㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน
📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!”
.
เริ่ม!!!
-------------
.
📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง
ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ
รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง
ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ
นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง
เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง
ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด
เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก
ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด
“ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ
นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว
นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น
หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก
หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน
เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง”
หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง
แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ
เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง
ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง
เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา
เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่
หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่
แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่
หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง
“ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ
แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน”
เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ
แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้
นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป
ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้
ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ”
ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง
ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด
เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น
คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ
ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต
หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า”
ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก
เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง
ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที
นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง
กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน
สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน
สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ”
หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย”
สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ
พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ”
หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง
เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่
พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่
เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว
เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง
ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่
นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง
ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก
หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า”
คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง
ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง
ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน
แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา
แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่
หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา”
หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน
แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี
ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง …
เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า
หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น
ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน
“เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม
น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน
แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก
หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม
ร้อน!
ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว
แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้
นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน
หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่
“อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน
ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด
เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง
เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน
หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง
จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย”
ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ
ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล
นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย
หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้
สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา
เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว
นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ
หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ
เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม
หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า
ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา
หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง
ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น
เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้
หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง
ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก
สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน
เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า
ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว”
หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว
เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป
พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น
ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ!
คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา
คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย
ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร
❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ
❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555
.
📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!”
.
เริ่ม!!!
-------------
.
📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง
ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ
รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง
ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ
นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง
เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง
ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด
เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก
ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด
“ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ
นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว
นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น
หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก
หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน
เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง”
หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง
แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ
เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง
ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง
เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา
เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่
หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่
แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่
หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง
“ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ
แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน”
เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ
แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้
นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป
ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้
ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ”
ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง
ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด
เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น
คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ
ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต
หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า”
ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก
เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง
ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที
นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง
กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน
สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน
สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ”
หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย”
สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ
พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ”
หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง
เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่
พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่
เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว
เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง
ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่
นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง
ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก
หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า”
คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง
ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง
ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน
แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา
แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่
หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา”
หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน
แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี
ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง …
เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า
หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น
ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน
“เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม
น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน
แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก
หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม
ร้อน!
ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว
แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้
นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน
หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่
“อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน
ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด
เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง
เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน
หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง
จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย”
ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ
ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล
นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย
หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้
สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา
เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว
นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ
หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ
เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม
หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า
ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา
หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง
ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น
เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้
หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง
ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก
สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน
เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า
ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว”
หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว
เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป
พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น
ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ!
คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา
คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย
ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร
❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ
❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555
.
㊗️🏮มาแล้ว จากโป๊ยเซียน
📌“จงอ่านเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าเป็นงานของนักเขียนจีนท่านไหนของห้องสมุด!”
.
เริ่ม!!!
-------------
.
📌 อากาศเดือนแปดร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน มีแต่ตอนกลางคืนเท่านั้นถึงจะเย็นสบายขึ้นบ้าง
ช่วงเวลาที่เงียบสงัด จวนสกุลเฟ่ยคล้ายกับมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุม รอบจวนเงียบสงัดเสียจนรู้สึกถึงความผิดปกติ
รอบเรือนใหญ่กลับมีแสงไฟสว่างจ้า ระเบียงทางเดินนอกห้องยังมีคนรับใช้ยืนก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่เป็นแถวยาว ทุกคนยืนอย่างสงบนิ่ง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง
ความเงียบเชียบของค่ำคืนนี้ดูคล้ายกับปกติ แต่ก็เหมือนจะไม่ปกติ
นอกห้องสงบเงียบ แต่ในห้องกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ห้องด้านในมืดสลัว มีสิ่งของตกเกลื่อนบนพื้นห้อง
เครื่องกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ยังมีเชิงเทียน ยังมีม้านั่งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
เสียงครางของสตรีผสานไปกับเสียงหายใจหนักหน่วงของบุรุษ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายราคะอบอวลไปทั่วห้อง
ร่างของหลี่อันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับชุบตัวอยู่บ่อน้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าคุกเข่าโน้มตัวไปด้านหน้าอยู่บนเตียง เสียงหายใจคล้ายติดขัด
เอวเล็กขาวของเนางถูกรวบอยู่ในฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก ร่างกายท่อนล่างถูกรุกรานด้วยท่อนเนื้อขนาดใหญ่จนตัวของนางโน้มตัวไปด้านหน้าเป็นจังหวะ ทรวงอกที่เต็มอิ่มไหวไปตามแรงจนเห็นเป็นเนื้อเคลื่อนไหวเป็นระลอก
ชายหนุ่มเร่งความเร็วไปตามอารมณ์โดยมิได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใด
“ช้า ช้าหน่อย ใต้ ใต้เท้า...” เสียงของหลี่อันขาดเป็นห้วง ๆ
นี่เป็นการสูญเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก นางยังรับมือไม่ทันอีกทั้งเขายังไม่ให้โอกาสนางได้ปรับตัวก็ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว
นางบิดตัวด้วยความรู้สึกอึดอัด หวังจะลดความคับแน่นที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม ยิ่งทำให้ชายที่อยู่ด้านหลังเร่งความเร็วในการเคลื่อนตัวอยู่ร่างของนางมากขึ้น
หลี่อันเปล่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่ม เนื้อหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะรวบได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวทะลักไหลออกมาตามง่ามนิ้ว ยอดอกที่ชูชันสัมผัสถูกฝ่ามือหยาบกระด้าง ความเจ็บปวดระคนความเสียวซ่านเหมือนเปลวไฟและน้ำแข็งที่เกิดขึ้นพร้อมกันทำให้ตัวนางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมจนทำให้อาวุธที่อยู่ในร่างของนางเคลื่อนตัวได้ลำบาก
หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลลงมาข้างแก้ม ตกมาถึงสะโพกของหลี่อัน
เสียงทุ้มห้าวดังคล้ายเสียงเตือน “อย่าเกร็ง”
หลี่อันหันกลับไปมอง ดวงตาเรียวยาวที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลายามนี้หรี่แคบ ปลายคางและต้นคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
สายตาของหลี่อันเลื่อนลงมาด้านล่าง เหงื่อจากต้นคอไหลลงมาเรื่อย ๆ จนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นเป็นลอนชัดเจน รวมเข้ากับเหงื่อที่อยู่บริเวณนั้นแล้วไหลลงไปรวมกันด้านล่าง
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความงดงามของเรือนร่าง กระตุ้นให้หว่างขาของนางชุ่มฉ่ำ หล่อลื่นให้ชายหนุ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้ง
แรงกระแทกทำให้ร่างของหลี่อันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าราวกับปลาที่คิดจะกระโดดขึ้นจากน้ำ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
ความร้อนระอุที่เกิดขึ้นร้อนจนนางทนไม่ไหว มีน้ำตาเอ่ออยู่ขอบตา มือซ้ายจับผ้าม่านข้างเตียงเอาไว้ แรงดึงทำให้ผ้าม่านขาดติดมือ
เสียงผ้าขาดถูกกลบด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
ทั้งร้อนแรงทั้งรุนแรง
ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทีละน้อย อารมณ์เริ่มดำดิ่งไปกับจังหวะการรุกเข้ารุกออกของคนที่อยู่ด้านหลัง
เสียงร้องด้วยความสุขสมยามถึงจุดสุดยอดดังออกจากปากหลี่อัน ก่อนร่างของนางจะอ่อนระทวยฟุบลงอยู่บนผ้าห่ม หน้าอกนุ่มนิ่มถูกทับจนแทบจะเปลี่ยนรูป
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งเร็วทั้งแรง จนกระทั่งถึงจุดที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมา
เสียงหายใจแรงของคนทั้งสองดังประสานกัน ส่วนที่ยังประสานกันอยู่ก็ยังคงสอดประสานกันอยู่
หลี่อันรู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนเริ่มรู้สึกตัว นางดีใจที่ยุติเสียที ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคิดว่าตัวเองคงถูกหามออกไปเป็นแน่
แต่นางมิได้สังเกตถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ว่าสายตาของเขาจับจ้องยู่ที่สะโพกกลมกลึงที่ยามนี้เป็นสีแดงเข้ม ก่อนเลื่อนสายตามองยังส่วนที่ยังประสานกันอยู่
หลี่อันสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงงสิ่งที่ยังอยู่ในร่างของนางเริ่มพองตัวขึ้นอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวบางถูกมือสองข้างรวบเอาไว้ ก่อนจับตัวนางยกสูง บริเวณอ่อนนุ่มที่เพิ่งรับศึกหนักไปเมื่อครู่ ถูกท่อนเนื้อแข็งแรงดันเข้ามาด้านในอีกครั้ง
“ใต้ ใต้เท้า ไม่ ไม่ ข้าน้อย ไม่ไหวแล้ว...” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำ
แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจ ยังคงกระทำไปตามอำเภอใจ เสียงทุ้มห้าวแหบแห้งดังเพียงว่า “ไม่ไหวก็ต้องทน”
เสียงห้าวทุ้มที่ถูกเค้นออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นกระด้าง ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
หลี่อันได้แต่ส่งเสียงสะอื้นไปตามจังหวะการกระแทก นางก่นด่าคนที่อยู่ด้านหลังไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ความจริงนางอยากจะด่าเขาออกเสียงด้วยซ้ำ
แต่เมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังเป็นขุนนางกังฉินที่มีความโหดร้ายอำมหิต เดาความคิดไม่ได้ นางไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้
นางกลัวเพียงว่า ถ้าด่าออกไป เขาจะจับนางหักคอเสียก่อน ดังนั้นนางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองด่าออกไป
ผ่านไปอย่างนี้สองชั่วยามกว่า กว่าพายุจะสงบลงได้
ขณะสะลึมสะลือ ไร้เรี่ยวแรง มีเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอย่างไม่ไยดีว่า “เตรียมน้ำ”
ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมืดสลัว มีสาวใช้ถือตะเกียง ยกน้ำเข้ามาในห้อง
ตะเกียงและถังน้ำถูกวางไว้ดีแล้ว สาวใช้ทั้งหลายถอยออกไปอย่างเงียบกริบ ราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาแต่อย่างใด
เปลวไฟไหวไปมา หลี่อันรับรู้ได้ว่า ชายที่อยู่ด้านหลังลงจากเตียง นางเงยหน้ามองตาม เห็นแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่มีเหงื่อจับอยู่เป็นชั้น
คล้ายกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องทำให้ชายหนุ่มหันหลังกลับ
ใบหน้าของเขาหล่อเหลา หากแววตาเต็มไปด้วยความเย็นกระด้างที่แฝงแววอำมหิต
หลี่อันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขาได้อย่างชัดเจนทำให้นางรีบก้มหน้า หลบตา เปล่งเสียงอ่อน ๆ ขึ้นว่า “ใต้เท้า”
ชายหนุ่มดึงสายตากลับมา เม้มริมฝีปากเดินออกไปด้านนอก
เขาเช็ดตัวอย่างลวก ๆ สวมเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปจากห้อง
ทันทีที่ประตูห้องปิดเข้าหากัน หลี่อันลอบถอนหายใจ ความหวาดหวั่นที่มีอยู่เมื่อครู่หายวับไปทันที
นางนอนอยู่บนเตียงที่ยุ่งเหยิงอย่างเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องอยู่บนเพดานเตียง
กลิ่นความใคร่ยังอบอวลอยู่ในห้องจนทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
หลี่อันแทบไม่มีเรี่ยวแรง เริ่มปวดศีรษะจึงมิได้สนใจกับกลิ่นเหล่านี้ แต่นางรู้สึกอะไรบางอย่างขาดหายไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่นางก็นึกไม่ออก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีสาวใช้เข้ามาสองคน
สาวใช้ทั้งสองเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดหลี่อัน
สาวใช้หยุดยืนอยู่นอกผ้าม่าน เตือนเบา ๆ ว่า “อนุเก้า ควรกลับเรือนฉงอันได้แล้วเจ้าค่ะ”
หลี่อันจับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้แล้วลุกขึ้นนั่งปัดผ้าม่านออกอย่างไร้เรี่ยวแรง มองสาวใช้ทั้งสองก่อนออกคำสั่งเสียงแผ่วว่า “ช่วยประคองข้าหน่อย”
สาวใช้ทั้งสองเข้ามาประคอง เมื่อเห็นจ้ำแดง ๆ ตามเนื้อตัวของหลี่อันแล้วก็หน้าแดงก่ำ
พวกนางไม่กล้ามองให้มากกว่านั้น สาวใช้นางหนึ่งเดินไหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าขาดวิ่นจนใส่ไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาเจ้าค่ะ”
หลี่อันมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งแล้วพลันนึกไปถึงสองชั่วยามก่อนที่นางจะเข้ามาในห้อง
เวลาก่อนยามหนึ่ง หนึ่งเค่อ พ่อบ้านมาหานางที่เรือนฉงอันอย่างรีบร้อน บอกให้นางไปรับใช้ที่เรือนใหญ่
พ่อบ้านให้นางเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งเค่อ เดินนำหน้าพานางไปยังเรือนใหญ่
เมื่อมาถึงก็ให้นางเข้าในห้องที่มืดสลัว
เมื่อเข้ามาในห้อง นางเห็นสภาพเละเทะบนพื้นได้อย่างเลือนราง
ไม่เพียงในห้องจะอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู ในความมืดมิดยังมีความรู้สึกที่อึดอัด ยังมีบรรยากาศที่ร้อนระอุแฝงอยู่
นางเงยหน้ามองสภาพภายในห้องอย่างตั้งใจ จากความมืดมิดเห็นห้องด้านในที่มีม่านทิ้งตัวแบ่งเขตแดนอยู่หลางชั้น เห็นเงาราง ๆ นั่งอยู่ขอบเตียง
ยังมีเสียงหายใจหนักแรงๆ ดังมาจากหลังผ้าม่านพร้อมกับมีกลิ่นอายบางอย่างที่นางบรรยายไม่ภถูก
หลี่อันยืนอยู่หน้าผ้าม่านเนื้อบาง ลังเลไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ใต้เท้า”
คนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจเป็นใครอื่นนอกจาก “สามี” ของนาง
ขุนนางใหญ่ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการสำนักตุลาการทหาร... เสวียนเฟิง
ชายที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านเงยหน้าขึ้นมองหลี่อัน
แม้จะมีผ้าม่านขวางอยู่หลายชั้นแต่หลี่อันรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมา
แม้สายตานั้นจะร้อนแรงแต่บรรยากาศรอบตัวของเขากลับมีแต่ความเย็นยะเยือกราวกับอยู่ท่ามกลางสายหมอกในเหมันตฤดูอีกทั้งยังมีรังสีอำมหิตแฝงอยู่
หลี่อันตัวเกร็งด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มีเสียงทุ้มต่ำดังผ่านผ้าม่าน “เข้ามา”
หลี่อันลังเลไปเล็กน้อยสุดท้ายยังคงปัดผ้าม่านที่ขวางกั้น เข้าไปห้องด้านใน
แม้นางจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ภายในได้เป็นอย่างดี
ห้องภายในและภายนอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภายนอกมีแต่สิ่งของเกลื่อนพื้น แต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อย เพียงแต่มีบรรยากาศอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หลี่อันมิได้สบสายตากับเขา นางหลุบตาเล็กน้อย เห็นแผ่นอกแข็งแรงที่ถูกใต้เสื้อตัวในที่ถูกแหวกออกจนกว้าง …
เขานั่งแยกขาออกจากกัน วางมือสองข้างที่เห็นเส้นเอ็นเด่นชัดอยู่บนหน้าตัก มีสิ่งหนึ่งที่น่าตระหนกชูชันอยู่เบื้องหน้า
หลี่อันลอบกลืนน้ำลาย นางไม่กล้าสอดส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย รีบก้มหน้ามองพื้น
ทว่าชายที่นั่งอยู่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
หลี่อันยืนก้มหน้าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นสองก้าว รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ร่างของตน
“เข้าจวนเมื่อใด” เขาถาม
น้ำเสียงห้าวทุ้มดังกระทบโสตประสาท หลี่อันจำต้องตอบกลับ “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเข้าจวนเมื่อครึ่งปีก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากตอบคำถามไปแล้ว สิ่งที่ตามมาคือความเงียบงัน
แม้จะเป็นเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับยาวนานในความรู้สึก
หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมือของหลี่อันถูกฝ่ามือร้อนระอุดึงเข้ามาอยู่ชิดแผงอกกว้างที่มีเหงื่อออกเต็ม
ร้อน!
ไม่ใช่อุณหภูมิที่คนทั่วไปควรจะมี
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่แต่หลี่อันกลับวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ภายในห้องที่อยู่ในสภาพเละเทะนั้น เห็นได้ว่าเป็นฝีมือของเขาผู้นี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
หลี่อันคาดเดาอย่างคนใจกล้าอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า เขาผู้นี้คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว
แต่คนที่มีความระมัดระวังตัวสูงอย่างเสวียนเฟิงเหตุใดจึงตกหลุมพรางได้
นางยังไม่ทันได้ขบคิดต่อไป เสวียนเฟิงจับข้อมือสองข้างของนางผูกเข้าด้วยกัน
หลี่อันตกใจ คิดจะขัดขืน หากข้อมือของนางถูกจับเอาไว้แน่
“อย่าขยับ!” เสียงตวาดดังขึ้น ฝ่ามือที่แข็งแรงข้างหนึ่งเปลี่ยนตำแหน่งมาจับต้นคอของนางแทน
ความร้อนจากฝ่ามือแข็งแรงทำให้หลี่อันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใด
เมื่อนึกได้ว่า คนอย่างเสวียนเฟิงไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ มีคนลอบสังหารอยู่ตลอดเวลา การกระทำของเขาเช่นนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจนาง
เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน
หลี่อันเลื่อนสายตาจากเสื้อผ้าขาดวิ่นที่สาวใช้ถืออยู่ มาดูข้อมือที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ พลางมองไปยังอ่างน้ำอุ่นที่ยังไม่มีใครใช้ภายในห้อง
จากนั้นออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเช็ดตัวสักหน่อย”
ห้องนี้มิใช่ห้องนอนของใต้เท้าเสวียน สาวใช้ทั้งสองล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หลี่อันปรับลมหายใจอยู่หลายครั้งก่อนลงจากเตียง เดินไปหน้าที่วางอ่างน้ำอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าแห้งที่วางอยู่ข้าง ๆ มาชุบน้ำ บิดหมาด ๆ เช็ดร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตามเนื้อตัวอย่างเบามือ
ขณะที่เช็ดตัวอยู่นั้น ความคิดของหลี่อันล่องลอยไปไกล
นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงครั้งแรก แต่เหตุใดหลังจากผ่านไปแล้ว นางจึงได้มีความเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้
หลี่อันเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาไม่น้อย
หรือเพราะก่อนนี้ที่นางอยู่ในหอฟงเยว่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องหญิงชายมาโดยเฉพาะ จึงทำให้นางมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
หลี่อันมาจากหอฟงเยว่ที่เป็นสถานเริงรมย์ มีแต่ความต่ำต้อย แต่ว่านางจำอะไรไม่ได้
สองเดือนก่อน ในงานวันเกิดของเสวียนเฟิง มีคนร้ายเข้ามาลอบสังหารเขา
เกิดความวุ่นวายภายในงานเลี้ยง สร้างความตื่นกลัวให้กับทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงเสวียนเฟิงที่นั่งดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนนางถูกใครไม่รู้ผลักจนตกบันไดระหว่างที่ชุลมุนจนศีรษะแตกมีเลือดไหลออกมา จากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว
นางไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองสูญเสียความจำ
หลี่อันคอยสังเกตดูเหตุการณ์ต่าง ๆ หลังจากผ่านไปอีกหลายวันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
อดีตฮ่องเต้สวรรคต ได้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตุลาการทหารเสวียนเฟิงเป็นขุนนางผู้สำเร็จราชการ
เสวียนเฟิงที่มีตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการมีความเด็ดขาดอำมหิต กุมอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ ดังนั้นขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักไม่มีใครไม่เกรงกลัวเขา คนที่คิดจะเอาชีวิตของเขาจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
ในขณะเดียวกันคนที่คิดจะประจบเอาใจเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน
คนที่คิดเอาใจเสวียนเฟิงย่อมหนีไม่พ้นการมอบเงินทองของมีค่า ไปจนถึงหญิงงาม
หลี่อันเป็นหญิงงามที่ถูกผู้ช่วยเจ้าเมืองหวายโจวส่งมาให้เสวียนเฟิงเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นภายในจวนสกุลเสวียนมีอนุแปดคนแล้ว หลี่อันเป็นคนที่เก้า
ด้วยอุปนิสัยของเสวียนเฟิง เขาเป็นคนที่มีความระแวง ไม่เข้าใกล้หญิงสาวคนใด อย่าว่าแต่หลี่อัน แม้แต่หญิงงามแปดคนที่อยู่มาก่อนนางก็ยังไม่มีใครได้ร่วมเตียงกับเขามาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือเป็นของมีค่าใด ๆ เสวียนเฟิงไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงได้ส่งหญิงงาม ส่งสิ่งของให้เสวียนเฟิงด้วยความคิดที่ว่า หญิงงามที่ตนเองส่งให้นั้นเป็นที่สนใจของเขา
หลังจากหลี่อันความจำเสื่อมจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมา นางเคยพบเสวียนเฟิงครั้งเดียว ส่วนคืนนี้เป็นครั้งที่สอง
ที่นางถูกเรียกตัวมาพบเขาคืนนี้คงเป็นเพราะสองเดือนก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา ในบรรดาหญิงงามสิบคนที่อยู่ในงานเลี้ยงมีนางเพียงคนเดียวที่หกล้ม ได้รับบาดเจ็บ นางคิดว่าเสวียนเฟิงคงจำนางได้จากเรื่องนั้น
เมื่อเช็ดตัวดีแล้ว สาวใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้
หลี่อันแต่งตัวเรียบร้อยค่อยออกจากห้อง
ยามสาม แล้ว ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร ด้านนอกดูเหมือนจะไร้ผู้คน แต่หลี่อันรับรู้ได้ว่า มิได้มีความเงียบงันเหมือนกับที่เห็นภายนอก
สาวใช้ประคองตัวนางเดินออกมาที่ระเบียงทางเดิน ก่อนลงบันไดหินอย่างเชื่องช้า
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำให้อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น สาวใช้คนหนึ่งนำเสื้อคลุมเนื้อบางคลุมบนตัวหลี่อัน
เมื่อออกจากเรือนใหญ่ สาวใช้ที่ชื่อว่าลวี่หลัวประคองตัวหลี่อัน ส่วนปี้อวี้เดินถือโคมไฟส่องทางอยู่ด้านหน้า
ลวี่หลัวพ่นลมหายใจออกอย่างระมัดระวังก่อนกระซิบว่า “อนุเก้า ตอนที่บ่าวกลับไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ท่าน ได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว”
หลี่อันรับคำเบา ๆ น้ำเสียงของนางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
สาวใช้สองคนนี้ถูกส่งมารับใช้หลี่อันตอนที่นางเข้ามาในจวนไม่นาน ทั้งสองคนนี้คอยรับใช้นางได้ครึ่งปีแล้ว
เดิมทีสาวใช้ทั้งสองมีความตื่นเต้นดีใจที่เจ้านายของตนได้รับใช้ใกล้ชิดใต้เท้าจริง ๆ เป็นคนแรก แต่เมื่อเห็นร่อยรองตามตัวของอนุเก้าแล้ว ความดีใจที่มีมาก่อนหน้านี้ก็หายวับไป
พวกนางลืมไปเสียสนิทว่า ใต้เท้าเป็นคนที่ไร้ความเมตตา ไร้ความเห็นใจผู้อื่น
ยามปกติเขาก็เป็นคนน่ากลัวอยู่แล้ว แล้วเรื่องบนเตียงจะไม่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่หรือ!
คิดไปคิดมา สาวใช้ทั้งสองรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลออยู่ขอบตา
คืนนี้ อนุเก้าคงจะทรมานไม่น้อย
ถ้าเกิดต่อไปใต้เท้ายังเรียกหาอนุเก้าอีก นางจะต้องรับความทรมานไปอีกเท่าไร
❤️ เป็นไฟล์ดิบแปลสด ยังไม่ผ่านพิสูจน์อักษรคำผิดเพียบ
❤️ มีการเปลี่ยนชื่อพระนาง สถานที่ ไม่ให้เดาถูก 555
.
0 Comments
0 Shares
451 Views
0 Reviews