• 343 ปี สิ้น “หลวงปู่ทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด หนึ่งในสองอภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)

    ย้อนรอย 343 ปี การมรณภาพของหลวงปู่ทวด เกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาแห่งสยามประเทศ

    🔹 หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ชื่อนี้เป็นที่รู้จัก และเคารพบูชาอย่างแพร่หลายทั่วประเทศไทย ด้วยพุทธคุณที่เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี รวมไปถึงปาฏิหาริย์ ที่เล่าขานกันมาหลายศตวรรษ

    วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 นับถึงวันนี้ เป็นวันครบรอบ 343 ปี แห่งการมรณภาพของหลวงปู่ทวด พระมหาเถระผู้ทรงอภิญญา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น หนึ่งในสองอภิมหาเกจิอาจารย์ของไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ในหมู่พุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ

    🔹 กำเนิดพระอริยสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ หลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่า "ปู" เกิดในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2125 - 2131 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บิดาและมารดาคือ นายหู และนางจันทร์ ซึ่งเป็นชาวบ้านในเขตตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา 🔸

    🔹 ปาฏิหาริย์ตั้งแต่แรกเกิด เล่ากันว่าขณะที่หลวงปู่ทวดยังเป็นทารก บิดามารดาได้นำเปลไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ ขณะออกไปเกี่ยวข้าวในทุ่งนา ทันใดนั้น มีงูจงอางขนาดใหญ่ มาพันรอบเปล แต่แทนที่งูจะทำอันตราย มันกลับคลายตัวออก และทิ้งเม็ดแก้ววิเศษ ไว้บนหน้าอกของทารก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของวิเศษ ที่แสดงถึงบุญญาธิการอันสูงส่งของหลวงปู่ทวด ตั้งแต่แรกเกิด

    🔹 เมื่ออายุ 7 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือ ที่วัดดีหลวง โดยมีหลวงตาจวง เป็นครูสอนพื้นฐานทางพุทธศาสนา

    ด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาด หลวงปู่ทวดสามารถเรียนรู้พระธรรมวินัย ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสีหยัง ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาธรรม ในเมืองนครศรีธรรมราช และต่อมาได้เดินทางเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกในระดับสูง

    🔹 ปาฏิหาริย์ "เหยียบน้ำทะเลจืด" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะที่หลวงปู่ทวดเดินทางโดยเรือ เพื่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกโจรสลัดจีนจับตัวไป และระหว่างการเดินทางบนเรือ กลุ่มโจรต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำจืด

    หลวงปู่ทวดจึงเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล และทันใดนั้น น้ำทะเลอันเค็มจัด กลับกลายเป็นน้ำจืด ที่สามารถดื่มได้อย่างอัศจรรย์! โจรสลัดพากันกราบไหว้ขอขมา และพากลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย

    ปาฏิหาริย์นี้ ได้กลายเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นที่มาของ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"

    🔹 หลังจากศึกษาธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลานาน หลวงปู่ทวดได้เดินทางไปยังเมืองไทรบุรี ปัจจุบันคือรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย และมรณภาพที่นั่น เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 รวมสิริอายุได้ 100 ปี

    ศิษยานุศิษย์ได้นำสังขารกลับมายังวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ผ่านเส้นทางที่มีจุดพักรวม 18 จุด จนถึงจุดหมายสุดท้ายที่วัดช้างให้ ซึ่งกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาในปัจจุบัน

    🔹 ความศรัทธา และพระเครื่องหลวงปู่ทวด
    🔸 อิทธิฤทธิ์และพุทธคุณ พระเครื่องหลวงปู่ทวดเป็นที่รู้จักในฐานะ "พระเครื่องที่มีพุทธคุณสูงสุดของไทย" โดยเชื่อกันว่า ช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย มีเมตตามหานิยม และเสริมดวงชะตา

    🔸 พระเครื่องหลวงปู่ทวด ที่ได้รับความนิยม
    - หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 2497 รุ่นแรก วัดช้างให้
    - หลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีด
    - หลวงปู่ทวดหลังเตารีด วัดพะโคะ

    พระเครื่องหลวงปู่ทวดถือเป็น 1 ใน 5 พระเครื่องยอดนิยมของไทย และเป็นที่ต้องการของนักสะสมพระเครื่องทั่วประเทศ

    🔹 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กับหลวงปู่ทวด
    หลวงปู่ทวดได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 2 อภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นพระเกจิผู้เปี่ยมบารมีอีกท่านหนึ่งของไทย

    ทั้งสองท่านได้รับความเคารพบูชา จากพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก และเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า

    👉 "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จโตเสกก้อนอิฐให้ลอยน้ำ"

    🔹แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 343 ปี แต่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด ยังคงอยู่ในหัวใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เป็นอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญา ที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ 📌

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 061100 มี.ค. 2568

    🔹 #หลวงปู่ทวด #เหยียบน้ำทะเลจืด #พระเครื่องหลวงปู่ทวด #วัดช้างให้ #ศรัทธาไม่เสื่อมคลาย #อภิมหาเกจิไทย #สมเด็จโต #หลวงปู่ทวดมรณภาพ343ปี #ตำนานไทย #เกจิอาจารย์
    343 ปี สิ้น “หลวงปู่ทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด หนึ่งในสองอภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ย้อนรอย 343 ปี การมรณภาพของหลวงปู่ทวด เกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาแห่งสยามประเทศ 🔹 หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ชื่อนี้เป็นที่รู้จัก และเคารพบูชาอย่างแพร่หลายทั่วประเทศไทย ด้วยพุทธคุณที่เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี รวมไปถึงปาฏิหาริย์ ที่เล่าขานกันมาหลายศตวรรษ วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 นับถึงวันนี้ เป็นวันครบรอบ 343 ปี แห่งการมรณภาพของหลวงปู่ทวด พระมหาเถระผู้ทรงอภิญญา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น หนึ่งในสองอภิมหาเกจิอาจารย์ของไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ในหมู่พุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ 🔹 กำเนิดพระอริยสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ หลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่า "ปู" เกิดในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2125 - 2131 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บิดาและมารดาคือ นายหู และนางจันทร์ ซึ่งเป็นชาวบ้านในเขตตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา 🔸 🔹 ปาฏิหาริย์ตั้งแต่แรกเกิด เล่ากันว่าขณะที่หลวงปู่ทวดยังเป็นทารก บิดามารดาได้นำเปลไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ ขณะออกไปเกี่ยวข้าวในทุ่งนา ทันใดนั้น มีงูจงอางขนาดใหญ่ มาพันรอบเปล แต่แทนที่งูจะทำอันตราย มันกลับคลายตัวออก และทิ้งเม็ดแก้ววิเศษ ไว้บนหน้าอกของทารก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของวิเศษ ที่แสดงถึงบุญญาธิการอันสูงส่งของหลวงปู่ทวด ตั้งแต่แรกเกิด 🔹 เมื่ออายุ 7 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือ ที่วัดดีหลวง โดยมีหลวงตาจวง เป็นครูสอนพื้นฐานทางพุทธศาสนา ด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาด หลวงปู่ทวดสามารถเรียนรู้พระธรรมวินัย ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสีหยัง ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาธรรม ในเมืองนครศรีธรรมราช และต่อมาได้เดินทางเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกในระดับสูง 🔹 ปาฏิหาริย์ "เหยียบน้ำทะเลจืด" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะที่หลวงปู่ทวดเดินทางโดยเรือ เพื่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกโจรสลัดจีนจับตัวไป และระหว่างการเดินทางบนเรือ กลุ่มโจรต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำจืด หลวงปู่ทวดจึงเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล และทันใดนั้น น้ำทะเลอันเค็มจัด กลับกลายเป็นน้ำจืด ที่สามารถดื่มได้อย่างอัศจรรย์! โจรสลัดพากันกราบไหว้ขอขมา และพากลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย ปาฏิหาริย์นี้ ได้กลายเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นที่มาของ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" 🔹 หลังจากศึกษาธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลานาน หลวงปู่ทวดได้เดินทางไปยังเมืองไทรบุรี ปัจจุบันคือรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย และมรณภาพที่นั่น เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 รวมสิริอายุได้ 100 ปี ศิษยานุศิษย์ได้นำสังขารกลับมายังวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ผ่านเส้นทางที่มีจุดพักรวม 18 จุด จนถึงจุดหมายสุดท้ายที่วัดช้างให้ ซึ่งกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาในปัจจุบัน 🔹 ความศรัทธา และพระเครื่องหลวงปู่ทวด 🔸 อิทธิฤทธิ์และพุทธคุณ พระเครื่องหลวงปู่ทวดเป็นที่รู้จักในฐานะ "พระเครื่องที่มีพุทธคุณสูงสุดของไทย" โดยเชื่อกันว่า ช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย มีเมตตามหานิยม และเสริมดวงชะตา 🔸 พระเครื่องหลวงปู่ทวด ที่ได้รับความนิยม - หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 2497 รุ่นแรก วัดช้างให้ - หลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีด - หลวงปู่ทวดหลังเตารีด วัดพะโคะ พระเครื่องหลวงปู่ทวดถือเป็น 1 ใน 5 พระเครื่องยอดนิยมของไทย และเป็นที่ต้องการของนักสะสมพระเครื่องทั่วประเทศ 🔹 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ทวดได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 2 อภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นพระเกจิผู้เปี่ยมบารมีอีกท่านหนึ่งของไทย ทั้งสองท่านได้รับความเคารพบูชา จากพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก และเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า 👉 "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จโตเสกก้อนอิฐให้ลอยน้ำ" 🔹แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 343 ปี แต่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด ยังคงอยู่ในหัวใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เป็นอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญา ที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 061100 มี.ค. 2568 🔹 #หลวงปู่ทวด #เหยียบน้ำทะเลจืด #พระเครื่องหลวงปู่ทวด #วัดช้างให้ #ศรัทธาไม่เสื่อมคลาย #อภิมหาเกจิไทย #สมเด็จโต #หลวงปู่ทวดมรณภาพ343ปี #ตำนานไทย #เกจิอาจารย์
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • พระแก้วสามดวงอยู่ในจิตของเรา คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    รักษาเอาไว้
    พระแก้วสามดวงอยู่ในจิตของเรา คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รักษาเอาไว้
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อจีต วัดถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร ปี2548
    เหรียญหลวงพ่อจีต ผูกพัทธสีมา วัดถ้ำเขาพลู อ.ปะทิว จ.ชุมพร ปี2548 // พระเกจิที่ชาวเมืองชุมพร ให้ความเลื่อมใสศรัทธา // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณจะป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เพิ่มพูนเมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >>

    ** “หลวงพ่อจีต ปุญญสโร” วัดถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร พระเกจิที่ชาวเมืองชุมพร ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และรู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี ท่านได้มาศึกษาพระธรรมวินัย กับ พระอาจารย์เส่ง วัดป่าบ่อ อ.เมือง จ.สงขลา จนมีความรู้ความสามารถ ท่านจึงขออนุญาตพระอาจารย์ออกธุดงค์ เที่ยวรุกขมูลไปทางนครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ ระนอง จนถึงชุมพร ในปี พ.ศ.2466 ก็ได้มาเจอถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว >>

    ** หลวงพ่อจีต เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย รักษาศีล 227 ข้อตามพระพุทธบัญญัติมิให้มัวหมองในข้อใดๆ ท่านมีจริยวัตรอันงดงาม มีเมตตาจิต และเมตตาธรรมสูง และสมถะ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญที่ดีงาม ไม่เห็นแก่ลาภยศ ไม่หยิบต้องเงินทอง >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อจีต วัดถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร ปี2548 เหรียญหลวงพ่อจีต ผูกพัทธสีมา วัดถ้ำเขาพลู อ.ปะทิว จ.ชุมพร ปี2548 // พระเกจิที่ชาวเมืองชุมพร ให้ความเลื่อมใสศรัทธา // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณจะป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เพิ่มพูนเมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >> ** “หลวงพ่อจีต ปุญญสโร” วัดถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร พระเกจิที่ชาวเมืองชุมพร ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และรู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี ท่านได้มาศึกษาพระธรรมวินัย กับ พระอาจารย์เส่ง วัดป่าบ่อ อ.เมือง จ.สงขลา จนมีความรู้ความสามารถ ท่านจึงขออนุญาตพระอาจารย์ออกธุดงค์ เที่ยวรุกขมูลไปทางนครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ ระนอง จนถึงชุมพร ในปี พ.ศ.2466 ก็ได้มาเจอถ้ำเขาพลู ต.ชุมโค อ.ปะทิว >> ** หลวงพ่อจีต เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย รักษาศีล 227 ข้อตามพระพุทธบัญญัติมิให้มัวหมองในข้อใดๆ ท่านมีจริยวัตรอันงดงาม มีเมตตาจิต และเมตตาธรรมสูง และสมถะ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญที่ดีงาม ไม่เห็นแก่ลาภยศ ไม่หยิบต้องเงินทอง >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ออกคำสั่งปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว จังหวัดเชียงใหม่ หลังว่าจ้างให้พระภิกษุรูปอื่น เข้าสอบบาลีสนามหลวง ประโยค ป.ธ.5 แทนตน ถือเป็นความผิดร้ายแรง และเป็นเหตุเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา

    วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊กเพจ The Buddh เผยแพร่คำสั่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 02/2568 เรื่อง ปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทรญาโณ, ป.ธ.4, ศศบ.) จากตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว และเจ้าคณะตําบลมะขุนหวาน อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยปรากฏว่า พระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทรญาโณ, ป.ธ.4, ศศบ.) อายุ 35 พรรษา 15 เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว ตําบลมะขุนหวาน อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และดํารงตําแหน่งเจ้าคณะตําบลมะขุนหวาน ได้กระทําการอันเป็นความผิดร้ายแรง และเป็นเหตุเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา ด้วยการว่าจ้างให้พระภิกษุรูปอื่น เข้าสอบบาลีสนามหลวง ประโยค ป.ธ.5 แทนตนซึ่งการกระทําดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คําสั่ง ข้อบังคับ และประกาศของมหาเถรสมาคม อีกทั้งยังเป็นการทุจริตในการสอบบาลีสนามหลวง อันเป็นกิจการสําาคัญของคณะสงฆ์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020289

    #MGROnline #เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ #ปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ #เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว #จังหวัดเชียงใหม่
    เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ออกคำสั่งปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว จังหวัดเชียงใหม่ หลังว่าจ้างให้พระภิกษุรูปอื่น เข้าสอบบาลีสนามหลวง ประโยค ป.ธ.5 แทนตน ถือเป็นความผิดร้ายแรง และเป็นเหตุเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา • วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊กเพจ The Buddh เผยแพร่คำสั่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 02/2568 เรื่อง ปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทรญาโณ, ป.ธ.4, ศศบ.) จากตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว และเจ้าคณะตําบลมะขุนหวาน อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยปรากฏว่า พระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทรญาโณ, ป.ธ.4, ศศบ.) อายุ 35 พรรษา 15 เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว ตําบลมะขุนหวาน อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และดํารงตําแหน่งเจ้าคณะตําบลมะขุนหวาน ได้กระทําการอันเป็นความผิดร้ายแรง และเป็นเหตุเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา ด้วยการว่าจ้างให้พระภิกษุรูปอื่น เข้าสอบบาลีสนามหลวง ประโยค ป.ธ.5 แทนตนซึ่งการกระทําดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คําสั่ง ข้อบังคับ และประกาศของมหาเถรสมาคม อีกทั้งยังเป็นการทุจริตในการสอบบาลีสนามหลวง อันเป็นกิจการสําาคัญของคณะสงฆ์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020289 • #MGROnline #เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ #ปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ #เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว #จังหวัดเชียงใหม่
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • ประกาศถึงเพื่อนๆ กลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.) ครูนัทได้ฟื้นฟูกลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะกลุ่มใหญ่ขึ้น เป็น "คณะพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.)" ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการพุทธศาสนาเถรวาทและนักวิชาการแขนงต่างๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปทั้ง ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งครูนัทกำลังดำเนินการจัดทำโครงการสัมนาวิชาการนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอให้รัฐสภาศึกษาเรื่องการบัญญัติกฎหมายเพื่ออุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่ออนุว้ติการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 67 รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย

    โดยการประชุมผู้นำคณะ เห็นพ้องต้องกันว่า การศึกษาพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างถูกต้องตามคัมภีร์พระพุทธศาสนามีพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎก ตลอดจนการศึกษาภาษาบาลีมีความสำคัญ ควรให้พระภิกษุซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการให้ความรู้แก่ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาพระไตรปิฎกจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง ไม่ใช่เข้าใจเอาตามฐานข้อมูลทางสังคมไทย ที่ถูกต้องจะต้องเข้าใจตามฐานข้อมูลทางสังคมของประเทศอินเดีย จึงควรมีการส่งเสริมให้เรียนพระไตรปิฎกและคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎกให้มากขึ้น กว้างขวางขึ้น และให้มีกองทุนส่งเสริมการศึกษาพระไตรปิฎกที่ประเทศอินเดีย ให้พระภิกษุได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานจากฐานข้อมูลที่แท้จริงยังสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย เพื่อให้เข้าใจบริบทในพระไตรปิฎกให้มากขึ้น จะได้ไม่เกิดการตีความหรือความเข้าใจที่ผิดจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง เช่นที่ทุกวันนี้คนไทย ชาวพุทธเถรวาทไทย เข้าใจเรื่องเดรัจฉานวิชาผิดเกือบทั้งประเทศ โดยชาวพุทธไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่า คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หมายถึงวิชาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ขวางกั้นพระนิพพาน เป็นวิชาที่มีความเลวทรามงมงาย แท้จริงแล้ว ความหมายของ “เดรัจฉานวิชา” หาได้เป็นอย่างที่สังคมไทยส่วนใหญ่เข้าใจไม่ แต่เดรัจฉานวิชาคือวิชาเลี้ยงชีพทั่วไป เป็นวิชาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน และไม่ได้ขวางกั้นพระนิพพานแต่อย่างใด โดยไม่พบในพระไตรปิฎกพระสูตรใดหรือเล่มใดเลยที่พระพุทธเจ้าจะตรัสว่า “เดรัจฉานวิชาขวางกั้นพระนิพพาน” โดยความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เดรัจฉานวิชา" คือ วิชาเลี้ยงชีพที่ชาวบ้านใช้เลี้ยงชีพ ไม่ใช่วิชาที่จะนำไปสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้ามีพุทธประสงค์ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการขอที่เขาให้ด้วยศรัทธา ไม่ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยวิชาชาวบ้านเพื่อแข่งกับชาวบ้านเพราะจะทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธา ไม่ดูแลอุปถัมภ์ภิกษุ ไม่ศรัทธาเพราะเห็นว่าภิกษุไม่ต่างจากตน จะไม่ฟังธรรมจากภิกษุในพระพุทธศาสนา

    พระภิกษุที่จะมีสิทธิได้ไปศึกษาดูงานในโครงการ จะต้องเป็นผู้สอบวัดระดับความรู้ทางบาลีและพระไตรปิฎกได้ตามมาตรฐานที่จะกำหนดขึ้นมาและขาดแคลนทุนทรัพย์ (พระหนุ่มเณรน้อยบ้านนอกเราที่ไม่มีโยมอุปัฏฐากจะได้มีโอกาส) อันจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการศึกษาพระไตรปิฎกให้ลึกซึ้งขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ครูนัทตั้งความปรารถนามานานแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ คราวนี้จะลองอีกครั้ง

    ทั้งยังควรมีการควบคุมการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ให้เกิดการเผยแพร่ในสิ่งที่ผิดหรือบิดเบือน จนเป็นเหตุให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กฎระเบียบจะเป็นอย่างไร จะสรุปได้เมื่อมีการฟังเสียงประชาชน เราไม่ควรปล่อยให้มีการนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาทำคอนเท้นต์ที่มีลักษณะบิดเบือนข้อมูลหรือองค์ความรู้ในพระพุทธศาสนาเถรวาท

    ครูนัทฝากให้ช่วยกันกระจายข่าวด้วยนะคะ และขอให้นักวิชาการ ครูบาอาจารย์แขนงต่างๆ ที่ทราบข่าวนี้ มาร่วมกับครูนัทนะคะ ติดต่อมาหาครูนัทได้เลยทางช่องแชทค่ะ

    ขอบคุณมากๆ นะคะ
    ขอบพระคุณเจ้าของภาพสวยๆนะคะ
    ประกาศถึงเพื่อนๆ กลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.) ครูนัทได้ฟื้นฟูกลุ่มพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะกลุ่มใหญ่ขึ้น เป็น "คณะพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (พสธ.)" ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการพุทธศาสนาเถรวาทและนักวิชาการแขนงต่างๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปทั้ง ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งครูนัทกำลังดำเนินการจัดทำโครงการสัมนาวิชาการนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอให้รัฐสภาศึกษาเรื่องการบัญญัติกฎหมายเพื่ออุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่ออนุว้ติการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 67 รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย โดยการประชุมผู้นำคณะ เห็นพ้องต้องกันว่า การศึกษาพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างถูกต้องตามคัมภีร์พระพุทธศาสนามีพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎก ตลอดจนการศึกษาภาษาบาลีมีความสำคัญ ควรให้พระภิกษุซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการให้ความรู้แก่ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาพระไตรปิฎกจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง ไม่ใช่เข้าใจเอาตามฐานข้อมูลทางสังคมไทย ที่ถูกต้องจะต้องเข้าใจตามฐานข้อมูลทางสังคมของประเทศอินเดีย จึงควรมีการส่งเสริมให้เรียนพระไตรปิฎกและคัมภีร์เนื่องด้วยพระไตรปิฎกให้มากขึ้น กว้างขวางขึ้น และให้มีกองทุนส่งเสริมการศึกษาพระไตรปิฎกที่ประเทศอินเดีย ให้พระภิกษุได้มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานจากฐานข้อมูลที่แท้จริงยังสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย เพื่อให้เข้าใจบริบทในพระไตรปิฎกให้มากขึ้น จะได้ไม่เกิดการตีความหรือความเข้าใจที่ผิดจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริง เช่นที่ทุกวันนี้คนไทย ชาวพุทธเถรวาทไทย เข้าใจเรื่องเดรัจฉานวิชาผิดเกือบทั้งประเทศ โดยชาวพุทธไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่า คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หมายถึงวิชาที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ขวางกั้นพระนิพพาน เป็นวิชาที่มีความเลวทรามงมงาย แท้จริงแล้ว ความหมายของ “เดรัจฉานวิชา” หาได้เป็นอย่างที่สังคมไทยส่วนใหญ่เข้าใจไม่ แต่เดรัจฉานวิชาคือวิชาเลี้ยงชีพทั่วไป เป็นวิชาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน และไม่ได้ขวางกั้นพระนิพพานแต่อย่างใด โดยไม่พบในพระไตรปิฎกพระสูตรใดหรือเล่มใดเลยที่พระพุทธเจ้าจะตรัสว่า “เดรัจฉานวิชาขวางกั้นพระนิพพาน” โดยความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เดรัจฉานวิชา" คือ วิชาเลี้ยงชีพที่ชาวบ้านใช้เลี้ยงชีพ ไม่ใช่วิชาที่จะนำไปสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้ามีพุทธประสงค์ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการขอที่เขาให้ด้วยศรัทธา ไม่ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยวิชาชาวบ้านเพื่อแข่งกับชาวบ้านเพราะจะทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธา ไม่ดูแลอุปถัมภ์ภิกษุ ไม่ศรัทธาเพราะเห็นว่าภิกษุไม่ต่างจากตน จะไม่ฟังธรรมจากภิกษุในพระพุทธศาสนา พระภิกษุที่จะมีสิทธิได้ไปศึกษาดูงานในโครงการ จะต้องเป็นผู้สอบวัดระดับความรู้ทางบาลีและพระไตรปิฎกได้ตามมาตรฐานที่จะกำหนดขึ้นมาและขาดแคลนทุนทรัพย์ (พระหนุ่มเณรน้อยบ้านนอกเราที่ไม่มีโยมอุปัฏฐากจะได้มีโอกาส) อันจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการศึกษาพระไตรปิฎกให้ลึกซึ้งขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ครูนัทตั้งความปรารถนามานานแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ คราวนี้จะลองอีกครั้ง ทั้งยังควรมีการควบคุมการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ให้เกิดการเผยแพร่ในสิ่งที่ผิดหรือบิดเบือน จนเป็นเหตุให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กฎระเบียบจะเป็นอย่างไร จะสรุปได้เมื่อมีการฟังเสียงประชาชน เราไม่ควรปล่อยให้มีการนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาทำคอนเท้นต์ที่มีลักษณะบิดเบือนข้อมูลหรือองค์ความรู้ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ครูนัทฝากให้ช่วยกันกระจายข่าวด้วยนะคะ และขอให้นักวิชาการ ครูบาอาจารย์แขนงต่างๆ ที่ทราบข่าวนี้ มาร่วมกับครูนัทนะคะ ติดต่อมาหาครูนัทได้เลยทางช่องแชทค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบพระคุณเจ้าของภาพสวยๆนะคะ
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ // พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษกกลางทะเลอันดามัน ขอบารมีพระอุปคุตและเทวดาที่รักษาท้องมหาสมุทร //พระสถาพสวยมาก สถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเด่นทุกด้านรวมทั้งโชคลาภ คุ้มกันภัย ด้านการเงิน ค้าขาย เสี่ยงโชคลาภ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ขจัดภยันตราย คุ้มครอง ป้องกันและเรื่องเมตตา มหานิยม มหาลาภ >>

    ** หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ.วัดถ้ำเสือ ท่านเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์จำเนียร ท่านเรียนวิชาปลุกเสกของไม่ให้เสื่อมจากพ่อท่านคล้าย สุดยอดประสบการณ์ แคล้วคลาด ปลอดภัน เมตตามหานิยม โชคลาภ ท่านหลวงพ่อจําเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมาก เป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ เป็นพระที่มีกิจนิมนต์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะการเดินทางไปแสดงธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ เหรียญจ้าวสมุทรอันดามัน หลวงพ่อจำเนียรหลังพระอุปคุต วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ // พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษกกลางทะเลอันดามัน ขอบารมีพระอุปคุตและเทวดาที่รักษาท้องมหาสมุทร //พระสถาพสวยมาก สถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเด่นทุกด้านรวมทั้งโชคลาภ คุ้มกันภัย ด้านการเงิน ค้าขาย เสี่ยงโชคลาภ ก่อให้เกิดลาภผล ความมั่งมี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ขจัดภยันตราย คุ้มครอง ป้องกันและเรื่องเมตตา มหานิยม มหาลาภ >> ** หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ.วัดถ้ำเสือ ท่านเป็นศิษย์พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน พระอาจารย์จำเนียร ท่านเรียนวิชาปลุกเสกของไม่ให้เสื่อมจากพ่อท่านคล้าย สุดยอดประสบการณ์ แคล้วคลาด ปลอดภัน เมตตามหานิยม โชคลาภ ท่านหลวงพ่อจําเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมาก เป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ เป็นพระที่มีกิจนิมนต์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะการเดินทางไปแสดงธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • ค่ำมาก็บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
    สวดมนต์ม ภาวนา ปฏิบัติให้สม่ำเสมอ
    ค่ำมาก็บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ สวดมนต์ม ภาวนา ปฏิบัติให้สม่ำเสมอ
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • คำสอนทั้งหมดขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เรียกว่า "พระธรรม" หรือ "ธรรมะ" ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่ครอบคลุมทั้งด้านปรัชญา จริยธรรม และการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสรุปหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธองค์มีดังนี้:

    ### 1. **อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ)**
    - **ทุกข์ (ความทุกข์)**: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา
    - **สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์)**: สาเหตุของความทุกข์คือตัณหา (ความอยาก) ทั้งทางกายและใจ
    - **นิโรธ (การดับทุกข์)**: การดับทุกข์สามารถทำได้ด้วยการดับตัณหา
    - **มรรค (ทางดับทุกข์)**: ทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8

    ### 2. **มรรคมีองค์ 8 (ทางสายกลาง)**
    - **สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)**: เข้าใจในอริยสัจ 4
    - **สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)**: คิดในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์
    - **สัมมาวาจา (เจรจาชอบ)**: พูดคำจริง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ
    - **สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ)**: ไม่ทำบาปทั้งปวง
    - **สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)**: เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง
    - **สัมมาวายามะ (พยายามชอบ)**: พยายามละความชั่วและทำความดี
    - **สัมมาสติ (ระลึกชอบ)**: มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ
    - **สัมมาสมาธิ (ตั้งใจมั่นชอบ)**: ฝึกสมาธิให้จิตสงบ

    ### 3. **ไตรลักษณ์ (ลักษณะของสรรพสิ่ง)**
    - **อนิจจัง (ไม่เที่ยง)**: ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    - **ทุกขัง (เป็นทุกข์)**: ทุกสิ่งไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้
    - **อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)**: ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวตนที่แท้จริง

    ### 4. **กรรมและวิบาก**
    - การกระทำทุกอย่าง (กรรม) ย่อมส่งผล (วิบาก) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
    - การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ### 5. **ขันธ์ 5 (องค์ประกอบของชีวิต)**
    - **รูป (ร่างกาย)**
    - **เวทนา (ความรู้สึก)**
    - **สัญญา (ความจำ)**
    - **สังขาร (ความคิด)**
    - **วิญญาณ (จิตสำนึก)**

    ### 6. **หลักการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น**
    - **ศีล (ความประพฤติดี)**: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8
    - **สมาธิ (จิตตั้งมั่น)**: การฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ
    - **ปัญญา (ความรู้แจ้ง)**: การเข้าใจความจริงของชีวิต

    ### 7. **พรหมวิหาร 4 (ธรรมะสำหรับการอยู่ร่วมกัน)**
    - **เมตตา (ความรัก)**
    - **กรุณา (ความสงสาร)**
    - **มุทิตา (ความยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น)**
    - **อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)**

    ### 8. **โอวาทปาติโมกข์ (คำสอนสำคัญ)**
    - **ไม่ทำบาปทั้งปวง**
    - **ทำความดีให้ถึงพร้อม**
    - **ทำจิตใจให้ผ่องใส**

    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและฝึกฝนตนเองเพื่อบรรลุถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) โดยเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่เชื่อสิ่งใดโดยปราศจากเหตุผล (กาลามสูตร) และให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่ง
    คำสอนทั้งหมดขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เรียกว่า "พระธรรม" หรือ "ธรรมะ" ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่ครอบคลุมทั้งด้านปรัชญา จริยธรรม และการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสรุปหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธองค์มีดังนี้: ### 1. **อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ)** - **ทุกข์ (ความทุกข์)**: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา - **สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์)**: สาเหตุของความทุกข์คือตัณหา (ความอยาก) ทั้งทางกายและใจ - **นิโรธ (การดับทุกข์)**: การดับทุกข์สามารถทำได้ด้วยการดับตัณหา - **มรรค (ทางดับทุกข์)**: ทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8 ### 2. **มรรคมีองค์ 8 (ทางสายกลาง)** - **สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)**: เข้าใจในอริยสัจ 4 - **สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)**: คิดในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ - **สัมมาวาจา (เจรจาชอบ)**: พูดคำจริง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ - **สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ)**: ไม่ทำบาปทั้งปวง - **สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)**: เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง - **สัมมาวายามะ (พยายามชอบ)**: พยายามละความชั่วและทำความดี - **สัมมาสติ (ระลึกชอบ)**: มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ - **สัมมาสมาธิ (ตั้งใจมั่นชอบ)**: ฝึกสมาธิให้จิตสงบ ### 3. **ไตรลักษณ์ (ลักษณะของสรรพสิ่ง)** - **อนิจจัง (ไม่เที่ยง)**: ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ - **ทุกขัง (เป็นทุกข์)**: ทุกสิ่งไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้ - **อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)**: ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวตนที่แท้จริง ### 4. **กรรมและวิบาก** - การกระทำทุกอย่าง (กรรม) ย่อมส่งผล (วิบาก) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า - การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ### 5. **ขันธ์ 5 (องค์ประกอบของชีวิต)** - **รูป (ร่างกาย)** - **เวทนา (ความรู้สึก)** - **สัญญา (ความจำ)** - **สังขาร (ความคิด)** - **วิญญาณ (จิตสำนึก)** ### 6. **หลักการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น** - **ศีล (ความประพฤติดี)**: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8 - **สมาธิ (จิตตั้งมั่น)**: การฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ - **ปัญญา (ความรู้แจ้ง)**: การเข้าใจความจริงของชีวิต ### 7. **พรหมวิหาร 4 (ธรรมะสำหรับการอยู่ร่วมกัน)** - **เมตตา (ความรัก)** - **กรุณา (ความสงสาร)** - **มุทิตา (ความยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น)** - **อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)** ### 8. **โอวาทปาติโมกข์ (คำสอนสำคัญ)** - **ไม่ทำบาปทั้งปวง** - **ทำความดีให้ถึงพร้อม** - **ทำจิตใจให้ผ่องใส** พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและฝึกฝนตนเองเพื่อบรรลุถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) โดยเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่เชื่อสิ่งใดโดยปราศจากเหตุผล (กาลามสูตร) และให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่ง
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • ฟังเทศน์ฟังธรรมก็มีสุขใจ ร่มรื่นไปพระธรรมคำสอน ดี
    ฟังเทศน์ฟังธรรมก็มีสุขใจ ร่มรื่นไปพระธรรมคำสอน ดี
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • เหรียญกลมเล็กหลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
    เหรียญกลมเล็ก หลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน ๙๙๙๙๙ มั่งมี ศรีสุข ลาภผล พูนทวี วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ //เหรียญมีขนาดเล็ก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระขนาดเล็ก ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ ..

    ** พุทธคุณ โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >>

    ** พระอาจารย์จำเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมากที่สุด เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ และแถบประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง เป็นต้น ด้วยเหตุที่วัตรปฎิบัติบัตรอันงดงาม และความศักดิ์สิทธิ์ของตัวหลวงพ่อจำเนียรเอง >>


    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    เหรียญกลมเล็กหลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ เหรียญกลมเล็ก หลวงพ่อจำเนียรหลังถุงเงิน ๙๙๙๙๙ มั่งมี ศรีสุข ลาภผล พูนทวี วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ //เหรียญมีขนาดเล็ก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระขนาดเล็ก ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. ** พุทธคุณ โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม โชคลาภ และเสี่ยงโชค ช่วยให้ค้าขายดี มีโชค ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง >> ** พระอาจารย์จำเนียร ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งประจําภาคใต้ ปฏิปทาในองค์ท่านงดงามนุ่มนวล ถือ เคร่งครัดในการปฏิบัติพระธรรม วินัยมากที่สุด เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ และแถบประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง เป็นต้น ด้วยเหตุที่วัตรปฎิบัติบัตรอันงดงาม และความศักดิ์สิทธิ์ของตัวหลวงพ่อจำเนียรเอง >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระดำรัสให้โอวาท ทรงตรัสถึงการเผยแผ่พระธรรมที่เป็นมิจฉาวาจา ขอเชิญอ่านค่ะ

    ********

    คติธรรมเนื่องในวันมาฆบูชาวันพุธ ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
    ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัท น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน ๓ ที่เรียกอีกอย่างว่าวันจาตุรงคสันติบาต

    วันจาตุรงคสันนิบาต อาจเตือนใจพุทธศาสนิกชน ให้น้อมรำลึกถึงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานวิธีการประกาศพระศาสนา อันนักเผยแผ่ และผู้สดับธรรรมะ พึงน้อมนำมาเป็น
    วิถีทางประพฤติแห่งตน กล่าวคือ อนุปวาโท การไม่พูดร้าย ๑ อนูปฆาโต การไม่ทำร้าย ๑ ซึ่งทั้งสองวิธีการนี้ล้วนประมวลอยู่ในกุศลกรรมบถทั้งสิ้น ทั้งนี้ สังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบัน ถูกขับเคลื่อนไปบนกระแสชี้นำตามกลไกการสื่อสารอันรวดเร็วฉับไว ผู้คนจำนวนมากมักพอใจในความสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย จนอาจมักง่าย ละเลยกระบวนการอันสุขุม รอบคอบ และชอบธรรม นำไปสู่การทำร้ายกันโดยกายทุจริต และการกล่าวร้ายกันโดยวจีทุจริต ย้อมจิตให้เสพคุ้นกับเนื้อความและรูปแบบอันก่อโทษ ประทุษร้าย หยาบกระด้าง เป็นเท็จส่อเสียด และเพ้อเจ้อ จนรู้สึกด้านชา หลงว่าอกุศลเป็นความดี หลงว่าความทุจริตเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา ณ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธุชน จงหมั่นเตือนตน
    ด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ ให้คุ้นชินกับความประณีต อ่อนโยน สุภาพและสุขุม เพื่อช่วยกันเหนี่ยวรั้งสังคม ให้หนักแน่นอยู่บนหลักการไม่ทำร้าย และไม่พูดร้าย อันเป็นวิธีการรักษาและเผยแผ่พระศาสนาตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญกตเวที และได้พลีอุทิศตน
    เป็นปฏิบัติบูชา ต่อพระบรมครูผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง

    ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงคงมั่นอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความอดทนและหมั่นเพียร ในอันที่จะศึกษาและเผยแผ่พระสัทธรรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ.

    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
    สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระดำรัสให้โอวาท ทรงตรัสถึงการเผยแผ่พระธรรมที่เป็นมิจฉาวาจา ขอเชิญอ่านค่ะ ******** คติธรรมเนื่องในวันมาฆบูชาวันพุธ ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัท น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน ๓ ที่เรียกอีกอย่างว่าวันจาตุรงคสันติบาต วันจาตุรงคสันนิบาต อาจเตือนใจพุทธศาสนิกชน ให้น้อมรำลึกถึงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานวิธีการประกาศพระศาสนา อันนักเผยแผ่ และผู้สดับธรรรมะ พึงน้อมนำมาเป็น วิถีทางประพฤติแห่งตน กล่าวคือ อนุปวาโท การไม่พูดร้าย ๑ อนูปฆาโต การไม่ทำร้าย ๑ ซึ่งทั้งสองวิธีการนี้ล้วนประมวลอยู่ในกุศลกรรมบถทั้งสิ้น ทั้งนี้ สังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบัน ถูกขับเคลื่อนไปบนกระแสชี้นำตามกลไกการสื่อสารอันรวดเร็วฉับไว ผู้คนจำนวนมากมักพอใจในความสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย จนอาจมักง่าย ละเลยกระบวนการอันสุขุม รอบคอบ และชอบธรรม นำไปสู่การทำร้ายกันโดยกายทุจริต และการกล่าวร้ายกันโดยวจีทุจริต ย้อมจิตให้เสพคุ้นกับเนื้อความและรูปแบบอันก่อโทษ ประทุษร้าย หยาบกระด้าง เป็นเท็จส่อเสียด และเพ้อเจ้อ จนรู้สึกด้านชา หลงว่าอกุศลเป็นความดี หลงว่าความทุจริตเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา ณ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธุชน จงหมั่นเตือนตน ด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ ให้คุ้นชินกับความประณีต อ่อนโยน สุภาพและสุขุม เพื่อช่วยกันเหนี่ยวรั้งสังคม ให้หนักแน่นอยู่บนหลักการไม่ทำร้าย และไม่พูดร้าย อันเป็นวิธีการรักษาและเผยแผ่พระศาสนาตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญกตเวที และได้พลีอุทิศตน เป็นปฏิบัติบูชา ต่อพระบรมครูผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงคงมั่นอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความอดทนและหมั่นเพียร ในอันที่จะศึกษาและเผยแผ่พระสัทธรรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อเอียด วัดเขาแก้ว จ.สงขลา

    เหรียญหลวงพ่อเอียด วัดเขาแก้ว อ.เมือง จ.สงขลา //เหรียญมีประสบการณ์ รอดตายปาฏิหาริย์ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** ตาหลวงเอียด วุฒิสาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว ศูนย์รวมใจของเราชาวเขารูปช้าง ด้วยว่าสมัยที่ท่านมีชีวิตท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ด้วยจริยวัตรอันงดงามของท่าน จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยมเป็นอย่างยิ่ง >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อเอียด วัดเขาแก้ว จ.สงขลา เหรียญหลวงพ่อเอียด วัดเขาแก้ว อ.เมือง จ.สงขลา //เหรียญมีประสบการณ์ รอดตายปาฏิหาริย์ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** ตาหลวงเอียด วุฒิสาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว ศูนย์รวมใจของเราชาวเขารูปช้าง ด้วยว่าสมัยที่ท่านมีชีวิตท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ด้วยจริยวัตรอันงดงามของท่าน จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยมเป็นอย่างยิ่ง >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • เนื่องในวันมาฆบูชา ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า

    “ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัท น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน ๓ ที่เรียกอีกอย่างว่า วันจาตุรงคสันนิบาต

    วันจาตุรงคสันนิบาต อาจเตือนใจพุทธศาสนิกชน ให้น้อมรำลึกถึงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานวิธีการประกาศพระศาสนา อันนักเผยแผ่ และผู้สดับธรรมะ พึงน้อมนำมาเป็นวิถีทางประพฤติแห่งตน กล่าวคือ อนูปวาโท การไม่พูดร้าย ๑ อนูปฆาโต การไม่ทำร้าย ๑ ซึ่งทั้งสองวิธีการนี้ ล้วนประมวลอยู่ในกุศลกรรมบถทั้งสิ้น ทั้งนี้ สังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบัน ถูกขับเคลื่อนไปบนกระแสชี้นำ ตามกลไกการสื่อสารอันรวดเร็วฉับไว ผู้คนจำนวนมากมักพอใจในความสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย จนอาจมักง่าย ละเลยกระบวนการอันสุขุม รอบคอบ และชอบธรรม นำไปสู่การทำร้ายกันโดยกายทุจริต และการกล่าวร้ายกันโดยวจีทุจริต ย้อมจิตให้เสพคุ้นกับเนื้อความและรูปแบบอันก่อโทษ ประทุษร้าย หยาบกระด้าง เป็นเท็จ ส่อเสียด และเพ้อเจ้อ จนรู้สึกด้านชา หลงว่าอกุศลเป็นความดี หลงว่าความทุจริตเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา ณ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธุชน จงหมั่นเตือนตนด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ ให้คุ้นชินกับความประณีต อ่อนโยน สุภาพ และสุขุม เพื่อช่วยกันเหนี่ยวรั้งสังคม ให้หนักแน่นอยู่บนหลักการไม่ทำร้าย และไม่พูดร้าย อันเป็นวิธีการรักษาและเผยแผ่พระศาสนาตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที และได้พลีอุทิศตนเป็นปฏิบัติบูชา ต่อพระบรมครูผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง

    ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงคงมั่นอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความอดทนและหมั่นเพียร ในอันที่จะศึกษาและเผยแผ่พระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ.”

    ที่มา สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
    เนื่องในวันมาฆบูชา ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า “ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัท น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน ๓ ที่เรียกอีกอย่างว่า วันจาตุรงคสันนิบาต วันจาตุรงคสันนิบาต อาจเตือนใจพุทธศาสนิกชน ให้น้อมรำลึกถึงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานวิธีการประกาศพระศาสนา อันนักเผยแผ่ และผู้สดับธรรมะ พึงน้อมนำมาเป็นวิถีทางประพฤติแห่งตน กล่าวคือ อนูปวาโท การไม่พูดร้าย ๑ อนูปฆาโต การไม่ทำร้าย ๑ ซึ่งทั้งสองวิธีการนี้ ล้วนประมวลอยู่ในกุศลกรรมบถทั้งสิ้น ทั้งนี้ สังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบัน ถูกขับเคลื่อนไปบนกระแสชี้นำ ตามกลไกการสื่อสารอันรวดเร็วฉับไว ผู้คนจำนวนมากมักพอใจในความสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย จนอาจมักง่าย ละเลยกระบวนการอันสุขุม รอบคอบ และชอบธรรม นำไปสู่การทำร้ายกันโดยกายทุจริต และการกล่าวร้ายกันโดยวจีทุจริต ย้อมจิตให้เสพคุ้นกับเนื้อความและรูปแบบอันก่อโทษ ประทุษร้าย หยาบกระด้าง เป็นเท็จ ส่อเสียด และเพ้อเจ้อ จนรู้สึกด้านชา หลงว่าอกุศลเป็นความดี หลงว่าความทุจริตเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา ณ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธุชน จงหมั่นเตือนตนด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ ให้คุ้นชินกับความประณีต อ่อนโยน สุภาพ และสุขุม เพื่อช่วยกันเหนี่ยวรั้งสังคม ให้หนักแน่นอยู่บนหลักการไม่ทำร้าย และไม่พูดร้าย อันเป็นวิธีการรักษาและเผยแผ่พระศาสนาตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที และได้พลีอุทิศตนเป็นปฏิบัติบูชา ต่อพระบรมครูผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงคงมั่นอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความอดทนและหมั่นเพียร ในอันที่จะศึกษาและเผยแผ่พระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ.” ที่มา สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระสยามเทวาธิราช วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515
    เหรียญพระสยามเทวาธิราช หลัง นวม. (ผิวปีกแมลงทับ เหรียญสวยมาก) วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515 //พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสก ยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระเลื่ยมกรอบเก่า เลื่ยมโบราณแบบคลาสสิค สวยพร้อมใช้ >>

    ** พุทธคุณขจัดทุกข์ โรคภัยความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อยให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความ เจริญและยศ มีอายุยืน >>

    ** เหรียญพระสยามเทวาธิราช นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ โดยมีสมเด็จพระวันรัต(ปุ่น ปุณณสิริ)
    เป็นประธานสงฆ์ พระเถราจารย์เข้าร่วมพิธีดังนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต สมเด็จพระสังฆราช(วาส)ในขณะที่ยังทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระพุทธโฆษาจารย์ หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2515

    ** นอกจากนั้นยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธีดังนี้ >>

    1. เสาร์ที่ 16 ก.พ. 2516 โดยท่านพระศีลขันธโสภณ เป็นผู้นำเข้าพิธี ที่วัดเทพศิรินทร์
    2. เสาร์ที่ 7 เม.ษ. 2516 เข้าพิธีเสาร์ห้า ที่ วัดศีลขันธ์ อ่างทอง พร้อมกับสมเด็จสายรุ้ง
    3. พุธที่ 11 เม.ษ. 2516 พิธีพุทธาภิเษกที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ มีพระเถราจารย์เข้าร่วมดังนี้ หลวงปู่สิม หลวงปู่คำแสน หลวงปู่คำมี หลวงปู่ตื้อ
    4. พุธที่ 23 และพฤหัส ที่ 24 ต.ค. 2517 หลวงปู่สิมปลุกเสกเดี่ยว
    5. เสาร์ที่ 30 พ.ย. 2517 ร่วมพิธีพร้อมพระปิดตาอุตตมะและเหรียญของคุณถนอมศักดิ์ อนุกูล โดย หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง
    6. พุธที่ 25 ถึงศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 2517 หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต ปลุกเสกเดี่ยว
    7. ศุกร์ที่ 14 ก.พ. 2518 หลวงพ่อสาลี่ เจ้าอาวาสวัดห้วยยาง ชลบุรี ปลุกเสกเดี่ยวด้วยคาถาชินบัญชร
    8. เสาร์ที่ 15 ก.พ. 2518 หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกเดี่ยว
    9. อาทตย์ที่ 16 ก.พ. 2518 หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ปลุกเสกเดี่ยว... >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    เหรียญพระสยามเทวาธิราช วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515 เหรียญพระสยามเทวาธิราช หลัง นวม. (ผิวปีกแมลงทับ เหรียญสวยมาก) วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515 //พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสก ยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระเลื่ยมกรอบเก่า เลื่ยมโบราณแบบคลาสสิค สวยพร้อมใช้ >> ** พุทธคุณขจัดทุกข์ โรคภัยความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อยให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความ เจริญและยศ มีอายุยืน >> ** เหรียญพระสยามเทวาธิราช นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ โดยมีสมเด็จพระวันรัต(ปุ่น ปุณณสิริ) เป็นประธานสงฆ์ พระเถราจารย์เข้าร่วมพิธีดังนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต สมเด็จพระสังฆราช(วาส)ในขณะที่ยังทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระพุทธโฆษาจารย์ หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2515 ** นอกจากนั้นยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธีดังนี้ >> 1. เสาร์ที่ 16 ก.พ. 2516 โดยท่านพระศีลขันธโสภณ เป็นผู้นำเข้าพิธี ที่วัดเทพศิรินทร์ 2. เสาร์ที่ 7 เม.ษ. 2516 เข้าพิธีเสาร์ห้า ที่ วัดศีลขันธ์ อ่างทอง พร้อมกับสมเด็จสายรุ้ง 3. พุธที่ 11 เม.ษ. 2516 พิธีพุทธาภิเษกที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ มีพระเถราจารย์เข้าร่วมดังนี้ หลวงปู่สิม หลวงปู่คำแสน หลวงปู่คำมี หลวงปู่ตื้อ 4. พุธที่ 23 และพฤหัส ที่ 24 ต.ค. 2517 หลวงปู่สิมปลุกเสกเดี่ยว 5. เสาร์ที่ 30 พ.ย. 2517 ร่วมพิธีพร้อมพระปิดตาอุตตมะและเหรียญของคุณถนอมศักดิ์ อนุกูล โดย หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง 6. พุธที่ 25 ถึงศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 2517 หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต ปลุกเสกเดี่ยว 7. ศุกร์ที่ 14 ก.พ. 2518 หลวงพ่อสาลี่ เจ้าอาวาสวัดห้วยยาง ชลบุรี ปลุกเสกเดี่ยวด้วยคาถาชินบัญชร 8. เสาร์ที่ 15 ก.พ. 2518 หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกเดี่ยว 9. อาทตย์ที่ 16 ก.พ. 2518 หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ปลุกเสกเดี่ยว... >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • พระปรกโพธิ์พรายสมุทร หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก จ.นครศรีธรรมราช ปี2499
    พระปรกโพธิ์พรายสมุทร ( พระผงกระดูกผี ) หลังยันต์ หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ปี2499 ///พระดีพิธีใหญ่ หลวงพ่อเจิมปลุกเสกเดียวมาตลอดมาถึงปี 2502 // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแรงโชคลาภค้าขาย โภคทรัพย์แบบทันตา เมตตามหาเสน่ห์เป็นเลิศ.เสริมบารมี แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือนและผู้บูชา

    ** พระผงพรายสมุทร อะชิโต หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก หลวงพ่อเจิมปลุกเสกเดียวมาตลอดมาถึงปี 2502 พิธีใหญ่ปลุกเสกใหญ่อีกครั้งโดยหลวงพ่อเจิมและนิมนต์เกจิดัง1.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน 2.หลวงพ่อแปลก วัดหูล่อง 3.หลวงปู่เขียว วัดหรงบน 4.หลวงพ่อค งวัดบ้านสวน 5.หลวงพ่อมุ่ย ป่าระกำเหนือ 6.หลวงพ่อจันทร์ วัดทุ่งเฟื่อ 7.หลวงพ่อสังข์ วัดดอนตรอ 8.หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง 9.หลวงพ่อจับ วัดบางจาก จำนวนการสร้างตามพระธรรมขันต์ 84,000 องค์

    ** วิธีการบูชาพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์
    นะโม 3 จบ กล่าวต่อ ติวาคะภะ โธพุทนังสา นุสมะวะเท ถาสัตถิระ สามะทัมสะ ริปุโรตะ นุตอะทูวิ กะโลโตคะ สุโนปันสัม ณะระจะชา วิชโธพุทสัมมาสัมหังระ อะวาคะภะ โสปิติอิ .....


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    พระปรกโพธิ์พรายสมุทร หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก จ.นครศรีธรรมราช ปี2499 พระปรกโพธิ์พรายสมุทร ( พระผงกระดูกผี ) หลังยันต์ หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ปี2499 ///พระดีพิธีใหญ่ หลวงพ่อเจิมปลุกเสกเดียวมาตลอดมาถึงปี 2502 // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแรงโชคลาภค้าขาย โภคทรัพย์แบบทันตา เมตตามหาเสน่ห์เป็นเลิศ.เสริมบารมี แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือนและผู้บูชา ** พระผงพรายสมุทร อะชิโต หลวงพ่อเจิม วัดหอยราก หลวงพ่อเจิมปลุกเสกเดียวมาตลอดมาถึงปี 2502 พิธีใหญ่ปลุกเสกใหญ่อีกครั้งโดยหลวงพ่อเจิมและนิมนต์เกจิดัง1.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน 2.หลวงพ่อแปลก วัดหูล่อง 3.หลวงปู่เขียว วัดหรงบน 4.หลวงพ่อค งวัดบ้านสวน 5.หลวงพ่อมุ่ย ป่าระกำเหนือ 6.หลวงพ่อจันทร์ วัดทุ่งเฟื่อ 7.หลวงพ่อสังข์ วัดดอนตรอ 8.หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง 9.หลวงพ่อจับ วัดบางจาก จำนวนการสร้างตามพระธรรมขันต์ 84,000 องค์ ** วิธีการบูชาพระผงพรายสมุทร อชิโต พิมพ์ปรกโพธิ์ นะโม 3 จบ กล่าวต่อ ติวาคะภะ โธพุทนังสา นุสมะวะเท ถาสัตถิระ สามะทัมสะ ริปุโรตะ นุตอะทูวิ กะโลโตคะ สุโนปันสัม ณะระจะชา วิชโธพุทสัมมาสัมหังระ อะวาคะภะ โสปิติอิ ..... ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • เจ้าหลวงแห่งแผ่นดินทอง

    กลางดินแดนหริภุญไชย เจ้าหลวงครองใจชาวประชา ปกเกศด้วยคุณธรรมล้ำค่า แผ่นดินลำพูนรุ่งเรืองไกล

