หนี้มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหนี้เงิน หนี้แค้น หรือหนี้กรรม แต่ทุกหนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หนี้เงินเป็นสิ่งที่หนีได้ง่ายที่สุด เพราะสามารถหาเงินมาชดใช้ได้ แต่หนี้กรรมของตัวเองนั้น ไม่ว่าพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีได้เลย

หนี้กรรมคือสิ่งที่ติดตามเราอยู่เสมอ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ การกระทำในอดีตที่ผิดพลาดนำมาซึ่งความรู้สึกว่าต้องชดใช้ ความไม่สบายใจ ความกังวล และสุดท้ายอาจนำไปสู่ความรู้สึกสิ้นหวัง จนบางคนเลือกทางที่ผิดที่สุด นั่นคือการจบชีวิตเพื่อหลีกหนีความทุกข์

หนี้ในใจของคนส่วนใหญ่คือหนี้เงิน ที่ทำให้เกิดความกังวล หนี้บุญคุณเป็นสิ่งรองลงมา แต่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ระลึกถึงหนี้กรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตามเรามาอย่างไม่รู้ตัว และมีเพียงคนส่วนน้อยที่สุด ที่จะตระหนักถึงหนี้ที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือหนี้แห่งความไม่รู้ หรืออวิชชา

หนี้อวิชชาคือการที่เราไม่สามารถเห็นความจริงของกายและจิตใจ ว่าแท้จริงแล้วทุกสิ่งไม่เที่ยง และเป็นเพียงเหยื่อล่อให้เรายึดติด เมื่อเรายึดติดกับสิ่งเหล่านั้น เราก็ต้องทนทุกข์อยู่ร่ำไป

วิธีปลดหนี้แต่ละอย่างต่างกันไป หนี้เงินต้องหาเงินมาใช้ หนี้บาปต้องใช้การให้ทาน การให้อภัย และการไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่หนี้อวิชชานั้น ต้องใช้การเจริญสติ เห็นความจริงว่ากายและใจไม่เคยเที่ยง ไม่มีตัวตนที่แท้จริงตั้งแต่ต้น และจะไม่มีตัวตนอยู่หลังจากกายใจนี้ดับไป

การตระหนักรู้ในความจริงเหล่านี้คือก้าวแรกสู่การปลดหนี้อวิชชา และเป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริง
หนี้มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหนี้เงิน หนี้แค้น หรือหนี้กรรม แต่ทุกหนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หนี้เงินเป็นสิ่งที่หนีได้ง่ายที่สุด เพราะสามารถหาเงินมาชดใช้ได้ แต่หนี้กรรมของตัวเองนั้น ไม่ว่าพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีได้เลย หนี้กรรมคือสิ่งที่ติดตามเราอยู่เสมอ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ การกระทำในอดีตที่ผิดพลาดนำมาซึ่งความรู้สึกว่าต้องชดใช้ ความไม่สบายใจ ความกังวล และสุดท้ายอาจนำไปสู่ความรู้สึกสิ้นหวัง จนบางคนเลือกทางที่ผิดที่สุด นั่นคือการจบชีวิตเพื่อหลีกหนีความทุกข์ หนี้ในใจของคนส่วนใหญ่คือหนี้เงิน ที่ทำให้เกิดความกังวล หนี้บุญคุณเป็นสิ่งรองลงมา แต่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ระลึกถึงหนี้กรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตามเรามาอย่างไม่รู้ตัว และมีเพียงคนส่วนน้อยที่สุด ที่จะตระหนักถึงหนี้ที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือหนี้แห่งความไม่รู้ หรืออวิชชา หนี้อวิชชาคือการที่เราไม่สามารถเห็นความจริงของกายและจิตใจ ว่าแท้จริงแล้วทุกสิ่งไม่เที่ยง และเป็นเพียงเหยื่อล่อให้เรายึดติด เมื่อเรายึดติดกับสิ่งเหล่านั้น เราก็ต้องทนทุกข์อยู่ร่ำไป วิธีปลดหนี้แต่ละอย่างต่างกันไป หนี้เงินต้องหาเงินมาใช้ หนี้บาปต้องใช้การให้ทาน การให้อภัย และการไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่หนี้อวิชชานั้น ต้องใช้การเจริญสติ เห็นความจริงว่ากายและใจไม่เคยเที่ยง ไม่มีตัวตนที่แท้จริงตั้งแต่ต้น และจะไม่มีตัวตนอยู่หลังจากกายใจนี้ดับไป การตระหนักรู้ในความจริงเหล่านี้คือก้าวแรกสู่การปลดหนี้อวิชชา และเป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริง
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว