ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม
พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม
พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
0 Comments
0 Shares
130 Views
0 Reviews