• ศาลราชบุรีสั่งจำคุก 'ปารีณา ไกรคุปต์' 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีบุกรุกครอบครองที่ป่าสงวน
    https://www.thai-tai.tv/news/21771/
    .
    #ปารีณาไกรคุปต์ #บุกรุกป่า #วีระสมความคิด #คดีจำคุก #ที่ดินสปก #ศาลจังหวัดราชบุรี #ปราบปรามคอร์รัปชัน #ไม่รอลงอาญา

    ศาลราชบุรีสั่งจำคุก 'ปารีณา ไกรคุปต์' 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีบุกรุกครอบครองที่ป่าสงวน https://www.thai-tai.tv/news/21771/ . #ปารีณาไกรคุปต์ #บุกรุกป่า #วีระสมความคิด #คดีจำคุก #ที่ดินสปก #ศาลจังหวัดราชบุรี #ปราบปรามคอร์รัปชัน #ไม่รอลงอาญา
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • การคอร์รัปชันระดับโลก (Global Corruption) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มักมีระบบตรวจสอบและกลไกต่อต้านคอร์รัปชันที่อ่อนแอ

    ### **รูปแบบของการคอร์รัปชันระดับโลก**
    1. **การทุจริตข้ามชาติ (Transnational Corruption)**
    - การติดสินบนระหว่างประเทศ (เช่น บริษัทข้ามชาติให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อชนะโครงการใหญ่)
    - การฟอกเงินผ่านระบบการเงินระหว่างประเทศ

    2. **การหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Evasion)**
    - การใช้บัญชีธนาคารลับในต่างประเทศ (เช่น เอกสารลับ Panama Papers, Paradise Papers)
    - การโอนผลกำไรไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำ (Tax Havens)

    3. **การคอร์รัปชันในองค์กรระหว่างประเทศ**
    - การทุจริตในโครงการช่วยเหลือของสหประชาชาติ (UN) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
    - การใช้อำนาจในองค์กรโลกบาลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

    4. **การคอร์รัปชันในห่วงโซ่อุปทานโลก**
    - การใช้แรงงานบังคับหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงาน

    ### **กรณีศึกษาที่โดดเด่น**
    - **Panama Papers (2016)** – เอกสารรั่วไหลเผยให้เห็นว่าผู้นำโลกและคนรวยใช้บริษัทหลอกเพื่อซ่อนทรัพย์สิน
    - **Operation Car Wash (巴西洗车行动)** – คดีทุจริตใหญ่ในบราซิลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมัน Petrobras และนักการเมืองหลายประเทศ
    - **1MDB Scandal (มาเลเซีย)** – อดีตนายกฯ นาจิบ ราซัก ถูกกล่าวหาลักลอบใช้เงินกองทุนรัฐ

    ### **ผลกระทบ**
    - **เศรษฐกิจ** : สร้างความเสียหายมหาศาล ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุน
    - **สังคม** : เพิ่มความเหลื่อมล้ำ ทำลายระบบสวัสดิการ
    - **การเมือง** : บ่อนทำลายประชาธิปไตย สร้างระบอบอำนาจนิยม

    ### **ความพยายามต่อต้านคอร์รัปชันระดับโลก**
    - **UN Convention Against Corruption (UNCAC)** – ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน
    - **OECD Anti-Bribery Convention** – ควบคุมการติดสินบนข้ามชาติของบริษัท
    - **Transparency International** – องค์กรนอกภาครัฐที่จัดดัชนีชี้วัดความโปร่งใส (CPI)

    ### **ความท้าทาย**
    - การบังคับใช้กฎหมายในบางประเทศยังอ่อนแอ
    - การใช้เทคโนโลยี (Cryptocurrency, Shell Companies) ทำให้การตรวจจับยากขึ้น

    การแก้ปัญหาคอร์รัปชันระดับโลกต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และการสร้างวัฒนธรรมความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน
    การคอร์รัปชันระดับโลก (Global Corruption) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มักมีระบบตรวจสอบและกลไกต่อต้านคอร์รัปชันที่อ่อนแอ ### **รูปแบบของการคอร์รัปชันระดับโลก** 1. **การทุจริตข้ามชาติ (Transnational Corruption)** - การติดสินบนระหว่างประเทศ (เช่น บริษัทข้ามชาติให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อชนะโครงการใหญ่) - การฟอกเงินผ่านระบบการเงินระหว่างประเทศ 2. **การหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Evasion)** - การใช้บัญชีธนาคารลับในต่างประเทศ (เช่น เอกสารลับ Panama Papers, Paradise Papers) - การโอนผลกำไรไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำ (Tax Havens) 3. **การคอร์รัปชันในองค์กรระหว่างประเทศ** - การทุจริตในโครงการช่วยเหลือของสหประชาชาติ (UN) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) - การใช้อำนาจในองค์กรโลกบาลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 4. **การคอร์รัปชันในห่วงโซ่อุปทานโลก** - การใช้แรงงานบังคับหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงาน ### **กรณีศึกษาที่โดดเด่น** - **Panama Papers (2016)** – เอกสารรั่วไหลเผยให้เห็นว่าผู้นำโลกและคนรวยใช้บริษัทหลอกเพื่อซ่อนทรัพย์สิน - **Operation Car Wash (巴西洗车行动)** – คดีทุจริตใหญ่ในบราซิลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมัน Petrobras และนักการเมืองหลายประเทศ - **1MDB Scandal (มาเลเซีย)** – อดีตนายกฯ นาจิบ ราซัก ถูกกล่าวหาลักลอบใช้เงินกองทุนรัฐ ### **ผลกระทบ** - **เศรษฐกิจ** : สร้างความเสียหายมหาศาล ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุน - **สังคม** : เพิ่มความเหลื่อมล้ำ ทำลายระบบสวัสดิการ - **การเมือง** : บ่อนทำลายประชาธิปไตย สร้างระบอบอำนาจนิยม ### **ความพยายามต่อต้านคอร์รัปชันระดับโลก** - **UN Convention Against Corruption (UNCAC)** – ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน - **OECD Anti-Bribery Convention** – ควบคุมการติดสินบนข้ามชาติของบริษัท - **Transparency International** – องค์กรนอกภาครัฐที่จัดดัชนีชี้วัดความโปร่งใส (CPI) ### **ความท้าทาย** - การบังคับใช้กฎหมายในบางประเทศยังอ่อนแอ - การใช้เทคโนโลยี (Cryptocurrency, Shell Companies) ทำให้การตรวจจับยากขึ้น การแก้ปัญหาคอร์รัปชันระดับโลกต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และการสร้างวัฒนธรรมความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน
    0 Comments 0 Shares 839 Views 0 Reviews
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 912 Views 0 Reviews
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ

    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 921 Views 0 Reviews
  • จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง
    .
    หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.)
    .
    ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้
    .
    นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน
    .
    นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง
    .
    ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242
    ..............
    Sondhi X
    จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง . หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม . เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.) . ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้ . นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน . เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย . การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน . นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง . ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 1207 Views 0 Reviews