ในการฝึกอานาปานสติ (การมีสติระลึกรู้ลมหายใจ) นั้น สิ่งสำคัญคือการแยกความแตกต่างระหว่างสมถะสมาธิและวิปัสสนา
สมถะสมาธิ เกิดขึ้นเมื่อคุณจดจ่อกับลมหายใจเพียงอย่างเดียว โดยมุ่งเน้นไปที่ความสงบ เช่น การดูลมหายใจเข้า-ออกเพื่อให้จิตนิ่ง โดยไม่มีการสังเกตถึงความไม่เที่ยงหรือการแปรปรวนของลมหายใจ การทำแบบนี้จะช่วยให้จิตสงบเย็นและเกิดสมาธิที่มั่นคง แต่ยังไม่เกิดปัญญาในการรู้เห็นความจริงของกายและใจ
วิปัสสนา เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มสังเกตเห็นความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ของลมหายใจ เช่น ลมหายใจที่ยาวบ้างสั้นบ้าง หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับความสงบ แต่เน้นการเห็นความแปรเปลี่ยนของลมหายใจ นี่คือการใช้สติและปัญญาเพื่อตระหนักถึงธรรมชาติที่ไม่คงทน ไม่ใช่ตัวตนของสิ่งต่างๆ การฝึกแบบนี้จะนำไปสู่การเจริญวิปัสสนา และช่วยให้จิตคลายการยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง
ในกระบวนการฝึก คุณสามารถเริ่มต้นด้วยสมถะ เพื่อทำให้จิตสงบก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว ให้เริ่มพิจารณาความแปรปรวนและไม่เที่ยงของลมหายใจ ซึ่งจะช่วยนำไปสู่การเกิดปัญญาแบบวิปัสสนา
สรุปได้ว่า:
ถ้าคุณ จดจ่อกับลมหายใจท่าเดียว โดยไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ นั่นคือ สมถะสมาธิ.
ถ้าคุณ สังเกตความไม่เที่ยง ของลมหายใจ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในกายและใจ นั่นคือ วิปัสสนา.
สมถะสมาธิ เกิดขึ้นเมื่อคุณจดจ่อกับลมหายใจเพียงอย่างเดียว โดยมุ่งเน้นไปที่ความสงบ เช่น การดูลมหายใจเข้า-ออกเพื่อให้จิตนิ่ง โดยไม่มีการสังเกตถึงความไม่เที่ยงหรือการแปรปรวนของลมหายใจ การทำแบบนี้จะช่วยให้จิตสงบเย็นและเกิดสมาธิที่มั่นคง แต่ยังไม่เกิดปัญญาในการรู้เห็นความจริงของกายและใจ
วิปัสสนา เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มสังเกตเห็นความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ของลมหายใจ เช่น ลมหายใจที่ยาวบ้างสั้นบ้าง หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับความสงบ แต่เน้นการเห็นความแปรเปลี่ยนของลมหายใจ นี่คือการใช้สติและปัญญาเพื่อตระหนักถึงธรรมชาติที่ไม่คงทน ไม่ใช่ตัวตนของสิ่งต่างๆ การฝึกแบบนี้จะนำไปสู่การเจริญวิปัสสนา และช่วยให้จิตคลายการยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง
ในกระบวนการฝึก คุณสามารถเริ่มต้นด้วยสมถะ เพื่อทำให้จิตสงบก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว ให้เริ่มพิจารณาความแปรปรวนและไม่เที่ยงของลมหายใจ ซึ่งจะช่วยนำไปสู่การเกิดปัญญาแบบวิปัสสนา
สรุปได้ว่า:
ถ้าคุณ จดจ่อกับลมหายใจท่าเดียว โดยไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ นั่นคือ สมถะสมาธิ.
ถ้าคุณ สังเกตความไม่เที่ยง ของลมหายใจ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในกายและใจ นั่นคือ วิปัสสนา.
ในการฝึกอานาปานสติ (การมีสติระลึกรู้ลมหายใจ) นั้น สิ่งสำคัญคือการแยกความแตกต่างระหว่างสมถะสมาธิและวิปัสสนา
สมถะสมาธิ เกิดขึ้นเมื่อคุณจดจ่อกับลมหายใจเพียงอย่างเดียว โดยมุ่งเน้นไปที่ความสงบ เช่น การดูลมหายใจเข้า-ออกเพื่อให้จิตนิ่ง โดยไม่มีการสังเกตถึงความไม่เที่ยงหรือการแปรปรวนของลมหายใจ การทำแบบนี้จะช่วยให้จิตสงบเย็นและเกิดสมาธิที่มั่นคง แต่ยังไม่เกิดปัญญาในการรู้เห็นความจริงของกายและใจ
วิปัสสนา เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มสังเกตเห็นความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ของลมหายใจ เช่น ลมหายใจที่ยาวบ้างสั้นบ้าง หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับความสงบ แต่เน้นการเห็นความแปรเปลี่ยนของลมหายใจ นี่คือการใช้สติและปัญญาเพื่อตระหนักถึงธรรมชาติที่ไม่คงทน ไม่ใช่ตัวตนของสิ่งต่างๆ การฝึกแบบนี้จะนำไปสู่การเจริญวิปัสสนา และช่วยให้จิตคลายการยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง
ในกระบวนการฝึก คุณสามารถเริ่มต้นด้วยสมถะ เพื่อทำให้จิตสงบก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว ให้เริ่มพิจารณาความแปรปรวนและไม่เที่ยงของลมหายใจ ซึ่งจะช่วยนำไปสู่การเกิดปัญญาแบบวิปัสสนา
สรุปได้ว่า:
ถ้าคุณ จดจ่อกับลมหายใจท่าเดียว โดยไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ นั่นคือ สมถะสมาธิ.
ถ้าคุณ สังเกตความไม่เที่ยง ของลมหายใจ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในกายและใจ นั่นคือ วิปัสสนา.
0 Comments
0 Shares
70 Views
0 Reviews