• #สัมผัสที่เท่าไรก็ไม่ทราบ# ..ผู้เขียนเคยปฏิบัติสมาธิ อย่างจริงจัง และทุกวัน อยู่ช่วงระยะเวลาสักร่วมปีได้..(แต่สวดมนต์นี่สวดทุกวันอยู่แล้วถ้าไม่ได้ดื่ม) ..ผู้เขียนเป็นคนไม่กลัวผี...อาจด้วยคำสอนของพ่อผู้เขียนเองตอนเด็ก คือสมัยนั้นจะกลัวไปหมด.8-9 ขวบ...พ่อสอนว่า ดูให้แน่ก่อนลูก อย่าคิดเอาเอง.อย่าหลอกตัวเอง..ถ้าดูแล้วมันใช่ ค่อยกลัวก็ยังไม่สาย....คำพูดประโยคนี้เอง..เปลี่ยนตัวตนไปเลย...ความกลัว พอมันถูกก้าวข้ามไปได้..อะไรก็ง่ายละ....จึงมีนิสัย ชาลเลนจ์สารพัดสิ่ง..ติดตัวมาตลอด...กลับมาเข้า..ผู้เขียนเคยเขียนไปคราวที่แล้ว เรื่องผลของการทำสมาธิ ที่เรื่อง เลข 20 (เพจนี้ หรือ รู้ให้ทันวงการพระเครื่อง..ไม่แน่ใจ) ..แบะนี่คืออีกประสบการณ์จริง...ที่พบเจอด้วยตนเอง.คืนนั้นระหว่างทางกลับบ้าน...ภรรยาเป็นคนขับ เราก็นั่งปกติ...ถนนสายเลี่ยงเมืองปากเกร็ด. .ตรงนั้นมืดมาก...สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีผู้หญิงวิ่งให้รถเราชน.....เราตะโกนดังลั่นเลย....เบรค ...!! ...ภรรยา งง เขาตวาดเลย...อะไร ..!! ตกใจ...!! ..เราก็บอก คนตัดหน้าไม่เห็นเหรอ...จอดสิ...เขาก็ตอบไม่มี...มีอะไรที่ไหน..เราบอกจอดๆ..จะได้ช่วยเขา...ก็จอด...เดินย้อนไปดู...ไม่มีอะไร? ....คำตอบคือ เป็นร่างคน..เป็นผู้หญิงชัดเจน...แต่โปร่งแสง...แบบในภาพประกอบ...นี่คือ ประสบการณ์ครั้งแรกที่เห็นเป็นตัว...ที่เห็นแบบ หางตา แวปๆ นับไม่ถ้วน. เพราะผู้เขียนเดินทาง และนอนโรงแรม ตจว.บ่อย..ไอ้แบบ เสียงน้ำ กลิ่น กุกๆ แบบนั้น ชินแล้ว...
    #สัมผัสที่เท่าไรก็ไม่ทราบ# ..ผู้เขียนเคยปฏิบัติสมาธิ อย่างจริงจัง และทุกวัน อยู่ช่วงระยะเวลาสักร่วมปีได้..(แต่สวดมนต์นี่สวดทุกวันอยู่แล้วถ้าไม่ได้ดื่ม) ..ผู้เขียนเป็นคนไม่กลัวผี...อาจด้วยคำสอนของพ่อผู้เขียนเองตอนเด็ก คือสมัยนั้นจะกลัวไปหมด.8-9 ขวบ...พ่อสอนว่า ดูให้แน่ก่อนลูก อย่าคิดเอาเอง.อย่าหลอกตัวเอง..ถ้าดูแล้วมันใช่ ค่อยกลัวก็ยังไม่สาย....คำพูดประโยคนี้เอง..เปลี่ยนตัวตนไปเลย...ความกลัว พอมันถูกก้าวข้ามไปได้..อะไรก็ง่ายละ....จึงมีนิสัย ชาลเลนจ์สารพัดสิ่ง..ติดตัวมาตลอด...กลับมาเข้า..ผู้เขียนเคยเขียนไปคราวที่แล้ว เรื่องผลของการทำสมาธิ ที่เรื่อง เลข 20 (เพจนี้ หรือ รู้ให้ทันวงการพระเครื่อง..ไม่แน่ใจ) ..แบะนี่คืออีกประสบการณ์จริง...ที่พบเจอด้วยตนเอง.คืนนั้นระหว่างทางกลับบ้าน...ภรรยาเป็นคนขับ เราก็นั่งปกติ...ถนนสายเลี่ยงเมืองปากเกร็ด. .ตรงนั้นมืดมาก...สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีผู้หญิงวิ่งให้รถเราชน.....เราตะโกนดังลั่นเลย....เบรค ...!! ...ภรรยา งง เขาตวาดเลย...อะไร ..!! ตกใจ...!! ..เราก็บอก คนตัดหน้าไม่เห็นเหรอ...จอดสิ...เขาก็ตอบไม่มี...มีอะไรที่ไหน..เราบอกจอดๆ..จะได้ช่วยเขา...ก็จอด...เดินย้อนไปดู...ไม่มีอะไร? ....คำตอบคือ เป็นร่างคน..เป็นผู้หญิงชัดเจน...แต่โปร่งแสง...แบบในภาพประกอบ...นี่คือ ประสบการณ์ครั้งแรกที่เห็นเป็นตัว...ที่เห็นแบบ หางตา แวปๆ นับไม่ถ้วน. เพราะผู้เขียนเดินทาง และนอนโรงแรม ตจว.บ่อย..ไอ้แบบ เสียงน้ำ กลิ่น กุกๆ แบบนั้น ชินแล้ว...
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรม กับ ทำ
    ผู้มีปัญญาจะเลือก
    ธรรม กับ ทำ
    เหตุเพราะ มันคือ ธรรมสอง
    ตามคำสอนของพ่อครูโพธิรักษ์
    แห่ง บวร สันติอโศก

    สุดแต่ผู้ใดจะเลือกเอา ว่าจะเอาชั่ว หรือเอาดี

    https://www.facebook.com/share/p/mLmiPP3BJA5EiGhd/
    ธรรม กับ ทำ ผู้มีปัญญาจะเลือก ธรรม กับ ทำ เหตุเพราะ มันคือ ธรรมสอง ตามคำสอนของพ่อครูโพธิรักษ์ แห่ง บวร สันติอโศก สุดแต่ผู้ใดจะเลือกเอา ว่าจะเอาชั่ว หรือเอาดี https://www.facebook.com/share/p/mLmiPP3BJA5EiGhd/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙇‍♀️💛"ความทรงจำที่ไม่เคยลืมวันนั้นฉันไปตรงจุดสะพานพุทธต้องต่อแถวเข้าในโรงเรียนสวนกุหลาบไปแต่เช้าต้องเดินบนถนน สะพานพุทธปิดบรรยากาศที่ทุกคนใส่ชุดดำใบหน้าเศร้า1ปีผ่านมาถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพพ่อหลวง ร.9 คนแน่นมากแต่ทุกคนช่วยเหลือกันและกันมีคนแจกขนมและน้ำฉันไม่ค่อยกล้ากินน้ำเพราะเกรงว่าจะต้องเข้าห้องน้ำ รอจนฟ้าครึ้มฝนตกหนักลมแรง ฉันได้วางดอกไม้จันตอนบ่าย3โมงเย็นและเดินข้ามมาฝั่งธนฯเพื่อมาขึ้นรถกลับบ้าน"...คำสอนของพ่อลูกจำได้ไม่เคยลืม#ความพอเพียงไม่ได้วัดกันที่วัตถุภายนอก แต่มันคือความพอดีของใจเราเอง🤍"....ถ้าเอาวัตถุมาวัดก็คงหาฝั่งไม่เจอหรอก เพราะคนมีแสนล้านๆๆยังไม่เห็นเคยอิ่มเคยพอสักทียังคดโกงกินแผ่นดินกันอยู่เลยคนพวกนี้จะมีจุดจบไม่ดีแน่ไฟนรก🔥คงเผาใจจึงเป็นเปรตหิวตลอดเวลา.... "Crภาพจากสถานี"Thai PBS #ต้องใส่เสียงเอง ไม่เพราะแต่ไม่ต้องการติดลิขสิทธิ์คะ😊❤🇹🇭❤
    🙇‍♀️💛"ความทรงจำที่ไม่เคยลืมวันนั้นฉันไปตรงจุดสะพานพุทธต้องต่อแถวเข้าในโรงเรียนสวนกุหลาบไปแต่เช้าต้องเดินบนถนน สะพานพุทธปิดบรรยากาศที่ทุกคนใส่ชุดดำใบหน้าเศร้า1ปีผ่านมาถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพพ่อหลวง ร.9 คนแน่นมากแต่ทุกคนช่วยเหลือกันและกันมีคนแจกขนมและน้ำฉันไม่ค่อยกล้ากินน้ำเพราะเกรงว่าจะต้องเข้าห้องน้ำ รอจนฟ้าครึ้มฝนตกหนักลมแรง ฉันได้วางดอกไม้จันตอนบ่าย3โมงเย็นและเดินข้ามมาฝั่งธนฯเพื่อมาขึ้นรถกลับบ้าน"...คำสอนของพ่อลูกจำได้ไม่เคยลืม#ความพอเพียงไม่ได้วัดกันที่วัตถุภายนอก แต่มันคือความพอดีของใจเราเอง🤍"....ถ้าเอาวัตถุมาวัดก็คงหาฝั่งไม่เจอหรอก เพราะคนมีแสนล้านๆๆยังไม่เห็นเคยอิ่มเคยพอสักทียังคดโกงกินแผ่นดินกันอยู่เลยคนพวกนี้จะมีจุดจบไม่ดีแน่ไฟนรก🔥คงเผาใจจึงเป็นเปรตหิวตลอดเวลา.... "Crภาพจากสถานี"Thai PBS #ต้องใส่เสียงเอง ไม่เพราะแต่ไม่ต้องการติดลิขสิทธิ์คะ😊❤🇹🇭❤
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • #ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน #กำหนดให้ #คำสอนของพ่อ #ใช้เป็นบทเรียนในโรงเรียนของสาธารณรัฐประชาชนจีน
    #แต่การศึกษาของไทยน่าเศร้าใจยิ่งนัก
    #ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน #กำหนดให้ #คำสอนของพ่อ #ใช้เป็นบทเรียนในโรงเรียนของสาธารณรัฐประชาชนจีน #แต่การศึกษาของไทยน่าเศร้าใจยิ่งนัก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยามทุกข์ลำบากก็ลองนึกถึงคำสอนของพ่อแม่ ท่านว่าอะไรบ้าง ท่านพาทำอะไรบ้าง บูชาพ่อแม่ไว้ บุญคุณท่านมากมายให้เรามา
    ยามทุกข์ลำบากก็ลองนึกถึงคำสอนของพ่อแม่ ท่านว่าอะไรบ้าง ท่านพาทำอะไรบ้าง บูชาพ่อแม่ไว้ บุญคุณท่านมากมายให้เรามา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • พักบ้างเที่ยวบ้าง ให้ความรู้ปลูกผักไว้กินเอง ไฮโดรโปนิกส์ วิถีชาวบ้าน #คำสอนของพ่อใช้ได้เสมอ
    พักบ้างเที่ยวบ้าง ให้ความรู้ปลูกผักไว้กินเอง ไฮโดรโปนิกส์ วิถีชาวบ้าน #คำสอนของพ่อใช้ได้เสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/jIriwJ_z-ms?si=f6RRS58yf58x2ogA
    คำสอนของพ่อฤาษีลิงดำ
    https://youtu.be/jIriwJ_z-ms?si=f6RRS58yf58x2ogA คำสอนของพ่อฤาษีลิงดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ

    #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย

    สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564
    เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ
    แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
    หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ

    เรื่องย่อ

    ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1

    โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่

    จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก

    แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่

    เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม

    ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร

    นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ

    เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก

    ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้

    ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง

    ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน

    หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร

    ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา

    หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

    บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #จิตวิทยา
    #โตขึ้นจะเป็นอะไร
    #ร้านหนังสือ
    #รักการอ่าน
    #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง
    #หนังสือดีที่ควรอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #การพัฒนาตนเอง
    ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564 เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ เรื่องย่อ ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1 โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่ จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้ ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย . . . . . . . . เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #จิตวิทยา #โตขึ้นจะเป็นอะไร #ร้านหนังสือ #รักการอ่าน #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง #หนังสือดีที่ควรอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #การพัฒนาตนเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1111 มุมมอง 0 รีวิว