การจากไปของคนที่เคยผูกพัน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย มักจะกระตุ้นให้ความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวที่ฝังใจไม่รู้ลืม ความทรงจำเหล่านี้มีพลังมาก ยิ่งถ้าเป็นความรู้สึกที่เราจำได้แม่น เราจะรู้สึกเหมือนเรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ต่างกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปอย่างผิวเผิน แม้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน เราอาจรู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นนานแล้ว
ความทรงจำที่ฝังลึกและยังคงส่งผลต่อจิตใจของเรานั้น สามารถนำมาเป็นแบบฝึกหัดในการเจริญสติได้ เมื่อความทรงจำเหล่านี้โผล่ขึ้นมารบกวนจิตใจ วิธีที่ดีที่สุดคือการเฝ้าดูและสำรวจความทรงจำเหล่านั้นในอิริยาบถที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่ง ยืน เดิน หรือแม้กระทั่งตอนนอน ให้สังเกตถึงรายละเอียดของความทรงจำ เช่น เสียง สายตา สัมผัส หรือบรรยากาศ รวมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
เมื่อเราฝึกสังเกตความทรงจำบ่อยครั้งขึ้น จิตจะค่อยๆ ตระหนักว่า "ความทรงจำ" นั้นไม่ใช่ความจริงที่ยังคงอยู่ มันเป็นเพียงอารมณ์ที่จิตเสพ เมื่อเห็นความเป็น "ของชั่วคราว" ของความทรงจำเหล่านั้น จิตจะเริ่มกะเทาะเปลือกของการยึดมั่นออกได้ทีละน้อย
การพิจารณาความไม่เที่ยงของทั้งความทรงจำและความรู้สึกที่เกิดขึ้น จะทำให้จิตใจเริ่มปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับอดีตที่ผ่านไป และมองเห็นปัจจุบันอย่างชัดเจน เมื่อเราสามารถเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลายได้ จิตก็จะสามารถปล่อยวางได้ง่ายขึ้น และไม่ถูกหลอกให้ยึดติดกับอดีตที่ไม่มีทางกลับมา
ความทรงจำที่ฝังลึกและยังคงส่งผลต่อจิตใจของเรานั้น สามารถนำมาเป็นแบบฝึกหัดในการเจริญสติได้ เมื่อความทรงจำเหล่านี้โผล่ขึ้นมารบกวนจิตใจ วิธีที่ดีที่สุดคือการเฝ้าดูและสำรวจความทรงจำเหล่านั้นในอิริยาบถที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่ง ยืน เดิน หรือแม้กระทั่งตอนนอน ให้สังเกตถึงรายละเอียดของความทรงจำ เช่น เสียง สายตา สัมผัส หรือบรรยากาศ รวมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
เมื่อเราฝึกสังเกตความทรงจำบ่อยครั้งขึ้น จิตจะค่อยๆ ตระหนักว่า "ความทรงจำ" นั้นไม่ใช่ความจริงที่ยังคงอยู่ มันเป็นเพียงอารมณ์ที่จิตเสพ เมื่อเห็นความเป็น "ของชั่วคราว" ของความทรงจำเหล่านั้น จิตจะเริ่มกะเทาะเปลือกของการยึดมั่นออกได้ทีละน้อย
การพิจารณาความไม่เที่ยงของทั้งความทรงจำและความรู้สึกที่เกิดขึ้น จะทำให้จิตใจเริ่มปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับอดีตที่ผ่านไป และมองเห็นปัจจุบันอย่างชัดเจน เมื่อเราสามารถเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลายได้ จิตก็จะสามารถปล่อยวางได้ง่ายขึ้น และไม่ถูกหลอกให้ยึดติดกับอดีตที่ไม่มีทางกลับมา
การจากไปของคนที่เคยผูกพัน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย มักจะกระตุ้นให้ความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวที่ฝังใจไม่รู้ลืม ความทรงจำเหล่านี้มีพลังมาก ยิ่งถ้าเป็นความรู้สึกที่เราจำได้แม่น เราจะรู้สึกเหมือนเรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ต่างกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปอย่างผิวเผิน แม้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน เราอาจรู้สึกเหมือนมันเกิดขึ้นนานแล้ว
ความทรงจำที่ฝังลึกและยังคงส่งผลต่อจิตใจของเรานั้น สามารถนำมาเป็นแบบฝึกหัดในการเจริญสติได้ เมื่อความทรงจำเหล่านี้โผล่ขึ้นมารบกวนจิตใจ วิธีที่ดีที่สุดคือการเฝ้าดูและสำรวจความทรงจำเหล่านั้นในอิริยาบถที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่ง ยืน เดิน หรือแม้กระทั่งตอนนอน ให้สังเกตถึงรายละเอียดของความทรงจำ เช่น เสียง สายตา สัมผัส หรือบรรยากาศ รวมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
เมื่อเราฝึกสังเกตความทรงจำบ่อยครั้งขึ้น จิตจะค่อยๆ ตระหนักว่า "ความทรงจำ" นั้นไม่ใช่ความจริงที่ยังคงอยู่ มันเป็นเพียงอารมณ์ที่จิตเสพ เมื่อเห็นความเป็น "ของชั่วคราว" ของความทรงจำเหล่านั้น จิตจะเริ่มกะเทาะเปลือกของการยึดมั่นออกได้ทีละน้อย
การพิจารณาความไม่เที่ยงของทั้งความทรงจำและความรู้สึกที่เกิดขึ้น จะทำให้จิตใจเริ่มปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับอดีตที่ผ่านไป และมองเห็นปัจจุบันอย่างชัดเจน เมื่อเราสามารถเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลายได้ จิตก็จะสามารถปล่อยวางได้ง่ายขึ้น และไม่ถูกหลอกให้ยึดติดกับอดีตที่ไม่มีทางกลับมา