พูดถึงเรื่องดราม่าสกู๊ปข่าวการจ่ายเงินผ่าน QR code ในอาเซียนของสื่อ Nikkei Asia แล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แสดงให้เห็นความจำเป็นที่ไทยเราต้องมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเองครับ

ลองนึกภาพตามนะครับ Nikkei Asia เสนอข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับประเทศไทย ว่าประเทศไทยคนใช้จ่ายผ่าน QR code น้อยมาก รั้งท้ายอาเซียนตามหลังแม้กระทั่งกัมพูชา จากนั้นสื่อ นักวิชาการและอินฟลูเอนเซอร์ของไทยก็ออกมาช่วยกันชี้แจง แก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด แต่แทนที่สื่อ Nikkei Asia จะแก้ไขข้อมูล กลับตัดประเทศไทยออกจากการจัดอันดับอาเซียนเสียดื้อๆ

ประเด็นคือจากที่สื่อ นักวิชาการ อินฟลูเอนเซอร์ของไทยออกมาช่วยกันชี้แจง คนไทยส่วนใหญ่น่าจะรู้ความจริงแล้วว่าประเทศไทยเราจริงๆ เป็นผู้นำด้านการใช้จ่ายผ่าน QR code ติดระดับโลก ไม่ได้รั้งท้ายอาเซียนแต่อย่างใด แต่ชาวต่างชาติอื่นๆ ที่เขาอ่านข่าวจากสื่อ Nikkei Asia จะรู้ความจริงนี้ไหม ? ในเมื่อ Nikkei Asia ไม่ยอมแก้ไขข้อมูล แต่ตัดเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศไทยไปเฉยๆ เลย ส่วนที่คนไทยช่วยกันชี้แจงนี่ก็มีแต่ข้อมูลภาษาไทย อยู่ในสื่อหรือเพจโซเชียลที่คนไทยเป็นกลุ่มผู้ติดตามหลัก

ผมคิดว่านี่เป็นปัญหาสำคัญ หลายครั้งที่มีข่าวผิดๆ เกี่ยวกับประเทศไทย เสนอภาพบ้านเราไปในทางลบ แต่เมื่อคนไทยมาช่วยกันเสนอความจริง กลับมีแต่ข้อมูลภาษาไทย รู้กันอยู่แค่ในประเทศไทยนี่แหละ ส่วนชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ ที่ได้รับข้อมูลผิดๆ ไป กลับไม่รู้ความจริงที่คนไทยช่วยกันชี้แจงด้วย ถ้าโชคดีมีสื่อหรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติช่วยชี้แจงบ้างก็ดีไป แต่ผมว่าเราไม่ควรหวังพึ่งชาวต่างชาติช่วยชี้แจงแทนเราเสมอไป

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีที่แสดงให้เห็นว่าไทยเราควรมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเอง ทำนองเดียวกับสื่อ Al Jazeera ของกาตาร์ RT ของรัสเซีย เป็นต้น เสนอข่าวเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย เป็นต้น เพื่อเป็นปากเสียงให้ประเทศไทยในระดับนานาชาติครับ

สวัสดี


การทูตและการทหาร
Military and Diplomacy

22.09.2024


พูดถึงเรื่องดราม่าสกู๊ปข่าวการจ่ายเงินผ่าน QR code ในอาเซียนของสื่อ Nikkei Asia แล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แสดงให้เห็นความจำเป็นที่ไทยเราต้องมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเองครับ ลองนึกภาพตามนะครับ Nikkei Asia เสนอข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับประเทศไทย ว่าประเทศไทยคนใช้จ่ายผ่าน QR code น้อยมาก รั้งท้ายอาเซียนตามหลังแม้กระทั่งกัมพูชา จากนั้นสื่อ นักวิชาการและอินฟลูเอนเซอร์ของไทยก็ออกมาช่วยกันชี้แจง แก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด แต่แทนที่สื่อ Nikkei Asia จะแก้ไขข้อมูล กลับตัดประเทศไทยออกจากการจัดอันดับอาเซียนเสียดื้อๆ ประเด็นคือจากที่สื่อ นักวิชาการ อินฟลูเอนเซอร์ของไทยออกมาช่วยกันชี้แจง คนไทยส่วนใหญ่น่าจะรู้ความจริงแล้วว่าประเทศไทยเราจริงๆ เป็นผู้นำด้านการใช้จ่ายผ่าน QR code ติดระดับโลก ไม่ได้รั้งท้ายอาเซียนแต่อย่างใด แต่ชาวต่างชาติอื่นๆ ที่เขาอ่านข่าวจากสื่อ Nikkei Asia จะรู้ความจริงนี้ไหม ? ในเมื่อ Nikkei Asia ไม่ยอมแก้ไขข้อมูล แต่ตัดเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศไทยไปเฉยๆ เลย ส่วนที่คนไทยช่วยกันชี้แจงนี่ก็มีแต่ข้อมูลภาษาไทย อยู่ในสื่อหรือเพจโซเชียลที่คนไทยเป็นกลุ่มผู้ติดตามหลัก ผมคิดว่านี่เป็นปัญหาสำคัญ หลายครั้งที่มีข่าวผิดๆ เกี่ยวกับประเทศไทย เสนอภาพบ้านเราไปในทางลบ แต่เมื่อคนไทยมาช่วยกันเสนอความจริง กลับมีแต่ข้อมูลภาษาไทย รู้กันอยู่แค่ในประเทศไทยนี่แหละ ส่วนชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ ที่ได้รับข้อมูลผิดๆ ไป กลับไม่รู้ความจริงที่คนไทยช่วยกันชี้แจงด้วย ถ้าโชคดีมีสื่อหรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติช่วยชี้แจงบ้างก็ดีไป แต่ผมว่าเราไม่ควรหวังพึ่งชาวต่างชาติช่วยชี้แจงแทนเราเสมอไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีที่แสดงให้เห็นว่าไทยเราควรมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเอง ทำนองเดียวกับสื่อ Al Jazeera ของกาตาร์ RT ของรัสเซีย เป็นต้น เสนอข่าวเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย เป็นต้น เพื่อเป็นปากเสียงให้ประเทศไทยในระดับนานาชาติครับ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 22.09.2024
1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว