“จากเข้าใจ…สู่เข้าถึง”
บทเรียนสำคัญของผู้เดินทางในทางธรรม
ในเส้นทางแห่งการลดกิเลส ไม่มีใครข้ามจากศูนย์ไปถึงปลายทางได้ภายในวันเดียว
ธรรมะจึงไม่ใช่สิ่งที่จะ “เชื่อไว้ก่อน” แล้วได้ผลทันที
แต่เป็นสิ่งที่ต้อง เรียนรู้-เข้าใจ-เข้าถึง-และกลายเป็นทีละลมหายใจ ทีละขณะจิต อย่างชัดเจน
---
พุทธิปัญญา มี 3 ระดับ
1. ได้ยินรู้เรื่อง – เรียนจากครูบาอาจารย์ ฟังแล้วเข้าหัว
2. เข้าใจอย่างมีเหตุผล – ใช้การคิดพิจารณา เห็นด้วยใจบางๆ
3. เข้าถึงความจริงตรงหน้า – ไม่ใช่แค่คิด แต่จิตเห็นแจ้งเอง
---
“เข้าใจ” – คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
ผู้ที่เพียง “เข้าใจ” ว่าชีวิตไม่มีอะไรเป็นของเรา
รู้ว่าทุกข์มีเหตุ ทุกข์ดับได้
รู้ว่ากายใจไม่เที่ยง ไม่ควรยึด
แม้แค่นี้ ก็ถือว่าเริ่ม “ต่อยกิเลสให้ถลอก” ได้แล้ว
ยามทุกข์ ก็น้อมจิตระลึกว่า
> “มันผ่านมาแล้ว ก็แล้วไป”
“ทุกข์แค่ช่วงกลางวัน กลางคืนก็หลุดได้”
นี่คือการคิดปลอบใจตนด้วยธรรม
แม้ยังไม่พ้น แต่ก็ไม่หลงฟูมฟายอีก
นี่แหละ “การเข้าใจ” ที่ลดพลังของกิเลสลงได้ระดับหนึ่ง
---
“เข้าถึง” – คือจุดที่กิเลสเริ่มแตกจริง
แต่หากวันหนึ่ง เรา
– ให้จิตเป็นทาน
– วางใจไว้ในศีล
– ตั้งจิตอยู่กับความสงบ
– แล้ว “รู้ตามความจริง” อย่างเงียบๆ ไม่คิด ไม่แปล
จิตจะเริ่มเห็นว่า...
> “อารมณ์แย่ๆ เกิดขึ้นตรงลมหายใจไหน”
“ความดี ความสงบ เข้ามาแทนที่ตรงลมหายใจไหน”
“นี่คือตัวรู้ – และสิ่งอื่นล้วนเป็นสิ่งถูกรู้”
เมื่อเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร
เป็นของชั่วคราว ไม่ใช่ของเรา
อุปาทานจะถูกกะเทาะออก
ไม่ใช่เพราะเชื่อครู หรือเพราะใช้เหตุผล
แต่เพราะ “จิตเห็นเอง” อย่างประจักษ์
---
**เมื่อ ‘รู้’ เกิดจากความว่าง
นิพพานจึงอยู่ตรงนั้นเอง**
ทุกครั้งที่เราเข้าถึงความจริงได้ด้วยใจที่สงบ
นั่นคือการลดตัวตน ลดการยึด
และทุกครั้งที่ไม่มีตัวตน
จิตจะแตะนิพพานชั่วขณะ
แม้เพียงวินาทีเดียว ก็มีค่ากว่ารู้โลกทั้งโลก
---
บทสรุปของผู้ปฏิบัติธรรม
> – ฟังธรรม = ใส่เชื้อดี
– คิดธรรม = ประคบใจให้อบอุ่น
– เห็นธรรม = เผากิเลสตรงหน้าได้จริง
เมื่อปัญญาเดินทางจาก “เข้าใจ” สู่ “เข้าถึง”
จะไม่ใช่แค่หัวที่เบา
แต่คือ ใจที่เป็นอิสระจริงๆ
จากสิ่งที่เคยครอบงำ…มาทั้งชีวิต
บทเรียนสำคัญของผู้เดินทางในทางธรรม
ในเส้นทางแห่งการลดกิเลส ไม่มีใครข้ามจากศูนย์ไปถึงปลายทางได้ภายในวันเดียว
ธรรมะจึงไม่ใช่สิ่งที่จะ “เชื่อไว้ก่อน” แล้วได้ผลทันที
แต่เป็นสิ่งที่ต้อง เรียนรู้-เข้าใจ-เข้าถึง-และกลายเป็นทีละลมหายใจ ทีละขณะจิต อย่างชัดเจน
---
พุทธิปัญญา มี 3 ระดับ
1. ได้ยินรู้เรื่อง – เรียนจากครูบาอาจารย์ ฟังแล้วเข้าหัว
2. เข้าใจอย่างมีเหตุผล – ใช้การคิดพิจารณา เห็นด้วยใจบางๆ
3. เข้าถึงความจริงตรงหน้า – ไม่ใช่แค่คิด แต่จิตเห็นแจ้งเอง
---
“เข้าใจ” – คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
ผู้ที่เพียง “เข้าใจ” ว่าชีวิตไม่มีอะไรเป็นของเรา
รู้ว่าทุกข์มีเหตุ ทุกข์ดับได้
รู้ว่ากายใจไม่เที่ยง ไม่ควรยึด
แม้แค่นี้ ก็ถือว่าเริ่ม “ต่อยกิเลสให้ถลอก” ได้แล้ว
ยามทุกข์ ก็น้อมจิตระลึกว่า
> “มันผ่านมาแล้ว ก็แล้วไป”
“ทุกข์แค่ช่วงกลางวัน กลางคืนก็หลุดได้”
นี่คือการคิดปลอบใจตนด้วยธรรม
แม้ยังไม่พ้น แต่ก็ไม่หลงฟูมฟายอีก
นี่แหละ “การเข้าใจ” ที่ลดพลังของกิเลสลงได้ระดับหนึ่ง
---
“เข้าถึง” – คือจุดที่กิเลสเริ่มแตกจริง
แต่หากวันหนึ่ง เรา
– ให้จิตเป็นทาน
– วางใจไว้ในศีล
– ตั้งจิตอยู่กับความสงบ
– แล้ว “รู้ตามความจริง” อย่างเงียบๆ ไม่คิด ไม่แปล
จิตจะเริ่มเห็นว่า...
> “อารมณ์แย่ๆ เกิดขึ้นตรงลมหายใจไหน”
“ความดี ความสงบ เข้ามาแทนที่ตรงลมหายใจไหน”
“นี่คือตัวรู้ – และสิ่งอื่นล้วนเป็นสิ่งถูกรู้”
เมื่อเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร
เป็นของชั่วคราว ไม่ใช่ของเรา
อุปาทานจะถูกกะเทาะออก
ไม่ใช่เพราะเชื่อครู หรือเพราะใช้เหตุผล
แต่เพราะ “จิตเห็นเอง” อย่างประจักษ์
---
**เมื่อ ‘รู้’ เกิดจากความว่าง
นิพพานจึงอยู่ตรงนั้นเอง**
ทุกครั้งที่เราเข้าถึงความจริงได้ด้วยใจที่สงบ
นั่นคือการลดตัวตน ลดการยึด
และทุกครั้งที่ไม่มีตัวตน
จิตจะแตะนิพพานชั่วขณะ
แม้เพียงวินาทีเดียว ก็มีค่ากว่ารู้โลกทั้งโลก
---
บทสรุปของผู้ปฏิบัติธรรม
> – ฟังธรรม = ใส่เชื้อดี
– คิดธรรม = ประคบใจให้อบอุ่น
– เห็นธรรม = เผากิเลสตรงหน้าได้จริง
เมื่อปัญญาเดินทางจาก “เข้าใจ” สู่ “เข้าถึง”
จะไม่ใช่แค่หัวที่เบา
แต่คือ ใจที่เป็นอิสระจริงๆ
จากสิ่งที่เคยครอบงำ…มาทั้งชีวิต
“จากเข้าใจ…สู่เข้าถึง”
บทเรียนสำคัญของผู้เดินทางในทางธรรม
ในเส้นทางแห่งการลดกิเลส ไม่มีใครข้ามจากศูนย์ไปถึงปลายทางได้ภายในวันเดียว
ธรรมะจึงไม่ใช่สิ่งที่จะ “เชื่อไว้ก่อน” แล้วได้ผลทันที
แต่เป็นสิ่งที่ต้อง เรียนรู้-เข้าใจ-เข้าถึง-และกลายเป็นทีละลมหายใจ ทีละขณะจิต อย่างชัดเจน
---
พุทธิปัญญา มี 3 ระดับ
1. ได้ยินรู้เรื่อง – เรียนจากครูบาอาจารย์ ฟังแล้วเข้าหัว
2. เข้าใจอย่างมีเหตุผล – ใช้การคิดพิจารณา เห็นด้วยใจบางๆ
3. เข้าถึงความจริงตรงหน้า – ไม่ใช่แค่คิด แต่จิตเห็นแจ้งเอง
---
“เข้าใจ” – คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
ผู้ที่เพียง “เข้าใจ” ว่าชีวิตไม่มีอะไรเป็นของเรา
รู้ว่าทุกข์มีเหตุ ทุกข์ดับได้
รู้ว่ากายใจไม่เที่ยง ไม่ควรยึด
แม้แค่นี้ ก็ถือว่าเริ่ม “ต่อยกิเลสให้ถลอก” ได้แล้ว
ยามทุกข์ ก็น้อมจิตระลึกว่า
> “มันผ่านมาแล้ว ก็แล้วไป”
“ทุกข์แค่ช่วงกลางวัน กลางคืนก็หลุดได้”
นี่คือการคิดปลอบใจตนด้วยธรรม
แม้ยังไม่พ้น แต่ก็ไม่หลงฟูมฟายอีก
นี่แหละ “การเข้าใจ” ที่ลดพลังของกิเลสลงได้ระดับหนึ่ง
---
“เข้าถึง” – คือจุดที่กิเลสเริ่มแตกจริง
แต่หากวันหนึ่ง เรา
– ให้จิตเป็นทาน
– วางใจไว้ในศีล
– ตั้งจิตอยู่กับความสงบ
– แล้ว “รู้ตามความจริง” อย่างเงียบๆ ไม่คิด ไม่แปล
จิตจะเริ่มเห็นว่า...
> “อารมณ์แย่ๆ เกิดขึ้นตรงลมหายใจไหน”
“ความดี ความสงบ เข้ามาแทนที่ตรงลมหายใจไหน”
“นี่คือตัวรู้ – และสิ่งอื่นล้วนเป็นสิ่งถูกรู้”
เมื่อเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร
เป็นของชั่วคราว ไม่ใช่ของเรา
อุปาทานจะถูกกะเทาะออก
ไม่ใช่เพราะเชื่อครู หรือเพราะใช้เหตุผล
แต่เพราะ “จิตเห็นเอง” อย่างประจักษ์
---
**เมื่อ ‘รู้’ เกิดจากความว่าง
นิพพานจึงอยู่ตรงนั้นเอง**
ทุกครั้งที่เราเข้าถึงความจริงได้ด้วยใจที่สงบ
นั่นคือการลดตัวตน ลดการยึด
และทุกครั้งที่ไม่มีตัวตน
จิตจะแตะนิพพานชั่วขณะ
แม้เพียงวินาทีเดียว ก็มีค่ากว่ารู้โลกทั้งโลก
---
บทสรุปของผู้ปฏิบัติธรรม
> – ฟังธรรม = ใส่เชื้อดี
– คิดธรรม = ประคบใจให้อบอุ่น
– เห็นธรรม = เผากิเลสตรงหน้าได้จริง
เมื่อปัญญาเดินทางจาก “เข้าใจ” สู่ “เข้าถึง”
จะไม่ใช่แค่หัวที่เบา
แต่คือ ใจที่เป็นอิสระจริงๆ
จากสิ่งที่เคยครอบงำ…มาทั้งชีวิต
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
61 มุมมอง
0 รีวิว