• AMD ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในไมโครโค้ดของชิป Zen 5 ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เรียกว่า EntrySign (ID: AMD-SB-7033) โดยช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีที่มีความเสี่ยงสูง

    ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC ซึ่งเป็นอัลกอริธึมที่มีความปลอดภัยต่ำ โดยนักวิจัยจาก Google สามารถสร้างลายเซ็นปลอมเพื่อรันไมโครโค้ดที่เป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ต้องการสิทธิ์ระดับ Kernel-level (ring 0) ซึ่งทำให้ช่องโหว่นี้มีความเสี่ยงต่ำในสภาพแวดล้อมทั่วไป

    AMD ได้ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดในเดือนที่ผ่านมา โดย MSI เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800 ซึ่งใช้เฟิร์มแวร์ AGESA 1.2.0.3C เพื่อแก้ไขปัญหานี้

    นอกจากนี้ ช่องโหว่นี้ยังส่งผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ เช่น EPYC 9005 (Turin) ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ที่ใช้ปกป้องข้อมูลในเครื่องเสมือนถูกโจมตี

    ✅ ช่องโหว่ใน Zen 5
    - ช่องโหว่ EntrySign เปิดโอกาสให้รันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU
    - เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC

    ✅ การตอบสนองของ AMD
    - AMD ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ด
    - MSI ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800

    ✅ ผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์
    - ช่องโหว่ส่งผลกระทบต่อ EPYC 9005 ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ถูกโจมตี

    ✅ การป้องกันในระดับผู้ใช้งานทั่วไป
    - ไมโครโค้ดที่รันผ่านช่องโหว่จะไม่คงอยู่หลังจากรีบูตระบบ


    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-patches-critical-zen-5-microcode-bug-partners-deliver-new-bios-with-agesa-1-2-0-3c
    AMD ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในไมโครโค้ดของชิป Zen 5 ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เรียกว่า EntrySign (ID: AMD-SB-7033) โดยช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีที่มีความเสี่ยงสูง ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC ซึ่งเป็นอัลกอริธึมที่มีความปลอดภัยต่ำ โดยนักวิจัยจาก Google สามารถสร้างลายเซ็นปลอมเพื่อรันไมโครโค้ดที่เป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ต้องการสิทธิ์ระดับ Kernel-level (ring 0) ซึ่งทำให้ช่องโหว่นี้มีความเสี่ยงต่ำในสภาพแวดล้อมทั่วไป AMD ได้ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ดในเดือนที่ผ่านมา โดย MSI เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800 ซึ่งใช้เฟิร์มแวร์ AGESA 1.2.0.3C เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ ช่องโหว่นี้ยังส่งผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ เช่น EPYC 9005 (Turin) ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ที่ใช้ปกป้องข้อมูลในเครื่องเสมือนถูกโจมตี ✅ ช่องโหว่ใน Zen 5 - ช่องโหว่ EntrySign เปิดโอกาสให้รันไมโครโค้ดที่ไม่ได้รับการลงนามบน CPU - เกิดจากกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นที่ใช้ AES-CMAC ✅ การตอบสนองของ AMD - AMD ส่งมอบเฟิร์มแวร์ที่แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตเมนบอร์ด - MSI ออก BIOS อัปเดตสำหรับเมนบอร์ดในซีรีส์ 800 ✅ ผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ - ช่องโหว่ส่งผลกระทบต่อ EPYC 9005 ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยี SEV และ SEV-SNP ถูกโจมตี ✅ การป้องกันในระดับผู้ใช้งานทั่วไป - ไมโครโค้ดที่รันผ่านช่องโหว่จะไม่คงอยู่หลังจากรีบูตระบบ https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-patches-critical-zen-5-microcode-bug-partners-deliver-new-bios-with-agesa-1-2-0-3c
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD patches critical Zen 5 microcode bug — partners deliver new BIOS with AGESA 1.2.0.3C
    Check your motherboard vendor's website to see if a new BIOS is available.
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • ชีวิตคือสมมุติ #ชวนดูซีรีส์ #viu #กินวิ่งและความรัก #เฉินเฟยอวี่ #จวงต่าเฟย #เพลงเพราะ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ #ชวนดูซีรีส์ #viu #กินวิ่งและความรัก #เฉินเฟยอวี่ #จวงต่าเฟย #เพลงเพราะ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 0 Reviews
  • Onyx ได้เปิดตัวเครื่องอ่าน e-reader รุ่นใหม่ในซีรีส์ Go ได้แก่ BOOX Go 7 และ BOOX Go Color 7 (Gen 2) ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่มฟีเจอร์การรองรับปากกา stylus เพื่อการจดบันทึกและการวาดภาพ โดยฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะในรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ตอนนี้ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบเครื่องอ่านขนาดกะทัดรัด 7 นิ้วสามารถเพลิดเพลินกับฟีเจอร์นี้ได้

    BOOX Go 7 มาพร้อมหน้าจอ Carta 1300 monochrome ที่มีความละเอียด 300 PPI เพื่อความคมชัดของข้อความ ส่วน BOOX Go Color 7 Gen 2 ใช้หน้าจอ E-Ink Kaleido 3 ที่มีการปรับปรุงความอิ่มตัวของสี ลด ghosting และเพิ่มอัตราการรีเฟรช โดยในโหมดสีจะมีความละเอียด 150 PPI

    ทั้งสองรุ่นรองรับการหมุนหน้าจออัตโนมัติและการปรับอุณหภูมิแสงไฟหน้า มีหน่วยความจำ 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB (รองรับ microSD) และแบตเตอรี่ 2,400 mAh พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 13 และการเข้าถึง Google Play Store

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    - รองรับปากกา BOOX InkSense active stylus (จำหน่ายแยก)
    - เพิ่มความสามารถในการจดบันทึกและวาดภาพ

    ✅ หน้าจอและความละเอียด
    - BOOX Go 7: หน้าจอ Carta 1300 monochrome ความละเอียด 300 PPI
    - BOOX Go Color 7 Gen 2: หน้าจอ E-Ink Kaleido 3 ความละเอียด 150 PPI ในโหมดสี

    ✅ การออกแบบและฟังก์ชันเพิ่มเติม
    - ออกแบบให้ใช้งานมือเดียวได้ พร้อมปุ่มพลิกหน้ากระดาษ
    - มีพื้นผิวด้านหลังที่ช่วยให้จับถนัดมือ

    ✅ ราคาและการวางจำหน่าย
    - BOOX Go 7 ราคา $249.99 วางจำหน่ายแล้ว
    - BOOX Go Color 7 Gen 2 ราคา $279.99 จะวางจำหน่ายในภายหลัง

    https://www.neowin.net/news/onyx-brings-stylus-and-handwriting-capabilities-to-its-7-inch-go-e-readers/
    Onyx ได้เปิดตัวเครื่องอ่าน e-reader รุ่นใหม่ในซีรีส์ Go ได้แก่ BOOX Go 7 และ BOOX Go Color 7 (Gen 2) ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่มฟีเจอร์การรองรับปากกา stylus เพื่อการจดบันทึกและการวาดภาพ โดยฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะในรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ตอนนี้ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบเครื่องอ่านขนาดกะทัดรัด 7 นิ้วสามารถเพลิดเพลินกับฟีเจอร์นี้ได้ BOOX Go 7 มาพร้อมหน้าจอ Carta 1300 monochrome ที่มีความละเอียด 300 PPI เพื่อความคมชัดของข้อความ ส่วน BOOX Go Color 7 Gen 2 ใช้หน้าจอ E-Ink Kaleido 3 ที่มีการปรับปรุงความอิ่มตัวของสี ลด ghosting และเพิ่มอัตราการรีเฟรช โดยในโหมดสีจะมีความละเอียด 150 PPI ทั้งสองรุ่นรองรับการหมุนหน้าจออัตโนมัติและการปรับอุณหภูมิแสงไฟหน้า มีหน่วยความจำ 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB (รองรับ microSD) และแบตเตอรี่ 2,400 mAh พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 13 และการเข้าถึง Google Play Store ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา - รองรับปากกา BOOX InkSense active stylus (จำหน่ายแยก) - เพิ่มความสามารถในการจดบันทึกและวาดภาพ ✅ หน้าจอและความละเอียด - BOOX Go 7: หน้าจอ Carta 1300 monochrome ความละเอียด 300 PPI - BOOX Go Color 7 Gen 2: หน้าจอ E-Ink Kaleido 3 ความละเอียด 150 PPI ในโหมดสี ✅ การออกแบบและฟังก์ชันเพิ่มเติม - ออกแบบให้ใช้งานมือเดียวได้ พร้อมปุ่มพลิกหน้ากระดาษ - มีพื้นผิวด้านหลังที่ช่วยให้จับถนัดมือ ✅ ราคาและการวางจำหน่าย - BOOX Go 7 ราคา $249.99 วางจำหน่ายแล้ว - BOOX Go Color 7 Gen 2 ราคา $279.99 จะวางจำหน่ายในภายหลัง https://www.neowin.net/news/onyx-brings-stylus-and-handwriting-capabilities-to-its-7-inch-go-e-readers/
    WWW.NEOWIN.NET
    Onyx brings stylus and handwriting capabilities to its 7-inch Go e-readers
    Onyx is launching a refreshed version of its 7-inch e-readers, which, for the first time, now feature proper stylus support and handwriting capabilities.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • ชีวิตคือสมมุติ #เหนื่อยนักก็พักหน่อย #ชวนดูซีรีส์ #wetv #คุ้มที่จะรักเธอ #หวังอันอวี่ #หวังอวี้เหวิน #เพลงเพราะ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ #เหนื่อยนักก็พักหน่อย #ชวนดูซีรีส์ #wetv #คุ้มที่จะรักเธอ #หวังอันอวี่ #หวังอวี้เหวิน #เพลงเพราะ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 0 Reviews
  • **การเนรเทศและการไถ่โทษในจีนโบราณ**

    สวัสดีค่ะ เชื่อว่าเพื่อนเพจแฟนซีรีส์และนิยายจีนโบราณจะคุ้นเคยกับการที่ตัวละครถูกเนรเทศไปอยู่ในพื้นที่กันดารเพื่อเป็นการลงโทษ ซึ่งส่วนใหญ่คือไปแล้วไม่กลับ หรือถ้ากลับก็คือเกิดเหตุการณ์ผันแปรทางอำนาจการเมือง แต่เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย> จะเห็นว่าพล็อตสำคัญของเรื่องคือความพยายามของนางเอกที่จะเก็บเงินให้ได้พอเพียงต่อการไถ่ตัวคนในครอบครัวให้พ้นโทษเนรเทศกลับจากแดนเหนือ วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน

    การเนรเทศมีมาแต่โบราณแต่มีรายละเอียดหลากหลาย และโทษเนรเทศหรือที่เรียกว่า ‘หลิว’ หรือ ‘หลิวฟ่าง’ (流放) ถูกกำหนดความชัดเจนให้เป็นมาตรฐานและถูกบรรจุเป็นหนึ่งในห้าบทลงทัณฑ์ตามกฎหมายอย่างเป็นทางการในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ประมาณปีค.ศ. 386-534) ซึ่งในตอนนั้นใช้เป็นโทษทางการทหาร

    ต่อมามีการกำหนดห้าบทลงทัณฑ์ทั่วไปตามกฎหมายไว้คือ เฆี่ยนด้วยหวาย (笞/ชือ) โบยด้วยพลอง (杖/จ้าง) ทำงานหนัก (徙/ถู... นึกภาพเดินแบกหินสร้างเขื่อนสร้างกำแพง ฯลฯ) เนรเทศ (流/หลิว) และตาย (死/สื่อ) ทั้งนี้ มีการกำหนดความหนักเบาของการลงทัณฑ์ในรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย

    เป็นต้นว่า ในสมัยถังการเนรเทศมีกำหนดระยะทางสองพันหลี่ สองพันห้าร้อยหลี่และสามพันหลี่ เป็นต้น และมีรายละเอียดยิบย่อยมากขึ้นว่าด้วยข้อปฏิบัติระหว่างลงทัณฑ์ และว่ากันว่าเป็นยุคสมัยที่การลงทัณฑ์มีแนวปฏิบัติมากมายจนก่อให้เกิดความสับสน

    และต่อมาในสมัยซ่งมีการกำหนดบทลงทัณฑ์ทดแทนด้วยการโบย ยกเว้นโทษตายที่ทดแทนไม่ได้ เรียกว่า ‘เจ๋อจ้าง’ (折杖) เป็นต้นว่า โทษเนรเทศสามพันหลี่สามารถทดแทนได้ด้วยโทษทำงานหนักหนึ่งปีและโบยหลังยี่สิบพลอง (อนึ่ง การโบยส่วนต่างๆ ของร่างกายมีรายละเอียดอีก เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่ายี่สิบพลองคือจิ๊บๆ แต่โบยหลังอาจตายหรือพิการได้เลย) นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มโทษเนรเทศขั้นสูงสุดเพื่อทดแทนโทษตาย เรียกว่า ‘เจียอี้หลิว’ (加役流) คือการเนรเทศไปดินแดนทุรกันดารไกลสามพันหลี่และให้ทำงานหนักด้วยเป็นเวลาสามปี

    บทลงทัณฑ์ห้าแบบนี้มีใช้ต่อเนื่องมาจนราชวงศ์รุ่นหลัง เพียงแต่ในแต่ละยุคสมัยมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนในรายละเอียดรวมถึงความหนักเบาและระยะเวลาของการลงทัณฑ์แต่ละแบบ

    การใช้เงินเป็นการไถ่โทษนั้นไม่ใช่เบี้ยปรับแต่เป็นการชำระเงินเพื่อทดแทนการรับโทษ ในเรื่อง <ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย> ซึ่งเป็นราชวงศ์สมมุตินั้น นางเอกต้องใช้เงินสูงถึงห้าแสนเฉียนเพื่อไถ่ถอนอิสรภาพให้กับคนในครอบครัวเพียงคนเดียว

    ในความเป็นจริงอัตราค่าไถ่โทษไม่ได้สูงขนาดนั้นและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทั้งด้วยบทกฎหมายและด้วยค่าเงินเฟ้อ อีกทั้งในยุคสมัยแรกๆ สามารถใช้สิ่งของมีค่าอื่นเป็นเงินไถ่ถอนได้ เช่น ข้าวสารหรือผ้าไหม ตัวอย่างเช่น ค่าไถ่ตัวนักโทษเนรเทศในสมัยฮั่นคือแปดตำลึงทองหรือเทียบเท่า

    ในสมัยถัง การใช้เงินไถ่โทษกระทำได้เฉพาะกรณีที่ไม่ใช่โทษหนักสิบประการ (เช่น กบฏ) และต้องเข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยมาก Storyฯ ขอไม่กล่าวถึง แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่ว่านี้ก็คือผู้ต้องโทษเป็นครอบครัวของขุนนางขั้นที่เก้าหรือสูงกว่าและมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมในกรณีผู้ต้องโทษคือตัวขุนนางเองที่สามารถใช้เงินเดือนลดโทษได้ แต่โดยทั่วไปสำหรับโทษเนรเทศในสมัยถังนี้อัตราเงินไถ่ถอนคือ แปดสิบจินทองแดงสำหรับโทษสองพันหลี่ เก้าสิบจินสำหรับโทษสองพันห้าร้อยหลี่ และหนึ่งร้อยจินสำหรับโทษสามพันหลี่ (อนึ่ง ในสมัยนั้นน้ำหนัก 1 จินคือประมาณ 660กรัม เทียบเท่าเงิน 160 เฉียน)

    Storyฯ ไม่สามารถหารายละเอียดค่าไถ่ในยุคสมัยอื่นๆ มาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมด้วยข้อจำกัดทางเวลาและความลำบากในการแปลงค่าเงินและน้ำหนักในแต่ละยุคสมัย แต่หวังว่าเพื่อนเพจพอจะได้อรรถรสจากบทความข้างต้นแล้วว่า การใช้เงินไถ่โทษมีจริงในสมัยโบราณ ทั้งนี้ เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการเก็บเงินหรือเก็บทองแดงเข้าท้องพระคลังหลวงเพื่อใช้ผลิตเหรียญอีแปะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://girlstyle.com/my/article/203344
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.sdcourt.gov.cn/rzwlfy/405115/405122/18224559/index.html
    http://iolaw.cssn.cn/fxyjdt/201906/t20190618_4919774.shtml
    https://baike.baidu.com/item/加役流/6445998
    https://www.mongoose-report.com/mongoose/title_detail?title_id=3699
    http://www.chinaknowledge.de/History/Terms/penal_liu.html
    http://www.chinaknowledge.de/History/Terms/duliangheng.html
    http://www.chinaknowledge.de/History/Terms/shuzui.html

