น...
    ..ยังมีเกจิยุคเก่าอีกมาก ที่เก่ง และมีพลังจิตกล้าแข็ง วัตถุมงคลของท่านเหล่านั้นจึงมีประสบการณ์ (แต่ให้ผลต่างกัน อยู่ที่บุญกรรม ของแต่ละคน)
    EP 2 . อีกท่านนึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านให้ข้างบน เสก ...คือ อาราธนาคุณพระพุทธเจ้า และเทพเทวาทั้งหลาย....มาช่วย.. ...อีกท่าน หลวงปู่โต๊ะ คนที่เคยอยู่ร่วมพิธี ปลุกเสกหมู่ เล่าว่า เกจิรูปอื่น เสก 10-15 นาที ก็ลุกไป...บางคนนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุข....แต่หลวงปู่โต๊ะนั่งหลับตา...ไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อย...และอยู่จนจบพิธี....ทุกครั้ง. ..ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน..ต่อให้ท่องคาถา 100 บท...จิตไม่นิ่ง ก็ไม่เป็นสมาธิ ...เมื่อไม่เป็นสมาธิ ก็ไม่มีพลังอะไร.....เหมือนท่อง ก. _ ฮ ...คงเพียงเท่านั้น... ..ยังมีเกจิยุคเก่าอีกมาก ที่เก่ง และมีพลังจิตกล้าแข็ง วัตถุมงคลของท่านเหล่านั้นจึงมีประสบการณ์ (แต่ให้ผลต่างกัน อยู่ที่บุญกรรม ของแต่ละคน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าบทสวด คาถาใด ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิ (นิ่งพอ) ไม่สามารถให้ผลอะไรได้เลย..พลังจิตของมนุษย์ หรือแม้แต่เกจิอาจารย์เก่งๆในอดีต...มันไม่ได้ทรงอยู่ตลอดเวลา..เหมือนไฟฟ้ากระแสตรง....แต่มันเหมือนไฟฟ้ากระแสสลับ...มีขึ้น มีลง...
    ...แล้ววัตถุมงคล ที่เกจิเสก ศักดิ์สิทธิ์เพราะอะไรให้ผลมากกว่า ..คาถา หรือพลังจิต..ต้องบอกว่า คาถามันจะสัมฤทธิ์ผลได้ คือ ต้องมีพลังจิต ที่ผลักดัน หรือ ประจุ เข้าไป....
    ..ในอดีต มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ของเกจิดัง 2 ท่าน คือ ท่านเจ้าคุณ นร และ หลวงปู่แหวน.เล่าให้ฟังว่า..ท่านใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที..และไม่ได้เสกคาถาอะไรเลย..ท่านอฐิษฐานจิตแค่ว่า ให้วัตถุมงคลนี้ มีความเป็นมงคล ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย...ง่ายๆแค่นั้นเอง.....แต่วัตถุมงคลของท่านก็มีประสบการณ์มากมาย...
    #มีต่อ Ep2🦚
    ไม่ว่าบทสวด คาถาใด ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิ (นิ่งพอ) ไม่สามารถให้ผลอะไรได้เลย..พลังจิตของมนุษย์ หรือแม้แต่เกจิอาจารย์เก่งๆในอดีต...มันไม่ได้ทรงอยู่ตลอดเวลา..เหมือนไฟฟ้ากระแสตรง....แต่มันเหมือนไฟฟ้ากระแสสลับ...มีขึ้น มีลง... ...แล้ววัตถุมงคล ที่เกจิเสก ศักดิ์สิทธิ์เพราะอะไรให้ผลมากกว่า ..คาถา หรือพลังจิต..ต้องบอกว่า คาถามันจะสัมฤทธิ์ผลได้ คือ ต้องมีพลังจิต ที่ผลักดัน หรือ ประจุ เข้าไป.... ..ในอดีต มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ของเกจิดัง 2 ท่าน คือ ท่านเจ้าคุณ นร และ หลวงปู่แหวน.เล่าให้ฟังว่า..ท่านใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที..และไม่ได้เสกคาถาอะไรเลย..ท่านอฐิษฐานจิตแค่ว่า ให้วัตถุมงคลนี้ มีความเป็นมงคล ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย...ง่ายๆแค่นั้นเอง.....แต่วัตถุมงคลของท่านก็มีประสบการณ์มากมาย... #มีต่อ Ep2🦚
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่

    ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
    สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
    ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
    บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
    บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา
    ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา
    ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล
    แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐

    อธิบายเพิ่มเติม

    โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!”

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..!

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่ ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่ สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐ อธิบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..! พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่

    ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
    สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
    ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
    บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
    บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา
    ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา
    ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล
    แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐

    อธิบายเพิ่มเติม

    โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!”

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..!

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่ ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่ สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐ อธิบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..! พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม
    กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง

    1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘)
    มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘

    2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์
    ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ

    3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ
    ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง

    4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ
    1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล
    2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล
    3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต
    พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน
    ดังข้อความว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส
    คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า

    5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ
    “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
    เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.
    "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม
    ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ
    การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์

    6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้
    ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี
    เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด
    "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ."
    วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙.
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8

    ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ
    สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล”
    (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.)

    วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ
    (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช)

    7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร
    เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.)

    8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน
    โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น
    จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ

    9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า
    “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์
    วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20
    หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด

    10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า
    “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก .
    ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง
    ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้
    ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ
    ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ
    ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม
    อธิบายความ
    1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓)
    2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา
    3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ
    4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓)

    11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม

    12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ
    ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า
    “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา
    เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    (ที.มหา.10/134/78.)
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3
    คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน
    ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้

    13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ
    ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต
    ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น.

    14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา
    ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย

    15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด
    การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่
    (มี ต่อ 16-18)

    อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง 1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘) มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘ 2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์ ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ 3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง 4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ 1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล 2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล 3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า 5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ; เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ. "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์ 6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้ ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ." วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙. https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8 ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล” (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.) วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช) 7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.) 8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ 9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์ วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘ https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20 หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด 10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม; คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก . ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้ ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม อธิบายความ 1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓) 2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา 3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ 4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓) 11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม 12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” (ที.มหา.10/134/78.) https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3 คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้ 13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น. 14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย 15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่ (มี ต่อ 16-18) อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนนั้น จีนไปเหมาสัมปทานตู้ขายวัตถุมงคลของวัด ขายจีนด้วยกัน หลักร้อย ขายหลักหมื่น...ต่อมา เอาพระเก๊ยุคเก่าไปต้มพวกเดียวกัน...ล่าสุด เป็นผู้สร้างเองแล้ว ..พระใหม่ออกวัดแน่นอน ...ผลประโยชน์ให้วัดเท่าไรก็ว่ากันไป.....
    ตอนนี้บนพันทิพย์ มีร้านพระที่เป็นของคนจีนอยู่หลายร้าน ร้านกรอบทองคำ ตลับทองคำใส่พระก็มี...หลายร้าน...เนื่องจากกำลังซื้อคนไทยถดถอย...พวกจีนเห็นช่องว่างทำเงินจากสิ่งนี้ ก็มาปักหลักทำธุรกิจในสายนี้เพิ่มขึ้น.
    ก่อนนั้น จีนไปเหมาสัมปทานตู้ขายวัตถุมงคลของวัด ขายจีนด้วยกัน หลักร้อย ขายหลักหมื่น...ต่อมา เอาพระเก๊ยุคเก่าไปต้มพวกเดียวกัน...ล่าสุด เป็นผู้สร้างเองแล้ว ..พระใหม่ออกวัดแน่นอน ...ผลประโยชน์ให้วัดเท่าไรก็ว่ากันไป..... ตอนนี้บนพันทิพย์ มีร้านพระที่เป็นของคนจีนอยู่หลายร้าน ร้านกรอบทองคำ ตลับทองคำใส่พระก็มี...หลายร้าน...เนื่องจากกำลังซื้อคนไทยถดถอย...พวกจีนเห็นช่องว่างทำเงินจากสิ่งนี้ ก็มาปักหลักทำธุรกิจในสายนี้เพิ่มขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....*****

    *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....*****

    *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....*****

    #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....***** *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....***** *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....***** #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พิศุทธิ์ศิลป์จัดสร้างวัตถุมงคลทั่วประเทศ #ThaiTimes #แอฟใหม่ที่น่าสนใจ #เพิ่มเพื่อนกันได้ค่ะ #เปิดการมองเห็น
    #พิศุทธิ์ศิลป์จัดสร้างวัตถุมงคลทั่วประเทศ #ThaiTimes #แอฟใหม่ที่น่าสนใจ #เพิ่มเพื่อนกันได้ค่ะ #เปิดการมองเห็น
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 751 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสตื่นธรรม ท่านถามว่าทำไมต้องสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินไปสร้างวัดด้วย ? ไปอยู่ป่าก็ได้..! รู้สึกว่าท่านจะตอบแบบมักง่าย และยกตนเองว่าเป็นผู้ใฝ่สันโดษ หรือว่าปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว

    ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ประทานพระบรมพุทธานุญาตตามที่พระเทวทัตขอ ว่าให้พระภิกษุทั้งหมดอยู่ป่า ห้ามอยู่ในบ้านในเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ป่าก็จงอยู่ป่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ในเมืองก็จงอยู่ในเมือง

    เนื่องเพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล หรือว่ามีพระสัพพัญญุตญาณที่รู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ดีว่าโลกภายภาคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ถ้าหากว่าประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมด้วยการอยู่ป่าอย่างเดียว จะกลายเป็นไม่มีที่อยู่ก็ได้..!

    โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ผืนป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ได้นั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว ยกเว้นวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก่อน แล้วยังคงความเป็นวัดป่าอยู่ก็พอที่จะมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องอื่นไกลที่ไหน แค่อำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพอยู่นี่แหละ บรรดาพระภิกษุผู้อยู่ป่านับร้อย ๆ ราย โดนเจ้าหน้าที่นิมนต์ออกจากป่ามาทั้งหมด เนื่องเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอุทยานแห่งชาติบ้าง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง แม้ว่าจะประกาศขึ้นทีหลัง โดยที่พระท่านไปอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็โดนนิมนต์ออกมาจนเกือบจะหมด ยกเว้นท่านที่ได้รับการตั้งขึ้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น
    ดังนั้น..ท่านที่พูดชุ่ย ๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างวัด ให้พระภิกษุไปอยู่ป่าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่โบราณมา เราก็คงไม่มีพระคามวาสีคือฝ่ายที่อยู่วัด และอรัญวาสีคือฝ่ายที่อยู่ป่า ในเมื่อบ้านเรามีการแยกวัดบ้านและวัดป่าอย่างชัดเจนแบบนี้ แล้วท่านยังจะให้ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระเทวทัตอยู่อีกหรือ ?

    กระผม/อาตมภาพคาดว่าไม่มีใครอยากเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต มีแต่อยากจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ขอให้กล่าวโดยรอบคอบกว่านี้ ดูบริบทของสังคมเราด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว

    สมัยพุทธกาลมีบรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี ท่านปวารณาสร้างวัดวาอารามให้ แม้แต่ในยุคสมัยต่อ ๆ มาในประเทศไทยของเราตั้งแต่ปรากฏประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี มาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็มีการสร้างวัดเพื่อบุญกุศลในวิหารทาน ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดประเภทว่า บรรดาเจ้าใหญ่นายโตนั้น "สร้างวัดเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่สำหรับวิ่งเล่น..!"

    ในเมื่อยุคต่อ ๆ มา บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนได้เข้าสู่ส่วนของการใช้แรงงานต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะไปช่วยเหลือวัด แม้กระทั่งผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินด้วยทองก็ติดหน้าที่การงานต่าง ๆ จนถึงขนาดไม่มีเวลาให้วัด ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง นามสกุลของท่านถ้าบอกไปแล้วต้องรู้จักกันทั้งประเทศไทย ท่านปวารณาเอาไว้ว่า กระผม/อาตมภาพจะสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ ทุกสิ้นปีให้แจ้งไป ท่านจะจัดการ "เคลียร์หนี้" ให้ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพแจ้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านมักจะติดด้วยงานด้วยการ ไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้

    ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่านมีเวลาแค่โทรศัพท์มาว่าตอนนี้วิ่งมาใกล้จะถึงแล้ว ให้กระผม/อาตมภาพลงไปรอในบริเวณนั้นบริเวณนี้ เมื่อท่านมาถึงแล้วก็เปิดหน้าต่างรถ ส่งเงินให้แล้วก็วิ่งต่อไป กระผม/อาตมภาพเจอแบบนั้นเข้าสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอีกเลย..!

    ดังนั้น..ต่อให้ปวารณาไว้โดยที่ท่านร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็แกล้งลืมเบอร์โทรศัพท์ไม่โทรไปหาอีก เนื่องเพราะเคยได้ยินมาว่าท่านเคยโทรสั่งโบรกเกอร์ช้าไปนาทีเดียว แล้วเสียหุ้นไป ๒๐ ล้านบาทโดยประมาณ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าไปรบกวนเวลาของท่านอีก..!
    ในเมื่อบุคคลที่มีฐานะเพียงพอที่จะช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ส่วนใหญ่ก็ติดด้วยภาระหน้าที่ต่าง ๆ จึงมักจะนำเงินนำทองไปมอบให้กับพระภิกษุ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอง ตรงส่วนนี้จึงทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป วัดที่มีผู้ปวารณาไว้ก็ยังคงต้องทำงานด้วยตนเอง แต่วัดที่ไม่มีผู้ปวารณาไว้ ก็ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อบูรณะก็คือทำของเก่าให้ดีขึ้น และปฏิสังขรณ์คือสร้างของใหม่ให้เพียงพอต่อการใช้งาน

    ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่นแหละ ที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือไม่ปกครองสอดส่องฆราวาสก็ยังพอทน แต่การไม่บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลโดยสะดวก ก็กลายเป็นว่านอกจากจะผิดทางโลกแล้ว ยังผิดทางธรรมอีกด้วย

    ในทางโลกก็คือผิดกฎหมายในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในทางธรรมก็คือบุคคลที่เว้นจากหน้าที่ซึ่งตนรับผิดชอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีหลักธรรมประจำใจ ก็คือขาดไปเสียทุกส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดวัดวาอารามให้น่าอยู่น่าอาศัย

    ประการต่อไปก็คือพุทธศาสนิกชนคนไทยของเรา ซึ่งมีอยู่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านผู้กล่าวว่าให้พระภิกษุสงฆ์ไปอยู่ป่า แล้วจะให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่านั้นตะเกียกตะกายเข้าป่าไปทำบุญกัน แล้วท่านคิดว่าจะใช่หรือไม่ ?
    ในเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่พูดชุ่ย ๆ แบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" ปราศจากความรับผิดชอบ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน ใครที่ชอบคำพูดดุเดือดหยาบคาย ไปฟังท่านแล้วชอบใจ ก็ถือว่ามีจริตนิสัยใกล้เคียงกัน ท่านสามารถสอนเขาให้ตื่นรู้ได้ก็สอนไปเถิด

    แต่ว่าบุคคลที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่แค่หยิบมือเดียวอย่างที่ท่านสอนอยู่ จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านทำอาหารรสชาติที่เผ็ดกระโดดจนกระทั่งคนกินไปร้องไห้ไป แล้วท่านจะไปยัดเยียดให้ทุกคนกินอาหารรสชาตินั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

    ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมะ กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ไม่เคยให้ราคาสำหรับฆราวาสผู้สอนธรรม เนื่องเพราะว่าฆราวาสที่เก่งจริงนั้นตายไปหมดแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าบุคคลที่เก่งจริง เข้าถึงธรรมจริง ๆ คุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้นมากเกินกว่าที่จะทรงอยู่ในร่างฆราวาสได้ เพราะว่าอาจจะเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับผู้อื่น จึงต้องโดนตัดให้ตายลงไป ในเมื่อท่านยังทรงความเป็นฆราวาสอยู่ได้ ก็แปลว่ายังเข้าไม่ถึงธรรมอย่างแท้จริงนั่นเอง

    ถ้าหากว่าสิ่งที่ว่ากล่าวไปนี้ มีอะไรที่ทำให้ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องถูกใจ ก็สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ให้โต้แย้งโดยหลักธรรม อย่าได้เอาทิฏฐิหรือว่าโทสะในส่วนความเห็นเฉพาะตนมาโต้แย้ง เพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเวล่ำเวลา ไปนั่งภาวนาเสียยังจะดีกว่า
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
    __________________
    บุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสตื่นธรรม ท่านถามว่าทำไมต้องสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินไปสร้างวัดด้วย ? ไปอยู่ป่าก็ได้..! รู้สึกว่าท่านจะตอบแบบมักง่าย และยกตนเองว่าเป็นผู้ใฝ่สันโดษ หรือว่าปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ประทานพระบรมพุทธานุญาตตามที่พระเทวทัตขอ ว่าให้พระภิกษุทั้งหมดอยู่ป่า ห้ามอยู่ในบ้านในเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ป่าก็จงอยู่ป่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ในเมืองก็จงอยู่ในเมือง เนื่องเพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล หรือว่ามีพระสัพพัญญุตญาณที่รู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ดีว่าโลกภายภาคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ถ้าหากว่าประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมด้วยการอยู่ป่าอย่างเดียว จะกลายเป็นไม่มีที่อยู่ก็ได้..! โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ผืนป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ได้นั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว ยกเว้นวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก่อน แล้วยังคงความเป็นวัดป่าอยู่ก็พอที่จะมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องอื่นไกลที่ไหน แค่อำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพอยู่นี่แหละ บรรดาพระภิกษุผู้อยู่ป่านับร้อย ๆ ราย โดนเจ้าหน้าที่นิมนต์ออกจากป่ามาทั้งหมด เนื่องเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอุทยานแห่งชาติบ้าง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง แม้ว่าจะประกาศขึ้นทีหลัง โดยที่พระท่านไปอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็โดนนิมนต์ออกมาจนเกือบจะหมด ยกเว้นท่านที่ได้รับการตั้งขึ้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น ดังนั้น..ท่านที่พูดชุ่ย ๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างวัด ให้พระภิกษุไปอยู่ป่าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่โบราณมา เราก็คงไม่มีพระคามวาสีคือฝ่ายที่อยู่วัด และอรัญวาสีคือฝ่ายที่อยู่ป่า ในเมื่อบ้านเรามีการแยกวัดบ้านและวัดป่าอย่างชัดเจนแบบนี้ แล้วท่านยังจะให้ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระเทวทัตอยู่อีกหรือ ? กระผม/อาตมภาพคาดว่าไม่มีใครอยากเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต มีแต่อยากจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ขอให้กล่าวโดยรอบคอบกว่านี้ ดูบริบทของสังคมเราด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว สมัยพุทธกาลมีบรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี ท่านปวารณาสร้างวัดวาอารามให้ แม้แต่ในยุคสมัยต่อ ๆ มาในประเทศไทยของเราตั้งแต่ปรากฏประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี มาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็มีการสร้างวัดเพื่อบุญกุศลในวิหารทาน ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดประเภทว่า บรรดาเจ้าใหญ่นายโตนั้น "สร้างวัดเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่สำหรับวิ่งเล่น..!" ในเมื่อยุคต่อ ๆ มา บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนได้เข้าสู่ส่วนของการใช้แรงงานต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะไปช่วยเหลือวัด แม้กระทั่งผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินด้วยทองก็ติดหน้าที่การงานต่าง ๆ จนถึงขนาดไม่มีเวลาให้วัด ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง นามสกุลของท่านถ้าบอกไปแล้วต้องรู้จักกันทั้งประเทศไทย ท่านปวารณาเอาไว้ว่า กระผม/อาตมภาพจะสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ ทุกสิ้นปีให้แจ้งไป ท่านจะจัดการ "เคลียร์หนี้" ให้ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพแจ้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านมักจะติดด้วยงานด้วยการ ไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้ ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่านมีเวลาแค่โทรศัพท์มาว่าตอนนี้วิ่งมาใกล้จะถึงแล้ว ให้กระผม/อาตมภาพลงไปรอในบริเวณนั้นบริเวณนี้ เมื่อท่านมาถึงแล้วก็เปิดหน้าต่างรถ ส่งเงินให้แล้วก็วิ่งต่อไป กระผม/อาตมภาพเจอแบบนั้นเข้าสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอีกเลย..! ดังนั้น..ต่อให้ปวารณาไว้โดยที่ท่านร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็แกล้งลืมเบอร์โทรศัพท์ไม่โทรไปหาอีก เนื่องเพราะเคยได้ยินมาว่าท่านเคยโทรสั่งโบรกเกอร์ช้าไปนาทีเดียว แล้วเสียหุ้นไป ๒๐ ล้านบาทโดยประมาณ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าไปรบกวนเวลาของท่านอีก..! ในเมื่อบุคคลที่มีฐานะเพียงพอที่จะช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ส่วนใหญ่ก็ติดด้วยภาระหน้าที่ต่าง ๆ จึงมักจะนำเงินนำทองไปมอบให้กับพระภิกษุ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอง ตรงส่วนนี้จึงทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป วัดที่มีผู้ปวารณาไว้ก็ยังคงต้องทำงานด้วยตนเอง แต่วัดที่ไม่มีผู้ปวารณาไว้ ก็ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อบูรณะก็คือทำของเก่าให้ดีขึ้น และปฏิสังขรณ์คือสร้างของใหม่ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่นแหละ ที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือไม่ปกครองสอดส่องฆราวาสก็ยังพอทน แต่การไม่บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลโดยสะดวก ก็กลายเป็นว่านอกจากจะผิดทางโลกแล้ว ยังผิดทางธรรมอีกด้วย ในทางโลกก็คือผิดกฎหมายในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในทางธรรมก็คือบุคคลที่เว้นจากหน้าที่ซึ่งตนรับผิดชอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีหลักธรรมประจำใจ ก็คือขาดไปเสียทุกส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดวัดวาอารามให้น่าอยู่น่าอาศัย ประการต่อไปก็คือพุทธศาสนิกชนคนไทยของเรา ซึ่งมีอยู่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านผู้กล่าวว่าให้พระภิกษุสงฆ์ไปอยู่ป่า แล้วจะให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่านั้นตะเกียกตะกายเข้าป่าไปทำบุญกัน แล้วท่านคิดว่าจะใช่หรือไม่ ? ในเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่พูดชุ่ย ๆ แบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" ปราศจากความรับผิดชอบ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน ใครที่ชอบคำพูดดุเดือดหยาบคาย ไปฟังท่านแล้วชอบใจ ก็ถือว่ามีจริตนิสัยใกล้เคียงกัน ท่านสามารถสอนเขาให้ตื่นรู้ได้ก็สอนไปเถิด แต่ว่าบุคคลที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่แค่หยิบมือเดียวอย่างที่ท่านสอนอยู่ จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านทำอาหารรสชาติที่เผ็ดกระโดดจนกระทั่งคนกินไปร้องไห้ไป แล้วท่านจะไปยัดเยียดให้ทุกคนกินอาหารรสชาตินั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมะ กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ไม่เคยให้ราคาสำหรับฆราวาสผู้สอนธรรม เนื่องเพราะว่าฆราวาสที่เก่งจริงนั้นตายไปหมดแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าบุคคลที่เก่งจริง เข้าถึงธรรมจริง ๆ คุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้นมากเกินกว่าที่จะทรงอยู่ในร่างฆราวาสได้ เพราะว่าอาจจะเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับผู้อื่น จึงต้องโดนตัดให้ตายลงไป ในเมื่อท่านยังทรงความเป็นฆราวาสอยู่ได้ ก็แปลว่ายังเข้าไม่ถึงธรรมอย่างแท้จริงนั่นเอง ถ้าหากว่าสิ่งที่ว่ากล่าวไปนี้ มีอะไรที่ทำให้ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องถูกใจ ก็สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ให้โต้แย้งโดยหลักธรรม อย่าได้เอาทิฏฐิหรือว่าโทสะในส่วนความเห็นเฉพาะตนมาโต้แย้ง เพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเวล่ำเวลา ไปนั่งภาวนาเสียยังจะดีกว่า พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) __________________
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับเช่า ให้เช่า วัตถุมงคล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)วัดท่าซุง อุทัยธานี
    รับเช่า ให้เช่า วัตถุมงคล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)วัดท่าซุง อุทัยธานี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาด #เทศน์ #ทำไมหลวงตาถึงไม่ทำวัตถุมงคล #เผยแผ่เป็นธรรมทาน🙏🙏🙏🙏🙏
    #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาด #เทศน์ #ทำไมหลวงตาถึงไม่ทำวัตถุมงคล #เผยแผ่เป็นธรรมทาน🙏🙏🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 101 0 รีวิว
  • ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง

    ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง)

    รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง) รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 639 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP4
    👉 บทสรุปใน part นี้
    ผู้เขียนเองศึกษา เก็บสถิติ เทียบเคียงจากตำราต่างประเทศ และในประเทศ หลายท่าน เอามาคัดกรอง กับ กลุ่มตัวอย่าง ที่ตัวเองศึกษามาตลอด บางอย่างใช่ บางอย่างไม่ใช่ ...ประมวลเข้ากับความคิด และผลลัพธ์ที่เห็นมาตามความเป็นจริง ทั้งกับตนเอง และคนรอบข้าง...
    ผู้เขียนได้หาวิธีสารพัด ดูดวง พึ่งสิ่งศักดิ์วัตถุมงคล เทพเทวา สารพัด ให้ผล "น้อยมาก" ไม่ได้แบบที่เขาโปรโมทกับหรอก วัตถุมงคลนี้ใช้แล้วรวย ...ไม่มีหรอก คนสร้างขายสิรวยแน่ๆ...!! (ผู้เขียนอยู่ในวงการพระมา 30 กว่าปี แต่ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่คนขาย เป็นผู้ซื้อ) ......พลังอำนาจของตัวเลข ก็คล้ายๆกับพลังจักรวาล หรือพลังจิตเรานั่นแหละ มันคือ ของจริง ส่งผลได้จริง. แรง และเร็ว..
    ท่านต้องสัมผัสเอง ลองอ่านบทความทั้งหลายในเพจนี้ไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ข้อพิสูจน์ของท่านเอง...ว่า มันจริงไหม?
    🧧
    EP4 👉 บทสรุปใน part นี้ ผู้เขียนเองศึกษา เก็บสถิติ เทียบเคียงจากตำราต่างประเทศ และในประเทศ หลายท่าน เอามาคัดกรอง กับ กลุ่มตัวอย่าง ที่ตัวเองศึกษามาตลอด บางอย่างใช่ บางอย่างไม่ใช่ ...ประมวลเข้ากับความคิด และผลลัพธ์ที่เห็นมาตามความเป็นจริง ทั้งกับตนเอง และคนรอบข้าง... ผู้เขียนได้หาวิธีสารพัด ดูดวง พึ่งสิ่งศักดิ์วัตถุมงคล เทพเทวา สารพัด ให้ผล "น้อยมาก" ไม่ได้แบบที่เขาโปรโมทกับหรอก วัตถุมงคลนี้ใช้แล้วรวย ...ไม่มีหรอก คนสร้างขายสิรวยแน่ๆ...!! (ผู้เขียนอยู่ในวงการพระมา 30 กว่าปี แต่ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่คนขาย เป็นผู้ซื้อ) ......พลังอำนาจของตัวเลข ก็คล้ายๆกับพลังจักรวาล หรือพลังจิตเรานั่นแหละ มันคือ ของจริง ส่งผลได้จริง. แรง และเร็ว.. ท่านต้องสัมผัสเอง ลองอ่านบทความทั้งหลายในเพจนี้ไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ข้อพิสูจน์ของท่านเอง...ว่า มันจริงไหม? 🧧
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีวิวแพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธเครือข่ายสังคมออนไลน์ ชาวพุทธ
    thenirvanalive.com ( เว็บบอร์ดพระนิพพาน) แพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธและคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาพัฒนาโดยชาวพุทธไทย เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่
    สามารถค้นหาธรรมะที่ถูกปิดกั้นได้และ สามารถเข้ามา แบ่งปันบทความตั้งกระทู้ธรรมะได้อย่างอิสระ ทางเว็บฯ
    มีห้องและพื้นที่ให้ท่านเข้ามาแบ่งปันนธรรมะและะความรู้
    ได้อย่างอิสระ โดยไม่ถูกการปิดกั้นการมองเห็นเหมือนแพลตฟอร์มอื่น

    - ท่านที่ชอบการอ่านเข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆๆ มากมายได้แล้ววันนี้

    - ท่านที่ชอบลงบทความธรรมะให้ปัญญาคนสามารถตั้งกระทู้ได้แล้ววันนี้

    - ท่านที่ชอบการ บูชาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลอื่นๆ สามารถเข้ามาหาบูชากันได้แล้ววันนี้

    - แพลตฟอร์มที่ลงบทความธรรมะและะความรู้อื่นโดย
    ไม่โดนปิดกั้น

    ท่านสามารถค้นหาเว็บบอร์ดพระนิพพานได้ใน Google
    พิมพ์คำว่า เว็บบอร์ดพระนิพพาน เลย รีบสมัครสมาชิกเลย

    https://www.thenirvanalive.com/เว็บบอร์ดพระนิพพาน/
    รีวิวแพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธเครือข่ายสังคมออนไลน์ ชาวพุทธ thenirvanalive.com ( เว็บบอร์ดพระนิพพาน) แพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธและคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาพัฒนาโดยชาวพุทธไทย เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ สามารถค้นหาธรรมะที่ถูกปิดกั้นได้และ สามารถเข้ามา แบ่งปันบทความตั้งกระทู้ธรรมะได้อย่างอิสระ ทางเว็บฯ มีห้องและพื้นที่ให้ท่านเข้ามาแบ่งปันนธรรมะและะความรู้ ได้อย่างอิสระ โดยไม่ถูกการปิดกั้นการมองเห็นเหมือนแพลตฟอร์มอื่น - ท่านที่ชอบการอ่านเข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆๆ มากมายได้แล้ววันนี้ - ท่านที่ชอบลงบทความธรรมะให้ปัญญาคนสามารถตั้งกระทู้ได้แล้ววันนี้ - ท่านที่ชอบการ บูชาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลอื่นๆ สามารถเข้ามาหาบูชากันได้แล้ววันนี้ - แพลตฟอร์มที่ลงบทความธรรมะและะความรู้อื่นโดย ไม่โดนปิดกั้น ท่านสามารถค้นหาเว็บบอร์ดพระนิพพานได้ใน Google พิมพ์คำว่า เว็บบอร์ดพระนิพพาน เลย รีบสมัครสมาชิกเลย https://www.thenirvanalive.com/เว็บบอร์ดพระนิพพาน/
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 910 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts