Aston Martin DB11 V8
Fascination of World’s Premium GT

โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง

ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ชุด James Bond ก็คงรู้จักรถ Aston Martin รถสปอร์ตคู่ใจพยัคฆ์ร้าย 007 มาตั้งแต่เรื่อง Gold Finger ที่ Sean Connery นำแสดง ในปีค.ศ.1964 กับ Aston Martin DB 5

แต่น้อยคนนักที่จะทราบเกียรติประวัติความเกรียงไกรของสุดยอดรถสปอร์ตของอังกฤษยี่ห้อนี้

Aston Martin เกิดมา 104 ปีแล้ว ก่อตั้งบริษัทผลิตโดย Lionel Martin และ Robert Bamfort เจตนาผลิตรถสปอร์ตชั้นหรูราคาแพง 2 ประเภท ก็คือ Luxury Sport Cars และ Grand Touring Sport Cars จำหน่ายสู่ตลาดโลก ปัจจุบัน Aston Martin Lagonda Limited สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Warwickshire ประเทศอังกฤษ

Aston Martin คว้าแชมป์โลก F1 (FIA World Formula One Grand Prix) 2 สมัยซ้อน (ปี.ค.ศ.1959 และ 1960) ไม่นับรวมเส้นชัยในการแข่งรถมาราธอน 24 hr Le Mans ประเทศฝรั่งเศส

นับแต่อดีตมา ผู้ที่ทำชื่อเสียงให้ Aston Martin โด่งดังติดทำเนียบรถสปอร์ตโลกและสังเวียนความเร็วโลก ก็คือ David Brown ซึ่งเข้ามานำทัพให้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่มาของรถรุ่น “DB” จนทุกวันนี้

ถ้าจำไม่ผิด Aston Martin DB 11 V12 (เครื่องยนต์ 12 สูบวี.) เปิดตัวในไทยในงาน International Bangkok Motor Show เมื่อเดือนเมษายนปีค.ศ. 2017 แล้วก็เป็น Aston Martin DB11 V8 (เครื่องยนต์ 8 สูบวี.) เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo ต้นธันวาคมปีค.ศ. 2017 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวของรถรุ่น V8 ครั้งแรกในภูมิภาคอาเชียน

Aston Martin DB 11 เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Geneva Motor Show ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เดือนมีนาคมปี 2016 เป็นสินค้าใหม่ที่ทดแทน DB9 (DB10 เป็นรถต้นแบบและใช้แสดงใน James Bond 007 Spectre ไม่ได้ผลิตจำหน่าย)

DB11 คือ รถสปอร์ตประเภท Grand Touring 2+2 ที่นั่ง (รถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง แต่ 2 ที่นั่งหลังมีขนาดเล็กแคบกว่ามาตรฐานเบาะนั่งหลังรถทั่วไป) ท้ายลาดในสไตล์รถ Coupe เครื่องยนต์ติดตั้งด้านหน้าเยื้องหลังเล็กน้อยและขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ Front-Mid Engine Mounted/Rear-Wheel Drive Vehicle Layout

Aston Martin DB11 ควบคุมโครงการออกแบบผลิตโดย Marek Reichman ซึ่งเป็น Chief Creative Officer & Head of Design ของ Aston Martin สิ่งสำคัญ คือ DB11 เป็นผลผลิตชิ้นแรกหลังจากที่ Aston Martin Lagonda Limited กับ Mercedes-AMG ร่วมลงทุนกัน และเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบของ AMG

มิติตัวรถ ได้แก่ 4.739 x 1.940 x 1.279 เมตร(ยาว x กว้าง x สูง) ช่วงล้อหน้า-หลังยาว 2.805 เมตร น้ำหนักตัวรถ 1,760 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่น V12 ประมาณ 115 กิโลกรัม) ค่าความลู่ลม Cd 0.36

ใช้เทคนิคที่เรียกชื่อเฉพาะว่า Aston Martin “Aeroblade” ตามหลักอากาศพลศาสตร์ หมายถึงว่า ตัวรถมีคุณสมบัติหรือทำหน้าที่เป็นสปอยเลอร์ในตัว สปอยเล่อร์ชิ้นล่างกันชนหน้ามีชื่อว่า Curlicue Aero สปอยเล่อร์หลังซ่อนรูปและยกตัวขึ้นอัตโนมัติ (Deployable Rear Spoiler) เมื่อรถใช้ความเร็ว 120 กม./ชม.

ตัวถังอลูมิเนียมขึ้นรูปน้ำหนักเบา ฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียวทั้งแผ่น(Clamshell Bonnet) ปิดสนิทด้วยไฟฟ้าแบบ Solf-Close กระจกรอบคันรถเป็น Laminated เพื่อลดเสียงสะท้านขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง

โครงสร้างแชสซีส์ใช้เทคโนโลยี Extruded Bonded Aluminum Body Structure ผนวกกับ Hot-Form Quenched Aluminum คือ ทำให้เนื้อโลหะมีความร้อนขยายตัวและยึดติดกันก่อนเย็นตัว

จึงแน่นหนาแข็งแรงกว่าแชสซีส์รถสปอร์ตทั่วไป เหล็กค้ำเบ้าโช้คอัพและโครงสร้างในบานประตูเป็น Magnesium Alloy เบาแต่แข็งแกร่งกว่าเหล็ก บานประตูทั้ง 2 บานเปิดขึ้นทำมุม 20 องศาเพื่อหลบพ้นขอบฟุตบาท

การตกแต่งภายในเป็นสไตล์สปอร์ต 2+2 ที่นั่ง เบาะนั่งและแผงบุต่างๆตัดเย็บประณีตด้วยช่างฝีมือ แต่ดำรงไว้ซึ่งบรรยากาศของรถสปอร์ตคูเป้พลังแรง เมื่อเทียบกับรุ่น V12 แล้วจำนวนสรรพอุปกรณ์น้อยกว่า แต่สามารถเลือกสั่งพิเศษเพิ่มเติมได้

เครื่องยนต์ M178 เบนซิน 8 สูบวี.ทำมุม 90 องศา ฝาสูบ/เสื้อสูบอลูมินั่มอัลลอย เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบแปรผัน 2 ชุด(Variable Valve Timing DOHC x 2) 32 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3,982 ซี.ซี. สูบ x ช่วงชัก = 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร เทอร์โบชาร์จแบบ Single-Scroll จำนวน 2 ตัว อัตราส่วนกำลังอัดสูบ 10.5 ต่อ 1

ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเลคทรอนิคแบบจ่อตรง Direct Injection Sequential Electronic Fuel Injection ระบบอิเลคทรอนิคควบคุมการทำงานเครื่องยนต์ของ Bosch Engine Management Software

กำลังสูงสุด 510 แรงม้า(PS)หรือ 375 กิโลวัตต์ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 675 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-5,000 รอบต่อนาที ค่า CO2 ในไอเสีย 230 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร

เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 8 สปีดของ ZF เยอรมนี อัตราทด Over-Drive อยู่ที่เกียร์ 7 และ 8 โหมดขับขี่แบ่งเป็น GT, Sport, และ Sport Plus ใช้เทคนิคย้ายเรือนเกียร์มาติดตั้งที่ด้านหน้าเฟืองท้าย ด้วยเหตุผลการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังที่สมดุลและลดอาการแกว่งสะท้านของเพลากลาง เพลากลางเป็นท่อกลวงทำจาก Carbon Fibre น้ำหนักเบาแต่แกร่ง สอดในท่อส่งโลหะอัลลอยเบาและกันกระแทก

ระบบพวงมาลัย Rack&Pinion เพาเวอร์ไฟฟ้า ดิสค์เบรกหน้าแบบร่องระบายความร้อนขนาดจานใหญ่ 40 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 6 ตัว จานหลังใหญ่ 36 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 4 ตัว ระบบกันสะเทือนอิสระเต็มตัว 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังเป็น Multi-Link ควบคุมการทำงานของระบบกันสะทือนโดยอิเลคทรอนิค เรียกว่า Adaptive Damping System ประกอบกับ Skyhook ล้ออัลลาย 10 ก้าน Silver Diamond ขนาดวง 20 นิ้วฟุต ยางเรเดียลหน้า 255/40 R 20 ยางหลัง 295/35 R20

สมรรถนะและค่าความประหยัด ได้แก่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 3.47 กิโลกรัม/แรงม้า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 12.6 กม./ลิตร ถังเชื้อเพลิงจุ 78 ลิตร (หรือ 982.8 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถัง)

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ.
Aston Martin DB11 V8 Fascination of World’s Premium GT โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ชุด James Bond ก็คงรู้จักรถ Aston Martin รถสปอร์ตคู่ใจพยัคฆ์ร้าย 007 มาตั้งแต่เรื่อง Gold Finger ที่ Sean Connery นำแสดง ในปีค.ศ.1964 กับ Aston Martin DB 5 แต่น้อยคนนักที่จะทราบเกียรติประวัติความเกรียงไกรของสุดยอดรถสปอร์ตของอังกฤษยี่ห้อนี้ Aston Martin เกิดมา 104 ปีแล้ว ก่อตั้งบริษัทผลิตโดย Lionel Martin และ Robert Bamfort เจตนาผลิตรถสปอร์ตชั้นหรูราคาแพง 2 ประเภท ก็คือ Luxury Sport Cars และ Grand Touring Sport Cars จำหน่ายสู่ตลาดโลก ปัจจุบัน Aston Martin Lagonda Limited สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Warwickshire ประเทศอังกฤษ Aston Martin คว้าแชมป์โลก F1 (FIA World Formula One Grand Prix) 2 สมัยซ้อน (ปี.ค.ศ.1959 และ 1960) ไม่นับรวมเส้นชัยในการแข่งรถมาราธอน 24 hr Le Mans ประเทศฝรั่งเศส นับแต่อดีตมา ผู้ที่ทำชื่อเสียงให้ Aston Martin โด่งดังติดทำเนียบรถสปอร์ตโลกและสังเวียนความเร็วโลก ก็คือ David Brown ซึ่งเข้ามานำทัพให้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่มาของรถรุ่น “DB” จนทุกวันนี้ ถ้าจำไม่ผิด Aston Martin DB 11 V12 (เครื่องยนต์ 12 สูบวี.) เปิดตัวในไทยในงาน International Bangkok Motor Show เมื่อเดือนเมษายนปีค.ศ. 2017 แล้วก็เป็น Aston Martin DB11 V8 (เครื่องยนต์ 8 สูบวี.) เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo ต้นธันวาคมปีค.ศ. 2017 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวของรถรุ่น V8 ครั้งแรกในภูมิภาคอาเชียน Aston Martin DB 11 เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Geneva Motor Show ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เดือนมีนาคมปี 2016 เป็นสินค้าใหม่ที่ทดแทน DB9 (DB10 เป็นรถต้นแบบและใช้แสดงใน James Bond 007 Spectre ไม่ได้ผลิตจำหน่าย) DB11 คือ รถสปอร์ตประเภท Grand Touring 2+2 ที่นั่ง (รถสปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง แต่ 2 ที่นั่งหลังมีขนาดเล็กแคบกว่ามาตรฐานเบาะนั่งหลังรถทั่วไป) ท้ายลาดในสไตล์รถ Coupe เครื่องยนต์ติดตั้งด้านหน้าเยื้องหลังเล็กน้อยและขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ Front-Mid Engine Mounted/Rear-Wheel Drive Vehicle Layout Aston Martin DB11 ควบคุมโครงการออกแบบผลิตโดย Marek Reichman ซึ่งเป็น Chief Creative Officer & Head of Design ของ Aston Martin สิ่งสำคัญ คือ DB11 เป็นผลผลิตชิ้นแรกหลังจากที่ Aston Martin Lagonda Limited กับ Mercedes-AMG ร่วมลงทุนกัน และเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบของ AMG มิติตัวรถ ได้แก่ 4.739 x 1.940 x 1.279 เมตร(ยาว x กว้าง x สูง) ช่วงล้อหน้า-หลังยาว 2.805 เมตร น้ำหนักตัวรถ 1,760 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่น V12 ประมาณ 115 กิโลกรัม) ค่าความลู่ลม Cd 0.36 ใช้เทคนิคที่เรียกชื่อเฉพาะว่า Aston Martin “Aeroblade” ตามหลักอากาศพลศาสตร์ หมายถึงว่า ตัวรถมีคุณสมบัติหรือทำหน้าที่เป็นสปอยเลอร์ในตัว สปอยเล่อร์ชิ้นล่างกันชนหน้ามีชื่อว่า Curlicue Aero สปอยเล่อร์หลังซ่อนรูปและยกตัวขึ้นอัตโนมัติ (Deployable Rear Spoiler) เมื่อรถใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ตัวถังอลูมิเนียมขึ้นรูปน้ำหนักเบา ฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียวทั้งแผ่น(Clamshell Bonnet) ปิดสนิทด้วยไฟฟ้าแบบ Solf-Close กระจกรอบคันรถเป็น Laminated เพื่อลดเสียงสะท้านขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง โครงสร้างแชสซีส์ใช้เทคโนโลยี Extruded Bonded Aluminum Body Structure ผนวกกับ Hot-Form Quenched Aluminum คือ ทำให้เนื้อโลหะมีความร้อนขยายตัวและยึดติดกันก่อนเย็นตัว จึงแน่นหนาแข็งแรงกว่าแชสซีส์รถสปอร์ตทั่วไป เหล็กค้ำเบ้าโช้คอัพและโครงสร้างในบานประตูเป็น Magnesium Alloy เบาแต่แข็งแกร่งกว่าเหล็ก บานประตูทั้ง 2 บานเปิดขึ้นทำมุม 20 องศาเพื่อหลบพ้นขอบฟุตบาท การตกแต่งภายในเป็นสไตล์สปอร์ต 2+2 ที่นั่ง เบาะนั่งและแผงบุต่างๆตัดเย็บประณีตด้วยช่างฝีมือ แต่ดำรงไว้ซึ่งบรรยากาศของรถสปอร์ตคูเป้พลังแรง เมื่อเทียบกับรุ่น V12 แล้วจำนวนสรรพอุปกรณ์น้อยกว่า แต่สามารถเลือกสั่งพิเศษเพิ่มเติมได้ เครื่องยนต์ M178 เบนซิน 8 สูบวี.ทำมุม 90 องศา ฝาสูบ/เสื้อสูบอลูมินั่มอัลลอย เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบแปรผัน 2 ชุด(Variable Valve Timing DOHC x 2) 32 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3,982 ซี.ซี. สูบ x ช่วงชัก = 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร เทอร์โบชาร์จแบบ Single-Scroll จำนวน 2 ตัว อัตราส่วนกำลังอัดสูบ 10.5 ต่อ 1 ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเลคทรอนิคแบบจ่อตรง Direct Injection Sequential Electronic Fuel Injection ระบบอิเลคทรอนิคควบคุมการทำงานเครื่องยนต์ของ Bosch Engine Management Software กำลังสูงสุด 510 แรงม้า(PS)หรือ 375 กิโลวัตต์ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 675 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-5,000 รอบต่อนาที ค่า CO2 ในไอเสีย 230 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 8 สปีดของ ZF เยอรมนี อัตราทด Over-Drive อยู่ที่เกียร์ 7 และ 8 โหมดขับขี่แบ่งเป็น GT, Sport, และ Sport Plus ใช้เทคนิคย้ายเรือนเกียร์มาติดตั้งที่ด้านหน้าเฟืองท้าย ด้วยเหตุผลการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังที่สมดุลและลดอาการแกว่งสะท้านของเพลากลาง เพลากลางเป็นท่อกลวงทำจาก Carbon Fibre น้ำหนักเบาแต่แกร่ง สอดในท่อส่งโลหะอัลลอยเบาและกันกระแทก ระบบพวงมาลัย Rack&Pinion เพาเวอร์ไฟฟ้า ดิสค์เบรกหน้าแบบร่องระบายความร้อนขนาดจานใหญ่ 40 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 6 ตัว จานหลังใหญ่ 36 เซนติเมตร ลูกสูบเบรก 4 ตัว ระบบกันสะเทือนอิสระเต็มตัว 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังเป็น Multi-Link ควบคุมการทำงานของระบบกันสะทือนโดยอิเลคทรอนิค เรียกว่า Adaptive Damping System ประกอบกับ Skyhook ล้ออัลลาย 10 ก้าน Silver Diamond ขนาดวง 20 นิ้วฟุต ยางเรเดียลหน้า 255/40 R 20 ยางหลัง 295/35 R20 สมรรถนะและค่าความประหยัด ได้แก่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 3.47 กิโลกรัม/แรงม้า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 12.6 กม./ลิตร ถังเชื้อเพลิงจุ 78 ลิตร (หรือ 982.8 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถัง) ขอบคุณที่ติดตามนะครับ.
0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews