การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด

ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา

ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews