• 5 มีนาคม “วันนักข่าว” กับบทบาทสื่อมวลชนในยุค AI เผยความจริง สิ่งลวงตา และการถ่วงดุลอำนาจ

    📅 วันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ถือเป็น "วันนักข่าว" หรือ "วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ" ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวันสำคัญของวงการสื่อสารมวลชน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากวันสถาปนา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2498

    ปัจจุบัน บทบาทของนักข่าวและสื่อมวลชน กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัล และเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ที่ไร้พรมแดน ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อเท็จจริงและข่าวลวง (Fake News) บทบาทของสื่อ จึงไม่ใช่เพียงรายงานข่าวเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่คัดกรอง ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจ เพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้อ งและเป็นธรรม

    📖 ความเป็นมาของวันนักข่าว จุดกำเนิดของวันนักข่าวในไทย 🎙
    สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคือ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยนักข่าวรุ่นบุกเบิก 15 คน ที่รวมตัวกันที่ศาลานเรศวร ในสวนลุมพินี โดยมี นายชาญ สินศุข จากสยามนิกร เป็นประธานการประชุม

    🔹 ในอดีต หนังสือพิมพ์ไทยยึดถือธรรมเนียมว่า วันที่ 6 มีนาคม ของทุกปี จะเป็นวันหยุดงานของนักข่าว และจะไม่มีหนังสือพิมพ์วางจำหน่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สังคมมีความต้องการบริโภคข่าวสารมากขึ้น ทำให้ต้องยุติธรรมเนียมนี้ไป

    🔹 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2542 สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และกำหนดให้วันที่ 5 มีนาคม เป็นวันนักข่าว อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน

    🎥 บทบาทสำคัญของนักข่าวในสังคมไทย นักข่าวไม่ได้เป็นเพียงผู้รายงานข่าว แต่ยังมีบทบาทสำคัญในหลายมิติของสังคม ตั้งแต่การเฝ้าระวังอำนาจ การเปิดโปงความจริง ไปจนถึงการสร้างความตระหนักรู้ และขับเคลื่อนสังคม

    🏛 เฝ้าระวังและตรวจสอบอำนาจ (Watchdog Journalism)
    ✅ นักข่าวทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่าง ๆ
    ✅ เปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชัน และความไม่ชอบมาพากลในสังคม
    ✅ ปกป้องประชาชน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ

    📰 ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของประชาชน
    ✅ รายงานข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
    ✅ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล การเลือกตั้ง และภัยพิบัติ
    ✅ ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง บนพื้นฐานของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

    🚨 สร้างกระแส และกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
    ✅ นำเสนอปัญหาสำคัญ เช่น ความเหลื่อมล้ำ สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม
    ✅ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย และการแก้ไขปัญหา
    ✅ เป็นช่องทางในการเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับประชาชน

    🎤 เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน
    ✅ นำเสนอเรื่องราวของผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มที่ถูกกดขี่
    ✅ ให้พื้นที่แก่ประชาชน ในการแสดงความคิดเห็น
    ✅ ช่วยให้เสียงของประชาชน ถูกได้ยินในเวทีสาธารณะ

    🔓 สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    ✅ สื่อมวลชนเป็นหัวใจของ ประชาธิปไตย
    ✅ หากปราศจากเสรีภาพทางสื่อ สังคมอาจถูกควบคุมโดยข้อมูลฝ่ายเดียว
    ✅ นักข่าวต้องกล้าหาญ และยืนหยัดในการรายงานความจริง

    🌍 ยุค AI กับความท้าทายของสื่อมวลชน
    🤖 AI และอัลกอริทึมเปลี่ยนโฉมวงการข่าว
    🔹 เทคโนโลยี AI ช่วยให้ ข่าวถูกสร้าง และกระจายได้รวดเร็วขึ้น
    🔹 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ใช้อัลกอริทึมในการเลือกนำเสนอข่าว ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ แต่ อาจทำให้ข่าวสารถูกบิดเบือ นและเกิด Echo Chamber (ห้องเสียงสะท้อน)

    🚨 ข่าวปลอม (Fake News) และ Deepfake
    🔹 ข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจาย ในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
    🔹 เทคโนโลยี Deepfake ทำให้เกิดวิดีโอปลอม ที่เลียนแบบบุคคลจริงได้อย่างแนบเนียน
    🔹 นักข่าวต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล อย่างเข้มงวด

    💰 รายได้จากโฆษณาของสื่อดั้งเดิมลดลง
    🔹 หนังสือพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์สูญเสียรายได้ ให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Facebook, Google
    🔹 นักข่าวต้องปรับตัวไปสู่การสร้างรายได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ และการสมัครสมาชิก (Subscription-Based Media)

    🏛 แรงกดดันจากอำนาจรัฐและกลุ่มทุน
    🔹 นักข่าวบางคนอาจถูกคุกคาม หากรายงานข่าวที่กระทบต่อผู้มีอำนาจ
    🔹 สื่อบางสำนัก อาจถูกควบคุมโดยกลุ่มทุน ทำให้เสรีภาพทางข่าวสารถูกจำกัด

    ✅ แนวทางในการพัฒนาวงการสื่อมวลชนไทย
    ✔ สร้างมาตรฐานทางจริยธรรม นักข่าวต้องรักษาความเป็นกลาง และความถูกต้องของข้อมูล
    ✔ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอม
    ✔ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เช่น AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร
    ✔ พัฒนาทักษะนักข่าวให้ทันสมัย ให้สามารถปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัล

    🎯 "นักข่าว" อาชีพที่ขับเคลื่อนความจริงและสังคมไทย
    👥 นักข่าวเป็นอาชีพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม
    📢 พวกเขาทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง คัดกรองข่าวสาร และตรวจสอบอำนาจ
    🌍 ในยุค AI สื่อมวลชนต้องเผชิญกับ Fake News การคุกคามจากอำนาจรัฐ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
    📌 อย่างไรก็ตาม จริยธรรม ความกล้าหาญ และการยึดมั่นในความจริง จะทำให้สื่อมวลชน ยังคงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย

    💡 "เพราะข่าวที่ดี ไม่ใช่แค่ข่าวที่เร็ว แต่ต้องเป็นข่าวที่ถูกต้อง"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 051127 มี.ค. 2568

    🔖 #วันนักข่าว #นักข่าวไทย #สื่อมวลชน #FreedomOfPress #AIกับสื่อ #ข่าวปลอม #FakeNews #Deepfake #PressFreedom #MediaEthics
    5 มีนาคม “วันนักข่าว” กับบทบาทสื่อมวลชนในยุค AI เผยความจริง สิ่งลวงตา และการถ่วงดุลอำนาจ 📅 วันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ถือเป็น "วันนักข่าว" หรือ "วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ" ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวันสำคัญของวงการสื่อสารมวลชน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากวันสถาปนา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2498 ปัจจุบัน บทบาทของนักข่าวและสื่อมวลชน กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัล และเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ที่ไร้พรมแดน ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อเท็จจริงและข่าวลวง (Fake News) บทบาทของสื่อ จึงไม่ใช่เพียงรายงานข่าวเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่คัดกรอง ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจ เพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้อ งและเป็นธรรม 📖 ความเป็นมาของวันนักข่าว จุดกำเนิดของวันนักข่าวในไทย 🎙 สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคือ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยนักข่าวรุ่นบุกเบิก 15 คน ที่รวมตัวกันที่ศาลานเรศวร ในสวนลุมพินี โดยมี นายชาญ สินศุข จากสยามนิกร เป็นประธานการประชุม 🔹 ในอดีต หนังสือพิมพ์ไทยยึดถือธรรมเนียมว่า วันที่ 6 มีนาคม ของทุกปี จะเป็นวันหยุดงานของนักข่าว และจะไม่มีหนังสือพิมพ์วางจำหน่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สังคมมีความต้องการบริโภคข่าวสารมากขึ้น ทำให้ต้องยุติธรรมเนียมนี้ไป 🔹 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2542 สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และกำหนดให้วันที่ 5 มีนาคม เป็นวันนักข่าว อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน 🎥 บทบาทสำคัญของนักข่าวในสังคมไทย นักข่าวไม่ได้เป็นเพียงผู้รายงานข่าว แต่ยังมีบทบาทสำคัญในหลายมิติของสังคม ตั้งแต่การเฝ้าระวังอำนาจ การเปิดโปงความจริง ไปจนถึงการสร้างความตระหนักรู้ และขับเคลื่อนสังคม 🏛 เฝ้าระวังและตรวจสอบอำนาจ (Watchdog Journalism) ✅ นักข่าวทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่าง ๆ ✅ เปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชัน และความไม่ชอบมาพากลในสังคม ✅ ปกป้องประชาชน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ 📰 ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของประชาชน ✅ รายงานข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ✅ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล การเลือกตั้ง และภัยพิบัติ ✅ ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง บนพื้นฐานของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ 🚨 สร้างกระแส และกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ✅ นำเสนอปัญหาสำคัญ เช่น ความเหลื่อมล้ำ สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม ✅ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย และการแก้ไขปัญหา ✅ เป็นช่องทางในการเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับประชาชน 🎤 เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน ✅ นำเสนอเรื่องราวของผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มที่ถูกกดขี่ ✅ ให้พื้นที่แก่ประชาชน ในการแสดงความคิดเห็น ✅ ช่วยให้เสียงของประชาชน ถูกได้ยินในเวทีสาธารณะ 🔓 สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ✅ สื่อมวลชนเป็นหัวใจของ ประชาธิปไตย ✅ หากปราศจากเสรีภาพทางสื่อ สังคมอาจถูกควบคุมโดยข้อมูลฝ่ายเดียว ✅ นักข่าวต้องกล้าหาญ และยืนหยัดในการรายงานความจริง 🌍 ยุค AI กับความท้าทายของสื่อมวลชน 🤖 AI และอัลกอริทึมเปลี่ยนโฉมวงการข่าว 🔹 เทคโนโลยี AI ช่วยให้ ข่าวถูกสร้าง และกระจายได้รวดเร็วขึ้น 🔹 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ใช้อัลกอริทึมในการเลือกนำเสนอข่าว ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ แต่ อาจทำให้ข่าวสารถูกบิดเบือ นและเกิด Echo Chamber (ห้องเสียงสะท้อน) 🚨 ข่าวปลอม (Fake News) และ Deepfake 🔹 ข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจาย ในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว 🔹 เทคโนโลยี Deepfake ทำให้เกิดวิดีโอปลอม ที่เลียนแบบบุคคลจริงได้อย่างแนบเนียน 🔹 นักข่าวต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล อย่างเข้มงวด 💰 รายได้จากโฆษณาของสื่อดั้งเดิมลดลง 🔹 หนังสือพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์สูญเสียรายได้ ให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Facebook, Google 🔹 นักข่าวต้องปรับตัวไปสู่การสร้างรายได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ และการสมัครสมาชิก (Subscription-Based Media) 🏛 แรงกดดันจากอำนาจรัฐและกลุ่มทุน 🔹 นักข่าวบางคนอาจถูกคุกคาม หากรายงานข่าวที่กระทบต่อผู้มีอำนาจ 🔹 สื่อบางสำนัก อาจถูกควบคุมโดยกลุ่มทุน ทำให้เสรีภาพทางข่าวสารถูกจำกัด ✅ แนวทางในการพัฒนาวงการสื่อมวลชนไทย ✔ สร้างมาตรฐานทางจริยธรรม นักข่าวต้องรักษาความเป็นกลาง และความถูกต้องของข้อมูล ✔ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอม ✔ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เช่น AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร ✔ พัฒนาทักษะนักข่าวให้ทันสมัย ให้สามารถปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัล 🎯 "นักข่าว" อาชีพที่ขับเคลื่อนความจริงและสังคมไทย 👥 นักข่าวเป็นอาชีพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม 📢 พวกเขาทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง คัดกรองข่าวสาร และตรวจสอบอำนาจ 🌍 ในยุค AI สื่อมวลชนต้องเผชิญกับ Fake News การคุกคามจากอำนาจรัฐ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี 📌 อย่างไรก็ตาม จริยธรรม ความกล้าหาญ และการยึดมั่นในความจริง จะทำให้สื่อมวลชน ยังคงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย 💡 "เพราะข่าวที่ดี ไม่ใช่แค่ข่าวที่เร็ว แต่ต้องเป็นข่าวที่ถูกต้อง" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 051127 มี.ค. 2568 🔖 #วันนักข่าว #นักข่าวไทย #สื่อมวลชน #FreedomOfPress #AIกับสื่อ #ข่าวปลอม #FakeNews #Deepfake #PressFreedom #MediaEthics
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งหมาลัยทำสัส โดนเบี้ยวไม่จ่ายค่าจ้างล้อการเมืองในงานฟุตบอล เพราะล้อได้โคตรห่วย จึงต้องแต่งเรื่องว่าโดนเจ้าหน้าที่คุกคามตามาถ่ายรูป บ่ายวันนี้จะไปร้องที่รัฐสภา โดยหวังให้เป็นข่าวใหญ่ใช้เก็บงานวางบิลให้ได้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    กลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งหมาลัยทำสัส โดนเบี้ยวไม่จ่ายค่าจ้างล้อการเมืองในงานฟุตบอล เพราะล้อได้โคตรห่วย จึงต้องแต่งเรื่องว่าโดนเจ้าหน้าที่คุกคามตามาถ่ายรูป บ่ายวันนี้จะไปร้องที่รัฐสภา โดยหวังให้เป็นข่าวใหญ่ใช้เก็บงานวางบิลให้ได้ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เบื้องหน้าออกปากปกป้อง พร้อมยกมือไว้วางใจนายกฯ แท้จริงต้องการปกป้องมิให้โดนยึดคืนทั้งที่ดินเขากระโดง และที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่
    #7ดอกจิก
    ♣ เบื้องหน้าออกปากปกป้อง พร้อมยกมือไว้วางใจนายกฯ แท้จริงต้องการปกป้องมิให้โดนยึดคืนทั้งที่ดินเขากระโดง และที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร”
    .
    งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด
    .
    โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน
    .
    สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน
    .
    โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568
    .
    สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต
    .
    ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น
    .
    โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
    .
    โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย
    .
    ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด
    .
    ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน
    .
    การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ
    .
    โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า”
    .
    โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
    .
    รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
    .
    และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
    .
    ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277
    .
    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร” . งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด . โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน . สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน . โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568 . สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต . ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น . โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ . โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย . ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด . ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน . การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ . โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า” . โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด . รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง . และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย . ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง. . อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277 . #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 นาทีพบร่าง"แตงโม" มีโคลนใหม่ติดท้ายทอย : [NEWS UPDATE]
    นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือเสี่ยสมพงษ์ เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กว่า 6 ชม. เจ้าหน้าที่ถามละเอียดกว่าตอนให้ข้อมูลที่ สน. เช่น จับร่างหงายหน้าหรือไม่ มีเชือกหรือไม่ ซึ่งตนจับที่เสื้อบริเวณแผ่นหลัง โดยวันที่พบร่างขับเรือผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 30 เมตร ก็เริ่มมองเห็นระยะไกล เมื่อไปอีก 100 เมตร ก็เห็นร่างแตงโม ลักษณะคว่ำหน้า เห็นด้านหลังศรีษะ ท้ายทอย แผ่นหลัง สะโพก ส่วนแขนและขาจมในน้ำ ท้ายทอยมีดินโคลนเปียก ลักษณะโคลนใหม่สีเทาดำติดเล็กน้อย สันนิษฐานว่าร่างเพิ่งลอยขึ้นไม่นาน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเรือกู้ภัยที่มีมากกว่า 100 ลำ หาไม่พบ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ทางกู้ภัยได้พักทานข้าวที่ท่าพิบูลสงคราม เวลานั้นเห็นเรือที่มีพี่ชายแตงโมแค่ลำเดียว ไม่ได้นำเรือออกแป๊บเดียวแล้วเจอตามที่พูดกัน แต่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที


    แฉ"สมเด็จ"หากินกับคุก

    จม.อุยกูร์จาก ตม.สวนพลู

    กกต.แจงใบสว.3เข้าคูหาได้

    ขอบคุณล่วงหน้าต่อโมโตจีพี
    15 นาทีพบร่าง"แตงโม" มีโคลนใหม่ติดท้ายทอย : [NEWS UPDATE] นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือเสี่ยสมพงษ์ เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กว่า 6 ชม. เจ้าหน้าที่ถามละเอียดกว่าตอนให้ข้อมูลที่ สน. เช่น จับร่างหงายหน้าหรือไม่ มีเชือกหรือไม่ ซึ่งตนจับที่เสื้อบริเวณแผ่นหลัง โดยวันที่พบร่างขับเรือผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 30 เมตร ก็เริ่มมองเห็นระยะไกล เมื่อไปอีก 100 เมตร ก็เห็นร่างแตงโม ลักษณะคว่ำหน้า เห็นด้านหลังศรีษะ ท้ายทอย แผ่นหลัง สะโพก ส่วนแขนและขาจมในน้ำ ท้ายทอยมีดินโคลนเปียก ลักษณะโคลนใหม่สีเทาดำติดเล็กน้อย สันนิษฐานว่าร่างเพิ่งลอยขึ้นไม่นาน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเรือกู้ภัยที่มีมากกว่า 100 ลำ หาไม่พบ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ทางกู้ภัยได้พักทานข้าวที่ท่าพิบูลสงคราม เวลานั้นเห็นเรือที่มีพี่ชายแตงโมแค่ลำเดียว ไม่ได้นำเรือออกแป๊บเดียวแล้วเจอตามที่พูดกัน แต่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แฉ"สมเด็จ"หากินกับคุก จม.อุยกูร์จาก ตม.สวนพลู กกต.แจงใบสว.3เข้าคูหาได้ ขอบคุณล่วงหน้าต่อโมโตจีพี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • จะสำเร็จได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันครับ

    https://www.thansettakij.com/technology/621171
    จะสำเร็จได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันครับ https://www.thansettakij.com/technology/621171
    WWW.THANSETTAKIJ.COM
    TMEC ชี้ 4 ปัจจัยหนุนไทย สู่ฮับเซมิคอนดักเตอร์ภูมิภาค
    TMEC เผย 4 ปัจจัย สร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุนจากจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • Acclaim ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยเป็นที่รู้จักในวงการเกมในอดีต ได้ประกาศกลับมาอีกครั้งพร้อมภารกิจใหม่ในการสนับสนุนสตูดิโอเกมอินดี้และการสร้างสรรค์ IP ใหม่ๆ Acclaim ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวเกมดังอย่าง Mortal Kombat, Turok และ NBA Jam

    การกลับมาครั้งนี้ Acclaim มีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนสตูดิโออินดี้ที่ต้องการทรัพยากรในการพัฒนาเกม โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สตูดิโอเหล่านี้สามารถนำเสนอเกมของตนเองในตลาดที่ซับซ้อนและคึกคัก

    หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Acclaim คือการฟื้นฟู IP คลาสสิกที่มีผู้คนรักใคร่มากมายมาตลอดหลายปี สำหรับการทำให้แผนการนี้เป็นจริง Acclaim ได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในวงการเกมที่ได้รับความนับถือ เช่น Russell Binder จาก Striker Entertainment, Mark Caplan จาก Ridge Partners และ Jeff Jarrett จาก Global Force Entertainment

    เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน Acclaim ได้มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนสำคัญอย่าง Phil Toronto จาก VaynerFund และ Eric Vogel จาก JET Management ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่แข็งแรงสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

    Jeff Jarrett นักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องใน Hall of Fame กล่าวว่าการกลับมาของ Acclaim เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการนำความรักและความหลงใหลในเกมให้แก่คนรุ่นใหม่ และเขาตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบริษัทนี้

    Alex Josef CEO ของ Acclaim กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการนำทีมงานที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟู Acclaim ขึ้นมาใหม่ และกล่าวว่าได้เซ็นสัญญากับเกมอินดี้ที่น่าทึ่งบางเกมที่จะเปิดเผยในไม่ช้า

    Acclaim กลับมาในวงการเกมด้วยภารกิจที่น่าตื่นเต้นในการสนับสนุนนักพัฒนาอินดี้และฟื้นฟู IP คลาสสิก โดยมีการร่วมมือกับผู้นำในวงการและหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน

    https://wccftech.com/acclaim-returns-from-the-dead-with-a-focus-on-supporting-indie-studios-and-original-ip/
    Acclaim ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยเป็นที่รู้จักในวงการเกมในอดีต ได้ประกาศกลับมาอีกครั้งพร้อมภารกิจใหม่ในการสนับสนุนสตูดิโอเกมอินดี้และการสร้างสรรค์ IP ใหม่ๆ Acclaim ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวเกมดังอย่าง Mortal Kombat, Turok และ NBA Jam การกลับมาครั้งนี้ Acclaim มีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนสตูดิโออินดี้ที่ต้องการทรัพยากรในการพัฒนาเกม โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สตูดิโอเหล่านี้สามารถนำเสนอเกมของตนเองในตลาดที่ซับซ้อนและคึกคัก หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Acclaim คือการฟื้นฟู IP คลาสสิกที่มีผู้คนรักใคร่มากมายมาตลอดหลายปี สำหรับการทำให้แผนการนี้เป็นจริง Acclaim ได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในวงการเกมที่ได้รับความนับถือ เช่น Russell Binder จาก Striker Entertainment, Mark Caplan จาก Ridge Partners และ Jeff Jarrett จาก Global Force Entertainment เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน Acclaim ได้มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนสำคัญอย่าง Phil Toronto จาก VaynerFund และ Eric Vogel จาก JET Management ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่แข็งแรงสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง Jeff Jarrett นักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องใน Hall of Fame กล่าวว่าการกลับมาของ Acclaim เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการนำความรักและความหลงใหลในเกมให้แก่คนรุ่นใหม่ และเขาตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบริษัทนี้ Alex Josef CEO ของ Acclaim กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการนำทีมงานที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟู Acclaim ขึ้นมาใหม่ และกล่าวว่าได้เซ็นสัญญากับเกมอินดี้ที่น่าทึ่งบางเกมที่จะเปิดเผยในไม่ช้า Acclaim กลับมาในวงการเกมด้วยภารกิจที่น่าตื่นเต้นในการสนับสนุนนักพัฒนาอินดี้และฟื้นฟู IP คลาสสิก โดยมีการร่วมมือกับผู้นำในวงการและหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน https://wccftech.com/acclaim-returns-from-the-dead-with-a-focus-on-supporting-indie-studios-and-original-ip/
    WCCFTECH.COM
    Acclaim Returns From the Dead With a Focus On Supporting Indie Studios and Original IP
    Acclaim has been resurrected after two decades, and is coming with a focus on supporting Indie studios and original IP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานนี้ Microsoft ได้เผยแพร่รายงานที่เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจที่ไม่ยอมรับหรือเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรายงานนี้เรียกว่า "AI Divide" หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างธุรกิจที่มีหรือไม่มีกลยุทธ์ AI ที่ชัดเจน

    จากการศึกษาของ Microsoft พบว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมรับและใช้โอกาสที่ AI มอบให้ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจเหล่านี้ไม่สามารถเติบโตได้ การแบ่งแยกนี้ไม่เพียงแต่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร แต่ยังมีผลกระทบต่อการปรับปรุงการบริการสาธารณะอีกด้วย

    รายงานได้สังเกตว่า ขณะที่ครึ่งหนึ่งขององค์กรมีแผนการใช้ AI และทักษะที่จำเป็นในการดำเนินการอย่างชัดเจน อีกครึ่งหนึ่งกลับไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำองค์กรกว่า 54% ยอมรับว่าบริษัทของพวกเขาขาดกลยุทธ์ AI ที่เป็นทางการ และมีน้อยกว่า 45% ที่เข้าใจถึงทักษะ AI ที่พนักงานต้องการเพื่อประสบความสำเร็จ

    ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่รายงานเน้นคือการแบ่งแยกนี้ยังขยายไปถึงพนักงานด้วย โดยผู้นำกว่า 57% รายงานว่ามีช่องว่างในด้านประสิทธิภาพและความสามารถระหว่างพนักงานที่ใช้ AI กับพนักงานที่ไม่ใช้ AI

    Microsoft คาดว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้พนักงานลดงานที่ซ้ำซากและมีโอกาสทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น รายงานพบว่าเกือบสามในสี่ของผู้นำคาดว่า AI จะถูกบูรณาการเข้าสู่การดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้า

    Darren Hardman, CEO ของ Microsoft UK กล่าวว่า “AI สามารถมีบทบาทสำคัญในการลดความเหนื่อยล้าด้านดิจิทัลและให้โอกาสแก่พนักงานในการทำงานที่สร้างมูลค่าและสร้างสรรค์มากขึ้น”

    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-facing-an-ai-divide-which-could-be-the-difference-between-success-and-failure
    เมื่อไม่นานนี้ Microsoft ได้เผยแพร่รายงานที่เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจที่ไม่ยอมรับหรือเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรายงานนี้เรียกว่า "AI Divide" หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างธุรกิจที่มีหรือไม่มีกลยุทธ์ AI ที่ชัดเจน จากการศึกษาของ Microsoft พบว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมรับและใช้โอกาสที่ AI มอบให้ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจเหล่านี้ไม่สามารถเติบโตได้ การแบ่งแยกนี้ไม่เพียงแต่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร แต่ยังมีผลกระทบต่อการปรับปรุงการบริการสาธารณะอีกด้วย รายงานได้สังเกตว่า ขณะที่ครึ่งหนึ่งขององค์กรมีแผนการใช้ AI และทักษะที่จำเป็นในการดำเนินการอย่างชัดเจน อีกครึ่งหนึ่งกลับไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำองค์กรกว่า 54% ยอมรับว่าบริษัทของพวกเขาขาดกลยุทธ์ AI ที่เป็นทางการ และมีน้อยกว่า 45% ที่เข้าใจถึงทักษะ AI ที่พนักงานต้องการเพื่อประสบความสำเร็จ ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่รายงานเน้นคือการแบ่งแยกนี้ยังขยายไปถึงพนักงานด้วย โดยผู้นำกว่า 57% รายงานว่ามีช่องว่างในด้านประสิทธิภาพและความสามารถระหว่างพนักงานที่ใช้ AI กับพนักงานที่ไม่ใช้ AI Microsoft คาดว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้พนักงานลดงานที่ซ้ำซากและมีโอกาสทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น รายงานพบว่าเกือบสามในสี่ของผู้นำคาดว่า AI จะถูกบูรณาการเข้าสู่การดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้า Darren Hardman, CEO ของ Microsoft UK กล่าวว่า “AI สามารถมีบทบาทสำคัญในการลดความเหนื่อยล้าด้านดิจิทัลและให้โอกาสแก่พนักงานในการทำงานที่สร้างมูลค่าและสร้างสรรค์มากขึ้น” https://www.techradar.com/pro/businesses-are-facing-an-ai-divide-which-could-be-the-difference-between-success-and-failure
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพิ่งมีการเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วใหม่จากบริษัทชื่อ GenMachine Zhi ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เล็กที่สุดที่เคยเห็นมา แต่อย่าให้ขนาดหลอกลวงเพราะมันมีความสามารถที่เกินคาด ด้วยชิป AMD Ryzen 3 5425U APU ที่มีซีพียูแบบ 4 แกน และความสามารถในการทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 4.1GHz และยังมาพร้อมกับกราฟิกการ์ด AMD Vega 5 ที่มีความเร็วสูงถึง 1.5GHz เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจิ๋วนี้สามารถวางบนฝ่ามือได้ แต่ยังสามารถทำงานได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Intel 11th gen Core i7

    GenMachine Zhi มีให้เลือกสามรุ่น โดยมีความจุ RAM ตั้งแต่ 8GB, 16GB, ถึง 32GB และความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลสามารถเพิ่มได้ถึง 2TB มาพร้อมกับพอร์ต Ethernet แบบ 2.5G จำนวน 4 พอร์ต, พอร์ต USB-A 3.2 จำนวน 2 พอร์ต, พอร์ต USB-C 3.2 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ต HDMI 2.0 ที่สามารถเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ 4K ได้

    นอกจากจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั่วไปแล้ว GenMachine Zhi ยังสามารถใช้งานเป็น NAS (Network-Attached Storage) ได้อีกด้วย

    เครื่องนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 ทำให้เหมาะสำหรับครัวเรือนที่ใช้งาน Microsoft และยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Linux ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2 เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

    https://www.techradar.com/pro/this-is-the-smallest-amd-pc-ive-ever-seen-mysterious-manufacturer-uses-ryzen-3-apu-with-surprising-results
    เพิ่งมีการเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วใหม่จากบริษัทชื่อ GenMachine Zhi ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เล็กที่สุดที่เคยเห็นมา แต่อย่าให้ขนาดหลอกลวงเพราะมันมีความสามารถที่เกินคาด ด้วยชิป AMD Ryzen 3 5425U APU ที่มีซีพียูแบบ 4 แกน และความสามารถในการทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 4.1GHz และยังมาพร้อมกับกราฟิกการ์ด AMD Vega 5 ที่มีความเร็วสูงถึง 1.5GHz เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจิ๋วนี้สามารถวางบนฝ่ามือได้ แต่ยังสามารถทำงานได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Intel 11th gen Core i7 GenMachine Zhi มีให้เลือกสามรุ่น โดยมีความจุ RAM ตั้งแต่ 8GB, 16GB, ถึง 32GB และความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลสามารถเพิ่มได้ถึง 2TB มาพร้อมกับพอร์ต Ethernet แบบ 2.5G จำนวน 4 พอร์ต, พอร์ต USB-A 3.2 จำนวน 2 พอร์ต, พอร์ต USB-C 3.2 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ต HDMI 2.0 ที่สามารถเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ 4K ได้ นอกจากจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั่วไปแล้ว GenMachine Zhi ยังสามารถใช้งานเป็น NAS (Network-Attached Storage) ได้อีกด้วย เครื่องนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 ทำให้เหมาะสำหรับครัวเรือนที่ใช้งาน Microsoft และยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Linux ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2 เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน https://www.techradar.com/pro/this-is-the-smallest-amd-pc-ive-ever-seen-mysterious-manufacturer-uses-ryzen-3-apu-with-surprising-results
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัญญาณวิกฤต! "เรย์ ดาลิโอ" เตือนสหรัฐเสี่ยงหนี้ล้นภายใน 3 ปี 📌ขณะที่ทรัมป์เดินหน้าลดภาษี-ขาดดุลงบประมาณทะลุ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ชี้ต้องลดการขาดดุลจาก 7.5% เหลือ 3% ของจีดีพีก่อน "หัวใจวาย" ทางเศรษฐกิจ👉"เรย์ ดาลิโอ" ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates เผย ชี้สหรัฐฯ เสี่ยงเจอวิกฤตหนี้ภายใน 3 ปี หากไม่ลดการใช้จ่ายที่เกินตัว "มันเหมือนกับอาการหัวใจวาย" หลังพบการขาดดุลงบประมาณพุ่งสูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณล่าสุด ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์อเมริกาด้านหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทะลุ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทรัมป์เดินหน้านโยบายลดภาษีครั้งใหญ่ จากล่าสุดที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านกรอบงบประมาณให้: ตัดการใช้จ่าย 2 ล้านล้านดอลลาร์ อนุญาตลดภาษี 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้าเพิ่มเพดานหนี้อีก 4 ล้านล้านดอลลาร์ดาลิโอคาดการณ์ว่าการขาดดุลจะพุ่งถึง 7.5% ของจีดีพี แต่ควรลดให้เหลือ 3% เพื่อรักษาเสถียรภาพการเงิน #imctnews รายงาน
    สัญญาณวิกฤต! "เรย์ ดาลิโอ" เตือนสหรัฐเสี่ยงหนี้ล้นภายใน 3 ปี 📌ขณะที่ทรัมป์เดินหน้าลดภาษี-ขาดดุลงบประมาณทะลุ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ชี้ต้องลดการขาดดุลจาก 7.5% เหลือ 3% ของจีดีพีก่อน "หัวใจวาย" ทางเศรษฐกิจ👉"เรย์ ดาลิโอ" ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates เผย ชี้สหรัฐฯ เสี่ยงเจอวิกฤตหนี้ภายใน 3 ปี หากไม่ลดการใช้จ่ายที่เกินตัว "มันเหมือนกับอาการหัวใจวาย" หลังพบการขาดดุลงบประมาณพุ่งสูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณล่าสุด ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์อเมริกาด้านหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทะลุ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทรัมป์เดินหน้านโยบายลดภาษีครั้งใหญ่ จากล่าสุดที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านกรอบงบประมาณให้: ตัดการใช้จ่าย 2 ล้านล้านดอลลาร์ อนุญาตลดภาษี 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้าเพิ่มเพดานหนี้อีก 4 ล้านล้านดอลลาร์ดาลิโอคาดการณ์ว่าการขาดดุลจะพุ่งถึง 7.5% ของจีดีพี แต่ควรลดให้เหลือ 3% เพื่อรักษาเสถียรภาพการเงิน #imctnews รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้เข้าสู่ปีที่ห้า และดูเหมือนว่าการแทรกแซงของสหรัฐฯ กำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง จากการศึกษาล่าสุดของ Emerging Technology Observatory (ETO) พบว่าจีนได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีชิปรุ่นใหม่มากกว่าสองเท่าของสหรัฐฯ

    ETO ระบุว่าระหว่างปี 2018 ถึง 2023 มีบทความวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบและการผลิตชิปมากถึง 475,000 บทความทั่วโลก โดยมี 34% ของบทความเหล่านี้ที่ผลิตโดยสถาบันในจีน ซึ่งมากกว่าสหรัฐฯ ที่มีเพียง 15% และยุโรปที่มี 18% แม้ว่าการวิจัยเกี่ยวกับการผลิตชิปอาจไม่เป็นที่นิยมเท่ากับหัวข้อที่ร้อนแรง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) แต่จีนดูเหมือนจะทุ่มเทกับการศึกษาการผลิตชิปในอนาคตเป็นอย่างมาก

    ที่น่าสนใจกว่านั้นคือคุณภาพของการวิจัยที่มาจากจีนอยู่ในระดับสูงสุด เมื่อพิจารณาบทความที่มีการอ้างอิงมากที่สุด 10% พบว่า 50% ของบทความเหล่านี้มาจากจีน ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปอยู่ที่ 22% และ 17% ตามลำดับ

    จีนกำลังมุ่งเน้นการวิจัยในด้านคอมพิวเตอร์เชิงนิวโรมอร์ฟิค (Neuromorphic Computing) และคอมพิวเตอร์เชิงแสง (Optoelectric Computing) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลังยุคกฎของมวร์ (Post-Moore's Law) ที่สามารถวิจัยนอกกรอบการกำหนดข้อบังคับที่ใช้ในอุตสาหกรรมชิปจีนในปัจจุบัน

    นโยบายของสหรัฐฯ ที่มุ่งห้ามการนำเข้าอุปกรณ์การผลิตชิปสมัยใหม่ไปยังจีนมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงชิปรุ่นล้ำหน้า ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปรุ่นเก่า อย่างไรก็ตาม การวิจัยชิปรุ่นใหม่ของจีนอาจนำไปสู่การค้นพบเทคโนโลยีการผลิตชิปที่เหนือกว่าความรู้และความสามารถของตะวันตกในอนาคต

    แม้ว่าการแข่งขันในด้านการผลิตชิประหว่างจีนและสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป แต่จีนกำลังทำก้าวย่างใหญ่ในด้านการวิจัย ซึ่งอาจส่งผลให้จีนมีความสามารถในการผลิตชิปรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูงในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-doubles-us-research-output-on-next-gen-chips-chipmaking-export-bans-are-fueling-a-research-wave
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้เข้าสู่ปีที่ห้า และดูเหมือนว่าการแทรกแซงของสหรัฐฯ กำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง จากการศึกษาล่าสุดของ Emerging Technology Observatory (ETO) พบว่าจีนได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีชิปรุ่นใหม่มากกว่าสองเท่าของสหรัฐฯ ETO ระบุว่าระหว่างปี 2018 ถึง 2023 มีบทความวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบและการผลิตชิปมากถึง 475,000 บทความทั่วโลก โดยมี 34% ของบทความเหล่านี้ที่ผลิตโดยสถาบันในจีน ซึ่งมากกว่าสหรัฐฯ ที่มีเพียง 15% และยุโรปที่มี 18% แม้ว่าการวิจัยเกี่ยวกับการผลิตชิปอาจไม่เป็นที่นิยมเท่ากับหัวข้อที่ร้อนแรง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) แต่จีนดูเหมือนจะทุ่มเทกับการศึกษาการผลิตชิปในอนาคตเป็นอย่างมาก ที่น่าสนใจกว่านั้นคือคุณภาพของการวิจัยที่มาจากจีนอยู่ในระดับสูงสุด เมื่อพิจารณาบทความที่มีการอ้างอิงมากที่สุด 10% พบว่า 50% ของบทความเหล่านี้มาจากจีน ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปอยู่ที่ 22% และ 17% ตามลำดับ จีนกำลังมุ่งเน้นการวิจัยในด้านคอมพิวเตอร์เชิงนิวโรมอร์ฟิค (Neuromorphic Computing) และคอมพิวเตอร์เชิงแสง (Optoelectric Computing) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลังยุคกฎของมวร์ (Post-Moore's Law) ที่สามารถวิจัยนอกกรอบการกำหนดข้อบังคับที่ใช้ในอุตสาหกรรมชิปจีนในปัจจุบัน นโยบายของสหรัฐฯ ที่มุ่งห้ามการนำเข้าอุปกรณ์การผลิตชิปสมัยใหม่ไปยังจีนมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงชิปรุ่นล้ำหน้า ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปรุ่นเก่า อย่างไรก็ตาม การวิจัยชิปรุ่นใหม่ของจีนอาจนำไปสู่การค้นพบเทคโนโลยีการผลิตชิปที่เหนือกว่าความรู้และความสามารถของตะวันตกในอนาคต แม้ว่าการแข่งขันในด้านการผลิตชิประหว่างจีนและสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป แต่จีนกำลังทำก้าวย่างใหญ่ในด้านการวิจัย ซึ่งอาจส่งผลให้จีนมีความสามารถในการผลิตชิปรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูงในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-doubles-us-research-output-on-next-gen-chips-chipmaking-export-bans-are-fueling-a-research-wave
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรายงานล่าสุดจาก TrendForce ตลาด NAND flash ประสบปัญหาลดลงรายได้ถึง 6.2% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้คือความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิต NAND flash ชั้นนำต่างๆ กำลังพยายามปรับตัวด้วยการเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าองค์กรเพื่อชดเชยการขาดทุน

    นอกจากนี้ แนวโน้มราคาขายเฉลี่ย (ASPs) และยอดการจัดส่ง NAND flash ทั้งหมดก็ประสบปัญหาลดลงเล็กน้อยเช่นกัน TrendForce ชี้ให้เห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอเป็นตัวขับเคลื่อนการลดลงนี้ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกำลังพยายามลดสินค้าคงคลังส่วนเกิน ส่งผลให้ราคาของ NAND flash ลดลงตามไปด้วย

    ราคาขายเฉลี่ย (ASPs) ของ NAND flash ลดลง 4% ตามรายงานในขณะที่ยอดการจัดส่งลดลง 2% แนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปในไตรมาสแรกของปี 2025 โดย TrendForce คาดการณ์ว่ารายได้ของอุตสาหกรรมจะลดลงถึง 20% ในไตรมาสนี้

    Samsung ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 35.2% แม้จะประสบปัญหาลดลงรายได้ประมาณ 10% ในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว สำหรับกลุ่ม SK มีรายได้ลดลง 6.6% ตามมาด้วย Kioxia ลดลง 0.2%, Micron 9.3% และ WDC 0.4% บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่กำลังเปลี่ยนไปเน้นที่ SSD สำหรับองค์กร ตามรายงาน Samsung และ SK hynix ต่างประสบปัญหาการผลิตที่ไม่สมดุลกับความต้องการของตลาด Kioxia ได้ใช้วิธีการปรับปรุงเทคโนโลยีด้วยการเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและเพิ่มจำนวนเลเยอร์ของ 3D NAND ส่วน Micron วางแผนลดค่าใช้จ่ายในส่วนการดำเนินงานของ NAND flash แต่ยังคงมุ่งเน้นไปที่ SSD สำหรับองค์กรที่มีความจุสูงเพื่อเพิ่มรายได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nand-flash-market-faced-a-6-2-percent-revenue-loss-in-q4-24-forecast-projects-a-further-20-percent-hit-in-q1-25
    ตามรายงานล่าสุดจาก TrendForce ตลาด NAND flash ประสบปัญหาลดลงรายได้ถึง 6.2% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้คือความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิต NAND flash ชั้นนำต่างๆ กำลังพยายามปรับตัวด้วยการเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าองค์กรเพื่อชดเชยการขาดทุน นอกจากนี้ แนวโน้มราคาขายเฉลี่ย (ASPs) และยอดการจัดส่ง NAND flash ทั้งหมดก็ประสบปัญหาลดลงเล็กน้อยเช่นกัน TrendForce ชี้ให้เห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอเป็นตัวขับเคลื่อนการลดลงนี้ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกำลังพยายามลดสินค้าคงคลังส่วนเกิน ส่งผลให้ราคาของ NAND flash ลดลงตามไปด้วย ราคาขายเฉลี่ย (ASPs) ของ NAND flash ลดลง 4% ตามรายงานในขณะที่ยอดการจัดส่งลดลง 2% แนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปในไตรมาสแรกของปี 2025 โดย TrendForce คาดการณ์ว่ารายได้ของอุตสาหกรรมจะลดลงถึง 20% ในไตรมาสนี้ Samsung ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 35.2% แม้จะประสบปัญหาลดลงรายได้ประมาณ 10% ในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว สำหรับกลุ่ม SK มีรายได้ลดลง 6.6% ตามมาด้วย Kioxia ลดลง 0.2%, Micron 9.3% และ WDC 0.4% บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่กำลังเปลี่ยนไปเน้นที่ SSD สำหรับองค์กร ตามรายงาน Samsung และ SK hynix ต่างประสบปัญหาการผลิตที่ไม่สมดุลกับความต้องการของตลาด Kioxia ได้ใช้วิธีการปรับปรุงเทคโนโลยีด้วยการเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและเพิ่มจำนวนเลเยอร์ของ 3D NAND ส่วน Micron วางแผนลดค่าใช้จ่ายในส่วนการดำเนินงานของ NAND flash แต่ยังคงมุ่งเน้นไปที่ SSD สำหรับองค์กรที่มีความจุสูงเพื่อเพิ่มรายได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nand-flash-market-faced-a-6-2-percent-revenue-loss-in-q4-24-forecast-projects-a-further-20-percent-hit-in-q1-25
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงสนับสนุนแนวคิดนี้ของจีนครับ

    รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายใหม่ในการส่งเสริมการใช้ชิป RISC-V ที่เป็นโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นทางการ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เช่น x86 และ Arm นโยบายนี้ถูกจัดทำโดยหน่วยงานรัฐบาลถึงแปดแห่ง รวมถึง Cyberspace Administration of China และ Ministry of Industry and Information Technology โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้งานชิป RISC-V ในประเทศจีนให้มากขึ้น

    การออกนโยบายใหม่นี้จะส่งเสริมให้บริษัทในจีนหันมาใช้ชิป RISC-V ที่ถูกพัฒนาภายในประเทศมากขึ้น เช่น Alibaba's XuanTie และ Nuclei System Technology ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป RISC-V ชั้นนำของจีน การใช้งานชิปเหล่านี้จะทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายและพัฒนาชิปที่เหมาะสมกับการใช้งานในด้าน AI ได้มากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก ชิปเหล่านี้อาจจะยังไม่สามารถแข่งกับชิปของ Nvidia ในด้านประสิทธิภาพได้ แต่ก็จะมีราคาถูกกว่าและถูกออกแบบในจีนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุน

    แม้ว่าการพัฒนาฮาร์ดแวร์ RISC-V จะสำคัญ แต่การสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่รองรับชิป RISC-V ก็ไม่แพ้กัน ปัจจุบันนี้ Arm และ x86 ได้รับการสนับสนุนจากระบบปฏิบัติการและโปรแกรมมากมาย ซึ่งแตกต่างจาก RISC-V ที่ยังมีข้อจำกัดในการรองรับซอฟต์แวร์ หากต้องการสร้างชิป AI ที่ใช้ RISC-V นักพัฒนาจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศน์ซอฟต์แวร์เช่นเดียวกับ CUDA ของ Nvidia ซึ่งต้องใช้เวลานับสิบปีในการพัฒนา

    การประกาศนโยบายนี้ทำให้หุ้นของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีน เช่น VeriSilicon, ASR Microelectronics และ Shanghai Anlogic Infotech พุ่งสูงขึ้นถึง 15.4% เนื่องจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V อย่างไรก็ตาม ความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V ยังทำให้สหรัฐฯ กังวล เพราะ RISC-V เป็นโอเพ่นซอร์ส และอาจทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้เร็วยิ่งขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-government-shifts-focus-from-x86-and-arm-cpus-promoting-the-adoption-of-risc-v-chips
    ลุงสนับสนุนแนวคิดนี้ของจีนครับ รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายใหม่ในการส่งเสริมการใช้ชิป RISC-V ที่เป็นโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นทางการ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เช่น x86 และ Arm นโยบายนี้ถูกจัดทำโดยหน่วยงานรัฐบาลถึงแปดแห่ง รวมถึง Cyberspace Administration of China และ Ministry of Industry and Information Technology โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้งานชิป RISC-V ในประเทศจีนให้มากขึ้น การออกนโยบายใหม่นี้จะส่งเสริมให้บริษัทในจีนหันมาใช้ชิป RISC-V ที่ถูกพัฒนาภายในประเทศมากขึ้น เช่น Alibaba's XuanTie และ Nuclei System Technology ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป RISC-V ชั้นนำของจีน การใช้งานชิปเหล่านี้จะทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายและพัฒนาชิปที่เหมาะสมกับการใช้งานในด้าน AI ได้มากขึ้น แม้ว่าในช่วงแรก ชิปเหล่านี้อาจจะยังไม่สามารถแข่งกับชิปของ Nvidia ในด้านประสิทธิภาพได้ แต่ก็จะมีราคาถูกกว่าและถูกออกแบบในจีนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุน แม้ว่าการพัฒนาฮาร์ดแวร์ RISC-V จะสำคัญ แต่การสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่รองรับชิป RISC-V ก็ไม่แพ้กัน ปัจจุบันนี้ Arm และ x86 ได้รับการสนับสนุนจากระบบปฏิบัติการและโปรแกรมมากมาย ซึ่งแตกต่างจาก RISC-V ที่ยังมีข้อจำกัดในการรองรับซอฟต์แวร์ หากต้องการสร้างชิป AI ที่ใช้ RISC-V นักพัฒนาจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศน์ซอฟต์แวร์เช่นเดียวกับ CUDA ของ Nvidia ซึ่งต้องใช้เวลานับสิบปีในการพัฒนา การประกาศนโยบายนี้ทำให้หุ้นของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในจีน เช่น VeriSilicon, ASR Microelectronics และ Shanghai Anlogic Infotech พุ่งสูงขึ้นถึง 15.4% เนื่องจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V อย่างไรก็ตาม ความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน RISC-V ยังทำให้สหรัฐฯ กังวล เพราะ RISC-V เป็นโอเพ่นซอร์ส และอาจทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้เร็วยิ่งขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-government-shifts-focus-from-x86-and-arm-cpus-promoting-the-adoption-of-risc-v-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Eleven11bot ซึ่งติดตั้งไปยังอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) กว่า 86,000 เครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องวงจรปิดและ Network Video Recorders (NVRs) เพื่อทำการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service)

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Nokia ได้ตรวจพบ Eleven11bot และแชร์ข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม GreyNoise Jérôme Meyer นักวิจัยความปลอดภัยของ Nokia กล่าวว่า Eleven11bot เป็นหนึ่งในบ็อตเน็ตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ถูกเจาะระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องวงจรปิดและ NVRs

    บ็อตเน็ต Eleven11bot นี้ถูกใช้เพื่อโจมตีให้บริการโทรคมนาคมและเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์หลายแห่ง โดยในวันนี้ แพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation รายงานว่าพบอุปกรณ์ที่ติดเชื้อจาก Eleven11bot กว่า 86,400 เครื่องในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เม็กซิโก แคนาดา และออสเตรเลีย

    การโจมตีจาก Eleven11bot นั้นมีปริมาณข้อมูลหลายร้อยล้านแพ็คเก็ตต่อวินาที และมักจะดำเนินไปหลายวัน โดย GreyNoise ได้บันทึก IP 1,400 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบ็อตเน็ตนี้ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์จริงไม่ใช่ IP ปลอม

    มัลแวร์นี้แพร่กระจายโดยการใช้ช่องโหว่ของรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรหัสผ่านที่เป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ IoT ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการสแกนพอร์ต Telnet และ SSH ที่เปิดอยู่ในเครือข่ายเพื่อหาช่องทางในการเจาะระบบ

    GreyNoise ได้เผยแพร่รายชื่อ IP ที่เกี่ยวข้องกับ Eleven11bot และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบเพิ่มรายการนี้ในบล็อกลิสต์ของพวกเขา และเฝ้าระวังการพยายามเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย

    เพื่อป้องกันการโจมตีนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้อุปกรณ์ IoT ของพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปิดฟีเจอร์การเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็น ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบให้แข็งแรงและไม่ซ้ำกับค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือไม่ และหากอุปกรณ์ถึงจุดสิ้นสุดของการสนับสนุน (EOL) ก็ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-eleven11bot-botnet-infects-86-000-devices-for-ddos-attacks/
    มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Eleven11bot ซึ่งติดตั้งไปยังอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) กว่า 86,000 เครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องวงจรปิดและ Network Video Recorders (NVRs) เพื่อทำการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service) ผู้เชี่ยวชาญจาก Nokia ได้ตรวจพบ Eleven11bot และแชร์ข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม GreyNoise Jérôme Meyer นักวิจัยความปลอดภัยของ Nokia กล่าวว่า Eleven11bot เป็นหนึ่งในบ็อตเน็ตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ถูกเจาะระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องวงจรปิดและ NVRs บ็อตเน็ต Eleven11bot นี้ถูกใช้เพื่อโจมตีให้บริการโทรคมนาคมและเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์หลายแห่ง โดยในวันนี้ แพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation รายงานว่าพบอุปกรณ์ที่ติดเชื้อจาก Eleven11bot กว่า 86,400 เครื่องในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เม็กซิโก แคนาดา และออสเตรเลีย การโจมตีจาก Eleven11bot นั้นมีปริมาณข้อมูลหลายร้อยล้านแพ็คเก็ตต่อวินาที และมักจะดำเนินไปหลายวัน โดย GreyNoise ได้บันทึก IP 1,400 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบ็อตเน็ตนี้ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์จริงไม่ใช่ IP ปลอม มัลแวร์นี้แพร่กระจายโดยการใช้ช่องโหว่ของรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรหัสผ่านที่เป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ IoT ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการสแกนพอร์ต Telnet และ SSH ที่เปิดอยู่ในเครือข่ายเพื่อหาช่องทางในการเจาะระบบ GreyNoise ได้เผยแพร่รายชื่อ IP ที่เกี่ยวข้องกับ Eleven11bot และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบเพิ่มรายการนี้ในบล็อกลิสต์ของพวกเขา และเฝ้าระวังการพยายามเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย เพื่อป้องกันการโจมตีนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้อุปกรณ์ IoT ของพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปิดฟีเจอร์การเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็น ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบให้แข็งแรงและไม่ซ้ำกับค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือไม่ และหากอุปกรณ์ถึงจุดสิ้นสุดของการสนับสนุน (EOL) ก็ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-eleven11bot-botnet-infects-86-000-devices-for-ddos-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Eleven11bot botnet infects 86,000 devices for DDoS attacks
    A new botnet malware named 'Eleven11bot' has infected over 86,000 IoT devices, primarily security cameras and network video recorders (NVRs), to conduct DDoS attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่นานมานี้มีการวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มแรนซัมแวร์ Black Basta และ Cactus โดยพบว่าทั้งสองกลุ่มใช้วิธีการโจมตีที่คล้ายกันผ่านทาง Microsoft Teams และมัลแวร์ BackConnect

    ในเดือนมกราคม Zscaler พบตัวอย่างมัลแวร์ Zloader ที่มีฟีเจอร์ DNS tunneling ใหม่ ต่อมา Walmart พบว่า Zloader กำลังปล่อยมันเป็นมัลแวร์พร็อกซี BackConnect ที่เชื่อมต่อกับมัลแวร์ Qbot (QakBot) มัลแวร์ BackConnect ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือพร็อกซีสำหรับการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกโจมตีจากระยะไกล โดยช่วยให้แฮกเกอร์สามารถทำการโจมตีและซ่อนกิจกรรมของพวกเขาในเครือข่ายของเหยื่อโดยไม่ถูกตรวจจับ

    ทั้ง Zloader, Qbot และ BackConnect เชื่อมโยงกับกลุ่มแรนซัมแวร์ Black Basta ซึ่งใช้มัลแวร์เหล่านี้ในการเจาะเครือข่ายองค์กรและขยายการโจมตี

    Trend Micro รายงานว่ากลุ่มแรนซัมแวร์ Cactus ก็ใช้ BackConnect ในการโจมตีเช่นกัน โดยทั้งสองกลุ่มมีลักษณะการโจมตีที่คล้ายกัน คือการส่งอีเมลจำนวนมากมายังเป้าหมายเพื่อกระตุ้นความสนใจ จากนั้นจะติดต่อเป้าหมายผ่าน Microsoft Teams โดยแสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่วยเหลือทางไอที และหลอกลวงเหยื่อให้เปิดการเข้าถึงระยะไกลผ่าน Windows Quick Assist

    การโจมตีของทั้งสองกลุ่มมีความคล้ายคลึงกันมาก เช่น การใช้เซิร์ฟเวอร์ Command and Control ที่เคยเชื่อมโยงกับ Black Basta

    กลุ่มแรนซัมแวร์ Black Basta เริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายน 2022 และมีสมาชิกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Conti ซึ่งถูกยุบในเดือนพฤษภาคม 2022 หลังจากข้อมูลภายในของกลุ่มรั่วไหล

    ในรายงานของ Trend Micro พบว่ากลุ่มแรนซัมแวร์ Cactus เกิดขึ้นในปี 2023 และใช้วิธีการโจมตีที่คล้ายคลึงกับ Black Basta แสดงถึงความเชื่อมโยงหรือความร่วมมือระหว่างสมาชิกของทั้งสองกลุ่ม

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-teams-tactics-malware-connect-black-basta-cactus-ransomware/
    ไม่นานมานี้มีการวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มแรนซัมแวร์ Black Basta และ Cactus โดยพบว่าทั้งสองกลุ่มใช้วิธีการโจมตีที่คล้ายกันผ่านทาง Microsoft Teams และมัลแวร์ BackConnect ในเดือนมกราคม Zscaler พบตัวอย่างมัลแวร์ Zloader ที่มีฟีเจอร์ DNS tunneling ใหม่ ต่อมา Walmart พบว่า Zloader กำลังปล่อยมันเป็นมัลแวร์พร็อกซี BackConnect ที่เชื่อมต่อกับมัลแวร์ Qbot (QakBot) มัลแวร์ BackConnect ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือพร็อกซีสำหรับการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกโจมตีจากระยะไกล โดยช่วยให้แฮกเกอร์สามารถทำการโจมตีและซ่อนกิจกรรมของพวกเขาในเครือข่ายของเหยื่อโดยไม่ถูกตรวจจับ ทั้ง Zloader, Qbot และ BackConnect เชื่อมโยงกับกลุ่มแรนซัมแวร์ Black Basta ซึ่งใช้มัลแวร์เหล่านี้ในการเจาะเครือข่ายองค์กรและขยายการโจมตี Trend Micro รายงานว่ากลุ่มแรนซัมแวร์ Cactus ก็ใช้ BackConnect ในการโจมตีเช่นกัน โดยทั้งสองกลุ่มมีลักษณะการโจมตีที่คล้ายกัน คือการส่งอีเมลจำนวนมากมายังเป้าหมายเพื่อกระตุ้นความสนใจ จากนั้นจะติดต่อเป้าหมายผ่าน Microsoft Teams โดยแสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่วยเหลือทางไอที และหลอกลวงเหยื่อให้เปิดการเข้าถึงระยะไกลผ่าน Windows Quick Assist การโจมตีของทั้งสองกลุ่มมีความคล้ายคลึงกันมาก เช่น การใช้เซิร์ฟเวอร์ Command and Control ที่เคยเชื่อมโยงกับ Black Basta กลุ่มแรนซัมแวร์ Black Basta เริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายน 2022 และมีสมาชิกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Conti ซึ่งถูกยุบในเดือนพฤษภาคม 2022 หลังจากข้อมูลภายในของกลุ่มรั่วไหล ในรายงานของ Trend Micro พบว่ากลุ่มแรนซัมแวร์ Cactus เกิดขึ้นในปี 2023 และใช้วิธีการโจมตีที่คล้ายคลึงกับ Black Basta แสดงถึงความเชื่อมโยงหรือความร่วมมือระหว่างสมาชิกของทั้งสองกลุ่ม https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-teams-tactics-malware-connect-black-basta-cactus-ransomware/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft Teams tactics, malware connect Black Basta, Cactus ransomware
    New research has uncovered further links between the Black Basta and Cactus ransomware gangs, with members of both groups utilizing the same social engineering attacks and the BackConnect proxy malware for post-exploitation access to corporate networks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • Matt Mullenweg ผู้ร่วมก่อตั้ง WordPress และ CEO ของ Automattic ได้ประกาศว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้ลาออกผ่านคำร้องออนไลน์และการฟ้องร้องหมู่ ซึ่งเขากล่าวในการสัมภาษณ์กับ Lenny's Podcast ว่า การที่เขาจะเกษียณนั้น เขาจะหาคนมาสืบทอดตำแหน่งที่มีค่านิยมเช่นเดียวกับเขา และจะนำบริษัทไปในทางเดียวกับที่เขาดูแลอยู่

    ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ Mullenweg กล่าวถึง WP Engine ว่าได้รับประโยชน์จากโมเดลโอเพนซอร์สของ WordPress โดยไม่ได้มีส่วนร่วมมากพอในโครงการ WP Engine แย้งว่าพวกเขาปฏิบัติตาม GPL ซึ่งอนุญาตให้ใช้เชิงพาณิชย์ได้โดยไม่ต้องมีการบริจาคเงิน ทั้งนี้ Mullenweg ย้ำว่าโครงการโอเพนซอร์สจะเติบโตเมื่อผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากมันกลับมาลงทุนในการพัฒนา

    เขายังกล่าวถึงอนาคตของ WordPress และ Automattic โดยเน้นว่าเขาต้องการความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลาง แทนที่จะให้การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ “หากผมจะหายไป ผมไม่ต้องการส่งมอบงานให้คณะกรรมการ แต่จะให้ใครสักคนที่มีบทบาทเช่นเดียวกับผมและเป็นผู้นำที่มีค่านิยมเช่นเดียวกับผม” เขากล่าว

    คำพูดของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางการวิจารณ์เรื่องการจัดการข้อพิพาทกับ WP Engine บางคนกล่าวหาว่า Mullenweg ใช้อำนาจบีบบังคับ WP Engine ให้จ่ายเงินในการใช้ WordPress ซึ่งขัดแย้งกับจิตวิญญาณของซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส (FOSS) ในขณะที่ WP Engine ยืนยันว่าสนับสนุนโครงการโอเพนซอร์สควรเป็นสิ่งสมัครใจ ไม่ใช่การบีบบังคับ ความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่การฟ้องร้องหมู่ที่กล่าวหาว่าธุรกิจไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการกำกับดูแล WordPress และยังมีคำร้องออนไลน์เรียกร้องให้ Mullenweg ลาออก ถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันมากมาย Mullenweg ยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออก

    มีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่เห็นว่า WP Engine ได้ประโยชน์จาก WordPress โดยไม่คืนผลประโยชน์กลับ ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มนี้เสี่ยงต่ออนาคต ขณะที่บางคนคิดว่า Mullenweg กดดันเพื่อให้มีการจ่ายเงินเกินความจำเป็นตามกฎหมาย GPL การถกเถียงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องทางกฎหมาย แต่ยังเกี่ยวกับความรับผิดชอบที่บริษัทที่ได้ผลประโยชน์จากซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สควรมีต่อชุมชน

    Mullenweg เปรียบบทบาทของเขาเสมือนนายกเทศมนตรีที่ดูแลเมือง โดยเน้นความสำคัญของการมีผู้นำที่มีความเข้าใจและผูกพันกับองค์กรในระดับลึก

    https://www.techspot.com/news/107017-mullenweg-refuses-step-down-amid-wp-engine-dispute.html
    Matt Mullenweg ผู้ร่วมก่อตั้ง WordPress และ CEO ของ Automattic ได้ประกาศว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้ลาออกผ่านคำร้องออนไลน์และการฟ้องร้องหมู่ ซึ่งเขากล่าวในการสัมภาษณ์กับ Lenny's Podcast ว่า การที่เขาจะเกษียณนั้น เขาจะหาคนมาสืบทอดตำแหน่งที่มีค่านิยมเช่นเดียวกับเขา และจะนำบริษัทไปในทางเดียวกับที่เขาดูแลอยู่ ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ Mullenweg กล่าวถึง WP Engine ว่าได้รับประโยชน์จากโมเดลโอเพนซอร์สของ WordPress โดยไม่ได้มีส่วนร่วมมากพอในโครงการ WP Engine แย้งว่าพวกเขาปฏิบัติตาม GPL ซึ่งอนุญาตให้ใช้เชิงพาณิชย์ได้โดยไม่ต้องมีการบริจาคเงิน ทั้งนี้ Mullenweg ย้ำว่าโครงการโอเพนซอร์สจะเติบโตเมื่อผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากมันกลับมาลงทุนในการพัฒนา เขายังกล่าวถึงอนาคตของ WordPress และ Automattic โดยเน้นว่าเขาต้องการความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลาง แทนที่จะให้การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ “หากผมจะหายไป ผมไม่ต้องการส่งมอบงานให้คณะกรรมการ แต่จะให้ใครสักคนที่มีบทบาทเช่นเดียวกับผมและเป็นผู้นำที่มีค่านิยมเช่นเดียวกับผม” เขากล่าว คำพูดของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางการวิจารณ์เรื่องการจัดการข้อพิพาทกับ WP Engine บางคนกล่าวหาว่า Mullenweg ใช้อำนาจบีบบังคับ WP Engine ให้จ่ายเงินในการใช้ WordPress ซึ่งขัดแย้งกับจิตวิญญาณของซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส (FOSS) ในขณะที่ WP Engine ยืนยันว่าสนับสนุนโครงการโอเพนซอร์สควรเป็นสิ่งสมัครใจ ไม่ใช่การบีบบังคับ ความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่การฟ้องร้องหมู่ที่กล่าวหาว่าธุรกิจไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการกำกับดูแล WordPress และยังมีคำร้องออนไลน์เรียกร้องให้ Mullenweg ลาออก ถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันมากมาย Mullenweg ยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออก มีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่เห็นว่า WP Engine ได้ประโยชน์จาก WordPress โดยไม่คืนผลประโยชน์กลับ ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มนี้เสี่ยงต่ออนาคต ขณะที่บางคนคิดว่า Mullenweg กดดันเพื่อให้มีการจ่ายเงินเกินความจำเป็นตามกฎหมาย GPL การถกเถียงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องทางกฎหมาย แต่ยังเกี่ยวกับความรับผิดชอบที่บริษัทที่ได้ผลประโยชน์จากซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สควรมีต่อชุมชน Mullenweg เปรียบบทบาทของเขาเสมือนนายกเทศมนตรีที่ดูแลเมือง โดยเน้นความสำคัญของการมีผู้นำที่มีความเข้าใจและผูกพันกับองค์กรในระดับลึก https://www.techspot.com/news/107017-mullenweg-refuses-step-down-amid-wp-engine-dispute.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Matt Mullenweg doubles down on leadership amid WordPress controversy
    Matt Mullenweg, co-founder of WordPress and CEO of Automattic, has called out WP Engine for benefiting from WordPress's open-source model without contributing enough to the project. WP...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระตุ้นท่องเที่ยว ปลดล็อคพื้นที่ขายเหล้า ประเดิมวันวิสาขบูชา
    .
    นโยบายของรัฐบาลในการการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ส่งผลให้เริ่มมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกมาเป็นระยะ หนึ่งใน คือ การปลดล็อคให้บางพื้นที่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
    .
    นายประเสริฐ​ จันทรรวงทอง​ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม​ (ดีอี​) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ระบุว่า ผลการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 แม้ยังคงห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 5 วัน คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา แต่ได้ยกเว้นการขายในกรณีดังต่อไปนี้
    .
    1.ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ
    2.การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
    3.การขายในสถานบริการ ประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ หรือบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
    ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจะต้องมีมาตรการคัดกรอง และรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และการจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน
    4.การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
    5.การขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตามรายชื่อสถานที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
    .
    นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ช่วงเวลาการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงเดิม เนื่องจากจะขัดกับ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 เรื่องการกำหนดเวลาในการจำหน่ายสุราและการดื่มสุราในสถานที่ขายสุราได้เฉพาะตามเวลาที่กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย โดยหลังจากนี้คณะกรรมการจะเอามติไปสอบถามความเห็นของประชาชนผ่านเว็บไซต์ โดยใช้เวลา 15 วัน ก่อนสรุปส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก่อนส่งต่อมายังนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา
    .
    “เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะออกมาได้ทันก่อนวันที่ 11 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา” นายประเสริฐ กล่าว
    ...........
    Sondhi X
    กระตุ้นท่องเที่ยว ปลดล็อคพื้นที่ขายเหล้า ประเดิมวันวิสาขบูชา . นโยบายของรัฐบาลในการการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ส่งผลให้เริ่มมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวออกมาเป็นระยะ หนึ่งใน คือ การปลดล็อคให้บางพื้นที่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา . นายประเสริฐ​ จันทรรวงทอง​ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม​ (ดีอี​) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ระบุว่า ผลการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 แม้ยังคงห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 5 วัน คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา แต่ได้ยกเว้นการขายในกรณีดังต่อไปนี้ . 1.ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2.การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ 3.การขายในสถานบริการ ประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ หรือบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจะต้องมีมาตรการคัดกรอง และรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และการจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน 4.การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 5.การขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตามรายชื่อสถานที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา . นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ช่วงเวลาการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงเดิม เนื่องจากจะขัดกับ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 เรื่องการกำหนดเวลาในการจำหน่ายสุราและการดื่มสุราในสถานที่ขายสุราได้เฉพาะตามเวลาที่กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย โดยหลังจากนี้คณะกรรมการจะเอามติไปสอบถามความเห็นของประชาชนผ่านเว็บไซต์ โดยใช้เวลา 15 วัน ก่อนสรุปส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก่อนส่งต่อมายังนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา . “เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะออกมาได้ทันก่อนวันที่ 11 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา” นายประเสริฐ กล่าว ........... Sondhi X
    Angry
    Like
    Love
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดการหน่วยความจำในระดับอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ การละเมิดความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำกำลังเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในบรรดาบริษัทและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐอเมริกา (CISA) ได้เรียกร้องให้ผู้พัฒนากำจัดข้อบกพร่องที่เกี่ยวกับ buffer overflow

    Google ชี้ว่า การละเมิดความปลอดภัยในการจัดการหน่วยความจำได้ทำลายความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีและก่อให้เกิดความเสียหายนับพันล้านดอลลาร์ แนวทางดั้งเดิมที่ใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งของภาษาการเขียนโปรแกรมที่เป็นที่นิยมยังไม่เพียงพอที่จะหยุดการละเมิดความปลอดภัยเหล่านี้ ภาษาโปรแกรมมิ่งใหม่ๆ เช่น Rust และ Kotlin หรือส่วนขยายเฉพาะสำหรับภาษาเก่าๆ เช่น Safe Buffers สำหรับ C++ ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยลดข้อบกพร่องใน Android

    Google ได้เสนอข้อผูกพันรวมใหม่เพื่อกำจัดประเภทของข้อบกพร่องนี้โดยใช้แนวทางการเขียนโปรแกรมที่ปลอดภัยโดยการออกแบบ CISA ได้แนะนำแนวทางนี้ด้วย แต่ Google กำลังขยายเป้าหมายให้กว้างขึ้นด้วยการออกแบบแนวทางที่เหมาะสมสำหรับทุกเครื่องมือ

    การพัฒนามาตรฐานนี้ต้องการความมุ่งมั่นจากอุตสาหกรรมร่วมกัน Google กล่าวว่าเราจำเป็นต้องสร้างอนาคตที่ความปลอดภัยในการจัดการหน่วยความจำไม่ใช่เรื่องคิดหลัง แต่เป็นหลักการพื้นฐาน เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้รับโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยโดยการออกแบบตั้งแต่ต้น

    https://www.techspot.com/news/107006-google-calls-industry-wide-memory-safety-standards-enhance.html
    Google ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดการหน่วยความจำในระดับอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ การละเมิดความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำกำลังเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในบรรดาบริษัทและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐอเมริกา (CISA) ได้เรียกร้องให้ผู้พัฒนากำจัดข้อบกพร่องที่เกี่ยวกับ buffer overflow Google ชี้ว่า การละเมิดความปลอดภัยในการจัดการหน่วยความจำได้ทำลายความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีและก่อให้เกิดความเสียหายนับพันล้านดอลลาร์ แนวทางดั้งเดิมที่ใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งของภาษาการเขียนโปรแกรมที่เป็นที่นิยมยังไม่เพียงพอที่จะหยุดการละเมิดความปลอดภัยเหล่านี้ ภาษาโปรแกรมมิ่งใหม่ๆ เช่น Rust และ Kotlin หรือส่วนขยายเฉพาะสำหรับภาษาเก่าๆ เช่น Safe Buffers สำหรับ C++ ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยลดข้อบกพร่องใน Android Google ได้เสนอข้อผูกพันรวมใหม่เพื่อกำจัดประเภทของข้อบกพร่องนี้โดยใช้แนวทางการเขียนโปรแกรมที่ปลอดภัยโดยการออกแบบ CISA ได้แนะนำแนวทางนี้ด้วย แต่ Google กำลังขยายเป้าหมายให้กว้างขึ้นด้วยการออกแบบแนวทางที่เหมาะสมสำหรับทุกเครื่องมือ การพัฒนามาตรฐานนี้ต้องการความมุ่งมั่นจากอุตสาหกรรมร่วมกัน Google กล่าวว่าเราจำเป็นต้องสร้างอนาคตที่ความปลอดภัยในการจัดการหน่วยความจำไม่ใช่เรื่องคิดหลัง แต่เป็นหลักการพื้นฐาน เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้รับโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยโดยการออกแบบตั้งแต่ต้น https://www.techspot.com/news/107006-google-calls-industry-wide-memory-safety-standards-enhance.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google calls for industry-wide memory safety standards to enhance software security
    Security vulnerabilities related to memory safety are becoming increasingly troublesome among companies and organizations dealing with software products. The US Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) recently...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thales ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตดาวเทียมรายใหญ่ของยุโรป ได้ออกมาชี้แจงถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลอาจต้องเผชิญหากพึ่งพาระบบดาวเทียมเชิงพาณิชย์มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบดาวเทียมของ Starlink ที่พัฒนาโดย Elon Musk

    Patrice Caine, CEO ของ Thales, กล่าวในงานแถลงผลประกอบการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การพึ่งพาดาวเทียมที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยและมีความไม่แน่นอนในเรื่องความสามารถในการทำกำไร อาจเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลที่ต้องการความเสถียรและความเชื่อถือได้ในการติดต่อสื่อสาร

    Caine ยังเตือนว่าการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกอาจทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพาผู้ที่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

    ระบบ Starlink มีลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลกและมีดาวเทียมมากกว่า 7,000 ดวง ทำให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยจากการโจมตีจากอวกาศ โดยผ่านการทดสอบความปลอดภัยในสงครามยูเครนเมื่อถูกโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย

    SpaceX ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ Starlink ได้ขยายโรงงานผลิตสถานีรับส่งสัญญาณใน Texas ให้สามารถผลิตได้ถึง 15,000 หน่วยต่อวัน ทำให้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก

    Caine เน้นว่าการติดต่อสื่อสารของรัฐบาลไม่ควรพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกทั้งหมด โดยยุโรปส่วนใหญ่จะลงทุนในระบบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเอง เช่น ระบบ Iris2 สำหรับเครือข่ายที่ปลอดภัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/thales-warns-governments-over-reliance-on-starlink-type-systems
    Thales ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตดาวเทียมรายใหญ่ของยุโรป ได้ออกมาชี้แจงถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลอาจต้องเผชิญหากพึ่งพาระบบดาวเทียมเชิงพาณิชย์มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบดาวเทียมของ Starlink ที่พัฒนาโดย Elon Musk Patrice Caine, CEO ของ Thales, กล่าวในงานแถลงผลประกอบการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การพึ่งพาดาวเทียมที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยและมีความไม่แน่นอนในเรื่องความสามารถในการทำกำไร อาจเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลที่ต้องการความเสถียรและความเชื่อถือได้ในการติดต่อสื่อสาร Caine ยังเตือนว่าการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกอาจทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพาผู้ที่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ระบบ Starlink มีลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลกและมีดาวเทียมมากกว่า 7,000 ดวง ทำให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยจากการโจมตีจากอวกาศ โดยผ่านการทดสอบความปลอดภัยในสงครามยูเครนเมื่อถูกโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย SpaceX ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ Starlink ได้ขยายโรงงานผลิตสถานีรับส่งสัญญาณใน Texas ให้สามารถผลิตได้ถึง 15,000 หน่วยต่อวัน ทำให้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก Caine เน้นว่าการติดต่อสื่อสารของรัฐบาลไม่ควรพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกทั้งหมด โดยยุโรปส่วนใหญ่จะลงทุนในระบบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเอง เช่น ระบบ Iris2 สำหรับเครือข่ายที่ปลอดภัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/thales-warns-governments-over-reliance-on-starlink-type-systems
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Thales warns governments over reliance on Starlink-type systems
    PARIS (Reuters) - The head of one of Europe's largest satellite manufacturers, France-based Thales, has highlighted the risks to governments of relying too heavily on private satellite constellations in an apparent warning over Elon Musk's Starlink.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง : 05-03-68
    วันนี้คุณสนธิจะมาเล่า สงครามยูเครน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ก็กำลังจะเข้าแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ , รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ปัญหาเศรษฐกิจไทย ความตกต่ำของตลาดหุ้น รวมไปถึงราคาทองคำด้วย
    https://www.youtube.com/watch?v=w5twIWp6lBE

    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    สนธิเล่าเรื่อง : 05-03-68 วันนี้คุณสนธิจะมาเล่า สงครามยูเครน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ก็กำลังจะเข้าแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ , รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ปัญหาเศรษฐกิจไทย ความตกต่ำของตลาดหุ้น รวมไปถึงราคาทองคำด้วย https://www.youtube.com/watch?v=w5twIWp6lBE #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Love
    Like
    Haha
    18
    15 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท CrowdStrike ซึ่งเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทั่วโลกรู้จัก 😅😅 ได้คาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เนื่องจากการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อ่อนตัวลง ทำให้หุ้นของบริษัทใน Austin, Texas ร่วงลงถึง 6% ในการซื้อขายภาคขยาย

    ลูกค้ากลุ่มองค์กรของ CrowdStrike ยังคงเข้มงวดกับการใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยที่สำคัญ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่องบประมาณโดยรวมของพวกเขา

    CrowdStrike คาดว่าจะมีรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ระหว่าง 1.10 พันล้านดอลลาร์ถึง 1.11 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งค่ากลางของตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างเล็กน้อยที่ 1.11 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ CrowdStrike ยังคาดการณ์ว่ารายได้ประจำปี 2026 จะอยู่ระหว่าง 4.74 พันล้านดอลลาร์ถึง 4.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์

    ในทางตรงกันข้าม ผลประกอบการของ CrowdStrike ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง Palo Alto Networks และ Fortinet ที่คาดการณ์ว่ารายได้ประจำปีจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม CrowdStrike ได้ประกาศรายได้ที่ 1.06 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.03 พันล้านดอลลาร์

    ในระหว่างการประชุมกับนักลงทุน Kritika Lamba นักวิเคราะห์จาก Bengaluru รายงานว่าแนวโน้มการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อาจต้องปรับปรุงเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/crowdstrike-forecasts-first-quarter-revenue-below-estimates
    บริษัท CrowdStrike ซึ่งเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทั่วโลกรู้จัก 😅😅 ได้คาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เนื่องจากการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อ่อนตัวลง ทำให้หุ้นของบริษัทใน Austin, Texas ร่วงลงถึง 6% ในการซื้อขายภาคขยาย ลูกค้ากลุ่มองค์กรของ CrowdStrike ยังคงเข้มงวดกับการใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยที่สำคัญ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่องบประมาณโดยรวมของพวกเขา CrowdStrike คาดว่าจะมีรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ระหว่าง 1.10 พันล้านดอลลาร์ถึง 1.11 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งค่ากลางของตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างเล็กน้อยที่ 1.11 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ CrowdStrike ยังคาดการณ์ว่ารายได้ประจำปี 2026 จะอยู่ระหว่าง 4.74 พันล้านดอลลาร์ถึง 4.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ ในทางตรงกันข้าม ผลประกอบการของ CrowdStrike ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง Palo Alto Networks และ Fortinet ที่คาดการณ์ว่ารายได้ประจำปีจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม CrowdStrike ได้ประกาศรายได้ที่ 1.06 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.03 พันล้านดอลลาร์ ในระหว่างการประชุมกับนักลงทุน Kritika Lamba นักวิเคราะห์จาก Bengaluru รายงานว่าแนวโน้มการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อาจต้องปรับปรุงเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/crowdstrike-forecasts-first-quarter-revenue-below-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crowdstrike forecasts first-quarter revenue below estimates
    (Reuters) - Cybersecurity firm Crowdstrike forecast first-quarter revenue slightly below estimates, as it grapples with weak spending on its cybersecurity products.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำ เทียนอบ..

    สูตรที่คุณแม่
    ที่ถ่ายทอดกันมา ไม่ต้องไปซื้อ..ทำใช้ได้เอง คุณภาพดี.

    นำมาใช้ อบขนม น้ำกะทิ น้ำอบ น้ำปรุง ของชำร่วยต่างๆ อบผ้า ได้หอมกรุ่น เหมืิอน..ผ้าสไบ ของ แม่นางเกศสุรางค์

    เทียนอบ คือ เทียนที่ทำจากขี้ผึ้ง ผสมเครื่องหอม แล้วนำมาฟั่นกับไส้เทียน มีลักษณะโค้งงอ(เหมือนไส้อั่ว) มีปลายสองข้างเป็นไส้เทียน (ตามภาพ)

    เตรียมส่วนผสม
    ขี้ผึ้ง 50 กรัม ผงชะลูดป่น 2 1/2 ช้อนชา กำยานป่น 2 ½ ช้อนชา ผิวมะกรุด(บดละเอียด) 1 ช้อนชา น้ำตาลทรายแดง 2 1/2 ช้อนชา พิมเสน(บดละเอียด) 2 ช้อนชา น้ำมันจันทร์ หรือ น้ำมันหอมกลิ่นลำเจียก 2 ช้อนชา และ ไส้เทียนอบ

    1) วิธีทำขี้ผึ้ง(แท้) ทำจากรังผึ้ง ต้มเคี่ยวกับน้ำ ให้ขี้ผึ้งที่เป็นไขมันละลายออกมาจากรัง ไขมันจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งเช้าจะมีไขมันลอยที่ผิวน้ำ รอให้เย็นแล้วช้อนเอาไขมาใส่ในแม่พิมพ์ รีดเอาน้ำ(ด้านล่าง)ออก จะได้ขี้ผึ้งแท้ๆที่มีกลิ่นหอมจากรังผึ้งธรรมชาติ

    2) วิธีทำไส้เทียน ด้วยฝ้ายแท้ๆ ต้องทำเอง เพราะฝ้ายในท้องตลาดมักผสมโพลีเอสเตอร์ใช้ไม่ได้ นะคะ(จุดไฟแล้ว..จะมีควันพิษ) ของฟรี..ของดี ก็มีในโลก ด้วยการไปขอกับชาวบ้านที่หมู่บ้านทอฝ้าย นำมาทบกันให้มีขนาดใหญ่เท่ากับดินสอยาวประมาณ 10-12 นิ้ว ทำความสะอาด ซักแล้วตากแห้งหลายๆครั้งให้สะอาดและหมดกลิ่น แปรงไส้เทียน ไม่ให้พันกัน การแปรงไส้เทียนเป็นการทำความสะอาด เป็นระเบียบ ทำให้ได้เปลวที่ไฟแรง ขี้ผึ้งและส่วนประกอบร้อนเร็ว สุดท้ายนำไป ชุบขี้ผึ้งเหลว..ที่ต้มร้อนๆ กับ น้ำมันจันทร์หรือน้ำมันหอมกลิ่นลำเจียก ให้ขี้ผึ้งหอมๆซึมแทรกเข้าในเนื้อฝ้ายให้อิ่มๆ

    3) #วิธีทำเทียนอบ เริ่มจาก ขี้ผึ้ง 50 กรัม นำไปลนไฟพอนิ่ม โรยส่วนผสมชะลูด กำยาน ผิวมะกรูด น้ำตาลทราบแดง พิมเสม นวดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แผ่แผ่นเทียนให้ยาวน้อยกว่าไส้เทียนประมาณ 2 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว หนา ½ นิ้ว ฟั้นเทียนให้แน่น และ เข้ากัน เหลือชาย 2 ข้างๆละประมาณ 1 นิ้ว ขดยกปลายเทียนทั้งสองข้าง พักไว้ให้เย็น
    ------------------------------
    วิธีใช้ จุดเทียนอบ ให้ติดไฟเป็นเปลวทั้งสองด้าน สังเกต..ขี้ผึ้งรอบไส้เทียนหลอมละลาย เดือด และ #ไส้เทียนติดไฟเป็นสีแดง จะส่งกลิ่นหอมให้กับขนมจากส่วนประกอบในเทียน จึงค่อยดับไฟ ช่วงนี้แหละ..จะเกิดควันมากมาย รีบปิดฝาอบ น้ำกะทิ อบ40นาที ขนมอบ อบข้ามคืน ยิ่งอบนาน..ยิ่งหอม จ๊ะ
    -------------------------------
    *** ข้อสำคัญ คือ ทุกครั้งที่นำเทียนอบ(เล่มใหม่)มาจุด ต้องทำการBurn โดยจุดไส้เทียนเปล่า 1 รอบ
    แล้วจุดใหม่อีก 1 ครั้งเสมอ นะคะ หากไม่Burnก่อน จะทำให้เทียนอบจะไม่ส่งกลิ่นหอมให้กับขนม

    เทียนเล่มเก่า(จุดใหม่) ให้ขูด ไส้เทียนดำๆ และ ขี้ผึ้งที่ไหม้ไฟออกก่อน จึงจุดใหม่ เทียนหนึ่งเล่มใช้ได้เกือบสิบครั้ง เมื่อใช้เสร็จ..เก็บในถุงZip-Lockรักษาความหอมไว้ได้นาน.
    การทำ เทียนอบ.. สูตรที่คุณแม่ ที่ถ่ายทอดกันมา ไม่ต้องไปซื้อ..ทำใช้ได้เอง คุณภาพดี. นำมาใช้ อบขนม น้ำกะทิ น้ำอบ น้ำปรุง ของชำร่วยต่างๆ อบผ้า ได้หอมกรุ่น เหมืิอน..ผ้าสไบ ของ แม่นางเกศสุรางค์ เทียนอบ คือ เทียนที่ทำจากขี้ผึ้ง ผสมเครื่องหอม แล้วนำมาฟั่นกับไส้เทียน มีลักษณะโค้งงอ(เหมือนไส้อั่ว) มีปลายสองข้างเป็นไส้เทียน (ตามภาพ) เตรียมส่วนผสม ขี้ผึ้ง 50 กรัม ผงชะลูดป่น 2 1/2 ช้อนชา กำยานป่น 2 ½ ช้อนชา ผิวมะกรุด(บดละเอียด) 1 ช้อนชา น้ำตาลทรายแดง 2 1/2 ช้อนชา พิมเสน(บดละเอียด) 2 ช้อนชา น้ำมันจันทร์ หรือ น้ำมันหอมกลิ่นลำเจียก 2 ช้อนชา และ ไส้เทียนอบ 1) วิธีทำขี้ผึ้ง(แท้) ทำจากรังผึ้ง ต้มเคี่ยวกับน้ำ ให้ขี้ผึ้งที่เป็นไขมันละลายออกมาจากรัง ไขมันจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งเช้าจะมีไขมันลอยที่ผิวน้ำ รอให้เย็นแล้วช้อนเอาไขมาใส่ในแม่พิมพ์ รีดเอาน้ำ(ด้านล่าง)ออก จะได้ขี้ผึ้งแท้ๆที่มีกลิ่นหอมจากรังผึ้งธรรมชาติ 2) วิธีทำไส้เทียน ด้วยฝ้ายแท้ๆ ต้องทำเอง เพราะฝ้ายในท้องตลาดมักผสมโพลีเอสเตอร์ใช้ไม่ได้ นะคะ(จุดไฟแล้ว..จะมีควันพิษ) ของฟรี..ของดี ก็มีในโลก ด้วยการไปขอกับชาวบ้านที่หมู่บ้านทอฝ้าย นำมาทบกันให้มีขนาดใหญ่เท่ากับดินสอยาวประมาณ 10-12 นิ้ว ทำความสะอาด ซักแล้วตากแห้งหลายๆครั้งให้สะอาดและหมดกลิ่น แปรงไส้เทียน ไม่ให้พันกัน การแปรงไส้เทียนเป็นการทำความสะอาด เป็นระเบียบ ทำให้ได้เปลวที่ไฟแรง ขี้ผึ้งและส่วนประกอบร้อนเร็ว สุดท้ายนำไป ชุบขี้ผึ้งเหลว..ที่ต้มร้อนๆ กับ น้ำมันจันทร์หรือน้ำมันหอมกลิ่นลำเจียก ให้ขี้ผึ้งหอมๆซึมแทรกเข้าในเนื้อฝ้ายให้อิ่มๆ 3) #วิธีทำเทียนอบ เริ่มจาก ขี้ผึ้ง 50 กรัม นำไปลนไฟพอนิ่ม โรยส่วนผสมชะลูด กำยาน ผิวมะกรูด น้ำตาลทราบแดง พิมเสม นวดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แผ่แผ่นเทียนให้ยาวน้อยกว่าไส้เทียนประมาณ 2 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว หนา ½ นิ้ว ฟั้นเทียนให้แน่น และ เข้ากัน เหลือชาย 2 ข้างๆละประมาณ 1 นิ้ว ขดยกปลายเทียนทั้งสองข้าง พักไว้ให้เย็น ------------------------------ วิธีใช้ จุดเทียนอบ ให้ติดไฟเป็นเปลวทั้งสองด้าน สังเกต..ขี้ผึ้งรอบไส้เทียนหลอมละลาย เดือด และ #ไส้เทียนติดไฟเป็นสีแดง จะส่งกลิ่นหอมให้กับขนมจากส่วนประกอบในเทียน จึงค่อยดับไฟ ช่วงนี้แหละ..จะเกิดควันมากมาย รีบปิดฝาอบ น้ำกะทิ อบ40นาที ขนมอบ อบข้ามคืน ยิ่งอบนาน..ยิ่งหอม จ๊ะ ------------------------------- *** ข้อสำคัญ คือ ทุกครั้งที่นำเทียนอบ(เล่มใหม่)มาจุด ต้องทำการBurn โดยจุดไส้เทียนเปล่า 1 รอบ แล้วจุดใหม่อีก 1 ครั้งเสมอ นะคะ หากไม่Burnก่อน จะทำให้เทียนอบจะไม่ส่งกลิ่นหอมให้กับขนม เทียนเล่มเก่า(จุดใหม่) ให้ขูด ไส้เทียนดำๆ และ ขี้ผึ้งที่ไหม้ไฟออกก่อน จึงจุดใหม่ เทียนหนึ่งเล่มใช้ได้เกือบสิบครั้ง เมื่อใช้เสร็จ..เก็บในถุงZip-Lockรักษาความหอมไว้ได้นาน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thomas Caulfield ผู้บริหารของ GlobalFoundries ได้พูดในงานประชุมกับนักลงทุนของ Morgan Stanley เกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับชิปที่ผลิตในต่างประเทศ เขาแสดงความคิดเห็นว่าภาษีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยช่วยเพิ่มความต้องการชิปที่ผลิตในประเทศ ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อชิปที่ผลิตในโรงงานในสหรัฐฯ มากขึ้น

    Thomas ยังกล่าวอีกว่า กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งมีมูลค่า 52.7 พันล้านดอลลาร์ และเครดิตภาษีสำหรับการลงทุนในอุปกรณ์การผลิตชิป ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตชิปในสหรัฐฯ อย่างมาก แต่เขาคิดว่าการใช้แค่กฎหมายนี้หรือเครดิตภาษีเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องมีการใช้ภาษีศุลกากรควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สร้างกลไกที่ทำให้ความต้องการชิปในประเทศสูงขึ้น

    ในระหว่างนี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ได้จัดแถลงข่าวร่วมกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) ซึ่งได้ประกาศแผนการลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างโรงงานในสหรัฐฯ สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงการที่ TSMC ต้องการเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่พวกเขาจะต้องเผชิญหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ

    Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า TSMC ตัดสินใจลงทุนในสหรัฐฯ เนื่องจากต้องการเข้าสู่ตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและหลีกเลี่ยงภาษีที่อาจต้องเจอหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/globalfoundries-chief-says-tariffs-could-benefit-us-chipmakers
    Thomas Caulfield ผู้บริหารของ GlobalFoundries ได้พูดในงานประชุมกับนักลงทุนของ Morgan Stanley เกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับชิปที่ผลิตในต่างประเทศ เขาแสดงความคิดเห็นว่าภาษีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยช่วยเพิ่มความต้องการชิปที่ผลิตในประเทศ ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อชิปที่ผลิตในโรงงานในสหรัฐฯ มากขึ้น Thomas ยังกล่าวอีกว่า กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งมีมูลค่า 52.7 พันล้านดอลลาร์ และเครดิตภาษีสำหรับการลงทุนในอุปกรณ์การผลิตชิป ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตชิปในสหรัฐฯ อย่างมาก แต่เขาคิดว่าการใช้แค่กฎหมายนี้หรือเครดิตภาษีเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องมีการใช้ภาษีศุลกากรควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สร้างกลไกที่ทำให้ความต้องการชิปในประเทศสูงขึ้น ในระหว่างนี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ได้จัดแถลงข่าวร่วมกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) ซึ่งได้ประกาศแผนการลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างโรงงานในสหรัฐฯ สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงการที่ TSMC ต้องการเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่พวกเขาจะต้องเผชิญหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า TSMC ตัดสินใจลงทุนในสหรัฐฯ เนื่องจากต้องการเข้าสู่ตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและหลีกเลี่ยงภาษีที่อาจต้องเจอหากไม่ผลิตชิปในสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/globalfoundries-chief-says-tariffs-could-benefit-us-chipmakers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    GlobalFoundries chief says tariffs could benefit US chipmakers
    (Reuters) - GlobalFoundries Chief Executive Officer Thomas Caulfield said on Tuesday that U.S. tariffs on foreign-made chips could help U.S. chip manufacturers by boosting demand for domestically made chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร (4 มี.ค.) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆ เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนี้ กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อผลประโยชน์ของ 'ฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์' (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆ ในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆ ภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์
    .
    ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ตท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯ หรือไม่
    .
    เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า
    .
    “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)”
    .
    และเสริมว่า
    .
    “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย เช่น เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง”
    .
    เอเอฟพีรายงานต่อว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน
    .
    แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฏิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้เจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021234
    ..............
    Sondhi X
    ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร (4 มี.ค.) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆ เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์ . นอกจากนี้ กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์ . CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อผลประโยชน์ของ 'ฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์' (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆ ในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆ ภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ . ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ตท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯ หรือไม่ . เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า . “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)” . และเสริมว่า . “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย เช่น เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง” . เอเอฟพีรายงานต่อว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน . แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ . เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฏิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้เจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021234 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง : 05-03-68
    .
    สวัสดีเช้าวันพุธแฟน ๆ รายการทุกท่าน วันนี้คุณสนธิจะมาเล่า และวิเคราะห์หลายเรื่องให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องราวต่างประเทศ สงครามยูเครน โดยเฉพาะในเวลาเดียวกันกับที่คุณสนธิ Live สดนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ก็กำลังจะเข้าแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ , รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ปัญหาเศรษฐกิจไทย ความตกต่ำของตลาดหุ้น รวมไปถึงราคาทองคำด้วย
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=w5twIWp6lBE
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    สนธิเล่าเรื่อง : 05-03-68 . สวัสดีเช้าวันพุธแฟน ๆ รายการทุกท่าน วันนี้คุณสนธิจะมาเล่า และวิเคราะห์หลายเรื่องให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องราวต่างประเทศ สงครามยูเครน โดยเฉพาะในเวลาเดียวกันกับที่คุณสนธิ Live สดนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ก็กำลังจะเข้าแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ , รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ปัญหาเศรษฐกิจไทย ความตกต่ำของตลาดหุ้น รวมไปถึงราคาทองคำด้วย . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=w5twIWp6lBE . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts