• "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล ผงาดคว้าแชมป์กอล์ฟ LPGA Tour รายการ CME Group Tour Championship พาร์ 72 ส่งท้ายฤดูกาล 2024 ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาโปรจีน เร่งเครื่องโดย 2 หลุมสุดท้าย ตามอยู่ 2 สโตรก ก่อนมาทำ อีเกิ้ล หลุมที่ 17 และพัตต์เบอร์ดี้หลุมสุดท้ายแซงคว้าแชมป์แบบตื่นเต้น คว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 22 อันเดอร์พาร์ เฉือนชนะ แองเจิล หยิน โปรสาวจากสหรัฐฯ ไป 1 สโตรก โปรจีนชาวไทย รับเงินรางวัลมหาศาล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 137.6 ล้านบาท นับเป็นแชมป์ที่ 4 ในการเล่น LPGA Tour ฤดูกาลที่ 3 และเป็นแชมป์ที่ 2 ปีนี้ของโปรจีน
    "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล ผงาดคว้าแชมป์กอล์ฟ LPGA Tour รายการ CME Group Tour Championship พาร์ 72 ส่งท้ายฤดูกาล 2024 ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาโปรจีน เร่งเครื่องโดย 2 หลุมสุดท้าย ตามอยู่ 2 สโตรก ก่อนมาทำ อีเกิ้ล หลุมที่ 17 และพัตต์เบอร์ดี้หลุมสุดท้ายแซงคว้าแชมป์แบบตื่นเต้น คว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 22 อันเดอร์พาร์ เฉือนชนะ แองเจิล หยิน โปรสาวจากสหรัฐฯ ไป 1 สโตรก โปรจีนชาวไทย รับเงินรางวัลมหาศาล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 137.6 ล้านบาท นับเป็นแชมป์ที่ 4 ในการเล่น LPGA Tour ฤดูกาลที่ 3 และเป็นแชมป์ที่ 2 ปีนี้ของโปรจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กำลังใช้ไต้หวันยั่วยุวิกฤตร้ายแรงในเอเชีย จากความเห็นที่เผยแพร่ต่อสาธารณะของ อันเดร รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการเน้นย้ำจุดยืนของมอสโก เกี่ยวกับการสนับสนุนท่าทีของจีนในประเด็นไต้หวัน
    .
    "เราเห็นว่า วอชิงตัน กำลังละเมิดหลักการจีนเดียวที่พวกเขารับรอง ด้วยการยกระดับการติดต่อทั้งทางทหารและการเมืองกับไทเป ภายใต้สโลแกนธำรงไว้ซึ่งสถานภาพปัจจุบัน และเพิ่มการจัดหาอาวุธ" รูเดนโก กล่าวกับสื่อมวลชนแห่งรัฐ "เป้าหมายในการเข้าแทรกแซงของสหรัฐฯ ในกิจการต่างๆ ของภูมิภาค คือยั่วยุจีน และก่อวิกฤตหนึ่งในเอเชีย เพื่อให้เข้ากับผลประโยชน์ของตนเอง"
    .
    รายงานข่าวไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงเกี่ยวกับลักษณะติดต่อทั้งการทหารและการเมือง ตามที่ รูเดนโก กล่าวอ้าง
    .
    จีน มอง ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน คำกล่าวอ้างที่รัฐบาลไต้หวันปฏิเสธ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนในระดับนานาชาติและเป็นผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญที่สุดของไทเป แม้ไม่ได้ให้การรับรองทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ เนื่องจากสำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามขอความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของ รูเดนโก นอกเวลาทำงาน
    .
    ในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารแก่ไต้หวัน มูลค่า 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นให้ทาง รัสเซีย ออกมาตอบโต้ด้วยการบอกว่าพวกเขาจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างจีน ในประเด็นเอเชีย ในนั้นรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์อเมริกากำลังขับเคลื่อนขยายอิทธิพลในภูมิภาคแห่งนี้ และจงใจพยายามโหมกระพือไฟแห่งความตึงเครียดแถวไต้หวัน
    .
    จีนและรัสเซีย ประกาศความเป็นหุ้นส่วน "ไร้ขีดจำกัด" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ครั้งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ไม่นานก่อนเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ก่อสงครามภาคพื้นครั้งนองเลือดที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศเกี่ยวกับ "ยุคสมัยใหม่" แห่งความเป็นพันธมิตร ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่ปรับกับสหรัฐฯ
    .
    ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์( 24 พ.ย.) เช่นกัน สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่น ระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เล็งเป้าหมายรวบรวมแผนการทางทหารร่วมกัน สำหรับรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการประจำการขีปนาวุธ
    .
    เกียวโดนิวส์รายงานว่า ภายใต้แผนที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า สหรัฐฯ จะส่งหน่วยขีปนาวุธเข้าประจำการบนหมู่เกาะนันเซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดคาโงชิมาและจังหวัดโอคินาวะของญี่ปุ่น และในฟิลิปปินส์ อ้างอิงแหล่งข่าวทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
    .
    สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่ากองทหารชายฝั่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งมีระบบขีปนาวุธ HIMARS และอาวุธอื่นๆ จะถูกส่งเข้าประจำการบนเกาะนันเซ ขณะที่หน่วยทหารสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอวกาศ ไซเบอร์สเปซและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะถูกส่งเข้าประจำการในฟิลิปปินส์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113054
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กำลังใช้ไต้หวันยั่วยุวิกฤตร้ายแรงในเอเชีย จากความเห็นที่เผยแพร่ต่อสาธารณะของ อันเดร รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการเน้นย้ำจุดยืนของมอสโก เกี่ยวกับการสนับสนุนท่าทีของจีนในประเด็นไต้หวัน . "เราเห็นว่า วอชิงตัน กำลังละเมิดหลักการจีนเดียวที่พวกเขารับรอง ด้วยการยกระดับการติดต่อทั้งทางทหารและการเมืองกับไทเป ภายใต้สโลแกนธำรงไว้ซึ่งสถานภาพปัจจุบัน และเพิ่มการจัดหาอาวุธ" รูเดนโก กล่าวกับสื่อมวลชนแห่งรัฐ "เป้าหมายในการเข้าแทรกแซงของสหรัฐฯ ในกิจการต่างๆ ของภูมิภาค คือยั่วยุจีน และก่อวิกฤตหนึ่งในเอเชีย เพื่อให้เข้ากับผลประโยชน์ของตนเอง" . รายงานข่าวไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงเกี่ยวกับลักษณะติดต่อทั้งการทหารและการเมือง ตามที่ รูเดนโก กล่าวอ้าง . จีน มอง ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน คำกล่าวอ้างที่รัฐบาลไต้หวันปฏิเสธ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนในระดับนานาชาติและเป็นผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญที่สุดของไทเป แม้ไม่ได้ให้การรับรองทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ เนื่องจากสำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามขอความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของ รูเดนโก นอกเวลาทำงาน . ในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารแก่ไต้หวัน มูลค่า 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นให้ทาง รัสเซีย ออกมาตอบโต้ด้วยการบอกว่าพวกเขาจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างจีน ในประเด็นเอเชีย ในนั้นรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์อเมริกากำลังขับเคลื่อนขยายอิทธิพลในภูมิภาคแห่งนี้ และจงใจพยายามโหมกระพือไฟแห่งความตึงเครียดแถวไต้หวัน . จีนและรัสเซีย ประกาศความเป็นหุ้นส่วน "ไร้ขีดจำกัด" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ครั้งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ไม่นานก่อนเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ก่อสงครามภาคพื้นครั้งนองเลือดที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 . ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศเกี่ยวกับ "ยุคสมัยใหม่" แห่งความเป็นพันธมิตร ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่ปรับกับสหรัฐฯ . ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์( 24 พ.ย.) เช่นกัน สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่น ระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เล็งเป้าหมายรวบรวมแผนการทางทหารร่วมกัน สำหรับรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการประจำการขีปนาวุธ . เกียวโดนิวส์รายงานว่า ภายใต้แผนที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า สหรัฐฯ จะส่งหน่วยขีปนาวุธเข้าประจำการบนหมู่เกาะนันเซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดคาโงชิมาและจังหวัดโอคินาวะของญี่ปุ่น และในฟิลิปปินส์ อ้างอิงแหล่งข่าวทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น . สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่ากองทหารชายฝั่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งมีระบบขีปนาวุธ HIMARS และอาวุธอื่นๆ จะถูกส่งเข้าประจำการบนเกาะนันเซ ขณะที่หน่วยทหารสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอวกาศ ไซเบอร์สเปซและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะถูกส่งเข้าประจำการในฟิลิปปินส์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113054 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รวยแล้ว รวยอยู่ รวยต่อ"

    สำนักงานธรณีวิทยามณฑลหูหนานของจีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ได้มีการค้นพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่พิเศษ(superlarge gold) ที่มีปริมาณแร่ทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตัน ที่ความลึก 3,000 เมตร มูลค่า 6 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน

    "แกนหินตัวอย่างที่ขุดพบจำนวนมากแสดงให้เห็นทองคำที่มองเห็นได้" ผู้เชี่ยวชาญด้านแร่กล่าว พร้อมเสริมว่าแร่ 1 ตันในระยะ 2,000 เมตรมีทองคำอยู่สูงสุดที่ 138 กรัม
    "รวยแล้ว รวยอยู่ รวยต่อ" สำนักงานธรณีวิทยามณฑลหูหนานของจีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ได้มีการค้นพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่พิเศษ(superlarge gold) ที่มีปริมาณแร่ทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตัน ที่ความลึก 3,000 เมตร มูลค่า 6 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน "แกนหินตัวอย่างที่ขุดพบจำนวนมากแสดงให้เห็นทองคำที่มองเห็นได้" ผู้เชี่ยวชาญด้านแร่กล่าว พร้อมเสริมว่าแร่ 1 ตันในระยะ 2,000 เมตรมีทองคำอยู่สูงสุดที่ 138 กรัม
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผู้ใหญ่ใจดี"
    รัฐบาลไบเดนยกหนี้เงินกู้ 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐที่สหรัฐฯ มอบให้กับยูเครน

    แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลของไบเดนกำลังเคลื่อนไหวเพื่อยกหนี้ของสหรัฐมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน

    เงินกู้เหล่านี้ได้รับการอนุมัติเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับยูเครนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับเงินกู้ก้อนนี้ จะถูกแบ่งมา 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้สำหรับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณแก่รัฐบาลยูเครน ซึ่งเป็นจำนวนที่รัฐบาลไบเดนสามารถอนุมัติเพื่อยกหนี้ได้ครึ่งหนึ่งคือ 4,700 ล้านดอลลาร์ หลังจากผ่านวันที่ 15 พฤศจิกายนไปแล้ว

    "เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในกฎหมายการจัดสรรเงินทุนเพื่อยูเครนที่ผ่านโดยรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเงินกู้เหล่านั้น" มิลเลอร์กล่าวในการแถลงข่าว และเสริมว่าขั้นตอนดังกล่าวได้ดำเนินการไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

    มิลเลอร์ ยังกล่าวอีกว่า ขั้นตอนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภา ซึ่งยังคงสามารถขัดขวางการดำเนินการดังกล่าวได้

    หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นลง รัฐบาลของไบเดน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือยูเครนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ท่ามกลางความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจยกเลิกการสนับสนุนของสหรัฐฯที่มีต่อยูเครน
    "ผู้ใหญ่ใจดี" รัฐบาลไบเดนยกหนี้เงินกู้ 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐที่สหรัฐฯ มอบให้กับยูเครน แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลของไบเดนกำลังเคลื่อนไหวเพื่อยกหนี้ของสหรัฐมูลค่าประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน เงินกู้เหล่านี้ได้รับการอนุมัติเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับยูเครนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับเงินกู้ก้อนนี้ จะถูกแบ่งมา 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้สำหรับการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณแก่รัฐบาลยูเครน ซึ่งเป็นจำนวนที่รัฐบาลไบเดนสามารถอนุมัติเพื่อยกหนี้ได้ครึ่งหนึ่งคือ 4,700 ล้านดอลลาร์ หลังจากผ่านวันที่ 15 พฤศจิกายนไปแล้ว "เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในกฎหมายการจัดสรรเงินทุนเพื่อยูเครนที่ผ่านโดยรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเงินกู้เหล่านั้น" มิลเลอร์กล่าวในการแถลงข่าว และเสริมว่าขั้นตอนดังกล่าวได้ดำเนินการไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มิลเลอร์ ยังกล่าวอีกว่า ขั้นตอนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภา ซึ่งยังคงสามารถขัดขวางการดำเนินการดังกล่าวได้ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นลง รัฐบาลของไบเดน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือยูเครนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ท่ามกลางความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจยกเลิกการสนับสนุนของสหรัฐฯที่มีต่อยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลพร้อมจ่ายเงิน ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ตัวประกันทุกคนที่ได้รับอิสรภาพจากกลุ่มฮามาส, นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวขณะเยี่ยมชมฉนวนกาซา:
    .
    Israel is ready to pay $5 million for every hostage that is freed from the hands of Hamas, Prime Minister Benjamin Netanyahu said while touring the Gaza Strip:
    https://tass.com/world/1874887
    .
    3:15 AM · Nov 20, 2024 · 1,899 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1858967325925679183
    อิสราเอลพร้อมจ่ายเงิน ๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ตัวประกันทุกคนที่ได้รับอิสรภาพจากกลุ่มฮามาส, นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวขณะเยี่ยมชมฉนวนกาซา: . Israel is ready to pay $5 million for every hostage that is freed from the hands of Hamas, Prime Minister Benjamin Netanyahu said while touring the Gaza Strip: https://tass.com/world/1874887 . 3:15 AM · Nov 20, 2024 · 1,899 Views https://x.com/tassagency_en/status/1858967325925679183
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนและประธานาธิบดีดีนา โบลูอาร์เต ของเปรู ได้ร่วมพิธีเปิดท่าเรือขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่นครชานไค (Chancay) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิมา ประเทศเปรู ท่าเรือนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน โดยมีการลงนามข้อตกลงการค้าในพิธีเปิดผ่านการเชื่อมโยงวิดีโอจากทำเนียบรัฐบาลเปรู
    .
    ประธานาธิบดีสี กล่าวในพิธีเปิดว่า "เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา ซึ่งเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ระหว่างเอเชียและลาตินอเมริกา โดยผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญในระยะยาว"
    .
    โครงการท่าเรือชานไคซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท COSCO ของจีนและบริษัท Volcan ของเปรู โดย COSCO ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารท่าเรือประมาณ 60% การสร้างท่าเรือนี้จะช่วยเสริมความสามารถในการขนส่งสินค้าของเปรู โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น อะโวคาโดและบลูเบอร์รี ไปยังจีน ซึ่งการขนส่งจะใช้เวลาน้อยลงจากเดิม 35 วัน เหลือเพียง 23 วัน และคาดว่าจะสร้างรายได้ประจำปีถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    นอกจากนี้ ท่าเรือนี้ยังจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับประเทศในลาตินอเมริกา เช่น ชิลี เอกวาดอร์ โคลอมเบีย บราซิล และปารากวัย โดยคาดว่าจะมีการขนส่งสินค้าอื่น ๆ เช่น ถั่วเหลือง กาแฟ และแร่เหล็ก ซึ่งจะทำให้ท่าเรือชานไคกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาค
    .
    การเปิดท่าเรือชานไคได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและประเทศในลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เปรูกลายเป็น "คลังสินค้าของโลก" ตามที่ประธานาธิบดีโบลูอาร์เตกล่าว
    .
    แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากจีนและเปรู แต่ทางการสหรัฐฯ ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงการ โดยมีการเตือนว่าท่าเรือนี้อาจกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จีนสามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลหรือการเฝ้าระวัง เนื่องจากท่าเรือชานไคตั้งอยู่ในภูมิภาคที่สำคัญและใกล้กับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
    .
    อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคกล่าวว่า "ท่าเรือนี้จะทำให้จีนสามารถเข้าถึงทรัพยากรในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น" ขณะที่บางฝ่ายมีความกังวลว่าอาจมีการใช้งานท่าเรือเพื่อการสอดแนมหรือการรักษาความปลอดภัยในอนาคต
    .
    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ความกังวลเกี่ยวกับท่าเรือที่สร้างโดยจีนในประเทศต่างๆ เช่น ศรีลังกาและกรีซ ไม่ได้กลายเป็นปัญหาจริงจัง และชี้ให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับความกังวลเหล่านี้
    .
    ทางการเปรูได้ปฏิเสธข้อกังวลจากสหรัฐฯ โดยระบุว่า หากสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของจีนในประเทศเปรู ควรเพิ่มการลงทุนในประเทศนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110712
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนและประธานาธิบดีดีนา โบลูอาร์เต ของเปรู ได้ร่วมพิธีเปิดท่าเรือขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่นครชานไค (Chancay) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิมา ประเทศเปรู ท่าเรือนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน โดยมีการลงนามข้อตกลงการค้าในพิธีเปิดผ่านการเชื่อมโยงวิดีโอจากทำเนียบรัฐบาลเปรู . ประธานาธิบดีสี กล่าวในพิธีเปิดว่า "เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา ซึ่งเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ระหว่างเอเชียและลาตินอเมริกา โดยผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญในระยะยาว" . โครงการท่าเรือชานไคซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท COSCO ของจีนและบริษัท Volcan ของเปรู โดย COSCO ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารท่าเรือประมาณ 60% การสร้างท่าเรือนี้จะช่วยเสริมความสามารถในการขนส่งสินค้าของเปรู โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น อะโวคาโดและบลูเบอร์รี ไปยังจีน ซึ่งการขนส่งจะใช้เวลาน้อยลงจากเดิม 35 วัน เหลือเพียง 23 วัน และคาดว่าจะสร้างรายได้ประจำปีถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ . นอกจากนี้ ท่าเรือนี้ยังจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งสำหรับประเทศในลาตินอเมริกา เช่น ชิลี เอกวาดอร์ โคลอมเบีย บราซิล และปารากวัย โดยคาดว่าจะมีการขนส่งสินค้าอื่น ๆ เช่น ถั่วเหลือง กาแฟ และแร่เหล็ก ซึ่งจะทำให้ท่าเรือชานไคกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาค . การเปิดท่าเรือชานไคได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและประเทศในลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เปรูกลายเป็น "คลังสินค้าของโลก" ตามที่ประธานาธิบดีโบลูอาร์เตกล่าว . แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากจีนและเปรู แต่ทางการสหรัฐฯ ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงการ โดยมีการเตือนว่าท่าเรือนี้อาจกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จีนสามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลหรือการเฝ้าระวัง เนื่องจากท่าเรือชานไคตั้งอยู่ในภูมิภาคที่สำคัญและใกล้กับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ . อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคกล่าวว่า "ท่าเรือนี้จะทำให้จีนสามารถเข้าถึงทรัพยากรในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น" ขณะที่บางฝ่ายมีความกังวลว่าอาจมีการใช้งานท่าเรือเพื่อการสอดแนมหรือการรักษาความปลอดภัยในอนาคต . อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ความกังวลเกี่ยวกับท่าเรือที่สร้างโดยจีนในประเทศต่างๆ เช่น ศรีลังกาและกรีซ ไม่ได้กลายเป็นปัญหาจริงจัง และชี้ให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับความกังวลเหล่านี้ . ทางการเปรูได้ปฏิเสธข้อกังวลจากสหรัฐฯ โดยระบุว่า หากสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของจีนในประเทศเปรู ควรเพิ่มการลงทุนในประเทศนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110712 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่ออังกฤษปลดแอก เลิกใช้แพลตฟอร์ม X

    แม้โซเชียลมีเดียจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป สื่อดั้งเดิมต่างพึ่งพาโซเชียลมีเดียเผยแพร่ผลงาน แต่สำหรับเดอะการ์เดียน (The Guardian) สื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ยึดมั่นในแนวทางเสรีนิยม ตัดสินใจประกาศเลิกเผยแพร่เนื้อหาข่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (หรือ Twitter เดิม) เช่น บัญชีหลัก @guardian มีผู้ติดตามกว่า 10.8 ล้านบัญชี โดยให้เหตุผลว่า จากแคมเปญการหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า X คือแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ

    "เราอยากให้ผู้อ่านทราบว่า เราจะไม่โพสต์เนื้อหาในบัญชีทางการของ The Guardian บน X อีกต่อไป เราคิดว่าข้อดีของการอยู่ใน X นั้นถูกชดเชยด้วยข้อเสียไปแล้ว และทรัพยากรต่างๆ สามารถนำมาใช้ส่งเสริมการสื่อสารมวลชนของเราในทางอื่นได้ดีกว่า"

    "นี่เป็นสิ่งที่เราพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องมาจากเนื้อหาที่มักจะสร้างความรำคาญใจ ที่ได้รับการส่งเสริมหรือพบเห็นบนแพลตฟอร์ม รวมถึงทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวาจัด และการเหยียดเชื้อชาติ ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เน้นย้ำถึงสิ่งที่พิจารณามาเป็นเวลานาน นั่นคือ X เป็นแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ และเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างอีลอน มัสก์ สามารถใช้อิทธิพลของแพลตฟอร์มนี้เพื่อกำหนดทิศทางทางการเมืองได้"

    เดอะการ์เดียน ยังกล่าวอีกว่า โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรข่าว และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ แต่ในขณะนี้ X มีบทบาทน้อยลงในการส่งเสริมผลงาน ข่าวสารต่างๆ สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ อยากให้ทุกคนเข้าไปที่เว็บไซต์ theguardian.com และสนับสนุนผลงานที่นั่น ซึ่งรูปแบบธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาไวรัลที่ปรับแต่งตามอัลกอริทึม (Algorithm) ของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ แต่ได้รับเงินทุนโดยตรงจากผู้อ่าน

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ X ยังสามารถแชร์บทความจากเว็บไซต์ได้ และกองบรรณาธิการจะฝังเนื้อหาจาก X ไว้ในบทความเป็นครั้งคราว รวมทั้งผู้สื่อข่าวสามารถรวบรวมข่าวได้เช่นเดียวกันกับเครือข่ายโซเชียลอื่นๆ ที่องค์กรไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ

    พร้อมกันนี้ ข้อความโฆษณาที่ให้ผู้อ่านสนับสนุนเริ่มต้นที่ 1 ปอนด์ หรือ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ คือ ระบบนิเวศสื่อที่ถูกครอบงำโดยเจ้าของมหาเศรษฐีเพียงไม่กี่คน การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางออนไลน์เพื่อปลุกปั่นความไม่ยอมรับผู้อื่น ทีมทนายความจากเหล่าคนรวยและผู้ทรงอิทธิพล พยายามหยุดยั้งไม่ให้เผยแพร่เรื่องราวที่พวกเขาไม่อยากให้ผู้อ่านเห็น กลุ่มล็อบบี้ที่ได้รับเงินทุนไม่โปร่งใส และรัฐเผด็จการที่ไม่คำนึงถึงเสรีภาพของสื่อมวลชน

    #Newskit #X #TheGuardian
    สื่ออังกฤษปลดแอก เลิกใช้แพลตฟอร์ม X แม้โซเชียลมีเดียจะทำให้พฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป สื่อดั้งเดิมต่างพึ่งพาโซเชียลมีเดียเผยแพร่ผลงาน แต่สำหรับเดอะการ์เดียน (The Guardian) สื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ยึดมั่นในแนวทางเสรีนิยม ตัดสินใจประกาศเลิกเผยแพร่เนื้อหาข่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (หรือ Twitter เดิม) เช่น บัญชีหลัก @guardian มีผู้ติดตามกว่า 10.8 ล้านบัญชี โดยให้เหตุผลว่า จากแคมเปญการหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า X คือแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ "เราอยากให้ผู้อ่านทราบว่า เราจะไม่โพสต์เนื้อหาในบัญชีทางการของ The Guardian บน X อีกต่อไป เราคิดว่าข้อดีของการอยู่ใน X นั้นถูกชดเชยด้วยข้อเสียไปแล้ว และทรัพยากรต่างๆ สามารถนำมาใช้ส่งเสริมการสื่อสารมวลชนของเราในทางอื่นได้ดีกว่า" "นี่เป็นสิ่งที่เราพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องมาจากเนื้อหาที่มักจะสร้างความรำคาญใจ ที่ได้รับการส่งเสริมหรือพบเห็นบนแพลตฟอร์ม รวมถึงทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวาจัด และการเหยียดเชื้อชาติ ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เน้นย้ำถึงสิ่งที่พิจารณามาเป็นเวลานาน นั่นคือ X เป็นแพลตฟอร์มสื่อที่เป็นพิษ และเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างอีลอน มัสก์ สามารถใช้อิทธิพลของแพลตฟอร์มนี้เพื่อกำหนดทิศทางทางการเมืองได้" เดอะการ์เดียน ยังกล่าวอีกว่า โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรข่าว และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ แต่ในขณะนี้ X มีบทบาทน้อยลงในการส่งเสริมผลงาน ข่าวสารต่างๆ สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ อยากให้ทุกคนเข้าไปที่เว็บไซต์ theguardian.com และสนับสนุนผลงานที่นั่น ซึ่งรูปแบบธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาไวรัลที่ปรับแต่งตามอัลกอริทึม (Algorithm) ของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ แต่ได้รับเงินทุนโดยตรงจากผู้อ่าน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ X ยังสามารถแชร์บทความจากเว็บไซต์ได้ และกองบรรณาธิการจะฝังเนื้อหาจาก X ไว้ในบทความเป็นครั้งคราว รวมทั้งผู้สื่อข่าวสามารถรวบรวมข่าวได้เช่นเดียวกันกับเครือข่ายโซเชียลอื่นๆ ที่องค์กรไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้ ข้อความโฆษณาที่ให้ผู้อ่านสนับสนุนเริ่มต้นที่ 1 ปอนด์ หรือ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ คือ ระบบนิเวศสื่อที่ถูกครอบงำโดยเจ้าของมหาเศรษฐีเพียงไม่กี่คน การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางออนไลน์เพื่อปลุกปั่นความไม่ยอมรับผู้อื่น ทีมทนายความจากเหล่าคนรวยและผู้ทรงอิทธิพล พยายามหยุดยั้งไม่ให้เผยแพร่เรื่องราวที่พวกเขาไม่อยากให้ผู้อ่านเห็น กลุ่มล็อบบี้ที่ได้รับเงินทุนไม่โปร่งใส และรัฐเผด็จการที่ไม่คำนึงถึงเสรีภาพของสื่อมวลชน #Newskit #X #TheGuardian
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “JAS” กำลังจะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเอฟเอคัพรายใหม่ แทนที่ “ทรู วิชั่นส์”

    12 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวประชาชาติธุรกิจระบุว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เข้าทำรายการเพื่อให้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity Right) ในการถ่ายทอดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV) และดิจิทัลทีวี (Digital TV) รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips Package) ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลฟรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ 3 ฤดูกาล โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล ในกรณีที่บริษัทได้รับแจ้งจากทางเอฟเอ พรีเมียร์ลีก (FAPL) เป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท

    ที่มา : https://www.prachachat.net/spinoff/sport/news-1693067

    #Thaitimes
    บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “JAS” กำลังจะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเอฟเอคัพรายใหม่ แทนที่ “ทรู วิชั่นส์” 12 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวประชาชาติธุรกิจระบุว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เข้าทำรายการเพื่อให้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity Right) ในการถ่ายทอดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV) และดิจิทัลทีวี (Digital TV) รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips Package) ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลฟรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ 3 ฤดูกาล โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล ในกรณีที่บริษัทได้รับแจ้งจากทางเอฟเอ พรีเมียร์ลีก (FAPL) เป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท ที่มา : https://www.prachachat.net/spinoff/sport/news-1693067 #Thaitimes
    WWW.PRACHACHAT.NET
    JAS คือบริษัทอะไร ส่องธุรกิจ-รายได้ หลังคว้าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 1.9 หมื่นล้าน
    JAS คือบริษัทอะไร ทำธุรกิจประเภทไหน ส่องรายได้-กำไร หลังทุ่มคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ มูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านบาท
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇳🇺🇸 ค่าเงินรูปีของอินเดียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
    .
    JUST IN: 🇮🇳🇺🇸 India's rupee hits an all-time low against the US dollar following Donald Trump's election victory.
    .
    10:40 AM · Nov 12, 2024 · 95K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1856180336683614471
    🇮🇳🇺🇸 ค่าเงินรูปีของอินเดียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง . JUST IN: 🇮🇳🇺🇸 India's rupee hits an all-time low against the US dollar following Donald Trump's election victory. . 10:40 AM · Nov 12, 2024 · 95K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1856180336683614471
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว

  • ครอบครัวสายเลือดอิลลูมินาติและการตื่นรู้ครั้งยิ่งใหญ่

    ครอบครัวสายเลือดอิลลูมินาติ 13 ครอบครัว มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เคยปกครองโลกผ่านการควบคุมระบบการเงินโลก โดยที่พวกเขาทำพิธีกรรมชั่วร้ายและบูชาซาตาน กลุ่มนี้ซึ่งปัจจุบันมักเรียกกันว่าดีพสเตต เป็นผู้บงการเครือข่ายการสังเวยเด็ก งานเลี้ยงสำส่อนทางเพศ และการทดลองควบคุมจิตใจกับเหยื่อที่ถูกจับตัวไปและผลิตขึ้นทั่วโลก

    ครอบครัวเหล่านี้ ซึ่งอ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากคาอิน ได้แก่ โพเซอร์ เคนเนดี ร็อคกี้เฟลเลอร์ โอนาสซิส คาร์เนจ บุช และรอธส์ไชลด์ ในปี 1832 พวกเขาได้ยึดครองธนาคารวาติกันและสร้างความโดดเด่นเหนือธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลก เช่น เจพีมอร์แกน โกลด์แมนแซคส์ บาร์เคลย์ เอชเอสบีซี และเชส

    ในปี 1871 พวกเขาได้ตราพระราชบัญญัติที่ก่อตั้งองค์กรสหรัฐอเมริกาแห่งอเมริกา ซึ่งมีผลทำให้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมถูกลบล้างไป ในปี 1914 พวกเขาได้ลงนามในสัญญาเช่าทองคำของผู้เฒ่าชาวจีนเป็นเวลา 99 ปี โดยใช้ธนาคารกลาง กรมสรรพากร และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อฟอกเงินภาษีของประชาชนในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่การดำเนินงานของพวกเขาขยายไปยังธนาคารวาติกัน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านบทบาทในการค้าเด็ก ยาเสพติด และการค้าอาวุธ

    จุดเปลี่ยนมาถึงในปี 1903 เมื่อ Nikola Tesla และ Van de Graaf เริ่มคลี่คลายความลับของ Deep State ในปี 1993 สัญญาเช่าทองคำของจีนของพวกเขาสิ้นสุดลง และในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 พันธมิตรได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อทำลายล้างกลุ่มลับ พันธมิตรนี้ในปี 2020 ประกอบด้วยประธานาธิบดีทรัมป์ วลาดิมีร์ ปูติน สีจิ้นผิง มุสตาฟา อัล-กาดิมี นเรนทรา โมดี บุคคลทรงอิทธิพลของ Q, QAnon (นำโดย JFK Jr?) นายพลเพนตากอน เอ็นเอสเอ และอินเตอร์โพล

    ในปี 2008 การพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของกลุ่มคาบาลทำให้เกิดวิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ผลิตขึ้น ซึ่งทำให้ผู้เสียภาษีของสหรัฐฯ สูญเสียรายได้มากขึ้น เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิดการก่อตั้งกลุ่ม BRICS Alliance ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูระบบการเงินที่ได้รับการสนับสนุนด้วยทองคำ/สินทรัพย์ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2013 สนธิสัญญาทองคำได้รับการลงนามโดย 209 ประเทศ

    ในปี 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตราพระราชบัญญัติ National Quantum Initiative ซึ่งก่อตั้งระบบการเงินควอนตัมใหม่และระบบการลงคะแนนเสียงที่โปร่งใส เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2019 นาวิกโยธินและกองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือเด็กกว่า 2,100 คนจากใต้ฐานทัพเรือ China Lake ในแคลิฟอร์เนีย โดยเปิดเผยเครือข่ายฐานทัพใต้ดินที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มคาบาล

    เมื่อเดือนตุลาคม 2019 วาติกันถูกบุกเข้าค้น ซึ่งเผยให้เห็นปฏิบัติการฟอกเงินของกลุ่มชนชั้นนำระดับโลก ทองคำและเงินสดกว่า 650 ลำถูกยึดและส่งกลับไปยังกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ภายในเดือนมีนาคม 2020 พันธมิตรได้กำจัดหัวหน้าครอบครัว Illuminati จำนวน 13 ครอบครัวในเวนิส และเริ่มการจับกุมและการพิจารณาคดีทางทหารสำหรับชนชั้นนำทางการเมืองของสหรัฐฯ

    คาดว่าจะมีการพัฒนาเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลและการจับกุมที่สำคัญในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายในปลายปี 2024 การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกจะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มที่เหลือของกลุ่ม Illuminati ถูกทำลายล้างและความยุติธรรมได้รับการเสิร์ฟ

    ทรัมป์เปิดเผยแผนทำลายล้างดีพสเตต
    https://www.zerohedge.com/political/trump-outlines-plan-decimate-deep-state

    ทรัมป์เผยแพร่แผนอันน่าตกตะลึงเพื่อกำหนดเป้าหมาย การทุจริตในวอชิงตัน ยุบ 'ดีพสเตต'
    https://www.wnd.com/2024/11/trump-releases-stunning-plan-to-target-washington-corruption-dismantle-deep-state/

    บูม!!! เมื่อสักครู่: ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยแผนของเขาที่จะรื้อถอน DEEP STATE! [วิดีโอ] จุดจบของดีปสเตต: ประธานาธิบดีทรัมป์เผยแผนบุกเบิกในการทำลายล้างดีปสเตต กำจัดการทุจริต และคืนอำนาจให้กับชาวอเมริกัน! ตั้งแต่การไล่ข้าราชการที่ประพฤติตัวไม่ดีออกไปจนถึงการบังคับใช้ข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง การต่อสู้ของทรัมป์กับกลุ่มคนชั้นสูงนั้นไม่ลดละ ไร้ความกลัว และเป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการอย่างแท้จริง ค้นพบว่าทรัมป์กำลังต่อสู้กับการทุจริตที่ฝังรากลึกในวอชิงตันด้วยความก้าวร้าวที่ไม่มีใครเทียบได้เพื่อนำประชาธิปไตยของเรากลับคืนมาได้อย่างไร!
    https://amg-news.com/boom-just-now-president-trump-releases-his-plans-to-dismantle-the-deep-state-video/
    ครอบครัวสายเลือดอิลลูมินาติและการตื่นรู้ครั้งยิ่งใหญ่ ครอบครัวสายเลือดอิลลูมินาติ 13 ครอบครัว มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เคยปกครองโลกผ่านการควบคุมระบบการเงินโลก โดยที่พวกเขาทำพิธีกรรมชั่วร้ายและบูชาซาตาน กลุ่มนี้ซึ่งปัจจุบันมักเรียกกันว่าดีพสเตต เป็นผู้บงการเครือข่ายการสังเวยเด็ก งานเลี้ยงสำส่อนทางเพศ และการทดลองควบคุมจิตใจกับเหยื่อที่ถูกจับตัวไปและผลิตขึ้นทั่วโลก ครอบครัวเหล่านี้ ซึ่งอ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากคาอิน ได้แก่ โพเซอร์ เคนเนดี ร็อคกี้เฟลเลอร์ โอนาสซิส คาร์เนจ บุช และรอธส์ไชลด์ ในปี 1832 พวกเขาได้ยึดครองธนาคารวาติกันและสร้างความโดดเด่นเหนือธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลก เช่น เจพีมอร์แกน โกลด์แมนแซคส์ บาร์เคลย์ เอชเอสบีซี และเชส ในปี 1871 พวกเขาได้ตราพระราชบัญญัติที่ก่อตั้งองค์กรสหรัฐอเมริกาแห่งอเมริกา ซึ่งมีผลทำให้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมถูกลบล้างไป ในปี 1914 พวกเขาได้ลงนามในสัญญาเช่าทองคำของผู้เฒ่าชาวจีนเป็นเวลา 99 ปี โดยใช้ธนาคารกลาง กรมสรรพากร และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อฟอกเงินภาษีของประชาชนในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่การดำเนินงานของพวกเขาขยายไปยังธนาคารวาติกัน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านบทบาทในการค้าเด็ก ยาเสพติด และการค้าอาวุธ จุดเปลี่ยนมาถึงในปี 1903 เมื่อ Nikola Tesla และ Van de Graaf เริ่มคลี่คลายความลับของ Deep State ในปี 1993 สัญญาเช่าทองคำของจีนของพวกเขาสิ้นสุดลง และในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 พันธมิตรได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อทำลายล้างกลุ่มลับ พันธมิตรนี้ในปี 2020 ประกอบด้วยประธานาธิบดีทรัมป์ วลาดิมีร์ ปูติน สีจิ้นผิง มุสตาฟา อัล-กาดิมี นเรนทรา โมดี บุคคลทรงอิทธิพลของ Q, QAnon (นำโดย JFK Jr?) นายพลเพนตากอน เอ็นเอสเอ และอินเตอร์โพล ในปี 2008 การพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของกลุ่มคาบาลทำให้เกิดวิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ผลิตขึ้น ซึ่งทำให้ผู้เสียภาษีของสหรัฐฯ สูญเสียรายได้มากขึ้น เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิดการก่อตั้งกลุ่ม BRICS Alliance ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูระบบการเงินที่ได้รับการสนับสนุนด้วยทองคำ/สินทรัพย์ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2013 สนธิสัญญาทองคำได้รับการลงนามโดย 209 ประเทศ ในปี 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตราพระราชบัญญัติ National Quantum Initiative ซึ่งก่อตั้งระบบการเงินควอนตัมใหม่และระบบการลงคะแนนเสียงที่โปร่งใส เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2019 นาวิกโยธินและกองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือเด็กกว่า 2,100 คนจากใต้ฐานทัพเรือ China Lake ในแคลิฟอร์เนีย โดยเปิดเผยเครือข่ายฐานทัพใต้ดินที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มคาบาล เมื่อเดือนตุลาคม 2019 วาติกันถูกบุกเข้าค้น ซึ่งเผยให้เห็นปฏิบัติการฟอกเงินของกลุ่มชนชั้นนำระดับโลก ทองคำและเงินสดกว่า 650 ลำถูกยึดและส่งกลับไปยังกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ภายในเดือนมีนาคม 2020 พันธมิตรได้กำจัดหัวหน้าครอบครัว Illuminati จำนวน 13 ครอบครัวในเวนิส และเริ่มการจับกุมและการพิจารณาคดีทางทหารสำหรับชนชั้นนำทางการเมืองของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการพัฒนาเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลและการจับกุมที่สำคัญในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายในปลายปี 2024 การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกจะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มที่เหลือของกลุ่ม Illuminati ถูกทำลายล้างและความยุติธรรมได้รับการเสิร์ฟ ทรัมป์เปิดเผยแผนทำลายล้างดีพสเตต https://www.zerohedge.com/political/trump-outlines-plan-decimate-deep-state ทรัมป์เผยแพร่แผนอันน่าตกตะลึงเพื่อกำหนดเป้าหมาย การทุจริตในวอชิงตัน ยุบ 'ดีพสเตต' https://www.wnd.com/2024/11/trump-releases-stunning-plan-to-target-washington-corruption-dismantle-deep-state/ บูม!!! เมื่อสักครู่: ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยแผนของเขาที่จะรื้อถอน DEEP STATE! [วิดีโอ] จุดจบของดีปสเตต: ประธานาธิบดีทรัมป์เผยแผนบุกเบิกในการทำลายล้างดีปสเตต กำจัดการทุจริต และคืนอำนาจให้กับชาวอเมริกัน! ตั้งแต่การไล่ข้าราชการที่ประพฤติตัวไม่ดีออกไปจนถึงการบังคับใช้ข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง การต่อสู้ของทรัมป์กับกลุ่มคนชั้นสูงนั้นไม่ลดละ ไร้ความกลัว และเป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการอย่างแท้จริง ค้นพบว่าทรัมป์กำลังต่อสู้กับการทุจริตที่ฝังรากลึกในวอชิงตันด้วยความก้าวร้าวที่ไม่มีใครเทียบได้เพื่อนำประชาธิปไตยของเรากลับคืนมาได้อย่างไร! https://amg-news.com/boom-just-now-president-trump-releases-his-plans-to-dismantle-the-deep-state-video/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝากยูเครนด้วย!
    เจ้าหน้าที่ทำเนียบรายงานว่า ปธน.ไบเดน ได้เชิญ ว่าที่ปธน.ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ เพื่อพูดคุยถึงการถ่ายโอนอำนาจระหว่างกันอย่างสันติ

    นอกจากนี้ "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" เจ้าหน้าที่เทียบเนียบขาวกล่าว

    ที่ผ่านมา วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งถูกทรัมป์ต่อต้าน และวิจารณ์มาตลอด
    ทรัมป์ ยังเคยกล่าวอีกว่า ปูติน จะไม่มีวันบุกยูเครน หากเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว
    ฝากยูเครนด้วย! เจ้าหน้าที่ทำเนียบรายงานว่า ปธน.ไบเดน ได้เชิญ ว่าที่ปธน.ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ เพื่อพูดคุยถึงการถ่ายโอนอำนาจระหว่างกันอย่างสันติ นอกจากนี้ "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" เจ้าหน้าที่เทียบเนียบขาวกล่าว ที่ผ่านมา วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งถูกทรัมป์ต่อต้าน และวิจารณ์มาตลอด ทรัมป์ ยังเคยกล่าวอีกว่า ปูติน จะไม่มีวันบุกยูเครน หากเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน
    .
    ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
    .
    "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์
    .
    ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
    .
    วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้
    .
    เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
    .
    ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง
    .
    ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย
    .
    บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว
    .
    ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน . ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง . "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์ . ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น . วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ . ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้ . เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ . อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน . ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง . ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย . บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว . ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 866 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇺🇸 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ กล่าวว่า ความเชื่อมั่นทั่วโลกที่มีต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯกำลังตกลงอย่างรวดเร็ว
    .
    🇷🇺🇺🇸 Russian Foreign Minister Lavrov says global trust in the US dollar is falling quickly.
    .
    12:33 PM · Nov 5, 2024 · 87.9K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1853671840419336245
    🇷🇺🇺🇸 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ กล่าวว่า ความเชื่อมั่นทั่วโลกที่มีต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯกำลังตกลงอย่างรวดเร็ว . 🇷🇺🇺🇸 Russian Foreign Minister Lavrov says global trust in the US dollar is falling quickly. . 12:33 PM · Nov 5, 2024 · 87.9K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1853671840419336245
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม

    มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง

    แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน

    ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544

    แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น

    #Newskit #เกาะกูด
    ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544 แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น #Newskit #เกาะกูด
    Like
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516



    นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้

    1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line)

    อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา

    โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์”

    พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้

    “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

    มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

    ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้

    ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า



    “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์

    ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย

    ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน

    ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย

    ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า

    “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511”

    แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน

    ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น

    ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า

    “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“



    หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น

    ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด

    แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย

    แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

    แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล

    ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล

    การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

    MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“

    เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่?

    ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน

    จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า

    “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ

    จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป”

    โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ

    จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น

    ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่?

    ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530

    #Thaitimes
    ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้ 1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line) อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์” พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้ ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์ ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511” แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“ หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“ เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่? ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป” โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่? ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่ ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530 #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 844 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียสั่งปรับกูเกิล 2 หมื่นล้านล้านล้านล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่า GDP ของทั้งโลก ข้อหาแบนช่องรัสเซียใน Youtube

    31 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวTNN Thailand ระบุว่า สำนักข่าวตะวันตกหลายสำนักข่าว เช่น อินดีเพนเดนต์ (Independent) ของอังกฤษรายงานว่า รัฐบาลรัสเซียสั่งปรับอัลฟาเบต (Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิล (Google) และยูทูบ (Youtube) ในข้อหาแบนช่องยูทูบที่เป็นช่องทางของสื่อรัสเซียและสื่อทางการของรัสเซียหลายช่อง จำนวนกว่า 2 หมื่น-ล้าน-ล้าน-ล้าน-ล้าน-ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ($20,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000)

    รัสเซียปรับ Google มากกว่า GDP ทั้งโลกรวมกัน

    ขณะที่รายงานจาก TASS สำนักข่าวทางการรัฐบาลของรัสเซีย ระบุว่า ค่าปรับดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่บริษัทได้ทำการลบช่องสื่อของรัสเซียบน Youtube หลายช่อง ซึ่งเดอะ มอสโคว์ ไทม์ส (The Moscow Times) สื่ออิสระที่รายงานข่าวรัสเซียซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ รายงานจำนวนช่องที่ลบไปนั้นรวมทั้งหมด 17 ช่อง

    ซึ่งค่าปรับดังกล่าวมากกว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของทั้งโลก (Global GDP) ซึ่งมีมูลค่า 105.44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลจากเวิลด์แบงก์ (World Bank) และมากกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทที่ประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมากกว่ารายได้ของบริษัทในไตรมาสล่าสุดที่ 80,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการรายงานของยูโรนิวส์ (Euronews)

    ต้นตอรัสเซียปรับ Google

    ค่าปรับดังกล่าวเป็นคดีสืบเนื่องจากการฟ้องร้องโดยทนายความ อิวาน โมโรซอฟ (Ivan Morozov) ในปี 2020 จากการที่ยูทูบสั่งปิดช่องโดยที่ทางทนายเชื่อว่าไม่เป็นธรรม โดยอิวานได้ฟ้องร้องต่อศาลในรัสเซียตามมาตรา 13.41 (Art. 13.41) ของกฎหมายความรับผิดของฝ่ายปกครองของรัสเซีย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาสั่งปรับ แต่ไม่มีการจ่ายค่าปรับนับตั้งแต่นั้น ทำให้ค่าปรับมีการทวีคูณต่อเนื่องจนเป็นยอดในปัจจุบัน

    ทั้งนี้ ตามการรายงานของ TASS ระบุว่า ถ้าบริษัทอัลฟาเบตไม่จ่ายค่าปรับจำนวนดังกล่าวภายใน 9 เดือน ตามกฎหมายรัสเซียค่าปรับจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทุก ๆ วันและไม่มีเพดานค่าปรับสูงสุดแต่อย่างใด รวมถึงบริการต่าง ๆ ของบริษัทจะไม่สามารถทำการตลาดในรัสเซียได้เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่นต่อไป

    ที่มาข้อมูล Independent, Euronews, TASS, The Moscow Times, World Bank

    #Thaitimes
    รัสเซียสั่งปรับกูเกิล 2 หมื่นล้านล้านล้านล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่า GDP ของทั้งโลก ข้อหาแบนช่องรัสเซียใน Youtube 31 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวTNN Thailand ระบุว่า สำนักข่าวตะวันตกหลายสำนักข่าว เช่น อินดีเพนเดนต์ (Independent) ของอังกฤษรายงานว่า รัฐบาลรัสเซียสั่งปรับอัลฟาเบต (Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิล (Google) และยูทูบ (Youtube) ในข้อหาแบนช่องยูทูบที่เป็นช่องทางของสื่อรัสเซียและสื่อทางการของรัสเซียหลายช่อง จำนวนกว่า 2 หมื่น-ล้าน-ล้าน-ล้าน-ล้าน-ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ($20,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000) รัสเซียปรับ Google มากกว่า GDP ทั้งโลกรวมกัน ขณะที่รายงานจาก TASS สำนักข่าวทางการรัฐบาลของรัสเซีย ระบุว่า ค่าปรับดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่บริษัทได้ทำการลบช่องสื่อของรัสเซียบน Youtube หลายช่อง ซึ่งเดอะ มอสโคว์ ไทม์ส (The Moscow Times) สื่ออิสระที่รายงานข่าวรัสเซียซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ รายงานจำนวนช่องที่ลบไปนั้นรวมทั้งหมด 17 ช่อง ซึ่งค่าปรับดังกล่าวมากกว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของทั้งโลก (Global GDP) ซึ่งมีมูลค่า 105.44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลจากเวิลด์แบงก์ (World Bank) และมากกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทที่ประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมากกว่ารายได้ของบริษัทในไตรมาสล่าสุดที่ 80,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการรายงานของยูโรนิวส์ (Euronews) ต้นตอรัสเซียปรับ Google ค่าปรับดังกล่าวเป็นคดีสืบเนื่องจากการฟ้องร้องโดยทนายความ อิวาน โมโรซอฟ (Ivan Morozov) ในปี 2020 จากการที่ยูทูบสั่งปิดช่องโดยที่ทางทนายเชื่อว่าไม่เป็นธรรม โดยอิวานได้ฟ้องร้องต่อศาลในรัสเซียตามมาตรา 13.41 (Art. 13.41) ของกฎหมายความรับผิดของฝ่ายปกครองของรัสเซีย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาสั่งปรับ แต่ไม่มีการจ่ายค่าปรับนับตั้งแต่นั้น ทำให้ค่าปรับมีการทวีคูณต่อเนื่องจนเป็นยอดในปัจจุบัน ทั้งนี้ ตามการรายงานของ TASS ระบุว่า ถ้าบริษัทอัลฟาเบตไม่จ่ายค่าปรับจำนวนดังกล่าวภายใน 9 เดือน ตามกฎหมายรัสเซียค่าปรับจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทุก ๆ วันและไม่มีเพดานค่าปรับสูงสุดแต่อย่างใด รวมถึงบริการต่าง ๆ ของบริษัทจะไม่สามารถทำการตลาดในรัสเซียได้เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่นต่อไป ที่มาข้อมูล Independent, Euronews, TASS, The Moscow Times, World Bank #Thaitimes
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • Benjamin Fulfort:

    แทบไม่มีสิ่งใดเลยที่ Jacob BAUER Rothschild ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสายเลือดของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วย

    การก่อตั้งอิสราเอล

    การบังคับใช้ธนาคารกลาง

    ธงฟาเซล 9/11

    สงครามกับปาเลสไตน์

    กลุ่มล่ามนุษย์

    จักรวรรดิอังกฤษ - รวมถึงต่อไปนี้

    สหราชอาณาจักร

    แคนาดา

    ออสเตรเลีย

    นิวซีแลนด์

    อินเดีย

    ประเทศในแอฟริกา 19 ประเทศ

    แคริบเบียน

    (รวมถึงการที่ไทยต้องเสียดินแดน...)

    โดยคณะลูกขุนใหญ่

    คำพูด: สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอนซิตี้ พื้นที่หนึ่งตารางไมล์ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ลอนดอนไม่ได้ถูกปกครองโดยรัฐบาลอังกฤษ แต่ในทางกลับกันกลับมีอำนาจเหนือลอนดอน

    ลอนดอนมีศาลและกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง และไม่เคยถูกท้าทายอำนาจอธิปไตยและการปกครองตนเอง ลอนดอนปกครองทั้งราชวงศ์และโลกเกือบทั้งหมด ชนชั้นสูงของอังกฤษเชื่อว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะกดขี่มนุษย์ที่เหลือซึ่งพวกเขามองว่าเป็น "ปศุสัตว์" ของพวกเขา

    ในมุมมองของพวกเขา พวกเขาเป็นเจ้าของประชากร ทั้งร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ประชาธิปไตยเป็นเพียงภาพลวงตาที่ปล่อยให้ประชาชนอยู่ตามลำพังในขณะที่ลอนดอนเป็นผู้สั่งการและดึงเชือก ชนชั้นสูงกลุ่มนี้พยายามหลายครั้งเพื่อสร้าง "ระเบียบโลกใหม่" แต่ทั้งหมดล้มเหลว พวกเขาเกือบจะประสบความสำเร็จในการปกครองสหรัฐอเมริกา แต่ก็ล้มเหลวที่นั่นเช่นกัน

    เท็กซัสกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะกำจัดกลุ่มธนาคารกลางสหรัฐออกจากรัฐทั้งหมด ร่วมกับอีกกว่า 40 ประเทศที่กำลังแนะนำระบบการเงินใหม่ หนี้ส่วนบุคคลของเราทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ

    ทันทีที่เราเปลี่ยนไปสู่หน่วยการเงินอื่น เราก็จะไม่ถูกผูกมัดกับระบบหนี้ของภาคธนาคารอีกต่อไป ซึ่งจะล่มสลายลงพร้อมกับตลาดอนุพันธ์ที่เชื่อมโยงกับธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้เข้ามาควบคุมเมื่อหลายปีก่อน

    สิ่งที่เรากำลังเห็นคือการสิ้นสุดของระบอบการปกครองที่แสวงหาการครอบครองโลก บุคคลสำคัญที่มีความรับผิดชอบทั้งหมดกำลังถูกปลดออกทีละน้อย และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพวกเขาก็สูญเสียการควบคุมรัฐบาลที่พวกเขาไม่ได้ควบคุมอีกต่อไปเช่นกัน

    ต้องขอบคุณเรื่องของ EPA

    ต้องขอบคุณกฎ Basel 3

    ต้องขอบคุณประเทศมากกว่า 40 ประเทศที่กลับมาใช้มาตรฐานทองคำ

    ทำไมคุณคิดว่า Blackrock จึงถอนตัวจากวาระเกี่ยวกับสภาพอากาศ คุณไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงาน 3 ตัวอักษรในการขู่กรรโชก จ่ายสินบน รีดไถ หรือขู่กรรโชกนักการเมืองของสหรัฐฯ ให้ร่างกฎหมายที่บังคับให้รัฐบาลของเราปฏิบัติตามวาระที่บ่อนทำลายประเทศนี้ต่อไปได้อีกต่อไป

    คุณไม่รู้สึกแปลกใจหรือที่สหประชาชาติถูกปิดชั่วคราวเพราะจ่ายค่าไฟฟ้าไม่ได้? คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกแค่ไหนสำหรับคนที่อยากครอบครองโลกและไม่สามารถจ่ายค่าไฟฟ้ารายเดือนได้อีกต่อไป ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นของธนาคารที่พิมพ์เงินออกมาจากอากาศบางๆ

    นั่นคงบอกคุณได้ว่าพระเจ้ามีอารมณ์ขันเช่นกัน ตอนนี้คุณเห็นผู้เล่นหลักคนหนึ่ง ลอร์ดจาคอบ ร็อธส์ไชลด์ ถูกย้ายออกจากโลกใบนี้ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้คงทำให้เบนจามิน เนทันยาฮูรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในตอนนี้

    พวกคุณทุกคนต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ลึกซึ้งแค่ไหน ตั้งแต่ปี 1871 เป็นอย่างน้อย สายเลือดทั้งหมดนี้มีความรับผิดชอบว่าทำไมเราถึงล้าหลังในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งเราทุกคนคาดหวังว่าจะได้รับการเผยแพร่ในที่สุดในไม่ช้าและเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

    เพื่อให้สั้นลง ทุกสิ่งที่เราทำในการสืบสวนการทุจริตที่เกิดจากการผูกขาดของราชวงศ์อังกฤษและเงินของเมืองลอนดอนดูเหมือนจะย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานี้ประมาณปี 1870 เมื่อมีการปฏิวัติหลายครั้งโดยชนชั้นนำของอังกฤษ

    🔥 ในนามของไซออน 🔥
    Benjamin Fulfort: แทบไม่มีสิ่งใดเลยที่ Jacob BAUER Rothschild ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสายเลือดของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วย การก่อตั้งอิสราเอล การบังคับใช้ธนาคารกลาง ธงฟาเซล 9/11 สงครามกับปาเลสไตน์ กลุ่มล่ามนุษย์ จักรวรรดิอังกฤษ - รวมถึงต่อไปนี้ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ประเทศในแอฟริกา 19 ประเทศ แคริบเบียน (รวมถึงการที่ไทยต้องเสียดินแดน...) โดยคณะลูกขุนใหญ่ คำพูด: สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอนซิตี้ พื้นที่หนึ่งตารางไมล์ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ลอนดอนไม่ได้ถูกปกครองโดยรัฐบาลอังกฤษ แต่ในทางกลับกันกลับมีอำนาจเหนือลอนดอน ลอนดอนมีศาลและกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง และไม่เคยถูกท้าทายอำนาจอธิปไตยและการปกครองตนเอง ลอนดอนปกครองทั้งราชวงศ์และโลกเกือบทั้งหมด ชนชั้นสูงของอังกฤษเชื่อว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะกดขี่มนุษย์ที่เหลือซึ่งพวกเขามองว่าเป็น "ปศุสัตว์" ของพวกเขา ในมุมมองของพวกเขา พวกเขาเป็นเจ้าของประชากร ทั้งร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ประชาธิปไตยเป็นเพียงภาพลวงตาที่ปล่อยให้ประชาชนอยู่ตามลำพังในขณะที่ลอนดอนเป็นผู้สั่งการและดึงเชือก ชนชั้นสูงกลุ่มนี้พยายามหลายครั้งเพื่อสร้าง "ระเบียบโลกใหม่" แต่ทั้งหมดล้มเหลว พวกเขาเกือบจะประสบความสำเร็จในการปกครองสหรัฐอเมริกา แต่ก็ล้มเหลวที่นั่นเช่นกัน เท็กซัสกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะกำจัดกลุ่มธนาคารกลางสหรัฐออกจากรัฐทั้งหมด ร่วมกับอีกกว่า 40 ประเทศที่กำลังแนะนำระบบการเงินใหม่ หนี้ส่วนบุคคลของเราทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทันทีที่เราเปลี่ยนไปสู่หน่วยการเงินอื่น เราก็จะไม่ถูกผูกมัดกับระบบหนี้ของภาคธนาคารอีกต่อไป ซึ่งจะล่มสลายลงพร้อมกับตลาดอนุพันธ์ที่เชื่อมโยงกับธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้เข้ามาควบคุมเมื่อหลายปีก่อน สิ่งที่เรากำลังเห็นคือการสิ้นสุดของระบอบการปกครองที่แสวงหาการครอบครองโลก บุคคลสำคัญที่มีความรับผิดชอบทั้งหมดกำลังถูกปลดออกทีละน้อย และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพวกเขาก็สูญเสียการควบคุมรัฐบาลที่พวกเขาไม่ได้ควบคุมอีกต่อไปเช่นกัน ต้องขอบคุณเรื่องของ EPA ต้องขอบคุณกฎ Basel 3 ต้องขอบคุณประเทศมากกว่า 40 ประเทศที่กลับมาใช้มาตรฐานทองคำ ทำไมคุณคิดว่า Blackrock จึงถอนตัวจากวาระเกี่ยวกับสภาพอากาศ คุณไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงาน 3 ตัวอักษรในการขู่กรรโชก จ่ายสินบน รีดไถ หรือขู่กรรโชกนักการเมืองของสหรัฐฯ ให้ร่างกฎหมายที่บังคับให้รัฐบาลของเราปฏิบัติตามวาระที่บ่อนทำลายประเทศนี้ต่อไปได้อีกต่อไป คุณไม่รู้สึกแปลกใจหรือที่สหประชาชาติถูกปิดชั่วคราวเพราะจ่ายค่าไฟฟ้าไม่ได้? คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกแค่ไหนสำหรับคนที่อยากครอบครองโลกและไม่สามารถจ่ายค่าไฟฟ้ารายเดือนได้อีกต่อไป ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นของธนาคารที่พิมพ์เงินออกมาจากอากาศบางๆ นั่นคงบอกคุณได้ว่าพระเจ้ามีอารมณ์ขันเช่นกัน ตอนนี้คุณเห็นผู้เล่นหลักคนหนึ่ง ลอร์ดจาคอบ ร็อธส์ไชลด์ ถูกย้ายออกจากโลกใบนี้ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้คงทำให้เบนจามิน เนทันยาฮูรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในตอนนี้ พวกคุณทุกคนต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ลึกซึ้งแค่ไหน ตั้งแต่ปี 1871 เป็นอย่างน้อย สายเลือดทั้งหมดนี้มีความรับผิดชอบว่าทำไมเราถึงล้าหลังในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งเราทุกคนคาดหวังว่าจะได้รับการเผยแพร่ในที่สุดในไม่ช้าและเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล เพื่อให้สั้นลง ทุกสิ่งที่เราทำในการสืบสวนการทุจริตที่เกิดจากการผูกขาดของราชวงศ์อังกฤษและเงินของเมืองลอนดอนดูเหมือนจะย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานี้ประมาณปี 1870 เมื่อมีการปฏิวัติหลายครั้งโดยชนชั้นนำของอังกฤษ 🔥 ในนามของไซออน 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇷🇺 สหรัฐฯยังคงจ่ายเงินให้รัสเซียปีละ ๑,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ, ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งให้พลังงานแก่ประเทศประมาณหนึ่งในห้าของความต้องการพลังงานทั้งหมด
    .
    🇺🇸🇷🇺 United States is still paying Russia $1 billion a year for enriched uranium, which powers nuclear reactors that provide the country with about a fifth of its energy needs.
    .
    From 60 Minutes
    11:00 PM · Oct 28, 2024 · 305.3K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1850930759172805102
    🇺🇸🇷🇺 สหรัฐฯยังคงจ่ายเงินให้รัสเซียปีละ ๑,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ, ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งให้พลังงานแก่ประเทศประมาณหนึ่งในห้าของความต้องการพลังงานทั้งหมด . 🇺🇸🇷🇺 United States is still paying Russia $1 billion a year for enriched uranium, which powers nuclear reactors that provide the country with about a fifth of its energy needs. . From 60 Minutes 11:00 PM · Oct 28, 2024 · 305.3K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1850930759172805102
    Love
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 65 1 รีวิว
  • ช่อง 12 ของอิสราเอลรายงานว่า:

    กระทรวงความมั่นคงอิสราเอลได้ส่งคำร้องด่วนไปยังสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อขอเงินเพิ่มเติมจำนวน 2 ล้านเชเกล (ประมาณ 528,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 17.8 ล้านบาท) เพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย รวมทั้งเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยบ้านพักส่วนตัวของเนทันยาฮูในเมืองซีซาเรีย หลังจากถูกโดรนฮิซบอลเลาะห์โจมตีเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
    ช่อง 12 ของอิสราเอลรายงานว่า: กระทรวงความมั่นคงอิสราเอลได้ส่งคำร้องด่วนไปยังสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อขอเงินเพิ่มเติมจำนวน 2 ล้านเชเกล (ประมาณ 528,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 17.8 ล้านบาท) เพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย รวมทั้งเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยบ้านพักส่วนตัวของเนทันยาฮูในเมืองซีซาเรีย หลังจากถูกโดรนฮิซบอลเลาะห์โจมตีเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ภายในงานมีการเปิดตัว "ธนบัตรจำลอง" BRICS ที่ออกแบบพิเศษ

    ด้านหน้าเป็นธงชาติ 5 ประเทศผู้ก่อตั้ง BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) เรียงเป็นวงกลม ส่วนด้านหลังเป็นธงชาติของประเทศที่สนใจเข้าร่วม พร้อมระบุข้อความ "BRICS New Development Bank" สะท้อนความพยายามสร้างทางเลือกใหม่ เพื่อท้าทายดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางสถานะดอลลาร์ที่เสื่อมถอยจากภาระหนี้และการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

    ประธานาธิบดีปูตินยืนยันชัดเจนว่า ในขณะนี้ ไม่มีแผนในการใช้สกุลเงินร่วมกันแบบยูโร โดยธนบัตรดังกล่าวมีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ “การทำงานร่วมกัน” ของประเทศ BRICS"

    "ลวดลายและรูปแบบของธนบัตร BRICS ที่ถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์นี้ เป็นตัวแทนของความเสมอภาคและพหุขั้ว" เอฟเกนี เฟโดรอฟ(Evgeny Fedorov) ซีอีโอของ ARM-Registr ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบธนบัตร กล่าว

    เฟโดรอฟยังกล่าวเสริมอีกว่า ธนบัตรด้านหน้าจะมีรูปธงสมาชิก BRICS เริ่มต้นห้าประเทศ ส่วนด้านหลังจะมีรูปภาพของธงประเทศที่เข้าร่วมการประชุมซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้ง

    ธนบัตร BRICS ในการประชุมมีสามรูปแบบคือ ใบละ 200 100 และ 50
    การประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ภายในงานมีการเปิดตัว "ธนบัตรจำลอง" BRICS ที่ออกแบบพิเศษ ด้านหน้าเป็นธงชาติ 5 ประเทศผู้ก่อตั้ง BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) เรียงเป็นวงกลม ส่วนด้านหลังเป็นธงชาติของประเทศที่สนใจเข้าร่วม พร้อมระบุข้อความ "BRICS New Development Bank" สะท้อนความพยายามสร้างทางเลือกใหม่ เพื่อท้าทายดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางสถานะดอลลาร์ที่เสื่อมถอยจากภาระหนี้และการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ประธานาธิบดีปูตินยืนยันชัดเจนว่า ในขณะนี้ ไม่มีแผนในการใช้สกุลเงินร่วมกันแบบยูโร โดยธนบัตรดังกล่าวมีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ “การทำงานร่วมกัน” ของประเทศ BRICS" "ลวดลายและรูปแบบของธนบัตร BRICS ที่ถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์นี้ เป็นตัวแทนของความเสมอภาคและพหุขั้ว" เอฟเกนี เฟโดรอฟ(Evgeny Fedorov) ซีอีโอของ ARM-Registr ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบธนบัตร กล่าว เฟโดรอฟยังกล่าวเสริมอีกว่า ธนบัตรด้านหน้าจะมีรูปธงสมาชิก BRICS เริ่มต้นห้าประเทศ ส่วนด้านหลังจะมีรูปภาพของธงประเทศที่เข้าร่วมการประชุมซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้ง ธนบัตร BRICS ในการประชุมมีสามรูปแบบคือ ใบละ 200 100 และ 50
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇦🇷🇺 ประเทศสมาชิก G7 จะส่งเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับยูเครน จากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด
    .
    JUST IN: 🇺🇦🇷🇺 G7 nations to send Ukraine $50,000,000,000 from frozen Russian assets.
    .
    10:34 PM · Oct 26, 2024 · 403.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1850199312220745819
    🇺🇦🇷🇺 ประเทศสมาชิก G7 จะส่งเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับยูเครน จากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด . JUST IN: 🇺🇦🇷🇺 G7 nations to send Ukraine $50,000,000,000 from frozen Russian assets. . 10:34 PM · Oct 26, 2024 · 403.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1850199312220745819
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิ้งทวน!?!

    ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ปธน.ไบเดนประกาศมอบ "เงินกู้ฉุกเฉิน" ให้ยูเครน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในการชำระคืน

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยของทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดไว้มูลค่าประมาณ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนยูเครน

    เงินกู้มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจความช่วยเหลือมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากชาติตะวันตก (G7) ที่อนุมัติไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซีย เพื่อช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ส่วนที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น และพันธมิตรอื่นๆ

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหรัฐจะให้เงินกู้ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง "จะชำระคืนด้วยดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด" ไบเดนยังกล่าวอีกว่า "ยูเครนสามารถรับความช่วยเหลือที่ต้องการในขณะนี้ได้ทันที โดยไม่เพิ่มภาระให้กับผู้เสียภาษีเลย"

    "เงินกู้เหล่านี้จะช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครนในการปกป้องและสร้างประเทศขึ้นใหม่ และความพยายามของเราก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ทรราชจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่พวกเขาได้ก่อขึ้น" ไบเดนกล่าวเสริม

    ทางด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในพิธีลงนามร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของยูเครน เซอร์จิ มาร์เชนโก เมื่อวันพุธทำนองเดียวกันว่า “รัสเซียจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายจากสงครามที่ผิดกฎหมาย แทนผู้เสียภาษีในชาติตะวันตก”
    ทิ้งทวน!?! ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ปธน.ไบเดนประกาศมอบ "เงินกู้ฉุกเฉิน" ให้ยูเครน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในการชำระคืน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยของทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดไว้มูลค่าประมาณ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนยูเครน เงินกู้มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจความช่วยเหลือมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากชาติตะวันตก (G7) ที่อนุมัติไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซีย เพื่อช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย ส่วนที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น และพันธมิตรอื่นๆ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหรัฐจะให้เงินกู้ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง "จะชำระคืนด้วยดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด" ไบเดนยังกล่าวอีกว่า "ยูเครนสามารถรับความช่วยเหลือที่ต้องการในขณะนี้ได้ทันที โดยไม่เพิ่มภาระให้กับผู้เสียภาษีเลย" "เงินกู้เหล่านี้จะช่วยเหลือประชาชนชาวยูเครนในการปกป้องและสร้างประเทศขึ้นใหม่ และความพยายามของเราก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ทรราชจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่พวกเขาได้ก่อขึ้น" ไบเดนกล่าวเสริม ทางด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในพิธีลงนามร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของยูเครน เซอร์จิ มาร์เชนโก เมื่อวันพุธทำนองเดียวกันว่า “รัสเซียจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายจากสงครามที่ผิดกฎหมาย แทนผู้เสียภาษีในชาติตะวันตก”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ IMF
    คาดหนี้สาธารณะโลกจะพุ่งแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้

    🚩กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกคำเตือน
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สถานการณ์หนี้สาธารณะทั่วโลก
    อาจเลวร้ายกว่าที่หลายคนคิด โดยเน้นย้ำถึงการขาดดุล
    การคลัง ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐและจีน

    🚩หน่วยงานดังกล่าวคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลก
    จะพุ่งสูงเกิน 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ
    ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปี 2567
    โดยคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 100%
    ของ GDP ของโลกภายในสิ้นทศวรรษนี้

    🚩สหรัฐฯ และจีนมีสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
    หากไม่รวมทั้งสองประเทศนี้ในการคำนวณ อัตราส่วน
    หนี้สาธารณะต่อ GDP ทั่วโลกจะลดลงประมาณ 20%

    ที่มา : cnbc

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #IMF #thaitimes
    🔥🔥กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ IMF คาดหนี้สาธารณะโลกจะพุ่งแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ 🚩กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกคำเตือน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สถานการณ์หนี้สาธารณะทั่วโลก อาจเลวร้ายกว่าที่หลายคนคิด โดยเน้นย้ำถึงการขาดดุล การคลัง ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐและจีน 🚩หน่วยงานดังกล่าวคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลก จะพุ่งสูงเกิน 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,400 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 100% ของ GDP ของโลกภายในสิ้นทศวรรษนี้ 🚩สหรัฐฯ และจีนมีสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หากไม่รวมทั้งสองประเทศนี้ในการคำนวณ อัตราส่วน หนี้สาธารณะต่อ GDP ทั่วโลกจะลดลงประมาณ 20% ที่มา : cnbc #หุ้นติดดอย #การลงทุน #IMF #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 ประธานาธิบดีรัสเซีย ปูติน กล่าวว่า มันเป็น “ความผิดพลาดครั้งใหญ่” ในการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นอาวุธ
    .
    JUST IN: 🇷🇺 Russian President Putin says it's a "great mistake" to use the US dollar as a weapon.
    .
    9:24 PM · Oct 23, 2024 · 202.8K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1849094511961493964
    🇷🇺 ประธานาธิบดีรัสเซีย ปูติน กล่าวว่า มันเป็น “ความผิดพลาดครั้งใหญ่” ในการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นอาวุธ . JUST IN: 🇷🇺 Russian President Putin says it's a "great mistake" to use the US dollar as a weapon. . 9:24 PM · Oct 23, 2024 · 202.8K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1849094511961493964
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • 💥💥ตลาดหุ้นไทย หรือ SET หลังจากแรลลี่
    ขึ้นมากกว่า 170 จุด ตั้งแต่เดือน สิงหาคม
    จนถึง ตุลาคม 2567 จากปัจจัยหลักๆคือ
    1. กองทุนรวมวายุภักษ์1 ที่เข้าเทรดในตลาด
    มากกว่า 1.5 แสนล้านบาท
    2. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ในขณะที่
    ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ทำให้ฟันโฟว์
    หรือ เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ
    ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย
    3. ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้ลดอัตราดอกเบี้ย
    นโยบายลง 0.5% เป็น 4.75 - 5.0%
    4. งบประมาณปี 2568 ของรัฐบาลผ่านความเห็นชอบ
    จากรัฐสภา
    5. มาตการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยดิจิทัลวอลเลต
    เฟส 1 (1.2 แสนล้านบาท) และ รอบเก็บตก

    ***ตอนนี้ กองทุน หรือ สถาบัน เริ่มเทขายหุ้นทำกำไรออกมา
    หลังจากเข้าซื้อมาตลอดระยะเวลา 3 เดือน***
    คาดการณ์ว่า นักลงทุนในประเทศ หรือ รายย่อย
    ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา จะมีโอกาสสูงที่จะติดดอยหุ้น
    ในระยะต่อไป

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥💥ตลาดหุ้นไทย หรือ SET หลังจากแรลลี่ ขึ้นมากกว่า 170 จุด ตั้งแต่เดือน สิงหาคม จนถึง ตุลาคม 2567 จากปัจจัยหลักๆคือ 1. กองทุนรวมวายุภักษ์1 ที่เข้าเทรดในตลาด มากกว่า 1.5 แสนล้านบาท 2. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ในขณะที่ ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ทำให้ฟันโฟว์ หรือ เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย 3. ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้ลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายลง 0.5% เป็น 4.75 - 5.0% 4. งบประมาณปี 2568 ของรัฐบาลผ่านความเห็นชอบ จากรัฐสภา 5. มาตการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยดิจิทัลวอลเลต เฟส 1 (1.2 แสนล้านบาท) และ รอบเก็บตก ***ตอนนี้ กองทุน หรือ สถาบัน เริ่มเทขายหุ้นทำกำไรออกมา หลังจากเข้าซื้อมาตลอดระยะเวลา 3 เดือน*** คาดการณ์ว่า นักลงทุนในประเทศ หรือ รายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา จะมีโอกาสสูงที่จะติดดอยหุ้น ในระยะต่อไป #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts