อุทาหรณ์..จากแม่ชีศันสนีย์ "เสถียรธรรมสถาน" ถูกมะเร็งคร่าชีวิตไป..
(-)บทความนี้ไขข้อข้องใจได้ดีแท้
(-)มีญาติธรรม ชาวอโศก เสียชีวิตด้วย "โรคมะเร็งตับ" หลายราย ...
(-)เกิดคำถามว่า...ทำไมคนกินพืชผักยังเป็นมะเร็ง ...
(-)มะเร็ง นั้น ใครๆเขาว่า…เกิดแต่กับคนที่กินเนื้อสัตว์ มิใช่หรือ ...คนเป็นมะเร็งจึงให้เลิกกินเนื้อแล้วมากินผัก มิใช่หรือ ?
(-)ก่อนอื่น..เราต้องทำความเข้าใจ…"การเกิดของเซลล์มะเร็ง" ก่อน ...
(-)สิ่งสำคัญ "ที่เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเรา ต้องการมาก และขาดไม่ได้เลย คือ ออกซิเจน"
(-)ถ้าร่างกาย "ได้รับออกซิเจน" เต็มร้อย เซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเองเป็น เซลล์มะเร็ง ...
(-)(-)แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำให้ ร่างกาย เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์ " มาก และ มีออกซิเจนในเลือดต่ำ
(-)เซลล์ในร่างกายของเรา เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ...
(-)(-)เซลล์ จึงเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไดออกไซด์ หายใจแทน และ เปลี่ยนตัวเอง เป็นเซลล์มะเร็ง...
(-)แล้วอะไร ทำให้เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์" ในระบบไหลเวียนเลือดเรามากที่สุด ???
(-)มันไม่ใช่อาหารเนื้อสัตว์อย่างเดียว ...
ไม่ใช่อาหารพืชผัก...
ไม่ใช่อาหารปนเปื้อนสารเคมีอย่างเดียว ...
ไม่ใช่อาหารหมักดองอย่างที่เราเข้าใจ ...
(-)แต่สิ่งที่ทำให้ "คาร์บอนไดออกไซด์ " ในเลือดสูงเร็ว และมากที่สุดคือ
(-)ความเครียด ความเร่งรีบ กับการใช้ชีวิต
(-)อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ที่เกิดบ่อยๆ
(-)นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
(-)เพราะอะไร ?
(-)เพราะมันเป็นตัวกระตุ้น
(-)ให้ร่างกาย เกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงาน อย่างสูงและ อย่างมาก ...
(-)ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดสูงตามอย่างเร็ว
(-)โดยเฉพาะสมองเรานั้น กินพลังงานสูงเป็น 5 เท่าของทุกอวัยวะ
(-)คิดง่ายๆว่า ... ถึงแม้เราจะทานอาหารพืชผัก ที่ไร้สารพิษ จะบริสุทธิ์สะอาด สักปานใด
(-)(-)หากเราเครียด ติดต่อกัน 5 วัน เซลของเรา ก็จะกลายเป็น เซลมะเร็งได้ทันที
(-)คนอโศก กินผัก และปฏิบัติธรรม ...
(-)คนที่ยึดมาก ยึดดีมาก แต่ เคร่งเครียดมาก
(-)ไม่เป็นคนที่ปล่อยวาง …ก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งมากเช่นกัน ...
(-)ขอย้ำอีกครั้งว่า
(-) คนที่เคร่งเครียดมาก มีความวิตกกังวลมาก ...
(-)มักจะดื่มน้ำน้อย และ มักขาดการออกกำลังกาย
(-)จึงส่งผลให้ ออกซิเจน ในเลือดต่ำ... ทำให้เซลที่ดี กลายเป็นมะเร็ง เพิ่มมากขึ้นเสมอ
(-)แล้วทำไมคนเป็นมะเร็ง ควรเลิกกินเนื้อ มากินผัก ...
(-)ทั้งนี้ ก็เพราะกระบวนการย่อยเนื้อสัตว์นั้น ใช้พลังงานสูงกว่ากระบวนการย่อยผัก
(-)การกินเนื้อสัตว์ จึงทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือด มากกว่าการกินผัก
(-)แต่หากเลิกกินเนื้อมากินผัก
(-)แต่ คนป่วยก็ยังมีความเครียด
(-)มะเร็ง ก็จะยิ่งกระจาย ยิ่งกว่า คนกินเนื้อสัตว์ แต่ ไม่เครียดนะครับ ...
(-)สรุปว่า (-)อารมณ์ที่เคร่งเครียด กับ ความวิตกกังวลต่างๆในการใช้ชีวิต ... อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห (-)
(-) ที่เกิดบ่อยๆ นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
(-)บวกกับ ขาดการออกกำลังกาย และดื่มน้ำน้อย ...
(-)นำมาซึ่งการเกิดเซลมะเร็งได้มากที่สุด
(-)สุขภาพที่ดีนั้น มีค่ามากนะครับ
(-)ถ้าท่าน เลิกที่จะมีอารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ไม่เครียดกับเรื่องใดๆ เซลมะเร็งจะหนีหายไปครับ
(-)บอกต่อ คนใกล้ชิดและคนอื่นๆ ให้รับทราบเยอะๆน่ะ ได้บุญหลายจ้า สาธุ สาธุ
(-)บทความนี้ไขข้อข้องใจได้ดีแท้
(-)มีญาติธรรม ชาวอโศก เสียชีวิตด้วย "โรคมะเร็งตับ" หลายราย ...
(-)เกิดคำถามว่า...ทำไมคนกินพืชผักยังเป็นมะเร็ง ...
(-)มะเร็ง นั้น ใครๆเขาว่า…เกิดแต่กับคนที่กินเนื้อสัตว์ มิใช่หรือ ...คนเป็นมะเร็งจึงให้เลิกกินเนื้อแล้วมากินผัก มิใช่หรือ ?
(-)ก่อนอื่น..เราต้องทำความเข้าใจ…"การเกิดของเซลล์มะเร็ง" ก่อน ...
(-)สิ่งสำคัญ "ที่เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเรา ต้องการมาก และขาดไม่ได้เลย คือ ออกซิเจน"
(-)ถ้าร่างกาย "ได้รับออกซิเจน" เต็มร้อย เซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเองเป็น เซลล์มะเร็ง ...
(-)(-)แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำให้ ร่างกาย เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์ " มาก และ มีออกซิเจนในเลือดต่ำ
(-)เซลล์ในร่างกายของเรา เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ...
(-)(-)เซลล์ จึงเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไดออกไซด์ หายใจแทน และ เปลี่ยนตัวเอง เป็นเซลล์มะเร็ง...
(-)แล้วอะไร ทำให้เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์" ในระบบไหลเวียนเลือดเรามากที่สุด ???
(-)มันไม่ใช่อาหารเนื้อสัตว์อย่างเดียว ...
ไม่ใช่อาหารพืชผัก...
ไม่ใช่อาหารปนเปื้อนสารเคมีอย่างเดียว ...
ไม่ใช่อาหารหมักดองอย่างที่เราเข้าใจ ...
(-)แต่สิ่งที่ทำให้ "คาร์บอนไดออกไซด์ " ในเลือดสูงเร็ว และมากที่สุดคือ
(-)ความเครียด ความเร่งรีบ กับการใช้ชีวิต
(-)อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ที่เกิดบ่อยๆ
(-)นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
(-)เพราะอะไร ?
(-)เพราะมันเป็นตัวกระตุ้น
(-)ให้ร่างกาย เกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงาน อย่างสูงและ อย่างมาก ...
(-)ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดสูงตามอย่างเร็ว
(-)โดยเฉพาะสมองเรานั้น กินพลังงานสูงเป็น 5 เท่าของทุกอวัยวะ
(-)คิดง่ายๆว่า ... ถึงแม้เราจะทานอาหารพืชผัก ที่ไร้สารพิษ จะบริสุทธิ์สะอาด สักปานใด
(-)(-)หากเราเครียด ติดต่อกัน 5 วัน เซลของเรา ก็จะกลายเป็น เซลมะเร็งได้ทันที
(-)คนอโศก กินผัก และปฏิบัติธรรม ...
(-)คนที่ยึดมาก ยึดดีมาก แต่ เคร่งเครียดมาก
(-)ไม่เป็นคนที่ปล่อยวาง …ก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งมากเช่นกัน ...
(-)ขอย้ำอีกครั้งว่า
(-) คนที่เคร่งเครียดมาก มีความวิตกกังวลมาก ...
(-)มักจะดื่มน้ำน้อย และ มักขาดการออกกำลังกาย
(-)จึงส่งผลให้ ออกซิเจน ในเลือดต่ำ... ทำให้เซลที่ดี กลายเป็นมะเร็ง เพิ่มมากขึ้นเสมอ
(-)แล้วทำไมคนเป็นมะเร็ง ควรเลิกกินเนื้อ มากินผัก ...
(-)ทั้งนี้ ก็เพราะกระบวนการย่อยเนื้อสัตว์นั้น ใช้พลังงานสูงกว่ากระบวนการย่อยผัก
(-)การกินเนื้อสัตว์ จึงทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือด มากกว่าการกินผัก
(-)แต่หากเลิกกินเนื้อมากินผัก
(-)แต่ คนป่วยก็ยังมีความเครียด
(-)มะเร็ง ก็จะยิ่งกระจาย ยิ่งกว่า คนกินเนื้อสัตว์ แต่ ไม่เครียดนะครับ ...
(-)สรุปว่า (-)อารมณ์ที่เคร่งเครียด กับ ความวิตกกังวลต่างๆในการใช้ชีวิต ... อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห (-)
(-) ที่เกิดบ่อยๆ นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
(-)บวกกับ ขาดการออกกำลังกาย และดื่มน้ำน้อย ...
(-)นำมาซึ่งการเกิดเซลมะเร็งได้มากที่สุด
(-)สุขภาพที่ดีนั้น มีค่ามากนะครับ
(-)ถ้าท่าน เลิกที่จะมีอารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ไม่เครียดกับเรื่องใดๆ เซลมะเร็งจะหนีหายไปครับ
(-)บอกต่อ คนใกล้ชิดและคนอื่นๆ ให้รับทราบเยอะๆน่ะ ได้บุญหลายจ้า สาธุ สาธุ
อุทาหรณ์..จากแม่ชีศันสนีย์ "เสถียรธรรมสถาน" ถูกมะเร็งคร่าชีวิตไป..
(-)บทความนี้ไขข้อข้องใจได้ดีแท้
(-)มีญาติธรรม ชาวอโศก เสียชีวิตด้วย "โรคมะเร็งตับ" หลายราย ...
(-)เกิดคำถามว่า...ทำไมคนกินพืชผักยังเป็นมะเร็ง ...
(-)มะเร็ง นั้น ใครๆเขาว่า…เกิดแต่กับคนที่กินเนื้อสัตว์ มิใช่หรือ ...คนเป็นมะเร็งจึงให้เลิกกินเนื้อแล้วมากินผัก มิใช่หรือ ?
(-)ก่อนอื่น..เราต้องทำความเข้าใจ…"การเกิดของเซลล์มะเร็ง" ก่อน ...
(-)สิ่งสำคัญ "ที่เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเรา ต้องการมาก และขาดไม่ได้เลย คือ ออกซิเจน"
(-)ถ้าร่างกาย "ได้รับออกซิเจน" เต็มร้อย เซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเองเป็น เซลล์มะเร็ง ...
(-)(-)แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำให้ ร่างกาย เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์ " มาก และ มีออกซิเจนในเลือดต่ำ
(-)เซลล์ในร่างกายของเรา เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ...
(-)(-)เซลล์ จึงเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไดออกไซด์ หายใจแทน และ เปลี่ยนตัวเอง เป็นเซลล์มะเร็ง...
(-)แล้วอะไร ทำให้เกิด "คาร์บอนไดออกไซด์" ในระบบไหลเวียนเลือดเรามากที่สุด ???
(-)มันไม่ใช่อาหารเนื้อสัตว์อย่างเดียว ...
ไม่ใช่อาหารพืชผัก...
ไม่ใช่อาหารปนเปื้อนสารเคมีอย่างเดียว ...
ไม่ใช่อาหารหมักดองอย่างที่เราเข้าใจ ...
(-)แต่สิ่งที่ทำให้ "คาร์บอนไดออกไซด์ " ในเลือดสูงเร็ว และมากที่สุดคือ
(-)ความเครียด ความเร่งรีบ กับการใช้ชีวิต
(-)อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ที่เกิดบ่อยๆ
(-)นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
(-)เพราะอะไร ?
(-)เพราะมันเป็นตัวกระตุ้น
(-)ให้ร่างกาย เกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงาน อย่างสูงและ อย่างมาก ...
(-)ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดสูงตามอย่างเร็ว
(-)โดยเฉพาะสมองเรานั้น กินพลังงานสูงเป็น 5 เท่าของทุกอวัยวะ
(-)คิดง่ายๆว่า ... ถึงแม้เราจะทานอาหารพืชผัก ที่ไร้สารพิษ จะบริสุทธิ์สะอาด สักปานใด
(-)(-)หากเราเครียด ติดต่อกัน 5 วัน เซลของเรา ก็จะกลายเป็น เซลมะเร็งได้ทันที
(-)คนอโศก กินผัก และปฏิบัติธรรม ...
(-)คนที่ยึดมาก ยึดดีมาก แต่ เคร่งเครียดมาก
(-)ไม่เป็นคนที่ปล่อยวาง …ก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งมากเช่นกัน ...
(-)ขอย้ำอีกครั้งว่า
(-) คนที่เคร่งเครียดมาก มีความวิตกกังวลมาก ...
(-)มักจะดื่มน้ำน้อย และ มักขาดการออกกำลังกาย
(-)จึงส่งผลให้ ออกซิเจน ในเลือดต่ำ... ทำให้เซลที่ดี กลายเป็นมะเร็ง เพิ่มมากขึ้นเสมอ
(-)แล้วทำไมคนเป็นมะเร็ง ควรเลิกกินเนื้อ มากินผัก ...
(-)ทั้งนี้ ก็เพราะกระบวนการย่อยเนื้อสัตว์นั้น ใช้พลังงานสูงกว่ากระบวนการย่อยผัก
(-)การกินเนื้อสัตว์ จึงทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือด มากกว่าการกินผัก
(-)แต่หากเลิกกินเนื้อมากินผัก
(-)แต่ คนป่วยก็ยังมีความเครียด
(-)มะเร็ง ก็จะยิ่งกระจาย ยิ่งกว่า คนกินเนื้อสัตว์ แต่ ไม่เครียดนะครับ ...
(-)สรุปว่า (-)อารมณ์ที่เคร่งเครียด กับ ความวิตกกังวลต่างๆในการใช้ชีวิต ... อารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห (-)
(-) ที่เกิดบ่อยๆ นั่นเเหละ เป็นตัวการสำคัญ
(-)บวกกับ ขาดการออกกำลังกาย และดื่มน้ำน้อย ...
(-)นำมาซึ่งการเกิดเซลมะเร็งได้มากที่สุด
(-)สุขภาพที่ดีนั้น มีค่ามากนะครับ
(-)ถ้าท่าน เลิกที่จะมีอารมณ์ขี้หงุดหงิด ขี้บ่น ขี้โมโห ไม่เครียดกับเรื่องใดๆ เซลมะเร็งจะหนีหายไปครับ
(-)บอกต่อ คนใกล้ชิดและคนอื่นๆ ให้รับทราบเยอะๆน่ะ ได้บุญหลายจ้า สาธุ สาธุ