เมื่อใดที่ชีวิตของคุณดูสับสน มั่วซั่ว ไม่เป็นระเบียบ หรือต้องเผชิญกับความท้อใจจนไม่อยากทำอะไร สิ่งสำคัญคือการสังเกตว่าจิตใจของคุณอาจกำลังฟุ้งซ่าน ขาดความชัดเจน และไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เมื่อเรารู้สึกเช่นนี้ ความกระฉับกระเฉงและพลังที่จะทำอะไรให้สำเร็จก็จะหายไป
การแก้ไขเริ่มต้นที่การสร้างสภาพจิตใจที่ดี หากจิตใจโปร่งโล่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน การคิดและการทำงานตามลำดับก็จะกลับมามีประสิทธิภาพได้ แต่สิ่งที่ยากคือการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น เจ้านายที่แย่ เพื่อนร่วมงานที่ไม่เป็นระบบ หรือสถานการณ์ที่ดูไม่มีอนาคต
เมื่อคุณต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ วิธีที่สำคัญคือการฝึกฝนให้จิตใจมั่นคง ท่ามกลางความยุ่งเหยิงรอบตัว เพราะหากคุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ความสับสนและฟุ้งซ่านจะติดตัวคุณไป และอาจทำให้คุณเจอกับสถานการณ์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่ภายนอกไม่ได้ ให้หันมาตั้งเป้าหมายภายในแทน เริ่มจากการมองหาสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อ เป็นสมาธิ และสร้างระบบระเบียบในจิตใจ หากจิตเริ่มฟุ้งซ่าน ให้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น การทำงานตรงหน้าเป็นเครื่องมือในการฝึกจิต ให้มองงานเป็นเครื่องตรึงจิต ไม่ใช่ภาระหนักที่ต้องหลีกเลี่ยง
ท้ายที่สุด การทำงานและการรับผิดชอบต่อหน้าที่จะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ และสร้างสมาธิขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่พยายามหนีงาน หนีภาระ สุดท้ายก็จะต้องเผชิญกับจิตที่วุ่นวายและขาดเป้าหมายไปเรื่อยๆ
การแก้ไขเริ่มต้นที่การสร้างสภาพจิตใจที่ดี หากจิตใจโปร่งโล่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน การคิดและการทำงานตามลำดับก็จะกลับมามีประสิทธิภาพได้ แต่สิ่งที่ยากคือการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น เจ้านายที่แย่ เพื่อนร่วมงานที่ไม่เป็นระบบ หรือสถานการณ์ที่ดูไม่มีอนาคต
เมื่อคุณต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ วิธีที่สำคัญคือการฝึกฝนให้จิตใจมั่นคง ท่ามกลางความยุ่งเหยิงรอบตัว เพราะหากคุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ความสับสนและฟุ้งซ่านจะติดตัวคุณไป และอาจทำให้คุณเจอกับสถานการณ์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่ภายนอกไม่ได้ ให้หันมาตั้งเป้าหมายภายในแทน เริ่มจากการมองหาสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อ เป็นสมาธิ และสร้างระบบระเบียบในจิตใจ หากจิตเริ่มฟุ้งซ่าน ให้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น การทำงานตรงหน้าเป็นเครื่องมือในการฝึกจิต ให้มองงานเป็นเครื่องตรึงจิต ไม่ใช่ภาระหนักที่ต้องหลีกเลี่ยง
ท้ายที่สุด การทำงานและการรับผิดชอบต่อหน้าที่จะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ และสร้างสมาธิขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่พยายามหนีงาน หนีภาระ สุดท้ายก็จะต้องเผชิญกับจิตที่วุ่นวายและขาดเป้าหมายไปเรื่อยๆ
เมื่อใดที่ชีวิตของคุณดูสับสน มั่วซั่ว ไม่เป็นระเบียบ หรือต้องเผชิญกับความท้อใจจนไม่อยากทำอะไร สิ่งสำคัญคือการสังเกตว่าจิตใจของคุณอาจกำลังฟุ้งซ่าน ขาดความชัดเจน และไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เมื่อเรารู้สึกเช่นนี้ ความกระฉับกระเฉงและพลังที่จะทำอะไรให้สำเร็จก็จะหายไป
การแก้ไขเริ่มต้นที่การสร้างสภาพจิตใจที่ดี หากจิตใจโปร่งโล่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน การคิดและการทำงานตามลำดับก็จะกลับมามีประสิทธิภาพได้ แต่สิ่งที่ยากคือการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น เจ้านายที่แย่ เพื่อนร่วมงานที่ไม่เป็นระบบ หรือสถานการณ์ที่ดูไม่มีอนาคต
เมื่อคุณต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ วิธีที่สำคัญคือการฝึกฝนให้จิตใจมั่นคง ท่ามกลางความยุ่งเหยิงรอบตัว เพราะหากคุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ความสับสนและฟุ้งซ่านจะติดตัวคุณไป และอาจทำให้คุณเจอกับสถานการณ์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่ภายนอกไม่ได้ ให้หันมาตั้งเป้าหมายภายในแทน เริ่มจากการมองหาสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อ เป็นสมาธิ และสร้างระบบระเบียบในจิตใจ หากจิตเริ่มฟุ้งซ่าน ให้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น การทำงานตรงหน้าเป็นเครื่องมือในการฝึกจิต ให้มองงานเป็นเครื่องตรึงจิต ไม่ใช่ภาระหนักที่ต้องหลีกเลี่ยง
ท้ายที่สุด การทำงานและการรับผิดชอบต่อหน้าที่จะเป็นวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ และสร้างสมาธิขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่พยายามหนีงาน หนีภาระ สุดท้ายก็จะต้องเผชิญกับจิตที่วุ่นวายและขาดเป้าหมายไปเรื่อยๆ