    #ฮวาจื่อบุปผากลางภัย #เนรเทศ #ค่าไถ่ #การลงทัณฑ์จีนโบราณ #สาระจีน
    **การเนรเทศและการไถ่โทษในจีนโบราณ** สวัสดีค่ะ เชื่อว่าเพื่อนเพจแฟนซีรีส์และนิยายจีนโบราณจะคุ้นเคยกับการที่ตัวละครถูกเนรเทศไปอยู่ในพื้นที่กันดารเพื่อเป็นการลงโทษ ซึ่งส่วนใหญ่คือไปแล้วไม่กลับ หรือถ้ากลับก็คือเกิดเหตุการณ์ผันแปรทางอำนาจการเมือง แต่เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย> จะเห็นว่าพล็อตสำคัญของเรื่องคือความพยายามของนางเอกที่จะเก็บเงินให้ได้พอเพียงต่อการไถ่ตัวคนในครอบครัวให้พ้นโทษเนรเทศกลับจากแดนเหนือ วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน การเนรเทศมีมาแต่โบราณแต่มีรายละเอียดหลากหลาย และโทษเนรเทศหรือที่เรียกว่า ‘หลิว’ หรือ ‘หลิวฟ่าง’ (流放) ถูกกำหนดความชัดเจนให้เป็นมาตรฐานและถูกบรรจุเป็นหนึ่งในห้าบทลงทัณฑ์ตามกฎหมายอย่างเป็นทางการในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ประมาณปีค.ศ. 386-534) ซึ่งในตอนนั้นใช้เป็นโทษทางการทหาร ต่อมามีการกำหนดห้าบทลงทัณฑ์ทั่วไปตามกฎหมายไว้คือ เฆี่ยนด้วยหวาย (笞/ชือ) โบยด้วยพลอง (杖/จ้าง) ทำงานหนัก (徙/ถู... นึกภาพเดินแบกหินสร้างเขื่อนสร้างกำแพง ฯลฯ) เนรเทศ (流/หลิว) และตาย (死/สื่อ) ทั้งนี้ มีการกำหนดความหนักเบาของการลงทัณฑ์ในรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย เป็นต้นว่า ในสมัยถังการเนรเทศมีกำหนดระยะทางสองพันหลี่ สองพันห้าร้อยหลี่และสามพันหลี่ เป็นต้น และมีรายละเอียดยิบย่อยมากขึ้นว่าด้วยข้อปฏิบัติระหว่างลงทัณฑ์ และว่ากันว่าเป็นยุคสมัยที่การลงทัณฑ์มีแนวปฏิบัติมากมายจนก่อให้เกิดความสับสน และต่อมาในสมัยซ่งมีการกำหนดบทลงทัณฑ์ทดแทนด้วยการโบย ยกเว้นโทษตายที่ทดแทนไม่ได้ เรียกว่า ‘เจ๋อจ้าง’ (折杖) เป็นต้นว่า โทษเนรเทศสามพันหลี่สามารถทดแทนได้ด้วยโทษทำงานหนักหนึ่งปีและโบยหลังยี่สิบพลอง (อนึ่ง การโบยส่วนต่างๆ ของร่างกายมีรายละเอียดอีก เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่ายี่สิบพลองคือจิ๊บๆ แต่โบยหลังอาจตายหรือพิการได้เลย) นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มโทษเนรเทศขั้นสูงสุดเพื่อทดแทนโทษตาย เรียกว่า ‘เจียอี้หลิว’ (加役流) คือการเนรเทศไปดินแดนทุรกันดารไกลสามพันหลี่และให้ทำงานหนักด้วยเป็นเวลาสามปี บทลงทัณฑ์ห้าแบบนี้มีใช้ต่อเนื่องมาจนราชวงศ์รุ่นหลัง เพียงแต่ในแต่ละยุคสมัยมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนในรายละเอียดรวมถึงความหนักเบาและระยะเวลาของการลงทัณฑ์แต่ละแบบ การใช้เงินเป็นการไถ่โทษนั้นไม่ใช่เบี้ยปรับแต่เป็นการชำระเงินเพื่อทดแทนการรับโทษ ในเรื่อง <ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย> ซึ่งเป็นราชวงศ์สมมุตินั้น นางเอกต้องใช้เงินสูงถึงห้าแสนเฉียนเพื่อไถ่ถอนอิสรภาพให้กับคนในครอบครัวเพียงคนเดียว ในความเป็นจริงอัตราค่าไถ่โทษไม่ได้สูงขนาดนั้นและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทั้งด้วยบทกฎหมายและด้วยค่าเงินเฟ้อ อีกทั้งในยุคสมัยแรกๆ สามารถใช้สิ่งของมีค่าอื่นเป็นเงินไถ่ถอนได้ เช่น ข้าวสารหรือผ้าไหม ตัวอย่างเช่น ค่าไถ่ตัวนักโทษเนรเทศในสมัยฮั่นคือแปดตำลึงทองหรือเทียบเท่า ในสมัยถัง การใช้เงินไถ่โทษกระทำได้เฉพาะกรณีที่ไม่ใช่โทษหนักสิบประการ (เช่น กบฏ) และต้องเข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยมาก Storyฯ ขอไม่กล่าวถึง แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่ว่านี้ก็คือผู้ต้องโทษเป็นครอบครัวของขุนนางขั้นที่เก้าหรือสูงกว่าและมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมในกรณีผู้ต้องโทษคือตัวขุนนางเองที่สามารถใช้เงินเดือนลดโทษได้ แต่โดยทั่วไปสำหรับโทษเนรเทศในสมัยถังนี้อัตราเงินไถ่ถอนคือ แปดสิบจินทองแดงสำหรับโทษสองพันหลี่ เก้าสิบจินสำหรับโทษสองพันห้าร้อยหลี่ และหนึ่งร้อยจินสำหรับโทษสามพันหลี่ (อนึ่ง ในสมัยนั้นน้ำหนัก 1 จินคือประมาณ 660กรัม เทียบเท่าเงิน 160 เฉียน) Storyฯ ไม่สามารถหารายละเอียดค่าไถ่ในยุคสมัยอื่นๆ มาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมด้วยข้อจำกัดทางเวลาและความลำบากในการแปลงค่าเงินและน้ำหนักในแต่ละยุคสมัย แต่หวังว่าเพื่อนเพจพอจะได้อรรถรสจากบทความข้างต้นแล้วว่า การใช้เงินไถ่โทษมีจริงในสมัยโบราณ ทั้งนี้ เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการเก็บเงินหรือเก็บทองแดงเข้าท้องพระคลังหลวงเพื่อใช้ผลิตเหรียญอีแปะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://girlstyle.com/my/article/203344 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.sdcourt.gov.cn/rzwlfy/405115/405122/18224559/index.html http://iolaw.cssn.cn/fxyjdt/201906/t20190618_4919774.shtml https://baike.baidu.com/item/加役流/6445998 https://www.mongoose-report.com/mongoose/title_detail?title_id=3699 http://www.chinaknowledge.de/History/Terms/penal_liu.html http://www.chinaknowledge.de/History/Terms/duliangheng.html http://www.chinaknowledge.de/History/Terms/shuzui.html #ฮวาจื่อบุปผากลางภัย #เนรเทศ #ค่าไถ่ #การลงทัณฑ์จีนโบราณ #สาระจีน
    GIRLSTYLE.COM
    张婧仪 & 胡一天《惜花芷》扑开高走.热度破万!开播前被全网嘲「必扑」,靠「过硬剧情」扳回一城狠狠打脸酸民~ | GirlStyle 马来西亚女生日常
    张婧仪、胡一天主演的古装剧《惜花芷》站内热度破万啦!这部剧在开播之前无人看好,预告释出后更是嘲声一片,被看衰「一定会扑」!但是,《惜花芷》却靠剧情逆转口碑,收获许多“自来水”(真心喜欢而自愿帮宣传的观众)的喜爱,让收视率一路上升,杀出重围成为黑马!
    1 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ AMD RX 9070 GRE (Great Radeon Edition) ซึ่งเป็นการ์ดจอที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในซีรีส์ RX 9070 โดยใช้ชิป Navi 48 GPU ที่ถูกปรับลดสเปกลงเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่ต้องการราคาประหยัด การ์ดจอรุ่นนี้มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 2.79 GHz

    การ์ดจอ RX 9070 GRE มีการออกแบบที่เน้นการระบายความร้อนด้วยพัดลมสามตัว และมีการใช้พลังงานขั้นต่ำที่ 650W โดยมีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอรุ่นนี้อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเฉพาะในตลาดจีน

    ✅ การใช้ชิป Navi 48 GPU
    - มี 3,072 คอร์ที่เปิดใช้งาน
    - อินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit และหน่วยความจำ 12GB GDDR6

    ✅ การออกแบบและการใช้พลังงาน
    - ใช้พัดลมสามตัวสำหรับการระบายความร้อน
    - ต้องการพลังงานขั้นต่ำที่ 650W

    ✅ การเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    - มีความคล้ายคลึงกับ RX 7700 XT ในแง่ของจำนวนคอร์และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ
    - RX 9070 GRE ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ RX 7700 XT

    ✅ การวางจำหน่ายและตลาดเป้าหมาย
    - คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดจีนเป็นหลัก
    - มีการออกแบบกล่องที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/amd-rx-9070-gre-allegedly-ready-for-launch-navi-48-gpu-trimmed-down-to-12gb-vram-and-48-compute-units
    ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ AMD RX 9070 GRE (Great Radeon Edition) ซึ่งเป็นการ์ดจอที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในซีรีส์ RX 9070 โดยใช้ชิป Navi 48 GPU ที่ถูกปรับลดสเปกลงเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่ต้องการราคาประหยัด การ์ดจอรุ่นนี้มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 2.79 GHz การ์ดจอ RX 9070 GRE มีการออกแบบที่เน้นการระบายความร้อนด้วยพัดลมสามตัว และมีการใช้พลังงานขั้นต่ำที่ 650W โดยมีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอรุ่นนี้อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเฉพาะในตลาดจีน ✅ การใช้ชิป Navi 48 GPU - มี 3,072 คอร์ที่เปิดใช้งาน - อินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit และหน่วยความจำ 12GB GDDR6 ✅ การออกแบบและการใช้พลังงาน - ใช้พัดลมสามตัวสำหรับการระบายความร้อน - ต้องการพลังงานขั้นต่ำที่ 650W ✅ การเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า - มีความคล้ายคลึงกับ RX 7700 XT ในแง่ของจำนวนคอร์และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ - RX 9070 GRE ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ RX 7700 XT ✅ การวางจำหน่ายและตลาดเป้าหมาย - คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดจีนเป็นหลัก - มีการออกแบบกล่องที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/amd-rx-9070-gre-allegedly-ready-for-launch-navi-48-gpu-trimmed-down-to-12gb-vram-and-48-compute-units
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD RX 9070 GRE allegedly ready for launch — Navi 48 GPU trimmed down to 12GB VRAM and 48 compute units
    AMD's third RDNA4 GPU is ready to roll, but it might be exclusive to Chinese customers
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • AMD ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ในงาน Computex 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม โดยมีการเปิดเผยว่าจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI-powered PCs, เกม, และ โซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูล AI นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า AMD อาจเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9000 เช่น RX 9060 XT และโปรเซสเซอร์ Gordon Point ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน AI

    ✅ AMD จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน Computex 2025
    - ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI-powered PCs และโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูล AI
    - การนำเสนอเทคโนโลยีใหม่สำหรับเกมบนเดสก์ท็อป มือถือ และอุปกรณ์พกพา

    ✅ การคาดการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
    - AMD อาจเปิดตัวกราฟิกการ์ด RX 9060 XT ในงานนี้
    - โปรเซสเซอร์ Gordon Point ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน AI

    ✅ การร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรม
    - Jack Huynh รองประธานอาวุโสของ AMD จะร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์

    ✅ การจัดงานเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน
    - AMD จะจัดงานแยกต่างหากในวันที่ 12 มิถุนายน โดยมี Lisa Su เป็นผู้ดำเนินการ

    https://www.neowin.net/news/amd-confirms-new-product-announcements-at-computex-2025-in-may/
    AMD ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ในงาน Computex 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม โดยมีการเปิดเผยว่าจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI-powered PCs, เกม, และ โซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูล AI นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า AMD อาจเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9000 เช่น RX 9060 XT และโปรเซสเซอร์ Gordon Point ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน AI ✅ AMD จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน Computex 2025 - ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI-powered PCs และโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูล AI - การนำเสนอเทคโนโลยีใหม่สำหรับเกมบนเดสก์ท็อป มือถือ และอุปกรณ์พกพา ✅ การคาดการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ - AMD อาจเปิดตัวกราฟิกการ์ด RX 9060 XT ในงานนี้ - โปรเซสเซอร์ Gordon Point ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งาน AI ✅ การร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรม - Jack Huynh รองประธานอาวุโสของ AMD จะร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ✅ การจัดงานเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน - AMD จะจัดงานแยกต่างหากในวันที่ 12 มิถุนายน โดยมี Lisa Su เป็นผู้ดำเนินการ https://www.neowin.net/news/amd-confirms-new-product-announcements-at-computex-2025-in-may/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD confirms new product announcements at Computex 2025 in May
    AMD fans should mark May 21 on the calendar as the company has just confirmed its presence and product announcements at Computex 2025.
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 9 285K ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงในซีรีส์ Arrow Lake โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นถึง 6% หลังจากการอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ใหม่ นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "200S Boost" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและการประมวลผล โดยฟีเจอร์นี้ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์

    ✅ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 6% บนระบบปฏิบัติการ Linux
    - การปรับปรุงนี้เกิดจากการอัปเดต BIOS และการปรับปรุงการจัดการงานบนแกนประมวลผลแบบ P/E cores
    - การทดสอบบน Ubuntu 25.04 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในงานแบบ single-core และการเล่นเกม

    ✅ ฟีเจอร์ "200S Boost" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อก
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ถึง 7.5%
    - ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก

    ✅ Arrow Lake ใช้การออกแบบแกนประมวลผลแบบใหม่
    - การออกแบบแกนประมวลผลแบบ P/E cores ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - การจัดการงานบนแกนประมวลผลได้รับการปรับปรุงใน Linux kernel

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
    - Intel ยังคงพัฒนา BIOS และไดรเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Arrow Lake

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-9-285k-performance-sees-6-percent-improvement-on-linux-arrow-lake-boosts-even-without-new-200s-boost-bios
    Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 9 285K ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงในซีรีส์ Arrow Lake โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นถึง 6% หลังจากการอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ใหม่ นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "200S Boost" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและการประมวลผล โดยฟีเจอร์นี้ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์ ✅ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 6% บนระบบปฏิบัติการ Linux - การปรับปรุงนี้เกิดจากการอัปเดต BIOS และการปรับปรุงการจัดการงานบนแกนประมวลผลแบบ P/E cores - การทดสอบบน Ubuntu 25.04 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในงานแบบ single-core และการเล่นเกม ✅ ฟีเจอร์ "200S Boost" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อก - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ถึง 7.5% - ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก ✅ Arrow Lake ใช้การออกแบบแกนประมวลผลแบบใหม่ - การออกแบบแกนประมวลผลแบบ P/E cores ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - การจัดการงานบนแกนประมวลผลได้รับการปรับปรุงใน Linux kernel ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง - Intel ยังคงพัฒนา BIOS และไดรเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Arrow Lake https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-9-285k-performance-sees-6-percent-improvement-on-linux-arrow-lake-boosts-even-without-new-200s-boost-bios
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • ถ่ายเพื่อทำ CGI ในซีรีส์ จอมใจอโยธยา
    ถ่ายเพื่อทำ CGI ในซีรีส์ จอมใจอโยธยา
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 0 Reviews
  • Intel ยังคงมุ่งมั่นในตลาด GPU สำหรับเดสก์ท็อป โดยมีการพัฒนา GPU รุ่นใหม่ในซีรีส์ Battlemage ซึ่งรวมถึงรุ่น BMG-G31 และ BMG-C32 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานด้าน AI และงานระดับมืออาชีพ แม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับการยกเลิกการพัฒนารุ่น BMG-G31 แต่ข้อมูลจากเอกสารการขนส่งชี้ให้เห็นว่า Intel ยังคงดำเนินการวิจัยและพัฒนา GPU รุ่นนี้ต่อไป

    ✅ Intel พัฒนา GPU รุ่น BMG-G31 สำหรับงาน AI และมืออาชีพ
    - GPU รุ่นนี้มี 24-32 Xe2 cores พร้อม 256-bit memory bus และ 16 GB GDDR6 memory
    - ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น AI และการประมวลผลข้อมูล

    ✅ BMG-C32 เป็นรุ่นที่ถูกปรับปรุงจาก BMG-G31
    - มีการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการใช้งานที่หลากหลาย

    ✅ Intel ยังคงมุ่งมั่นในตลาด GPU สำหรับเดสก์ท็อป
    - แม้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับการยกเลิกการพัฒนารุ่น BMG-G31 แต่ Intel ยังคงดำเนินการวิจัยและพัฒนา

    ✅ GPU Battlemage ใช้สถาปัตยกรรม Xe3 "Celestial"
    - สถาปัตยกรรมนี้จะถูกนำไปใช้ใน SoC Panther Lake ในอนาคต

    https://wccftech.com/intel-isnt-done-with-the-desktop-gpu-segment-yet/
    Intel ยังคงมุ่งมั่นในตลาด GPU สำหรับเดสก์ท็อป โดยมีการพัฒนา GPU รุ่นใหม่ในซีรีส์ Battlemage ซึ่งรวมถึงรุ่น BMG-G31 และ BMG-C32 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานด้าน AI และงานระดับมืออาชีพ แม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับการยกเลิกการพัฒนารุ่น BMG-G31 แต่ข้อมูลจากเอกสารการขนส่งชี้ให้เห็นว่า Intel ยังคงดำเนินการวิจัยและพัฒนา GPU รุ่นนี้ต่อไป ✅ Intel พัฒนา GPU รุ่น BMG-G31 สำหรับงาน AI และมืออาชีพ - GPU รุ่นนี้มี 24-32 Xe2 cores พร้อม 256-bit memory bus และ 16 GB GDDR6 memory - ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น AI และการประมวลผลข้อมูล ✅ BMG-C32 เป็นรุ่นที่ถูกปรับปรุงจาก BMG-G31 - มีการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ✅ Intel ยังคงมุ่งมั่นในตลาด GPU สำหรับเดสก์ท็อป - แม้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับการยกเลิกการพัฒนารุ่น BMG-G31 แต่ Intel ยังคงดำเนินการวิจัยและพัฒนา ✅ GPU Battlemage ใช้สถาปัตยกรรม Xe3 "Celestial" - สถาปัตยกรรมนี้จะถูกนำไปใช้ใน SoC Panther Lake ในอนาคต https://wccftech.com/intel-isnt-done-with-the-desktop-gpu-segment-yet/
    WCCFTECH.COM
    Intel Isn't Done With The Desktop GPU Segment Yet; New Battlemage SKUs Surface Up On Shipping Manifests
    Intel is still determined to make an impact on the dGPU segment, as shipping manifests have revealed development on a new Battlemage SKU.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • บทความนี้รายงานเกี่ยวกับการพบข้อมูลการจัดส่งของ Ryzen Threadripper 9985WX ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก AMD ที่มี 64 คอร์ พร้อมกับรุ่นอื่นๆ เช่น 16 คอร์ และ 12 คอร์ โดยข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าซีพียูเหล่านี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ ซึ่งอาจเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ Ryzen Threadripper 9985WX มี 64 คอร์และ 128 เธรด
    - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อมแคช L3 ขนาด 384MB และ L2 ขนาด 96MB
    - รองรับซ็อกเก็ต SP6 (sTR5) และมี TDP 350 วัตต์

    ✅ AMD วางแผนเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในครอบครัว Shimada Peak
    - ซีพียูในซีรีส์นี้จะมีตั้งแต่ 12 คอร์ ไปจนถึง 96 คอร์
    - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex หรือช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ซีพียูรุ่นใหม่รองรับการใช้งานในกลุ่ม HEDT และ Workstation
    - เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ PCIe lanes จำนวนมาก และ ช่องทางหน่วยความจำที่หลากหลาย
    - มีตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการซีพียูที่มีคอร์จำนวนมาก

    ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น
    - ซีพียูรุ่น 12 คอร์และ 16 คอร์ใช้ CCD ที่มีคอร์บางส่วนถูกปิดการใช้งานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/64-core-ryzen-threadripper-9985wx-spotted-in-shipping-manifests-16-and-12-core-siblings-also-spotted
    บทความนี้รายงานเกี่ยวกับการพบข้อมูลการจัดส่งของ Ryzen Threadripper 9985WX ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก AMD ที่มี 64 คอร์ พร้อมกับรุ่นอื่นๆ เช่น 16 คอร์ และ 12 คอร์ โดยข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าซีพียูเหล่านี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ ซึ่งอาจเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ✅ Ryzen Threadripper 9985WX มี 64 คอร์และ 128 เธรด - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อมแคช L3 ขนาด 384MB และ L2 ขนาด 96MB - รองรับซ็อกเก็ต SP6 (sTR5) และมี TDP 350 วัตต์ ✅ AMD วางแผนเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในครอบครัว Shimada Peak - ซีพียูในซีรีส์นี้จะมีตั้งแต่ 12 คอร์ ไปจนถึง 96 คอร์ - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex หรือช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ซีพียูรุ่นใหม่รองรับการใช้งานในกลุ่ม HEDT และ Workstation - เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ PCIe lanes จำนวนมาก และ ช่องทางหน่วยความจำที่หลากหลาย - มีตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการซีพียูที่มีคอร์จำนวนมาก ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น - ซีพียูรุ่น 12 คอร์และ 16 คอร์ใช้ CCD ที่มีคอร์บางส่วนถูกปิดการใช้งานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/64-core-ryzen-threadripper-9985wx-spotted-in-shipping-manifests-16-and-12-core-siblings-also-spotted
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • **พิธีแต่งงาน กราบไหว้กระจก**

    สวัสดีค่ะ วันนี้คุยกันสั้นๆ ว่าด้วยเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน
    เราเคยคุยกันเกี่ยวกับหลากหลายธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นที่สะดุดตา Storyฯ ไม่น้อย ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูถึงฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงจะรู้สึกสะดุดตากับการไหว้กระจกหรือไม่?

    การไหว้กระจกนี้เรียกว่า ‘ว่องจิ้งจ่านป้าย’ (望镜展拜) เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการกราบไหว้ตอนแต่งงาน โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่ากระจกสามารถขับสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต อีกทั้งสื่อความหมายของความกระจ่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นว่างานมงคลครั้งนี้ทำอย่างถูกต้องตามพิธีการ เปิดเผยและสมเกียรติ

    แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตามากกว่ากับการกราบไหว้สามครั้ง ประกอบด้วยการกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดาฝ่ายชาย และกราบไหว้คู่แต่งงาน จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วกราบไหว้กระจกตอนไหน Storyฯ จึงไปหาข้อมูลมาเพิ่ม และพบว่าจริงๆ แล้วพิธีแต่งงานแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ดังนั้นเราจึงพบเห็นความหลากหลายในซีรีส์ต่างๆ ที่พยายามเอาธรรมเนียมจีนมาถ่ายทอดให้ดู

    การไหว้กระจกเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัด แต่มีปรากฏอยู่บนภาพวาดในถ้ำโบราณม่อเกาถ้ำที่สิบสองแห่งเมืองโบราณตุนหวง ซึ่งเป็นภาพวาดสมัยถังตอนปลาย (ดูรูปประกอบ) เราจะเห็นคู่บ่าวสาวอยู่หน้ากระจกที่ตั้งอยู่บนขาตั้งสามขา โดยฝ่ายชายคุกเข่ากราบไหว้ ฝ่ายหญิงยืนคารวะอยู่ข้างๆ ซึ่งการที่ฝ่ายชายคุกเข่าแต่ฝ่ายหญิงคุกเข่านั้น บางข้อมูลกล่าวว่าเป็นเพราะว่ามันเป็นพิธีของการที่ฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็มีบางบทความที่กล่าวว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยถัง

    ในสมัยถัง หนึ่งในรูปแบบพิธีแต่งงานคือมีการกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดของตระกูลต่างหาก และในส่วนพิธีในบ้านนั้นบอกแต่เพียงว่าเป็นการกราบไหว้ของคู่บ่าวสาว โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ไหว้ฟ้าดินหรือบิดามารดาหรือใคร จึงกลายเป็นการกราบไหว้กระจกอย่างเดียวก็จบพิธีแล้วส่งตัวเข้าห้องหอเลย

    วิธีปฏิบัตินี้มีสืบทอดต่อไปจนถึงสมัยซ่งเหนือ ปรากฏในบันทึกตงจิงเมิ่งหัวลู่ว่า เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว จะมีคนโปรยถั่วต่างๆ พร้อมเอ่ยคำอวยพร บ่าวสาวก้าวไปบนผ้าหรือพรมคนนำมาสลับวาง (เรียกว่า ‘จ่วนสี’ / 转席) เพื่อไม่ให้เท้าแตะพื้น มีคนถือกระจกกลับด้าน (คือให้สะท้อนไปที่คู่บ่าวสาว) นำทางบ่าวสาวเดินข้ามผ่านอานม้าไปยังหน้าแท่นพิธี กราบไหว้แล้วส่งตัวเข้าห้องหอ แล้วบ่าวสาวค่อยไปคำนับซึ่งกันและกันตอนดื่มสุรามงคลในห้องหอ

    จากคำบรรยายฟังดูใกล้เคียงมากกับฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงที่เราเห็นในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> ที่มีสมัยถังเป็นฉากหลัง เพียงแต่ว่าเท่าที่ Storyฯ หาข้อมูลมาการก้าวข้ามอานม้าเพิ่งมีปฏิบัติในสมัยซ่ง แต่อย่างที่เราพอจะเห็นภาพว่าพิธีการเกี่ยวกับการแต่งงานมีรายละเอียดมากและแตกต่างกันไปตามพื้นที่และยุคสมัย และแน่นอนว่าเราจะเห็นอีกหลายหลายซีรีส์ทั้งในยุคถังและซ่งที่มีขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินที่แตกต่างกันในรายละเอียด

    ได้ยินว่าในเรื่อง <งามบุปผาสกุณา> ก็มีฉากกราบไหว้กระจกในพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่ Storyฯ ยังไม่ได้ดู เพื่อนเพจเคยผ่านตาธรรมเนียมนี้ในเรื่องใด เม้นท์กันเข้ามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.yicai.com/news/102418541.html
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251
    https://baike.baidu.com/item/拜堂/63174
    https://yuedu.163.com/book_reader/eba5f99b2df44d1781d1e12e583d647c_4/95a26035c7624257a18cd5c3819a33bc_5
    https://chiculture.org.hk/sc/china-five-thousand-years/4488

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #พิธีแต่งงานจีน #กราบไหว้กระจก #ว่องจิ้งจ่านป้าย #สาระจีน
    **พิธีแต่งงาน กราบไหว้กระจก** สวัสดีค่ะ วันนี้คุยกันสั้นๆ ว่าด้วยเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน เราเคยคุยกันเกี่ยวกับหลากหลายธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นที่สะดุดตา Storyฯ ไม่น้อย ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูถึงฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงจะรู้สึกสะดุดตากับการไหว้กระจกหรือไม่? การไหว้กระจกนี้เรียกว่า ‘ว่องจิ้งจ่านป้าย’ (望镜展拜) เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการกราบไหว้ตอนแต่งงาน โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่ากระจกสามารถขับสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต อีกทั้งสื่อความหมายของความกระจ่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นว่างานมงคลครั้งนี้ทำอย่างถูกต้องตามพิธีการ เปิดเผยและสมเกียรติ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตามากกว่ากับการกราบไหว้สามครั้ง ประกอบด้วยการกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดาฝ่ายชาย และกราบไหว้คู่แต่งงาน จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วกราบไหว้กระจกตอนไหน Storyฯ จึงไปหาข้อมูลมาเพิ่ม และพบว่าจริงๆ แล้วพิธีแต่งงานแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ดังนั้นเราจึงพบเห็นความหลากหลายในซีรีส์ต่างๆ ที่พยายามเอาธรรมเนียมจีนมาถ่ายทอดให้ดู การไหว้กระจกเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัด แต่มีปรากฏอยู่บนภาพวาดในถ้ำโบราณม่อเกาถ้ำที่สิบสองแห่งเมืองโบราณตุนหวง ซึ่งเป็นภาพวาดสมัยถังตอนปลาย (ดูรูปประกอบ) เราจะเห็นคู่บ่าวสาวอยู่หน้ากระจกที่ตั้งอยู่บนขาตั้งสามขา โดยฝ่ายชายคุกเข่ากราบไหว้ ฝ่ายหญิงยืนคารวะอยู่ข้างๆ ซึ่งการที่ฝ่ายชายคุกเข่าแต่ฝ่ายหญิงคุกเข่านั้น บางข้อมูลกล่าวว่าเป็นเพราะว่ามันเป็นพิธีของการที่ฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็มีบางบทความที่กล่าวว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยถัง ในสมัยถัง หนึ่งในรูปแบบพิธีแต่งงานคือมีการกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดของตระกูลต่างหาก และในส่วนพิธีในบ้านนั้นบอกแต่เพียงว่าเป็นการกราบไหว้ของคู่บ่าวสาว โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ไหว้ฟ้าดินหรือบิดามารดาหรือใคร จึงกลายเป็นการกราบไหว้กระจกอย่างเดียวก็จบพิธีแล้วส่งตัวเข้าห้องหอเลย วิธีปฏิบัตินี้มีสืบทอดต่อไปจนถึงสมัยซ่งเหนือ ปรากฏในบันทึกตงจิงเมิ่งหัวลู่ว่า เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว จะมีคนโปรยถั่วต่างๆ พร้อมเอ่ยคำอวยพร บ่าวสาวก้าวไปบนผ้าหรือพรมคนนำมาสลับวาง (เรียกว่า ‘จ่วนสี’ / 转席) เพื่อไม่ให้เท้าแตะพื้น มีคนถือกระจกกลับด้าน (คือให้สะท้อนไปที่คู่บ่าวสาว) นำทางบ่าวสาวเดินข้ามผ่านอานม้าไปยังหน้าแท่นพิธี กราบไหว้แล้วส่งตัวเข้าห้องหอ แล้วบ่าวสาวค่อยไปคำนับซึ่งกันและกันตอนดื่มสุรามงคลในห้องหอ จากคำบรรยายฟังดูใกล้เคียงมากกับฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงที่เราเห็นในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> ที่มีสมัยถังเป็นฉากหลัง เพียงแต่ว่าเท่าที่ Storyฯ หาข้อมูลมาการก้าวข้ามอานม้าเพิ่งมีปฏิบัติในสมัยซ่ง แต่อย่างที่เราพอจะเห็นภาพว่าพิธีการเกี่ยวกับการแต่งงานมีรายละเอียดมากและแตกต่างกันไปตามพื้นที่และยุคสมัย และแน่นอนว่าเราจะเห็นอีกหลายหลายซีรีส์ทั้งในยุคถังและซ่งที่มีขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินที่แตกต่างกันในรายละเอียด ได้ยินว่าในเรื่อง <งามบุปผาสกุณา> ก็มีฉากกราบไหว้กระจกในพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่ Storyฯ ยังไม่ได้ดู เพื่อนเพจเคยผ่านตาธรรมเนียมนี้ในเรื่องใด เม้นท์กันเข้ามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.yicai.com/news/102418541.html https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251 https://baike.baidu.com/item/拜堂/63174 https://yuedu.163.com/book_reader/eba5f99b2df44d1781d1e12e583d647c_4/95a26035c7624257a18cd5c3819a33bc_5 https://chiculture.org.hk/sc/china-five-thousand-years/4488 #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #พิธีแต่งงานจีน #กราบไหว้กระจก #ว่องจิ้งจ่านป้าย #สาระจีน
    从《蜀锦人家》看非遗生意经,这些诀窍可借鉴|乐言商业
    《蜀锦人家》通过女主角季英英的故事,展示了核心技术、创新、产业链合作、资本运作和渠道拓展等商业策略,为现代消费企业提供了宝贵的启示。
    1 Comments 0 Shares 384 Views 0 Reviews
  • Atomic Keyboard ได้เปิดตัว MDR Dasher ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ Severance บน Apple TV+ โดยออกแบบให้มีรูปลักษณ์แบบเรโทร-ฟิวเจอร์ริสติก พร้อม trackball ในตัว และการจัดวางปุ่มที่แตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป

    ✅ MDR Dasher ได้รับแรงบันดาลใจจากคีย์บอร์ดในซีรีส์ Severance
    - คีย์บอร์ดนี้ออกแบบให้คล้ายกับ Data General Dasher terminals ที่ได้รับความนิยมในช่วงปลายยุค 70 และต้นยุค 80
    - มี ดีไซน์แบบเรโทร-ฟิวเจอร์ริสติก พร้อมกรอบสีขาวหม่นและปุ่มสีน้ำเงิน

    ✅ การจัดวางปุ่มแตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป
    - ไม่มีปุ่ม Escape, Control และ Option เพื่อสะท้อนธีมของซีรีส์ที่เน้นความเป็นระบบปิด
    - มี 73 ปุ่ม และใช้ เลย์เอาต์แบบ 70%

    ✅ MDR Dasher มาพร้อม trackball ในตัว
    - แทนที่จะใช้เมาส์แบบทั่วไป คีย์บอร์ดนี้มี trackball ทางด้านขวา
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้โดยไม่ต้องใช้เมาส์แยก

    ✅ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการหลัก
    - สามารถใช้กับ Windows, macOS และ Linux
    - ตัวเคสทำจาก อะลูมิเนียม เพื่อเพิ่มความทนทาน

    ✅ ราคายังไม่ถูกยืนยัน แต่คาดว่าอยู่ที่ประมาณ $399
    - Atomic Keyboard ยังไม่ได้ประกาศราคาสุดท้าย เนื่องจากมี ปัญหาด้านภาษีนำเข้า
    - เปิดให้ลงทะเบียนสำหรับ การสั่งจองล่วงหน้าแบบจำนวนจำกัด

    https://www.techspot.com/news/107593-real-life-severance-keyboard-here-complete-built-trackball.html
    Atomic Keyboard ได้เปิดตัว MDR Dasher ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ Severance บน Apple TV+ โดยออกแบบให้มีรูปลักษณ์แบบเรโทร-ฟิวเจอร์ริสติก พร้อม trackball ในตัว และการจัดวางปุ่มที่แตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป ✅ MDR Dasher ได้รับแรงบันดาลใจจากคีย์บอร์ดในซีรีส์ Severance - คีย์บอร์ดนี้ออกแบบให้คล้ายกับ Data General Dasher terminals ที่ได้รับความนิยมในช่วงปลายยุค 70 และต้นยุค 80 - มี ดีไซน์แบบเรโทร-ฟิวเจอร์ริสติก พร้อมกรอบสีขาวหม่นและปุ่มสีน้ำเงิน ✅ การจัดวางปุ่มแตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป - ไม่มีปุ่ม Escape, Control และ Option เพื่อสะท้อนธีมของซีรีส์ที่เน้นความเป็นระบบปิด - มี 73 ปุ่ม และใช้ เลย์เอาต์แบบ 70% ✅ MDR Dasher มาพร้อม trackball ในตัว - แทนที่จะใช้เมาส์แบบทั่วไป คีย์บอร์ดนี้มี trackball ทางด้านขวา - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้โดยไม่ต้องใช้เมาส์แยก ✅ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการหลัก - สามารถใช้กับ Windows, macOS และ Linux - ตัวเคสทำจาก อะลูมิเนียม เพื่อเพิ่มความทนทาน ✅ ราคายังไม่ถูกยืนยัน แต่คาดว่าอยู่ที่ประมาณ $399 - Atomic Keyboard ยังไม่ได้ประกาศราคาสุดท้าย เนื่องจากมี ปัญหาด้านภาษีนำเข้า - เปิดให้ลงทะเบียนสำหรับ การสั่งจองล่วงหน้าแบบจำนวนจำกัด https://www.techspot.com/news/107593-real-life-severance-keyboard-here-complete-built-trackball.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    A real-life Severance keyboard is here, complete with built-in trackball
    In Severance, the keyboards used by Macrodata Refinement – the department where the protagonists work – appear to draw inspiration from Data General's vintage Dasher terminals, popular...
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • นักแสดงและนักร้องสาวจีนชื่อดัง จ้าวลู่ซือ วัย 24 ปี สร้างความประหลาดใจให้แฟนๆ ด้วยการปรากฏตัวที่งานเปิดบูติกแฟชั่นสุดหรูในกรุงปักกิ่ง นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมสาธารณะครั้งแรกของเธอ นับตั้งแต่หยุดพักงานเมื่อปลายปีก่อน เพื่อรักษาอาการซึมเศร้าที่กำเริบขึ้นอีกครั้ง

    ในรายการวาไรตี้ล่าสุด เธอยอมรับว่าได้หยุดถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Lover’s Ambition เพื่อโฟกัสสุขภาพจิต ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมข่าวดีเรื่อง การต่อสัญญากับต้นสังกัดไปจนถึงปี 2030
    ลุคใหม่ “แดงแรงฤทธิ์” จุดกระแสวิจารณ์

    ในงาน จ้าวลู่ซือปรากฏตัวในชุดเดรสสีแดงสดเผยแผ่นหลังสุดเซ็กซี่ ที่เผยผิวขาวละมุนตัดกับเส้นผมสีแดงเพลิงที่เพิ่งย้อมใหม่ โดยก่อนหน้านั้นเธอสวมเบลเซอร์ดำทับ ก่อนจะถอดเผยลุคเต็มที่เรียกเสียงฮือฮา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035896

    #MGROnline #จ้าวลู่ซือ
    นักแสดงและนักร้องสาวจีนชื่อดัง จ้าวลู่ซือ วัย 24 ปี สร้างความประหลาดใจให้แฟนๆ ด้วยการปรากฏตัวที่งานเปิดบูติกแฟชั่นสุดหรูในกรุงปักกิ่ง นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมสาธารณะครั้งแรกของเธอ นับตั้งแต่หยุดพักงานเมื่อปลายปีก่อน เพื่อรักษาอาการซึมเศร้าที่กำเริบขึ้นอีกครั้ง • ในรายการวาไรตี้ล่าสุด เธอยอมรับว่าได้หยุดถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Lover’s Ambition เพื่อโฟกัสสุขภาพจิต ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมข่าวดีเรื่อง การต่อสัญญากับต้นสังกัดไปจนถึงปี 2030 ลุคใหม่ “แดงแรงฤทธิ์” จุดกระแสวิจารณ์ • ในงาน จ้าวลู่ซือปรากฏตัวในชุดเดรสสีแดงสดเผยแผ่นหลังสุดเซ็กซี่ ที่เผยผิวขาวละมุนตัดกับเส้นผมสีแดงเพลิงที่เพิ่งย้อมใหม่ โดยก่อนหน้านั้นเธอสวมเบลเซอร์ดำทับ ก่อนจะถอดเผยลุคเต็มที่เรียกเสียงฮือฮา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035896 • #MGROnline #จ้าวลู่ซือ
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้ Storyฯ กลับไปดูซีรีส์เก่าๆ ค่ะ มาลงเอยที่ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> และสะดุดกับเนื้อเรื่องตอนที่กล่าวถึงว่า พระรองพยายามจีบนางเอกด้วยการล่าสัตว์เอาสัตว์ป่ามาให้ ทำเอาพระเอกหึงจนร่ายยาวออกมาเป็นบทกวี แต่นางเอกฟังไม่เข้าใจ วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีนี้กันค่ะ

    ความมีอยู่ว่า
    ... “กวางสิ้นใจในป่าทึบ หญ้าคาขาวห่อหุ้มตัวมันไว้ หญิงสาวความรักผลิบาน ชายหนุ่มไล่ตามพูดหยอกเย้า ป่ามีต้นอ่อนถือกำเนิด พณาร้างมีกวางหนึ่งสิ้นใจ ห่อคาขาวนี้คิดมอบให้ผู้ใด มอบให้หญิงงามดุจยอดหยก อย่าได้รีบร้อนถอดนักซิ อย่าแตะต้องผ้าคาดเอวข้า อย่าทำสุนัขเห่าหอนมา ชาตินี้ข้าติดตามท่านแน่แล้ว” ... กล่าวคือบุรุษในกลอนนี้นำผ้าขาวห่อสัตว์ที่ล่ามาได้หลอกล่อหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักชายผู้นั้น ...
    - ถอดบทสนทนาจาก <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> (ตามซับไทย)

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ (野有死麕 แปลได้ตามซับไทยของละครว่า ‘กวางสิ้นใจในป่าทึบ’) (หมายเหตุ ‘จวิน’ เป็นกวางขนาดเล็กไม่มีเขา ไม่แน่ใจว่าใช่กระจงหรือไม่)

    บทกวีนี้มีทั้งหมดสามท่อน ท่อนละสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) จัดอยู่ในหมวด ‘กั๋วเฟิง’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทเพลงพื้นบ้าน

    ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงการเกี้ยวพาราสีของชายหญิง โดยเฉพาะท่อนหลังดูจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะถึงเนื้อถึงตัว เป็นเนื้อหาที่ดูจะสะท้อนถึงอิสระของสตรีในแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในกลอนจีนโบราณ

    แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสถานะสตรีในยุคสมัยนั้นได้ดี

    เราอาจคุ้นเคยว่าคติสอนหญิงของจีนโบราณคือบุรุษเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วก่อนยุคสมัยชุนชิวสถานะทางสังคมของสตรีนั้นสูงไม่เบา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี 1600-1050 ก่อนคริสตกาล) จนถึงราชวงศ์ฮั่น ปรากฏสตรีมีอำนาจทางการทหาร มีที่ได้รับการอวยยศเป็นโหวหลายสิบคน และสตรีสามารถถือครองทรัพย์สินได้ ในยุคสมัยนั้นสตรีมีอิสระด้านการครองเรือนและการออกมาปรากฏกายในสาธารณะ สามารถเลือกคู่ครองเองได้ ขอหย่าได้ หย่าร้างแล้วก็สามารถแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกมองอย่างหยามเหยียด และมีตัวอย่างฮองเฮาหลายคนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีสามีอื่นมาก่อน

    ต่อมาจึงเกิดแนวคิดแยกบทบาทให้บุรุษเน้นเรื่องนอกบ้าน สตรีเน้นเรื่องในบ้าน จนกลายเป็นแนวคิดเรื่องบุรุษเป็นใหญ่ที่แพร่หลายในสมัยฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 25 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ในช่วงเวลานั้นมีนักประพันธ์และนักวิชาการหลายคนมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่โด่งดังมากและเป็นมรดกตกทอดไปอีกหลายพันปีคือวรรณกรรมเรื่อง ‘เตือนหญิง’ (女诫 หรือ ‘หนี่ว์เจี้ย’) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการสตรีนาม ‘ปันเจา’ ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่สตรีต้องเล่าเรียนไปอีกหลายยุคหลายสมัย

    บทกวี ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ ในบริบทของละครเป็นการเปรียบเปรยถึงการที่ผู้ชายพยายามจีบหญิง แต่พอเข้าใจถึงยุคสมัยที่เกี่ยวข้องก็ทำให้ Storyฯ อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า วัฒนธรรมจีนโบราณแต่บรรพกาลก็คล้ายๆ วัฒนธรรมโบราณอื่นๆ ที่สตรีเคยเป็นใหญ่และมีบทบาททางสังคมไม่น้อยไปกว่าชาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://m.qulishi.com/article/202101/478420.html
    https://view.inews.qq.com/a/20200704A03V3J00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/召南·野有死麕/19680551
    https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhaonan/yeyousijun.html
    https://baike.baidu.com/item/女诫/3423545
    https://new.qq.com/rain/a/20200617A0R16W00
    https://www.sohu.com/a/249005081_100234890

    #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ซือจิง #คัมภีร์บทกวี #หนี่ว์เจี้ย #วรรณกรรมจีนเตือนหญิง #กวางสิ้นใจในป่าทึบ
    ช่วงนี้ Storyฯ กลับไปดูซีรีส์เก่าๆ ค่ะ มาลงเอยที่ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> และสะดุดกับเนื้อเรื่องตอนที่กล่าวถึงว่า พระรองพยายามจีบนางเอกด้วยการล่าสัตว์เอาสัตว์ป่ามาให้ ทำเอาพระเอกหึงจนร่ายยาวออกมาเป็นบทกวี แต่นางเอกฟังไม่เข้าใจ วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีนี้กันค่ะ ความมีอยู่ว่า ... “กวางสิ้นใจในป่าทึบ หญ้าคาขาวห่อหุ้มตัวมันไว้ หญิงสาวความรักผลิบาน ชายหนุ่มไล่ตามพูดหยอกเย้า ป่ามีต้นอ่อนถือกำเนิด พณาร้างมีกวางหนึ่งสิ้นใจ ห่อคาขาวนี้คิดมอบให้ผู้ใด มอบให้หญิงงามดุจยอดหยก อย่าได้รีบร้อนถอดนักซิ อย่าแตะต้องผ้าคาดเอวข้า อย่าทำสุนัขเห่าหอนมา ชาตินี้ข้าติดตามท่านแน่แล้ว” ... กล่าวคือบุรุษในกลอนนี้นำผ้าขาวห่อสัตว์ที่ล่ามาได้หลอกล่อหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักชายผู้นั้น ... - ถอดบทสนทนาจาก <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> (ตามซับไทย) กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ (野有死麕 แปลได้ตามซับไทยของละครว่า ‘กวางสิ้นใจในป่าทึบ’) (หมายเหตุ ‘จวิน’ เป็นกวางขนาดเล็กไม่มีเขา ไม่แน่ใจว่าใช่กระจงหรือไม่) บทกวีนี้มีทั้งหมดสามท่อน ท่อนละสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) จัดอยู่ในหมวด ‘กั๋วเฟิง’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทเพลงพื้นบ้าน ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงการเกี้ยวพาราสีของชายหญิง โดยเฉพาะท่อนหลังดูจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะถึงเนื้อถึงตัว เป็นเนื้อหาที่ดูจะสะท้อนถึงอิสระของสตรีในแบบที่เราไม่ค่อยเห็นในกลอนจีนโบราณ แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสถานะสตรีในยุคสมัยนั้นได้ดี เราอาจคุ้นเคยว่าคติสอนหญิงของจีนโบราณคือบุรุษเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วก่อนยุคสมัยชุนชิวสถานะทางสังคมของสตรีนั้นสูงไม่เบา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี 1600-1050 ก่อนคริสตกาล) จนถึงราชวงศ์ฮั่น ปรากฏสตรีมีอำนาจทางการทหาร มีที่ได้รับการอวยยศเป็นโหวหลายสิบคน และสตรีสามารถถือครองทรัพย์สินได้ ในยุคสมัยนั้นสตรีมีอิสระด้านการครองเรือนและการออกมาปรากฏกายในสาธารณะ สามารถเลือกคู่ครองเองได้ ขอหย่าได้ หย่าร้างแล้วก็สามารถแต่งงานใหม่ได้โดยไม่ถูกมองอย่างหยามเหยียด และมีตัวอย่างฮองเฮาหลายคนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีสามีอื่นมาก่อน ต่อมาจึงเกิดแนวคิดแยกบทบาทให้บุรุษเน้นเรื่องนอกบ้าน สตรีเน้นเรื่องในบ้าน จนกลายเป็นแนวคิดเรื่องบุรุษเป็นใหญ่ที่แพร่หลายในสมัยฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 25 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ในช่วงเวลานั้นมีนักประพันธ์และนักวิชาการหลายคนมีผลงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่โด่งดังมากและเป็นมรดกตกทอดไปอีกหลายพันปีคือวรรณกรรมเรื่อง ‘เตือนหญิง’ (女诫 หรือ ‘หนี่ว์เจี้ย’) ซึ่งเป็นผลงานของนักวิชาการสตรีนาม ‘ปันเจา’ ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือที่สตรีต้องเล่าเรียนไปอีกหลายยุคหลายสมัย บทกวี ‘เหยียโหย่วสื่อจวิน’ ในบริบทของละครเป็นการเปรียบเปรยถึงการที่ผู้ชายพยายามจีบหญิง แต่พอเข้าใจถึงยุคสมัยที่เกี่ยวข้องก็ทำให้ Storyฯ อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า วัฒนธรรมจีนโบราณแต่บรรพกาลก็คล้ายๆ วัฒนธรรมโบราณอื่นๆ ที่สตรีเคยเป็นใหญ่และมีบทบาททางสังคมไม่น้อยไปกว่าชาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://m.qulishi.com/article/202101/478420.html https://view.inews.qq.com/a/20200704A03V3J00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/召南·野有死麕/19680551 https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhaonan/yeyousijun.html https://baike.baidu.com/item/女诫/3423545 https://new.qq.com/rain/a/20200617A0R16W00 https://www.sohu.com/a/249005081_100234890 #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ซือจิง #คัมภีร์บทกวี #หนี่ว์เจี้ย #วรรณกรรมจีนเตือนหญิง #กวางสิ้นใจในป่าทึบ
    《我就是这般女子》在哪儿可以看?一周更新几集?-趣历史网
    关晓彤和侯明昊主演的《我就是这般女子》追剧日历出炉,自1月18日正式开播到2月15日大结局,见证班婳
    1 Comments 0 Shares 462 Views 0 Reviews
  • ** บทกวีทับทิมจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้คุยถึงเรื่องสีแดงในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่าพ่อของนางเอกทิ้งสูตรเกี่ยวกับการผสมสีแดงของตระกูลไว้ในบทกวีที่เกี่ยวกับทับทิม Storyฯ เห็นว่ามีเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ สอดแทรกอยู่ในนี้ที่เพื่อนเพจคงไม่รู้ เลยมาแบ่งปันให้ฟัง... เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของหลี่ไป๋

    บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า ‘หย่งหลินหนี่ว์ตงชวงไห่สือหลิ่ว’ (咏邻女东窗海石榴 แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมสตรีข้างบ้านผ่านหน้าต่างและต้นทับทิม) เป็นผลงานของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ถูกประพันธ์ขึ้นสมัยที่เขาพำนักอยู่ในเขตซานตง ใจความบรรยายถึงความงามของสตรีข้างบ้านที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่าง ซึ่งเขาเรียกในบทกวีว่า ‘สตรีจากแดนหลู่’ ความงามของนางถูกเสริมด้วยความงามของต้นทับทิมที่มีดอกสีแดงจัดตัดกับใบเขียว เขาถึงกับรำพันว่าจะยอมเป็นกิ่งทับทิมที่ทอดเกยอาภรณ์ของนางเพื่อขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดอนงค์นาง แต่จนใจได้แต่ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง

    แน่นอนว่ามันเป็นกลอนบอกรัก และสตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในภรรรยาของหลี่ไป๋

    เพื่อนเพจหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับชีวประวัติของหลี่ไป๋และคงไม่ทราบว่าหลี่ไป๋มีภรรยาสี่คน จริงๆ แล้วเขาแต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสองครั้ง ส่วนภรรยาอีกสองคนไม่ได้แต่งงานแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆ

    เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเจ็ดปีกับภรรยาคนแรกคือสตรีสกุลสวี่ผู้เป็นหลานของอดีตอัครเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ถังเกาจง ถูกรับเข้าจวนสกุลสวี่เป็นเขยแต่งเข้าหรือที่เรียกว่า ‘จุ้ยซวี่’ มีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ลูกทั้งสองได้ใช้แซ่หลี่ตามหลี่ไป๋ผู้เป็นบิดา (อนึ่ง ปกติจุ้ยซวี่แต่งเข้าเรือนของสตรี เมื่อมีลูกก็จะใช้แซ่ของผู้เป็นมารดาไม่ใช่บิดา Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว แปะลิ้งค์ไว้ให้อ่านใหม่ที่ท้ายเรื่อง) ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนางสกุลสวี่นี้ หลี่ไป๋มีชีวิตค่อนข้างสบายเพราะฝ่ายหญิงมีฐานะดีและเขามีอิสระที่จะเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ตามใจหมาย ว่ากันว่าเขารักภรรยาคนนี้มากแต่นางป่วยตายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานสิบเอ็ดปี

    เมื่อสิ้นภรรยาคนแรก หลี่ไป๋ก็พาลูกจากจวนสกุลสวี่ออกเดินทาง มาหยุดพำนักที่บริเวณพื้นที่แถบซานตง หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาก็อยู่กินกับนางสกุลหลิว ว่ากันว่าเป็นเพราะต้องการหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกเพื่อว่าตนเองจะได้มีอิสระในการเดินทาง ส่วนนางสกุลหลิวเองก็คาดหวังว่าหลี่ไป๋จะมีอนาคตขุนนางสวยงาม แต่ หลี่ไป๋ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการเสียที สุดท้ายนางทนไม่ได้กับความเป็นกวีขี้เมาของหลี่ไป๋ ทั้งสองจึงแยกทางกันอย่างไม่แฮปปี้

    ต่อมาอีกประมาณหกปี หลี่ไป๋ยังคงอยู่ในละแวกพื้นที่ซานตงหรือที่เรียกว่าพื้นที่หลู่นี้ และได้อยู่กินกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งก็คือ ‘สตรีจากแดนหลู่’ ในบทกวีข้างต้นนั่นเอง เขาซื้อที่ดินทำกินให้นางดูแลทรัพย์สินอย่างไว้ใจ นางเองก็ขยันขันแข็งทำมาหากิน ส่วนตัวเขายังคงออกเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่มีการบันทึกถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรกับลูกชายคนนี้ และไม่มีหลักฐานปรากฏด้วยซ้ำว่าสตรีนางนี้มีชื่อสกุลใด บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายบ้างว่านางได้หมั้นหมายแล้วแต่คู่หมายหายไปหลายปีกลายเป็นหม้ายขันหมาก แต่ที่แน่ๆ คือนางอยู่ข้างบ้าน มองกันไปมองกันมาก็เกิดปิ๊งกันเลยอยู่กินกัน เล่าขานกันต่อมาเพียงว่าอยู่ด้วยกันเพียงห้าปีนางก็ตายจากไป

    หลี่ไป๋แต่งงานครั้งที่สองกับภรรยาคนสุดท้ายคือสตรีสกุลจง เป็นหลานปู่ของจงฉู่เค่อ อดีตอัครเสนาบดีอีกท่านหนึ่งและเขาแต่งเข้าเรือนฝ่ายหญิงอีกครั้ง อยู่ด้วยกันสิบปีอย่างสมบูรณ์พูนสุขแต่ไม่มีบุตร แต่สุดท้ายหลี่ไป๋เข้าไปพัวพันกับคดีการเมืองและนางเสียชีวิตลง ส่วนเขาถูกเนรเทศและแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตจะได้รับอิสรภาพแต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความในอดีตเกี่ยวกับเจ้าบ่าวจุ้ยซวี่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/134357391983589

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.gdzjdaily.com.cn/p/2903387.html
    https://www.photophoto.cn/pic/11693708.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/baijiahao_7753758
    https://gushici.china.com/srgushi/10.html
    https://www.163.com/dy/article/G328S2640543SC39.html
    https://baike.baidu.com/item/咏邻女东窗海石榴/9436296
    https://www.sohu.com/a/341251009_100053536

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #กวีเอก #หลี่ไป๋ #เซียนกวี #ราชวงศ์ถัง #สาระจีน
    ** บทกวีทับทิมจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้คุยถึงเรื่องสีแดงในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่าพ่อของนางเอกทิ้งสูตรเกี่ยวกับการผสมสีแดงของตระกูลไว้ในบทกวีที่เกี่ยวกับทับทิม Storyฯ เห็นว่ามีเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ สอดแทรกอยู่ในนี้ที่เพื่อนเพจคงไม่รู้ เลยมาแบ่งปันให้ฟัง... เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของหลี่ไป๋ บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า ‘หย่งหลินหนี่ว์ตงชวงไห่สือหลิ่ว’ (咏邻女东窗海石榴 แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมสตรีข้างบ้านผ่านหน้าต่างและต้นทับทิม) เป็นผลงานของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ถูกประพันธ์ขึ้นสมัยที่เขาพำนักอยู่ในเขตซานตง ใจความบรรยายถึงความงามของสตรีข้างบ้านที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่าง ซึ่งเขาเรียกในบทกวีว่า ‘สตรีจากแดนหลู่’ ความงามของนางถูกเสริมด้วยความงามของต้นทับทิมที่มีดอกสีแดงจัดตัดกับใบเขียว เขาถึงกับรำพันว่าจะยอมเป็นกิ่งทับทิมที่ทอดเกยอาภรณ์ของนางเพื่อขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดอนงค์นาง แต่จนใจได้แต่ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง แน่นอนว่ามันเป็นกลอนบอกรัก และสตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในภรรรยาของหลี่ไป๋ เพื่อนเพจหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับชีวประวัติของหลี่ไป๋และคงไม่ทราบว่าหลี่ไป๋มีภรรยาสี่คน จริงๆ แล้วเขาแต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสองครั้ง ส่วนภรรยาอีกสองคนไม่ได้แต่งงานแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆ เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเจ็ดปีกับภรรยาคนแรกคือสตรีสกุลสวี่ผู้เป็นหลานของอดีตอัครเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ถังเกาจง ถูกรับเข้าจวนสกุลสวี่เป็นเขยแต่งเข้าหรือที่เรียกว่า ‘จุ้ยซวี่’ มีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ลูกทั้งสองได้ใช้แซ่หลี่ตามหลี่ไป๋ผู้เป็นบิดา (อนึ่ง ปกติจุ้ยซวี่แต่งเข้าเรือนของสตรี เมื่อมีลูกก็จะใช้แซ่ของผู้เป็นมารดาไม่ใช่บิดา Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว แปะลิ้งค์ไว้ให้อ่านใหม่ที่ท้ายเรื่อง) ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนางสกุลสวี่นี้ หลี่ไป๋มีชีวิตค่อนข้างสบายเพราะฝ่ายหญิงมีฐานะดีและเขามีอิสระที่จะเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ตามใจหมาย ว่ากันว่าเขารักภรรยาคนนี้มากแต่นางป่วยตายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานสิบเอ็ดปี เมื่อสิ้นภรรยาคนแรก หลี่ไป๋ก็พาลูกจากจวนสกุลสวี่ออกเดินทาง มาหยุดพำนักที่บริเวณพื้นที่แถบซานตง หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาก็อยู่กินกับนางสกุลหลิว ว่ากันว่าเป็นเพราะต้องการหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกเพื่อว่าตนเองจะได้มีอิสระในการเดินทาง ส่วนนางสกุลหลิวเองก็คาดหวังว่าหลี่ไป๋จะมีอนาคตขุนนางสวยงาม แต่ หลี่ไป๋ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการเสียที สุดท้ายนางทนไม่ได้กับความเป็นกวีขี้เมาของหลี่ไป๋ ทั้งสองจึงแยกทางกันอย่างไม่แฮปปี้ ต่อมาอีกประมาณหกปี หลี่ไป๋ยังคงอยู่ในละแวกพื้นที่ซานตงหรือที่เรียกว่าพื้นที่หลู่นี้ และได้อยู่กินกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งก็คือ ‘สตรีจากแดนหลู่’ ในบทกวีข้างต้นนั่นเอง เขาซื้อที่ดินทำกินให้นางดูแลทรัพย์สินอย่างไว้ใจ นางเองก็ขยันขันแข็งทำมาหากิน ส่วนตัวเขายังคงออกเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่มีการบันทึกถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรกับลูกชายคนนี้ และไม่มีหลักฐานปรากฏด้วยซ้ำว่าสตรีนางนี้มีชื่อสกุลใด บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายบ้างว่านางได้หมั้นหมายแล้วแต่คู่หมายหายไปหลายปีกลายเป็นหม้ายขันหมาก แต่ที่แน่ๆ คือนางอยู่ข้างบ้าน มองกันไปมองกันมาก็เกิดปิ๊งกันเลยอยู่กินกัน เล่าขานกันต่อมาเพียงว่าอยู่ด้วยกันเพียงห้าปีนางก็ตายจากไป หลี่ไป๋แต่งงานครั้งที่สองกับภรรยาคนสุดท้ายคือสตรีสกุลจง เป็นหลานปู่ของจงฉู่เค่อ อดีตอัครเสนาบดีอีกท่านหนึ่งและเขาแต่งเข้าเรือนฝ่ายหญิงอีกครั้ง อยู่ด้วยกันสิบปีอย่างสมบูรณ์พูนสุขแต่ไม่มีบุตร แต่สุดท้ายหลี่ไป๋เข้าไปพัวพันกับคดีการเมืองและนางเสียชีวิตลง ส่วนเขาถูกเนรเทศและแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตจะได้รับอิสรภาพแต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความในอดีตเกี่ยวกับเจ้าบ่าวจุ้ยซวี่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/134357391983589 Credit รูปภาพจาก: https://www.gdzjdaily.com.cn/p/2903387.html https://www.photophoto.cn/pic/11693708.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/baijiahao_7753758 https://gushici.china.com/srgushi/10.html https://www.163.com/dy/article/G328S2640543SC39.html https://baike.baidu.com/item/咏邻女东窗海石榴/9436296 https://www.sohu.com/a/341251009_100053536 #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #กวีเอก #หลี่ไป๋ #เซียนกวี #ราชวงศ์ถัง #สาระจีน
    1 Comments 0 Shares 392 Views 0 Reviews
  • AMD ได้เปิดตัวซีพียูสำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรม Zen 4 โดยเน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง

    ✅ การเปิดตัวซีพียู Ryzen 8000HX:
    - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 และกระบวนการผลิต 5nm FinFET ของ TSMC
    - มีรุ่นย่อย 4 รุ่น ได้แก่ Ryzen 9 8945HX, Ryzen 9 8940HX, Ryzen 7 8840HX และ Ryzen 7 8745HX
    - รองรับการทำงานร่วมกับ GPU แยก เช่น Nvidia RTX 50 series

    ✅ คุณสมบัติเด่น:
    - Ryzen 9 8945HX มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมความเร็วสูงสุด 5.4 GHz
    - ใช้กราฟิกในตัว RDNA 2 Radeon 610M แต่เน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก
    - การออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูงสุดถึง 75W

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด:
    - AMD เปิดตัวซีรีส์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตแล็ปท็อปที่ต้องการลดต้นทุน
    - เน้นการใช้งานในแล็ปท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์

    ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า:
    - การเปิดตัวอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีน

    https://www.techspot.com/news/107489-amd-quietly-unveils-refreshed-zen-4-gaming-laptop.html
    AMD ได้เปิดตัวซีพียูสำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรม Zen 4 โดยเน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง ✅ การเปิดตัวซีพียู Ryzen 8000HX: - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 และกระบวนการผลิต 5nm FinFET ของ TSMC - มีรุ่นย่อย 4 รุ่น ได้แก่ Ryzen 9 8945HX, Ryzen 9 8940HX, Ryzen 7 8840HX และ Ryzen 7 8745HX - รองรับการทำงานร่วมกับ GPU แยก เช่น Nvidia RTX 50 series ✅ คุณสมบัติเด่น: - Ryzen 9 8945HX มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมความเร็วสูงสุด 5.4 GHz - ใช้กราฟิกในตัว RDNA 2 Radeon 610M แต่เน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก - การออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูงสุดถึง 75W ✅ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด: - AMD เปิดตัวซีรีส์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตแล็ปท็อปที่ต้องการลดต้นทุน - เน้นการใช้งานในแล็ปท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า: - การเปิดตัวอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีน https://www.techspot.com/news/107489-amd-quietly-unveils-refreshed-zen-4-gaming-laptop.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD quietly unveils its refreshed Zen 4 gaming laptop CPUs – the Ryzen 8000HX series
    Listings for four new high-end laptop processors recently appeared on AMD's website. Unlike the company's Fire Range and Ryzen AI 300 series, the new Ryzen 8000HX CPUs...
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อาจเผชิญกับโทษปรับจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าได้จัดหาชิปเล็ตรุ่นหนึ่งให้กับบริษัท Huawei ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยไม่ได้ตั้งใจ ชิปเล็ตรุ่นดังกล่าวถูกพบว่าอยู่ในตัวเร่งประมวลผล AI รุ่น HiSilicon Ascend 910B ของ Huawei

    รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า หลังจากที่ Huawei ไม่สามารถทำงานร่วมกับ TSMC ได้เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ บริษัทจึงได้ส่งแบบแปลนการออกแบบชิปของตนไปให้ Sophgo บริษัทออกแบบชิปของจีนแทน จากนั้น Sophgo ได้นำแบบแปลนเหล่านั้นไปให้ TSMC ผลิต โดยอ้างว่าเป็นการออกแบบของตนเอง

    TSMC ได้ระงับการจัดส่งชิปให้ Sophgo หลังจากค้นพบว่าชิปเล็ตรุ่นที่ตนผลิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชิป AI ซีรีส์ HiSilicon Ascend 910 ของ Huawei ซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่สามารถกำหนดโทษปรับได้สูงถึงสองเท่าของมูลค่าการทำธุรกรรมที่ละเมิดกฎ

    ที่มา : https://www.enterpriseitpro.net/tsmc-faces-1-billion-u-s-fine-over-chip-used-in-huawei-processor/
    บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อาจเผชิญกับโทษปรับจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าได้จัดหาชิปเล็ตรุ่นหนึ่งให้กับบริษัท Huawei ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยไม่ได้ตั้งใจ ชิปเล็ตรุ่นดังกล่าวถูกพบว่าอยู่ในตัวเร่งประมวลผล AI รุ่น HiSilicon Ascend 910B ของ Huawei รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า หลังจากที่ Huawei ไม่สามารถทำงานร่วมกับ TSMC ได้เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ บริษัทจึงได้ส่งแบบแปลนการออกแบบชิปของตนไปให้ Sophgo บริษัทออกแบบชิปของจีนแทน จากนั้น Sophgo ได้นำแบบแปลนเหล่านั้นไปให้ TSMC ผลิต โดยอ้างว่าเป็นการออกแบบของตนเอง TSMC ได้ระงับการจัดส่งชิปให้ Sophgo หลังจากค้นพบว่าชิปเล็ตรุ่นที่ตนผลิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชิป AI ซีรีส์ HiSilicon Ascend 910 ของ Huawei ซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่สามารถกำหนดโทษปรับได้สูงถึงสองเท่าของมูลค่าการทำธุรกรรมที่ละเมิดกฎ ที่มา : https://www.enterpriseitpro.net/tsmc-faces-1-billion-u-s-fine-over-chip-used-in-huawei-processor/
    WWW.ENTERPRISEITPRO.NET
    TSMC อาจถูกสหรัฐฯ ปรับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังพบว่าจัดหาชิปให้ Huawei (ไม่ตั้งใจ) - Enterprise IT Pro
    บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อาจเผชิญกับโทษปรับจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าได้จัดหาชิปเล็ตรุ่นหนึ่งให้กับบริษัท Huawei ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยไม่ได้ตั้งใจ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • NVIDIA ได้เปิดตัว GeForce RTX 5070 Ti ซึ่งเป็นหนึ่งในกราฟิกการ์ดที่ทรงพลังที่สุดในซีรีส์ RTX 50 โดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ Blackwell ที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย เช่น AI accelerators และหน่วยความจำ GDDR7 ที่มีประสิทธิภาพสูง

    == จุดเด่นของ GeForce RTX 5070 Ti ==
    ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า:
    - RTX 5070 Ti มีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและรองรับการเล่นเกมที่ความละเอียดสูง พร้อมฟีเจอร์ Ray Tracing และ AI Upscaling ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ

    ✅ สถาปัตยกรรม Blackwell:
    - ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น 5th Gen Tensor Cores และ 4th Gen RT Cores ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และกราฟิก

    ✅ การออกแบบที่เน้นการระบายความร้อน:
    - รุ่น GALAX GeForce RTX 5070 Ti 1-Click OC มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การ์ดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ต้องการพลังงานสูง

    == ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม ==
    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดกราฟิกการ์ด:
    - RTX 5070 Ti มีราคาที่แข่งขันได้ที่ $749 ซึ่งต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 Ti SUPER ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นเกม

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี AI:
    - NVIDIA มุ่งเน้นการพัฒนา AI accelerators ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และการเล่นเกมในระดับใหม่

    https://wccftech.com/review/galax-geforce-rtx-5070-ti-1-click-oc-16-gb-gpu-review-solid-performer/
    NVIDIA ได้เปิดตัว GeForce RTX 5070 Ti ซึ่งเป็นหนึ่งในกราฟิกการ์ดที่ทรงพลังที่สุดในซีรีส์ RTX 50 โดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ Blackwell ที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย เช่น AI accelerators และหน่วยความจำ GDDR7 ที่มีประสิทธิภาพสูง == จุดเด่นของ GeForce RTX 5070 Ti == ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า: - RTX 5070 Ti มีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและรองรับการเล่นเกมที่ความละเอียดสูง พร้อมฟีเจอร์ Ray Tracing และ AI Upscaling ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ ✅ สถาปัตยกรรม Blackwell: - ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น 5th Gen Tensor Cores และ 4th Gen RT Cores ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และกราฟิก ✅ การออกแบบที่เน้นการระบายความร้อน: - รุ่น GALAX GeForce RTX 5070 Ti 1-Click OC มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การ์ดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ต้องการพลังงานสูง == ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม == ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดกราฟิกการ์ด: - RTX 5070 Ti มีราคาที่แข่งขันได้ที่ $749 ซึ่งต่ำกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง RTX 4070 Ti SUPER ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นเกม ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี AI: - NVIDIA มุ่งเน้นการพัฒนา AI accelerators ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และการเล่นเกมในระดับใหม่ https://wccftech.com/review/galax-geforce-rtx-5070-ti-1-click-oc-16-gb-gpu-review-solid-performer/
    WCCFTECH.COM
    GALAX GeForce RTX 5070 Ti 1-Click OC 16 GB GPU Review - Solid Performer
    GALAX offers more cooling, slightly higher clocks and an RGB-lit design for the GeForce RTX 5070 Ti graphics card at MSRP.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • AMD ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมและการสร้างสรรค์งานในระดับสูง โดยมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่เทียบเท่ากับเดสก์ท็อปในอุปกรณ์พกพา

    == จุดเด่นของ Ryzen 8000HX ==
    ✅ สถาปัตยกรรม Zen 4:
    - โปรเซสเซอร์เหล่านี้สร้างขึ้นบนกระบวนการผลิต 5nm Zen 4 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน

    ✅ ความสามารถในการประมวลผล:
    - มีรุ่นให้เลือกตั้งแต่ Ryzen 9 8945HX ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด ไปจนถึง Ryzen 7 8745HX ที่มี 8 คอร์ 16 เธรด
    - ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 5.4 GHz พร้อมแคชรวมสูงถึง 80 MB

    ✅ กราฟิก RDNA 2 ในตัว:
    - โปรเซสเซอร์มาพร้อมกราฟิก RDNA 2 ที่รองรับการเล่นเกมเบา ๆ และการใช้งานทั่วไป เช่น การดูวิดีโอ

    ✅ รองรับเทคโนโลยีใหม่:
    - รองรับหน่วยความจำ DDR5-5200 และ PCIe Gen5 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    https://www.neowin.net/news/amd-launches-ryzen-8945hx-8940hx-8840hx-and-8745hx-mobile-gaming-processors/
    AMD ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมและการสร้างสรรค์งานในระดับสูง โดยมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่เทียบเท่ากับเดสก์ท็อปในอุปกรณ์พกพา == จุดเด่นของ Ryzen 8000HX == ✅ สถาปัตยกรรม Zen 4: - โปรเซสเซอร์เหล่านี้สร้างขึ้นบนกระบวนการผลิต 5nm Zen 4 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน ✅ ความสามารถในการประมวลผล: - มีรุ่นให้เลือกตั้งแต่ Ryzen 9 8945HX ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด ไปจนถึง Ryzen 7 8745HX ที่มี 8 คอร์ 16 เธรด - ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 5.4 GHz พร้อมแคชรวมสูงถึง 80 MB ✅ กราฟิก RDNA 2 ในตัว: - โปรเซสเซอร์มาพร้อมกราฟิก RDNA 2 ที่รองรับการเล่นเกมเบา ๆ และการใช้งานทั่วไป เช่น การดูวิดีโอ ✅ รองรับเทคโนโลยีใหม่: - รองรับหน่วยความจำ DDR5-5200 และ PCIe Gen5 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ https://www.neowin.net/news/amd-launches-ryzen-8945hx-8940hx-8840hx-and-8745hx-mobile-gaming-processors/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD launches Ryzen 8945HX, 8940HX, 8840HX, and 8745HX mobile gaming processors
    AMD has announced new Ryzen 8000HX high performance mobile processors comprising 8945HX, 8940HX, 8840HX, and 8745HX.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • Corsair ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่ได้รับการพูดถึงในกลุ่มผู้ใช้เกี่ยวกับ 12V-2x6 connectors ที่มีการ "ขยับตัว" ได้เล็กน้อย โดยทางบริษัทระบุว่านี่เป็นการออกแบบที่ตั้งใจไว้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อให้เหมาะสม และลดการสึกหรอของขั้วต่อในระยะยาว

    ✅ ลดปัญหาขั้วต่อเสียหาย:
    - Corsair ระบุว่า การที่ขั้วต่อสามารถขยับได้เล็กน้อย (ประมาณ 0.25mm ถึง 0.55mm) ช่วยให้การจัดวางขั้วต่อกับพินใน GPU ทำได้แม่นยำขึ้น
    - การออกแบบนี้ยังช่วยลดแรงที่เกิดจากการเสียบและถอดซ้ำ ๆ ซึ่งปกติอาจทำให้ขั้วต่อเสียหายได้

    ✅ ความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว:
    - การขยับเล็กน้อยในขั้วต่อไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด เนื่องจาก Corsair ได้ทดสอบอย่างละเอียดแล้วว่าขั้วต่อต่าง ๆ ยังคงสามารถส่งไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์

    ✅ ตัวเลือกที่รองรับมาตรฐาน:
    - Corsair ใช้ผู้ผลิตหลายรายในการผลิตสายไฟที่รองรับมาตรฐานนี้ รวมถึงสายที่ถูกหุ้มอย่างดีและมีความหนากว่าปกติ

    == ความสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน Nvidia RTX ==
    ✅ ปัญหาการหลอมละลายของสายไฟใน GPU ซีรีส์ RTX 50 เป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานกังวล แต่ Corsair ชี้แจงว่าการออกแบบขั้วต่อที่มีช่องว่างนี้ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา

    ✅ ขณะเดียวกัน Corsair ยืนยันว่า หากผู้ใช้งานพบปัญหาการหลวมมากเกินไป ควรติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าทันที

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/corsair-confirms-the-slight-wiggle-room-in-its-16-pin-connectors-for-nvidia-gpus-is-by-design
    Corsair ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่ได้รับการพูดถึงในกลุ่มผู้ใช้เกี่ยวกับ 12V-2x6 connectors ที่มีการ "ขยับตัว" ได้เล็กน้อย โดยทางบริษัทระบุว่านี่เป็นการออกแบบที่ตั้งใจไว้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อให้เหมาะสม และลดการสึกหรอของขั้วต่อในระยะยาว ✅ ลดปัญหาขั้วต่อเสียหาย: - Corsair ระบุว่า การที่ขั้วต่อสามารถขยับได้เล็กน้อย (ประมาณ 0.25mm ถึง 0.55mm) ช่วยให้การจัดวางขั้วต่อกับพินใน GPU ทำได้แม่นยำขึ้น - การออกแบบนี้ยังช่วยลดแรงที่เกิดจากการเสียบและถอดซ้ำ ๆ ซึ่งปกติอาจทำให้ขั้วต่อเสียหายได้ ✅ ความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว: - การขยับเล็กน้อยในขั้วต่อไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด เนื่องจาก Corsair ได้ทดสอบอย่างละเอียดแล้วว่าขั้วต่อต่าง ๆ ยังคงสามารถส่งไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ ✅ ตัวเลือกที่รองรับมาตรฐาน: - Corsair ใช้ผู้ผลิตหลายรายในการผลิตสายไฟที่รองรับมาตรฐานนี้ รวมถึงสายที่ถูกหุ้มอย่างดีและมีความหนากว่าปกติ == ความสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน Nvidia RTX == ✅ ปัญหาการหลอมละลายของสายไฟใน GPU ซีรีส์ RTX 50 เป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานกังวล แต่ Corsair ชี้แจงว่าการออกแบบขั้วต่อที่มีช่องว่างนี้ไม่ใช่สาเหตุของปัญหา ✅ ขณะเดียวกัน Corsair ยืนยันว่า หากผู้ใช้งานพบปัญหาการหลวมมากเกินไป ควรติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าทันที https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/corsair-confirms-the-slight-wiggle-room-in-its-16-pin-connectors-for-nvidia-gpus-is-by-design
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • Nvidia ขยายซัพพลาย GDDR7 จาก SK hynix เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการผลิต GPU ซีรีส์ RTX 50 การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดหน่วยความจำระดับสูง และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพ GPU รุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการสูงขึ้นในตลาด

    ✅ การร่วมมือที่หลากหลาย:
    - Nvidia ไม่ได้ยกเลิกการใช้ชิป GDDR7 ของ Samsung แต่เลือกที่จะเพิ่ม SK hynix เป็นอีกหนึ่งผู้จัดจำหน่ายเพื่อความยืดหยุ่นในด้านราคาและการจัดการวัสดุ
    - ชิป GDDR7 ของ SK hynix มีความสามารถในการทำงานสูงถึง 32 Gbps และอาจเพิ่มได้ถึง 40 Gbps ในบางสถานการณ์

    ✅ ผลต่อการผลิต:
    - ชิป GDDR7 ถูกใช้ในซีรีส์ Blackwell เช่น RTX 5090, RTX 5070 Ti โดยรุ่นเริ่มต้นมีความเร็ว 28 Gbps และรุ่นระดับสูงสุดที่ 30 Gbps
    - ความสามารถนี้ช่วยให้ Nvidia สามารถพัฒนา GPU ที่มีประสิทธิภาพและรองรับงานหนักได้ดีขึ้น

    == ผลกระทบต่อตลาด ==
    💡 การแข่งขันระหว่าง Samsung และ SK hynix: ทั้งสองบริษัทอยู่ในภาวะแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดชิป GDDR7 ขณะที่ AMD ยังเลือกใช้ GDDR6 ในการผลิต GPU RDNA 4 ของตน

    💡 ผลต่อราคา GPU: แม้ Nvidia จะสามารถเจรจาเพื่อให้ได้ชิปในราคาที่คุ้มค่า แต่ผู้ใช้งานอาจไม่เห็นผลในรูปแบบราคาที่ลดลง เนื่องจาก GPU ซีรีส์นี้กำลังเป็นที่นิยมและขายในราคาสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-sources-gddr7-chips-from-sk-hynix-for-rtx-50-series-gpus
    Nvidia ขยายซัพพลาย GDDR7 จาก SK hynix เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการผลิต GPU ซีรีส์ RTX 50 การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดหน่วยความจำระดับสูง และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพ GPU รุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการสูงขึ้นในตลาด ✅ การร่วมมือที่หลากหลาย: - Nvidia ไม่ได้ยกเลิกการใช้ชิป GDDR7 ของ Samsung แต่เลือกที่จะเพิ่ม SK hynix เป็นอีกหนึ่งผู้จัดจำหน่ายเพื่อความยืดหยุ่นในด้านราคาและการจัดการวัสดุ - ชิป GDDR7 ของ SK hynix มีความสามารถในการทำงานสูงถึง 32 Gbps และอาจเพิ่มได้ถึง 40 Gbps ในบางสถานการณ์ ✅ ผลต่อการผลิต: - ชิป GDDR7 ถูกใช้ในซีรีส์ Blackwell เช่น RTX 5090, RTX 5070 Ti โดยรุ่นเริ่มต้นมีความเร็ว 28 Gbps และรุ่นระดับสูงสุดที่ 30 Gbps - ความสามารถนี้ช่วยให้ Nvidia สามารถพัฒนา GPU ที่มีประสิทธิภาพและรองรับงานหนักได้ดีขึ้น == ผลกระทบต่อตลาด == 💡 การแข่งขันระหว่าง Samsung และ SK hynix: ทั้งสองบริษัทอยู่ในภาวะแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดชิป GDDR7 ขณะที่ AMD ยังเลือกใช้ GDDR6 ในการผลิต GPU RDNA 4 ของตน 💡 ผลต่อราคา GPU: แม้ Nvidia จะสามารถเจรจาเพื่อให้ได้ชิปในราคาที่คุ้มค่า แต่ผู้ใช้งานอาจไม่เห็นผลในรูปแบบราคาที่ลดลง เนื่องจาก GPU ซีรีส์นี้กำลังเป็นที่นิยมและขายในราคาสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-sources-gddr7-chips-from-sk-hynix-for-rtx-50-series-gpus
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • Nvidia มีแผนเปิดตัวการ์ดจอ GeForce RTX 5060 Ti ในวันที่ 15 เมษายน 2025 โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า การเปิดตัวครั้งนี้มาพร้อมข่าวลือเรื่องราคาอย่างเป็นทางการที่ลดลง เมื่อเทียบกับซีรีส์ RTX 4060 Ti รุ่นก่อนหน้า

    ✅ ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น:
    - รุ่น 8GB มีราคาเริ่มต้นที่ $379 ในขณะที่รุ่น 16GB ราคา $429 ราคานี้ถูกกว่า RTX 4060 Ti ที่เคยเปิดตัวด้วยราคา $399 สำหรับรุ่น 8GB และ $499 สำหรับรุ่น 16GB
    - ราคาในจีนอยู่ที่ประมาณ 3,199 หยวน ($435) และ 3,599 หยวน ($490) ซึ่งยังน่าสนใจสำหรับตลาดระดับสากล

    ✅ สเปคขั้นสูงในราคาสบายกระเป๋า:
    - ใช้ GPU GB206-300 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 5nm ของ TSMC
    - รวม 4,608 CUDA cores, หน่วยความจำ GDDR7 พร้อมแบนด์วิดท์ถึง 448GB/s
    - ความเร็ว base clock อยู่ที่ 2407MHz และ boost clock ที่ 2572MHz พร้อมพลังงาน TGP ที่ 180W

    ✅ พอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน:
    - มี HDMI 2.1b 1 พอร์ต และ DisplayPort 2.1b อีก 3 พอร์ต รองรับการเชื่อมต่อหลายหน้าจอ

    https://www.techspot.com/news/107480-nvidia-rtx-5060-ti-16gb-8gb-rumored-prices.html
    Nvidia มีแผนเปิดตัวการ์ดจอ GeForce RTX 5060 Ti ในวันที่ 15 เมษายน 2025 โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า การเปิดตัวครั้งนี้มาพร้อมข่าวลือเรื่องราคาอย่างเป็นทางการที่ลดลง เมื่อเทียบกับซีรีส์ RTX 4060 Ti รุ่นก่อนหน้า ✅ ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น: - รุ่น 8GB มีราคาเริ่มต้นที่ $379 ในขณะที่รุ่น 16GB ราคา $429 ราคานี้ถูกกว่า RTX 4060 Ti ที่เคยเปิดตัวด้วยราคา $399 สำหรับรุ่น 8GB และ $499 สำหรับรุ่น 16GB - ราคาในจีนอยู่ที่ประมาณ 3,199 หยวน ($435) และ 3,599 หยวน ($490) ซึ่งยังน่าสนใจสำหรับตลาดระดับสากล ✅ สเปคขั้นสูงในราคาสบายกระเป๋า: - ใช้ GPU GB206-300 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 5nm ของ TSMC - รวม 4,608 CUDA cores, หน่วยความจำ GDDR7 พร้อมแบนด์วิดท์ถึง 448GB/s - ความเร็ว base clock อยู่ที่ 2407MHz และ boost clock ที่ 2572MHz พร้อมพลังงาน TGP ที่ 180W ✅ พอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน: - มี HDMI 2.1b 1 พอร์ต และ DisplayPort 2.1b อีก 3 พอร์ต รองรับการเชื่อมต่อหลายหน้าจอ https://www.techspot.com/news/107480-nvidia-rtx-5060-ti-16gb-8gb-rumored-prices.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia to unveil RTX 5060 Ti next week, rumored prices are good news for gamers
    According to industry insider Board Channels and Chinese tech blog IT Home, the RTX 5060 Ti 8GB model will cost $379, while the 16GB variant is $429....
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องปรัชญาขงจื๊อว่าด้วย ‘วิญญูชน’ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับสำนวนจีนที่เกี่ยวข้อง

    เชื่อว่ามีเพื่อนเพจไม่น้อยที่เคยผ่านหูและผ่านตาในซีรีส์และนิยายจีนถึงสำนวน ‘เสาหลักของชาติ’ ซึ่งสำนวนนี้มีใช้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน วันนี้เลยมาพร้อมรูปกระกอบของเหล่าตัวละครที่ได้รับการขนานนามในเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นเสาหลักของชาติ

    แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสำนวนจีนที่มีมาแต่โบราณนี้ เขาใช้คำว่า ‘คานหลัก’ ไม่ใช่ ‘เสาหลัก’?

    สำนวนนี้มักใช้ว่า ‘国之栋梁’(กั๋วจือโต้งเหลียง) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันสำนวนที่ถูกต้องคือ ‘国家栋梁’ (กั๋วเจียโต้งเหลียง) โดยคำว่า ‘โต้งเหลียง’นี้แปลว่าคานหลัก และมีสำนวนกล่าวชมคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญในกิจการบ้านเมืองนั้นว่า ‘โต้งเหลียงจือฉาย’(栋梁之才)

    เหตุใดในสำนวนนี้จึงใช้คำว่า ‘คาน’ ไม่ใช่ ‘เสา’ เหมือนชาติอื่น? เรื่องนี้ไม่ปรากฏคำอธิบายชัดเจน Storyฯ เองก็ไม่ใช่วิศวกรหรือสถาปนิก แต่พอจะจับใจความได้ดังนี้ค่ะ: คานคือส่วนของบ้านที่รับน้ำหนักจากข้างบนลงมาแล้วค่อยกระจายไปตามเสา และยังเป็นตัวช่วยยึดให้เสาตั้งตรงไม่เอนเอียงไปตามกาลเวลา ในการออกแบบจะคำนวณการกระจายน้ำหนักจากบนลงล่าง (แม้ในการก่อสร้างจริงจะเริ่มจากล่างก่อน) และคานหลักเป็นคานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวหลักในการรับน้ำหนัก ในสมัยโบราณมีการทำพิธีบวงสรวงเวลายกคานหลักขึ้นตั้งด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในสายตาของคนโบราณ

    Storyฯ ลองคิดตามก็รู้สึก ‘เออ...ใช่!’ ด้วยวัฒนธรรมที่จัดลำดับความสำคัญจากบนลงล่าง การเปรียบคนคนหนึ่งเป็นเสมือนคานหลักของบ้านเป็นการอุปมาอุปไมยอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้ต้องรับภาระอันมากมายและมีหน้าที่สำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความสมดุลของบ้าน และมีหน้าที่กระจายน้ำหนักไปสู่ส่วนประกอบอื่นของบ้าน ... ซึ่ง Storyฯ คิดว่านี่ก็คือบทบาทหน้าที่ของผู้นำ อดคิดไม่ได้ว่า สำนวนจีนเขาก็เปรียบเทียบได้ถูกต้องดี เพื่อนเพจว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.tupianzj.com/mingxing/juzhao/20211209/236147.html
    https://www.pixnet.net/tags/我就是這般女子
    https://www.facebook.com/Nsplusengineering/posts/2897265593641850/
    https://ettchk.wordpress.com/2017/12/22/3175/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://chengyu.qianp.com/cy/%E6%A0%8B%E6%A2%81%E4%B9%8B%E6%89%8D
    http://chengyu.kaishicha.com/in8q.html
    https://baike.baidu.com/item/%E6%A0%8B%E6%A2%81/6433593

    #สำนวนจีน #เสาหลัก
    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องปรัชญาขงจื๊อว่าด้วย ‘วิญญูชน’ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับสำนวนจีนที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่ามีเพื่อนเพจไม่น้อยที่เคยผ่านหูและผ่านตาในซีรีส์และนิยายจีนถึงสำนวน ‘เสาหลักของชาติ’ ซึ่งสำนวนนี้มีใช้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน วันนี้เลยมาพร้อมรูปกระกอบของเหล่าตัวละครที่ได้รับการขนานนามในเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นเสาหลักของชาติ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสำนวนจีนที่มีมาแต่โบราณนี้ เขาใช้คำว่า ‘คานหลัก’ ไม่ใช่ ‘เสาหลัก’? สำนวนนี้มักใช้ว่า ‘国之栋梁’(กั๋วจือโต้งเหลียง) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันสำนวนที่ถูกต้องคือ ‘国家栋梁’ (กั๋วเจียโต้งเหลียง) โดยคำว่า ‘โต้งเหลียง’นี้แปลว่าคานหลัก และมีสำนวนกล่าวชมคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญในกิจการบ้านเมืองนั้นว่า ‘โต้งเหลียงจือฉาย’(栋梁之才) เหตุใดในสำนวนนี้จึงใช้คำว่า ‘คาน’ ไม่ใช่ ‘เสา’ เหมือนชาติอื่น? เรื่องนี้ไม่ปรากฏคำอธิบายชัดเจน Storyฯ เองก็ไม่ใช่วิศวกรหรือสถาปนิก แต่พอจะจับใจความได้ดังนี้ค่ะ: คานคือส่วนของบ้านที่รับน้ำหนักจากข้างบนลงมาแล้วค่อยกระจายไปตามเสา และยังเป็นตัวช่วยยึดให้เสาตั้งตรงไม่เอนเอียงไปตามกาลเวลา ในการออกแบบจะคำนวณการกระจายน้ำหนักจากบนลงล่าง (แม้ในการก่อสร้างจริงจะเริ่มจากล่างก่อน) และคานหลักเป็นคานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวหลักในการรับน้ำหนัก ในสมัยโบราณมีการทำพิธีบวงสรวงเวลายกคานหลักขึ้นตั้งด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในสายตาของคนโบราณ Storyฯ ลองคิดตามก็รู้สึก ‘เออ...ใช่!’ ด้วยวัฒนธรรมที่จัดลำดับความสำคัญจากบนลงล่าง การเปรียบคนคนหนึ่งเป็นเสมือนคานหลักของบ้านเป็นการอุปมาอุปไมยอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้ต้องรับภาระอันมากมายและมีหน้าที่สำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความสมดุลของบ้าน และมีหน้าที่กระจายน้ำหนักไปสู่ส่วนประกอบอื่นของบ้าน ... ซึ่ง Storyฯ คิดว่านี่ก็คือบทบาทหน้าที่ของผู้นำ อดคิดไม่ได้ว่า สำนวนจีนเขาก็เปรียบเทียบได้ถูกต้องดี เพื่อนเพจว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.tupianzj.com/mingxing/juzhao/20211209/236147.html https://www.pixnet.net/tags/我就是這般女子 https://www.facebook.com/Nsplusengineering/posts/2897265593641850/ https://ettchk.wordpress.com/2017/12/22/3175/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://chengyu.qianp.com/cy/%E6%A0%8B%E6%A2%81%E4%B9%8B%E6%89%8D http://chengyu.kaishicha.com/in8q.html https://baike.baidu.com/item/%E6%A0%8B%E6%A2%81/6433593 #สำนวนจีน #เสาหลัก
    1 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • วรรณกรรมประเภทหนึ่งที่ตอนนี้มีเยอะมากโดยเฉพาะจากฝั่งตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี) แต่ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไร คือเรื่องแนวฟีลกู๊ดประเภทสถานที่เยียวยาจิตใจ ไม่ใช่เพราะผมเป็นพวกจิตใจหยาบกระด้างหรือชอบเสพแต่ความดาร์กและความสยอง แต่เพราะผมมองว่าตัวเองพอดักทางได้ว่าเรื่องพวกนั้นมี "สาร" อย่างไร ต้องการสอนผู้อ่านอย่างไร ทั้งนี้ก็จะมีบางเรื่องที่เป็นข้อยกเว้น หนึ่งในนั้นคือคาเฟ่ของแม่หมอมานูล

    'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' โดย อัตสึกิ โอโตะ เป็นนิยายแบบที่ผมคงไม่สนใจในแวบแรก ถ้าไม่ใช่เพราะโดนล่อตาล่อใจจากของแถมที่ทาง สนพ. บอกว่ามีเฉพาะในรอบพิมพ์ครั้งแรกเท่านั้น นั่นคือ ไพ่ทาโรต์ขนาดเล็ก ๆ 5 ใบที่เป็นภาพคุณมานูล แมวหมอดูตัวเอกประจำเรื่อง ข้อนี้เลยเป็นตัวแปรสำคัญให้ผมเปิดใจรับหนังสือเล่มนี้มาบรรจุเข้าชั้นที่บ้าน

    ไหน ๆ ก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมก็เห็นว่ามันควรค่าแก่การรีวิวในแบบของไพ่เราเผาเรื่อง แต่รอบนี้จะต่างจากครั้งอื่น ๆ ตรงที่ผมจะไม่ใช้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์สำรับใด ๆ ในคลัง แต่จะใช้ไพ่แถม 5 ใบที่มากับหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องมือประกอบการ "เผาเรื่อง" โดยสับไพ่แล้วสุ่มหยิบตามลำดับ

    ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' ด้วยไพ่แถมสุดน่ารักทั้ง 5 ใบ ได้ ณ บัดนี้ครับ

    ----------

    "เรื่องจบในตอนพร้อมข้อคิดดี ๆ"
    🃏The Sun + 🃏The World

    ในไพ่ทาโรต์ 78 ใบ The Sun เป็นไพ่ที่ความหมายดีรอบด้านในอันดับต้น ๆ แต่ไพ่ใบนี้ยังสื่อถึง "ความจริง" และ "ข้อคิดที่เป็นประโยชน์" ได้ด้วย ส่วน The World ในฐานะไพ่ใบสุดท้ายของไพ่ชุดหลัก (Major Arcana) จึงมักสื่อความถึง "จุดสิ้นสุด" และ "ความสมบูรณ์" แต่มันไม่ใช่การตัดจบแบบบริบูรณ์หรือ Happily Ever After ทว่าเป็นการจบลงของบทหนึ่งเพื่อที่จะเข้าสู่บทถัดไป

    'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' มีลักษณะการเขียนแบบที่มักเจอใน Fiction ประเภทสถานที่ที่ช่วยให้ผู้คนได้ฮีลใจ นั่นคือเป็นนวนิยายแบบเนื้อเรื่องจบในตอน (Episodic novel) โดยแต่ละตอนมักจะมีข้อคิดจรรโลงใจหรือมุมมองที่น่าสนใจแตกต่างกัน บางครั้งต่างตอนก็มีสารหรือข้อคิดสำหรับคนต่างกลุ่มต่างจำพวก

    หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อเรื่อง 5 บท แต่ละบทสามารถอ่านแยกในฐานะเรื่องสั้นที่จบสมบูรณ์ในตัวเองได้ แต่ตอนหลัง ๆ ก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่อเนื่องจากตอนก่อน ๆ ตัวละครดำเนินเรื่องในแต่ละตอนมีช่วงอายุ บทบาท และปัญหาคาใจแตกต่างกัน มีทั้งเด็กมัธยมที่หาทาง fit in ในสังคมห้องเรียน อินฟลูเอนเซอร์สาว ซิงเกิลมัม ไปจนถึงวัยกลางคนที่กำลังสับสนกับทิศทางชีวิตและหน้าที่การงานของตัวเอง จากนั้นโชคชะตาหรือพล็อตเรื่องก็จะพาตัวละครไปเจอกับคุณมานูลและคาเฟมาร์เนิล

    คุณมานูล ศูนย์กลางของเรื่อง เดิมเคยเป็นมนุษย์ชื่อ คาวาตานิ ไอซาวะ แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง นางเลือก 'ลาออก' จากการเป็นมนุษย์ มาอยู่ในร่างของแมวมานูล (Manul) หรืออีกชื่อคือแมวพัลลาส (Pallas's cat) และรับดูดวงด้วยสารพัดวิธี ไม่ว่าจะใช้ไพ่ ลูกแก้ว หรือเครื่องเสี่ยงเซียมซีรูเลตต์ พร้อมทั้งเปิดคาเฟ่ร่วมกับคนที่น่าจะเป็นสามีและลูกสาว (ส่วนชื่อคาเฟ่ ทำไมถึงชื่อ "มาร์เนิล" แทนที่จะเป็น "มานูล" ตรงนี้ในหนังสือมีอธิบายไว้ แต่สั้น ๆ คือเป็นมุกที่เล่นกับตัวเขียนญี่ปุ่นแบบคาตาคานะ ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้แปลที่พยายามเรียบเรียงเป็นไทยให้ใกล้เคียงโดยไม่เสียอรรถรสของต้นฉบับ)

    เนื้อเรื่องแต่ละตอนดำเนินไปอย่างค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ เริ่มจากแนะนำตัวละครและชีวิตประจำวันที่เจ้าตัวไม่พึงพอใจเท่าไร จากนั้นตัวละครก็จะได้เจอคุณมานูลช่วยทำนายดวงชะตาพร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบคร่าว ๆ เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งตัวละครจะทำตามและอะไร ๆ ก็ดูจะดีขึ้นจริง ๆ แต่แล้วก็จะมีเหตุสักอย่างให้ชีวิตตัวละครกลับไปเป็นแบบตอนต้นเรื่องหรือเผลอ ๆ เหมือนจะดูแย่ลง และทำให้ตัวละครได้รับการชี้แนะจากคุณมานูลเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคราวนี้เรื่องก็จะดูจบตอนแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ชวนให้นึกถึงโดราเอมอนแแบบอนิเมะในทีวีที่ฉายเป็นตอน ๆ หรือการ์ตูนต่อสู้อย่างเซเลอร์มูนช่วงแรก ๆ ที่จะมีตัวร้ายประจำสัปดาห์ (Monster of the week) มาให้ตัวเอกปราบ

    นิยายประเภทสถานที่ฮีลใจมักมีตัวละครประจำตอนที่แแตกต่างกันทั้งช่วงอายุและอาชีพ เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของคนอ่านในกลุ่มต่าง ๆ นิยายเล่มนี้ก็เช่นกัน ทั้ง 5 ตอนมีตัวละครตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ซึ่งก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ผู้เขียนคคาดหวังว่าจะรวมอยู่ในหมู่คนอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย และถึงแม้ปัญหาที่ตัวละครในเรื่องเผชิญอาจไม่ตรงกับเรื่องที่คนอ่านในช่วงวัยเดียวกันเจอในชีวิตจริงทั้งหมด แต่ข้อคิดและคำแนะนำจากคุณมานููลในแต่ละตอนก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน

    ----------

    "เยียวยาจิตใจในสถานที่ที่มอบความสุข"
    🃏The Star + 🃏Ten of Cups

    The Star คือดวงดาว จึงเป็นไพ่ตัวแทนหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเรามักเชื่อมโยงกับดาว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความโด่งดัง หรือความหวัง แต่มันก็มีอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือ "การเยียวยา" ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่วนไพ่ 10 ถ้วย โดยทั่วไปมักหมายถึงบ้านหรือครอบครัว แต่บางกรณีก็สื่อถึง "ความสุขอย่างเต็มเปี่ยม" โดยเป็นความสุขที่มาจากกลุ่มคนที่อยู่กันสนิทชิดเชื้อเหมือนเป็นครอบครัว (แบบใน "แฟ้มเมอะหลี่" ของพี่ดอม ทอร์เรตโต แห่งซีรีส์ Fast & Furious) หรือจากาสถานที่มีผู้พร้อมจะส่งมอบความสุขให้ผู้อื่น

    คาเฟ่มาร์เนิลของคุณมานูลลงล็อกพอดีกับคำจำกัดความของสถานที่แบบที่ว่า แต่ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ข้างบน ๆ นิยายเรื่องนี้ผลิตซ้ำ Trope ของสถานที่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนในการแก้ปัญหาและเยียวยาจิตใจ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมกันในวงการวรรณกรรมฝั่งเอเชียตะวันออก แต่ละเรื่องอาจมีสถานที่ต่างกันไป บางเรื่องเป็นคาเฟ่ บางเรื่องเป็นร้านเบเกอรี่ บ้างเรื่องเป็นร้านหนังสือหรือห้องสมุด แต่ทุกเรื่องจบลงที่ตัวละครซึ่งไปเยือนสถานที่นั้น ๆ ได้เยียวยาบาดแผลหรือปมปัญหาในใจ หรือได้ปลดล็อกอะไรสักอย่างที่ติดค้างอยู่

    น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า ในชีวิตจริงซึ่งไม่ได้มีมนตร์วิเศษอยู่ (อย่างน้อยก็ในแบบที่มักเกิลอย่างเรา ๆ จับต้องและพิสูจน์ได้) คนเราก็มีสถานที่สำหรับเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำและแตกร้าว นอกจากกลับบ้านไปหาครอบครัวแล้ว ที่อื่นที่คนมักไปเพื่อฮีลใจตัวเอง เช่น คาเฟ่ ซุ้มหมอดู (หรือบางคนก็ทักไปหาหมอดูทางออนไลน์) และที่ใดก็ตามที่มีแมวอยู่ กล่าวอีกอย่างคือ คาเฟ่ การดูดวง และแมว คือ Top 3 แห่งเครื่องเยียวยาจิตใจของมนุษย์ในปัจจุบัน (ซึ่งจะเรียกว่าเป็นยุคทุนนิยมหรือยุคโพสต์โมเดิร์นก็ตามแต่)

    และสามอย่างที่ว่านี้ นอกจากในนิยายซีรีส์ "ร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง" แล้ว ก็มีคุณมานูลในนิยายเรื่องนี้ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัว เหมือนผู้เขียนจงใจ หรือไม่ก็สร้างไว้ให้คนอ่านที่ชอบ Overanalyze ได้สังเกตและทึกทักเอา

    ----------

    "โชคชะตาไม่สำคัญเมื่อเธอนั้นกลายเป็นแมว"
    🃏Wheel of Fortune

    ไพ่วงล้อแห่งโชคชะตาเป็นใบหนึ่งที่ท้าทายสกิลการอ่านและตีความไพ่ของผู้อ่านไพ่มากที่สุด บางบริบท มันสื่อถึงการที่โชคชะตากำลังดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าช่วงนั้นดวงกกำลังดี ๆ อยู่ มันก็อาจเป็นคำเตือนในระวังถึงขาลงของชีวิตที่ส่อแววมาแต่ไกล โดยรวมแล้ว ไพ่ใบนี้สื่อถึง "โชคชะตา" ในภาพรวม ซึ่งโดยตัวมันเองไม่มีดีหรือร้าย แต่ที่เรามองว่าดีหรือร้ายก็เพราะเรามองจากมุมมองของตัวเรา ถ้าเรามองเรื่องที่เกิดกับคนอื่น หรือมองตัวเองอย่างเป็นภววิสัย เราก็คงมองว่าททุกอย่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ เดี๋ยวมีดี เดี๋ยวมีร้าย ไม่แน่ไม่นอน เผลอ ๆ คาดเดาไม่ได้ (หากเราเชื่อตาม Chaos Theory) และด้วยเหตุนี้ ไพ่ใบนี้จึงหมายรวมถึงการพยากรณ์ การดูดวง หรือการตรวจสอบดวงชะตาเช่นกัน

    ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนผมไหม ตอนเห็นชื่อหนังสือฉบับแปลไทยครั้งแรก ก็คิดว่าคุณมานูลน่าจะเป็นตัวละครประเภทกวน ๆ ที่ทำนายดวงตรงมั่งมั่วมั่ง (แต่สุดท้ายก็ช่วยให้ตัวละครในแต่ละตอนได้มีความสุขอยู่ดี ตามแนวทางของนิยายฮีลใจแบบนี้) แต่พอได้อ่านจริงก็พบว่านางเป็นคาแรกเตอร์ประเภทกวน ๆ จริง กวนแบบน่ารัก ๆ ชนิดที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะอยากมีเพื่อนสนิทแบบนี้สักคนสองคน ทว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะหายไปคือการทำนายแบบมั่ว ๆ เพราะเท่าที่อ่านเจอในเรื่อง คุณมานูลไม่เคยทำนายดวงชะตาให้ตัวละครไหนแบบมั่ว ๆ เลย อย่างมากคือทำนายแบบส่งเดช พอให้เห็นว่ามีการใช้อุปกรณ์ทำนาย (อันนี้พูดในฐานะคนที่ทุกวันนี้รายรอบด้วยคนในวงการนักพยากรณ์ และเคยเจอหมอดูที่ทำนายแบบมั่วซั่วมาจนมากเกินจะนับด้วยนิ้วมือรวมนิ้วเท้าได้) อันที่จริงชื่อต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นของนิยายเรื่องนี้แปลตรงตัวแค่ว่า "คุณมานูลผู้ลาออกจากการเป็นมนุษย์จะทำนายดวงชะตาให้คุณ" ด้วยซ้ำ

    อย่างไรก็ตาม คุณมานูลตลอดทั้งเรื่องจะเล่นอีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบาทที่หมอดูทุกศาสตร์ทุกแขนงควรเป็นในตัว (ถ้ายังไม่เป็นก็ควรฝึกตัวเองให้เป็น หรือไป take course เสียโดยด่วน โปรดรู้ว่าสังคมทุกวันนี้กำลังต้องการมาก) นั่นคือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตใจและสังคม เนื้อเรื่องไม่เคยฟันธงว่าคุณมานูลดูดวงเป็นจริง ๆ หรือไม่ แต่เรื่องแสดงให้เห็นว่านางดูคนเป็น เข้าใจว่าแต่ละคนกำลังขาดหรือล้นเกินในเรื่องอะไร ซึ่งก็น่าจะเป็นทักษะที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยนางยังเป็นมนุษย์ และจากตรงนี้ นางจึงให้คำแนะนำแบบแมว ๆ ให้แต่ละตัวละครรับไปหาทางแก้ปัญหาของตัวเองอย่างตรงจุด

    เนื้อเรื่องไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณไอซาวะลาออกจากการเป็นมนุษย์แล้วผันตัวมาเป็นแมวมานูล แต่เมื่อดูจากคำใบ้ในแต่ละตอน (โดยเฉพาะตอนสุดท้าย) ผมมองว่านางคงเบื่อชีวิตมนุษย์ที่วัน ๆ ได้แต่ไหลไปตามสิ่งรอบข้างอย่างกระแสสังคม ความควาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้าง (ซึ่งไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นสิ่งที่เรารับมากระทำกับตัวเราเอง) ตลอดจนการยอมจำนนต่อ "โชคชะตา" เดี๋ยวดวงดี เดี๋ยวดวงซวย ช่วงนี้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกาลกิณี ฯลฯ

    ในเมื่อมีแต่มนุษย์ที่ปวดหัววุ่นวายกับเรื่องเหล่านี้ แต่แมวใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องนำพาต่อสิ่งเหล่านี้ นางก็เลยเลิกเป็นมนุษย์แล้วเป็นแมวซะดื้อ ๆ แต่ครั้นจะเป็นแมวพันธุ์ธรรมดา ๆ พื้น ๆ ก็ไม่เอา เลยขอเป็นพันธุ์หายากอย่างแมวมานูล และพอเป็นแมวแล้ว นางเลยสามารถมองเรื่องราววุ่น ๆ ของมนุษย์ได้อย่างเป็นกลาง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบชิล ๆ แต่ตรงประเด็นได้

    ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะขึ้นชื่อว่ามีหมอดูอยู่ แต่เนื้อเรื่องแทบไม่เกี่ยวกับการทำนายดวงชะตา (จริง ๆ) เลย กลับกัน มันแนะแนววิธีการใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ดวง เหมือนที่แมวไม่แคร์วิถีชีวิตของมนุษย์ แต่พร้อมกันนั้น มันก็ให้คำแนะนำที่ดีอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นหมอดูและอยากเป็นหมอดูครับ

    ----------

    Final Verdict: 🃏The Sun + 🃏The World + 🃏The Star + 🃏Ten of Cups + 🃏Wheel of Fortune

    'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' จะช่วยให้คุณเข้าใจความจริงว่า ต่อให้โลกนี้จะหมุนไปและชีวิตนำพาอะไรมาให้คุณ แต่คุณก็สามารถเฉิดฉายในแบบของตัวเองและมีความสุขทุกวันได้ ขอแค่คุณปล่อยจอยกับชีวิต คิดเสียว่าลาออกจากการมนุษย์แล้วทำตัวเหมือนเป็นแมวเสีย เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้แค่เวลาจำกัด แล้วทำไม เราต้องปล่อยให้เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว (เมื่อเทียบกับเวลาของจักรวาล) มาขัดจังหวะการเก็บเกี่ยวความสุขในแต่ละวันของเราด้วย จริงไหม?

    🃏🃏🃏🃏🃏
    แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่งคาเฟมาร์เนิล (2025)
    • แปลจาก: 人間やめたマヌルさんが、あなたの人生占います (2023)
    • ผู้เขียน: ฮัตสึกิ โอโตะ
    • ผู้แปล: วิลาสินี จงสถิตวัฒนา
    • สำนักพิมพ์: Lumi (ในเครือนานมีบุ๊คส์)
    ไพ่ที่ใช้: ไพ่ทาโรต์แถมพิเศษเฉพาะฉบับพิมพ์ครั้งแรกของนิยายเรื่องนี้
    วรรณกรรมประเภทหนึ่งที่ตอนนี้มีเยอะมากโดยเฉพาะจากฝั่งตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี) แต่ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไร คือเรื่องแนวฟีลกู๊ดประเภทสถานที่เยียวยาจิตใจ ไม่ใช่เพราะผมเป็นพวกจิตใจหยาบกระด้างหรือชอบเสพแต่ความดาร์กและความสยอง แต่เพราะผมมองว่าตัวเองพอดักทางได้ว่าเรื่องพวกนั้นมี "สาร" อย่างไร ต้องการสอนผู้อ่านอย่างไร ทั้งนี้ก็จะมีบางเรื่องที่เป็นข้อยกเว้น หนึ่งในนั้นคือคาเฟ่ของแม่หมอมานูล 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' โดย อัตสึกิ โอโตะ เป็นนิยายแบบที่ผมคงไม่สนใจในแวบแรก ถ้าไม่ใช่เพราะโดนล่อตาล่อใจจากของแถมที่ทาง สนพ. บอกว่ามีเฉพาะในรอบพิมพ์ครั้งแรกเท่านั้น นั่นคือ ไพ่ทาโรต์ขนาดเล็ก ๆ 5 ใบที่เป็นภาพคุณมานูล แมวหมอดูตัวเอกประจำเรื่อง ข้อนี้เลยเป็นตัวแปรสำคัญให้ผมเปิดใจรับหนังสือเล่มนี้มาบรรจุเข้าชั้นที่บ้าน ไหน ๆ ก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมก็เห็นว่ามันควรค่าแก่การรีวิวในแบบของไพ่เราเผาเรื่อง แต่รอบนี้จะต่างจากครั้งอื่น ๆ ตรงที่ผมจะไม่ใช้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์สำรับใด ๆ ในคลัง แต่จะใช้ไพ่แถม 5 ใบที่มากับหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องมือประกอบการ "เผาเรื่อง" โดยสับไพ่แล้วสุ่มหยิบตามลำดับ ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' ด้วยไพ่แถมสุดน่ารักทั้ง 5 ใบ ได้ ณ บัดนี้ครับ ---------- "เรื่องจบในตอนพร้อมข้อคิดดี ๆ" 🃏The Sun + 🃏The World ในไพ่ทาโรต์ 78 ใบ The Sun เป็นไพ่ที่ความหมายดีรอบด้านในอันดับต้น ๆ แต่ไพ่ใบนี้ยังสื่อถึง "ความจริง" และ "ข้อคิดที่เป็นประโยชน์" ได้ด้วย ส่วน The World ในฐานะไพ่ใบสุดท้ายของไพ่ชุดหลัก (Major Arcana) จึงมักสื่อความถึง "จุดสิ้นสุด" และ "ความสมบูรณ์" แต่มันไม่ใช่การตัดจบแบบบริบูรณ์หรือ Happily Ever After ทว่าเป็นการจบลงของบทหนึ่งเพื่อที่จะเข้าสู่บทถัดไป 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' มีลักษณะการเขียนแบบที่มักเจอใน Fiction ประเภทสถานที่ที่ช่วยให้ผู้คนได้ฮีลใจ นั่นคือเป็นนวนิยายแบบเนื้อเรื่องจบในตอน (Episodic novel) โดยแต่ละตอนมักจะมีข้อคิดจรรโลงใจหรือมุมมองที่น่าสนใจแตกต่างกัน บางครั้งต่างตอนก็มีสารหรือข้อคิดสำหรับคนต่างกลุ่มต่างจำพวก หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อเรื่อง 5 บท แต่ละบทสามารถอ่านแยกในฐานะเรื่องสั้นที่จบสมบูรณ์ในตัวเองได้ แต่ตอนหลัง ๆ ก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่อเนื่องจากตอนก่อน ๆ ตัวละครดำเนินเรื่องในแต่ละตอนมีช่วงอายุ บทบาท และปัญหาคาใจแตกต่างกัน มีทั้งเด็กมัธยมที่หาทาง fit in ในสังคมห้องเรียน อินฟลูเอนเซอร์สาว ซิงเกิลมัม ไปจนถึงวัยกลางคนที่กำลังสับสนกับทิศทางชีวิตและหน้าที่การงานของตัวเอง จากนั้นโชคชะตาหรือพล็อตเรื่องก็จะพาตัวละครไปเจอกับคุณมานูลและคาเฟมาร์เนิล คุณมานูล ศูนย์กลางของเรื่อง เดิมเคยเป็นมนุษย์ชื่อ คาวาตานิ ไอซาวะ แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง นางเลือก 'ลาออก' จากการเป็นมนุษย์ มาอยู่ในร่างของแมวมานูล (Manul) หรืออีกชื่อคือแมวพัลลาส (Pallas's cat) และรับดูดวงด้วยสารพัดวิธี ไม่ว่าจะใช้ไพ่ ลูกแก้ว หรือเครื่องเสี่ยงเซียมซีรูเลตต์ พร้อมทั้งเปิดคาเฟ่ร่วมกับคนที่น่าจะเป็นสามีและลูกสาว (ส่วนชื่อคาเฟ่ ทำไมถึงชื่อ "มาร์เนิล" แทนที่จะเป็น "มานูล" ตรงนี้ในหนังสือมีอธิบายไว้ แต่สั้น ๆ คือเป็นมุกที่เล่นกับตัวเขียนญี่ปุ่นแบบคาตาคานะ ซึ่งต้องขอชื่นชมผู้แปลที่พยายามเรียบเรียงเป็นไทยให้ใกล้เคียงโดยไม่เสียอรรถรสของต้นฉบับ) เนื้อเรื่องแต่ละตอนดำเนินไปอย่างค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จ เริ่มจากแนะนำตัวละครและชีวิตประจำวันที่เจ้าตัวไม่พึงพอใจเท่าไร จากนั้นตัวละครก็จะได้เจอคุณมานูลช่วยทำนายดวงชะตาพร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบคร่าว ๆ เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งตัวละครจะทำตามและอะไร ๆ ก็ดูจะดีขึ้นจริง ๆ แต่แล้วก็จะมีเหตุสักอย่างให้ชีวิตตัวละครกลับไปเป็นแบบตอนต้นเรื่องหรือเผลอ ๆ เหมือนจะดูแย่ลง และทำให้ตัวละครได้รับการชี้แนะจากคุณมานูลเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคราวนี้เรื่องก็จะดูจบตอนแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ชวนให้นึกถึงโดราเอมอนแแบบอนิเมะในทีวีที่ฉายเป็นตอน ๆ หรือการ์ตูนต่อสู้อย่างเซเลอร์มูนช่วงแรก ๆ ที่จะมีตัวร้ายประจำสัปดาห์ (Monster of the week) มาให้ตัวเอกปราบ นิยายประเภทสถานที่ฮีลใจมักมีตัวละครประจำตอนที่แแตกต่างกันทั้งช่วงอายุและอาชีพ เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของคนอ่านในกลุ่มต่าง ๆ นิยายเล่มนี้ก็เช่นกัน ทั้ง 5 ตอนมีตัวละครตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ซึ่งก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ผู้เขียนคคาดหวังว่าจะรวมอยู่ในหมู่คนอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย และถึงแม้ปัญหาที่ตัวละครในเรื่องเผชิญอาจไม่ตรงกับเรื่องที่คนอ่านในช่วงวัยเดียวกันเจอในชีวิตจริงทั้งหมด แต่ข้อคิดและคำแนะนำจากคุณมานููลในแต่ละตอนก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน ---------- "เยียวยาจิตใจในสถานที่ที่มอบความสุข" 🃏The Star + 🃏Ten of Cups The Star คือดวงดาว จึงเป็นไพ่ตัวแทนหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเรามักเชื่อมโยงกับดาว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความโด่งดัง หรือความหวัง แต่มันก็มีอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือ "การเยียวยา" ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่วนไพ่ 10 ถ้วย โดยทั่วไปมักหมายถึงบ้านหรือครอบครัว แต่บางกรณีก็สื่อถึง "ความสุขอย่างเต็มเปี่ยม" โดยเป็นความสุขที่มาจากกลุ่มคนที่อยู่กันสนิทชิดเชื้อเหมือนเป็นครอบครัว (แบบใน "แฟ้มเมอะหลี่" ของพี่ดอม ทอร์เรตโต แห่งซีรีส์ Fast & Furious) หรือจากาสถานที่มีผู้พร้อมจะส่งมอบความสุขให้ผู้อื่น คาเฟ่มาร์เนิลของคุณมานูลลงล็อกพอดีกับคำจำกัดความของสถานที่แบบที่ว่า แต่ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ข้างบน ๆ นิยายเรื่องนี้ผลิตซ้ำ Trope ของสถานที่ที่ให้ความช่วยเหลือผู้คนในการแก้ปัญหาและเยียวยาจิตใจ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมกันในวงการวรรณกรรมฝั่งเอเชียตะวันออก แต่ละเรื่องอาจมีสถานที่ต่างกันไป บางเรื่องเป็นคาเฟ่ บางเรื่องเป็นร้านเบเกอรี่ บ้างเรื่องเป็นร้านหนังสือหรือห้องสมุด แต่ทุกเรื่องจบลงที่ตัวละครซึ่งไปเยือนสถานที่นั้น ๆ ได้เยียวยาบาดแผลหรือปมปัญหาในใจ หรือได้ปลดล็อกอะไรสักอย่างที่ติดค้างอยู่ น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า ในชีวิตจริงซึ่งไม่ได้มีมนตร์วิเศษอยู่ (อย่างน้อยก็ในแบบที่มักเกิลอย่างเรา ๆ จับต้องและพิสูจน์ได้) คนเราก็มีสถานที่สำหรับเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำและแตกร้าว นอกจากกลับบ้านไปหาครอบครัวแล้ว ที่อื่นที่คนมักไปเพื่อฮีลใจตัวเอง เช่น คาเฟ่ ซุ้มหมอดู (หรือบางคนก็ทักไปหาหมอดูทางออนไลน์) และที่ใดก็ตามที่มีแมวอยู่ กล่าวอีกอย่างคือ คาเฟ่ การดูดวง และแมว คือ Top 3 แห่งเครื่องเยียวยาจิตใจของมนุษย์ในปัจจุบัน (ซึ่งจะเรียกว่าเป็นยุคทุนนิยมหรือยุคโพสต์โมเดิร์นก็ตามแต่) และสามอย่างที่ว่านี้ นอกจากในนิยายซีรีส์ "ร้านกาแฟจันทร์เต็มดวง" แล้ว ก็มีคุณมานูลในนิยายเรื่องนี้ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัว เหมือนผู้เขียนจงใจ หรือไม่ก็สร้างไว้ให้คนอ่านที่ชอบ Overanalyze ได้สังเกตและทึกทักเอา ---------- "โชคชะตาไม่สำคัญเมื่อเธอนั้นกลายเป็นแมว" 🃏Wheel of Fortune ไพ่วงล้อแห่งโชคชะตาเป็นใบหนึ่งที่ท้าทายสกิลการอ่านและตีความไพ่ของผู้อ่านไพ่มากที่สุด บางบริบท มันสื่อถึงการที่โชคชะตากำลังดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าช่วงนั้นดวงกกำลังดี ๆ อยู่ มันก็อาจเป็นคำเตือนในระวังถึงขาลงของชีวิตที่ส่อแววมาแต่ไกล โดยรวมแล้ว ไพ่ใบนี้สื่อถึง "โชคชะตา" ในภาพรวม ซึ่งโดยตัวมันเองไม่มีดีหรือร้าย แต่ที่เรามองว่าดีหรือร้ายก็เพราะเรามองจากมุมมองของตัวเรา ถ้าเรามองเรื่องที่เกิดกับคนอื่น หรือมองตัวเองอย่างเป็นภววิสัย เราก็คงมองว่าททุกอย่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ เดี๋ยวมีดี เดี๋ยวมีร้าย ไม่แน่ไม่นอน เผลอ ๆ คาดเดาไม่ได้ (หากเราเชื่อตาม Chaos Theory) และด้วยเหตุนี้ ไพ่ใบนี้จึงหมายรวมถึงการพยากรณ์ การดูดวง หรือการตรวจสอบดวงชะตาเช่นกัน ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนผมไหม ตอนเห็นชื่อหนังสือฉบับแปลไทยครั้งแรก ก็คิดว่าคุณมานูลน่าจะเป็นตัวละครประเภทกวน ๆ ที่ทำนายดวงตรงมั่งมั่วมั่ง (แต่สุดท้ายก็ช่วยให้ตัวละครในแต่ละตอนได้มีความสุขอยู่ดี ตามแนวทางของนิยายฮีลใจแบบนี้) แต่พอได้อ่านจริงก็พบว่านางเป็นคาแรกเตอร์ประเภทกวน ๆ จริง กวนแบบน่ารัก ๆ ชนิดที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะอยากมีเพื่อนสนิทแบบนี้สักคนสองคน ทว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะหายไปคือการทำนายแบบมั่ว ๆ เพราะเท่าที่อ่านเจอในเรื่อง คุณมานูลไม่เคยทำนายดวงชะตาให้ตัวละครไหนแบบมั่ว ๆ เลย อย่างมากคือทำนายแบบส่งเดช พอให้เห็นว่ามีการใช้อุปกรณ์ทำนาย (อันนี้พูดในฐานะคนที่ทุกวันนี้รายรอบด้วยคนในวงการนักพยากรณ์ และเคยเจอหมอดูที่ทำนายแบบมั่วซั่วมาจนมากเกินจะนับด้วยนิ้วมือรวมนิ้วเท้าได้) อันที่จริงชื่อต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นของนิยายเรื่องนี้แปลตรงตัวแค่ว่า "คุณมานูลผู้ลาออกจากการเป็นมนุษย์จะทำนายดวงชะตาให้คุณ" ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม คุณมานูลตลอดทั้งเรื่องจะเล่นอีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบาทที่หมอดูทุกศาสตร์ทุกแขนงควรเป็นในตัว (ถ้ายังไม่เป็นก็ควรฝึกตัวเองให้เป็น หรือไป take course เสียโดยด่วน โปรดรู้ว่าสังคมทุกวันนี้กำลังต้องการมาก) นั่นคือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตใจและสังคม เนื้อเรื่องไม่เคยฟันธงว่าคุณมานูลดูดวงเป็นจริง ๆ หรือไม่ แต่เรื่องแสดงให้เห็นว่านางดูคนเป็น เข้าใจว่าแต่ละคนกำลังขาดหรือล้นเกินในเรื่องอะไร ซึ่งก็น่าจะเป็นทักษะที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยนางยังเป็นมนุษย์ และจากตรงนี้ นางจึงให้คำแนะนำแบบแมว ๆ ให้แต่ละตัวละครรับไปหาทางแก้ปัญหาของตัวเองอย่างตรงจุด เนื้อเรื่องไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณไอซาวะลาออกจากการเป็นมนุษย์แล้วผันตัวมาเป็นแมวมานูล แต่เมื่อดูจากคำใบ้ในแต่ละตอน (โดยเฉพาะตอนสุดท้าย) ผมมองว่านางคงเบื่อชีวิตมนุษย์ที่วัน ๆ ได้แต่ไหลไปตามสิ่งรอบข้างอย่างกระแสสังคม ความควาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้าง (ซึ่งไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นสิ่งที่เรารับมากระทำกับตัวเราเอง) ตลอดจนการยอมจำนนต่อ "โชคชะตา" เดี๋ยวดวงดี เดี๋ยวดวงซวย ช่วงนี้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกาลกิณี ฯลฯ ในเมื่อมีแต่มนุษย์ที่ปวดหัววุ่นวายกับเรื่องเหล่านี้ แต่แมวใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องนำพาต่อสิ่งเหล่านี้ นางก็เลยเลิกเป็นมนุษย์แล้วเป็นแมวซะดื้อ ๆ แต่ครั้นจะเป็นแมวพันธุ์ธรรมดา ๆ พื้น ๆ ก็ไม่เอา เลยขอเป็นพันธุ์หายากอย่างแมวมานูล และพอเป็นแมวแล้ว นางเลยสามารถมองเรื่องราววุ่น ๆ ของมนุษย์ได้อย่างเป็นกลาง พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบชิล ๆ แต่ตรงประเด็นได้ ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะขึ้นชื่อว่ามีหมอดูอยู่ แต่เนื้อเรื่องแทบไม่เกี่ยวกับการทำนายดวงชะตา (จริง ๆ) เลย กลับกัน มันแนะแนววิธีการใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ดวง เหมือนที่แมวไม่แคร์วิถีชีวิตของมนุษย์ แต่พร้อมกันนั้น มันก็ให้คำแนะนำที่ดีอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นหมอดูและอยากเป็นหมอดูครับ ---------- Final Verdict: 🃏The Sun + 🃏The World + 🃏The Star + 🃏Ten of Cups + 🃏Wheel of Fortune 'แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่คาเฟมาร์เนิล' จะช่วยให้คุณเข้าใจความจริงว่า ต่อให้โลกนี้จะหมุนไปและชีวิตนำพาอะไรมาให้คุณ แต่คุณก็สามารถเฉิดฉายในแบบของตัวเองและมีความสุขทุกวันได้ ขอแค่คุณปล่อยจอยกับชีวิต คิดเสียว่าลาออกจากการมนุษย์แล้วทำตัวเหมือนเป็นแมวเสีย เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้แค่เวลาจำกัด แล้วทำไม เราต้องปล่อยให้เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว (เมื่อเทียบกับเวลาของจักรวาล) มาขัดจังหวะการเก็บเกี่ยวความสุขในแต่ละวันของเราด้วย จริงไหม? 🃏🃏🃏🃏🃏 แมวหมอดูผู้ทำนายมั่ว ๆ แห่งคาเฟมาร์เนิล (2025) • แปลจาก: 人間やめたマヌルさんが、あなたの人生占います (2023) • ผู้เขียน: ฮัตสึกิ โอโตะ • ผู้แปล: วิลาสินี จงสถิตวัฒนา • สำนักพิมพ์: Lumi (ในเครือนานมีบุ๊คส์) ไพ่ที่ใช้: ไพ่ทาโรต์แถมพิเศษเฉพาะฉบับพิมพ์ครั้งแรกของนิยายเรื่องนี้
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 503 Views 0 Reviews
More Results