“สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ” เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ปี 2025” หรือ National Security Strategy (NSS) 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้กำหนดทิศทางประเทศทั้งด้านทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และเทคโนโลยี
รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ:
จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง
รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป
อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก:
สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย
.
ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน
ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้
แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด
จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน
.
https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ:
จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง
รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป
อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก:
สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย
.
ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน
ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้
แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด
จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน
.
https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
“สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ” เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ปี 2025” หรือ National Security Strategy (NSS) 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้กำหนดทิศทางประเทศทั้งด้านทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และเทคโนโลยี
รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ:
👉จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง
👉รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป
👉อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก:
👉สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย
.
ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน
ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้
แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด
จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน
.
https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
0 Comments
0 Shares
20 Views
0 Reviews