สงครามที่อยู่บนผลประโยชน์
สหรัฐและยุโรปภายใต้การนำของไบเดน ยุยงให้ยูเครนที่นำโดยเซเลนสกีเข้านาโต้ เพื่อยั่วยุรัสเซียก่อสงคราม เป้าหมายคือการฉุดรั้งระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทหารของรัสเซียที่รุดหน้าอย่างรวดเร็วเกินไป
แต่กลายเป็นว่า ทั้งสหรัฐและยุโรปต่างก็ติดหล่มสงครามจนถอนตัวไม่ขึ้น เศรษฐกิจเสียหาย ต้องส่งทั้งเงินและอาวุธเพื่อช่วยเหลือยูเครนตลอด ซึ่งเกิดจากความประมาท คิดว่ารัสเซียอ่อนแอ
มาถึงยุคของทรัมป์ก้าวขึ้นสู่อำนาจ มองเห็นแล้วว่าขืนสหรัฐดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไป ฝ่ายที่พังคือสหรัฐเอง ทรัมป์เลยต้องการเจรจาสงบศึก ซึ่งคุยกับปูตินไปบ้างแล้ว ทางนั้นตอบรับพร้อมเจรจา ขณะเดียวกันทรัมป์เองก็ต้องการทวงเงินที่ช่วยเหลือยูเครนคืน ซึ่งทรัมป์ตีตัวเลขกลมๆที่ 350,000 ล้านดอลลาร์ โดยผ่านการแบ่งผลประโยชน์แร่หายาก 50\50 กับยูเครน
"เหตุการณ์โต้เถียงในทำเนียบขาว อาจจะเป็นแผนของเซเลนสกีที่ไม่อยากลงนามข้อตกลงแร่หายากกับสหรัฐก็อาจเป็นได้"
เนื่องจากที่ผ่านมาเซเลนสกี้ไม่มีท่าทียอมเงื่อนไขของตนเองที่ยื่นให้ทรัมป์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สหรัฐยอมรับไม่ได้ นั่นคือรับประกันความปลอดภัยให้ยูเครน และเปิดทางให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ จากแหล่งข่าว สาเหตุที่เซเลนสกีเรียกร้องมากมายขนาดนี้ เนื่องจากเขาแอบยกแร่ธาตุของยูเครนไปให้อังกฤษแล้ว ตั้งแต่ที่สตาร์มเมอร์เดินทางมายูเครน ก่อนจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เพียง 4 วัน
การมาครั้งนั้นของนายกอังกฤษเป็นการเซ็นต์สัญญาพันธมิตร 100 ปี ซึ่งรวมถึงทรัพยากรแร่ธาตุที่อยู่ในข้อตกลงด้วย อังกฤษก็ต้องการถอนทุนคืนเหมือนกัน หลังช่วยยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านปอนด์จากการมีส่วนยุยงเซเลนสกีเข้าสู่สงครามกับรัสเซีย
ทางด้านฝรั่งเศส ก็อยากจะถอนทุน เลยประกาศพร้อมส่งทหาร 30,000 นายร่วมกันกับอังกฤษไปยังยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อรับรองความมั่นคงให้ยูเครนหลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครนกับรัสเซียสำเร็จลุล่วง
ขณะที่สตาร์มเมอร์เยือนสหรัฐเมื่อวันก่อน เขายืนยันพร้อมส่งกองกำลังทั้งทางบกและอากาศเข้าสู่ยูเครน ความจริงแล้วทหารอังกฤษกับทหารฝรั่งเศสแค่จะไปดูแลรักษาผลประโยชน์แหล่งแร่ธาตุของพวกเขาต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ยูเครนเบี้ยวหนี้
เมื่อปี 2024 สว.ลินด์เซย์ แกรม จากพรรครีพับรีกัน เคยกล่าวว่า การที่สหรัฐช่วยยูเครนรบเพราะก็อยากได้ทรัพยาการธรรมชาติของยูเครนมูลค่า 12-13 ล้านล้านดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งควรตกเป็นสมบัติของอเมริกา ไม่ใช่ให้มีแค่รัสเซียหรือจีนเท่านั้นที่ควรได้มันไป
หรือแม้แต่รัสเซียเองก็ตามที คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆแล้วมีผลประโยชน์เกี่ยวกับแร่หายากเข้ารมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
สหรัฐและยุโรปภายใต้การนำของไบเดน ยุยงให้ยูเครนที่นำโดยเซเลนสกีเข้านาโต้ เพื่อยั่วยุรัสเซียก่อสงคราม เป้าหมายคือการฉุดรั้งระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทหารของรัสเซียที่รุดหน้าอย่างรวดเร็วเกินไป
แต่กลายเป็นว่า ทั้งสหรัฐและยุโรปต่างก็ติดหล่มสงครามจนถอนตัวไม่ขึ้น เศรษฐกิจเสียหาย ต้องส่งทั้งเงินและอาวุธเพื่อช่วยเหลือยูเครนตลอด ซึ่งเกิดจากความประมาท คิดว่ารัสเซียอ่อนแอ
มาถึงยุคของทรัมป์ก้าวขึ้นสู่อำนาจ มองเห็นแล้วว่าขืนสหรัฐดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไป ฝ่ายที่พังคือสหรัฐเอง ทรัมป์เลยต้องการเจรจาสงบศึก ซึ่งคุยกับปูตินไปบ้างแล้ว ทางนั้นตอบรับพร้อมเจรจา ขณะเดียวกันทรัมป์เองก็ต้องการทวงเงินที่ช่วยเหลือยูเครนคืน ซึ่งทรัมป์ตีตัวเลขกลมๆที่ 350,000 ล้านดอลลาร์ โดยผ่านการแบ่งผลประโยชน์แร่หายาก 50\50 กับยูเครน
"เหตุการณ์โต้เถียงในทำเนียบขาว อาจจะเป็นแผนของเซเลนสกีที่ไม่อยากลงนามข้อตกลงแร่หายากกับสหรัฐก็อาจเป็นได้"
เนื่องจากที่ผ่านมาเซเลนสกี้ไม่มีท่าทียอมเงื่อนไขของตนเองที่ยื่นให้ทรัมป์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สหรัฐยอมรับไม่ได้ นั่นคือรับประกันความปลอดภัยให้ยูเครน และเปิดทางให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ จากแหล่งข่าว สาเหตุที่เซเลนสกีเรียกร้องมากมายขนาดนี้ เนื่องจากเขาแอบยกแร่ธาตุของยูเครนไปให้อังกฤษแล้ว ตั้งแต่ที่สตาร์มเมอร์เดินทางมายูเครน ก่อนจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เพียง 4 วัน
การมาครั้งนั้นของนายกอังกฤษเป็นการเซ็นต์สัญญาพันธมิตร 100 ปี ซึ่งรวมถึงทรัพยากรแร่ธาตุที่อยู่ในข้อตกลงด้วย อังกฤษก็ต้องการถอนทุนคืนเหมือนกัน หลังช่วยยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านปอนด์จากการมีส่วนยุยงเซเลนสกีเข้าสู่สงครามกับรัสเซีย
ทางด้านฝรั่งเศส ก็อยากจะถอนทุน เลยประกาศพร้อมส่งทหาร 30,000 นายร่วมกันกับอังกฤษไปยังยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อรับรองความมั่นคงให้ยูเครนหลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครนกับรัสเซียสำเร็จลุล่วง
ขณะที่สตาร์มเมอร์เยือนสหรัฐเมื่อวันก่อน เขายืนยันพร้อมส่งกองกำลังทั้งทางบกและอากาศเข้าสู่ยูเครน ความจริงแล้วทหารอังกฤษกับทหารฝรั่งเศสแค่จะไปดูแลรักษาผลประโยชน์แหล่งแร่ธาตุของพวกเขาต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ยูเครนเบี้ยวหนี้
เมื่อปี 2024 สว.ลินด์เซย์ แกรม จากพรรครีพับรีกัน เคยกล่าวว่า การที่สหรัฐช่วยยูเครนรบเพราะก็อยากได้ทรัพยาการธรรมชาติของยูเครนมูลค่า 12-13 ล้านล้านดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งควรตกเป็นสมบัติของอเมริกา ไม่ใช่ให้มีแค่รัสเซียหรือจีนเท่านั้นที่ควรได้มันไป
หรือแม้แต่รัสเซียเองก็ตามที คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆแล้วมีผลประโยชน์เกี่ยวกับแร่หายากเข้ารมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
สงครามที่อยู่บนผลประโยชน์
สหรัฐและยุโรปภายใต้การนำของไบเดน ยุยงให้ยูเครนที่นำโดยเซเลนสกีเข้านาโต้ เพื่อยั่วยุรัสเซียก่อสงคราม เป้าหมายคือการฉุดรั้งระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทหารของรัสเซียที่รุดหน้าอย่างรวดเร็วเกินไป
แต่กลายเป็นว่า ทั้งสหรัฐและยุโรปต่างก็ติดหล่มสงครามจนถอนตัวไม่ขึ้น เศรษฐกิจเสียหาย ต้องส่งทั้งเงินและอาวุธเพื่อช่วยเหลือยูเครนตลอด ซึ่งเกิดจากความประมาท คิดว่ารัสเซียอ่อนแอ
มาถึงยุคของทรัมป์ก้าวขึ้นสู่อำนาจ มองเห็นแล้วว่าขืนสหรัฐดำเนินนโยบายแบบนี้ต่อไป ฝ่ายที่พังคือสหรัฐเอง ทรัมป์เลยต้องการเจรจาสงบศึก ซึ่งคุยกับปูตินไปบ้างแล้ว ทางนั้นตอบรับพร้อมเจรจา ขณะเดียวกันทรัมป์เองก็ต้องการทวงเงินที่ช่วยเหลือยูเครนคืน ซึ่งทรัมป์ตีตัวเลขกลมๆที่ 350,000 ล้านดอลลาร์ โดยผ่านการแบ่งผลประโยชน์แร่หายาก 50\50 กับยูเครน
"เหตุการณ์โต้เถียงในทำเนียบขาว อาจจะเป็นแผนของเซเลนสกีที่ไม่อยากลงนามข้อตกลงแร่หายากกับสหรัฐก็อาจเป็นได้"
เนื่องจากที่ผ่านมาเซเลนสกี้ไม่มีท่าทียอมเงื่อนไขของตนเองที่ยื่นให้ทรัมป์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สหรัฐยอมรับไม่ได้ นั่นคือรับประกันความปลอดภัยให้ยูเครน และเปิดทางให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ จากแหล่งข่าว สาเหตุที่เซเลนสกีเรียกร้องมากมายขนาดนี้ เนื่องจากเขาแอบยกแร่ธาตุของยูเครนไปให้อังกฤษแล้ว ตั้งแต่ที่สตาร์มเมอร์เดินทางมายูเครน ก่อนจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เพียง 4 วัน
การมาครั้งนั้นของนายกอังกฤษเป็นการเซ็นต์สัญญาพันธมิตร 100 ปี ซึ่งรวมถึงทรัพยากรแร่ธาตุที่อยู่ในข้อตกลงด้วย อังกฤษก็ต้องการถอนทุนคืนเหมือนกัน หลังช่วยยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านปอนด์จากการมีส่วนยุยงเซเลนสกีเข้าสู่สงครามกับรัสเซีย
ทางด้านฝรั่งเศส ก็อยากจะถอนทุน เลยประกาศพร้อมส่งทหาร 30,000 นายร่วมกันกับอังกฤษไปยังยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อรับรองความมั่นคงให้ยูเครนหลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครนกับรัสเซียสำเร็จลุล่วง
ขณะที่สตาร์มเมอร์เยือนสหรัฐเมื่อวันก่อน เขายืนยันพร้อมส่งกองกำลังทั้งทางบกและอากาศเข้าสู่ยูเครน ความจริงแล้วทหารอังกฤษกับทหารฝรั่งเศสแค่จะไปดูแลรักษาผลประโยชน์แหล่งแร่ธาตุของพวกเขาต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ยูเครนเบี้ยวหนี้
เมื่อปี 2024 สว.ลินด์เซย์ แกรม จากพรรครีพับรีกัน เคยกล่าวว่า การที่สหรัฐช่วยยูเครนรบเพราะก็อยากได้ทรัพยาการธรรมชาติของยูเครนมูลค่า 12-13 ล้านล้านดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งควรตกเป็นสมบัติของอเมริกา ไม่ใช่ให้มีแค่รัสเซียหรือจีนเท่านั้นที่ควรได้มันไป
หรือแม้แต่รัสเซียเองก็ตามที คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆแล้วมีผลประโยชน์เกี่ยวกับแร่หายากเข้ารมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