    สองปีแห่งการปกครอง แม้สั้นแต่ยิ่งใหญ่เกินใคร หว่านพืชให้ราษฎร์ได้อุ่นใจ สร้างทางแห่งไทยให้ยืนยง

    * ทดน้ำเข้านา สร้างฝายกั้นฝน พืชผลเบ่งบานทั่วแดนดิน พระเกียรติคุณยังยลยืนยาว เจ้าหลวงแห่งแผ่นดินทอง

    ** ก่อวิหาร รังสรรค์พระธรรม ชักชวนชาวลำพูนสามัคคี แม้สิ้นองค์แต่ยังคงชีวี ในดวงใจชั่วกาลนาน

    *** ดวงตะวันลับฟ้าไกล แต่พระนามจะส่องนำทาง หริภุญไชยยังเรืองรอง ดั่งเจ้าหลวงยังคงอยู่... ตลอดไป

    ซ้ำ * , **, ***

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 052316 ก.พ. 2568

    #เจ้าหลวงลำพูน #เหมพินธุไพจิตร #ราชวงศ์ทิพย์จักร #เกษตรกรแห่งล้านนา #ศรัทธาแห่งแผ่นดิน #นครลำพูน #สร้างเหมืองฝาย #เทิดพระเกียรติ #บำรุงพระศาสนา #ตำนานหริภุญไชย
    เจ้าหลวงแห่งแผ่นดินทอง กลางดินแดนหริภุญไชย เจ้าหลวงครองใจชาวประชา ปกเกศด้วยคุณธรรมล้ำค่า แผ่นดินลำพูนรุ่งเรืองไกล สองปีแห่งการปกครอง แม้สั้นแต่ยิ่งใหญ่เกินใคร หว่านพืชให้ราษฎร์ได้อุ่นใจ สร้างทางแห่งไทยให้ยืนยง * ทดน้ำเข้านา สร้างฝายกั้นฝน พืชผลเบ่งบานทั่วแดนดิน พระเกียรติคุณยังยลยืนยาว เจ้าหลวงแห่งแผ่นดินทอง ** ก่อวิหาร รังสรรค์พระธรรม ชักชวนชาวลำพูนสามัคคี แม้สิ้นองค์แต่ยังคงชีวี ในดวงใจชั่วกาลนาน *** ดวงตะวันลับฟ้าไกล แต่พระนามจะส่องนำทาง หริภุญไชยยังเรืองรอง ดั่งเจ้าหลวงยังคงอยู่... ตลอดไป ซ้ำ * , **, *** ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 052316 ก.พ. 2568 #เจ้าหลวงลำพูน #เหมพินธุไพจิตร #ราชวงศ์ทิพย์จักร #เกษตรกรแห่งล้านนา #ศรัทธาแห่งแผ่นดิน #นครลำพูน #สร้างเหมืองฝาย #เทิดพระเกียรติ #บำรุงพระศาสนา #ตำนานหริภุญไชย
    0 Comments 0 Shares 467 Views 25 0 Reviews
  • สัจจะธรรม
    นำมาสอนตน
    มารพาสับสน
    ค้นหาวิจัย

    กิเลสตัณหา
    ราคะยังหมาย
    หาพ้นทุกข์ไม่
    ไม่สว่างใจ

    เพียรพาขวนขวาย
    ให้สติใช้
    สมาธิได้
    อาศัยปัญญา

    ธรรมนี้เป็นกลาง
    ทางดีนำมา
    ใจได้รักษา
    พาดับทุกข์ได้

    ความดีมีสุข
    รุกพาขวนขวาย
    ยิ่งทำยิ่งได้
    ให้เจริญธรรม

    กราบคุณพระพุทธ กราบคุณพระธรรม กราบพระสงฆ์

    ปีติบังเกิด ความสงบบังเกิด อุเบกขาบังเกิด
    สัจจะธรรม นำมาสอนตน มารพาสับสน ค้นหาวิจัย กิเลสตัณหา ราคะยังหมาย หาพ้นทุกข์ไม่ ไม่สว่างใจ เพียรพาขวนขวาย ให้สติใช้ สมาธิได้ อาศัยปัญญา ธรรมนี้เป็นกลาง ทางดีนำมา ใจได้รักษา พาดับทุกข์ได้ ความดีมีสุข รุกพาขวนขวาย ยิ่งทำยิ่งได้ ให้เจริญธรรม กราบคุณพระพุทธ กราบคุณพระธรรม กราบพระสงฆ์ ปีติบังเกิด ความสงบบังเกิด อุเบกขาบังเกิด
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • [1]
    ***ราชา ***กษัตริย์ ราชา... เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร... ท่านผู้ถึง พร้อมด้วยวิชา และจรณะ... เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่เทวดา และมนุษย์...{อัมพัฏฐสูตร}


    {จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม11/หน้า511/บรรทัด18}
    {จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม11/หน้า434/บรรทัด9}
    {จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม15/หน้า165/บรรทัด3}
    {จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม15/หน้า161/บรรทัด17}
    http://www.tripitaka91.com/11-512-2.html
    http://www.tripitaka91.com/11-511-18.html#middle
    http://www.tripitaka91.com/15-165-3.html
    http://www.tripitaka91.com/15-164-18.html#middle
    http://www.tripitaka91.com/91book/book11/501_550.htm#512
    www.tripitaka91.com (เว็ปพระไตรปิฏก)








    >>>[จากพระไตรปิฏก มหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม ม.ม.ร]






    ***[พระพุทธเจ้าตรัส]... ดูก่อนอัมพัฏฐะ...ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมขับถูกไม่ผิด... กล่าวไว้ถูกไม่ผิด... ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์...
    [เราเห็นด้วย]








    ***[พระพุทธเจ้าตรัส]... ดูก่อนอัมพัฏฐะ... [ถึงเรา ก็กล่าวเช่นนี้ว่า กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุด]... ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในหมู่เทวดา และมนุษย์.





    >>>จบ ภาณวาร ที่ ๑











    >>>>(หมายเหตุ)<<<<<

    ****[อกาลิโก]….หมายความว่า พระธรรมพระวินัยคำสอนของพระพุทธเจ้า ทุกสูตรทุกข้อนั้น….(ไม่มียุคสมัยไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีกำหนดจำกัดอายุกาลเวลา)…. ให้ผลทุกเมื่อทุกโอกาสทุกเวลา ทุกยุคทุกสมัยตามลำดับแห่งการปฏิบัติ…. (จริงแท้อยู่ตลอดอนันตกาล)….ด้วยเหตุนี้ พระธรรมพระวินัย จึงไม่ประกอบด้วยกาล ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา.




    [จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม34/หน้า186/บรรทัด12-13]
    [จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม34/หน้า189/บรรทัด13]
    www.tripitaka91.com {เว็ปพระไตรปิฏก}
    http://www.tripitaka91.com/34-186-12.html#middle
    http://www.tripitaka91.com/34-186-13.html#middle
    http://www.tripitaka91.com/91book/book34/151_200.htm#186









    [2]
    >>>[จากพระไตรปิฏก มหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม ม.ม.ร]






    ***[พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า]…. สาวิตฺติ ฉนฺทโส มุขํ ฉันท์ทั้งหลายมีสาวิตติฉันท์ เป็นประมุข เพราะอันผู้สาธยายพระเวททั้งหลายต้องสาธยายก่อน.



    ***พระราชาท่านกล่าวว่า… เป็นประมุข เพราะประเสริฐที่สุดกว่ามนุษย์ทั้งหลาย.



    >>>>เสลสูตรที่ ๗
    [จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม47/หน้า554/บรรทัด8]
    [จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม47/หน้า451/บรรทัด23]
    http://www.tripitaka91.com/47-554-8.html
    www.tripitaka91.com {เว็ปพระไตรปิฏก}






    [3]

    >>>[จากพระไตรปิฏก มหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม ม.ม.ร]







    ***อนึ่ง พระราชาผู้เป็นกษัตริย์ แม้ทรงพระเยาว์ … เป็นกษัตริย์ผู้ได้รับ มุรธาภิเษกแล้ว หรือจะเป็นพราหมณ์ก็ตาม ก็เป็นผู้ควรแก่การกราบไหว้ของชนที่เหลือ … ชื่อว่า ชาติวุฑฒะ ผู้เจริญโดยชาติ.




    >>>อ.กิงสีลสูตร
    [จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม47/หน้า277/บรรทัด1]
    [จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม47/หน้า221/บรรทัด1]
    http://www.tripitaka91.com/47-277-1.html#middle
    www.tripitaka91.com {เว็ปพระไตรปิฏก}
    [1] ***ราชา ***กษัตริย์ ราชา... เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร... ท่านผู้ถึง พร้อมด้วยวิชา และจรณะ... เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่เทวดา และมนุษย์...{อัมพัฏฐสูตร} {จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม11/หน้า511/บรรทัด18} {จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม11/หน้า434/บรรทัด9} {จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม15/หน้า165/บรรทัด3} {จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม15/หน้า161/บรรทัด17} http://www.tripitaka91.com/11-512-2.html http://www.tripitaka91.com/11-511-18.html#middle http://www.tripitaka91.com/15-165-3.html http://www.tripitaka91.com/15-164-18.html#middle http://www.tripitaka91.com/91book/book11/501_550.htm#512 www.tripitaka91.com (เว็ปพระไตรปิฏก) >>>[จากพระไตรปิฏก มหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม ม.ม.ร] ***[พระพุทธเจ้าตรัส]... ดูก่อนอัมพัฏฐะ...ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมขับถูกไม่ผิด... กล่าวไว้ถูกไม่ผิด... ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์... [เราเห็นด้วย] ***[พระพุทธเจ้าตรัส]... ดูก่อนอัมพัฏฐะ... [ถึงเรา ก็กล่าวเช่นนี้ว่า กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุด]... ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในหมู่เทวดา และมนุษย์. >>>จบ ภาณวาร ที่ ๑ >>>>(หมายเหตุ)<<<<< ****[อกาลิโก]….หมายความว่า พระธรรมพระวินัยคำสอนของพระพุทธเจ้า ทุกสูตรทุกข้อนั้น….(ไม่มียุคสมัยไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีกำหนดจำกัดอายุกาลเวลา)…. ให้ผลทุกเมื่อทุกโอกาสทุกเวลา ทุกยุคทุกสมัยตามลำดับแห่งการปฏิบัติ…. (จริงแท้อยู่ตลอดอนันตกาล)….ด้วยเหตุนี้ พระธรรมพระวินัย จึงไม่ประกอบด้วยกาล ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา. [จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม34/หน้า186/บรรทัด12-13] [จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม34/หน้า189/บรรทัด13] www.tripitaka91.com {เว็ปพระไตรปิฏก} http://www.tripitaka91.com/34-186-12.html#middle http://www.tripitaka91.com/34-186-13.html#middle http://www.tripitaka91.com/91book/book34/151_200.htm#186 [2] >>>[จากพระไตรปิฏก มหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม ม.ม.ร] ***[พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า]…. สาวิตฺติ ฉนฺทโส มุขํ ฉันท์ทั้งหลายมีสาวิตติฉันท์ เป็นประมุข เพราะอันผู้สาธยายพระเวททั้งหลายต้องสาธยายก่อน. ***พระราชาท่านกล่าวว่า… เป็นประมุข เพราะประเสริฐที่สุดกว่ามนุษย์ทั้งหลาย. >>>>เสลสูตรที่ ๗ [จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม47/หน้า554/บรรทัด8] [จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม47/หน้า451/บรรทัด23] http://www.tripitaka91.com/47-554-8.html www.tripitaka91.com {เว็ปพระไตรปิฏก} [3] >>>[จากพระไตรปิฏก มหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม ม.ม.ร] ***อนึ่ง พระราชาผู้เป็นกษัตริย์ แม้ทรงพระเยาว์ … เป็นกษัตริย์ผู้ได้รับ มุรธาภิเษกแล้ว หรือจะเป็นพราหมณ์ก็ตาม ก็เป็นผู้ควรแก่การกราบไหว้ของชนที่เหลือ … ชื่อว่า ชาติวุฑฒะ ผู้เจริญโดยชาติ. >>>อ.กิงสีลสูตร [จากพระไตรปิฏกเล่มสีน้ำเงิน เล่ม47/หน้า277/บรรทัด1] [จากพระไตรปิฏกเล่มสีแดง เล่ม47/หน้า221/บรรทัด1] http://www.tripitaka91.com/47-277-1.html#middle www.tripitaka91.com {เว็ปพระไตรปิฏก}
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • ข้าพเจ้ายังไม่อยากถูกปล้นเอาความเป็นมนุษย์ออกไปจากตัวเองมากไปกว่านี้ ต่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่คนเลวนัก คือพอมีความดีในตัวอยู่บ้างแม้นไม่มาก อย่างน้อยก็ไม่ซื้อลอตเตอรี่ ไม่เล่นหวย ไม่เล่นพนันบอล ไม่ส่งชิงโชคทายผลกีฬาและล่ารางวัล ไม่เล่นไพ่ ไม่แทงม้า ไม่หวังลาภลอยจากการพนันทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพราะมีเงินเยอะแล้ว แต่เพราะรู้ว่าการพนันคือผีร้าย คือปีศาจ ถ้าลองยอมให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ซะแล้ว มันก็จะอาละวาดทำลายล้างให้เรา รวมถึงคนรอบข้างและสังคมกลายเป็นดินแดนแห่งอนารยะ ดังนั้นจึงไม่ยินดีอยากให้เมืองไทยต้องเลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่

    เท่าที่ในปัจจุบันก็แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว ในโลกโซเชียลเต็มไปด้วยสื่อซาตานที่แทรกซึมทั่วทุกหัวระแหง เลื่อนดูอะไรในสมาร์ตโฟนจะต้องเห็นพวกสัญลักษณ์แอบแฝงของนายทุนและแก๊งโจรมิจฉาชีพเหล่านี้เกร่อเต็มไปหมด แล้วคนไทยนี้ใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนกันอย่างที่เรียกว่าอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งที่ประชากรน้อยกว่าประเทศอื่นอีกหลายประเทศ แม้แต่เด็กเล็กที่ไม่ควรต้องใช้ก็ยังมีสมาร์ตโฟน ที่พ่อแม่ผู้รังแกลูกหยิบยื่นให้ ด้วยเหตุนี้เยาวชนลูกหลานที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อความชั่วที่ซ่อนมาหลากหลายรูปแบบ จึงง่ายมากต่อการตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้ ที่จ้องจะดึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นแก้วตาดวงใจของพวกท่าน ให้หลงตกไปอยู่ในนรกของการพนัน

    บางทีมันหลอกล่อมาสารพัดในลักษณะของเกมออนไลน์ การแลกเงินจริงเป็นเงินในเกม การสะสมไอเทม การซื้อสารพัดที่เมื่อเด็กหลงเข้าไปเล่นเข้าสักครั้ง ความหวังที่จะหลุดออกมาได้นั้นยากเย็นกว่าเข็นครกขึ้นเขา ยิ่งติดยิ่งห้ามใจไม่ได้ อยากหาอยากมีไปแข่งไปอวดเพื่อน มันคือปากเหวแห่งหายนะโดยแท้ ที่แน่นอนคือหากยังปล่อยให้มีการเกิดขึ้นของบ่อนกาสิโนหลายแห่งทั้วประเทศ อนาคตที่ข้าพเจ้าไม่กล้าคิดจะเกิดขึ้นและมาถึงในไม่ช้า

    เราอาจเป็นคนหนึ่งที่ถูกปล้นฆ่าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ภายในบ้านหรือนอกบ้านจากคนทุกเพศทุกวัย เพราะเมื่อใดที่คนไม่มีเงิน แล้วยังติดหนี้การพนัน มันผู้นั้นย่อมขายจิตวิญญาณให้แก่ปีศาจไปแล้ว และสามารถทำได้ทุกสิ่งที่คนปกติไม่กล้าทำ เพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้

    มีเมียมีลูกยังสามารถขายแลกเงินได้ พ่อแม่ญาติพี่น้องมีหรือจะสน แม้แต่ชีวิตตนก็ยังขายตัวเป็นทาสได้ มีที่ดินก็หมดที่ดิน มีทรัพย์สินใดก็หมด เมื่อสิ้นทุกอย่างทีนี้แหละ จะเริ่มปล้นชิงวิ่งราว ขโมยสารพัด คดีทำร้ายร่างกาย ปล้น ฆ่า จะเต็มบ้านเมืองมากกว่าเดิมอย่างทวีคูณ สุดท้ายคนเป็นพ่อแม่หรือคนในครอบครัวของผีพนันก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความทุกข์ทับถมใจหนักหน่วงจะถ่วงความเจริญทางธรรมของคนให้ลดน้อยถอยลง แล้วสังคมโดยรวมก็จะมีแต่ความสาหัสของบาดแผลจากพิษภัยของการพนันจนยากกอบกู้ ให้ดูประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมรอบเราว่าเขามีสภาพอย่างไรเถิด อนาคตเราอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น

    ถ้ามีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย จะเกิดนักพนันอายุน้อยขึ้นมาอีกมากมายอย่างน่ากลัว เมื่อเขาเหล่านั้นที่ยังไม่มีรายได้กลายเป็นทายาทผีพนัน ประเทศชาติก็มีแต่จะมุ่งหน้าเข้าหาความฉิบหายล่มจมในท้ายที่สุด

    ในฐานะที่ข้าพเจ้ายังเป็นพุทธมามกะที่ปฏิญาณตนนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่เคารพของตนไปจนตลอดชีวิต หากยังยินดีกับการเล่นพนันอยู่ อยากให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นแบบถูกกฎหมายในประเทศ นั่นแสดงว่าข้าพเจ้าเป็นคนผู้ทุรยศต่อสถาบันศาสนาที่ตนเคารพนับถือ และต่อพระศาสดา เป็นคนอกตัญญู เป็นความละอายแก่ใจตนจนเกินกว่าจะกล้าเรียกตนเป็นพุทธศาสนิกชน สู้เป็นคนไม่นับถือศาสนาเสียเลยยังดีกว่า

    เพราะศาสนาพุทธ จะไม่มีทางยอมฮั้ว อี๋อ๋อ ซูฮก ซูเอี๋ย กะลิ้มกะเหลี่ย ปากมันเลียริมฝีปาก น้ำลายไหลยืดย้อย กับความกระสันอยากในเม็ดเงินที่มาจากการพนันทั้งหลายเป็นอันขาด ไม่ว่าจะชาตินี้หรืออีกกี่ชาติ

    #คัดค้านบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย
    #thaitimes
    #บทความ
    #ข้อคิด
    #ต้านบ่อนกาสิโน
    #สร้างป่าดีกว่าสร้างบ่อน
    ข้าพเจ้ายังไม่อยากถูกปล้นเอาความเป็นมนุษย์ออกไปจากตัวเองมากไปกว่านี้ ต่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่คนเลวนัก คือพอมีความดีในตัวอยู่บ้างแม้นไม่มาก อย่างน้อยก็ไม่ซื้อลอตเตอรี่ ไม่เล่นหวย ไม่เล่นพนันบอล ไม่ส่งชิงโชคทายผลกีฬาและล่ารางวัล ไม่เล่นไพ่ ไม่แทงม้า ไม่หวังลาภลอยจากการพนันทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพราะมีเงินเยอะแล้ว แต่เพราะรู้ว่าการพนันคือผีร้าย คือปีศาจ ถ้าลองยอมให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ซะแล้ว มันก็จะอาละวาดทำลายล้างให้เรา รวมถึงคนรอบข้างและสังคมกลายเป็นดินแดนแห่งอนารยะ ดังนั้นจึงไม่ยินดีอยากให้เมืองไทยต้องเลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เท่าที่ในปัจจุบันก็แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว ในโลกโซเชียลเต็มไปด้วยสื่อซาตานที่แทรกซึมทั่วทุกหัวระแหง เลื่อนดูอะไรในสมาร์ตโฟนจะต้องเห็นพวกสัญลักษณ์แอบแฝงของนายทุนและแก๊งโจรมิจฉาชีพเหล่านี้เกร่อเต็มไปหมด แล้วคนไทยนี้ใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนกันอย่างที่เรียกว่าอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งที่ประชากรน้อยกว่าประเทศอื่นอีกหลายประเทศ แม้แต่เด็กเล็กที่ไม่ควรต้องใช้ก็ยังมีสมาร์ตโฟน ที่พ่อแม่ผู้รังแกลูกหยิบยื่นให้ ด้วยเหตุนี้เยาวชนลูกหลานที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อความชั่วที่ซ่อนมาหลากหลายรูปแบบ จึงง่ายมากต่อการตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้ ที่จ้องจะดึงคนรุ่นใหม่ที่เป็นแก้วตาดวงใจของพวกท่าน ให้หลงตกไปอยู่ในนรกของการพนัน บางทีมันหลอกล่อมาสารพัดในลักษณะของเกมออนไลน์ การแลกเงินจริงเป็นเงินในเกม การสะสมไอเทม การซื้อสารพัดที่เมื่อเด็กหลงเข้าไปเล่นเข้าสักครั้ง ความหวังที่จะหลุดออกมาได้นั้นยากเย็นกว่าเข็นครกขึ้นเขา ยิ่งติดยิ่งห้ามใจไม่ได้ อยากหาอยากมีไปแข่งไปอวดเพื่อน มันคือปากเหวแห่งหายนะโดยแท้ ที่แน่นอนคือหากยังปล่อยให้มีการเกิดขึ้นของบ่อนกาสิโนหลายแห่งทั้วประเทศ อนาคตที่ข้าพเจ้าไม่กล้าคิดจะเกิดขึ้นและมาถึงในไม่ช้า เราอาจเป็นคนหนึ่งที่ถูกปล้นฆ่าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ภายในบ้านหรือนอกบ้านจากคนทุกเพศทุกวัย เพราะเมื่อใดที่คนไม่มีเงิน แล้วยังติดหนี้การพนัน มันผู้นั้นย่อมขายจิตวิญญาณให้แก่ปีศาจไปแล้ว และสามารถทำได้ทุกสิ่งที่คนปกติไม่กล้าทำ เพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้ มีเมียมีลูกยังสามารถขายแลกเงินได้ พ่อแม่ญาติพี่น้องมีหรือจะสน แม้แต่ชีวิตตนก็ยังขายตัวเป็นทาสได้ มีที่ดินก็หมดที่ดิน มีทรัพย์สินใดก็หมด เมื่อสิ้นทุกอย่างทีนี้แหละ จะเริ่มปล้นชิงวิ่งราว ขโมยสารพัด คดีทำร้ายร่างกาย ปล้น ฆ่า จะเต็มบ้านเมืองมากกว่าเดิมอย่างทวีคูณ สุดท้ายคนเป็นพ่อแม่หรือคนในครอบครัวของผีพนันก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความทุกข์ทับถมใจหนักหน่วงจะถ่วงความเจริญทางธรรมของคนให้ลดน้อยถอยลง แล้วสังคมโดยรวมก็จะมีแต่ความสาหัสของบาดแผลจากพิษภัยของการพนันจนยากกอบกู้ ให้ดูประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมรอบเราว่าเขามีสภาพอย่างไรเถิด อนาคตเราอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น ถ้ามีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย จะเกิดนักพนันอายุน้อยขึ้นมาอีกมากมายอย่างน่ากลัว เมื่อเขาเหล่านั้นที่ยังไม่มีรายได้กลายเป็นทายาทผีพนัน ประเทศชาติก็มีแต่จะมุ่งหน้าเข้าหาความฉิบหายล่มจมในท้ายที่สุด ในฐานะที่ข้าพเจ้ายังเป็นพุทธมามกะที่ปฏิญาณตนนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่เคารพของตนไปจนตลอดชีวิต หากยังยินดีกับการเล่นพนันอยู่ อยากให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นแบบถูกกฎหมายในประเทศ นั่นแสดงว่าข้าพเจ้าเป็นคนผู้ทุรยศต่อสถาบันศาสนาที่ตนเคารพนับถือ และต่อพระศาสดา เป็นคนอกตัญญู เป็นความละอายแก่ใจตนจนเกินกว่าจะกล้าเรียกตนเป็นพุทธศาสนิกชน สู้เป็นคนไม่นับถือศาสนาเสียเลยยังดีกว่า เพราะศาสนาพุทธ จะไม่มีทางยอมฮั้ว อี๋อ๋อ ซูฮก ซูเอี๋ย กะลิ้มกะเหลี่ย ปากมันเลียริมฝีปาก น้ำลายไหลยืดย้อย กับความกระสันอยากในเม็ดเงินที่มาจากการพนันทั้งหลายเป็นอันขาด ไม่ว่าจะชาตินี้หรืออีกกี่ชาติ #คัดค้านบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย #thaitimes #บทความ #ข้อคิด #ต้านบ่อนกาสิโน #สร้างป่าดีกว่าสร้างบ่อน
    0 Comments 0 Shares 765 Views 0 Reviews
  • นับหนึ่งปฏิรูปกองทัพ? กลุ่มโรคไม่ต้องจับใบดำ-แดง รื้ออำนาจศาลทหาร
    .
    ไม่แน่ใจว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปกองทัพหรือไม่ ภายหลังคณะรัฐมนตรีมติเกี่ยวกับการดำเนินการของกองทัพในสองเรื่อสำคัญ ประกอบด้วย 1.การกำหนดให้กลุ่มโรคตุ่มน้ำพอง โรคลําไส้โป่งพองแต่กําเนิด โรคเอนไซม์บนเม็ดเลือดแดง เป็นคนจําพวก 2 ตรวจเลือกทหารกองเกิน และ 2.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พระธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ ซึ่งกำหนดให้ผู้เสียหายซึ่งมิใช่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาในศาลทหารได้
    .
    นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว มีสาระสําคัญอยู่ที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 (พ.ศ.2561) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการเพื่อกําหนดเพิ่มลักษณะอาการของโรค จํานวน 3 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.กลุ่มโรคตุ่มน้ำพอง 2.โรคลําไส้โป่งพองแต่กําเนิด และ 3.โรคของเอนไซม์บนเม็ดเลือดแดงผิดปกติชนิด G-6-PD (Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase) กําหนดให้เป็นคนจําพวกที่ 2 เพื่อให้คณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองเกินประจําสามารถตรวจวินิจฉัย และกําหนดคนเป็นจําพวกได้ถูกต้องตามที่หลักเกณฑ์กําหนด หมายความว่า บุคคลที่มีอาการ 3 กลุ่มโรคดังกล่าว จะเป็นคนจำพวกที่ 2 ไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการในกรณีที่มีคนจำพวกที่ 1 มีจำนวนเพียงพอกับยอดความต้องการทหารกองประจำการ
    .
    นายคารม ระบุอีกว่า สำหรับกรณีการอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พระธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. นั้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 เสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหารฯ และมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ด้วยตนเองและสิทธิในการได้รับการพิจารณาทบทวนคำพิพากษาโดยศาลที่สูงกว่า จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมโดยให้ผู้เสียหายซึ่งมิใช่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารสามารถใช้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาในศาลทหารได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นกรณีศาลทหารในเวลาปกติและในเวลาไม่ปกติ เว้นแต่ในกรณีศาลอาญาศึกจะเป็นอัยการทหารเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้
    .............
    Sondhi X
    นับหนึ่งปฏิรูปกองทัพ? กลุ่มโรคไม่ต้องจับใบดำ-แดง รื้ออำนาจศาลทหาร . ไม่แน่ใจว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปกองทัพหรือไม่ ภายหลังคณะรัฐมนตรีมติเกี่ยวกับการดำเนินการของกองทัพในสองเรื่อสำคัญ ประกอบด้วย 1.การกำหนดให้กลุ่มโรคตุ่มน้ำพอง โรคลําไส้โป่งพองแต่กําเนิด โรคเอนไซม์บนเม็ดเลือดแดง เป็นคนจําพวก 2 ตรวจเลือกทหารกองเกิน และ 2.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พระธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ ซึ่งกำหนดให้ผู้เสียหายซึ่งมิใช่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาในศาลทหารได้ . นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว มีสาระสําคัญอยู่ที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 (พ.ศ.2561) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการเพื่อกําหนดเพิ่มลักษณะอาการของโรค จํานวน 3 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.กลุ่มโรคตุ่มน้ำพอง 2.โรคลําไส้โป่งพองแต่กําเนิด และ 3.โรคของเอนไซม์บนเม็ดเลือดแดงผิดปกติชนิด G-6-PD (Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase) กําหนดให้เป็นคนจําพวกที่ 2 เพื่อให้คณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองเกินประจําสามารถตรวจวินิจฉัย และกําหนดคนเป็นจําพวกได้ถูกต้องตามที่หลักเกณฑ์กําหนด หมายความว่า บุคคลที่มีอาการ 3 กลุ่มโรคดังกล่าว จะเป็นคนจำพวกที่ 2 ไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการในกรณีที่มีคนจำพวกที่ 1 มีจำนวนเพียงพอกับยอดความต้องการทหารกองประจำการ . นายคารม ระบุอีกว่า สำหรับกรณีการอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พระธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. นั้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 เสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหารฯ และมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ด้วยตนเองและสิทธิในการได้รับการพิจารณาทบทวนคำพิพากษาโดยศาลที่สูงกว่า จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมโดยให้ผู้เสียหายซึ่งมิใช่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารสามารถใช้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาในศาลทหารได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นกรณีศาลทหารในเวลาปกติและในเวลาไม่ปกติ เว้นแต่ในกรณีศาลอาญาศึกจะเป็นอัยการทหารเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้ ............. Sondhi X
    Like
    Love
    12
    0 Comments 0 Shares 1514 Views 0 Reviews
  • ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้

    เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน

    พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ

    ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา

    ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์

    เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...

    #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า

    #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม

    #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้ เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์ เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์... #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 499 Views 0 Reviews
  • ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้

    เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน

    พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ

    ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา

    ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์

    เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...

    #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า

    #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม

    #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้ เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์ เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์... #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 490 Views 0 Reviews
  • สติให้ดี
    มีสมาธิ
    ได้สงบจิต
    กิจควรนำพา

    ฐานกรรมจิตดี
    มีธรรมปัญญา
    คุ้มครองรักษา
    พาพ้นทุกข์ภัย

    ความดีศีลธรรม
    นำร่วมอาศัย
    คุณประเสริฐได้
    ให้ความเจริญ

    รู้ควรเหมาะได้
    ไร้ความขาดเกิน
    พอเพียงประเสริฐ
    เดินได้ถูกตรง

    ชีวีร่วมอยู่
    รู้คุณดำรง
    ธรรมพาปลดปลง
    ทรงคุณยิ่งใหญ่

    กราบคุณพระพุทธ กรายคุณพระธรรม กราบคุณพระสงฆ์
    สติให้ดี มีสมาธิ ได้สงบจิต กิจควรนำพา ฐานกรรมจิตดี มีธรรมปัญญา คุ้มครองรักษา พาพ้นทุกข์ภัย ความดีศีลธรรม นำร่วมอาศัย คุณประเสริฐได้ ให้ความเจริญ รู้ควรเหมาะได้ ไร้ความขาดเกิน พอเพียงประเสริฐ เดินได้ถูกตรง ชีวีร่วมอยู่ รู้คุณดำรง ธรรมพาปลดปลง ทรงคุณยิ่งใหญ่ กราบคุณพระพุทธ กรายคุณพระธรรม กราบคุณพระสงฆ์
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • สติหนุนพา
    สมาธิได้
    หนุนปัญญาใช้
    ไว้ดับทุกข์ภัย

    ปัญญาธิคุณ
    หนุนธรรมจริงได้
    รู้เหตุปัจจัย
    ให้พร้อมดำรง

    การงานนอกใน
    กายใจหนุนส่ง
    ธรรมนี้ถูกตรง
    ทรงคุณได้ทำ

    ความดีมีสุข
    ผุดผ่องดื่มด่ำ
    อาศัยพระธรรม
    นำทุกข์ห่างไกล

    จิตภาวนา
    พาปัญญาได้
    ท่านแนะนำไว้
    ให้เพียรขวนขวาย
    สติหนุนพา สมาธิได้ หนุนปัญญาใช้ ไว้ดับทุกข์ภัย ปัญญาธิคุณ หนุนธรรมจริงได้ รู้เหตุปัจจัย ให้พร้อมดำรง การงานนอกใน กายใจหนุนส่ง ธรรมนี้ถูกตรง ทรงคุณได้ทำ ความดีมีสุข ผุดผ่องดื่มด่ำ อาศัยพระธรรม นำทุกข์ห่างไกล จิตภาวนา พาปัญญาได้ ท่านแนะนำไว้ ให้เพียรขวนขวาย
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 Comments 0 Shares 759 Views 0 Reviews
More Results